ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    treasury

    ลำดับตอนที่ #19 : plague

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 434
      0
      28 มิ.ย. 64

    * เป็นเพียงข้อมูลคร่าว ๆ แบบสั้น ๆ ให้พอรู้จักตัวตนของลูซี่เท่านั้นนะคะ
    ไม่ใช่ข้อมูลโดยรวมทั้งหมดแต่อย่างใด แต่ก็เป็นข้อมูลภาพรวมที่ตัวหลักในเรื่องทราบนั่นแหละค่ะ
    หลัก ๆ เราไม่ได้เขียนยาวมากเพราะขี้เกียจ(...)ด้วย และการใส่รูปก็ประมาณนี้ค่ะ
    แต่ใครจะแต่งมากกว่านี้ก็ได้ คือเราทำภาพaestheticไม่เป็น 555555 *





    ▅  ▅


     

    “ ลูซี่ อ้อ ชื่อลูซี่แปลว่าอย่าเสือกค่ะ ประธานาธิบดีแม่งเฮงซวยด้วย ชีวิตบัดซบกันทั้งเมืองหมดแล้วเนี่ย
    โอ๊ะ ไม่ได้หลอกด่าใครนะคะ อันนั้นความหมายของชื่อฉันเองค่ะ จริงจริ๊ง 

    /

    “ ฉันกำลังวิ่งอยู่, โอ้ใช่ บางทีฉันอาจวิ่งอยู่ตลอดเวลา
    ฉันรักที่จะก้าวหน้า พุ่งชนเป้าหมาย ฝ่าฟันอุปสรรคและความท้าทายไป นั่นล่ะคือชีวิตที่ฉันชอบนัก 


    บท :  My own character [ เป็นเพียงข้อมูลคร่าว ๆ ของลูซี่เท่านั้นค่ะ ไม่ใช่ข้อมูลเชิงลึกทั้งหมด แต่เพื่อให้ทุก ๆ คนรู้จักนางเอกของเรามากขึ้น เราก็เลยได้ทำการเขียนมาให้เท่าที่จะเขียนได้แล้วนะคะ! ]

    ชื่อ - นามสกุล : ลูซี่ | Lucy (ปัจจุบันยังไม่ทราบนามสกุล)

    ความหมายของชื่อ : ชื่อ 'ลูซี่' นั้นตีความได้หลายความหมาย เช่น การเอาใจใส่, ความทันสมัย , ความคิดสร้างสรรค์ , ใจกว้าง , เจ้าอารมณ์ม ความจริงจัง, เป็นมิตร , ร่าเริง , มีอำนาจ แต่เท่าที่เห็นได้บ่อย ๆ ก็คือ "การเอาใจใส่" ล่ะนะ

    ชื่อเล่น - ชื่อเรียก : ลูซี่ | Lucy (เพราะจำอะไรไม่ได้ เธอจึงมีชื่อเรียกเพียงชื่อเดียวเท่านั้น เว้นแต่จะถูกตั้งฉายาอื่น ๆ เพิ่มมาอีก ซึ่งเธอก็ไม่ได้ขัดใจอะไรถ้ามันไม่ใช่ชื่อเรียกเชิงการดูถูกล่ะก็)

    ส่วนสูง/น้ำหนัก : 168 เซนติเมตร / 54 กิโลกรัม ( BMI : 19.1 )

    รูปร่างลักษณะภายนอก : 

    กล่าวถึงบรรยากาศโดยรวมรอบ ๆ ตัวของหญิงสาวคนนี้แล้ว คงหนีไม่พ้นเปลวไฟอันร้อนแรงของวัยหนุ่มสาว หรือไม่ก็ดวงดาวเจิดจรัสเจิดจ้า หากแต่ก็ไม่ได้หวานสดงดงามเท่าไหร่ สำหรับลูซี่แล้ว มันไม่ต่างอะไรจากความร้อนแรงที่ปะทุมากมายเกินไปหน่อยจนทำให้หลาย ๆ คนได้แต่กุมขมับปวดหัวรายวันไปเลยมากกว่า, แม่นี่เเป็นคนที่กล้าแสดงออกถึงความคิดของตัวเองและเป็นคนเปิดเผยอย่างไม่อับอายอะไรเลย หญิงงามหน้าสวยที่มีบรรยากาศเข้าถึงง่าย เป็นมิตร แต่บางทีก็ให้อารมณ์อยากเดินหนี เพราะว่าด้วยอาการดีดกระโดกตลอดเวลาของหล่อนไปจี้ใครหรือเปล่า คนอื่น ๆ ถึงได้ค่อนข้างเอือมแบบนี้ โดยภาพรวมแล้วลูซี่เป็นคนยิ้มง่าย เข้าถึงง่าย แต่น่ารำคาญไปบ้างบางครั้ง หญิงสาวที่ไม่รู้ว่าอายุเท่าไหร่คนนี้น่ะ ร่าเริงสดใสและใช้ชีวิตแบบไฟแรงดั่งวัยรุ่นทั่วไปได้อย่างดีเชียว สำหรับนิยามเปรียบเปรย เธอก็อาจไม่ต่างอะไรจากแสงสว่างจ้าที่อยู่ด้วยแล้วก็อุ่นใจดี แต่บางครั้งก็ร้อนอบอ้าวจนอยากจะกรี๊ดให้สลบล่ะมั้ง?

    ดวงตาของเธอเป็นสีเทาเข้ม สีที่เหมือนกับเถ้าธุลี กระนั้นก็ยังคงเป็นประกายวาววับดั่งใบมีด ทั้งงดงาม ทรงอำนาจ และมีเสน่ห์เหลือล้น, กอปรคู่กับดวงหน้ารูปไข่ สันจมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากบางกระจับสีแเดงราวกลีบกุหลาบ เส้นคิ้วเหนือรูปตาเรียวคมโค้งตัวสวยเข้ากับรูปหน้า แพขนตายาวเงางาม ศีรษะทรงสวยคลุมด้วยเรือนผมสีเงินยาวจรดกลางหลัง น่าแปลกที่เมื่อมันต้องแสง มันจะทอประกายสะท้อนออกมาเป็นสีรุ่งจาง ๆ ราวกับเกร็ดอัญมณี ซึ่งเธอก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น หลายคนบอกว่ามันสวยดี แต่เธอมองว่ามันน่ารำคาญเสียมากกว่า เส้นผมหยักศกเป็นลอนเล็ก ๆ ตามธรรมชาติทำให้เธอดูเหมือนกับตุ๊กตาไม่มีผิด ผิวกายขาวดั่งน้ำนม แต่ก็มีบาดแผลประปรายตามตัวบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างก็หายดี บ้างก็ทิ้งแผลเป็นเอาไว้ รูปร่างผอมบาง แต่ไม่ได้ไร้เรี่ยวแรง เธอปราดเปรียว ว่องไว และรวดเร็ว สามารถพุ่งเข้าหาศัตรูได้ แม้ว่าเรือนกายจะไม่ได้กำยำหรือมีกล้ามเนื้อมากมายนัก หากจะให้พูดโดยรวม เธอก็เป็นหญิงสาวผู้งดงามคนหนึ่งเช่นกัน เรือนการและทรวดทรงองเอวคดโค้งเป็นทรงนาฬิกาทรายตามค่านิยมความงาม หน้าอกที่ดูพอประมาณและสวยไม่ใหญ่จนเกินไป มีแผ่นหลังบางที่สวยงาม ส่วนของเอวที่คอดสวยได้รูป และส่วนของสะโพกกว้างพอประมาณกับความกว้างของช่วงไหล่ ช่วงขาที่เต็มตึงสวยงาม ลำแขนเล็ก แต่ก็ไม่ได้ไร้เรี่ยวแรงอะไร, ลูซี่ไม่มีกล้ามเนื้อให้เห็นชัดนัก กระนั้นเธอก็มีพละกำลังมากมายตามแต่สายเลือดในตัว ร่างกายมักจะเกรอะกรังไปด้วยฝุ่นโคลนจนน่าเอน็จอนาจใจ เธอแทบไม่ต่างจนเด็กที่ชอบเล่นซนเอาเสียเลย ความสวยงามเหล่านั้นมักจะถูกบดบังไปหมดเสียนี่ ( image )

    ลูซี่ไม่ได้พิถีพิถันเรื่องการแต่งกายนัก สำหรับเธอ จะสีอะไร หรือสไตล์ไหนก็ได้หมด ขอแค่มันเคลื่อนไหวง่าย ๆ ก็พอ เพราะในแต่ละวัน เธอไม่ชอบอยู่นิ่งเท่าไหร่ บ้างก็วิ่งเล่น บ้างก็วิ่งหนีพวกทหาร ปีป่ายนั่นนี่เยอะเยอะไปหมดด้วย ทางที่ดีจึงขอเป็ยกางเกงกับเสื้อที่ดูเก่า ๆ หรือสีทึบจะดีกว่า เพราะถ้าหากมันเปื้อน เธอจะได้ไม่รู้สึกผิดไงล่ะ อาจเป็นเสื้อยืดเข้าคู่กับกางเกงวอร์มสักตัว หรือพวกกางเกงสามส่วนเธอก็ใส่ได้อยู่ดี ส่วนเรื่องรองเท้า แน่นอนว่าหนีไม่พ้นรองเท้าคอมแบท หรือรองเท้าผ้าใบทน ๆ สักคู่, เธอสวมใส่เสื้อของผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ ไม่กลัวว่ามันจะไม่เหมาะกับเบ้าหน้าตัวเอง และเป็นหนึ่งในหญิงสาวผู้ที่หักดิบวงการแฟชั่นอย่างร้ายกาจ เพราะแม่นางแทบไม่เคยเลือกอะไรที่มันแมชกันเลยสักอย่าง เสื้ออีกสี กางเกงอีกสี ถุงเท้าก็ไม่เคยเท่ากันอีกต่างหาก, เรียกได้ว่าหากไม่มีใครช่วยจัด เธอก็คงดูเป็นตัวตลกดี ๆ นี่เอง ถึงอย่างนั้น ลูซี่ก็สามารถใส่กระโปรงได้เช่นกัน เพียงแต่ไม่ถนัดนัก หากมีความจำเป็นจริง ๆ เธอก็สามารถยินยอมถูกจับแต่งตัวได้ ไม่ดื้อรั้น แม้จะไม่ค่อยชอบอะไรที่ยุ่งยากก็ตาม และส่วนมากแล้ว ลูซี่ไม่ชอบสวมใส่เครื่องประดับให้มันวุ่นวายนัก เธอรักษาของพวกนั้นไม่ค่อยเก่งเสียด้วย เว้นแต่มีความจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น

    เธอมีรอยสักอยู่ที่ท้ายทอยว่า 'LUCY' เป็นเส้นอักษรสีดำสวยงาม กระนั้นเธอก็จำไม่ได้หรอกว่าไปสักเอาตอนไหน ที่ไหน หรือไปร้านไหนมากันแน่ เธอไม่รู้อะไรเลย เพียงแต่ก็คาดเดาว่านั่นอาจจะเป็นชื่อของเธอก็ได้ ในยามปกติจะไม่ค่อยมีใครเห็นรอยสักนี้ เพราะลูซี่จะปล่อยผมลงมาเพื่อที่จะปกปิดมันเอาไว้ หากแต่ก็มีบางเวลาที่จำเป็นจะต้องรวบผมเช่นกัน และนั่นก็อาจมีคนสงสัยอยู่บ้าง กระนั้นเธิก็ตอบพวกเขาไม่ได้หรอก

