ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) BTS | KookV Yoonmin | Another World : Bleeding Heart #ฟิคต่างภพกุกวี

    ลำดับตอนที่ #4 : Another World : Bleeding Heart | Chapter 4 [100%] (NC)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.18K
      206
      9 ธ.ค. 61




    Another World : Bleeding Heart
    - Chapter 4 -


    วินเซนต์เบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อว่าไลแคนท์ที่อยู่ตรงหน้าตนเองนั้นจะโอหังและหยาบคายกับเขามากถึงเพียงนี้ เขาล่ะอยากจะยกเข่าขึ้นมากระแทกเข้าที่ท้องของเจเดนไปสักดอกหนึ่งเสียจริงๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะกำลังบาดเจ็บอยู่


    ฟันบนล่างกัดกันแน่นด้วยความโมโหที่ถูกยียวนด้วยคำพูดคำจาแบบนั้นจากเจเดน ร่างบางกลอกตาไปมาเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายได้รู้ตัว ว่าคำพูดที่เขาได้พูดออกมาเมื่อกี้มันช่างน่าเบื่อและน้ำเน่าเหมือนละครหลังข่าวเสียไม่มี


    แต่หารู้ไม่ว่า การแสดงสีหน้าของวินเซนต์นั้นมันทำให้เจเดนโมโหมากเพียงใด



    ฟึ่บ!!



    "อ๊ะ!" วินเซนต์ร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อรู้สึกว่าร่างของตนเองนั้นลอยขึ้นมา พอมารู้ตัวอีกทีก็พบว่าอยู่ในท่านั่งบนเตียงแล้ว มือหนาของเจเดนกอดเอวบางเอาไว้แน่น จนทั้งแผ่นหลังบางและเอวบางนั้นเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด ใบหน้าหวานบูดเบี้ยวเมื่อความเจ็บปวดแล่นเข้ามาปานสายฟ้าแลบ


    "เมื่อกี้เจ้าทำหน้าเยี่ยงไร?" เจเดนพูดด้วยน้ำเสียงโมโห "เจ้าคิดว่าควรทำไหม?"


    "ฮะ อึก...ปะ ปล่อยนะ! เจ้าคิดจะทำอะไรกับข้า!"


    "เจ้าตอบไม่ตรงคำถามของข้านะวินเซนต์"


    "ทำไมข้าจะต้องตอบคำถามไลแคนท์เช่นเจ้าด้วย! ปล่อยข้านะ! ข้าเจ็บ! อ๊ะ!!"


    ร่างบางร้องเสียงดังทันทีที่แผ่นหลังบางกระแทกเข้าที่พื้นเตียงอย่างแรง น้ำใสๆไหลออกมาจากหางตาด้วยความเจ็บปวดและการกระทำที่หยาบคายของร่างสูงแบบนี้


    เจเดนยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆซอกคอของวินเซนต์ พร้อมกับสูดดมกลิ่นกายของร่างบางที่อยู่ตรงหน้า ฝ่ายที่ถูกกระทำนั้นพยายามหลีกเลี่ยงสัมผัสอันจาบจ้วงและหยาบโลน แต่ก็ขยับไปไหนไม่ได้เลย ทั้งร่างกาย ทั้งมือ ทั้งแขนและขา ราวกับว่าตอนนี้ถูกแช่แข็งไม่ให้ไปไหนจากไลแคนท์ตนนี้


    "ฮือๆๆ ฮะ ฮึก...อย่าทำแบบนี้..." คนตัวเล็กขอร้องทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ตอนนี้เขาไม่มีทางสู้แล้ว ทั้งเรี่ยวแรงที่จะเอ่ยปากห้ามและขัดขืนนั้นก็ไม่เหลือแล้ว ไลแคนท์ตนนี้ทั้งน่ากลัวและหยาบคายกับเขาเหลือเกิน


    เสียงสะอื้นของร่างบางดังขึ้น ทำให้ร่างสูงชะงักทันที พร้อมกับผละใบหน้าออกจากซอกคอขาวของแวมไพร์ที่อยู่หน้าออก เขายกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าของคนตัวเล็กในตอนนี้



    ถึงจะเก่งแค่ไหน อย่างไรก็ยังคงมีด้านที่อ่อนไหวอยู่ดี



    "ฮึก...ฮะ ฮือๆๆ"


    มือบางทั้งสองของวินเซนต์ถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตาของตนเองซ้ำไปซ้ำมา ใบหน้าหวานพลางหันไปทางอื่นเพื่อที่จะไม่ต้องได้เห็นหน้าของไลแคนท์ตนนี้ อีกฝ่ายรังแกเขาและใจร้าบกับเขาเหลือเกิน


    แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่คิดเช่นนั้น


    "ก่อนหน้านี้เจ้าทำหน้าเยี่ยงไรนะวินเซนต์? แล้วเจ้าคิดว่าควรทำไหม?"


