ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ╭ ᴋɪɴɢᴅᴏᴍ''

    ลำดับตอนที่ #2 : Phony Villain ―

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 218
      3
      30 ก.ค. 61



    Application.





    Clothing ; Crown Prince Teacher


    "พรสวรรค์ที่มาพร้อมกับจิตอันวิปลาสนั้นก็มิอาจต่างจากคำสาปที่ติดตัวไปชั่วนิจนิรันดร์"


    บทที่สมัคร : ตัวละครฝั่งดี
    ชื่อ/นามสกุล
              ● ราชีค กาซาหลี (Rashiq Ghazali) - นามแฝงสำหรับสามัญชน
              ● อิบราฮิมที่ 10 แห่งอาณาจักรชาห์นัค (ซารีฟ) (Ibrahim X of Shaanaq , Sarif) - ชื่อและสกุลที่แท้จริง
                   { ซารีฟ - ชื่อ / อิบราฮิม - สกุล
    ชื่อเล่น : ชีค (Shiekh) / รีฟ (Rif)
    เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
    สถานะ : อาจารย์ / รัชทายาทแห่งอาณาจักรชาห์นัค**
    เพศ : ชาย
    ลักษณะ

              องค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์จากอาณาจักรทางทิศใต้ ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมล้นด้วยสเน่ห์ที่ผู้ใดได้จ้องมองย่อมตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น กรอบหน้าของชายหนุ่มเรียกได้ว่าคมคายได้รูป ทว่าอีกมุมหนึ่งก็เรียกได้ว่าหวานหยด แม้ไม่ถึงขั้นสตรีเพศ หากทว่าจุดหนึ่งที่ทำให้เขาดูน่าดึงดูดที่สุดนั้นอาจเป็นนัยน์ตาเรียวคมสีเลือดที่ถูกประดับด้วยขนตาเป็นแพยาว เรียวคิ้วเข้มยาวเป็นเส้นระเบียบ ดั้งจมูกไม่โด่งนัก หากแต่ยังพอให้เห็นถึงความนูนที่เด่นออกมาบ้าง จรดลงมาถึงริมฝีปากหยักเรียวสีเนื้อไร้ร่องรอยแห้งแตก เรือนผมสั้นสีทองคำสว่างเมื่อยามต้องแสงแดด ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าล้วนดูได้รูปอย่างที่บุรุษน้อยคนนักจะได้ครอบครอง เสียเพียงแต่ผิวกายที่ค่อนข้างขาวสว่างเมื่อเทียบกับชาวชาห์นัคส่วนใหญ่ที่มักมีผิวสีแทนน้ำผึ้ง

              รูปร่างของราชีคนั้นถือว่าเป็นมาตรฐานตามแบบฉบับชาวชาห์นัคอย่างแท้จริง ร่างกายที่อุดมด้วยมัดกล้ามอย่างนักรบ ลาดไหล่กว้างหนาน่าพึ่งพิง แผ่นหลังยืดสง่า สรีระบ่ากว้างแต่เอวคอดเป็นรูปพีระมิดหัวกลับ อีกทั้งการแต่งตัวของคนในอาณาจักรที่ดูค่อนข้าง...เปิดเผยยิ่งทำให้เห็นไลน์กล้ามเนื้อบนร่างกายอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย

              ราชีคมีความสูงอยู่ที่ 184 เซนติเมตร และน้ำหนักอีก 79 กิโลกรัม

    อายุ : 26 ปี

    นิสัย :

              - ขึ้นชื่อว่าเป็นรัชทายาทก็ย่อมมาพร้อมกับมารยาทของชนชั้นผู้ดีและความเป็นระเบียบ ราชีคเป็นบุคคลที่วางตัวเนี้ยบตั้งแต่การแต่งกายยันอิริยาบถ ทุกองศาถือว่าเป๊ะตามทุกหลักสูตรที่ได้ร่ำเรียนมา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะเอาบรรทัดฐานความเพอร์เฟคมาใช้กับคนรอบกายไปเสียทุกคน ภายนอกเขาอาจดูเฮี้ยบ แต่ถ้าได้พูดคุยกันจริงๆแล้วจะพบว่าเขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ซารีฟไม่ชอบการเผยออร่าข่มขู่กับคนที่อ่อนแอกว่า อย่างเช่นนักเรียนของเขาหรือสุภาพสตรี หากทว่าคุณจะหาความอ่อนโยนจากเขาไม่ได้เลยในเวลาราชการที่อยู่ต่อหน้าเหล่าขุนนางและทหาร นั่นเป็นเพราะเขาต้องแสดงความเด็ดขาดเพื่อให้ทุกคนไม่กล้าแข็งข้อ

              - เมื่อก่อนเป็นคนโหดร้ายมาก ค่อนข้างเลือดเย็นและเด็ดขาด การวางตัวเป็นปรปักษ์กับเขาคือทางเลือกที่ผิดมหันต์ แต่นั่นก็เพราะสภาพแวดล้อมกดดันให้เขาต้องแสดงด้านดุร้ายออกมา แต่หลังจากที่หลบหนีออกมาอยู่ในเทอร์รอสได้ เขาก็ไม่สามารถแสดงนิสัยด้านมืดได้อีก ราชีคจึงต้องปรับตัวให้เป็นเหมือนคนธรรมดามากที่สุด ปรับเปลี่ยนลุคตนเองให้กลายเป็นทั้งบทบาทของครูและนักธุรกิจ แม้จะยังติดนิสัยชอบเอาแต่ใจนิดๆ แต่ก็ยังสามารถควบคุมให้ตนเองกลมกลืนไปกับฝูงชนได้ดีเลยทีเดียว ทว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เผยด้านมืดออกมาอีกครั้ง ตราบใดที่เขายังไม่หมดความอดทนน่ะนะ

