ตอนที่ 15 : บทที่ 13 อยู่กับผมเถอะนะ
บทที่ 13 อยู่กับผมเถอะนะ
ฉันไม่รู้ตัวว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แค่ว่าตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะกลิ่นน้ำค้างที่ลอยอยู่ในอากาศ เมื่อไล่มือไปข้างๆ ฉันยังคงนอนอยู่ที่เดิม บนรถของหลุยส์ บนเบาะที่เขาเป็นคนปรับให้ หลังคารถที่ถูกเปิดขึ้นเผยให้เห็นม่านท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากผ้าที่คลุมตัวอยู่ เมื่อหันไปทางขวามือฉันก็เห็นร่างของหลุยส์ซึ่งกำลังนอนหนุนแขนอยู่เช่นกัน ฉันตะแคงตัวเพื่อมองดูแพขนตาของเขาที่ประกบกันสนิท ใบหน้านิ่งเรียบ เขาไม่ได้สวมเสื้อนอนเลยด้วยซ้ำ แถมยังไม่มีผ้าคลุมอีกต่างหาก
“นอนตากน้ำค้างแบบนี้ได้ไงนะ” ฉันลุกขึ้นแล้วใช้ผ้าคลุมตัวให้หลุยส์ ใจจริงฉันอยากจะดูแผลให้เขา แต่ว่าในระแวกนี้ไม่ค่อยจะมีแสงเท่าไหร่ถ้าหากฉันลงมือทำอะไรอาจจะพลาดไปทำให้แผลหลุยส์แย่กว่าเดิมได้ แต่บางที...ฉันน่าจะลองใช้จุมพิตมนตรารักษาให้เขาดูสักครั้ง แค่บางส่วนเท่านั้นนะ แต่คงเสี่ยงโดนพี่ลูคัสกับเซอร์คัสบ่นให้จนหูชาเลย
“หลุยส์คะ” ฉันลองเรียกชื่อเขาดู
เจ้าของชื่อไม่ยอมขยับตัว ฉันจึงไล่นิ้วไปตามหน้าผากของหลุยส์ ปัดลูกผมที่ยาวลงมาปรกหน้าออกให้เขา ก่อนจะเคลื่อนไปตามสันจมูกโด่งๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเขาที่สามารถจูบฉันได้อย่างเร่าร้อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา
“ลิลี่...รักษาบาดแผล” ฉันกระซิบบอกตัวเอง พยายามควบคุมใจตัวเองให้สงบและอุณภูมิที่กำลังเพิ่มบนใบหน้าให้ต่ำลง เมื่อทำได้สำเร็จฉันจึงเปิดผ้าออกอย่างช้าๆ แล้วเริ่มจูบตั้งแต่หัวไหล่เขาแล้วไล่ลงมาจนเกือบจะถึงซี่โครง ตัวก็กลับหมดแรงไปเสียดื้อๆ จนต้องผละตัวออกมานอนหงายท้องอยู่บนเบาะตามเคย
ทำไม...ฉันรู้สึกเหมือนพลังทั้งหมดที่มีอยู่หายไปหมดเลย มันทำให้ฉันรู้สึกเหนื่อยมากด้วย เหตุผลนี้รึเปล่าพี่ชายถึงห้ามฉัน เป็นแบบนี้เองใช่ไหม บาดแผลจากคมดาบเจ้าชายแวมไพร์จะดูดพลังของเราไปสินะ
