ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) BTS | KookV Yoonmin | Another World : Bleeding Heart #ฟิคต่างภพกุกวี

    ลำดับตอนที่ #5 : Another World : Bleeding Heart | Chapter 5 [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.01K
      159
      9 ธ.ค. 61




    Another World : Bleeding Heart
    - Chapter 5 -


    "เจเรมี่ เจ้าอยู่ที่ไหนแล้ว?"


    เสียงปลายสายที่ดังออกมาจากหูฟังแบบไร้สายของเจเรมี่ มือเล็กยกขึ้นมากดมันให้แนบเข้าไปให้แน่นก่อนที่จะตอบคำถามที่ปลายสายถามเมื่อกี้


    "ใกล้ๆกับบิกเบน ฝนตกหนักมาก ข้าไม่ค่อยได้ยินสิ่งที่ท่านพูดเลย"


    "เอาน่า ลอนดอนก็มีสภาพอากาศครึ้มๆและมีฝนตกบ่อยแบบนี้แหละ เจ้าชอบใช่ไหมล่ะ?"


    "จริงๆข้าก็ชอบนะ แต่มันตกหนักมากจนแทบไม่ได้ยินเสียงของท่านจริงๆ" เจเรมี่พูดพลางมองไปรอบๆเพื่อค้นหาสิ่งผิดปกติและร่องรอยของเพื่อนสนิทอย่างวินเซนต์ว่าถูกลักพาตัวไปที่ไหน "โชคดีที่ตอนนี้เวลาก็ประมาณตีหนึ่งแล้วนะ ไม่ค่อยมีคนผ่าน"


    "แหงอยู่แล้วล่ะ พวกมนุษย์พวกนั้นก็ต้องเข้านอน ไม่เหมือนกับพวกเราที่ออกล่าหาเหยื่อเช่นเลือดของพวกมนุษย์"


    "ท่านแจ็กสัน ท่านพูดเหมือนกับท่านอยากจะลองกินเลยนะ" เจเรมี่หรี่ตาพลางพูดตอบกลับปลายสายด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำลง


    "ข้าล่ะเบื่อเลือดมนุษย์แล้วล่ะ ถึงมันจะอร่อยก็ตามเถอะ" แจ็กสันตอบ "เจ้าเองก็ไม่เคยกินใช่ไหมล่ะ เจ้าไม่รู้หรอกว่ามันอร่อยแค่ไหน มันอร่อยจนเจ้าหยุดไม่ได้เลยล่ะ เชื่อข้าเถอะ ถ้าเจ้าลองกินดูแล้วเจ้าจะติดใจ"


    "ข้าก็อยากลองนะ แต่ไม่อยากเสี่ยงดูน่ะ ข้ายังอยากจะให้ร่างกายของข้าสังเคราะห์แสงแดดอยู่"


    เจเรมี่ยักไหล่และถอยหลังจอดรถด้วยความชำนาญ ตอนนี้เขาอยู่ด้านหน้าของร้านขายเครื่องเพชรที่กำลังเปิดอยู่ บนฟุตบาธนั้นมีผู้คนเดินไปเดินมาไม่มากนัก เพราะว่าตอนนี้ก็ดึกมากๆแล้ว ส่วนมากคนที่เดินไปเดินมานั้น



    เป็นแวมไพร์



    ร่างเล็กเปิดประตูเดินออกจากรถก่อนจะมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่ามีสิ่งใดผิดปกติในแถวๆนี้บ้าง พลางสนทนากับแจ็กสันในสายไม่หยุดเพื่อกลบความหวาดกลัวสิ่งที่ตนเองกำลังเดินเข้าไปหาในตอนนี้


    "ท่านแจ็กสัน ตอนนี้ข้าอยู่บนฟุตบาธ กำลังหาร่องรอยที่วินเซนต์หายตัวไป ท่านช่วยข้าหาหน่อยสิ"


    "ข้าเตรียมพร้อมเสมอเจ้าหนู ข้าเห็นตรอกแห่งหนึ่งมีรอยมือของไลแคนท์ประทับอยู่บนผนัง ถ้าให้ข้าเดานะ มันอาจจะเป็นรอยมือของไลแคนท์ที่จับวินเซนต์ไปก็ได้"


    เจเรมี่เดินไปที่ตรอกตามที่แจ็กสันได้บอกไว้เมื่อกี้ ภายในตรอกนั้นมืดเป็นสีดำ ไม่รู้ว่าภายในนั้นมีอะไรรอเขาอยู่ แต่เมื่อคิดถึงความปลอดภัยและความเป็นห่วงเพื่อนนั้นมันทำให้เจเรมี่ต้องกลั้นหายใจ พลางเปิดไฟฉายที่พกมาดูทางและสิ่งกีดขวางทันที