              - เป็นบุรุษที่ใช้ความคิดก่อนลงมือกระทำ เขาไม่ใช่คนที่พลั้งปากพูดอะไรออกไปโดยไม่คิด นั่นอาจเป็นเพราะชีวิตเขาเติบโตมากับสงครามกลางเมืองอยู่เสมอ ทำให้เขาต้องรอบคอบในการเลือกตัดสินใจ นั่นทำให้ความเจ้าเล่ห์ของเขานั้นออกลายอย่างเต็มที่ เขาสามารถทำให้อีกฝ่ายเสียศูนย์เพียงเพราะคำพูดตลบแตลง ศัพท์ชาวบ้านอาจจะหมายถึง บลัฟเก่ง ปั่นหัวเก่ง เขาไม่ใช่คนที่วางแผนเพียงแค่ชั้นเดียว แต่กลับวางแผนซ้อนแผนหลายๆชั้นอย่างแยบยลขึ้นไปอีก นั่นทำให้เขาเป็นคนอ่านยาก เข้าใจยาก และเขาก็สามารถคิดแผนการในหัวในเพียงไม่กี่อึดใจโดยที่คุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

              - เขาเป็นคนที่ทระนงที่ศักดิ์ศรีของตนเองมาก ทว่านั่นก็เป็นเพียงแค่อดีต เพียงแค่ในปัจจุบัน ราชีคไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายหรือทำตัวสอดรู้สอดเห็นอย่างไม่รู้เวลา โดยเฉพาะเวลาที่เขาทำงานอยู่ การที่มีใครมาเสนอแนะหรือมาเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ ย่อมถูกเขาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย เขาต้องการจัดการสะสางงานของเขาด้วยตนเอง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เปิดใจรับฟังคำพูดของใครเลย เขาจะทำเป็นถ่อมตัวฟังบ้าง ถ้าบางสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องทำ เขาก็จะปัดมันทิ้งออกไป แต่ถ้าเรื่องใดที่คุ้มค่าแก่การทำตาม เขาก็จะลงมือในทันที ได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ค่อยว่ากันทีหลัง

              - เขาเกลียดการใช้ชีวิตแบบวิถีสโลว์ไลฟ์ เพราะฉะนั้นในวันๆหนึ่ง ราชีคจะทำงานเยอะมาก ใช้ชีวิตแบบติดสปีด มีตารางงานที่แน่นอนและเป็นระเบียบ ราชีคไม่ได้รับเพียงสอนหนังสือให้เด็ก แต่ยังทำงานร้านอาหาร ร้านขนม ไหนจะงานพบปะกับเหล่าชนชั้นสูงอีก การจะพบเขานั้นเป็นเรื่องที่ยากถ้าไม่ได้นัดแนะตั้งแต่แรก ยิ่งอีกฝ่ายไม่ได้มีความสำคัญกับเขามาก เขาก็ยิ่งเลี่ยงที่จะสละเวลามาพูดคุยด้วย จนหลายคนมองว่าเขาหยิ่งมาก ซึ่งเขาก็ไม่ได้แก้ต่างอะไร ก็ปล่อยให้คนเขาพูดไปแบบนั้นล่ะ

              - แต่เมื่อไหร่ที่เขาทะเยอทะยานอยากได้สิ่งใด เขาจะต้องได้มันมาอยู่ในกำมือของเขาเพียงผู้เดียว คนอย่างเขาย่อมชื่นชอบชัยชนะและเกลียดความพ่ายแพ้ และเขาก็ไม่ชอบแชร์ของร่วมกับใคร เว้นเพียงแต่สิ่งนั้นไม่ได้สำคัญมากจนถึงขั้นมีผลกระทบต่อชีวิตตนเอง เขาก็พร้อมที่จะถอยเมื่อเล็งเห็นจังหวะที่ควรล่าถอย อย่างเช่นเรื่องผู้หญิง ราชีคมองเพียงแค่ว่าผู้หญิงมีบทบาททำให้ชีวิตสมบูรณ์ขึ้น แต่ไม่ได้สำคัญถึงขนาดที่ว่าขาดไม่ได้ อีกทั้งเขายังไม่ชอบความสัมพันธ์แบบผูกมัดสักเท่าไหร่นัก เขาจึงคบผู้หญิงไว้ในฐานะคู่นอนหรือเพียงแค่แต่งตั้งให้เป็นนางบำเรอ ครั้งเดียวจบไม่มีการสานต่อเพิ่มเติม และชายหนุ่มก็แยกแยะสถานะความสัมพันธ์อย่างชัดเจน เพื่อนคือเพื่อน คู่นอนคือคู่นอน จะไม่มีการเอาเพื่อนมาเป็นคู่นอนเด็ดขาด เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาที่ตามมาทีหลัง

              - ทักษะเจรจาของเขาถือเป็นที่หนึ่ง ด้วยสมัยที่ยังอาศัยอยู่ในอาณาจักรของตน เขาก็รับหน้าที่เป็นหัวหน้าราชทูตไปสานสัมพันธ์กับหลายอาณาจักรจนเป็นที่เลื่องลือ และเขาก็ยังมีทักษะการต่อรองที่ดีเยี่ยม วาจาแยบคายและการตัดสินใจที่เฉียบคม จนสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ปกครองในหลากหลายอาณาจักร นอกจากนั้น ราชีคก็ยังสามารถพูดจาเชือดเฉือนใจคนฟังให้รู้สึกขายหน้าได้อีกด้วย คำพูดของเขาก็เป็นได้ทั้งสาสน์ช่วยชีวิตหรือไม่ก็ยาเคลือบพิษ อยู่ที่ว่าเขาจะใช้ในสถานการณ์ใดก็เท่านั้นเอง