“แฮ่ก แฮ่ก” ฉันหายใจอย่างรุนแรงและเหนื่อยหอบ เม็ดเหงื่อผุดมาตามหน้าและรู้สึกร้อนไปทั้งตัวจนอยู่ไม่สุข ฉันปีนข้ามกรอบประตูลงจากรถมา จึงได้เห็นเครื่องเล่นม้าหมุนขนาดใหญ่พอสมควรตั้งอยู่เบื้องหน้า มันถูกห้อมล้อมไปด้วยสวนดอกไม้ และขณะที่ฉันกำลังจะเดินตรงเข้าไปหามัน สายตาฉันก็เหลือบไปเห็นเงาสะท้อนของแสงจันที่อยู่ห่างออกไป
ทะเลสาบ...หรืออาจจะเป็นบ่อน้ำ...อะไรก็ตามที่อาจจะทำให้ฉันรู้สึกสบายตัวขึ้นบ้าง ฉันรีบเดินตรงไปที่นั่นทันที ยืนมองดูเงาพระจันทร์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้อและกระโปรงออกเดินลงไปในน้ำนั่น รู้สึกได้ถึงไอความเย็นที่แล่นสู่ผิวหนังไปจนถึงหัวใจ ความร้อนที่เคยเกิดขึ้นภายในหายไปบ้างแล้ว ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะมุดหัวลงไปใต้น้ำ
ตูม! รู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมของน้ำหลังจากเสียงตูม หากฉันไม่ได้หูฝาดไปเพราะฉันอยู่ใต้น้ำแล้ว จนกระทั่งมั่นใจได้ในที่สุดก็ตอนที่รู้สึกถึงแรงบีบบริเวณต้นแขนบวกกับแรงฉุดที่ดึงให้ฉันโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ
“ทำบ้าอะไรของคุณ” น้ำเสียงตระหนกกึ่งฉุนเฉียวตะคอกใส่หน้าฉันเต็มๆ
“หลุยส์” ฉันเช็ดน้ำออกจากใบหน้า มองดูหยดน้ำที่ไหลลงมาตามหน้าของหลุยส์อย่างประหลาดใจว่าเขามาทำอะไรอยู่ตรงนี้
“ไม่พอใจอะไร ทำไมถึงต้องทำแบบนี้” เขากระชากฉันขึ้นมาบนฝั่ง แล้วก็เอาผ้าคลุมที่ฉันเป็นคนคลุมให้เขาเมื่อก่อนหน้านี้มาพันรอบตัวฉัน ก่อนจะเขย่าฉันแรงๆ “บอกผมมาสิว่าคุณไม่พอใจอะไรขึ้นมาห๊ะ”
“หลุยส์คะ” ฉันเบือนหน้าหนี ไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ “คุณอย่าตะคอกฉันได้ไหม ที่สำคัญคุณจับฉันเขย่าจนฉันเวียนหัวแล้วนะ”
“แล้วคุณลงไปทำอะไรในนั้น” เขาพยายามเบาเสียงลงแต่มันก็เหมือนกับเขายังโมโหอยู่ดี มิหนำซ้ำหน้าเขายังดุมากอีกด้วย หรืออาจจะเป็นเพราะแสงสลัวอันน้อยนิดจากพระจันทร์ที่ทำให้เขาดูโหดร้ายกว่าเดิม
“ฉันแค่รู้สึกร้อนตัว...ก็เท่านั้น” ฉันพึมพำขาดวรรคขาดตอน
“ก็เลยลงไปเล่นน้ำตอนกลางคืนแบบนี้น่ะหรือ”
“ฉันแค่รู้สึกไม่สบายตัวมากเท่านั้น” ฉันยกมือขึ้นกุมหัว “โดยเฉพาะหลังจากที่ฉัน...”