    "เจ้ากลัวเหรอเจเรมี่ หายใจซะแรงเชียว"


    ร่างเล็กไม่ตอบ


    "ไม่ต้องกลัว ข้าจะอยู่คุยเป็นเพื่อนเจ้านี่แหละ"


    ในตรอกนั้นค่อนข้างดูวังเวงเป็นอย่างมาก ไหนจะความมืดและไม่ค่อยมีใครมาเดินแถวๆนี้ในช่วงเวลาตีหนึ่งกว่าๆแบบนี้ ทำให้เจเรมี่นั้นรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว ก่อนจะแข็งใจและเดินเข้าไปในตรอก


    ลมอ่อนๆพัดร่างของแวมไพร์ตัวเล็กจนเสื้อคลุมสีดำและทรงผมนั้นปลิวโต้ลม มือเล็กที่ถือไฟฉายส่องไปยังทางตรงหน้านั้นเริ่มสั่นเทาขึ้นมาแล้วเล็กน้อย น้ำที่ตกลงมาจากตึกชั้นสูงๆนั้นกระทบลงบนพื้นซีเมนต์ที่เปียกชื้นนั้นทำให้หัวใจของร่างเล็กนั้นเต้นรัว


    ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว ทำให้ความเย็นของผนังและพื้นนั้นลอยขึ้นมาจนเจเรมี่รู้สึกว่าร่างกายของตนนั้นเย็นไปหมด ฟันบนล่างขบกันแน่นเพื่อข่มความหวาดกลัวเอาไว้ในใจ


    ลมหายใจของร่างเล็กพ่นออกมาอย่างหนักหน่วง รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างวิ่งอยู่ด้านหลังของเขา เจเรมี่รีบหันขวับไปดูแต่ก็พบเพียงอากาศและลมเท่านั้น แล้วสิ่งที่เขารู้สึกว่ามีใครวิ่งอยู่ด้านหลังของเขานั่นล่ะ


    "เจเรมี่? เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?"


    "มะ...ไม่มีอะไร..." เจเรมี่กัดฟันตอบและข่มความกลัวเอาไว้ ก่อนจะหมุนตัวกลับและเดินต่อไป เขาเห็นหนูสีดำตัวหนึ่งที่ยืนอยู่บนถังขยะสีเขียวนั้นทำให้ร่างเล็กตกใจจนหัวใจเต้นแรง เมื่อมันเห็นร่างเล็กถือไฟฉายและกำลังส่องตัวมันแล้วก็รีบวิ่งหนีออกไปตามสัญชาตญานของมันที่เห็นมนุษย์แล้วต้องหนีเอาตัวรอด


    "ตกใจหมดเลย! หนูเองเหรอเนี่ย!"


    ร่างเล็กยกมืออีกข้างขึ้นมากุมบริเวณหัวใจของตนเอง ก่อนจะเดินต่อไปตามทางเดิน ในขณะนั้นเขาก็เห็นรอยเล็บของไลแคนท์อยู่บนผนังบ้าง บนถังขยะบ้าง หรือเห็นรอยเท้าอยู่บนพื้นบ้าง


    เจเรมี่รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำไมพวกไลแคนท์นั้นถึงทิ้งร่องรอยเอาไว้มากขึ้นเพียงนี้ ราวกับว่าพวกนั้นจงใจให้เขาเดินมาติดกับของพวกนั้นเลย


    "ท่านแจ็กสัน ท่านเห็นอะไรบ้างไหม?"


    "..."


    "ฮัลโหล ท่านแจ็กสัน ท่านได้ยินข้าไหม?"


    "..."


    "แม่งเอ้ย...สายตัดไปแล้ว สงสัยเราต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะ" เจเรมี่สบถหนึ่งครั้งก่อนจะคว้าปืนออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตนเอง และยกขึ้นมาเพื่อที่จะเตรียมยิงสิ่งที่กำลังเข้ามาหาเขาในไม่ช้านี้


    ขาทั้งสองนั้นค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆพลางย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อที่จะเพิ่มความว่องไวและไหวตัวทันจากสิ่งที่จะพุ่งเข้ามาทำร้ายเขา ความตื่นเต้นนั้นมันทำให้ตอนนี้เขารู้กดดันเป็นอย่างมาก ร่างเล็กพยายามคิดว่าสิ่งที่เขากำลังทำนั้นคือมาช่วยเพื่อน อย่างน้อยก็ขอให้ทำสิ่งนี้ได้ไม่มากก็น้อยก็พอแล้ว



    ฟึ่บ!!