    ประวัติ

              ซารีฟถือกำเนิดจากครรภ์ของราชินีแห่งชาห์นัคและกษัตริย์แห่งชาห์นัค มีพระเชษฐาและพระอนุชารวมทั้งหมด3คน (รวมตัวซารีฟด้วย) ถึงแม้ว่าจะมีเชื้อสายของราชวงศ์อันสูงส่ง กินดีอยู่ดีราวกับพระเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าชีวิตในวังของเขาจะสุขสบายไปเสียทั้งหมด เพราะนอกจากพี่น้องของเขาแล้ว ยังมีบรรดาญาติมิตรที่อาศัยอยู่ในวังร่วมกันอีกด้วย และบิดาของเขาเองก็ไม่ได้มีราชินีเป็นคู่ครองเพียงคนเดียว ยังมีสนมอีกมากมายที่ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรธิดาออกมามากมาย นั่นทำให้เหล่าญาติและเหล่าสนมทั้งหลายต่างหาวิธีการที่จะสามารถผลักดันให้บุตรของตนมีสิทธิ์ครอบครองบัลลังก์กษัตริย์ของชาห์นัค

              เขาไม่ได้รับตำแหน่งรัชทายาทมาตั้งแต่เดิม แต่เป็นพี่ชายคนโตของเขา หากทว่าเมื่อซารีฟอายุได้เพียง4ปี พี่ชายของเขาก็ถูกสังหารอย่างปริศนาโดยที่ไม่สามารถระบุตัวคนลงมือได้ เหตุลอบปลงพระชนม์ของรัชทายาทกลายเป็นที่ระทึกขวัญในราชวงศ์ ทำให้มารดาและบิดาของเขาตัดสินใจส่งเขาและน้องชายออกไปจากอาณาจักร เขาถูกส่งให้ไปพำนักอยู่ในอาณาจักรเทอร์รอส ในขณะที่น้องชายของเขาถูกส่งให้ไปอยู่ในอาณาจักรทางตอนเหนือสักที่ (แต่สุดท้ายก็ถูกฆ่าตายเพราะถูกพบตัวทีหลัง) เขาได้รับการปกป้องและดูแลจากคนในราชวงศ์ของอาณาจักร ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ศาสตร์แขนงต่างๆที่ไม่มีอยู่ในตำราของชาห์นัคจนแตกฉาน หากทว่าผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่กี่ปี เขาก็ได้รับข่าวจากขุนนางคนสนิทว่าองค์ราชินีนั้นสวรรคตจากโรคประจำกาย

              เขาไม่ได้กลับชาห์นัคในทันที ทว่าผ่านไปไม่ทันไร เขาก็ได้รับข่าวว่ากษัตริย์ทรงประชวรอย่างหนัก สามวันดีสี่วันไข้ ด้วยความร้อนใจ เขาจึงรีบกลับไปยังอาณาจักรของตนเองในทันที โดยไม่ได้นึกถึงว่านั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการในการล่อลวงให้เขากลับมายังอาณาจักร

              หลังจากนั้นเขาก็รับตำแหน่งรัชทายาทคนต่อไปอย่างเป็นทางการเมื่ออายุได้13ชันษา เรียนรู้ศาสตร์การปกครอง การทูต มารยาทชนชั้นสูง การใช้อาวุธดาบและศิลปะป้องกันตัว รวมถึงศาสตร์เวทย์และมนต์ดำจนชำนาญ ที่เหลือเป็นเรื่องของประสบการณ์และโอกาส โชคดีที่บิดาของเขาส่งให้เขาไปช่วยงานราชการกับท่านอา(ไม่แท้) เดินทางไปกับคณะทูตเพื่อดูวิธีการเจรจาระหว่างอาณาจักร จนกระทั่งเขาสามารถว่าราชการได้ด้วยตนเอง ขึ้นเป็นหัวหน้าราชทูตไปสานสัมพันธ์ไมตรีทั่วทุกอาณาจักรทั้งที่อายุยังน้อย เมื่ออาการของบิดานั้นดีขึ้นตามลำดับ เขาจึงกลับไปศึกษาเพิ่มเติมจนความรู้ที่สั่งสมมานั้นแตกฉาน ปัญญาที่ปราดเปรื่องขององค์รัชทายาทผู้นี้กลายเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทุกที่ ทว่ามันกลับทำให้ไฟริษยาของใครหลายๆคนลุกโชนขึ้นมาอีกครา

              ครั้นซารีฟอายุถึง18ชันษา เติบโตเป็นหนุ่มเต็มวัย เขาก็เกือบถูกลอบสังหารในคืนหนึ่ง ทันทีที่เอาชีวิตรอดมาได้ เขาและขุนนางก็เริ่มสืบสาวหาตัวคนลงมือในทันที จึงได้รู้ว่าเป็นอนุชาต่างมารดาที่ลงมือ เขาจึงทำการสังหารด้วยการตัดคออีกฝ่าย รวมถึงให้สั่งเนรเทศนางสนมผู้เป็นแม่ออกจากอาณาจักร (ทันทีที่นางออกไป ก็ย่อมถูกเก็บตามระเบียบ) ซารีฟรู้ดีว่าไม่ใช่เพียงแค่สองแม่ลูกคู่นี้ที่ต้องการจะแข็งข้อ แต่ยังมีบรรดาสนมของบิดาอีกมากที่หวังให้เขาหลุดจากตำแหน่ง จึงทำการเตือนให้รู้แจ้งโดยทั่วกันว่าตัวเขานั้นเอาจริง การกระทำของเขาเริ่มสร้างทั้งความหวาดกลัวและความบาดหมางระหว่างเชื้อพระวงศ์ รวมถึงความเป็นปรปักษ์ระหว่างตัวเขาและผู้เป็นอาด้วยเช่นกัน

