คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Another World : Bleeding Heart | Chapter 13 [100%]
หอนาฬิกาบิกเบนตีดังลั่น เมื่อเข็มชั่วโมงและนาทีมาหยุดอยู่ที่เลขสิบสองในเวลากลางคืน เป็นสัญญาณที่บอกว่าตอนนี้เข้าวันใหม่แล้ว และเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของทุกๆคนหลังจากที่ทำงานหรือไปโรงเรียนทั้งวันจนรู้สึกเหนื่อยล้า แต่หาใช่สำหรับเหล่าแวมไพร์และไลแคนท์ไม่ เพราะเวลาที่อยู่ในตอนนี้ถือเป็นการออกล่าหาเหยื่อเลยล่ะ
และไม่ใช่สำหรับพวกเขาเหล่านี้ด้วย
เสียงฝีเท้าที่กระทบลงบนพื้นดินแฉะๆดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ความว่องไวของเจ้าของฝีเท้านั้นหาไม่ทันได้สังเกตดีๆก็จะมองไม่เห็นเลย รอยเท้าปรากฏแก่พื้นดินที่ถูกลงน้ำหนักจนมันเป็นรอยประทับอยู่ตรงนั้น คือรอยเท้าของไลแคนท์นั่นเอง
เหล่าไลแคนท์ทั้งสามกระโดดข้ามไปยังกิ่งไม้บ้าง วิ่งบนพื้นบ้างแบบนี้สลับกันไป บนหลังของไลแคนท์สองตนนั้นมีแวมไพร์สองตนขี่หลังอยู่และมีไลแคนท์อีกสองตนที่ไม่มีแวมไพร์ขี่หลัง ตนที่ใหญ่ที่สุดนั้นก็วิ่งนำหน้าไป ส่วนไลแคนท์ตนสุดท้ายนั้นก็อยู่ท้ายสุด เพราะเนื่องจากต้องคุ้มกันด้านหลังของทุกคน เผื่อว่าจะมีอะไรบางอย่างโผล่มาทำร้าย
"อีกไกลไหม!" เจเรมี่ตะโกนถาม "หน้าข้าชาไปหมดแล้ว!"
เจเดนไม่ตอบเนื่องจากตอนนี้เขาเป็นร่างไลแคนท์ หากจะตอบได้เพียงก็มีแค่เสียงคำรามเท่านั้น ไม่สามารถพูดออกมาเป็นภาษามนุษย์ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น ทั้งไฮลาเรียส นาธานและออกัสตัสก็ไม่สามารถพูดออกมาเป็นภาษามนุษย์ได้เลย
เจเรมี่รู้สึกเย็นและชาใบหน้าของตนเองเสียจริงๆ ลมเย็นๆที่ปะทะเข้านั้นมาจากการวิ่งอย่างรวดเร็วของออกัสตัส เขารู้สึกว่าเหมือนมีเข็มนับร้อยนับพันพุ่งเข้ามาแทงใบหน้าจนชาไปหมด ฟันบนล่างกัดกันแน่นเพื่อข่มความหนาวเย็นเอาไว้ แต่นั่นกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ร่างเล็กภาวนาขอให้ถึงที่หมายเสียที เพราะเนื่องจากว่านี่ก็เป็นเวลาเกือบๆสองสามนาทีแล้วที่เข้ามาในป่าแห่งนี้ ซึ่งมันมีแต่ต้นไม้ยืนต้นเต็มไปหมด แล้วเขาเองก็ไม่ค่อยชอบความเฉอะแฉะของพื้นดินด้วย ที่สำคัญที่สุดก็คือตัวเขาในตอนนี้กำลังจะแข็งเข้าให้แล้วล่ะ
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็มาพบกับกระท่อมแห่งหนึ่ง จัสตินและเจเรมี่คิดว่าคงจะเป็นกระท่อมที่เจเดนและวินเซนต์อาศัยอยู่ก็เป็นได้ ไม่อย่างนั้นเจเดนก็คงไม่รู้หรอกว่าต้องมาที่ไหนเพื่อที่จะหลบภัยจากอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น
ไลแคนท์ทั้งสี่หยุดวิ่งหลังจากที่มาอยู่ตรงหน้ากระท่อม จัสตินและเจเรมี่ก็ลงจากหลังของผู้ที่ให้โดยสาร ก่อนที่ไลแคนท์ทั้งสี่จะเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นดินและร่างก็เล็กลงเรื่อยๆจนสูงเท่ามาตรฐานของผู้ชาย กลับสภาพกลายเป็นมนุษย์เหมือนเดิมทุกประการ
"เราจะซ่อนที่นี่จริงๆหรือ?"