    ปัง!!



    เจเรมี่ชะงักเมื่อมีอะไรบางอย่างพุ่งมาจากด้านหลัง เขารีบหันไปและลั่นไกปืนไปอย่างรวดเร็ว สิ่งนั้นดันหลบกระสุนทันและผ่านร่างเล็ก จนเล็บของมันนั้นเผลอข่วนท้องของเขาไปอย่างแรงจนธารน้ำสีแดงไหลออกมาจากบาดแผลฉกรรจ์นั้น มือก็รีบกุมบาดแผลตามสัญชาตญาณเมื่อเกิดบาดแผล


    คนตัวเล็กเบิกตากว้างทันที เมื่อพบว่าบาดแผลของเขานั้นคือ



    รอยเล็บของไลแคนท์



    "เฮือก!" คนตัวเล็กเบิกตากว้างทันทีเมื่อเห็นไลแคนท์ตนนั้นกำลังตั้งท่าจะทำร้ายเขาอีกครั้ง มันคำรามเสียงดังพร้อมกับเจเรมี่ที่หมุนตัวกลับและวิ่งไปยังทางเดินที่ตนเองเคยมาอย่างรวดเร็ว



    ปังๆๆ!!



    "อย่าเข้ามานะ!!"


    ร่างเล็กประกาศกร้าวพร้อมกับวิ่งไปยิงปืนไป แต่กระสุนทุกลูกที่เขายิงออกมาจากกระบอกปืนนั้นพลาดและผ่านร่างของไลแคนท์ไปอย่างรวดเร็ว มันหลบอย่างว่องไวจนกระทั่งเท้าของเจเรมี่นั้นสะดุดหลุมและล้มอย่างแรง ปืนที่เขาถืมาป้องกันตัวนั้นก็ตกไปไกล



    ตุบ!!



    เจเรมี่รีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่รีรอว่าตนเองจะเจ็บมากแค่ไหน หมายที่จะหยิบปืนกระบอกและจะยิงไปที่ไลแคนท์ตนนั้น เมื่อหยิบได้แล้วจึงรีบลุกขึ้นและเตรียมลั่นไกปืนทันที



    แต่ช้าไป...



    "หึ :)"



    ผัวะ!!



    "โอ้ย!!"



    ตุบ!!



    เจเรมี่ร้องลั่น ก่อนจะล้มลงไปนอนบนพื้นเนื่องจากถูกไลแคนท์ตนนั้นยึดปืนมาจากมือของเขา และใช้สันปืนนั้นฟาดเข้าไปที่ศีรษะของร่างเล็กจนความเจ็บปวดนั้นแผ่ซ่านไปทั่วและลามไปทั่วศีรษะ ร่างเล็กล้มลงไปตามแรงโน้มถ่วงและสลบไป แต่ไม่ทันที่ร่างจะกระแทกลงบนพื้นก็ถูกมือหนาของไลแคนท์ตนนั้นรับร่างเอาไว้ได้ทัน ไลแคนท์ตนนั้นเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์และใช้มืออีกข้างที่ถือปืนนั้นโอบกอดร่างเล็กเอาไว้


    สายตาของคนๆนั้นมองร่างเล็กที่นอนสลบในอ้อมแขนของตนเอง มันยากที่จะคาดเดาสิ่งที่เขากำลังคิดในตอนนี้ หลังจากนั้นมืออีกข้างก็ช้อนร่างของเจเรมี่ขึ้นและกระโดดหายไป ท่ามกลางความมืดและลมอ่อนๆที่พัดผ่านมา พร้อมกับหูฟังที่เขาเอาไว้ใช้พูดคุยกับแจ็กสันนั้นหล่นลงบนพื้น


    "เจเรมี่ ข้าขอโทษที่ไม่ได้ตอบเจ้า พอดีสัญญาณหาย เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?"


    "..."


    "เจเรมี่? ฮัลโหล? ตอบข้าหน่อย เจ้ากลัวเหรอ?"


    "..."


    "เจเรมี่! ตอบข้าเดี๋ยวนี้!! เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า!"


    "..."


    "เจเรมี่!! เกิดอะไรขึ้น!! เจเรมี่!! เจเรมี่!!"


