คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ร้ายกาจ ≠ บทที่ 00 :: บทนำ [2/5]
“อื้ม
เอ่อ...เราขอตัวไปหาหงส์ก่อนนะ” ฉันเอ่ยพูดเพียงแค่นั้นกับคนมาใหม่
ก่อนจะเดินผ่านตัวพวกเขาทั้งสองไปอย่างนั้นเลย โดยไม่คิดจะสนใจเท่าไรนัก
ทว่าแวบหนึ่งก่อนที่ฉันจะเดินจากไป ฉันทันสังเกตเห็นสีหน้าของข้าวหอมดูไม่สู้ดีนัก
รวมทั้งภาคินก็ด้วยอีกคน
“ใบบัวมาพอดีเลย
หงส์ว่าหงส์จะกลับแล้วล่ะ” พอฉันตรงมาถึงม้านั่งที่หงส์นั่งอยู่ก็เป็นจังหวะเดียวที่เธอลุกขึ้นยืนพอดี
“อ้าว
หงส์จะกลับแล้วเหรอ นี่ยังไม่ถึงเวลาเป่าเค้กเลยนะ”
“หงส์ง่วงนอนมากเลยอะ
นี่หงส์รอไม่ไหวแล้ว อีกอย่างงานมันกร่อยมากเลยด้วย หงส์รู้สึกไม่สนุกเลยง่า”
หงส์ทำท่างอแงประกอบ ซึ่งมันจริงอย่างที่เธอว่านั่นแหละ
งานเลี้ยงไม่ได้มีผู้คนเยอะแยะมากมายอย่างที่คาดการณ์ไว้
ช่วงนี้ยิ่งเป็นช่วงใกล้สอบอยู่ด้วย
บางคนรีบเคลียร์งาน แขกที่มาเลยบางตามาก ๆ
“ฮือ...หงส์อยู่เป็นเพื่อนเราต่อไม่ได้เหรอ
เรายังหามาร์ตินไปเจอเลยอะ นี่ไม่รู้ว่ามาร์ตินไปตกส้วมที่ไหนรึเปล่าเนี่ย”
มันน่าหงุดหงิดนะ
น่าหงุดหงิดตรงที่ฉันลืมพกโทรศัพท์มือถือมาด้วยนี่สิ ทั้ง ๆ
ที่ฉันเป็นประเภทติดโซเชียลมีเดียยิ่งกว่าผู้คนทั่วไปเสียอีก
ไม่อย่างนั้นฉันคงนั่งเล่นมือถือแก้เบื่อไปแล้วแหละ มาร์ตินก็จริง ๆ เลย
บอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ นี่ผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย “เออ
ลืมไปซะสนิทเลย หงส์ช่วยโทรหามาร์ตินให้หน่อยได้มั้ย
คือว่าเราลืมพาโทรศัพท์มาด้วยน่ะ”
“อ้อ ได้ ๆ” ว่าแล้วหงส์ก็พยักหน้าตอบรับรัว ๆ ในขณะที่สีหน้าดูง่วงนอนไม่น้อย
เมื่อเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าสะพาย
เธอก็กดโทรหามาร์ตินอย่างที่ฉันร้องขออย่างไม่อืดอาด
แต่แล้วเหมือนสายจะโทรไม่ติดนะ เพราะฉันเห็นเธอลองกดโทรใหม่อีกครั้ง “มันปิดเครื่องอะใบบัว”
“แง้...มาร์ตินเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย!”