เจเรมี่ถาม
เจเดนหมุนตัวกลับมาตอบ
"ใช่ แต่แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะพวกเจ้าอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเจ้าทั้งสามอาจถูกจับได้ว่ามาสมคบคิดกับไลแคนท์"
"อย่างนั้นหรือ?" ร่างเล็กพึมพำพลางพยักหน้าไปมา "ข้าเข้าใจแล้ว แต่ข้ากับท่านจัสตินเองก็ไม่อยากจะกลับคฤหาสน์ของแวมไพร์เสียด้วยสิ แค่คิดถึงท่านแจ็กสัน คนที่ข้ากับวินเซนต์ไว้ใจมากที่สุด ข้าก็รู้สึกว่ามองหน้าไม่ติดกันด้วยซ้ำ"
จบประโยคนั้นก็เกิดเดดแอร์ขึ้นมาโดยมิได้นัดหมาย จัสตินรีบทำลายบรรยากาศแห่งความเงียบกริบนั้นโดยการพูดขึ้นมาเนื่องจากไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
"อะไรนะ? แจ็กสันทำอะไรนะ?" เขาถาม
"อะแฮ่ม!" เจเดนกระแอมขึ้นมาขัดจังหวะ ก่อนจะหาข้อเสนอมาเบี่ยงเบนความสนใจ "ข้าว่าเราคุยกันตรงนี้ไม่ได้ รีบเข้าไปในกระท่อมก่อนเถอะ ป่านนี้วินเซนต์หลับไปแล้วล่ะ"
ทุกๆคนต่างก็เดินเข้าไปในกระท่อมอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าแวมไพร์ที่อยู่ในกระท่อมเพัยงคนเดียวนั้นจะตกใจ ทุกย่างก้าวนั้นก็ต้องให้เงียบที่สุดราวกับว่าพวกเขานั้นกลัวว่าผักที่ใช้ใส่ลงในบะหมี่นั้นจะช้ำ เจเดนเปิดประตูเข้าไปในกระท่อมอย่างเบามือ ก่อนจะดันมันเข้าไปข้าๆแล้วพบว่าวินเซนต์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าชั้นวางหนังสืออยู่
เมื่อคนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่นั้นได้ยินเสียงเอี้ยดอ๊าดของไม้ที่ไม่ได้หยดจาระบี จึงทำให้เวลาที่ถูกผลักเข้ามาจึงเกิดเสียงชวนเสียวฟันแบบนี้ ร่างบางได้ยินเสียงเช่นนั้นจึงรีบปิดหนังสืออย่างเร็วไวก่อนจะหันใบหน้ามามองยังด้านหลังตนเองว่าเป็นใครกันที่เปิดประตูเข้ามาในกระท่อม
"หวัดดี" วินเซนต์ทักทายตามฉบับสุดเย็นชาของตนเอง "ทำไมพวกท่านถึงดูรีบร้อนแบบนั้นล่ะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?"
"วินเซนต์! คือว่า อุ๊บ!"
เจเรมี่ที่กำลังจะบอกว่าแจ็กสันนั้นเป็นหนอนบ่อนไส้อยู่ในแวมไพร์ ไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยประโยคอะไรออกมาก็ถูกมือหนาของออกัสตัสมาปิดเอาไว้เสียก่อน แถมยังล็อกแขนข้างซ้ายของร่างเล็กเอาไว้อีกด้วย จนในตอนนี้เจเรมี่ไม่สามารถขยับหรือพูดออกมาได้เลยแม้แต่นิดเดียว
"อื้อ!! อ๊ากกกก!! อ้าอะอ้าอั้น! (ข้าจะฆ่าท่าน!)"