    ปลายสายยังคงเรียกชื่อเจเรมี่ไม่หยุด โดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เจเรมี่นั้นได้ถูกจับไปแล้ว






    ++






    หากมีใครมาบอกว่าความทุกข์นั้นเปรียบได้กับนรกขุมหนึ่ง ร่างบางเองก็เชื่อว่าคำพูดนั้นเป็นจริงแน่นอน เพราะตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับการตกนรกทั้งเป็นเลยสักนิด


    คนตัวเล็กนอนแผ่กายอยู่บนเตียงนุ่ม สายตาทั้งสองนั้นก็เหม่อลอยมองเพดานราวกับว่าชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว มีแต่ความขมขื่นและหดหู่ทั้งนั้น อีกอย่างตอนนี้เขาเองก็รู้สึกว่าวิญญาณนั้นได้หลุดล่องลอยออกไปจากร่างไปแล้ว


    ร่างบางพยายามขยับตัวดูว่าตอนนี้ตนเองยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่แล้วก็รู้สึกใจหายก็เพราะว่าแขนขาของตนนั้นยังคงขยับได้ และยังหายใจรวยรินอยู่บนเตียง อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ได้ น้ำตาทั้งหมดก็ได้เหือดแห้งไปจากชีวิตนานแล้ว


    ตั้งแต่จำความได้ตนเองก็มารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจากแท่นหิน โดยที่รอบๆตัวนั้นก็มีแต่แวมไพร์อายุมากกว่าเท่านั้น ซึ่งพวกเขาทั้งหมดจับจ้องมาที่ร่างบางด้วยสายตาหวาดกลัว ความทรงจำบางส่วนได้เลือนหายไป บางส่วนก็บิดเบี้ยวไปหมด จำไม่ได้ว่าก่อนหน้านั้นได้ทำอะไรลงไปบ้าง


    พยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก ว่าที่มาที่ไปนั้นมันเป็นอย่างไร แล้วยิ่งได้ยินสิ่งที่เจเดนพูดไปก่อนหน้านี้นั้นมันทำให้ทุกอย่างนั้นเลือนรางไปหมด เขาไปพบกับอีกฝ่ายตอนไหน แล้วตกลงใจเคียงคู่กันตั้งแต่ตอนไหน จำไม่ได้เลยสักนิด



    แต่สิ่งที่อีกฝ่ายลงมือกระทำกับเขานั้น มันช่างใจร้ายจริงๆ



    วินเซนต์ขยับข้อมือเล็กน้อย ก่อนจะยันร่างของตนเองให้นอนตะแคงและตะเกียกตะกายพยายามที่จะลุกขึ้น แต่ทว่าความเจ็บปวดจากแผ่นหลังนั้นก็ยังคงอยู่ ร่างบางรู้สึกรำคาญเป็นอย่างมากเพราะมันทำให้เขาทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด แต่แล้วก็ต้องอยู่นิ่งๆเพราะว่าตนเองดันก่อเรื่องขึ้นมาจนเจ็บตัวเอง


    ร่างบางขยับร่างกายเล็กน้อยเพื่อให้นอนอยู่ในท่าสบายๆ ตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมาก็ไม่พบเจเดนแล้ว นี่อีกฝ่ายนั้นหายไปไหนกันนะ แล้วทำไมต้องทิ้งให้เขาอยู่ในห้องคนเดียวมืดๆแบบนี้ด้วย แต่โชคดีที่เสื้อผ้าและกางเกงของเขานั้นถูกใส่ให้กลับเป็นเหมือนเดิมจนเรียบร้อยแล้ว



    คิดมากไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร จึงนอนอยู่บนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยากแทน



    หลังจากนั้นไม่นาน เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมาจากปลายเท้าของตนเอง เปลือกตาที่ปิดไปเมื่อกี้นั้นก็ค่อยๆเปิดอย่างช้าๆ ริมฝีปากเม้มแน่นเนื่องจากความตื่นเต้นปนกลัว สิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย เจเดนนั่นเอง


    "ตื่นแล้วเหรอ?"


    ร่างสูงถาม


    วินเซนต์ลืมตามองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชัง และไม่ได้ตอบคำถามนั้น


    "ทำไมไม่ตอบ?" เจเดนขมวดคิ้วแน่น เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงนุ่มๆและจ้องหน้าเขาไม่วางตา "เจ็บมากไหม? ข้าคงรุนแรงกับเจ้ามากไปหน่อย"


    ร่างบางเบิกตากว้างแน่น พลางมองมือหนาที่กำลังเอื้อมมือมาจับมือบางแน่น ในตอนแรกก็คิดว่าตนเองนั้นอาจถูกทำร้ายก็เป็นได้ที่ไม่ตอบคำถาม แต่กลับไม่ใช่เช่นนั้นเลยสักนิด


    "เจ้าอาจสงสัยว่าทำไมข้าไม่ทำร้ายเจ้าใช่ไหม?"