    "มะ ไม่ควร..." ร่างบางตอบแค่คำถามที่สองด้วยน้ำเสียงติดเสียงสะอื้น และไม่มองหน้าอีกฝ่ายให้เจ็บช้ำน้ำใจมากไปกว่านี้ แค่ถูกจับให้เหวี่ยงลงบนพื้นก็รู้สึกเจ็บปานร่างจะแตกสลายแล้ว แต่ถ้าหากมองหน้าของคนที่ตัวสูงกว่าให้รู้สึกเจ็บมากไปกว่านี้ คนตัวเล็กขอเลือกอย่างแรกก็พอแล้ว


    เจเดนกระตุกยิ้มด้วยความพอใจที่ได้ยินคำตอบของวินเซนต์ เขารู้อยู่แล้วว่าแวมไพร์ที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นมีบุคลิกและมีนิสัยอย่างไรถึงจะปราบให้อยู่หมัด และมีแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ 



    ว่าใครคือเจ้าของของแวมไพร์ตนนี้...



    "วินเซนต์ เอนเดอร์" เจเดนเรียก "มองหน้าข้า"


    "มะ ไม่..."


    "มอง" ร่างสูงกดเสียงต่ำลงจนคนตัวเล็กกลัวเป็นอย่างมาก ใบหน้าหวานค่อยๆหันมามองอีกฝ่ายด้วยความหวาดระแวงว่าต่อแต่นี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ทันได้คิดที่จะทำอะไร สองตาประสานกันราวกับว่าจะสื่อถึงอะไรบางอย่าง


    วินเซนต์ตกอยู่ในห้วงของความเพ้อฝันนี้ เมื่อดวงตากลมจ้องเข้าไปในดวงตาของไลแคนท์ตนนี้ สายตาแบบนี้มันคืออะไรกันหรือนี่ แล้วทำไมถึงรู้สึกว่า เขากับเจเดนเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้แล้ว?



    เพราะสายตาของร่างสูงนั้น มันช่างน่าหลงใหลและชวนให้ร่างบางคิดถึงคนรักเก่าของตนเองเลย...



    "เจ้ายังสวยในสายตาของข้าเสมอ วินเซนต์" เจเดนกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ก่อนจะบดจูบลงไปอย่างทันทีเพื่อไม่ให้วินเซนต์ได้ทันตั้งตัว ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อได้สติ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการหรือท่าทีขัดขืนอีกฝ่าย


    สัมผัสแบบนี้มันช่างหอมหวาน เย้ายวนและเหมือนกับคนรักของร่างบางเสียจริงๆ พลัดพรากกันไปเกือบหนึ่งร้อยปีแล้วตั้งแต่แวมไพร์และไลแคนท์เป็นศัตรูกัน หลังจากวันนั้นก็ไม่ได้พบพานกันอีกเลย


    หัวใจของวินเซนต์พะวงหาแต่คนๆนั้น หวังว่าสักวันหนึ่งอาจได้พบกันอีกครา แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก ต่างฝ่ายต่างก็เป็นศัตรูกัน อีกทั้งยังต่างเผ่าพันธุ์อีกด้วย เราทั้งสองจะคู่กันได้อย่างไร ในเมื่อสถานการณ์และภพชาติได้ลิขิตให้เป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว


    ตั้งแต่จำความได้ ทั้งร่างบางและคนรักนั้นต่างก็เป็นคู่รักคู่หนึ่งที่ใครๆต่างก็อิจฉา แต่อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นซึ่งทำให้ทั้งสองพลัดพรากกันไป เมื่อแวมไพร์และไลแคนท์ก็กลายเป็นศัตรูกัน เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขึ้น แล้วไลแคนท์ตนนั้นก็ต้องจากร่างบางไปเนื่องด้วยเหตุผลบางอย่าง แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย



    คิดถึงเหลือเกิน



    แต่ตอนนี้ ทำไมร่างกายถึงไม่ตอบสนองเลยล่ะ?