    อายุ : ปัจจุบันยังไม่ทราบอายุ แต่รูปลักษณ์ก็ไม่ต่างจากหญิงสาววัยรุ่นทั่ว ๆ ไปนัก คาดว่าเธออาจจถอายุ 18-19 ปี หรือไม่ก็ 20 ต้น ๆ เท่านั้น

    เพศ : หญิง

    สัญชาติ/เชื้อชาติ : ไม่ทราบสัญชาติแน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเป็นชาวอเมริกัน เพราะสำเนียงการพูดภาษาอังกฤษของเธอเป็นแบบนั้น

    สายเลือด : ชาวเมอร์ลิน ( not sure )

    ธาตุ : unknown

    พลังจิต : unknown

    ตำแหน่งของหัวใจ : unknown

    สมบัติวิญญาณ : without

    วันเกิด : unknown

    สถานที่ที่อาศัยยู่ : ดินแดนใต้พิภพบนโลก ซีกโลกตะวันตก

    สถานะ : unemployed

    ลักษณะการพูดจา :

    น้ำเสียงใสกังวาน แต่ขณะเดียวกันก็แหบพร่าเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเซ็กซี่เคล้าคลอไปกับความน่าหลงใหลเชิงน่าค้นหาเสียมากกว่า ลูซี่ไม่ใช่หญิงสาวที่มีเสียงใสกังวานขนาดนั้น กระนั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่น่าฟัง สำหรับเธอแล้ว น้ำเสียงและท่าทีการพูดเป็นอะไรที่ดูเป็นตัวเองอย่างถึงที่สุดมากกว่า เธอนั้นมีน้ำเสียงหลากหลายโทนต่างกันออกไปตามแต่อารมณ์และสถานการณ์ เมื่อเป็นแบบนั้น ความรู้สึกของผู้ฟังเองก็ต่างออกไปด้วยเช่นกัน แต่ส่วนมากแล้ว เธอมักจะชอบใช้โทนเสียงสดใสร่าเริงเคล้าคลอไปกับความเข้มของน้ำเสียง ทำให้ดูทรงพลังไปพร้อม ๆ กัลสนุกสนานเสียมากกว่า ราวกับเป็นพลังงานอันเปล่งประกายอย่างที่ว่าไว้จริง ๆ นั่นแหละ, และสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองของเธอนั้นก็จะเป็น "ฉัน" แบบครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ส่วนคำเรียกสรรพนามแทนคนอื่นก็หนีไม่พ้น "นาย/เธอ" ตามเพศจิตใจ หรือถ้าเพิ่งรู้จักกัน เป็นคนอายุมากกว่า หรือคนที่ต้องเคารพก็อาจจะมีคำว่า "คุณ" นำหน้าอยู่บ้าง กระนั้นก็อาจจะมีสรรพนามพิเศษอื่น ๆ อย่าง "พี่ชาย/พี่สาว/ลูกพี่/น้องชาย" บลา ๆๆ ที่เธอจะตั้งให้กับคนสนิทหรือคนที่สนอกสนใจมากกว่า ลูซี่ไม่ตั้งฉายาอะไรให้ใครเชิงดูถูกเหยียดหยามหรอก เพียงแต่เธอจะเรียกตามความรู้สึกของตนเองมากกว่า หากอีกฝ่ายไม่พอใจมาก ๆ แบบมากจริง ๆ เธอก็จะยอมหยุดแน่นอน, และหางเสียงอย่างคำว่า "คะ/ค่ะ" ก็อาจจะหาฟังได้ยากนัก เพราะเดิมทีลูซี่ก็ไม่ใช่คนสุภาพสักเท่าไหร่ เธอชอบหลุดสบถบ่อยครั้ง ทั้งยังชอบเผลอจิกกัดแหย่คนอื่นบ่อย ๆ อีก ดังนั้นมันจึงค่อนข้างหาฟังยากนะ ถ้าเธอจะใช้หางเสียงกับใครน่ะ นอกจากจะเคารพอีกฝ่ายจริง ๆ แล้วก็ยังมีแค่การกวนประสาทอีกฝ่ายเล่น ๆ เท่านั้นเอง หรือในอีกกรณี ถ้าเกลียดหรือกำลังโมโห สรรพนามก็อาจจะเปลี่ยนเป็น "แก" ก็ได้นะ

    example 1 ;

    เช้าแล้ว...รึเปล่านะ?

    คงเช้าแล้วล่ะมั้ง—ก็ในเมื่อไฟเปิดแล้วนี่

    พอรู้แบบนั้น ร่างบางก็ดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง วิ่งลงไปด้านล่างและส่งเสียงร้องเรียกชายหนุ่มที่กำลังทำอาหารอยู่พอ

    "เฮ้!" เสียงของเธอดังก้อง และทำให้ชายหนุ่มคนนั้นหันมาส่งยิ้มให้เธอ

    "อรุณสวัสดิ์ครับ" [1] กล่าวแบบนั้น แล้วซี่ก็เดินเข้าไปหาเขาช้า ๆ

    "ทำอะไรเนี่ย เบคอนเหรอ?"

    "ครับ, ไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลยนะ ไว้ผมทำเสร็จแล้วจะเรียกเอง"

    "อ้า ขอบคุณนะ นายนี่ใจดีจัง" ลูซี่กอดอก และอยู่ ๆ ก็ชะงัก เธอเงยหน้ามองเขาและเอ่ยต่อทันที "อ้อ ลืมไป... เอ่อ อรุณสวัสดิ์นะ ถึงฉันจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ก็เถอะ แต่ก็เป็นเช้าที่สดใสดี...มั้งนะ?"

    "ผมก็คิดว่าอย่างนั้นนะครับ บางทีอาจเป็นเช้าที่สดใสก็ได้ หรือไม่ก็ฝนตก, ไม่รู้สิครับ ฮะ ๆ"

    ลูซี่ยักไหล่ แล้วเดินออกไปช้า ๆ เธอไม่รู้ว่านี่เป็นมุกที่เล่นไปกี่ครั้งแล้ว แต่สาบานว่าพรุ่งนี้เธอก็จะเล่นต่ออยู่ดีนั่นแหละ แล้ว [1] ก็ตบมุกตอบรับเธอกลับมาทุกครั้งเสียด้วยนะ

    ▸ example 2 ;

    "ลูซี่! ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นน่ะ ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!"

    "ขึ้นมารับลมน่ะ แต่ลืมไปว่าไม่ลม ร้อนอบอ้าวจะตายชัก พัดลมก็ไม่ค่อยจะเปิด โอ๊ย"

    "ไม่ใช่เวลาจะมาบ่นนะลูซี่ ผมบอกให้ลงมา!"

    [1] บ่นเธออีกแล้ว... ไม่สิ ไม่น่าจะเรียกว่าบ่น น่าจะใกล้เคียงกับด่าแล้วล่ะ ในเมื่อเธอเล่นปีนขึ้นมาบนกองขยะเศษเหล้กที่สูงเสียดเพดานของเมืองใต้ดินแห่งนี้น่ะ ซึ่งเหตุผลที่เธอทำแบบนี้ก็เพราะเธออยากหาที่ชมวิวดี ๆ สักที่เท่านั้นเอง

    แต่แล้วก็รู้ความจริง ว่าเมืองใต้ดินนี่แทบไม่มีอะไรน่าเชยชมเลย

    "จ้า ๆ รู้แล้วจ้าพ่อ" หล่อนกลอกตาแล้วกระโดดตุ้บลงไป ทำเอา [1] อ้าปากค้างอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเท้าสะเอว

    "เธอใส่กระโปรงอยู่นะ"

    "ไม่มีใครเห็นหรอก อีกอย่าง ฉันก็ใส่กางเกงขาสั้นด้านในนะ"

    "นั่นไม่ใช่ประเด็นนะลูซี่ ความจริงคือ..."

    เอาแล้ว เริ่มบ่นจริง ๆ แล้วไงนั่น, ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้แต่ทนฟังเขาไปเงียบ ๆ เท่านั้นเอง...

    example 3 ;

    "เฮ้ นั่นอะไรน่ะ" พอมองเห็นอะไรที่แปลกตาเข้า ลูซี่ก็เริ่มหันไปกระชากแขน [2] อีกแล้ว เธอกำลังตาวาววับไปกับสนามประลองขนาดกลางที่มุมหนึ่งของเมืองเข้า ผู้คนรายล้อม และเสียงเชียร์ก็ดังกระหึ่มขณะที่ผู้ต่อสู้อยู่ในสังเวียน

    "การประลองประจำอาทิตย์น่ะ" [2] ตอบพร้อมมองไปยังทิศทางที่เธอชี้อยู่ "แต่อย่าไปใส่ใจนักเลย มันไม่สำคัญหรอก อีกอย่าง คุณหมอได้บ่นฉันแน่ ถ้าฉันห้ามเธอไม่ให้ไป..."

    "เยี่ยม! นั่นมันสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ แันอยากลองบ้าง!"

    "เฮ้ย ๆๆ เดี๋ยว ๆๆ ใจเย็นก่อน การประลองนั่นไม่ค่อยมีผู้หญิงลงหรอกนะ ถึงจะไม่มีกฎข้อห้าม แต่อย่าเลยดีกว่า เธอได้โดนต่อยปลิวเอาแน่"

    "โธ่ ไม่เป็นไรหรอก หาอะไรมาปิดหน้าก็สิ้นเรื่อง"

    "ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นน่ะสิ" [2] เริ่มยกมือขยุมหัว "ฟังนะ ลูซี่มันอันตรายมาก ๆ เลย เธอจะบาดเจ็บเอาไว้ เพราะงั้น อยู่เฉย ๆ ดีกว่า ถ้าแค่ไปดูล่ะก็ อันนั้นฉันพาได้นะ"

    "ถ้าฉันอยากลงบ้างล่ะ?"

    "ไม่ได้!"

    example 4 ;

    "มองอะไรนักหนาล่ะ หา?"

    ดูเหมือนเธอจะถูกหาเรื่องเข้าแล้วสิ... โอ้ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะกลัวนะ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นหนาวยลาดตระเวนก็เถอะ

    "ก็มองหน้าแกอยู่ไงคะ คิดว่าฉันมองสวะตัวไหนกันอยู่ล่ะ หา?" ลูซี่เท้าสะเอว ก่อนเล็งเห็นว่าอีกฝ่ายง้างหมัดขึ้น หมายจะพุ่งเข้ามาทางนี้ แต่แล้วเธอก็ย่อตัวลงและกวาดขาสะกัดเขาจนล้มหน้าทิ่มลงไปได้เสียก่อน พอลุกขึ้นยืนได้ เธอจึงเสยผมขึ้นและเอ่ยอีกครั้ง "เหอ ๆ กล้ามาหาเรื่องแค่เพราะฉันมองหน้านิดเดียวแล้วยังชอบใช้กำลังอีกเป็นผู้ชายประเภทไหนกันเนี่ย"

    "แก...!"