ฉันรู้สึกหวั่นวิตกขึ้นมาทันที กลัวว่ามาร์ตินจะท้องเสียหนัก
นี่ฉันควรทำอย่างไรดีล่ะ
ฉันเป็นห่วงเขามากเลยนะ
“เราต้องลองไปหามันในบ้านดูแล้วล่ะ
เผื่อว่ามันจะตกส้วมอย่างที่ใบบัวว่า” คำพูดนั้นของหงส์
เรียกเสียงหัวเราะออกมาได้ดี
ฉันซึ่งในคราแรกกำลังหวั่นวิตกกังวลอยู่ก็เผลอหลุดขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้
หงส์เองก็มีสีหน้าดีขึ้น เธอยิ้มแล้ว “เราจะเริ่มตามหามันที่ไหนก่อนกันดีล่ะใบบัว
จริง ๆ หงส์รู้จักบ้านหลังนี้ดีนะ”
“จริงเหรอ!” ฉันเบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อ บ้านหลังนี้มันใหญ่โตมาก อ้อ จริง ๆ
ต้องเรียกว่าคฤหาสน์ต่างหากล่ะ ถึงจะถูกต้อง “หงส์เคยมาที่นี่บ่อยเหรอ?”
“อืม เมื่อก่อนน่ะ
สมัยหงส์เรียนอยู่ช่วงมัธยม...” พอพูดถึงตรงนี้
หงส์ก็เหม่อลอยไปเลย แล้วเมื่อเราสองคนเดินเข้าไปในตัวบ้าน ฉันก็ตกตะลึงไปเลย
คฤหาสน์แห่งนี้มันหรูหราเหมือนในละครไม่มีผิด
ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างล้วนแต่มีราคาทั้งนั้น “ใบบัวดูนี่สิ”
“เอ๊ะ...!” หงส์เรียกฉัน พร้อมชี้ไปยังกรอบรูปขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งสง่าอยู่ในห้องรับแขก
คราวนี้ฉันถึงกับออกอาการตกใจยิ่งกว่าเมื่อสักครู่เสียอีกเพราะฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าภาคินจะมีฝาแฝดด้วย!
ใช่
ฟังไม่ผิดหรอก รูปครอบครัวมีสมาชิกทั้งหมดห้าคน มีพ่อแม่และลูกชาย 3 คน
“แปลกใจใช่มั้ยล่ะ
คนนี้น่ะชื่อภาคี” หงส์ชี้ไปยังผู้ชายที่หน้าตาเหมือนภาคินเป๊ะ
ๆ ยืนอยู่ด้านซ้ายมือด้านหลังคุณแม่ของเขา
นี่ถ้าหงส์ไม่บอก
ฉันคงแยกไม่ออกหรอกนะ แต่คนนี้ดูเจ้าเล่ห์ยังไงชอบกล รอยยิ้มของเขาน่ะ
ดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
“เขาเป็นพี่หรือน้องของ...”
“พี่” บุคคลที่ฉันกำลังจะเอ่ยชื่อเป็นคนโพล่งตอบ
ฉันกับหงส์จึงหันขวับไปมองทางด้านข้างอัตโนมัติเพื่อมองหาต้นต่อของเสียง
น้ำเสียงนิ่ง ๆ แบบนี้ รู้สึกน่ากลัวกว่าฝาแฝดคนพี่เสียอีกนะ เพราะอย่างน้อย ๆ
สีหน้าของภาคีดูไม่น่าเข้าใกล้ตั้งแต่แรกเห็น แต่กลับอีกคน หน้าตาซื่อ ๆ ใส ๆ
ดูไม่มีพิษไม่มีภัย ทว่าซ่อนความร้ายกาจเอาไว้เต็มเปี่ยมจนใคร ๆ ต่างก็สัมผัสได้ “คิดถึงมันเหรอ ถึงได้มาดูรูปมัน?”
“ก็เกือบจะได้เข้าพิธีแต่งงานกัน
มึงคิดว่ากูไม่คิดถึงอดีตว่าที่ผัวกูเหรอ?!” คงเป็นเพราะตอนนี้ไม่มีคนนอกเข้ามา
หงส์ถึงได้แสดงท่าทีหงุดหงิดออกมาสุด ๆ อย่างนี้
ว่าแต่ตอนนี้ข้าวหอมอยู่ไหนแล้วล่ะ
เมื่อกี้นี้เธอยังตัวติดกับแฟนอยู่เลยไม่ได้เหรอ?
“คนตายไปแล้ว
คิดถึงให้ตายมันก็ไม่ฟื้น!”