...รักษาบาดแผลให้คุณ
“หลังจากที่คุณ...ทำอะไร” หลุยส์ยังหงุดหงิดอยู่
“ฉันฝันร้าย” ฉันครางแผ่วเบา สบตาเขาอย่างแน่วแน่ แต่ทำไมถึงรู้สึกผิดขึ้นมานะ แค่ไม่อยากให้เขารู้นี่นาว่าฉันทำอะไรลงไปบ้าง และดูเหมือนเขาจะยังไม่สังเกตด้วย
“ทำไมไม่ปลุกผม” น้ำเสียงของเขาสงบลงเล็กน้อย แต่ฉันรู้สึกได้ถึงแรงกอดจากเขาที่รัดแน่น หลุยส์ตัวสั่นจนน่ากลัว ฉันยกมือขึ้นกอดเขาตอบ
“ฉันขอโทษ” ฉันซบหน้ากับตัวเขา
“ผมไม่ควรพาคุณมาที่นี่เลย น่าจะกลับไปที่คฤหาสน์โดยตรง” เขาผละตัวออก ปัดเส้นผมออกจากหน้าฉัน ความอ่อนโยนกะทันหันของเขาทำให้ฉันอ่อนไหวจนบอกไม่ถูก
“เราอยู่ที่ไหนคะ”
“ที่ของผม” หลุยส์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทว่าในน้ำเสียงยังแฝงความเหนื่อยล้า
“ที่ของคุณ” ฉันขมวดคิ้ว
หลุยส์ไม่ยอมพูดอะไรออกมานอกจากก้มลงหยิบชุดที่ฉันถอดออกแล้วประคองฉันให้เดินกลับไปที่รถ ดันให้ฉันเข้าไปนั่งข้างในก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งคนขับ แล้วถอยรถออกจากที่นั่นทันที ฉันมองตามเครื่องเล่นม้าหมุนที่ห่างสายตาเราไปเรื่อยๆ อย่างอาวรณ์
“ตอนกลางวัน...ที่นั่นคงสวยแน่เลย” ฉันเอ่ยขึ้นมา
“สวนดอกไม้น่ะหรือ”
“ใช่ค่ะ เครื่องเล่นม้าหมุนท่ามกลางสวยดอกไม้ ต้องสวยมากแน่ๆ เลย”
“อืม” เขาตอบไร้อารมณ์สุดๆ ทำให้ฉันรู้สึกหัวเสียนิดๆ จึงล้มตัวลงนอน “แต่คงไม่เท่าคุณ”
“คะ” ฉันเกือบจะลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่ไม่มั่นใจว่าตัวเองหูฝาดไปรึเปล่า
“เปล่า” หลุยส์ปฏิเสธหน้านิ่ง
ฉันขมวดคิ้วมองอย่างไม่ค่อยเข้าใจเขาสักเท่าไหร่นัก
หลุยส์พาฉันขับรถมายังคฤหาสน์ขนาดใหญ่โตหลังหนึ่งซึ่งน่าจะตั้งอยู่ไม่ห่างจากทะเล เนื่องจากเสียงคลื่นกระทบฝั่งนั้นดังอย่างชัดเจนตั้งแต่หลุยส์ขับรถผ่านประตูเข้ามา ตัวคฤหาสน์ที่ว่านั้นมืดสนิท มีเพียงแสงไฟด้านหน้าที่ติดสว่างอยู่ และเมื่อหลุยส์จอดรถ ก็มีชายวัยกลางคนเดินออกมาจากประตูคฤหาสน์พร้อมกับไม้ตะบองหนึ่งด้าม ก่อนจะรีบเก็บมันยัดกลับไว้ทันทีที่เห็นหน้าหลุยส์
“ท่านเอิร์ล ท่านเดินทางมาถึงเร็วกว่าที่กำหนดนะครับ”
เร็วกว่าที่กำหนดหรือ...
หมายความยังไง...
หลุยส์ลงจากรถ แล้วเดินมาเปิดประตูให้ฉัน ฉุดแขนฉันให้ลุกขึ้นแล้วโอบไหล่ไว้แน่น
“ฉันใจร้อน รอให้ถึงกำหนดการไม่ไหว” เขาหันมามองหน้าฉัน ชายวัยกลางคนเหลือบขึ้นมาสบตาฉันอยู่ครู่หนึ่งแล้วโค้งตัวทำความเคารพก่อนจะแสดงสีหน้าตกใจเมื่อมองไปที่ตัวหลุยส์
“ท่านบาดเจ็บ”
“ใช่ แต่ไม่...” หลุยส์ไล่มือตั้งแต่หัวไหล่ไปจนถึงซี่โครง เมื่อเจ้าตัวสัมผัสได้เพียงบาดแผลที่อยู่ต่ำจากจุดนั้นลงไปเขาก็หันมาจ้องหน้าฉัน “...ร้ายแรงเท่าไหร่”