    รู้ทันอีก...



    วินเซนต์พยักหน้า


    "เราทั้งสองเคยอยู่ในความสัมพันธ์ที่เคียงคู่กันมาก่อน ดังนั้นข้าจึงไม่ทำร้ายเจ้าไปมากกว่านี้อีก" เจเดนหลับตาพูด มือบางของคนตัวเล็กที่นอนราบอยู่บนเตียงนั้นก็บีบมือของอีกฝ่ายแน่น "เจ้าพอจะจำได้ไหม ว่าเราสองอยู่ในสถานะแบบไหน?"


    วินเซนต์ส่ายหน้า


    เจเดนถอนหายใจดังเฮือกใหญ่


    "ความทรงจำของเจ้าน่ะ หายไปหมดแล้วใช่ไหม?"


    ร่างบางขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ แต่ทว่ามือหนาที่จับมือบางของคนตัวเล็กนั้นก็บีบแน่นจนสั่น วินเซนต์ย่นคิ้วลงเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวดที่เจเดนบีบมือตนเองแน่นแบบนี้ พยายามที่จะเอ่ยปากห้ามแต่ก็ทำไมไม่ได้


    "ข้าขอโทษนะ" กว่าเจเดนจะตั้งสติได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร พลางปล่อยมือของตนเองที่บีบมือบางแน่นออกอย่างรวดเร็ว "เจ้าเจ็บมากไหม?"


    วินเซนต์ส่ายหน้า


    "ทำไมเจ้าไม่ตอบล่ะ?" ร่างสูงถาม "เป็นอะไรมากหรือเปล่า"


    ร่างบางมีสีหน้าหนักใจที่จะเอื้อนเอ่ยวาจาออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แต่ทว่าความเจ็บปวดจากแผ่นหลังได้ลามมายังซี่โครงด้านหน้าแล้ว การที่จะเอ่ยปากพูดนั้นก็ยิ่งแล้วใหญ่ แค่หายใจนั้นก็ร่างกายแทบจะแหลกสลายแล้วล่ะ


    เจเดนเบิกตากว้างเนื่องจากนึกเรื่องอะไรบางอย่างออก ก่อนจะหันไปที่ประตูซึ่งเป็นที่ที่ตนเองเดินเข้ามาในห้อง และตะโกนเสียงดังจนวินเซนต์ตกใจจนแทบตัวโยน


    "ไปเอาเลือดมาหนึ่งถุง!! ขอน้ำอุ่นและผ้าด้วย!! เร็ว!!"


    เขารีบหันมาอย่างเร็วไวและจัดแจงจับให้ร่างบางนอนในท่าสบายๆพร้อมกับนำผ้าห่มหนาๆมาคลุมให้ ถึงแม้ว่าการจัดแจงท่านอนใหม่นั้นอาจทำให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บ แต่ก็ทำให้นอนในท่าสบายมากขึ้นและบรรเทาความเจ็บปวดได้บ้าง


    วินเซนต์นิ่วหน้าและฝืนถามออกมา "ทำไม..ทำไมถึงช่วยข้า.."


    "เจ้าอย่าเพิ่งพูดดีกว่า ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเจ็บมากกว่าเดิม"


    คนตัวเล็กเงียบไปกับคำพูดพวกนั้น เป็นศัตรูกันทำไมต้องมาผูกมิตรไมตรีแบบนี้ด้วยนะ หรือว่าเจเดนจะมีความหมายหรือความต้องการแอบแฝงหรือเปล่า แต่ก็หาข้อตำหนิและจับสังเกตไม่ได้เลยว่านั่นคือการเสแสร้ง มีแต่ความจริงใจเท่านั้น



    นี่คืออีกด้านหนึ่งของไลแคนท์หรือนี่?