โอ้โห...ข่าวใหม่!
แต่เดี๋ยวนะ
เมื่อกี้นี้หงส์บอกว่าเกือบจะได้เข้าพิธีแต่งงานกันงั้นเหรอ
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าภาคี(เคย)เป็นคู่หมั้นของเธอหรอกเหรอ?!
ทว่ามันก็เป็นไปได้นะ
ไม่อย่างนั้นภาคินจะออกอาการโมโหทำไมล่ะ
“เออ!” ฉันชอบความตัดบทของหงส์จริง ๆ เลย เธอไปไม่ถูก เธอก็แค่เอ่ยยอมรับตรง ๆ
ง่าย ๆ ไปแบบนี้แหละ คนแมน “ใบบัวลองไปหาไอ้มาร์ตินบนชั้นสองดูนะ
หงส์จะอยู่คุยกับมันสองต่อสองน่ะ” จู่ ๆ หงส์ก็หันมากระซิบข้างหูฉัน
ซึ่งฉันก็ได้แต่ยืนงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบรับในที่สุด
เหตุด้วยเพราะฉันไม่อยากเป็นก้างขวางคอน่ะนะ
และไหน ๆ ก็โดนไล่ทางอ้อมแล้วไง ฉันก็เลยไม่รอช้าเดินออกไปจากตรงนั้นโดยเร็ว
แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังไม่วายเดินช้า ๆ เพื่อชมความงดงามตลอดทางเดินในระหว่างที่ก้าวขึ้นขั้นบันไดหรู
นี่มันบ้านในฝันเชียวนะ
ฉันชอบความหรูหรา ชอบเฟอร์นิเจอร์แพง ๆ เห็นแล้วฟินอะ
งื้อ
คอยดูเถอะ ถ้าฉันได้แต่งงานกับมาร์ตินเมื่อไรแล้วล่ะก็
ฉันจะขอให้พ่อแม่ของเขาสร้างเรือนหอของเราทั้งคู่หลังใหญ่ ๆ แบบนี้แหละ
ครอบครัวของเขารวยจะตายไป
เงินที่เก็บสะสมกันมาตั้งหลายปี ให้ลูกสะใภ้คนนี้ได้ใช้เถอะ ฮี่ ๆ
พอมาถึงชั้นสอง
ฉันก็หมุนลูกบิดเปิดประตูแล้วมองสำรวจภายในห้องนอนของแต่ละห้องไปด้วยความรู้สึกตระการตา
ทุกห้องตกแต่งไม่ซ้ำกัน ฉันไม่ได้เดินเข้าไปด้านในหรอกนะ
เพราะกลัวว่าตนเองจะเผลอแตะต้องข้าวของอย่างลืมตัว
ดังนั้นฉันจึงได้แต่กลั้นใจยืนดูความสวยงามแค่หน้าประตูเท่านั้น
แต่เดี๋ยวก่อนนะ
นี่ฉันลืมอะไรไปหรือเปล่าเนี่ย ฉันมัวแต่ดูของงาม ๆ เพลิน ๆ
จึงลืมไปซะสนิทเลยว่าตนเองกำลังตามหามารตินอยู่นะเฮ้ย
เพราะฉะนั้นฉันต้องเข้าไปหาด้านในห้องสิ ถึงจะเจอตัว
ฉันต้องเคาะประตูห้องน้ำแต่ละห้องพร้อมเรียกเขาเพื่อถามหาอาการดู
ถ้าอย่างนั้นฉันต้องเริ่มจากห้องตรงหน้านี้ก่อนดีกว่า
เพราะห้องอื่น ๆ ฉันดูมาหมดแล้ว เพียงแต่ว่าฉันยังไม่ได้เข้าไปด้านในเท่านั้นน่ะ
ไว้ฉันจะย้อนกลับไปสำรวจดูใหม่อีกครั้งก็แล้วกัน
กึก!
ตอนหน้าเจอเซอร์ไพรส์!
ความคิดเห็น