ดวงตาคู่สีฟ้าครามอมเทาหรี่มองหน้าฉันราวกับจะเค้นเอาคำตอบ ฉันสบตาเขานิ่งโดยไม่พูดอะไร
“โคล” เขาเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังจ้องหน้าฉันอยู่ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน “จำที่ผมสั่งคุณไว้ก่อนออกเดินทางได้ใช่ไหม”
“จำได้ครับท่านเอิร์ล”
“ผมเปลี่ยนแผนนิดหน่อย ผมต้องการให้คุณเอารถผมนี่ไปเก็บไว้ที่ไหนก็ได้ไกลๆ จากที่นี่หน่อย แล้วช่วยหารถเก่าๆ ที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นรถของผมมาแทน คุณต้องนำมันมาที่นี่ในชื่อคุณ หากเงินที่ผมเตรียมไว้ไม่เพียงพอคุณแวะมารับเช็คจากผมได้ในวันอาทิตย์ตามจุดนัดหมาย”
“ครับท่านเอิร์ล”
“เรื่องรถ คุณจะเอามาให้ผมเมื่อไหร่ก็ได้ เพียงแค่ไม่ช้าเกินไปเท่านั้น แต่ผมอยากให้คุณเอารถผมไปคืนนี้เลย เมื่อเสร็จธุระหมดทุกอย่างแล้ว คุณจะไปพักผ่อนที่ไหนก็ได้สองเดือนเต็ม”
“ครับท่านเอิร์ล”
“คุณเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงานของผมมาไว้ที่นี่แล้วใช่ไหม” เขายอมหันไปสบตากับคนของเขาสักที ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ยังรู้สึกเกร็งไม่หาย
“ผมเตรียมห้องทำงานใหม่ให้ท่านเสร็จแล้วครับ รวมถึงเรื่องเปลี่ยนกุญแจใหม่หมดทุกตัวด้วยครับ”
“นอกจากผมกับคุณแล้วจะไม่มีใครสามารถเข้าคฤหาสน์หลังนี้ได้ใช่ไหม” แววตาแหลมคมจ้องมองดูคนของเขา
“นอกจากผมกับท่านแล้วจะไม่มีใครเข้าคฤหาสน์หลังนี้ได้ครับ”
“รีบไปได้แล้ว” หลุยส์ส่งกุญแจให้โคล แล้วรับพวงกุญแจที่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นกุญแจทุกห้องของคฤหาสน์มา
รถเฟอร์รารี่สีแดงเคลื่อนตัวจากเราไป ทิ้งเพียงความเงียบงันไว้ด้านหลัง จากนั้นหลุยส์ก็ดันตัวฉันเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ปิดประตูลงแล้วพาฉันเดินผ่านความมืดไปอย่างรวดเร็ว บ่งบอกว่าเจ้าตัวคุ้นเคยกับสถานที่ถึงขนาด หากเขาต้องหลับตาเดินก็สามารถบอกได้ว่าจุดไหนเป็นจุดไหน
“คุณจะพาฉันไปที่ไหนคะหลุยส์”
“ห้องนอนผม”
ชะงัก! ฉันหยุดเดินทันที
“ฉันไม่ไปที่นั่นนะ”
“ทำไม...กลัวผมทำอะไรคุณรึไง หรือว่ากลัวใจตัวเอง” เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยถามนุ่มนวลจนน่าหลงใหล
ทั้งสองอย่าง...กลัวเขาคิดอะไรเกินเลย และกลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้ ฉันรู้ว่าความปรารถนาของตนเองที่มีอยู่ในใจตอนนี้ไม่ใช่ความปรารถนาแบบเด็กๆ อีกต่อไป เพราะเหตุนั้นจึงต้องระวังให้มากที่สุด ยิ่งฉันเข้าใกล้เขามากเท่าไหร่ ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าฉันอาจหลงใหลเขาได้
