ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มหากาพย์แห่งแกลนดาเลเซีย ตอน หุบเขาสายรุ้ง

    ลำดับตอนที่ #2 : ผู้ถูกเลือก(1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 262
      0
      2 มี.ค. 50

    บทที่สอง
    ผู้ถูกเลือก

     น็อกซ์และโอล สโม็ค นิ่งอึ้งไปเมื่อเห็นข้อความบนกล่องใบนั้น อาการผิดปกติของผู้อาวุโสทั้งสอง ทำให้พวกเมิร์ฟอดสงสัยไม่ได้
    "
    ท่านผู้เฒ่า มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ"เมิร์ฟคนหนึ่งถามขึ้น
    น็อกซ์ รู้สึกตัวจึงปฏิเสธ" ไม่มีอะไรหรอก " เมิร์ฟเฒ่าเก็บกล่องใบนั้นไว้ในอกเสื้อก่อนจะพูดเสียงดังให้ได้ยินกันทั่ว "เอาล่ะ ทุกคน เริ่มการประลองต่อไปได้แล้ว  "น็อกซ์หันไปพยักหน้ากับพวกนักดนตรีให้เริ่มบรรเลงเพลงต่อ เพื่อเรียกบรรยากาศที่สนุกสนานกลับมา เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น บรรดาเมิร์ฟทั้งหลายก็แยกย้ายกันกลับไปยังที่นั่งของพวกตนเพื่อดูการประลองมายากลต่อ กระโจมที่เสียหายก็ถูกพวกที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในงานมาเก็บไปอย่างรวดเร็ว เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะเฮฮาดังขึ้นอีกครั้ง
      
    แม้ว่างานฉลองและการประลองมายากลจะดำเนินต่อไป แต่ก็ดูเหมือนว่า เวลานี้ความคิดและความสนใจของโอลด์ สโม็ค กับ น็อกซ์ จะไม่ได้อยู่กับงานบนเวทีอีกต่อไปแล้ว
        
    การประลองมายากลเสร็จสิ้นลงก่อนเที่ยงคืนเล็กน้อย โดยได้ตัวผู้ชนะคือราชามายากลของปีที่แล้วที่ได้รับตำแหน่งอีกครั้งในปีนี้ หลังจากประกาศชื่อผู้ได้รับตำแหน่งราชาแห่งนักมายากลแล้ว ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี พลุไฟหลากสีถูกยิงขึ้นฟ้าจนสว่างไสวไปทั่ว พวกเมิร์ฟทั้งหมดต่างก็ร่วมร้องเพลงและดื่มฉลองกันเพื่อต้อนรับ ชั่วโมงแรกของปีใหม่ที่มาถึงกันอย่างครึกครื้นรื่นเริง อันเป็นการปิดท้ายงานฉลองของปีนี้ ก่อนที่จะทยอยกันกลับบ้านของตนในเวลาต่อมา โดยพวกที่มีบ้านอยู่ไกลและไม่สะดวกที่จะกลับในตอนกลางคืนก็ค้างพักแรมกับญาติๆหรือเพื่อนฝูงของตน และในไม่นานนัก ลานกว้างกลางป่าเบรนวู้ดแห่งนั้นก็เข้าสู่ความเงียบสงบ
             