              เหตุใดเขาจึงจะไม่รู้ว่าอาของเขาหวังที่จะครองบัลลังก์กษัตริย์ หากทว่าตัวแปรสำคัญที่ยังเหลือเป็นเสี้ยนหนามอยู่คือบิดาของเขาและตัวเขาเอง ซารีฟใช้ชีวิตเหมือนเครื่องจักรสังหารอยู่พักใหญ่ กวาดล้างคนในราชวงศ์ที่คิดจะสังหารเขาจนเหล่าขุนนางตั้งชื่อพระราชวังว่าเป็น 'พระราชวังสีเลือด' เหตุผลก็เพราะเกือบทุกราตรี ทุกคนมักจะได้ยินเสียงกรีดร้องอยู่เสมอ และทุกย่ำรุ่ง หน้าประตูเขตพระราชวังจะถูกแขวนด้วยศีรษะของผู้ที่คิดจะสังหารเขา ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กหรือสตรี จนกลายเป็นที่ยำเกรงต่อเหล่าขุนนางโดยทั่วหล้า

              ซารีฟยังไม่แตะต้องผู้เป็นอาเพราะต้องการรอดูสถานการณ์ ในขณะเดียวกัน บิดาของเขาก็กลับมาประชวรอีกครา โดยที่อาการก็ยิ่งย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆโดยไม่ทราบสาเหตุ นั่นทำให้เขารู้ในทันทีว่าอีกฝ่ายอาจเป็นตัวการที่ทำให้ผู้เป็นพ่อของเขานั้นอาการแย่ลง เมื่อบิดาของเขาไม่สามารถออกราชการได้แล้ว จึงมีเพียงเขาและผู้เป็นอาเท่านั้นที่สามารถว่าราชการแทนได้ มันจึงกลายเป็นสงครามเย็นระหว่างสองขั้วอำนาจใหญ่ ผู้เป็นอาที่ขึ้นตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการก็ใช้ความดีของตนเองบังหน้า สร้างชื่อเสียงปลอมๆเพื่อให้คนหลงเชื่อว่าตนนั้นสามารถไว้ใจได้ ทำให้พวกขุนนางส่วนหนึ่งหันไปฝักใฝ่กับผู้เป็นอา ในขณะที่ขุนนางบางส่วนยังรับใช้เขาด้วยความซื่อสัตย์บ้าง จำใจบ้าง ทว่ายังไม่นับแบ็คอัพที่แข็งแกร่งอย่างคนในราชวงศ์ของอาณาจักรอื่นๆที่กำลังจับตามองสงครามกลางเมืองในชาห์นัคอย่างเงียบๆ

              ผู้เป็นอาตั้งใจให้บ่าวใส่ยาพิษลงในโอสถของกษัตริย์ทีละน้อย ทำไมเขาจะไม่รู้ แต่ถ้าหากถามว่าเขาต้องทำเป็นเดือดเป็นร้อนหรือไม่ ไม่จำเป็น กษัตริย์ที่ป่วยกระปอดกระแปดเฉกเช่นนี้ไม่สมควรที่จะครองบัลลังก์ต่อไปด้วยซ้ำ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดจึงไม่สละบัลลังก์เสียสักที แต่ทว่ายิ่งนานวันไป ขุนนางที่ภักดีกับเขาก็เริ่มร่อยหรอลงเรื่อยๆ ผู้คนส่วนใหญ่หันไปเชื่อใจกับคำพูดสวยหรูของอีกฝ่าย เขารู้ตัวดี ถ้าขืนอยู่ที่นี่ต่อไปเขาอาจถูกลอบฆ่าในสักวัน เขาก็ขอยอมตายด้วยฝีมือของตนเองเสียดีกว่า

              ในคืนวันสุดท้ายก่อนที่ชีวิตเขาจะดิ่งลงเหวโดยสมบูรณ์ ซารีฟติดต่อกับดยุคผู้หนึ่งในเทอร์รอส อีกทั้งตระเตรียมแผนการกับทหารนายหนึ่งที่เขาส่งไปเป็น 'สปาย' ในกลุ่มทหารที่รับใช้ผู้เป็นอา ก่อนที่เขาจะนำโอสถที่บ่าวเป็นคนปรุงไปถวายให้กับบิดาของเขา

              เมื่อครั้นบิดาเสวยโอสถเข้าไป อีกฝ่ายก็พลันกระอักเป็นเลือดและสวรรคตในห้องบรรทม ซารีฟตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น และคนเป็นอาก็คงไม่ได้ทันสังเกตว่าทำไมเขาถึงทำตัวติดกับง่ายเสียขนาดนั้น เขากลายเป็นผู้ต้องสงสัยในทันที ก่อนจะถูกกล่าวหาว่ากระทำการปิตุฆาต(ฆ่าบิดาตนเอง) เป็นเหตุให้มีโทษประหารถึงชีวิต ในขณะที่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องราวใดๆ โดยกล่าวโทษว่าเขาถูกใส่ร้าย แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดรับฟังแม้แต่น้อย