“ถ้าหากคุณไม่คิดอะไรก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร”
“แต่ฉันคิด...” ฉันกัดริมฝีปากแน่น มือเอื้อมไปด้านข้างอย่างหาที่ยึดแต่ไม่ประสบความสำเร็จ
“หึหึ” เขาหัวเราะในลำคอ “แบบนั้นก็จะเป็นผลดีกับผมหน่อย”
ฉันโดนเขาดันให้เดินหน้าต่ออยู่ดี
“ทำไมฉันต้องไปที่นั่น” ฉันประท้วงขึ้น
“ผมไม่อยากให้คุณป่วยจนเป็นอะไรไปนะ แค่ผมพาคุณมาที่นี่คนทางบ้านคุณคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว หากผมปล่อยให้คุณกลับไปอย่างไม่มีลมหายใจ ผมอาจจะเป็นคนต่อไปที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน”
“แต่ถ้าคุณได้รถเราจะกลับไปที่นั่นใช่ไหมคะ” ฉันหยั่งเชิงอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก หลุยส์ดันตัวให้เดินขึ้นบันไดไปพร้อมกับเขา “ทำไมคุณถึงต้องการรถเก่าคะหลุยส์”
เขาไม่ตอบแล้วดันให้ฉันเดินหน้าต่อไป เราเดินขึ้นบันไดวนไปจนถึงชั้นสองแล้วผ่านไปยังชั้นสาม แต่ดูเหมือนหลุยส์ไม่ต้องการให้เราหยุดอยู่แค่นั้น เขาดันฉันแล้วพาเดินขึ้นไปยังชั้นสี่ซึ่งเป็นชั้นสุดท้าย แล้วพาเดินไปตามฟลอร์ทางเดินมุ่งหน้าไปยังอีกมุมของคฤหาสน์ทางด้านหลัง พาฉันเดินผ่านเข้าไปในห้องมืดขนาดกว้างขวางห้องหนึ่ง
แกร็ก! ฉันรีบหันไปทางหลุยส์ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูปิด เรายืนมองหน้ากันนิ่งๆ ทั้งที่หัวใจฉันเต้นโครมผิดจังหวะ เมื่อหลุยส์เดินผ่านไปเงียบๆ ฉันจึงเดินตรงไปที่กลอนประตู
“ถ้าคุณจะเปิด ต้องใช้กุญแจจากผม” เสียงทุ้มที่บ่งว่าเจ้าตัวอยู่ห่างออกไปทักขึ้นจนฉันสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ “ที่แห่งนี้ก็คือที่ของผม”
คฤหาสน์ของเขา...ที่ของเขา...ห้องนอนของเขา...กับคำถามที่ไร้คำตอบ บทสนทนาที่แอบแฝง...หลุยส์กำลังคิดอะไรอยู่...
ฉันดันหลังติดกับประตู รู้สึกได้ถึงความสากกระด้างของลวดลายบนบานประตู หัวใจของฉันหล่นไปอยู่แทบเท้า เช่นเดียวกันกับร่างของฉันในตอนนี้ที่ลงไปกองอยู่บนพื้น ขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้เพราะอ่อนแรงแม้จะมองเห็นร่างสูงเดินเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ นั่งลงเบื้องหน้า
“กลัวผมหรือไง” แม้ในน้ำเสียงจะแฝงความห่วงใย แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกใจเย็นขึ้นเลย
“คุณควรพาฉันกลับบ้าน” ฉันตวัดสายตามองไปตามมุมต่างๆ แต่สามารถมองเห็นสิ่งของภายตัวห้องได้แต่พอเลือนลางในความมืด
“คุณไม่ชอบที่จะอยู่ที่นี่”
“หลุยส์” ฉันหลับตาลงเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจสั่นคลอนร้อนรน “ฉันมีบ้าน มีครอบครัวที่รอคอยฉันอยู่ คุณไม่ควรพาฉันไปไหนก็ได้ตามอำเภอใจ...”