    "ไม่ได้ชื่อแกค่า ฉันชื่อลูซี่ เป็นคนสวยนะ เผื่ออยากรู้" เธอเบ้ปาก แต่แล้วก็เบิกตากว้างและก้มหัวหลบแทบไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายชักปืนออกมายิงใส่เธอเข้า เสียง 'ปัง!' ทำให้ผู้คนในร้านอาหารแตกตื่น ซึ่งนั่นก็เริ่มทำให้ลูซี่ไม่สนุกด้วยแล้วสิ

    "เฮ้ย พี่ชาย แบบนี้มันทำคนอื่นเขาเดือดร้อนนะ ไปเล่นที่อื่นไป" เธอออกปากไล่ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ฟัง ตั้งท่าจะเข้ามาทำร้ายเธอเสียให้ได้

    ท้ายที่สุดแล้วการต่อสู้ขนาดหย่อมก็เกิดขึ้น, ลูซี่เป็นฝ่ายชนะ แต่ก็ได้แผลมานิดหน่อย ซึ่ง...ดูเหมือนโชคจะไม่ค่อยเข้าข้างเธอเลย เมื่อเธอพบว่า [1] เองก็นั่งอยู่ในร้านนี้ด้วย...

    "เอ่อ..." เธอกระพริบตาปริบ ๆ "อะ..อาหารอร่อยมะ ฮ่า ๆๆ..." หัวเราะแห้ง ๆ ออกไปเมื่อพบเข้ากับสายตาเชิงดุแบบนั้น

    อ้า เธอจะต้องโดนบ่นอีกแน่เลย

    example 5 ;

    แค่เพียงวันนี้เท่านั้นที่เธอจะล้ม, และมีแค่คืนนี้เท่านั้นที่เธอจะสั่นคลอน ในวันพรุ่งนี้เธอจะลุกขึ้นและเดินหน้าต่อไป

    ลูซี่เงยหน้าขึ้น มองลอดหน้าต่างออกไป และแม้จะมองไม่เห็นดวงจันทร์ แม้จะมองเห็นแต่เพียงความมืด ทว่าดวงตาของเธอก็ยังคงมองตรงไปด้านหน้าอยู่ดี... มองมาตลอด และยังคงมองต่อไป

    ดวงตาคู่สวยกำลังพร่างพราวไปด้วยน้ำ แต่แล้วเธอก็ส่ายหัวรัว ๆ ขับไล่มันออกไป

    ต่อให้ท้อแค่ไหนเธอก็จะไม่ร้องไห้เด็ดขาด

    เธอจะยังคงสู้ และสู้ต่อไป

    สองมือของเธอกำแน่น ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง

    "จำไว้เถอะ..."

    ต่อให้โชคชะตาเฮงซวยสักเพียงใด เธอก็จะไม่ยอมจำนนเด็ดขาด...

    "อย่าคิดว่าฉันจะยอมแพ้เพราะเรื่องแค่นี้เชียวนะ ไอ้เวรเอ๊ย..."

    เธอพึมพำเช่นนั้น... และตั้งมั่นว่าจะทำแบบนั้นจริง ๆ

    อุปนิสัย : 

    ผู้หญิงที่มีความเป็นตัวของตัวเองดียิ่งกว่าอะไร, เธอทั้งเจิดจรัส เปล่งประกาย แต่กลับไม่ได้งดงามเท่าที่ควรนัก เรียกได้ว่าเป็นแสงประกายที่พาให้รำคาญ บ้างก็แสบตาจนอยากจะร้องกรี๊ดใส่หน้าแม่นางไปเลยมากกว่า ใช่ว่านั่นจะเป็นข้อดี เพราะถึงลูซี่จะเป็นหญิงสาวที่กล้าแสดงออก กล้าเผยความรู้สึกของตัวเองผ่านสีหน้า การกระทำ หรือสิ่งใด ๆ ก็ตาม ทว่าเธอกลับดูเป็นหญิงงามที่แข็งกระด้าง ไร้ความอ่อนหวานน่ารัก มองอย่างไรก็ไม่เหมือนกับเจ้าหญิงตัวน้อยเลยจริง ๆ หรือให้พูดอีกที เธอนั้นก็จัดอยู่ในจำพวกก๋ากั่น แสบซ่า แถมยังห้าวหาญราวกับเป็นชาย จริงอยู่ที่ภายนอกนั้น ลูซี่เองก็เป็นหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยน่ารักคนหนึ่ง แม้จะไม่ได้งามสะคราญล่มเมืองเสียขนาดนั้น แต่โดยรวมก็ดูน่าหลงใหลอยู่ได้น้อยเลยเหมือนกัน... ทั้งดวงตา เส้นผม ริมฝีปาก หรือรูปร่างโดยรวม และแม้จะไม่ได้เย้ายวนมากมายนัก กระนั้นก็เป็นหญิงผู้ที่แข็งแรง ทรวดทรงองเอวสมส่วนตามมาตรฐาน ลูซี่น่ะ หน้าสวยแต่ร้ายใช่เล่น ใคร ๆ ก็ว่าแบบนั้น เป็นแม่สาวความทรงจำเสื่อมที่เปรี้ยวไม่น้อยเลย มองดูแล้วช่างต่างจากนิยามที่ว่าคนความทรงจำเสื่อมจะเซื่องซึมนัก อย่างไรเสีย ต่อให้ไร้ความทรงจำ ลูซี่ก็ไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่ จริงอยู่ที่เป็นกังวล แต่ความรู้สึกที่ว่า 'ช่างแม่ง' กลับมาก่อน เธอไม่ได้ไม่เศร้า แต่ไม่รู้จะเศร้าไปทำไมต่างหาก... ในเมื่อสัญชาตญาณในตัวเธอร่ำร้องถึงชีวิตอันท้ายทายและความสนุกนัก เธอก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองหรอกนะ

    กล้าหาญ เข้มแข็ง อดทน และไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใดง่าย ๆ, คุณสมบัติราวกับนักรบคนหนึ่งนั้นมีอยู่อย่างเปี่ยมล้นในตัวของหญิงสาวคนนี้ เธอน่ะรักความท้าทาย อีกทั้ยังกล้าลุย กล้าลอง กล้าได้กล้าเสียไปหมดเสียด้วย เธอใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เสมอ และชื่นชอบความสนุกทุกรูปแบบที่เข้ามาในชีวิตด้วย ลูซี่ค่อนข้างที่จะขยาดความเรียบง่ายและน่าเบื่อหน่ายเกินเหตุ เพราะงั้นในแต่ละวัน เธอจึงไม่ชอบที่จะอยู่นิ่ง ๆ นัก หากมีอะไรผ่านมาในสายตาแล้วมันเตะเข้ากลางหัวใจของเธอจริง ๆ ล่ะก็ เธอก็ไม่ลังเลที่จะพุ่งเป้าไปหามันหรอกนะ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ ปมปัญหาเล็ก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนก็ตาม ต่อให้ใครต่อใครมองว่าไม่น่าเข้าใกล้ หรือมองว่ามันธรรมดา แต่เพราะเธอเป็นคนความจำเสื่อมนี่แหละ เธอถึงได้มองว่าหลาย ๆ สิ่งมันแปลกใหม่และน่าตื่นเต้นไปหมด และหากเธอคิดแบบนั้น เธอก็เลือกที่จะยึดนิยามที่ว่า เป้าหมายมีไว้พุ่งชน นำไปก่อนสามัญสำนึกเรื่องความปลอดภัยเสียอีก, แน่นอนว่า [1] ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับผู้ดูแลของเธอก็แทบจะกรี๊ดคอแตกตายในทุก ๆ วันอยู่แล้ว ที่เธอหายไปนั่น แวบไปนี่ วกไปโน้น กลับมาทีก็มีแผลอีกแล้ว แม้ว่าจะรักษาได้โดยง่าย แต่เขาก็ยังเป็นห่วงเธอเสมอนั่นแหละ... ลูซี่เองก็ขอโทษเขา และนั่งฟังเขาบ่นแทบทุกวัน ถามว่าพอถูกบ่นแล้วฟังไหม? ...ตอบได้เลบว่าฟัง แต่ฟังเฉย ๆ จะทำตามไหมอันนั้นก็อีกเรื่องแล้วกัน, ว่าง่าย ๆ ก็คือเธอมันผู้หญิงที่ซนไม่เข้าเรื่องดี ๆ นี่เอง มิใช่ว่าจะเป็นตัวปัญหาชั้นยอดหรอก แต่ก็ปั่นป่วนใช่เล่นเหมือนกันนะ สามัญสำนึกความปลอดภัยว่าต่ำแล้ว ความกลัวเรื่องกฎหมาย หรือการถูกก่นด่ายิ่งต่ำลงไปอีก ถามว่าเธอจำเรื่องกฎหมายหรือข้อห้ามที่มีคนบอกเธอได้ไหม? ตอบได้เลยว่าเธอน่ะจำได้ เธอจำกฎได้ดี แต่ถ้าตอนนั้นอยากแหกก็ขอแกล้ง ๆ ลืมมันไปก่อนแล้วกันนะ

    ใช่ว่าเธอจะเป็นคนหัวดื้อหัวรั้นไม่ฟังใคร... ลูซี่เพียงแต่ชอบทำตามเสียงของหัวใจตัวเองบ่อย ๆ เท่านั้นเอง แต่นั่นก็มีส่วนผิดเหมือนกัน เพราะเธอก็มักจะคิดน้อยไปในบางครั้ง จริงอยู่ที่เธอคำนึงถึงผลที่ตามมาบ้างแล้ว แต่ก็คิดน้อยไปอยู่ดี มันจึงทำให้ใครต่อใครพากันปวดหัวไม่มากก็น้อยกับการกระทำของเธอนั่นแหละ แต่อย่างไรก็ตาม ลูซี่นั้นก็กล้าที่จะรับผลของการกระทำของตัวเอง กล้าที่จะยอมรับ กล้าที่จะรับการลงโทษ หากคิดพิจารณาแล้วเธอผิดเองจริง ๆ และกระบวนการกลั่นกรองความคิดของเธอก็มาจากหลาย ๆ เหตุผลด้วย เธอไม่โบ้ยความผิดให้ใคร และไม่หลีกหนีโทษเป็นแน่ ผิดก็ว่าไปตามผิด และถึงเธอจะกลัวอยู่บ้าง เธอก็ไม่ค่อยอยากหนีหรอก... เธอคงเกลียดตัวเองมากกว่าเก่าแน่ หากว่าจะต้องมีใครเป็นแพะรับบาปแทนเธอน่ะ กลับกัน หากว่าเธอจะต้องตกเป็นแพะรับบาปด้วยเหตุผลบางประการและเธอเต็มใจ ลูซี่ก็จะยืนหยัดอย่างถึงที่สุด เธอไม่กลัวอะไร และกล้าที่จะเดินต่อในเส้นทางนั้น สายตายังคงมุ่งมั่น กล้าแข็ง และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอยู่ดี สีเทาหม่นมองกลับมีประกายวาววับไม่ต่างอะไรกับมีดที่ถูกลับจนคมกริบ หญิงสาวผู้นี้ เข้มแข็งกว่าที่ใคร ๆ คาดคิดเอาไว้ นอกจากนั้น เธอยังรักพวกพ้องของตนเองมากเสียด้วย ถึงจะยังจำอะไรไม่ได้ แต่เธอก็รักคนรอบ ๆ ตัวที่อยู่กับเธอ รักความทรงจำดี ๆ ที่พวกเขาเติมเข้ามาใหม่ให้ และพร้อมที่ปกป้องพวกเขาอย่างถึงที่สุดทีเดียว การกระทำใด ๆ ถึงแม้จะทำตามความสนุกของใจตัวเองไปส่วนใหญ่ แต่สิ่งแรก ๆ ที่เธอคำนึงก็คือเรื่องความปลอดภัยของพวกพ้องหรือคนที่ตัวเองรักนี่แหละ... ตัวเธอเองน่ะ เธอมั่นใจว่าเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว เพราะงั้นจึงชอบทำอะไรเสี่ยง ๆ บ่อย ๆ ไงล่ะ เธอหลงลืมคำนึงถึงความรู้สึกเป็นห่วงของคนอื่นไป ขณะที่ก็นึกถึงแค่ความปลอดภัยของพวกเขาเท่านั้นเอง... 