คนที่ถูกเอามือมาปิดทั้งแขนและปากนั้นก็คำรามออกมาในลำคอเสียงดัง พยายามพูดออกมาให้ชัดๆ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย แถมยังถูกลากออกไปนอกกระท่อมอีกด้วย ไฮลาเรียสรีบพูดขึ้นมาทันทีเพื่อกลบความจริงเพราะกลัวว่าวินเซนต์จะรับไม่ได้
"พวกเราแค่เป็นห่วงเจ้าน่ะ ได้ยินว่าเจ้าอยู่ตัวคนเดียวในกระท่อม ก็เลยรีบมาที่นี่"
"อย่างนั้นหรอกหรือ?" วินเซนต์พูดเบาๆพลางพยักหน้าบอกว่าเข้าใจ ทางด้านเจเดนเองก็รู้สึกโล่งใจ เพราะแวมไพร์ตัวเล็กๆนั้นเชื่อคนง่ายเสียจริงๆ แค่กลบเกลือนไม่ให้รู้ความจริงแค่นี้ก็เชื่อเต็มอกแล้ว "ข้าว่าข้าอยากกลับคฤหาสน์แล้วล่ะ ข้าขอบคุณมากที่พวกท่านช่วยข้าเอาไว้มากเหลือเกิน บัดนี้ข้าขอตัวก่อน"
"ไม่ได้นะวินเซนต์ เจ้าจะกลับคฤหาสน์ตอนนี้ไม่ได้!"
เจเดนห้ามเสียงสูง
วินเซนต์ขมวดคิ้ว
"หมายความว่าไง? ที่ท่านบอกว่าข้ากลับไม่ได้?" คำถามที่ยิงออกมานั้นทำให้ทุกๆคนที่อยู่ตรงนี้เงียบกริบ และมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจราวกับว่าถูกจับได้ว่าขโมยของมาเล่นหรือทำพังก็ไม่ปาน ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของวินเซนต์อย่างไร
สายตาของคนตัวเล็กนั้นจับจ้องมามองที่พวกเขา จัสตินเองที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นนั้นก็รู้สึกสงสัยเช่นเดียวกัน เขารีบหันไปมองนาธานที่หลบสายตาทันที แต่ก็ได้รับความเงียบกลับมาแทน
"หากท่านไม่อยากบอก ก็ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้" วินเซนต์ตอบ "แต่ข้าจะกลับไปที่คฤหาสน์แล้วถามพวกเขาให้รู้ไปเลยว่าเกิดอะไรขึ้น"
"ไม่ได้นะ!" เจเดนร้องห้ามเสียงดัง เผลอคว้าเข้าที่ข้อมือของวินเซนต์อย่างรวดเร็วจนคนตัวเล็กรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และเผลอสะบัดมือออกอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณนักรบที่ยังหลงเหลืออยู่
"วินเซนต์ ที่พวกเราไม่กล้าบอกพวกเจ้า ก็เพราะเจ้าจะโกรธพวกเรา"
"โกรธงั้นเหรอ?" ร่างบางทวนคำพูด "ข้าจะโกรธทำไม ในเมื่อสิ่งที่พวกท่านปกปิดข้านั้นเป็นความจริงซึ่งมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วข้าจะโกรธพวกท่านทำไม นั่นมันไม่มีเหตุผลเลยนะ"
"ก็ได้ ข้าจะยอมบอกเจ้า"