              เขาถูกสั่งประหารโดยการถ่วงน้ำ ในพิธีนั้นถูกล้อมรอบด้วยชาวบ้านมากมายที่ตะโกนสาปแช่งเขา และทหารจำนวนหนึ่งที่พาเขาไปยังปากเหว ทหารที่เขาได้คุยด้วยเป็นคนล็อกขาเขากับหินถ่วงด้วยตัวเอง

              "ประชาชนอันเป็นที่รัก ข้ายังคงยืนยันในความบริสุทธิ์ของข้า ผู้ที่สังหารพระราชบิดาหาได้เป็นตัวข้าไม่"

              "จงจำไว้เสียเถิด บัลลังก์กษัตริย์นั่นหากมิได้เป็นของข้า ผู้ใดก็มิอาจแย่งมันไปจากข้าได้"

              นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเขา ก่อนที่ร่างของเขาจะตกลงไปยังเหวลึก สิ้นสุดรัชกาลอิบราฮิมโดยสมบูรณ์

              ซารีฟสามารถปลดกลอนโซ่ล่ามขาได้อย่างง่ายดาย แต่ก็เกือบตายจากกระแสน้ำเชี่ยว โดยปลายทางนั้นมีม้าของนายทหารที่ได้เตรียมการไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาจึงขี่ม้าหลบหนีออกไปนอกเมือง ก่อนจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ช่วยของดยุค ทำให้สามารถหลบหนีออกจากอาณาจักรได้สำเร็จ

              ผู้ที่ช่วยเขาเอาไว้คือดยุคทิลเลอร์ ผู้เป็นพ่อของรีเซ็ตเต้ ในตอนนั้นเขาอายุได้23ชันษา ในขณะที่รีเซ็ตเต้อายุได้เพียง14ปี เขาขออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ระยะหนึ่ง โดยที่คอยช่วยเหลือดูแลงานของดยุคด้วย และคอยเป็นเพื่อนเล่นของรีเซ็ตเต้ด้วย มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ความเป็นมาของเขา หนึ่งในนั้นก็คือดยุคทิลเลอร์ที่เฝ้าดูเรื่องการเมืองของชาห์นัคมาโดยตลอด และเขาก็ไว้ใจว่าซารีฟไม่ใช่คนเลวร้าย หากทว่ามีบางอย่างที่บังคับให้เขาต้องแสดงความก้าวร้าวเพื่อปกป้องตนเอง และซารีฟก็นับถืออีกฝ่ายในฐานะผู้มีพระคุณของเขา เพราะอีกฝ่ายคอยช่วยปิดเรื่องการมีตัวตนของเขาไว้ และยังช่วยเรื่องปลอมแปลงเอกสารตัวตนใหม่ของเขาอีกด้วย เขาจึงเปลี่ยนชื่อจากซารีฟเป็น 'ราชีค กาซาหลี' โดยเมคว่าพื้นเพเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่มาช่วยงานดยุคทิลเลอร์

              เขาตัดสินใจสมัครงานเป็นอาจารย์ในสถาบันเวทย์ที่รีเซ็ตเต้เรียนอยู่ นั่นก็เพราะเขาต้องจับตาดูบุตรสาวของดยุคแทนคนเป็นพ่อ ในขณะเดียวกันเขาก็ถูกนักเรียนหญิงตามรุมขายขนมจีบจนหนีแทบไม่ทัน หนึ่งในนั้นก็คือเด็กสาวที่มีนามว่า 'ไอริ' ที่มักจะโดนรีเซ็ตเต้กลั่นแกล้งอยู่บ่อยครั้ง แม้เขาจะเข้าไปห้ามปรามเป็นระยะ แต่เขาก็อดที่จะเคลือบแคลงในพฤติกรรมของไอริไม่ได้ แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นความแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้ดีอย่างที่ใครคิด จึงแอบเชียร์รีเซ็ตเต้อยู่ห่างๆ แม้จะรู้ดีว่าคนเป็นครูไม่ควรคิดอะไรแบบนั้นก็ตามที

              เมื่อสถานการณ์ชีวิตเริ่มมั่นคง มีเงินเดือนตั้งตัวบ้างแล้ว เขาจึงตัดสินใจเรียนรู้การทำธุรกิจ แล้วเปิดกิจการร้านไอศกรีมชื่อว่า 'Sweet Studio' แน่นอนว่าการตลาดของเขานั้นได้ผลอย่างถล่มทลาย แพ็คเกจน่ารักถูกใจวัยรุ่น ทำเลในร้านที่สามารถถ่ายรูปได้ บริการดีพนักงานหล่อ กระทั่งกิจการรุ่งเรืองถึงขีดสุด เขาก็แยกตัวออกมาจากคฤหาสน์ไปซื้อบ้านเดี่ยวใกล้โรงเรียน และขยายกิจการออกไปทำร้านอาหารชื่อ 'Brunch Club' แนวdiner