    สนุกสนาน เฮฮาไปกับชีวิต ตีสนิทได้โดยง่าย อีกทั้งยังเป็นคนที่เปิดกว้างยิ่งกว่าอะไรอีก ลูซี่ไม่ใช่คนถือตัว และไม่ได้ใกล้เคียงแบบนั้นเลยด้วย เธอออกจะชื่นชอบที่จะได้ทำความรู้จักกับผู้คน ดีใจที่ได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ ผ่านตามากมาย เธอแสวงหาความสนุกและความตื่นเต้นเป็นชีวิตจิตใจ นอกจากนั้นก็รักที่จะพัฒนาตัวเองทั้งเรื่องความรู้และความแข็งแกร่ง ชนิดที่ว่าต่อให้เธอพ่ายแพ้ใครสักคน ต่อให้เธอเจ็บใจอยู่นิด ๆ หากแต่ก็ยังมีความรู้สึกที่ชื่นชมและเคารพอีกฝ่ายปะทุขึ้นมามากกว่า แถมมาด้วยลูกตื้อยากให้ช่วยฝึก ช่วยบอกสอนให้ เธอจะได้แข็งแกร่งกว่านี้ เธอจะได้ก้าวหน้าไปได้ไกลกว่านี้ เธออยากเดินหน้าให้ไวกว่าเก่า พูดง่าย ๆ ก็คือว่าเธอเคารพผู้คนได้ง่าย และชื่นชมสิ่งที่เป็นตัวตนของพวกเขาอย่างซื่อตรงเสมอ อะไรที่ว่าดีก็จะชมเข้าไปใหญ่ ยกยอปอปั้นทุกวี่ทุกวันไม่เลิกเสียที ลูซี่ไม่ชอบโกหกเท่าไหร่ เพราะงั้นแววตาของเธอจึงสุกประกายอยู่ตลอดในตอนที่ชื่นชมหรือชอบสิ่งใด ๆ เธอดูราวกับเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองนัก อะไรที่ชอบก็แสดงออกมาตรง ๆ ดี๊ด๊าเหมือนกินยาผิดขวด (?) มา หรืออะไรที่ไมอบก็จะขยาดเข้าไส้ แสดงออกอย่างกับเด็กงอแงไม่อยากทานยาเม็ด การกระทำเช่นนั้น หากจะให้พูดว่าน่ารักก็อาจจะหนักปากอยู่ ในเมื่อเธอดูโตขนาดนี้แล้วนี่นะ... แต่อย่างไรก็ตาม หากร้ายใส่เธอ เธอเองก็พร้อมจะร้ายกลับไปใส่พวกเขาเช่นกัน ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับไปแบบแฟร์ ๆ กันไปข้างหนึ่งเลยเชียว, ใครที่เธอไม่ชอบ เธอก็ไม่เข้าไปหาเรื่องพวกเขาหรอก เว้นแต่จะถูกหาเรื่องเอง แบบนั้นเธอก็ไม่ยอมพ่ายแพ่ให้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นเธอจะมีแผลกลับมาทุกวันได้ยังไงล่ะ...

    ผู้หญิงที่พรูคำหยาบและคำสบถออกมาเป็นว่าเล่น แม้ในปัจจุบันเธอจะควบคุมได้บ้างแล้วก็เถอะ แต่นิสัยที่ชอบเบ้ปาก ชักสีหน้า ไม่ก็กลอกตานี่แก้ไม่หายจริง ๆ นะ เวลาที่เธอไม่พอใจอะไร ใครต่อใครเขาก็คงรู้หมดนั่นแหละ ลูซี่ไม่ได้ชอบร้องกรี๊ดโวยวายเป็นนางร้ายละครหลังข่าว เพียงแต่เธอก็ใช่ว่าจะใจเย็นขนาดนั้นเหมือนกัน เรื่องถกเถียงหรือด่าทอเธอก็ทำได้ เพียงแต่ก็จะกั๊กไว้บ้างเท่านั้น เรื่องใช้กำลังก็ทำเป็นเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายนั้นต้องการแบบใด โดยมาแล้ว ลูซี่ไม่ชอบมีเรื่องกับใคร หากแต่ถ้าใครท้ามาก็ยอมรับคำไปเหมือนกัน บ้างก็แน่ใจว่าตัวเองสู้ได้ บ้างก็ไม่แน่ใจ แต่ก็ตบปากรับคำ ไหลลงไปหมดเสียแล้ว เพราะงี้ถึงทำให้ [1] ปวดหัวนัก เธอกราดเกรี้ยวอย่างกับลูกแมวพองฟูขนตัวเอง ตัวแค่นี้แต่ยังห้าวไม่เลิกเสียอีก แต่อย่างไรก็ตาม ลูซี่ก็คิดแค่ว่ามันไม่ได้พาความเดือดร้อนมาให้ใครนอกจากเธอเอวนั่นแหละ เธอไม่ได้รู้หรอกว่าใครจะเป็นห่วงตนเองบ้าง ต่อให้เธอชนะ เธอก็จะไม่เหยียบซ้ำหรือขย้ำอีกฝ่ายจนตาย การกระทำของเธอมักจะเป็นไปอย่างพอเหมาะพอควร...มั้ง หรืออย่างน้อยก็มีความเป็นมนุษยธรรม แค่เพียงห้าวด่องแด่งในทุก ๆ วันเอง... อีกอย่าง เธอก็เป็นคนกวนประสาทอย่างน่าเหลือเชื่อเช่นกัน สกิลการยั่วโมโหก็ดี ท่าทีกวนโอ๊ยที่พองัดออกมาก็ยั่วประสาทใช่เล่น ลูซี่ไม่ได้ชอบกวนประสาทใครเขาไปทั่วหรอก หากแต่ถ้าหมั่นไส้อีกฝ่ายเข้าจริง ๆ ก็ไม่แน่นะ, และเป้าหมายของเธอก็มักจะตกลงไปกับพวกทหาร ตำรวจ หรือไม่ก็คนที่ทำผิดอยู่ประจำเสียด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ถึงลูซี่จะกวนโอ๊ยแค่ไหน เธอก็ไม่ชอบดูถูกใครในเชิงที่ไม่ดีหรอกนะ

    หัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและคุณธรรม, ลูซี่นั้นเป็นผู้หญิงที่รักความยุติธรรม และยืนหยัดบนจุดยืนของตัวเองอย่างมั่นคง ต่อให้ความทรงจำเสื่อม กระนั้นเธอก็ยังคงรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด และ [1] ก็บอกสอนเธอในทางที่ดีมาตลอด เธอซึมซับมาแบบนั้น และสัญชาตญาณในตัวลึก ๆ ของเธอเองก็บ่งบอกว่าเขานั้นเป็นคนดีเช่นกัน ด้านลึกในจิตใจของเธอเองก็คงเป็นดั่งนักรบแห่งความยุติธรรมแน่ ถึงแม้เธอจะเป็นบุคคลที่ชอบปั่นป่วนเป็นที่หนึ่ง กระนั้นก็ยังคงมีความดีอยู่ในหัวอยู่... เธอไม่ก่อความวุ่นวายให้ผู้บริสุทธิ์แน่นอน และเธอเองก็ไม่ชอบทำให้ใครเดือดร้อนด้วย หากแต่ถ้ามีพวกนักเลง ทหาร หรือใครก็ตามที่กดขี่ชาวบ้านเขาก่อน เธอเองก็นึกอยากพุ่งเข้าไปตั้นหน้าเหมือนกัน เธอเลือกเป้าหมายตามความเหมาะสมอย่างประวัติกาลหรือการกระทำของพวกเขาเหล่านั้นนั่นแหละ ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะมองว่าการฆ่าคนมันเป็นเรื่องปกติด้วย เธอไม่ใช่ผู้ที่จะสนับสนุนความรุนแรงแต่อย่างใด หากทว่า ถ้าต้องปกป้องใคร หรือต้องป้องกันตัวเอง เธอก็ไม่ลังเลที่จะงัดทุกอย่างเข้าสู้ สู้เพื่อจุดยืนของตน และความถูกต้องเท่าที่ควรจะเป็นให้ได้ เธอจะไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยเป็นแน่ ยิ่งถ้าพวกนั้น หรือใครก็ตามต้องการจะทำให้เธอสยบลง เธอก็จะยิ่งผงาดเข้าสู้ ขู่ฟ่ออย่างไม่ยอมแพ้ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งขู่ก็เหมือนยิ่งเติมเชื้อไฟ ยิ่งกดขี่ก็เหมือนยิ่งเพิ่มพลังให้กับเธอดี ๆ นี่เอง อย่าหวังว่าเธอจะยอมถอยให้เลย หากว่านั่นเป็นสิ่งผิดใด ๆ, ลูซี่ไม่ยอมทนเฉยเป็นคนใกล้ตายแน่ หากเปรียบเปรยเธอเป็นเทพธิดา เธอเองก็คงเป็นเทพธิดาที่ไร้ปีก เธอไม่ได้มีอำนาจหรือตัวตนที่ทำให้ผู้ใดเคารพได้เลย หากแต่ก็ไม่ยอมแพ้ไป เธอรั้นขั้นสุดก็ด้วยเรื่องนี้นี่แหละ อะไรที่ไม่ควรเธอก็แย้งเต็มที่ หากวันนี้ไม่ได้ทำอะไรเพื่อแก้ไขให้มันถูกต้อง วันอื่น ๆ เธอก็จะทำ จดจำมันเอาไว้ และวางแผนว่าสักวันหนึ่งจะกลับมาให้มันถูกต้องอย่างแน่นอน... หากแต่ ในความเป็นจริงแล้ว หากให้พูดตรง ๆ ล่ะก็ ลูซี่เองก็เป็นคนใสซื่ออยู่นะ เพราะรักคุณธรรมมาก จึงไม่ยอมรับความผิดใด ๆ และแทบลืมคำนึงไปเลยว่ามนุษย์เราก็มีสองด้านกันทั้งนั้น มีทั้งดี แล้วก็ร้ายปะปนกันเต็มไปหมดน่ะ...