เจเดนถอนหายใจออกมาเสียงดัง พร้อมคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดหลังจากที่วินเซนต์รู้ความจริงไปด้วย แล้วผลที่ออกมานั้นมันก็ต้องแย่มากแน่ๆ เพียงเขาคิดแค่นี้ก็รู้สึกว่าเย็นสะท้านไปทั่วร่างกายแล้ว
ทางด้านจัสตินเองก็รอลุ้นอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแจ็กสันกันแน่ แล้วรอฟังเจเดนพูดออกมาว่าน่าจะเป็นเรื่องของแจ็กสันเหมือนอย่างที่เจเรมี่หลุดปากออกมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า หรืออาจจะไม่ใช่กันแน่ ซึ่งเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าสิ่งที่เจเดนกำลังพูดนั้นจริงๆแล้วมันคืออะไรกัน แต่ก็รอลุ้นต่อไป
ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะบอกให้วินเซนต์ได้รู้ว่า "แจ็กสัน แวมไพร์ที่เจ้าไว้ใจนั้นกลับเป็นหนอนบ่อนไส้"
สิ้นประโยคนั้นก็เกิดเหตุการณ์เดดแอร์ขึ้นมาทันที ลมอ่อนๆที่พัดเข้ามาในตัวกระท่อมนั้นทำให้ทุกๆคนนั้นรู้สึกหนาวไปหมด แต่หาใช่สายลมที่พัดเข้ามาไม่ หากแต่ความเป็นจริงแล้ว เป็นเพราะสายตาเย็นชาของวินเซนต์ต่างหากที่ทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวสะท้านแบบนี้
วินเซนต์ส่ายหน้า "ข้าคิดว่าไม่น่าใช่เขานะ"
"เขาเป็นแวมไพร์ที่อัจฉริยะในด้านการประดิษฐ์ คิดค้นยาและอะไรต่างๆนานามาใช้ ข้าคิดว่าไม่แปลกเลยที่เขาจะทำให้เจ้ากับข้าหลับไปตั้งร้อยปี! แถมยังทำให้ความทรงจำของเจ้ามาอยู่ในหัวของข้าด้วย!"
"แล้วเจ้าคิดว่าเขาจะกล้าทำแบบนั้นกับพวกเราหรือเจเรมี่!" วินเซนต์โต้เถียง "เขาช่วยพวกเราในเรื่องหลายๆเรื่อง ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำแบบนี้ หากเจ้าบอกว่าเขาเป็นผู้ที่ทำให้เราทั้งสองหลับไปร้อยปี ข้าไม่เห็นด้วยอย่างแรง! เจ้าไปเอาข่าวลือนี้มาจากไหน?"
"ข้าเอง แล้วข้าของถามเจ้าเสียหน่อยว่าเจ้าเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน?" ออกัสตัสแทรกถาม "ข้าเป็นผู้เดียวที่เดินผ่านห้องของปู่เจเดน แล้วข้าก็เห็นเขาสนทนากับปู่ของเจเดนอีก! แล้วข้าก็อัดเสียงและวิดีโอมาด้วย!"
"อะไรนะ? ปู่ข้าแอบสมคบคิดกับเรื่องนี้ด้วยเหรอ?"
เจเดนแทรกถามเสียงสูงเนื่องจากไม่เชื่อ
"พวกเจ้าช่วยใจเย็นๆกันหน่อยได้ไหม!" นาธานตะคอกเสียงดัง "มาเถียงกันว่าแจ็กสันเป็นคนทำให้วินเซนต์กับเจเรมี่หลับไปร้อยปี แถมยังลากยาวมาถึงผู้อาวุโสของไลแคนท์อีก! หวกพวกเจ้ายังเถียงกันแบบนี้แล้วจะหาตัวการได้อย่างไร!"