    เจเดนถอนริมฝีปากออกอย่างช้าๆเพื่อชมความสวยงามของแวมไพร์ที่อยู่ตรงหน้า ความรู้สึกบางอย่างได้หวนกลับมาหาเขาแล้ว เขาไม่อาจปฏิเสธความต้องการที่ตนเองมีอยู่ในใจเลย


    "วินเซนต์ ได้โปรดเจ้าอย่าปฏิเสธข้าเลย"


    "จะ เจเดน..."


    "เจ้าอาจจำเรื่องบางเรื่องไม่ได้ แต่ข้าจำได้"


    "..."


    "เพราะฉะนั้น เจ้าอย่าปฏิเสธข้าเลยนะ"


    ทันทีที่จบประโยคนี้ ศีลธรรมอันดีของร่างสูงก็ขาดสะบั้น เขาแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับรุนแรงด้วยความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก วินเซนต์ตกใจกับการกระทำแบบนี้จึงใช้กำปั้นทุบอกอีกฝ่ายเพื่อให้หยุด


    แต่ยากเหลือเกิน เพราะตอนนี้เขาก็กำลังเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสของอีกฝ่ายไปเสียแล้วล่ะ







    CUT
    ฉากไม่เหมาะสม










    ++









    "โอ้ยยยยย!! ทำไงต่อไปดีเนี่ย!!"


    เจเรมี่ตะโกนดังลั่นห้องทดลองของแจ็กสันพร้อมกับกุมขมับเดินไปเดินมา ทำไมชีวิตของเขามีแต่เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องกันนะ ตั้งแต่ถูกผู้อาวุโสบังคับให้ไปงัดวินเซนต์ออกจากห้อง ต้องสู้กับพวกไลแคนท์จนได้รับบาดเจ็บ แถมยังต้องมาปวดประสาทกับการที่คิดหาวิธีเพื่อช่วยเพื่อนรักของตนเองอีก


    แจ็กสันเอนกายพิงพนัก "ข้าเองก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนี้แวมไพร์เป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอย่างมากแค่นั้น" เขาเว้นคำพูด "วินเซนต์ถูกจับตัวไปแบบนั้นน่ะ"


    "มันช่างเจ็บใจยิ่งนัก" เจเรมี่กัดฟันพูดพร้อมกำมือแน่นด้วยความโมโหปนแค้นที่ไลแคนท์ตนนั้นจับเพื่อนของเขาไป "วินเซนต์ก็ถูกจับตัวไป แถมข้ายังต้องบาดเจ็บจากไอ้ไลแคนท์ตัวนั้นอีก! มักจะมากเกินไปแล้ว!"


    "ใจเย็นๆนะเจเรมี่"


    "จะให้ใจเย็นได้เยี่ยงไรกัน! เพื่อนของข้านะ!"


    "เจเรมี่!! เจ้าช่วยฟังข้าหน่อยจะได้ไหม!!"


    แจ็กสันลุกขึ้นตบโต๊ะของตนเองพร้อมกับตะโกนดังลั่นห้องทดลอง ตอนนี้ฟางเส้นสุดท้ายของคำว่าอดทนนั้นได้ขาดสะบั้นแล้ว เขาเองก็เครียดที่วินเซนต์ถูกจับตัวไปแบบนั้น แถมยังต้องมาทนฟังเจเรมี่บ่นอีก เขาทนไม่ไหวแล้ว


    "ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงเพื่อน!! แต่เจ้าช่วยใจเย็นลงหน่อยได้ไหม!! การที่เจ้ามาตะโกนโวยวายแบบนี้มันไม่ได้ช่วยให้เขากลับมาหรอกนะ!!"


    เจเรมี่ถึงกับเงียบไปในทันที ไม่อยากจะเชื่อว่าแจ็กสันในตอนที่โกรธนั้นจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ เห็นดูหมกมุ่นแต่การทดลองในห้องๆนี้เพียงคนเดียวและไม่ยอมออกไปพบปะกับแวมไพร์ตนอื่นๆแบบนี้ แทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นและได้ยินว่าตนเองจะถูกเขาตะคอกแบบนี้


    "เจเรมี่ บางทีข้าเองก็คิดนะ ว่าทำไมข้าถึงไม่เข้าไปช่วยเขาหลังจากที่ถูกทำร้ายแบบนั้น และก็ทำไมข้าถึงไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเมื่อก่อนหน้านี้ ว่าเขาเจอกระสุนของไลแคนท์"


    แจ็กสันเริ่มสงบสติอารมณ์ของตนเองให้เย็นลง พร้อมพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเพื่อให้ตนเองหายโกรธ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ของตนเองอีกครั้ง


    ร่างเล็กเงียบไปและไม่พูดอะไรออกมาอีก แต่เมื่อได้ยินคำพูดของแจ็กสันอย่างทันใดนั้น ก็ทำให้เขาต้องทวนคำพูดอีกครั้งด้วยความไม่เชื่อหูของตนเอง



    เรื่องทะเลาะกันนั้นเอาไว้ทีหลังก่อนดีกว่า สิ่งสำคัญอยู่ตรงหน้าตนเองแล้ว



    "เมื่อกี้ท่านบอกว่าวินเซนต์ไปเจออะไรมานะ?"