    ความทรงจำทั้งหมดนั้นทำไมเขาถึงนึกไม่ออกกันนะ แล้วทำไมเขาถึงจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้ แล้วทำไมบางส่วนของความทรงจำก็บิดเบี้ยวไปเลย พยายามนึกก็นึกไม่ออกว่าทำไมถึงตื่นขึ้นมาอยู่บนแผ่นหินและมีความทรงจำหลงเหลือเพียงแค่ไม่ถึงส่วนหนึ่งของทั้งหมด ที่จำได้ก็จำได้แค่ว่าเขาเป็นนักรบแวมไพร์ที่เก่งที่สุด นอกนั้นก็ไม่เหลืออะไรเลย


    แต่แล้วทำไมสัมผัสและสายตาของเจเดนนั้นกลับทำให้เวลาของเขานั้นชะงักไปหมด รู้สึกคุ้นหูคุ้นตาแต่ก็นึกไม่ออกว่าเขาและอีกฝ่ายนั้นเคยพบเจอกันที่ไหน แล้วเคียงคู่กันกลายเป็นความรักข้ามสายพันธุ์ตั้งแต่ตอนไหน


    "เราเคย..รักกันด้วยหรือ" ร่างบางถาม "ทำไมข้าจำไม่ได้"


    เจเดนไม่ตอบ แต่ว่าหันไปมองประตูที่เปิดอ้ารอรับของที่เขาสั่งลูกน้องเมื่อกี้ หัวใจของวินเซนต์มันกำลังโหยหาความทรงจำทั้งหมด อยากจะรู้เรื่องราวว่าทำไมถึงมาอยู่ในสภาพลืมความทรงจำหรือความทรงจำบิดเบี้ยวแบบนี้ได้ แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ตอบคำถามของเขา


    "เจเดน..."


    วินเซนต์เรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


    คนตัวสูงหันกลับมาอย่างช้าๆ


    "บอกข้าหน่อยได้ไหม...เจ้าคือผู้เดียวที่...ฮะ อึก!"


    "นอนก่อนเถอะ" คนตัวสูงกล่าวทิ้งไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกไปจากห้องและทิ้งให้วินเซนต์นอนอยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว ร่างบางอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็ยอมนอนอยู่นิ่งๆตามที่อีกฝ่ายบอก


    ตอนนี้ร่างบางรู้สึกแปลกใจและไม่เข้าใจตนเองมากๆ ที่ยอมทำตามที่ร่างสูงบอกเอาไว้ทุกอย่าง ไม้เว้นแม้แต่จะขัดคำสั่งหรือว่าไม่เชื่อใจก็ตาม นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ความทรงจำที่หลงเหลืออยู่และอยู่ในลึกๆของหัวใจของเขาก็เป็นได้ ถึงแม้ว่าจะเหลืออยู่เพียงน้อยนิด แต่ก็รู้สึกคุ้นๆขึ้นมาแล้วล่ะ


    หลังจากนั้นแม่บ้านคนสนิทของเจเดนก็เดินเข้ามาในห้องและเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นๆให้วินเซนต์เพื่อให้อาการเจ็บนั้นทุเลาลงบ้าง ร่างบางเองก็รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวมากขึ้นเมื่อได้รับน้ำอุ่นๆมากระทบผิวกายบ้าง ก่อนจะลงมือเจาะถุงเลือดและดูดทานเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย พลางนึกในใจว่าเจเดนนั้นเอาเลือดมนุษย์มาให้เขาดื่มหรือเปล่า


    "เจเดน นี่ใช่เลือดมนุษย์หรือเปล่า?" วินเซนต์ถาม


    เจเดนส่ายหน้า "นั่นคือเลือดหมู ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กินเลือดมนุษย์"


    ร่างบางมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงรู้จักและเข้าใจคนตัวเล็กถึงเพียงนี้ว่าไม่อยากทานเลือดมนุษย์มากถึงมากที่สุด เจเดนหลับตาลงช้าๆก่อนจะพูดให้วินเซนต์ฟัง


    "เจ้าเคยบอกข้า ว่าการดื่มเลือดมนุษย์นั้นมันทำให้เจ้าลุ่มหลงแล้วก็อยากจะลิ้มลองมากขึ้น มันก็จะวนไปมาแบบนี้จนกว่าเจ้าจะได้ดื่มเลือดมนุษย์ในที่สุด หากเจ้าดื่มเลือดมนุษย์มากเกินไปจะถูกแสงแดดไม่ได้ เนื่องจากว่าได้กลายเป็นแวมไพร์ไปโดยสมบูรณ์แล้ว"


    วินเซนต์สะอึก เชื่อแล้วว่าเจเดนนั้นรู้จักเขาดีมากจนถึงเพียงนี้ พลางดูดถุงเลือดหมูในมือจนกระทั่งหมด การดื่มเลือดแบบนี้มันทำให้เขานั้นรู้สึกดีมากขึ้นเป็นกองและช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายอีกด้วย จนตอนนี้มันทำให้เขาไม่รู้สึกเจ็บแผ่นหลังที่ลามมายังกระดูกซี่โครงแล้วด้วย