"เปิดคลิปเสียงก่อนแล้วฟังให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า"
จัสตินออกความคิดเห็น พลางยกมือมาสะกิดออกัสตัสเพื่อบอกให้เปิดคลิปให้พวกเขาดู คนที่ถือโทรศัพท์นั้นเปิดหน้าจอและกดเข้าไปที่ปุ่มคลิปวิดีโอ ก่อนจะยื่นมาให้ทุกๆคนดูว่ามันเป็นเรื่องจริง
"ตามแผนใช่ไหม?" ชายคนหนึ่งที่ยืนกอดอกและยืนมองออกไปนอกหน้าต่างนั้นได้พูดขึ้นมาอย่างเยือกเย็น เขาสวมทักซิโดสีดำและผูกเนคไทสีแดง ในปากของเขานั้นมีซิการ์ที่จุดแล้ว มือขวายกขึ้นมาคีบก่อนที่จะพ่นควันสีขาวออกมาจากปาก
กลิ่นซิการ์คละคลุ้งไปทั่วห้อง ทำให้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังชายที่สวมชุดทักซิโดนั้นต้องย่นจมูกลงเนื่องจากเขาเกลียดกลิ่นจำพวกยาสูบหรือไม่ก็บุหรี่ที่สุด
เขาตอบด้วยความมั่นใจหลังจากที่ยกมือขึ้นมาปัดๆควันออกอย่างเงียบๆ "ครับ ตอนนี้เป็นไปตามแผนเลยครับ วินเซนต์ถึงกับอกสั่นขวัญแขวนกลับไปเลย"
ชายที่สูบซิการ์ยิ้ม ก่อนจะหันหลังกลับมาที่โต๊ะและบี้ซิการ์ในมือลงบนที่เขี่ยบุหรี่จนมันเละเทะไปไหมด ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้สีดำและจ้องมาที่ลูกน้องของตนเอง
"เยี่ยมมาก เป็นไปตามแผนจริงๆด้วย" เขาพูด "ทีนี้พวกแวมไพร์ก็ขาดตัวหมากสำคัญไปแล้ว เนื่องจากกลัวการเข่นฆ่าไลแคนท์ แก๊สที่อยู่ในท่อนั้นมันช่วยได้มากๆเลย ต้องขอบคุณทีมของคุณจริงๆที่ค้นหามันมา"
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ" ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้านั้นเกาหลังหูแกรกๆหลังจากที่ถูกชม
"แล้วเรื่องนั้นล่ะ?"
"กำลังดำเนินการครับ มันอาจมีหลายขั้นตอนและเงื่อนไขหน่อย แต่ผมรับรองว่ามันต้องได้ผลครับ"
ชายที่นั่งบนเก้าอี้นั้นเผยยิ้มกว้างออกมาด้วยความพอใจ
"แล้วเจเดนล่ะ?" เขาถาม "ยังมีปณิธาณที่ในเรื่องนี้อยู่ไหม?"
"เรื่องนั้นผมไม่ทราบจริงๆครับ เขาไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักนิด แถมช่วงนี้เขาทำตัวแปลกๆอีกด้วยครับ ไม่มาที่แอนติเจนเลยสักครั้งและหมกตัวอยู่แต่ในท่อระบายน้ำนั่นกับพี่ๆของเขา ท่านว่าแปลกไหมครับ?"
ชายที่นั่งเก้าอี้เงียบไป นิ้วชี้ข้างซ้ายเคาะลงบนพื้นโต๊ะเป็นจังหวะอย่างใช้ความคิด ก่อนจะออกคำสั่งออกมาหลังจากที่เงียบไปค่อนข้างนาน
"ไปตามสืบมา" เขาบอก "ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่ท่อระบายน้ำแห่งนั้น แล้วก็ต่อสายให้ผมด้วย"
และแล้วคลิปก็จบในที่สุด เพราะเนื่องจากว่าชายที่ได้รับคำสั่งนั้นหมุนตัวกลับและเดินตรงมาที่ประตูเพื่อที่จะออกมายังด้านนอก ออกัสตัสที่ไหวตัวทันและรีบกดหยุดการบันทึกก่อนจะลุกขึ้นเดินผ่านออกมาอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เป็นไปไม่ได้หรอกน่า" เจเรมี่เอ่ยขึ้นมา "เขาทำแบบนี้ทำไม? แล้วทีนี้พวกเราจะทำยังไงดี?"
วินเซนต์เองก็ตกอยู่ในวังวนความสับสน ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ควรทำอะไรต่อไปดี เรื่องราวทั้งหมดนั้นเขาจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยสักนิด หลับไปร้อยปี เรื่องความทรงจำขาดหายไป ทั้งบิดเบี้ยวและสลับไปอยู่ที่เจเรมี่ แถมเรื่องราวทั้งหมดที่เขาประสบพบเจอนั้น ใครกันแน่หมายที่จะทำร้ายเขาทางอ้อมแบบนี้
เรื่องราวทั้งหมดที่แจ่มแจ้งมากที่สุด ก็ต้องเป็นเจ้าตัวเท่านั้น
"ข้าจะกลับไปที่คฤหาสน์" วินเซนต์บอก "ข้าจะไปเค้นความจริงมาจากท่านแจ็กสันเอง"
แต่เจเดนและคนอื่นๆไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ จึงรียแย้งออกมาเสียงดัง "ไม่ได้นะวินเซนต์ เจ้าจะกลับไปที่คฤหาสน์ตอนนี้ไม่ได้! หากเจ้ากลับไปแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น!"