    หลังงานเลิกไม่นาน บ้านทุกหลังในเบรนวู้ดต่างดับไฟมืดสนิท เนื่องจากทุกคนต่างก็เหน็ดเหนื่อยกับการฉลองที่เพิ่งจะจบไป ดังนั้นเมื่อแต่ละคนกลับถึงบ้านแล้วต่างก็หลับสนิทไปตามๆกัน แต่ที่บ้านของน็อกซ์ หัวหน้าใหญ่ของพวกเมิร์ฟ แสงไฟยังลอดจากหน้าต่างออกมาให้เห็นอยู่ และหากจะมีใครสักคนมองผ่านเข้าไปได้ ก็จะเห็นน็อกซ์ กับโอลด์ สโม้ค ยังคงสนทนากันอยู่อย่างเคร่งเครียดภายในบ้านนั้น
    น็อกซ์หยิบเอากล่องที่ตนเก็บไว้เอามาวางบนโต๊ะต่อหน้าโอลด์ สโม็ค นกเค้าแมวขาวใช้สายตาจ้องกล่องใบนั้น ฝาของมันเปิดออกทันที พร้อมกับสาส์นฉบับหนึ่งที่ม้วนอยู่ข้างในก็ลอยออกมาและถูกกางลงบนโต๊ะ ตลอดเวลาน็อกซ์มองภาพที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยอาการที่ไม่แสดงให้เห็นว่าประหลาดใจแม้แต่น้อย คงมีเพียงคำถามด้วยเสียงเรียบๆว่า
    "
    ในสาส์นว่าอย่างไรบ้าง สหายข้า"
    โอลด์ สโม็คอ่านข้อความในสาส์นซึ่งเขียนด้วยภาษาวาร์นิอย่างรวดเร็ว สีหน้าของนกเค้าแมวเฒ่าดูเคร่งขรึม หลังอ่านจบ โอลด์ สโม็คเก็บสาส์นฉบับนั้นลงกล่องตามเดิม ก่อนจะตอบคำถามของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเดียวกัน" เวอธังค์ พ่อมดไฟ ต้องการให้ข้านำกุญแจศิลาไปที่แอสการ์ธ "
    "
    ด้วยเหตุผลอะไรหรือ"น็อกซ์สงสัย
    โอลด์ สโม็ค มองออกไปยังความมืดภายนอกก่อนจะพูดว่า " เวอร์ธังค์ เล่ามาในสาส์นว่ายามนี้สงครามกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด จอมอสูรโมล็อคแห่งแดนเหนือกำลังระดมพลครั้งใหญ่เพื่อทำลายแอสการ์ธ  และโล่ห์เงินขาวก็ได้ส่องประกายแล้ว แสดงให้เห็นว่าถึงเวลาที่ศิลาสายรุ้งจะต้องกลับคืนสู่ที่ของมันเพื่อกำหนดชะตากรรมของแผ่นดินอีกครั้ง "
    "
    ข้าไม่อยากยุ่งกับเรื่องของพวกมนุษย์เลย"น็อกซ์ว่า
    "
    ข้าก็เช่นกัน"โอลด์ สโม็คกล่าว" แต่เจ้าก็รู้ว่า โมล็อคเป็นศัตรูกับทุกเผ่าพันธุ์ไม่เฉพาะแต่มนุษย์ เท่านั้น สิ่งเดียวที่มันต้องการก็คือทำให้แผ่นดินนี้เป็นของพวกอสูรและมีเพียงศิลาสายรุ้งเท่านั้นที่จะหยุดมัน ได้
    น็อกซ์นิ่งเงียบไปก่อนจะเอานิ้วแตะเบาๆที่ตัวอักษรทองคำบนฝากล่องที่เปิดอยู่ " มันนานมากแล้วนะ " เมิร์ฟชราพึมพำ"มันนานเหลือเกิน ที่ข้าไม่ได้เห็นชื่อนี้ ,วาโลคาน"
    โอลด์ สโม็คหรือที่จริง คือ วาโลคาน พ่อมดลมแห่งเฮบรีน มองหน้าเมิร์ฟเฒ่าผู้เป็นสหาย " ข้าเองก็ไม่ปรารถนาจะได้ยินชื่อนี้อีกเช่นกัน แต่ก็นั่นแหละนะ ที่สุดแล้ว ทุกสิ่งก็ต้องเป็นไปตามโชคชะตาของมัน เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาแล้ว"
    "
    เจ้าจะให้ข้าไปด้วยหรือไม่" น็อกซ์ถาม
    "
    คราวนี้คงไม่หรอก สหาย"วาโลคานตอบยิ้มๆ "ข้าคิดว่า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ข้าคงไม่ต้องอาศัยความกล้าหาญและสติปัญญาของเจ้าหรอก"
    น็อกซ์หัวเราะ " ข้าหวังว่าเจ้าคงยังจำเส้นทางสู่แอสการ์ธได้นะ"
       
    คำพูดของอีกฝ่ายทำให้ วาโลคาน อดหัวเราะขึ้นมาบ้างไม่ได้ เมื่อมันทำให้เขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ตอนที่เขากับน็อกซ์เคยร่วมเดินทางสู่แอสการ์ธด้วยกันเมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่ครั้งมหาสงครามมนตรา 
               
    วาโลคานเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของสี่ราชันย์พ่อมด อันประกอบด้วยพ่อมดลม พ่อมดน้ำ พ่อมดดิน และพ่อมดไฟ เมื่อนานมาแล้ว ในยุคดึกดำบรรพ์ ครั้งที่โลกถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เหล่าเทพและเผ่าพันธุ์วาร์นิได้นำเอาพลังมนตราของพวกเขาบรรจุลงวิหารเทพมนตราในหุบเขาสายรุ้งเพื่อสร้างสมดุลย์ให้กับโลก โดยมอบหมายให้ราชันย์พ่อมดทั้งสี่เป็นผู้ดูแล โดยราชันย์ทั้งสี่จะสืบทอดพลังของพวกตนจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง ตกมามาถึงยุคของผู้สืบทอดรุ่นของ  วาโลคาน ได้เกิดสงครามที่มีชื่อว่า มหาสงครามมนตราขึ้น ซึ่งเป็นการสู้รบที่ดุเดือดระหว่างเหล่านักเวทย์ฝ่ายดีและนักเวทย์ฝ่ายชั่วร้าย ในตอนนั้นนักเวทย์ฝ่ายชั่วร้ายพยายามปลุกพลังของวิหารเทพมนตรามาใช้เป็นอาวุธของพวกตนจนเกือบจะทำลายล้างโลกลงไป หลังจากเหล่านักเวทย์ฝ่ายดีรวมกำลังกันทำลายล้างพลังของฝ่ายชั่วร้ายลงได้ พวกเขาจึงตัดสินใจจะทำให้หุบเขาสายรุ้งหายไป เพื่อที่พลังของวิหารเทพมนตราจะได้ไม่ถูกคนชั่วนำมาใช้อีก อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้พลังของวิหารเทพมนตราต้องสาปสูญไปโดยสิ้นเชิง เหล่าผู้สืบทอดของราชันย์พ่อมดทั้งสี่จึงได้คบคิดกันอย่างเป็นความลับสร้างกุญแจศิลาสี่ดอกพร้อมกับโล่ห์เงินขาวขึ้นมาและแยกกันเป็นผู้รักษากุญแจคนละดอก โดยมีสัญญาระหว่างกันว่า ยามใดก็ตามที่มีเหตุสำคัญที่ต้องใช้พลังนั้น พวกเขาจะนำกุญแจทั้งสี่มารวมกันและผนึกมันเข้ากับโล่ห์เงินขาวที่เวอร์ธังค์ พ่อมดไฟเก็บไว้บนหอคอยแห่งแอสการ์ธเพื่อเรียกศิลาสายรุ้งขึ้นมาและเปิดทางไปสู่หุบเขาสายรุ้ง
                      