    "ข้าอยากรู้เหลือเกิน เลือดมนุษย์นั้นอร่อยมากจนหยุดไม่ได้เลยหรือ?" ร่างบางพูด "


    เจเดนส่ายหน้า "ข้าเองก็ไม่รู้หรอก ข้าเป็นไลแคนท์และไม่เคยดื่มเลือดมนุษย์มาก่อน แต่ถ้าให้ข้าเดานะ มันคงจะอร่อยมากจนหยุดไม่ได้เลยล่ะ ที่แน่ๆข้าว่าเจ้าอย่าลองเลยจะดีกว่า มันอาจจะส่งผลเสียต่อตัวเจ้าเอง"


    หลังจากจบคำพูดของร่างสูงไปแล้ว ความเงียบก็เข้าปกคลุมอีกครั้งและไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปเกือบสองนาที คนตัวเล็กจึงเริ่มต้นบทสนทนาใหม่เพื่อไม่ให้บรรยากาศแห่งความอึดอัดนั้นเกิดขึ้นนานจนเกินไปจนทำให้ระยะห่างของทั้งสองนั้นมากขึ้น


    "ขอบคุณนะ" วินเซนต์พูด "ข้ามองไลแคนท์ผิดไปจริงๆ ข้าคิดว่าพวกนั้นจะโหดร้ายและเข่นฆ่าพวกแวมไพร์จนแทบไม่เหลือ แต่ในความเป็นจริงนั้นมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไปจริงๆ อีกอย่าง เจ้านั้นช่างดีกับข้าเหลือเกิน


    ตั้งแต่ที่ข้าตื่นขึ้นมา ความทรงจำของข้านั้นบิดเบี้ยวและเลือนหายไปจนเกือบหมด ข้าจำได้เพียงแต่ว่าข้าเป็นนักรบแวมไพร์ที่เก่งที่สุด ส่วนความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับข้านั้นถูกลืมเลือนไปจนเกือบหมด แต่ข้านึกออกได้เพียงสิ่งเดียวก็คือ เจ้าคือผู้ที่ข้าเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะอยู่เคียงคู่กันแค่นั้นเอง นอกนั้นข้าก็จำไม่ได้แล้ว"


    ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย เจเดนที่นั่งบนเตียงฟังนั้นก็นิ่งไปและไม่ได้พูดอะไรออกมา ในตอนนี้วินเซนต์ดูไม่ออกเลยว่าร่างสูงนั้นอยู่ในอารมณ์แบบไหนกันแน่ โกรธ น้อยใจ หรือว่าดีใจกันแน่ แต่คนตัวเล็กนั้นขอเอาไว้ว่าขอเป็นอย่างหลังจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยคนตัวเล็กก็ไม่ได้ลืมความทรงจำระหว่างพวกเขาทั้งสองจนหมดแบบนั้น


    "ข้าเองก็แปลกใจ ว่าทำไมเมื่อข้าเห็นหน้าเจ้าข้าถึงรู้สึกคุ้นหน้าเจ้าเหลือเกิน ราวกับว่าพวกเราเคยเจอหน้ากันมาก่อน" ร่างบางก้มหน้าลง "แต่ทำไมข้าถึงนึกเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ออกเลย..."


    ไม่ทันที่วินเซนต์จะเอื้อยเอ่ยคำพูดอะไรใดๆออกมา เจเดนก็พุ่งเข้ามากอดร่างบางอย่างแน่นจนไม่ทันได้ตั้งตัว



    สัมผัสนี้ มันช่างอบอุ่นและคุ้นเคยเหลือเกิน



    ทำไมเขาถึงนึกไม่ออกกันนะ



    "อย่างน้อยเจ้าก็จำสิ่งที่เจ้าเคยบอกกับข้าเอาไว้เมื่อร้อยปีก่อน" ร่างสูงพูด "แค่นี้ข้าก็อุ่นใจแล้ว ว่าเจ้านั้นไม่ได้ลืมไปจนหมด หากเจ้าลืมไปหมดแล้ว ข้าเองก็ถอดใจที่จะทำให้เจ้ากลับมาหาข้าเหมือนเดิม เมื่อเจ้าไม่ได้ลืมสิ่งที่เจ้าพูดเอาไว้กับข้า ข้าก็ดีใจมากแล้ว"


    "เจเดน..."