    "ข้าเพิ่งพูดว่า เขาเจอกระสุนของไลแคนท์" แจ็กสันตอบ "ทำไมหรือ?"


    "ใช่แล้ว! นั่นอาจเป็นสิ่งที่เราจะตามหาเขาได้!" เจเรมี่ปรบมือของตนเองดังหนึ่งครั้งพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจ "ตอนนี้กระสุนอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ? พวกเราต้องหาข้อมูลเพิ่ม"


    "ไม่ต้องแล้วล่ะ" แจ็กสันพูด "กระสุนนั่นมันทำมาจากทองคำผสมกับเงินบริสุทธิ์ เขาเจอกระสุนนี้มาจากท่อรอบายน้ำ ใกล้ๆกับทางรถไฟ ตอนนั้นเขาไล่ตามไลแคนท์ตัวหนึ่งไปที่นั่น แต่เขาก็ไม่เข้าไปในนั้น เพราะเขาได้ยินเสียงไลแคนท์นับร้อยๆตัวอยู่ในนั้น นี่คือสิ่งที่เขาบอกข้า"


    เจเรมี่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พร้อมกับยกมือขวาที่ตนเองถนัดมาลูบคางเบาๆอย่างใช้ความคิดว่าควรหายุทธวิธีที่จะจัดการเช่นไรดี ที่จะสามารถพาวินเซนต์กลับมาได้อย่างปลอดภัย


    "อาจเป็นเพราะเสียงสะท้อนก็ได้" เขาพูด "เพราะจุดที่เขาเจอกระสุนนั้นมันมาจากท่อระบายน้ำใช่ไหมล่ะ? อาจเป็นเสียงคำรามของไลแคนท์แต่ว่ามีจำนวนน้อยก็ได้ เพราะท่อระบายน้ำมันโล่งและง่ายต่อการเกิดเสียงสะท้อนที่ดังมากๆ หากแต่ว่าส่งเสียงดังในระดับหนึ่ง"


    "เจ้าเองก็ฉลาดใช่ได้เลยนะเจเรมี่" แจ็กสันชื่นชม "แต่เจ้าเองก็ต้องพึงระวังเอาไว้ด้วยนะ ว่าในนั้นจะมีอะไรอยู่บ้าง วินเซนต์เป็นผู้เดียวที่รู้และได้ยินเสียงนั้น เราสองคนไม่ได้ไปอยู่ ณ ที่แห่งนั้น จึงไม่รู้ว่าเสียงนั้นมันดังมากแค่ไหน และในนั้นมีไลแคนท์กี่ตัว"


    "ท่านพูดอีกก็ถูกอีกนะ" ร่างเล็กพยักหน้าเบาๆพลางกล่าวเห็นด้วยกับความคิดเห็นของแจ็กสัน "แต่ทว่าความจริงมันเป็นเช่นไรตัวเราเองก็ไม่รู้ มาฟังปากต่อปากที่เล่ากันแบบนี้ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นเช่นไร สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ข้าจะไปที่นั่นด้วยตัวของข้าเอง"


    "เจเรมี่!! เจ้าสติไปแล้วหรือ?" คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ลุกขึ้นมาตบโต๊ะอย่างแรงพร้อมกับจ้องร่างเล็กเขม็ง แต่ทว่านั่นมิได้ทำให้เจเรมี่ต้องหวาดหวั่นอีกแล้ว ร่างเล็กจ้องอีกฝ่ายกลับด้วยสายตาที่แข็งกร้าวและดื้อดึง "สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานที่เกิดขึ้นกับแวมไพร์เมื่อกี้และในตอนนี้มันยังคงอยู่!! หากเจ้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?"


    "อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด" คนตัวเล็กกล่าวด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม "ข้าเองก็อยากจะรู้นัก ว่าเป็นเพราเหตุใดทำไมพวกไลแคนท์ถึงไม่หวาดกลัวต่อความตายเช่นนี้"


    "..."