              ทว่าเขาก็ยังไม่ล้มเลิกที่จะยึดครองตำแหน่งกษัตริย์ให้กลับมาอยู่ในมือ ราชีคยังคงติดต่อทหารรับใช้ของเขาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่อิบราฮิมที่9สวรรคต และรัชทายาทเขาถูกประหารชีวิต ผู้เป็นอาก็แต่งตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์ และใช้อำนาจเยี่ยงอย่างทรราช เสวยสุขอยู่บนบัลลังก์ที่สมควรจะเป็นของเขา กระทั่งประชาชนต่างล้วนเดือดร้อนกันถ้วนหน้า อาณาจักรอื่นถึงกับปฏิเสธการผูกสัมพันธ์กับชาห์นัคในทันที จนสร้างความสงสัยให้กับผู้คนไปถ้วนทั่วว่าผู้ที่สังหารกษัตริย์องค์ก่อนนั้นอาจไม่ใช่รัชทายาท....แต่อาจเป็นกษัตริย์องค์ปัจจุบันเสียเอง ราชีคเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด เขาตัดสินใจวางแผนกับทหารประจำกาย รวมถึงขุนนางบางส่วนที่ยังรับใช้เขาเมื่อครั้นที่เขายังอยู่ในอาณาจักรบ้านเกิด โดยวางแผนลอบสังหารกษัตริย์องค์ปัจจุบัน มันเป็นการวางแผนที่แยบยลพอสมควร ถึงขั้นว่าต่อให้จะสามารถจับตัวมือสังหารได้ เรื่องราวก็ไม่สามารถสืบสาวมาถึงตัวเขา

              ทันทีที่การลอบสังหารเกิดขึ้น กษัตริย์แห่งชาห์นัคสวรรคตบนแท่นบรรทมในทันที นั่นยิ่งทำให้ความมั่นคงของราชวงศ์นั้นสั่นคลอน ประชาชนที่แม้จะดีใจก็ไม่สามารถแสดงความยินดีอย่างออกนอกหน้าได้มากนัก จนกระทั่งราชวงศ์ได้แต่งตั้งกษัตริย์องค์ใหม่แทนที่ ปกครองอาณาจักรได้ไม่นานก็สวรรคตไปตามๆกัน แม้ว่าจะมีการแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ผู้คนก็จะได้ยินข่าวการสวรรคตกันถ้วนหน้า

              จนบัลลังก์กษัตริย์แห่งชาห์นัคกลายเป็นตำแหน่งต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้าครอบครอง ราวกับว่ามันกำลังเฝ้ารอใครบางคนให้กลับมาอีกครั้ง กระทั่งเริ่มมีข่าวลือว่าอาจเป็นคำสาปจากรัชทายาทที่เคยลั่นวาจาไว้ก่อนถูกประหาร แท้จริงแล้วมันก็เป็นเพียงเหตุสังหารโดยที่เขาเป็นคนสั่งการก็เท่านั้น ในตอนนี้จึงมีเพียงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการเท่านั้นที่กลายเป็นตำแหน่งสูงสุดของอาณาจักร โดยที่ราชีคได้มอบตำแหน่งนั้นให้อำมาตย์คนสนิทที่ถวายการรับใช้ผู้เป็นบิดาของเขา หากทว่าจริงๆแล้วอีกฝ่ายก็เป็นเพียงหุ่นเชิดให้เขาสั่งการก็เท่านั้น ด้วยพรสวรรค์และความสามารถในการบริหารของเขา การบริหารอาณาจักรที่แม้ว่าตนจะอยู่ต่างแดนนั้นไม่คณามือเท่าไหร่นัก อีกทั้งเขายังได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากกลุ่มชนชั้นสูงทั้งในอาณาจักรของตนและอาณาจักรเรือนเคียงช่วยเขาในการวางแผนโครงสร้างของชาห์นัคอีกด้วย แต่ถ้าถามว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับอาณาจักร เรื่องนั้นเขาก็คงตอบได้แค่ว่า รอเวลา

    ∭ ลักษณะการพูด

              ราชีคเป็นคนที่มีน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำมาก ผิดกับใบหน้าหวานๆของเขาอย่างสิ้นเชิง แต่ทว่านั่นก็แฝงด้วยสเน่ห์แบบฉบับชายหนุ่มโดยเนื้อแท้ เส้นเสียงของเขาถือว่านุ่มนวล ฟังแล้วสบายหู สำเนียงของเขานั้นตามแบบฉบับชาวเทอร์รอสเป๊ะๆ และเมื่อพูดภาษาของชาห์นัค เขาก็สามารถพูดได้ทั้งสำเนียงกลางและสำเนียงหลายภูมิภาคด้วยเช่นกัน อีกทั้งเอกลักษณ์ในการพูดของเขาคือการพูดถูกตามหลักไวยากรณ์เป๊ะๆ ไร้คำแสลงน่ารำคาญ หรือศัพท์วัยรุ่นบ้าๆบอๆที่เขาเห็นว่ามันไร้สาระ คำพูดคำจาของเขาเรียกว่าสุภาพเอาเรื่อง เว้นเพียงเมื่อไหร่ก็ตามที่ตั้งใจพูดจาแดกดันเหยียดหยามฝ่ายตรงข้าม วาจาของเขานั้นก็ไม่ต่างจากมีดคมๆที่กรีดหัวใจคนฟังเลยล่ะ

              ราชีคเรียกตนว่า 'ข้า' และแทนคนที่ต่ำศักดิ์กว่าว่า 'เจ้า'เสมอ หากไม่นับเครือญาติหรือคนที่เขาเคารพ เขาก็นอบน้อมพอที่จะให้เกียรติและเรียกอีกฝ่ายว่า 'ท่าน' ทว่าเมื่อเปลี่ยนมาอาศัยอยู่ในเทอร์รอส เขาก็เปลี่ยนสรรพนามมาเรียกตนเองว่า 'ฉัน' 'ผม' ไม่ก็ 'ครู' เรียกอีกฝ่ายว่า 'เธอ' 'นาย' และ 'คุณ' เพื่อไม่ให้แปลกแยกไปจากคนในพื้นที่นั้นๆ