    ดั่งแสงไฟที่ไม่มีวันดับ ตัวตนของเธอก็คงสามารถเปรียบเปรยได้เช่นนั้น เธอยอมไม่ได้หากจะเห็นคนชั่วลอยนวล และยอมไม่ได้ด้วยหากจะมองข้ามความผิดพลาดหรือความลำบากลำบนของผู้คนไป เธอมักจะเข้าไปช่วยเหลือคนนั้นคนนี้ตามโอกาสที่มีเสมอ... เธอพยายามจะทำทุกอย่างเท่าที่ตนเองจะทำได้มาตลอด และไม่คิดจะยอมแพ้ด้วย พอรับรู้ถึงความผิดพลาดหรือความผิดปกติประการใด แม่สาวคนนี้ก็โกรธอยู่เสมอเลย หากเพียงแต่ก็ไม่ได้บ้าบิ่นจะลงมือรุนแรงอะไรขนาดนั้น อย่างน้อยจะทำอะไรเธอก็ต้องมั่นใจในระดับหนึ่งเสียก่อน และคิดว่ามันคงจะไม่พาความเดือดร้อนมาให้ใครในภายหลัง ถึงอย่างนั้นลูซี่ก็เป็นพวกที่ชอบลุยเดี่ยว หรือไม่ก็พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่เสี่ยงเสมอเลย กระบวนการคิดและมันสมองของเธอน่ะดี เธอเป็นคนฉลาด มองคนเป็น และเรียนรู้ไว ถึงอย่างนั้นก็ค่อนข้างขาดความรอบคอบพอสมควร ซึ่งนั่นมันก็เลยกลายเป็นจุดอ่อนของเธอไปเสียแล้ว ลูซี่นั้นตัดสินใจอะไรลงไปแล้วก็เปลี่ยนใจยากเสียด้วย ใช่ว่าจะไม่ฟังใครเลยหรอก เพียงแต่ต้องการเหตุผลที่แน่นอนเท่านั้นเอง... ลูซี่เป็นคนจำพวกที่มีความมุ่งมั่น อดทน และมุมานะอย่างเหลือล้น ต่อให้สิ้นหวังมากมายเพียงใด เธอก็ยังคงเป็นเปลวไฟที่ดื้อดึงจะลุกโชนต่อไป เท่านั้นยังไม่พอ เธอก็ยังจะฉุดดึงคนอื่น ๆ ให้สู้ไปพร้อม ๆ กับเธอด้วย หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเป็นผู้หญิงที่มีใจนักสู่อย่างถ่องแท้เลยเชียว หนำซ้ำยังเป็นพวกที่อึดถึกทนทั้งทางกายและใจอีกด้วย ล้มอีกกี่ครั้งก็จะลุกขึ้นมามากเท่านั้น เรียนรู้จากบาดแผลของตนเอง และก้าวต่อไปเรื่อย ๆ พัฒนาตนเองต่อไป เรียนรู้ต่อไป, ดวงตาของเธอมองหาแสงแห่งความหวังอยู่เสมอ ต่อให้โลกนี้มืดมนเพียงใด เธอก็ยังคงถ่างตาให้กว้าง ๆ เข้าไว้ รอวันที่แสงนั้นจะเล็ดรอดเข้ามา แล้วมือของเธอจะเอื้อมออกไป สองขาจะวิ่งตามไปคว้ามันเอาไว้ให้จงได้ หรือต่อให้พลาด เธอก็จะยังคงรอวันนั้นอีกครั้ง รอคอยต่อไป...

    ความกลัวอย่างหนึ่งในใจเธอก็คือความผิดพลาดที่ย้อนกลับมาทำร้ายคนที่เธอรัก ความผิดพลาดอันเกิดจากการกระทำของเธอเอง ลูซี่ไม่ห่วงตัวเองเท่าไหร่ แต่กลับห่วงคนอื่นเอามาก ๆ ซึ่งมันก็ออกจะเป็นข้อเสียไม่ใช่น้อยที่เธอติดนิสัยชอบคิดแทนคนอื่นเขาแบบนี้ เธอไม่ได้เป็นพวกเขาเอง ดังนั้นมันคงไม่มีทางแน่ ๆ ที่เธอคิดถูกเสียทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นลูซี่ก็ยังคงแก้นิสัยแบบนี้ไม่หายเสียที... ลึก ๆ แล้วเธอก็เป็นคนใจดีอยู่หรอก แต่เธอก็กลัวว่า ตัวตนที่แท้จริงของเธอ จะเป็นคนที่แน่กว่านี้ หรืออาจจะเป็นคนแบบอื่นก็ได้ ความรู้คือความกลัวที่ยากหยั่งถึงในแบบของเธอเอง เธอไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเป็นคนยังไง และจะกลับไปเป็นคนแบบนั้นอีกหรือเปล่าด้วย เพราะงั้นการใช้ชีวิตประจำวันของเธอ ณ ช่วงเวลานี้ มันอาจไม่ได้สดใสสุกประกายเท่าที่ควรนัก ต่อให้ตอนนี้เธอมุ่งมั่นในคุณธรรมมากมายเพียงใด ความกลัวอันเป็นหลุมบ่อลึกในใจก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน คนอย่างเธอใช่ว่าจะถูกหลอกได้โดยง่าย แต่อย่างไรเสียก็มีจุดอ่อนให้ขัดขาเหมือนกัน มนุษย์ทุกคนย่อมมีจุดอ่อน และเธอเองก็ด้วย หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องพวกนี้นั่นเอง และอีกอย่าง... บางครั้งเธอเองก็เหนื่อยล้ากับความระแวงในสิ่งที่ไม่รู้ของตัวเองเช่นนี้ ความเหนื่อยทำให้เธอแทบจะร้องไห้ กระนั้นเธอก็ไม่ทำ เธอเป็นพวกที่ไม่ยอมร้องไห้เด็ดขาด ไม่ยอมให้น้ำตาของตนเองไหลออกมาง่าย ๆ หรือถ้าจะยอม ตอนนั้นก็อาจเป็นคราวที่ดีใจหรือกินอาหารเผ็ดกระมัง และไม่ยอมที่จะถูกหาว่าเป็นสตรีที่อ่อนแอด้วย  สิ่งต่อมาที่ไม่ยอมก็คือไม่ยอมให้ใครมาดูถูกผู้คนที่เธอรักอย่างแน่นอน เธอไม่อยากอภัยให้ เพราะงั้นจึงโกรธและเข้าสู้... ถึงอย่างนั้น พอเหนื่อยล้าและต้องการที่พึ่งกลับไม่ค่อยกล้าร้องขอใครเท่าไหร่ เธอเพียงอยากให้พวกเขามองว่าเธอเข้มแข็งมาก ๆ ถึงมากที่สุด อยากให้พวกเขาเห็นเพียงด้านที่เธอสามารถเปล่งประกายได้เท่านั้น ด้านที่หม่นหมองเช่นนี้ เธอขออยู่กับตัวเองไปเสียจะดีกว่า... เธอไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นตนเป็นใคร และควรค่าแก่การปลอบใจหรืออยู่ข้าง ๆ หรือไม่ เพราะงั้น ทิ้งเธอเอาไว้แบบนี้แหละดีแล้ว... บางทีเธออาจต้องการเวลาในการเรียนรู้ และอนาคตจะบ่งชี้ชะตากรรมเธอเอง

    ประวัติ : 

    ครั้งแรกที่เธอตื่นขึ้นมา คือเธอพบว่าตัวเองอยู่ในบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่ง ซึ่งพอเดินลงบันไดมาก็พบกับ [1] ที่นั่งอยู่บนโซฟาและกำลังอ่านหนังสืออยู่ และก่อนที่เธอจะได้เอ่ยอะไรออกไป เธอก็ล้มหน้าทิ่งลงไปเสียแล้ว, คงเพราะแข้งขาที่อ่อนแรงจากการไม่ได้ใช้งานนาน ๆ นั่นแหละ

    หลังจากนั้น [1] ก็ได้เริ่มอธิบายให้เธอฟัง เขาบอกว่าเขาพบเธอในสภาพตัวขาดครึ่งที่กองขยะในเมืองใต้ดินแห่งนี้ และเธอก็อาจจะเป็นชาวเมอร์ลินก็ได้ เพราะเธอมีชีวิตอยู่รอดมาได้ทั้ง ๆ ที่สภาพย่ำแย่ขนาดนั้น และแม้เขาจะไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเธอมากนัก เขาก็ยังคงยอมให้เธออาศัยอยู่ด้วย หลังจากที่ทราบว่าเธอความจำเสื่อมและไม่มีที่จะไปจริง ๆ

    ลูซี่พยายามจะหวนนึกถึงเรื่องของตัวเองหลายครั้ง แต่แล้วสิ่งที่ตอบกลับมาก็มีเพียงแค่ความว่างเปล่า หัวสมองปวดจี๊ด และขาวโพลนไปหมด

    เธอความจำเสื่อม และจำไม่ได้ว่าตนเองไปอยู่ที่กองขยะได้ยังไง และไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าใครเป็นคนทำให้เธอตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น

    ในเวลาต่อมา เธอก็ตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกับ [1] ไปเรื่อย ๆ ก่อน ค่อย ๆ นึก และค่อย ๆ ค้นหาตัวเองไปเรื่อย ๆ ระหว่างนั้นเธอก็ได้เริ่มพานพบกับพวกพ้องมากมาย เล่นสนุกกันไปวัน ๆ ใช้ชีวิตไปในเมืองใต้ดินนี่ ดำรงอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ

    ทว่าหนึ่งเดือนหลังจากนั้น ลูซี่ก็เริ่มเกิดความสงสัยในระบบสังคมความเป็นอยู่แห่งนี้, เธอเริ่มไม่พอใจอะไรหลาย ๆ อย่าง และมีความคิดที่อยากจะทำอะไร ๆ ให้มันดีกว่านี้ อยากเดินทางเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับตัวเองให้มากขึ้น

    กระนั้นเธอก็ไม่รู้หรอก ว่าในอนาคต ตนเองจะต้องพบกับอะไรบ้าง...

    To be continued...? 