"ข้ามาคลุกคลีและอยู่กับพวกท่านมามากพอแล้ว หากข้าอยู่ต่อไปแล้วพวกนั้นคิดว่าข้าแปรพักตร์มาอยู่กับไลแคนท์แล้วล่ะ อีกอย่าง ข้าเองก็สับสนเช่นกันว่าถ้าไลแคนท์และแวมไพร์เปิดฉากต่อสู้กันล่ะ ข้าเลือกทางไหนระหว่างสู้เพื่อเผ่าพันธุ์ของตนเอง หรือละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วหนีไปแล้วไม่ฆ่าพวกท่าน แต่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏตลอดชีวิต ข้าจะทำยังไง?"
เหตุผลที่มีน้ำหนักมากกว่าของวินเซนต์นั้นทำให้ทุกคนเงียบกริบ ไม่มีใครมาโต้แย้งความคิดนี้เลยสักคน แต่เจเรมี่เองก็รู้สึกว่าหากวินเซนต์กลับไปที่คฤหาสน์นั้นจะต้องถูกผู้อาวุโสกรรโชกโฮกฮากใส่เพราะหายไปนาน หรือไม่ก็อาจถูกจับได้แล้วว่าเขาแอบมาอยู่กับพวกไลแคนท์ก็เป็นได้
ร่างเล็กพยายามพูดอย่างอ่อนโยนเพื่อให้เพื่อนสนิทตนเองเปลี่ยนใจ ราวกับว่าตอนนี้เขากำลังใช้น้ำเย็นเข้าลูบไฟที่กำลังจะไหม้ไปทั่วเลยล่ะ
"วินเซนต์ ฟังข้านะ" เจเรมี่พูด "แค่เจ้าหายไปนานก็ทำให้ผู้อาวุโสนั้นไม่พอใจมากๆแล้ว อีกอย่างถ้าเจ้ากลับไปที่คฤหาสน์แล้วพวกเขารู้ว่าเจ้าแอบมาอยู่กับเจเดนแบบนี้ล่ะ ไม่ถูกครหาหรอกหรือ?"
วินเซนต์ครุ่นคิดกับสิ่งที่เจเรมี่พูดออกมา "ถ้าอย่างนั้น เราจะรู้ความจริงได้ยังไงถ้าไม่กลับไปที่คฤหาสน์?"
"ก็ไปจับเขามาสิ" ออกัสตัสออกความคิดเห็น "แค่นี้ก็คิดไม่ออกเหรอเนี่ย?"
"ใช่แล้ว! วิธีนี้แหละ!" นาธานปรบมือหนึ่งครั้งและร้องออกมาด้วยความดีใจที่รู้ว่าวิธีนี้ดีที่สุดที่จะไม่ให้จัสติน วินเซนต์และเจเรมี่กลับไปยังคฤหาสน์ แถมยังได้ตัวแจ็กสันมาสอบสวนให้รู้กันทุกคนไปเลย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!
"แล้วใครจะเป็นคนพาเขามาที่นี่ล่ะ?"