“คุณก็เต็มใจมากับผมแต่แรกไม่ใช่หรือ มันไม่ใช่การถูกบังคับสักหน่อย”
หน้าฉันชาวาบหัวใจอ่อนยวบ อ่อนแรงจนเผลอปล่อยมือจากผ้าคลุมที่กุมอยู่
“แต่คุณกำลังจะบังคับให้ฉันอยู่” ฉันกัดฟันบอกเขาน้ำเสียงแผ่วเบา
“ผมไม่ได้ยินว่าคุณพูดอะไร” หลุยส์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเช่นกันยามที่เลื่อนหน้ามาใกล้ๆ มุมปากของเขากระดกยิ้ม “ไหนลองพูดใหม่สิ”
เขาแทรกมือไปใต้ผ้าคลุม ลูบแผ่นหลังเบาๆ จนฉันขนลุกไปทั้งตัว
“คะ...คุณกำลังจะบังคับให้ฉันอยู่ที่นี่...” ฉันได้แต่พูดประโยคเดิมๆ
ด้วยการกระทำที่คาดเดาไม่ได้ของคุณ
“ผมไม่ได้จะบังคับ ผมกำลังจะขอร้อง...” เสียงทุ้มต่ำกระซิบแผ่วเบาข้างใบหู “อยู่กับผมที่นี่เถอะนะ ทั้งคืนนี้และคืนต่อๆ ไป”
ทำยังไงดี...หัวใจถึงจะไม่เต้นแรงไปกับสัมผัสอ่อนโยนจากริมฝีปากเขาที่ไล่ไปตามใบหน้าจนถึงลำคอ
ทำยังไงดี...ถึงจะไม่หวั่นไหวกับสัมผัสนุ่มจากมือใหญ่ที่กำลังซุกซนไม่อยู่สุขและเคลื่อนตัวไปทุกส่วน กับวงแขนอันแข็งแกร็งที่พันธนาการร่างฉันเอาไว้
ทำยังไงดี...ถึงจะไม่พ่ายแพ้ต่อสิ่งที่เขาขอร้อง...แกมหลอกล่อฉันให้ติดกับแรงปรารถนา
“ฉันอยู่กับคุณไม่ได้” ฉันพึมพำแผ่วเบา
หลุยส์กดหลังมือของฉันติดกับบานประตูอย่างรุนแรง ริมฝีปากที่เคยพรมจูบอยู่ข้างแก้มฉันผละออก แรงบีบจากมือเขาบอกให้ฉันรู้ว่าเจ้าตัวกำลังโกรธจัด
“คุณวางแผนเอาไว้ทุกอย่างแล้วใช่ไหมคะหลุยส์” คำถามของฉันทำให้เขาชะงัก “ที่คุณพูดกับโคล...มันเหมือนกับว่าคุณวางแผนทุกอย่างเอาไว้อยู่แล้ว” น้ำเสียงของฉันฟังดูเหนื่อยล้า ทว่าแรงปรารถนาปลุกเร้าจิตใจฉันอยู่ตลอดเวลาแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าบุรุษเบื้องหน้ากำลังทำให้ตนเสียใจอยู่ไม่น้อย
“ผมเป็นคนมีหน้าที่ต้องทำ การวางแผนเรื่องงานจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาไม่ใช่หรือ” สีหน้าของเขานิ่งเฉยขณะที่กล่าว
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องงานเพียงอย่างเดียว แต่ฉันหมายถึงเรื่องของฉันด้วย จดหมายเชิญ...มันเป็นของคุณ คุณตามหาเรา ตามหาลูคัสและอลิซาเบธ คุณมีแผนที่จะช่วงชิงอลิซาเบธมาที่นี่ และเตรียมการทุกอย่างเอาไว้อยู่แล้ว เพียงแค่คุณไม่มีโอกาสจะนำตัวอลิซาเบธหนีมา คุณจึงพาฉันมาแทน”
“คุณคิดผิด” น้ำเสียงนั่นไม่ได้แอบแฝงความเกรี้ยวกราดแต่เป็นผิดหวัง
หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไป รึมันจะไม่ใช่...
“คนที่ผมวางแผนว่าจะพามาที่นี่ตั้งแต่แรกก็คือคุณต่างหาก”
แสดงว่าเขายอมรับเรื่องจดหมาย...รวมถึงเรื่องวางแผนด้วย...สิ่งที่สายหมอกแห่งราตรีพยายามเตือนเรื่องความคิดของหลุยส์ก็เป็นความจริงสินะ
“เพื่ออะไรคะ...” เสียงฉันแหบแห้งขึ้นมาทันที พูดอะไรก็แทบจะไม่ออก หัวใจไหววูบราวกับใบไม้ที่ถูกสายลมกวัดแกว่งไปมาด้วยสายลมแรง และพร้อมที่จะถูกปลิดลงจากต้นได้ทุกเมื่อหากเพียงแต่ขั้วของมันถูกกัดกร่อนจนพุพัง
“คุณคิดว่าผมมีเหตุผลอื่นรึไงที่พาคุณมาที่นี่”
แก้แค้นลูคัสใช่ไหม...เพราะอย่างนี้เขาถึงไม่ใส่ใจใครอื่นนอกจากฉัน เขารู้ว่าถ้าฉันหายไปลูคัสจะอกร้อนขึ้นมาทันที เขาได้มีโอกาสเห็นว่าลูคัสให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวซึ่งแสดงออกมาอย่างชัดเจนเด่นชัดว่าลูคัสห่วงพวกเราขนาดไหน แล้วเขาก็เลือกเหยื่อซึ่งเป็นคนที่ใครๆ ก็ไม่คาดฝันว่าจะตกเป้าหมายของเขา เหยื่อตัวนั้นก็คือฉัน...