    สเปคคนที่ชอบ : คนที่แข็งแกร่ง น่าค้นหา เข้มแข็ง และรักความท้าทาย ( Pansexuality ) - พูดง่าย ๆ คือคนที่คล้าย ๆ กับเธอเอง ลูซี่คิดว่าถ้าตัวเองจะแต่งงานล่ะก็ ขอเป็นคนแนว ๆ นี้ที่คล้าย ๆ กับเธอน่าจะไปด้วยกันง่ายกว่า เธอค่อนข้างสนใจคนพวกนี้เป็นพิเศษเสียด้วย คงเพราะอุปนิสัยชอบความท้าทาย ชอบอะไรที่มันหนักแน่นแข็งแกร่งล่ะมั้ง เธอถึงได้ตื่นเต้นและรู้สึกมีความสุขอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มองคนประเภทอื่นเลยหรอกนะ

    งานอดิเรก : 

    - ออกกำลังกาย ; ทำได้มากน้อยแค่ไหนเธอก็จะทำ ไม่ว่าจะวิ่ง หรือออกำลังกายอยู่กับที่ที่บ้านก็ตาม เธอมองว่ามันก็สนุกดีที่ได้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพนะ แถมได้ฝึกฝนไปในตัวเสียด้วยสิ

    - ยืนดู [1] ทำอาหารให้ ; เพราะตัวเองทำไม่เป็น และชื่นชอบที่จะมองดู [1] ทำอยู่ตลอด เธอคิดว่ามันอัศจรรย์เสมอที่เขาทำอะไรออกมาก็อร่อยทุกอย่าง แถมจัดจานเก่งเสียด้วยนะ ถือว่าเป็นผู้วิเศษได้รึเปล่าก็ไม่รู้

    - ฝึกฝนทักษะของตัวเอง ; ถึงจะจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใครก็เถอะ แต่ทักษะการเตะต่อยนี่ก็ติดตัวมาเหมือนเป็นสกิลติดตัวยังไงก็ไม่รู้ แล้วเธอก็ชอบที่จะฝึกฝนด้วยการชกต่อยกับอากาศไม่ก็ขอให้คนที่เก่งเรื่องนี้ช่วยฝึกล่ะนะ

    - หาเรื่องท้าทาย การผจญภัยหรือไปที่ใหม่ ๆ ที่เธอไม่เคยไปมาก่อน ; หรือบางทีอาจเคยไปแต่จำไม่ได้... ลูซี่ชื่นชอบที่จะไปยังที่ต่าง ๆ พบหาอะไรใหม่ ๆ แล้วลงไปสนุกกัยมันตลอด ไม่ว่าจะเป็นความ

    - อ่านหนังสือ ; หากไม่มีอะไรจะทำ และจำเป็นต้องอยู่แต่ในบ้านจริง ๆ เธอก็จะอ่านแต่หนังสือนี่แหละ หากไม่ได้ออกไปเผชิญโลกด้วยตัวเอง ก็ขอแค่เผชิญโลกในหนังสือก็ยังดีนะ

    ความสามารถพิเศษ : 

    - ทักษะการปีนป่าย ; เห็นได้ชัดว่าการปีนป่ายของเธอยอดเยี่ยมาก อย่างกับว่าเธอเป็นลิง หรือไม่ก็เป็นกิ้งก่า ที่มือไม้หนีเหนียวแน่น เกาะติดสิ่งนั้นสชทีสิ่งนี้ที แล้วก็กระโดดข้ามดาดฟ้าตึกต่อตึกได้ง่ายเสียด้วยนะ

    - ทักษะศิลปะการต่อสู้ ; เธอเองก็จำไม่ได้หรอกว่าตัวเองไปฝึกมาจากไหน แต่ที่รู้ ๆ เธอเองก็มีสัญชาตญาณที่ตอบสนองการต่อสู้ดีไม่น้อยเลย เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นนักสู้มาก่อน และรูปแบบทักษะก็เป็นแบบผสมผสานรวมกันเสียด้วย

    - ประสาทรับรู้ ; ประสาทหู ตา จมูก สิ่งต่าง ๆ ของเธอนั้นค่อนข้างไว ไม่รู้ว่าเป็นคุณสมบัติของชาวเมอร์ลินด้วยหรือเปล่า เธอถึงได้เป็นเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรแล้ว เธอก็สามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในเรื่องของการต่อสู้ได้ดีทีเดียวเชียวล่ะ

    - ความอึดถึกทน ; แม้จะเป็นผู้หญิง ทว่าเธอกลับมีร่างกายที่แข็งแรงอย่างน่าเหลือเชื่อเลยล่ะ เธออึดอย่างกับแมลงสาบ และเป็นกระสอบทรายชั้นยอด (?) ได้ดีเลยจริง ๆ นะ กระนั้นก็ใช่ว่าจะไม่เคยล้มหรอก

    - การเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ไว ; สมองและการเรียนรู้ของเธอจัดว่าน่าชื่นชมมาก เธอเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ไวพอ ๆ กับผู้มีปัญญา กระนั้นก็ยังขาดความรอบคอบไปอยู่ดี เพราะงั้น สิ่งที่เธอต้องแก้ไขหลัก ๆ ก็คงเป็นนิสัยของเธอเองนั่นแหละนะ...

    สิ่งที่ชอบ : 

    - น้ำเย็น ; ลูซี่ชอบอาบน้ำเย็นมาก แล้วก็ชอบแช่น้ำเย็น ๆ ด้วย มันทำให้รู้สึกผ่อนคลายยังไงไม่รู้สิ ยิ่งอยู่ในเมืองใต้ดินที่ร้อนแสนร้อนแบบนี้ด้วยแล้ว การจะไปอาบน้ำอุ่นยิ่งทำให้เธอแทบกรี๊ดคอแตกตายเลยล่ะมั้ง

    - ของหวาน ; ลูซี่ชอบของหวานเป็นชีวิตจิตใจ แถมกินเยอะเป็นพิเศษด้วย หากว่ามีโอกาสล่ะก็ เธอแทบจะทานมันแทนข้าวได้เลยด้วยซ้ำ และทานเข้าไปโดยไม่คำนึงถึงปริมาณน้ำตาลในเลือดด้วยนะ...

    - นมสด ; เป็นเครื่องดื่มที่อร่อยดี กินง่าย และไม่ส่งผลเสียด้วย เธอชอบมัน และชอบหาซื้อทุก ๆ เช้าด้วย หากแต่ ถ้าไม่มีเงินก็ไม่คิดจะดันทุรังอะไรหรอก... ยังไงเสีย วันต่อ ๆ ไปก็ยังมีโอกาสนี่นะ ตรายเท่าที่เธอมีชีวิตอยู่เลย

    - ผัก ; ผักมันมีประโยชน์ แถมช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เรื่องรสชาติเธอก็ชอบบ้างไม่ชอบบ้าง แต่ส่วนมากก็ไม่ได้เกี่ยงเท่าไหร่ หลัก ๆ แล้วเธอชอบมะเขือเทศที่สุด ชอบมากจนพกติดกระเป๋าทุกทีที่มีโอกาสเลยล่ะ

    - ฝน ; เพราะเมืองใต้ดินไม่มีท้องฟ้าให้เห็นเลย พอเธอได้ออกไปทีไร ถ้าฝนตก เธอก็ชอบเล่นน้ำฝนทุกทีเลยล่ะ กระนั้นเธอก็ไม่สามารถอยู่ได้นานนักหรอก ในเมื่อเธอไม่ใช่ประชากรของคนด้านบน แถมไม่ได้มีธุระอะไร แต่แค่หนีออกมานี่นะ

    - การขึ้นรถไฟ ; อันนี้ก็เป็นอีกเหตุที่เธอหนีไปด้านบน พอได้แอบขึ้นรถไฟแล้วก็ชื่นชอบความรวดเร็วที่มันพาเธอแล่นไปที่ต่าง ๆ เสียจริง ลูซี่ตื่นเต้นกับสิ่งเหล่านี้มาก และชอบมาก ๆ ถึงขั้นขอให้ [1] พาไปบ่อย ๆ เลย แต่เขาก็ปฏิเสธทุกครั้งเช่นกัน...

    สิ่งที่ไม่ชอบ : 

    แมลงวัน ; เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญเอามาก ๆ เลยล่ะ เสียงของมันก็น่ารำคาญ พอมันบินว่อนอยู่ใกล้ ๆ ก็น่ารำคาญเหมือนกัน เป็นไปได้ลูซี่ก็อยากจะตบมันให้ตายคามือไปเลยนะ แต่ทำไม่ค่อยได้เลยนี่สิ...

    - การป่วยหรืออาการบาดเจ็บ ; เธอไม่ชอบร่างกายที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเอาซะเลย ไม่ว่าจะเจ็บป่วยแบบใดก็ตาม มันลำบากกว่าที่เคยเป็นมาก่อน แถมยังพลอยให้คนอื่นเป็นห่วงไปด้วยอีกแหน่ะ

    - เลือด ; เธอไม่ชอบกลิ่นเลือด และไม่ชอบของเหลวหนืด ๆ แบบนี้ด้วย ไม่ว่าจะของตัวเองหรือของใครก็ตาม เธอไม่ได้กลัวเลือดหรอก แต่ที่ไม่ชอบก็เพราะมันก็ออกจะรู้สึกไม่ค่อยดีเสียด้วยสิ ถ้าหากมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นก็แย่เลย...

    - การถูกรบกวนเวลานอน ; การนอนคือการออมพลังของร่างกาย และคนที่รบกวนเวลานอนนั่นล่ะร้ายกาจที่สุด เธอไม่ชอบคนพวกนั้น แต่ก็ไม่ได้โวยวายแต่อย่างใดหรอก แค่ชักสีหน้าใส่เท่านั้นเอง...

    - การถูกบ่น ; ความจริงแล้วเธอก็รู้ว่าตัวเองผิดนั่นแหละ แต่พอถูกบ่นมาก ๆ มันทำให้เธอเป็นเหมือนกับเด็กยังไงไม่รู้ อย่างนี้แล้วก็อาจจะมีเถียงกลับไปบ้างล่ะนะ ถ้ามีคำให้เถียงล่ะก็ แต่ถ้าไม่มีก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับความจริงไปสิ...

    - หัวหอม ; มันไม่อร่อย... และไม่เคยอร่อยด้วย อาจเป็นผักชนิดเดียวที่ลูซี่ขยาดเลยก็ว่าได้ นอกจากนั้นมันยังทำให้น้ำตาไหลเวลาต้องหั่นอีก ยิ่งทำให้เธอไม่ชอบเข้าไปใหญ่เลยน่ะสิทีนี้

    สิ่งที่เกลียด : 

    ความไม่เท่าเทียมกันของสังคม ; เธอรู้และเข้าใจถึงสังคมนี้ดี และต่อให้ความเป็นอยู่ตอนนี้จะยังพออยู่รอดต่อไปได้ กระนั้นเธอก็ไม่ได้ชื่นชอบความลำบากหรอก และไม่ได้ชอบให้คนชั่วลอยนวลอยู่เหนือกว่าต่อไปเรื่อย ๆ ด้วย หากสามารถทำอะไรเพื่อแก้ไขมันได้ล่ะก็ แน่นอนว่าเธอจะทำแน่

    - การโดนดูถูก หรือพวกที่ชอบดูถูกคนอื่น ; คนพวกนี้มันน่ารำคาญจนเธออยากจะสอยลงรายตัวเลยล่ะ แต่เพราะไม่ใช่คนชอบหาเรื่อง จึงไม่อยากลงมือก่อน เธอแค่รอจังหวะถูกหาเรื่องแล้วลุยเลยเท่านั้นเอง

    - อาหารสด ; หมายถึงสดมาก ๆ ขนาดที่ว่ามันยังดิ้นขลุกขลักอยู่บนจานอยู่เลย แบบนั้นเธอไม่ค่อยมีอารมณ์จะสุขสมเวลากินเท่าไหร่ แล้วเวลาที่มันดิ้นอยู่ในปากก็ยิ่งรู้สึกทั้งสงสารทั้งรู้สึกผิดเข้าไปอีกนี่สิ...