    "ได้โปรดอย่าห้ามข้าเลย สหายของข้ากำลังลำบากแล้วข้าต้องรีบไปช่วยเขา วินเซนต์คือตัวหมากสำคัญของแวมไพร์ที่พวกไลแคนท์คิดจะกำจัดทิ้ง หากเราเสียเขาไปแล้ว พวกมันก็จะถอนรากถอนโคลนของแวมไพร์ให้สาสมเหมือนกับสิ่งที่พวกเราเคยทำไว้เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว"


    ร่างเล็กตอบรัวๆก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้แค่กระสุนที่วินเซนต์เก็บมาก่อนหน้านี้ให้เปล่งประกายสีเงินอยู่บนโต๊ะของแจ็กสันอยู่ตรงนั้น


    เสียงห้ามของผู้ใดก็ตามก็มิอาจจะทัดทานความต้องการและปณิธาณอันสูงส่งของเจเรมี่ได้ เสียงของแวมไพร์ที่เข้ามาห้ามและเสียงสั่งของผู้อาวุโสยังคงดังต่อเนื่อง จนกระทั่งมันหยุดลงเมื่อประตูใหญ่ปิดลง พร้อมกับร่างของแวทไพร์ที่นอนจมกองเลือดและกำลังพาไปทำพิธีศพ คราบเลือดสีแดงฉานตามผนังที่ยังคงอยู่และยังไม่ได้ทำความสะอาด สายลมแรงที่พัดเข้ามาในตัวคฤหาสน์ได้หยุดลง



    เขาไม่ต้องการให้มีความสูญเสียเกิดขึ้นกับเหช่าแวมไพร์แบบนี้อีก



    ร่างเล็กเปิดประตูรถสีดำที่วินเซนต์จับเข้ามาในคฤหาสน์แห่งนี้ก่อนจะปิดประตูลง และจิ้มอะไรบางอย่างที่ปรากฏอยู่บนจอสีฟ้าท่ามกลางความมืดมิด เนวิเกเตอร์ที่อยู่ตรงหน้านั้นได้บอกตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนี้


    จุดหมายของเขาตอนนี้คือ สถานีรถไฟที่ใกล้กับหอนาฬิกาบิกเบน ซึ่งเป็นสถานที่ที่วินเซนต์พบกับกระสุนทองคำผสมเงินบริสุทธิ์ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้


    รถสีดำได้เคลื่อนออกจากคฤหาสน์ ตรงไปยังจุดหมายปลายทางที่ได้ตั้งเอาไว้


    ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทำไมเจเรมี่ถึงกล้าหาญและยอมเอาชีวิตของตนเองไปเสี่ยงตายแบบนี้เพื่อช่วยชีวิตคนสำคัญของเหล่าแวมไพร์ แต่มันก็จริงอย่างที่เขาได้กล่าวแก่แจ็กสันเอาไว้



    วินเซนต์คือตัวหมากสำคัญของแวมไพร์ ที่ไลแคนท์ต้องการกำจัดทิ้ง






    #ฟิคต่างภพกุกวี






    TBC. [22:07:2018]


    มาแบบมึนๆ อึนๆ งงๆ ตามประสาของไรเตอร์อย่างเราเองค่ะ 555555 ฮือออออ เจเด๊นนนนน อย่ารุนแรงกับวินเซนต์เซ่ ;-; เจเรมี่ลูกกก ตอนนี้หนูแมนมากกกก ไปช่วยเมี- เอ้ย! เพื่อนเร็วเข้า 5555555

    หายไปนานเลยกับเรื่องนี้ คิดถึงกันไหมเอ่ย 5555 พอดีช่วงนี้เราค่อนข้างยุ่งค่ะ การบ้านก็ค่อนข้าเยอะ กิจกรรมก็เยอะด้วย บวกกับช่วงนี้เราเองก็เมากับการรีไรต์ฟิคเรื่องแรกและ AU FFXV ค่ะ ให้ทำไงได้อะ ก็มันติดงอมแงมเลยอ่ะค่ะ ติดจนเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เส้าาาา ;-; // ตบบ่า


    อย่าลืมเฟบ โหวต แชร์ กดให้กำลังใจ สกรีมฟิคในทวิตเตอร์หรือว่าคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยนะคะ ถ้าฟีดแบคดีเท่ากับไรเตอร์ได้กำลังใจและอัพตอนต่อๆไปนะคะ :)

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×