ลิลี่ คลีฟ คนที่โง่มาตลอด คิดว่าตัวเองทำถูกมาตลอด ทำตัวอวดดีเป็นอัศวินหญิงคอยออกหน้าปกป้องครอบครัว แต่แท้จริงแล้วความโง่ของเธอต่างหากที่กำลังจะทำให้คนในครอบครัวรู้สึกเจ็บปวด
หลุยส์ประคองหน้าฉันเอาไว้ก่อนจะจูบฉันอย่างแผ่วเบาและเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ พลางกดร่างฉันให้แนบกับอกของเขา ไออุ่นจากแผ่นอกของเขาแผ่ซ่านไปตามผิวหนังของฉัน หน้าท้องที่สัมผัสกันเล่นงานให้ฉันสั่นสะท้านไปทั้งใจ
ฉันรู้สึกเจ็บปวดอย่างประหลาด ผิดหวังทั้งที่เคยสงสัยอยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ ทั้งที่ไม่เคยไว้ใจและคิดอยู่ตลอดเวลามาว่าการปรากฏกายที่เขาพยายามทำให้มันเป็นปริศนา แท้จริงแล้วคือการวางแผนที่แยบยลบวกกับความสามารถการตีหน้านิ่งยืนยันและโกหกต่อไปจนใครๆ เริ่มสับสนและหลงเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ใจ แต่ฉันดันหลวมตัวตกหลุมพรางเขาจนได้ หลุมพรางที่เขาขุดขึ้นมามันกำลังกลืนฉันลงไปทั้งตัว และ...หัวใจ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สะใจมาก
555
พี่นาตแอบรู้ความหมายรึเปล่า เค้าบอกว่า ถ้าจูบที่ต้นคอเค้าหมายความว่า... คุณต้องเป็นของผม อ๊ากกกกกกกกก (คนอ่านหื่น - -")
แอ๊มเพิ่งสอบเลข อังกฤษเสริม วิทย์ ไทยแล้วก็ท่องเที่ยวไป อนาถมากเลยค่ะพี่ หนูขอผ่านแล้วกันนะ 5555++
(ม.ปลายมันเหนื่อยอย่างนี้นี่เองหนออออออ... ไปล่ะค่ะ ^^ ยังไม่ได้สอบฝรั่งเศสกับภูมิศาสตร์อีกสองวิชา งืมๆ)
เขินแทนอ่ะ
อัพต่อเร็วๆนะค่ะ
ที่ทำไปมันคุ้มรึเปล่า
จักจี้(<--เขียนถูกมัยเนี้ย)แทนนางเอก>//<
ลิลี่ขึ้ใจอ่อนมากเลย
สงสารหลุยส์ไปหลายรอบ
แต่หลุยส์ชอบกวนตลอด
แล้วนี้ลิลี่ทิ้งหลุยส์ไว้แบบนั้นจะดีหรอ
เดี๋ยวก็ออกไปไม่ทันเวลาหรอก
ถ้าไม่ทันเวลาก็จะมีเรื่องเกิดขึ้น เย้! ^0^
นอนน้อย เมื่อวานเลยปวดหัวอ่ะพี่นาต แถมช่วงนี้ก็นัดสอบกันให้ควั่ก
มิดเทอมแล้ว โฮกกก การบ้านงานประดิษฐ์ค้างเติ่ง ไอที่ลอกสมุดเพื่อนเพราะมัวแต่แม้วเลยจดไม่่ทัน
ก็ยังม่ะได้ทำ แถมพรุ่งนี้สอบชีวะ จำส่วนประกอบของสมองกะหน้าที่ ตายแง๋มเรย โฮๆ