    สิ่งที่แพ้ : -

    สิ่งที่กลัว : 

    - ตัวตนของตัวเองก่อนหน้านี้ ; ลูซี่จำไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเป็นคนยังไง หรือเป็นใครมาก่อน... เธอกลัวว่าตนเองจะเป็นคนเลวร้ายที่ทำร้ายคนอื่นมาก่อนมาก ๆ เลยล่ะ เพราะงั้น ต่อให้เธออยากค้นหาตัวเองมากเท่าไหร่ ความกลัวด้านนี้ก็มาขึ้นเท่านั้น เธอกลัวเหลือเกินว่าจะยอมรับตัวเองไม่ได้ แล้วตอนนั้นเธอจะเป็นอย่างไรเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจเสียสูญ เสียกำลังใจในการใช้ชีวิต หรืออะไรก็ตามแต่ ความไม่รู้ยิ่งทำให้เธอกลัว และเมื่อเธอเกิดคิดมากเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ เธอก็จะตัวสั่นเสมอเลย ซึ่งทางแก้ของเธอก็คือการหลบมาอยู่คนเดียวล่ะนะ... เธอไม่กล้าขอให้ใครปลอบใจหรอก

    - เข็มฉีดยา ; อาจไม่ได้กลัวรุนแรงมากมายอะไร กระนั้นก็ยังมีอาการสั่น ๆ นิด ๆ อยู่ดี เธอไม่ค่อยถูกกับการฉีดยาเท่าไหร่เสียด้วย เพราะงั้นเลยลีลาตลอด เวลาที่ต้องตรวจร่างกายหรือรับการรักษาที่มีการฉึดยาด้วยน่ะ

    ข้อมูลเพิ่มเติม : 

    - ฝีมือการทำอาหารของลูซี่ห่วยแตกมาก งานบ้านก็ทำไม่ค่อยเป็นด้วย และการใช้ชีวิตหลาย ๆ อย่างเธิก็พึ่งพา [1] เกือบทั้งหมดเลยล่ะ

    - เธอเป็นคนถนัดมือซ้าย แต่ก็สามารถใช้มือขวาได้เหมือนกัน ความสามารถเองก็อาจไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ทว่ามีแค่เธอเท่านั้นที่รู้ เธอรู้ว่ามือขวาจะอ่อนล้าไวกว่ามือซ้าย และมือซ้ายจะมีกล้ามเนื้อที่ทนทานมากกว่า

    - รอยสักที่ท้ายทอยนั่น เธอเคยคิดอยากจะลบมันออกไป แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ล้มเลิก เพราะคิดว่าบางทีมันอาจเป็นตัวบ่งชี้ตัวตนสักอย่างของเธอก็ได้

    - ลูซี่พกมีดติดตัวตลอดวเลา แต่เหน็บมันเอาไว้ที่เอวแล้วเอาเสื้อทับ ดังนั้นจึงไม่มีใครมองเห็นหรือรู้เลย แล้วเธอก็พกไว้เพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้นเสียด้วย เธอไม่ได้ตั้งใจจะเอาไปทำร้ายใครหรอกนะ

    - เธอสูบบุรี่ กินเหล้าบ้างอะไรบ้าง แต่ไม่ได้บ่อยนัก เพราะรู้ว่ามันเสียสุขภาพ แล้วเธอก็โดน [1] บ่นใส่บ่อย ๆ ด้วยสิ

    - ลูซี่ชื่นชอบที่ฟังเพลงข้างทางมาก ๆ แต่ก็ฟังเฉย ๆ เพราะไม่มีเงินให้พวกเขาเสียนี่

    - จริงอยู่ที่เธอมีความคิดอยากจะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีกำลังมากพอจึงไม่บุ่มบ่ามทำอะไรเกินตัวนัก

    - เธอจำอะไรไม่ได้ แบบไม่ได้เลยจริง ๆ การตื่นขึ้นมาครั้งนี้ก็เหมือน ๆ กับการเกิดใหม่ แล้วเติมความทรงจำใหม่เข้ามานั่นเอง ถึงอย่างนั้น ทักษะการใช้ชีวิตแบบพื้นฐานเธอก็ยังทำได้เหมือนมนุษย์ปกตินะ

    - เธอไม่รู้ว่าอุปนิสัยของตัวเองเมื่อก่อนเป็นยังไง แต่ตอนนี้ก็เป็นซะแบบนี้แหละ... แถมเธอก็ไม่แคร์ใครด้วยนะ เว้นแต่คนที่ตนเองรักน่ะ

    - จริง ๆ แล้วเธอรักเด็กนะ... แต่ก็มีเด็กบางประเภทที่เธอค่อนข้างรำคาญเหมือนกัน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แสดงออกมากมายนักหรอก

    - ตอนนี้เธอยังไม่อยากมีความสัมพันธ์เชิงรักใคร่กับใครเท่าไหร่ ใช่ว่าจะรังเกียจ แต่เพราะยังรักสนุกอยู่ต่างหากล่ะ...

    - ลูซี่สามารถสู้โดยใช้อาวุธได้บ้าง แต่ยังไม่ถนัดเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเพราะความทรงจำเสื่อม หรือเพราะก่อนหน้านี้เธอเองก็ไม่ถนัดอยู่แล้วกันแน่ ถึงอย่างนั้นเธอก็ตื้อให้ [3] ช่วยฝึกสำเร็จแล้วล่ะนะ

    - พอถูกชมว่าผมสวยทีไร ลูซี่ก็เบ้หน้าทุกที เพราะเธอมองว่ามันประหลาด แล้วก็หาคนที่มีสีผมแบบนี้ไม่เจอเลยด้วยสิ

    - แหกปากตะโนด่าทหารไม่ก็รัฐบาลทุกคืน เหตุผลเพราะมันก็สนุกดีที่ได้ปั่นหัวทหารลาดตระเวนน่ะนะ...

     

    ______________________________________________________________________________


    ❝ QUESTIONNAIRE 


    1. คุณคิดว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับการทำสงคราม?

    answer ; เหตุผลที่ว่าเราทำสงครามกันทำไม / กำลังรบ ความแข็งแกร่ง และการรู้จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม / เป้าหมายในการทำสงคราม

    reason ;อาจริงฉันไม่นิยมความรุนแรงหรอกนะ เพราะงั้นขอรู้เหตุผลก่อนดีกว่า ใครเหยียบหางใครแล้วใครจะเห่ากลับเหรอ?, ฉันค่อนข้างมั่นใจกว่ากระบวนการต่าง ๆ จะตามหลังมา แต่ความรอบคอบตรงนี้ก็สำคัญเหมือนกัน ถึงปกติแล้วฉันจะไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยากแบบนี้ก็เถอะ 

    2. สมมติว่ามีเด็กคนหนึ่งที่เป็นคนสำคัญของคุณล้มอยู่บนรางรถไฟ และรถไฟกำลังแล่นมาด้วยความเร็ว ตัวคุณสามารถสับรางรถไฟเพื่อช่วยเด็กคนนั้นได้ แต่นั่นจะทำให้ผู้โดยสารกว่าร้อยคนในรถไฟขบวนนั้นเสียชีวิตเพราะรถไฟคว่ำกะทันหัน เมื่อรู้แบบนี้แล้ว คุณจะเลือกช่วยใครดีล่ะ ระหว่างเด็กคนนั้น กับ ผู้โดยสารทั้งหมดบนรถไฟ? คุณจะปล่อยให้ผู้โดยสารทั้งหมดต้องตาย หรือ จะปล่อยให้เด็กคนนั้นถูกรถไฟบดขยี้จนร่างขาดออกเป็นสองท่อนดี?

    answer ; เลือกช่วยเด็กที่เป็นคนสำคัญของตัวเอง / เลือกที่จะช่วยผู้โดยสารบนรถไฟ

    reason ; มันยากที่จะทำใจก็จริงนะ... แต่ว่าถ้าฉันไปพรากชีวิตคนบนรถไฟที่อาจเป็นคนสำคัญของคนอื่น ๆ อีกมากมายไปแบบนั้นก็ยิ่งแย่น่ะสิ ฉันทนไม่ได้หรอกที่จะให้ตัวเองไปมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นเขาน่ะ

    3. หากมีพรวิเศษหนึ่งข้อที่คุณสามารถเลือกได้ คุณจะเลือกอะไรระหว่าง พรที่ทำให้รู้วันตายของคนอื่น ๆ รวมถึงตัวเองด้วย พรที่ทำให้เป็นอมตะ  และพรที่ทำให้คืนชีพชีวิตคนตายกลับมาได้?

    answer ; พรที่ทำให้รู้วันตายของคนอื่น ๆ รวมถึงตัวเองด้วย / พรที่ทำให้เป็นอมตะ / พรที่ทำให้คืนชีพชีวิตคนตายกลับมาได้

    reason ; พูดได้มั้ยว่าความจริงแล้วฉันแทบไม่ได้อยากได้อะไรเลย?, ก็แบบว่าชีวิตเป็นอมตะมันก็นานเกินไปจนดูไม่สนุก และการคืนชพคนตายกลับมาก็ผิดธรรมชาติไปอีก แต่เอาจริง ๆ แล้วถ้ารู้วันตายก่อนล่วงหน้าก็เจ๋งเหมือนกัน จะได้รับมือถูกด้วย เผื่อว่าจะไม่มีโอกาสได้กินของที่ชอบอีก เพราะงั้นฉันขอเลือกอันนั้นแล้วกันนะคะ

    4. คุณคิดว่าอะไรมันแย่กว่ากัน ระหว่าง เจ็บปวดเพราะความจริง กับ มีความสุขเพราะการโกหก?

    answer ; เจ็บปวดเพราะความจริง / มีความสุขเพราะการโกหก

    reason ; การโกหกนั่นเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งแล้ว การหลอกลวงตัวเองและคนอื่น ๆ ก็เหมือนกัน... ต่อให้มันเลวร้ายแค่ไหน ฉันก็จะขอเผชิญหน้ากับความจริงแล้วต่อยหน้ามันสักหมัดเลยดีกว่า อย่าคิดว่าฉันจะกลัวเชียว


    ______________________________________________________________________________


    ❝ INTERVIEW 

     

    ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ นั้นเงียบสงัด แต่แล้วก็ถูกแทรกขึ้นมาด้วยเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่ง, ซึ่งไม่นานนักก็ปรากฏร่างของใครคนนั้นขึ้นมา ดวงตาของลูซี่ เหลียวมองร่างบางร่างนั้นจนกระทั่งเธอทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดกลางตรงหน้าเธอ

    "สวัสดีค่ะ" หล่อนส่งยิ้มมาให้ กระนั้นก็ไม่ได้สนใจเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะอยู่ในสภาพไหน

    ลูซี่ที่ถูกมัดแขนขาติดกับเก้าอี้ก็รู้สึกประหลาดใจกับรูปแบบการสนทนาเช่นนี้ไม่ใช่น้อย และมันออกจะทำให้เธอไม่ค่อยประทับใจเสียด้วย หากแต่ก็ยังคงทำอะไรไม่ได้ นอกเสียจากนั่งนิ่ง รอฟังคำของเธอคนนั้นต่อไป

    "ฉันชื่อวาเลนไทน์นะคะ วาเลนไทน์ บลูม ยินดีที่ได้พบค่ะ ขอทราบชื่อของคุณด้วยนะคะ" ริมฝีปากบางอมยิ้ม หล่อนปัดเส้นผมสีทองไปด้านหลังก่อนจะเอ่ยต่อ "โอ้ และต้องขออภัยด้วยนะคะ ที่เราต้องทำให้คุณอยู่ในสภาพนั้น, เพราะเราไม่แน่ใจว่าคุณจะอาละวาดหรือเปล่าน่ะค่ะ"