จัสตินยกมือถาม
ทุกคนหันหน้าไปทางไฮลาเรียสกับเจเดน
"เฮ้ย! ทำไมต้องเป็นข้าล่ะ!" ไฮลาเรียสร้องออกมาเสียงดังยกเว้นเจเดนที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร ราวกับว่าเขายอมรับเสียงข้างมากที่บอกว่าให้เขาไปนำตัวแจ็กสันมาที่นี่
"ไม่ต้องอะไรยังไงทั้งนั้น ไปพาตัวหมอนั่นมาเร็วๆเข้า"
นาธานโบกมือไปมาเพื่อบอกปัดๆว่ารีบๆไปได้แล้ว ไฮลาเรียสจี้ปากด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกกระท่อมและก้มตัวลงกับพื้น ร่างก็ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆแถมยังมีขนสีเงินและเทาออกมาจากร่างกาย ตอนนี้เขาและเจเดนได้กลายเป็นไลแคนท์แล้ว หลังจากนั้นก็ดีดตัววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนวินเซนต์มองไม่เห็นทั้งสองแล้ว
"ทีนี้ก็รอ" ออกัสตัสพูดพลางยกมือทั้งสองข้างมาไขว้กันและจับเข้าที่ต้นคอด้านหลังของตนเอง เขาล้มตัวนั่งลงบนโซฟาสีดำทันทีและปิดตาลง "ถ้าพวกนั้นมาช่วยปลุกข้าด้วยนะ"
ร่างบางที่เห็นว่าโซฟาที่ออกัสตัสนั่งอยู่นั้นไม่ได้หักแต่อย่างใด พลางคิดในใจว่าเจเดนคงจะมาดูแลกระท่อมหลังนี้อยู่บ่อยๆกระมัง ทำให้สิ่งของต่างๆดูใหม่ไปหมด ซึ่งยกเว้นแปลงผักหน้ากระท่อมเท่านั้นที่เหี่ยวเฉาจนมันกรอบไปหมดแล้ว และพวกหยากไย่ที่อยู่ในชั้นหนังสืออีก
ทุกๆคนต่างที่อยู่ตรงนี้ต่างก็แยกย้ายไปทำกิจกรรมของตนเองเพื่อรอเจเดนกับไฮลาเรียสกลับมา วินเซนต์เองก็นั่งอ่านหนังสือเล่มเก่าๆที่กระดาษแต่ละหน้านั้นเป็นสีเหลืองไปหมดแล้ว มือซ้ายของเขานั้นถูๆจมูกไปมาเพราะรู้สึกคัน
"ในกระท่อมนี้เย็นชะมัด" จัสตินพึมพำ
"งั้นข้าจุดไฟให้ก็แล้วกันนะ"
เจเรมี่เดินไปที่เตาผิง หยิบฟืนบางส่วนที่วางเอาไว้ข้างๆนั้นขึ้นมาเต็มมือทั้งสอง ก่อนจะโยนเข้าไปในเตาผิงพอประมาณ ร่างเล็กควานหากระดาษหรือว่าฟางแห้งๆที่พอจะจุดไฟให้ความอุ่น เมื่อเจอเชื้อเพลิงที่จะทำให้ไฟติดแล้วก็คว้าไม้ขีดไฟที่วางอยู่บนเตาผิงมาจุดไฟ พอไฟติดก็นำมันมาจ่อเข้าที่ฟางแห้งๆ
ไฟสีส้มลุกขึ้นมาจากฟางแห้งและติดควันสีเทา เจเรมี่โยนฟางที่อยู่ในมือนั้นเข้าไปในเตาผิง คว้าไม้ที่ใช้เขี่ยไฟขึ้นมาและเขี่ยๆกิ่งไม้แห้งและฟางที่ติดไฟให้เข้ากันพลางหยดน้ำมันลงเล็กน้อย ใช้เวลาไม่นานไฟก็ลุกขี้นมาเป็นกองใหญ่และให้ความอบอุ่นแก่ทุกคน
"ค่อยยังชั่ว...นึกว่าจะหนาวตายเสียแล้ว" นาธานพูดออกมาก่อนจะนั่งลงบนโซฟาที่ออกัสตัสหลับอยู่ "ดีจังเลยที่เจ้าน้องชายนั้นสร้างกระท่อมไม้แบบนี้เอาไว้ ทำให้พวกเราไม่ต้องลำบากลำบนไปซ่อนตัวที่อื่นเลย นี่วินเซนต์"
"มีอะไรหรือ?" ร่างบางถาม