ความขี้เกียจก็ดันมีมากเกินพิกัด แต่ยังไงก็แว็บมาอ่านนิยายจนได้ (มันอยู่ในสายเลือดด) 55+
โฮกกก !! <ช่วยภาวนาจุดธูป+สาปแช่งให้นู๋สอบได้ด้วยเถิด>...<สาธุ~!!>
---------------------------- m ------ i ------- s ---- s ------------- u ----------------------------------
- หลุยส์..อย่าสุภาพบุรุษเกินจิ จูบทั้งทีก็จูบที่ปากไปเล้ย ได้อารมณ์กว่าเยอะ ^[]^ กร๊ากก
- ลิลีจ๋า.. แรงได้ใจมาก ล่อซะกล่องดวงใจหลุยส์แทบพัง เดี๋ยวจะไม่ดีต่ออนาคต จนปั้นลูกให้ไม่ได้นะเออ
555
(..แต่นางเอกก็น่าสงสารนิดๆนะเนี่ย ไมเป็นไร คนหล่อทำ หวังว่าลิลี่จะอภัยให้พระเอกเค้าได้นะ คิคิ~)
..........------.............----------.........
เจ๋งมากเลยลิลี่
หลุย ย ย ยย เยี่ยมจิงๆ
55555555555.
กรี๊ดดดดดดดดดดดด อ่านสามตอนรวดเดียว 5555
กรี๊ด หลุยส์จูบต้นคอลิลี่ คิสมาร์กรึเปล่า ? กรี๊ดมากเลยอ่ะ
>O< หลุยส์ล่วงเกินนางเอกกกกกกก
ไม่ได้จูบปากก็จูบซอกคอ โหยยย
ลิลี่เปลืองตัวมาก แต่ก็นะ ..พระเอกนี่นา อภัยๆ ให้เค้าไปเหอะ (อ้าวว -___- คิดไรเนี่ย)
อัพช้ามะเป็นไรค่า...เหนื่อยนักก็พักก่อน อิอิ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ไข้หวัด 2009 ระบาดเชียว
อัพๆๆๆๆๆเจ้าค้า
ท่านหลุยส์ร้ายไม่เบาเลย ไม่ให้จูบกันที่ปากก็ยังเจ้าเล่ห์ไหลไปเรื่อย
มีแฟนอย่างงี้ต้องระวังตัวตายเลย 5555
มีความรู้สึกว่านิสัยจะเด็กยิ่งกว่าดันแคนอีกนะเนี่ย~!
ตอนจูบต้นคอนี่แบบไม่ไหวแล้ว ขนลุกแทน 5555 จั๊กจี้ไหมน่ะ - -
ทำไมหลุยส์มันเหมือนเด็กงี้อ่ะ หน้าตาย เอาแต่ใจตัวเอง แถมกวนเบื้องล่างอีก 555
ลิลลี่ต้องมาทนแบกรับความดื้อของอิตานี่ น่าสงสารเสียจริง
เปลืองตัวอีกต่างหาก โดนกอดบ้าง จูบบ้าง อะไรบ้าง ถ้าไม่ติดว่าหล่อคงโดนซ้อมไปแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ทำไมหลุยส์ชอบทำให้สับสน คล้ายๆตอนอ่านลูค เดี๋ยวทำให้รัก เดี๋ยวทำให้หมั่นไส้ ทำม๊ายยยย
ตอนสุดท้ายสะใจจอร์จ โดนซะบ้างเหอะ อิพี่ชายบ้า!!!(รู้สึกตอนนี้ไม่ได้มีความรักหลุยส์หลงเหลืออยู่ กร๊าก)
แล้วจะผลต่อคำสาปไหมอ่ะพี่นาต
ทำไรไม่คิดเลยนะหลุยส์
ขอบคุณแฟนนิยายทุกท่านนะคะ TOT