              "นายพูดถูก ฉันไม่ควรจัดเนื้อหาแบบนี้ให้เด็ก ขอบคุณที่เตือนนะ" ― พูดกับอาจารย์อีกคน
              "ข้ามิต้องการความคิดใดๆจากปากเจ้า เงียบซะ" ― เหวี่ยงใส่บ่าวรับใช้
              "แม้นท่านจักสามารถข้ามศพข้าได้ แต่ก็มิมีใครรู้ว่าท่านจักมีชีวิตอยู่ได้หลังจากนั้นอีกนานเท่าไหร่" ― กล่าวกับผู้เป็นอา
              "พักผ่อนเสียเถิดท่านพ่อ ข้าจักดูแลงานที่เหลือแทนท่านเอง" ― กล่าวกับบิดา
              "ผมผ่านจุดที่เกินความโศกเศร้ามาตั้งนานแล้ว จนตอนนี้ผมแทบไม่รู้สึกอะไรอีก" ― เวลาถูกถามว่าเคยเศร้าบ้างไหม
              "บุญคุณของท่าน ข้าจักมิมีวันลืม" ― กล่าวกับดยุคทิลเลอร์(ดีใจ)
              "เด็กดื้อ" ― พูดกับรีเซ็ตเต้(คนเก่า)
              "ถ้าไม่อยากคลานมาหมอบแทบเท้าผมก็เป็นเด็กดีซะ มันไม่ใช่เรื่องยากนักหรอก ...ใช่ไหม?" ― คุยกับเรด
              "เลิกเที่ยวแล้วตั้งใจเรียน ฝีมือเธอตกลงไปเยอะนะรอบนี้"  ― พูดกับไอริ

    ∭ ธาตุ : ดิน, ลม, มายา, สายฟ้า
    ∭ เวทมนตร์
              ธาตุดิน ; เน้นการเคลื่อนไหวช่วงขาเป็นหลัก / ทำให้เกิดแผ่นดินแยกแม้เพียงกระทุ้งเท้า / สร้างเกราะเป็นโล่กำบังได้ในรัศมีหลายสิบเมตร และมีความทนทานสูงมาก / สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินได้ในระยะ500เมตร แม้เพียงฝีเท้าเบาหวิวก็ยังได้ยินอยู่ดี / สามารถทำให้เกิดธรณีสูบได้ / ควบคุมระดับพื้นดินได้ตามใจนึก
              ธาตุลม ; การเคลื่อนไหวจะปราดเปรียวและรวดเร็วมาก / บีบอัดให้อากาศรอบๆกลายเป็นสุญญากาศได้โดยที่มีเพียงศัตรูเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ / สร้างกระแสลมหวดจนสามารถบาดเนื้อหนังได้ / สร้างเสียงกรีดร้องบาดแก้วหูจากสายลมได้
              มายา ; สร้างภาพลวงตาจากสิ่งที่ศัตรูกลัว/รัก / สามารถสร้างเงาของตนเองเพื่อเบี่ยงเบนทิศทางความสนใจ / สร้างกลิ่นยั่วยวนเพื่อล่อลวงให้เหยื่อติดกับ / สามารถสร้างภาพมายาได้ทั้งรูป-รส-กลิ่น-เสียง-สัมผัสได้ในเวลาเดียวกันและได้ในระยะเวลาที่นานเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ผู้ใช้เวทย์ต้องการ ตราบใดที่เขาไม่รู้สึกเหนื่อยหรือหมดแรงไปเสียก่อน
              สายฟ้า ; เป็นตัวเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้า / เทเลพอร์ตไปยังจุดต่างๆได้หากอยู่ในขอบเขตสายตา / สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านปลายนิ้ว / สามารถช็อตศัตรูเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกันได้สูงสุดถึง10คน
              **ส่วนใหญ่แล้วเขามักใช้ธาตุดินควบคุมกับธาตุลม โดยใช้ธาตุดินเป็นเวทย์โจมตี ส่วนธาตุลมเป็นตัวซัพพอร์ต การเคลื่อนไหวของเขาจึงทั้งรวดเร็วมาก และแข็งแกร่งมากในเวลาเดียวกัน
    ∭ ระดับพลัง : X, S , X, S
    ∭ ความสามารถพิเศษ : เขามีความสามารถในการใช้ร่ายคาถามนต์ดำตามแบบพื้นเมืองได้ โดยที่เขาจะมี 'จิน(Djinn)' เป็นบริวารคอยรับใช้อยู่ ซึ่งมันจะสิงอยู่ในแหวนทองของเขา เขาจะสามารถอัญเชิญจินออกมาได้ก็ต่อเมื่อสภาพร่างกายของเขานั้นแข็งแรงเต็มร้อย / ชำนาญในการใช้อาวุธที่ประกอบด้วยใบมีด / หมัดและแรงเตะที่หนักมาก / ความฉลาด(?) / การพูดล่อลวงให้คนหลงเชื่อ / ไหวพริบปฏิภานที่ดี
    ∭ อาวุธ : กริชสั้น (จริงๆถ้าเป็นอาวุธคมๆก็ใช้ได้ทุกอย่าง...)
    ∭ ชอบ : ชัยชนะ / บ่าวรับใช้ที่ซื่อสัตย์ / เหล้าองุ่น / ยาสูบ
    ∭ เกลียด : สุนัขเลี้ยงไม่เชื่อง / คนจุกจิก / การทำอาหาร / บรรดาญาติในเชื้อพระวงศ์
    ∭ เพิ่มเติม :