    ร่างบางเรียกชื่อของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา


    "ถึงมันจะยากเพียงใด ข้าก็จะพยายามให้เจ้าจำข้าให้ได้ แม้เวลาของเรานั้นมันจะน้อยเพียงใด ถึงเจ้าจะจำความสัมพันธ์ของเราได้น้อยนิด อย่างน้อยข้าก็อยากจะให้เจ้าจำข้าได้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เคยรักษาสัญญาและมีช่วงเวลาดีๆด้วยกัน ถึงแม้ว่าสุดท้ายข้าจะตายด้วยน้ำมือของเจ้าในฐานะศัตรูก็ตาม"


    "อย่าพูดเช่นนั้น" วินเซนต์ห้ามปราม "ได้โปรดอย่าพูดเช่นนั้นออกมา ข้าไม่ต้องการให้ไลแคนท์ที่ดีกับข้าเช่นเจ้าต้องตายด้วยน้ำมือของข้า"


    "ข้าเองก็ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นเช่นไร แต่ข้าขอสัญญาเพียงสิ่งเดียวก็คือ อย่างน้อยข้าก็ขอให้เจ้าจำข้าได้ว่าเราสองคนนั้นเคยอยู่ในสถานะแบบไหน เคยสัญญาและไปที่ไหนด้วยกันบ้างแค่นั้นก็พอ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าจำได้จนหมด เพียงเศษเสี้ยวของทั้งหมดก็พอแล้ว


    เจ้ารู้ไหม ข้ารอเวลาพบเจ้ามาเป็นร้อยปีหลังจากที่เจ้าหลับไปแล้ว ข้าก็อยากจะให้เจ้าจำช่วงเวลาของเราแค่นั้นก็พอแล้ว หลังจากนั้นเจ้าสังหารข้าตามคำสั่งของท่านผู้อาวุโสก็ได้ ข้ายอมเพื่อเจ้า"


    หยาดน้ำตาของวินเซนต์นั้นได้เอ่อล้นออกมาจากดวงตาทั้งสอง ความอัดอั้นตันใจมันกลั่นออกมาเป็นน้ำตาจนหมด ไม่อยากจะให้ตนเองจำเรื่องราวทั้งหมดที่แลกกับการสังหารเจเดน เพียงแค่อีกฝ่ายพูดมาเช่นนี้แล้วมันทำให้เขาไม่อยากจะจำแล้ว แต่ก็ไม่มีทางเลือกอยู่ดี เพราะเขาเองก็อยากจะรู้เรื่องราวก่อนหน้าที่เขาจะหลับไปร้อยปีนี้ว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง



    มันมีเรื่องอะไรบ้างที่พวกเขาเหล่านั้นพยายามปกปิดเขา



    มีเรื่องอะไรบ้างที่ทำให้เขาต้องหลับไปร้อยปี หลังจากตื่นขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำที่บิดเบี้ยวไปหมด



    เขาต้องรู้



    เขาต้องรู้ให้ได้ด้วย








    #ฟิคต่างภพกุกวี









    TBC. [30:09:2018]


    เราเองอัลทิสเชีย อัลทิสเชียเองค่ะ จำเราได้ไหมกับเรื่องนี้ หายไปนานมากจริงๆ 55555555

    พอดีช่วงนี้เป็นช่วงสอบปลายภาคของเราเองค่ะ ทำให้เราไม่มีเวลามาอัพเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆเลย พอเราเห็นเมนต์ที่บอกว่ายังคงติดตามอยู่ มันทำให้เรามีไฟแล้วก็แอบอู้หนังสือแล้วก็มาแต่งค่ะ อย่าเอาอย่างเรานะคะ มันไม่ดี 555555555555

    ตอนนี้เจเดนของเรานั้นก็เริ่มอ่อนไหวแก่นุ้งวินเซนต์แล้วค่ะ เฮียแกจะทำยังไงกับแวมไพร์ตนนี้ดีนะ จะทำให้ความทรงจำทั้งหมดของนุ้งวินเซนต์นั้นกลับมายังไง แล้วเรื่องรางเบื้องหลังของทั้งแวมไพร์และไลแคนท์นั้นจะเป็นยังไง ต้องติดตามตอนต่อไปนะคะ ^0<

    เจเรมี่โดนจับไปอีกคนแล้วจ้าาาาาาา!! แล้วจะช่วยเมี- โว้ย! เพื่อนยังไงล่ะทีนี้ 5555555


    อย่าลืมเฟบ โหวต แชร์ กดให้กำลังใจ สกรีมฟิคในทวิตเตอร์หรือว่าคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยนะคะ ถ้าฟีดแบคดีเท่ากับไรเตอร์ได้กำลังใจและอัพตอนต่อๆไปนะคะ :)

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×