    "แหม...ก็นึกว่าจะเล่นแง่อะไรซะอีกนะคะเนี่ย" ลูซี่เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เอนหลังพิงพนักอย่างสบายตัวก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเอ่ยต่อ "และสำหรับคำถาม... ฉันชื่อลูซี่ค่ะ คาดว่าน่าจะอย่างนั้นนะ ชื่อนั้นมันสลักอยู่ที่ท้ายทอยของฉันน่ะค่ะ"

    ดวงตาสีเทากลอกไปมาอย่างครุ่นคิด แต่ไม่นานนักก็หยุดลงเสียง

    "หรือบางทีอาจจะเป็นชื่อหมาข้างบ้านก็ได้ ฉันจำไม่ได้หรอกค่ะ แต่คงไม่มีใครบ้าสักชื่อหมาลงบนร่างกายตัวเองหรอกเนอะ" ว่าจบก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ราวกับเป็นเรื่องที่น่าขำเสียอย่างนั้น

    "โอ้แหม... เป็นชื่อที่ไพเราะดีนะคะ ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ" ว่าจบวาเลนไทน์ก็วางมือลงบนโต๊ะตรงหน้า สานมือเข้าหากันแล้วพูดต่อ "เอาล่ะค่ะ คุณลูซี่ ฉันอยากให้คุณตอบคำถามนับจากนี้มาตรง ๆ เลยนะตะ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับ และไม่ต้องกลัวว่าทางเราจะบันทึกเสียงของคุณไปใช้ในทางที่ไม่ดีค่ะ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นความลับ"

    วาเลนไทน์ยืดหลังตรง และแววตาของเธอก็ดูจริงจังมากขึ้น ดวงตาสีฟ้าของเธอสบเข้ากับดวงตาของ(ชื่อตัวละคร)ขณะเอ่ยต่อ

    "คุณคิดยังไงกับโลก หรือจักรวาลที่เป็นอยู่นี้คะ?, คุณคิดว่าระบบการใช้ชีวิตของคุณในปัจจุบันนั้นดีแล้วจริง ๆ หรือเปล่า?"

    "หืม..." เสียงของเธอลากยาวอยู่ในลำคอครู่หนึ่งอย่างใช้ความคิด หากทว่าไม่นานนักมันก็หยุดลง "เป็นคำถามที่ตอบยากนะคะ แต่ก็น่าสนใจดีเหมือนกันแฮะ" ลูซี่เดาะลิ้น เคาะปลายนิ้วลงบนพนักวางแขนก่อนจะว่าต่อ

    "จะว่าเจ๋งก็เจ๋งดีค่ะ แต่ถ้ามันดีกว่านี้ได้คงจะเจ๋งกว่า" เธอไหวไหล่ช้า ๆ "ความจริงแล้วฉันอยู่กินได้ทุกที่นะคะ ฉันไม่ได้เรื่องมาก แต่ก็ใช่ว่าจะชอบความลำบาก ความลำบากไม่ได้ช่วยให้ใครมีความสุขนี่เนอะ"

    "อา... แบบนั้นเองสินะคะ" วาเลนไทน์พยักหน้าช้า ๆ ก่อนพรูลมหายใจออกมาแล้วเอ่ยต่อ "แล้ว...คุณมีความคิดที่จะปฏิวัติมันหรือเปล่า ถ้าหากมีโอกาสจะทำได้จริง ๆ น่ะค่ะ?"

    "แน่นอนค่ะ ถ้าทำได้ฉันก็จะทำ" ลูซี่ตอบออกไปตามตรง ตามมาด้วยแววตาที่ส่องประกายวาววับ ราวกับเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง "กฎทั้งหลายนั่น ถ้ามันบ้าบอนัก ฉันก็ขอแหกมันทั้ง ๆ อย่างนั้นไปเลยก็แล้วกันค่ะ อยากตามฆ่าฉัน ฉันก็จะฆ่าคนพวกนั้นไปเสียก่อนเลย"

    เธอเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม หยุดเว้นช่วงไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ "โลกใบนี้ หรือแม้แต่จักรวาลนี่ไม่ได้สวยงามอย่างที่เปลือกนอกมันเป็น เพราะแบบนั้นฉันจึงไม่อยากอยู่นิ่งเฉยเป็นปลาตายซากหรอกค่ะ ถ้ามีใครหาญกล้าข่มขู่ฉัน ฉันก็จะต่อยแม่งเลยค่ะ รำคาญ พูดมากนัก ไอ้เวรที่ไหนฉันก็ไม่กลัวหรอกค่ะ อยากลองดีก็เข้ามาเถอะ"

    ว่าจบเธอก็ชะงักไปนิดหน่อย, อ่า เผลอหยาบไปนิดหน่อยแฮะ แต่ช่างเถอะ

    "เข้าใจแล้วค่ะ" วาเลนไทน์พยักหน้าอีกครั้ง "ฉันชอบแนวความคิดของคุณนะคะ" เธอลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมมาแกะเชือกที่มัดแขนลูซี่ออกให้อย่างช้า ๆ ไม่เร่งรีบ แต่ก็ใช่ว่าจะช้าเกินเหตุ เธอเพียงแต่ต้องการพูดคุยกับเธอใกล้ ๆ เท่านั้นเอง

    "ว่าแต่คุณคิดว่าตนเองแข็งแกร่งเพียงใดกันเหรอคะ?" คำถามพลันพรูออกมาอีกครั้ง ขณะเดียวกัน เธอก็สบตากับคู่สนทนาไปด้วย มือก็ยังขยับยุกยิกแก้เชือกไม่หยุด เส้นผมสีบลอนด์ทองของเธอเลื่อนผ่านลาดไหล่ลงมาแตะพวงแก้มของคนตรงหน้าเสียแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้สนใจมันเลย

    "เรื่องนั้นฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ" ลูซี่นักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก "ฉันไม่แน่ใจเรื่องพลังของตัวเองเท่าไหร่ และแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองเลยด้วยซ้ำ ฉันต่อสู้ตามสัญชาตญาณ ตอบสนองตามที่ร่างกายของตัวเองจะพาไป ฉันไม่รู้ว่าตัวเองแข็งแกร่งแค่ไหนหรอกค่ะ อาจจะไม่ได้อ่อนแอ แต่ก็คงไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด...มั้ง?"

    เธอเอียงคอเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด "อ่า... หรืออาจจะแข็งแกร่งก็ได้ค่ะ ฉันไม่แน่ใจว่านิยามของคำว่าแข็งแกร่งของคุณมันอยู่ตรงไหนกันแน่ เอาเป็นว่าอย่างน้อย ๆ ฉันก็เป็นพวกที่กัดไม่ปล่อยแล้วกันค่ะ สู้จนกว่าจะตายไปข้างนั่นแหละ"

    "โอ้... เป็นแบบนั้นนี่เองสินะคะ" หล่อนผละตัวออกไปพร้อม ๆ กับดึงเชือกที่เคยพันธการแขนของลูซี่ออกไปด้วย "แล้ว... ถ้าหากว่ามีสงครามจักรวาลเกิดขึ้น คุณนึกอยากที่จะอยู่ฝ่ายใดคะ รัฐบาลในเมืองของคุณ สู้ด้วยตัวคุณเอง สู้เพื่อคนที่คุณรัก หรือยอมตายไปเสียเลยกันแน่?"

    "คงไม่ว่าอะไรนะคะ หากฉันจะตอบมันทั้งสองอย่าง" หญิงสาวกระตุกยิ้ม "แบบว่า...ฉันเลือกที่จะสู้เพื่อตัวเอง และตัวฉันเองก็ทำทุกอย่างเพื่อคนที่รักนั่นแหละค่ะ เหตุผลของการต่อสู้คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำตามเสียงเรียกร้องของตัวใจตัวเองนี่คะ, โอ้ อาจจะเพื่อความถูกต้องด้วยหนึ่ง ฉันคิดว่านิยามของความถูกต้องของฉันก็จ๊าบใช่เล่นนะ"

    ลูซี่แลบลิ้นเลียริมฝีปากครั้งหนึ่ง ก่อนจะว่าต่อ "ฉันไม่ได้นิยมความรุนแรงหรอกนะคะ แต่หากต้องสู้จริง ๆ ...ฉันก็จะทำตามความต้องการของหัวใจในช่วงเวลานั้นนั่นแหละค่ะ"

    "อ้า... ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ คุณยอดเยี่ยมมาก" ว่าจบ วาเลนไทน์ก็ย่อตัวลงไปแก้มัดที่ขาของลูซี่ให้อีกที "และ...สำหรับคำถามสุดท้ายนะคะ" พอแก้มัดเสร็จ เธอก็ยืนขึ้น และเอ่ยอีกครั้ง "ชอบทานของหวานอะไรคะ? หรือถ้าไม่ชอบของหวาน คุณชอบของว่างแบบไหนเหรอ?"

    ลูซี่ย่นคิ้ว ไม่คิดว่าอยู่ ๆ รูปแบบคำถามจะเปลี่ยนไปไวขนาดนี้ กระนั้นก็รู้สึกดีเช่นกันที่พันธนาการถูกปลดออกจากตัวเองเสียที

    เธอยืดตัวตรงและบิดขี้เกียจนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยปากขึ้น "ชอบหมดนั่นแหละค่ะ ช็อกโกแลต ขนมปังเนย คุกกี้ ครีมสด นมปั่น นู้นนี่นั่น ชอบมันทั้งหมดนั่นแหละค่ะ ฉันกินได้ทุกอย่างนั่นแหละ ยิ่งถ้าฟรียิ่งชอบเลยค่ะ" 

    ถึงจะแปลกใจ แต่เธอก็ยังคงเออออห่อหมกตามไปด้วยอยู่ดีนั่นแหละนะ...

    "ฮะ ๆ น่าอร่อยดีจริง, เอาเป็นว่าวันนี้พอแค่นี้นะคะคุณลูซี่ เอาไว้พบกันใหม่ ถ้าหากมีโอกาสนะคะ" วาเลนไทน์ถอยออกไป ปล่อยให้ลูซี่ลุกขึ้นยืน และเดินไปที่ประตู แต่ก่อนที่เธอจะได้ออกไปจริง ๆ ก็ดันชะงักเสียก่อน เพราะถูกเสียงเสียงเดิมรั้งเอาไว้

    "ขอให้โชคดีนะคะ, ฉันหวังว่าคุณจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปนาน ๆ นะ" เธอยิ้ม และเอียงคอ ขณะถูกจ้องมอง

    "ฉันอยู่นานอยู่แล้วค่ะ นานพอที่จะรอให้ระบบสังคมห่วย ๆ นี่ล่มสลาย ไม่ก็รัฐบาลตายห่ากันไปหมดเลยแหละ" เธอยิ้มหวาน และสะบัดผมทีหนึ่งอย่างวางท่า "โอ๊ และขอขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคะ ถึงจะฟังดูแปลก ๆ แต่ฉันจะพยายามไม่คิดอะไรแล้วกันนะ"

    "ลาก่อนค่ะ" พอสิ้นสุดการสนทนาอย่างจริงจัง วาเลนไทน์ก็เอ่ยปิดพิธี ก่อนที่ประตูบานนั้นจะเลื่อนเปิดออก ฝ่ายตรงข้ามเดินออกไป และเคลื่อนตัวปิดลง ตอนนั้นเองที่เธอผลิรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมาแทนที่รอยยิ้มหวานสดก่อนหน้า

     

    ______________________________________________________________________________


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×