              - ราชีคทำอาหารได้แย่มาก แย่ถึงขนาดว่ากินไม่ได้เลย ต้องทิ้งอย่างเดียว แถมบางครั้งก็ทำครัวระเบิดอีกต่างหาก
              - เขามองทั้งรีเซ็ตเต้และเรดเหมือนตัวเขาในอดีต ร้ายเพราะสภาพแวดล้อม ถึงขั้นโหดร้ายจนลืมไปแล้วว่าทุกคนก็เป็นมนุษย์
              - ทนทานต่อการถูกบังคับหรือควบคุมจิตใจ ไม่รู้ว่าทำไม อาจเป็นเพราะมีจินคอยคุ้มครองอยู่
              - ติดกลิ่นกำยานกับยาสูบมาก แต่หลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่เทอร์รอส เขาก็หลีกเลี่ยงการใช้หรือการกินของที่มีกลิ่นแรง
              - ส่วนตัวเขาชอบรีเซ็ตเต้มากกว่าไอริอยู่แล้ว หนึ่งคือเขาไม่ชอบผู้หญิงเจ้าน้ำตา สองคือเขารู้ว่ารีเซ็ตเต้พูดความจริงเสมอ
              - ไม่มีสเป็คนิสัยที่แน่นอน ....แต่ส่วนตัวชอบผู้หญิงสะโพกผายกับหน้าอกใหญ่และค่อนข้างเจ้าเนื้อนิดๆ (....)

    xxxxxxx

              **อาณาจักร'ชาห์นัค' เป็นดินแดนทางตอนใต้ของแผนที่และมีเขตแดนที่กว้างใหญ่มาก สภาพทางภูมิศาสตร์ส่วนใหญ่เป็นเขตร้อนแห้งแล้ง โดยเฉพาะรอบนอกเมืองจะเป็นทั้งทะเลทรายและหุบเขา พอมีแหล่งน้ำแทรกบ้างอยู่บางที่ อย่างตามเหวลึกหรือแหล่งน้ำตื้นเขิน ส่วนในเมืองจะเป็นแหล่งค้าขาย แหล่งชุมชน และแหล่งที่พักหรู เดินทางด้วยทางเท้าเป็นหลัก ถ้ามีฐานะขึ้นมาหน่อยก็เป็นรถม้า หรือไม่ก็รถยนต์สำหรับเศรษฐี จุดเด่นของชาห์นัคคือพื้นที่ใต้พื้นดินนั้นเป็นเหมืองแร่ขนาดใหญ่ ทำให้มีกิจการทำเหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุด อีกทั้งยังค้าขายส่งออกแร่ธาตุ อัญมณี และทองคำเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงอุตสาหกรรมสิ่งทอที่สร้างเม็ดเงินให้กับชาห์นัคได้เป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว

              ชาห์นัคถูกปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ กษัตริย์เป็นประมุขสูงสุดของอาณาจักร ในอาณาจักรนั้นมีทั้งปราชญ์ ขุนนาง และทหารถูกจัดส่วนไว้อย่างเท่าๆกัน ชาห์นัคไม่ใช่อาณาจักรที่ให้ความสำคัญเรื่องเทคโนโลยีมากนัก จึงยังนับถือความเชื่อเรื่องภูติผีอยู่ อีกทั้งยังมีกลิ่นอายความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างเห็นได้ชัด อย่างเช่นการแต่งกาย ผู้คนในอาณาจักรมักสวมเครื่องแต่งกายน้อยชิ้น หรือผ้าลินินบางๆ และจะเน้นหนักไปทางเครื่องประดับอย่างเพชรพลอยหรือทองคำเพื่อบ่งบอกฐานะของตนเอง

              ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่อาณาจักรที่ล้ำสมัยนัก แต่เป็นอาณาจักรที่สามารถสร้างพันธมิตรได้มากที่สุดเลยก็ว่าได้ ยิ่งในสมัยของอิบราฮิมที่9(พ่อของราชีค)ที่ส่งเสริมด้านการเจริญสัมพันธไมตรีก็ยิ่งรุ่งเรือง ทำให้ตัวราชีคเองก็มีผลพลอยได้คือเป็นที่รู้จักในบรรดาเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรอื่นๆด้วยเช่นกัน


    xxxxxxx


    มุมคุยกับผู้ปกครอง!

    สวัสดีค่ะ! ไรท์ชื่อสโนว์นะ ผปค.ชื่ออะไรเอ่ย คิดยังไงถึงมาสมัครเรื่องนี้คะ

    : จอยงับบ /ไหว้ย่อ เนื้อเรื่องน่าสนใจดีนะ

    คิดว่าลูกจะติดมั้ยเอ่ยย

    : ไม่รู้สิ แต่เขียนมาเยอะนะ5555

    ถ้าไรท์แต่งเรื่องเก่าจบ และมาประกาศผลเรื่องนี้เเล้วอาจจะมีการอัพช้าบ้าง ไม่ฆ่ากันใช่มั้ยคะ 5555

    : ไม่จ้า

    ถ้าลูกไม่ติด จะเอาเป็นตัวประกอบมั้ยคะ?

    : ได้จ้า

    เรื่องนี้นางเอก(เรด)จะไม่กวนteenแบบเรื่องเก่านะคะ อาจจะมืดๆดาร์กๆ และอาจทำลูกท่านเจ็บตัวเข้าขั้นปางตาย รับได้มั้ยเอ่ย?

    : ไม่เอาเจอหน้าแล้วหักขาเลยนะ

    ถ้าลูกท่านติดเเล้วอยากได้แนวเนื้อเรื่องแบบไหนเป็นพิเศษมั้ยคะ หวานเเหวว อบอุ่น ดราม่า ฮา ตลก กวนๆ หรือSM?

    : เอาที่ไรท์สะดวกเลยค้าบ



    ขอบคุณที่สมัครนะคะ!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×