    ในตอนที่กุญแจศิลาถูกสร้างขึ้นมานั้น ซึ่งก็เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว น็อกซ์ซึ่งยังหนุ่มกว่านี้มากนัก เป็นคนนอกเพียงผู้เดียวที่ได้มีส่วนร่วมอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย ทำให้ผู้ที่รู้เรื่องกุญแจนั้นมีเพียงสี่พ่อมดและน็อกซ์เท่านั้น หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น วาโลคานก็เปลี่ยนชื่อเป็นโอลด์สโม็ค และเดินทางมาซ่อนตัวอยู่ที่เบรนวู้ดพร้อมกับน็อกซ์และพวกเมิร์ฟที่เป็นบรรพบุรุษของเมิร์ฟแห่งเบรนวู้ดทุกวันนี้ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ทั้งสองไม่เคยเล่าเรื่องของเวทมนต์ให้ใครฟัง และวาโลคานเองก็ไม่เคยใช้เวทมนต์อีกเลย  อย่างไรก็ดีสำหรับตัวของน็อกซ์นั้นอำนาจแห่งวิหารเทพมนตราได้ทำให้เขามีอายุยืนยาวเหนือกว่าเมิร์ฟทั้งหลาย
        
    วาโลคานดึงขนเส้นหนึ่งออกมาจากหน้าอกและวางมันลงบนโต๊ะ ก่อนจะร่ายมนต์เป็นภาษาวาร์นิ อันเป็นภาษาที่พวกพ่อมดและนักเวทย์ชั้นสูงใช้กัน  เพียงชั่วพริบตาขนเส้นนั้นก็เปล่งประกายสีรุ้งสว่างวาบไปทั่วทั้งห้องและกลายสภาพเป็นกล่องแก้วคริสตัลสีน้ำเงินโดยมีตรารูปนกเค้าแมวสลักอยู่บนฝากล่อง และเมื่อฝากล่องเปิดออก ก็มีหินพลอยสีน้ำเงินเม็ดหนึ่งขนาดเท่าๆกับไข่นกพิราบวางอยู่ข้างใน หินพลอยเม็ดนี้คือกุญแจศิลานั่นเอง นกเค้าแมวเฒ่ามองดูกุญแจศิลาอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกเหมือนถูกพลังบางอย่างที่ออกมาจากกุญแจศิลาพุ่งผ่านเข้ามาในหัว แม้จะเป็นเพียงชั่ววูบเดียวแต่พลังที่วาโลคานสัมผัสได้นั้นรุนแรงจนทำให้เขาถึงกับซวนเซไป อาการของนกเค้าแมวเฒ่าทำให้น็อกซ์ที่อยู่ด้วยออกปากถามทันที
    "
    เจ้าเป็นอะไรไปหรือเปล่า"
    "
    กุญแจศิลา" วาโลคานพูดพร้อมกับหอบหายใจ " กุญแจศิลาไม่ต้องการให้ข้าเป็นผู้นำมันไปยังแอสการ์ธ มันต้องการให้ผู้อื่นเป็นผู้นำมันไปแทนข้า"
    "
    หมายความว่าอย่างไรกัน"น็อกซ์ข้องใจ " กุญแจพูดกับเจ้าเช่นนั้นหรือ"
    ใช่" วาโลคานพยักหน้า"พลังของกุญแจบอกข้าว่า นี่ไม่ใช่การเดินทางของข้าและไม่ใช่ภารกิจที่ข้าจะทำได้"
    น็อกซ์ยิ่งสงสัยมากขึ้น "ถ้าไม่ให้เจ้าเป็นผู้นำมันไปยังแอสการ์ธ แล้วกุญแจต้องการผู้ใด"
    "
    กุญแจศิลาจะเลือกคนผู้นั้นเอง"วาโลคานกล่าว พร้อมกับมองไปที่กุญแจซึ่งวางอยู่ ทันใดนั้นเองกุญแจศิลาก็สว่างวาบขึ้นและปรากฏภาพหนึ่งขึ้นบนนั้น
    มันเป็นภาพของเมิร์ฟหนุ่มที่มีนามว่า "ว็อกเกอร์ " นั่นเอง………….(มีต่อ)

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×