"ถ้าสองคนนั้นมาช่วยปลุกข้าด้วยนะ ข้าง่วงมากเลย"
"ได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวข้าจะเรียกท่านเอง"
จบประโยคนั้น นาธานก็หลับไปเรียบร้อยพร้อมกับออกัสตัส
ที่คฤหาสน์ของเหล่าแวมไพร์ ด้านนอกนั้นมีพุ่มไม้มากมายวางเรียงรายกันอยู่ หน้ารั้วนั้นก็มีเถาวัลย์เลื้อยไปตามซีกของมัน ตัวคฤหาสน์นั้นดูเหมือนมีผีสิงอยู่ก็ไม่ปาน แถมบรรยากาศรอบๆนั้นก็วังเวงเสียจนไฮลาเรียสนั้นรู้สึกกลัวและขนลุกขึ้นมาอย่างดื้อๆ
ในตอนนี้ทั้งไฮลาเรียสและเจเดนนั้นก็กลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิมแล้ว หากพวกเขาเป็นร่างไลแคนท์นั้นต้องทำให้เหล่าแวมไพร์ที่ไม่เป็นมิตรนั้นต้องวิ่งเข้ามาฆ่าแน่นอน พยายามใช้ความคิดว่าจะหาทางเข้าไปในตัวคฤหาสน์อย่างไรดี
"พวกแวมไพร์นี่ไม่มีรสนิยมในการเลือกสรรที่หลบภัยเลยนะเนี่ย"
ไฮลาเรียสบ่น
เจเดนเม้มปากแน่น
"แจ็กสันอยู่ชั้นล่าง คนเดียว" คนตัวสูงบอกและกระพริบตาหนึ่งครั้ง ก่อนที่สีตาของเขาที่เป็นสีฟ้านั้นกลับมาเป็นสีน้ำตาลเหมือนเดิม ขมวดคิ้วเป็นปมแน่นว่าต้องใช้แผนอย่างไรดีในการลักพาตัวหมอนั่นมา "แต่มันก็ไปลำบากนิดหน่อย เพราะห้องที่หมอนั่นอยู่นั้นไม่มีหน้าต่างเลยแม้แต่บานเดียว"
"ข้าว่าไม่นิดแล้วล่ะ" ไฮลาเรียสแย้ง "ห้องบ้าอะไรไม่มีหน้าต่างแม้แต่บานเดียว ตัดขาดจากโลกภายนอกหรือไงกัน"
"ท่านพี่ ท่านอย่าลืมนะว่าหมอนั่นเป็นอัจฉริยะ สามารถสร้างอะไรหลายอย่างได้มากมายจนนับไม่ถ้วน ข้าจำได้ว่าครั้งแรกที่ข้าแอบเข้าไปในคฤหาสน์แล้วลักพาตัววินเซนต์มานั้น นี่เวลาก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วล่ะมั้ง ป่านนี้คงสร้างอะไรบางอย่างเพื่อป้องกันแล้วล่ะ"
"จับอัจฉริยะสักคนนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยแฮะ" ไฮลาเรียสพึมพำ "แล้วทีนี้เราจะทำยังไงดีล่ะ ถ้าเจ้าไม่รีบร้อนที่จะเจอวินเซนต์ในตอนแรก มันก็คงไม่เกิดเรื่องที่ว่าสร้างของมาป้องกันหรอกนะ"
"แต่ข้าไม่เสียใจเลยนะที่ผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้" เจเดนตอบ "ข้าเฝ้ารอที่จะได้พบกับวินเซนต์มาตั้งร้อยปี ไม่มีวันไหนเลยที่ข้าไม่คิดถึงเขา ตั้งแต่วินเซนต์หลับไปร้อยปี ข้าก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย ข้าคิดถึงเขาทุกวัน เอ่ยชื่อทุกวัน ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ข้ารู้สึกโหยหาอีกคนมากถึงเพียงนี้"
คนเป็นพี่เงียบกริบและฟังน้องชายพูดต่อไปโดยไม่ขัดจังหวะ เพราะรู้แล้วว่าบรรยากาศในตอนนี้สำหรับเจเดนนั้นมันหดหู่มากแค่ไหนที่ไม่ได้พบกับคนรักมาตั้งร้อยปี ถือว่านั่นเป็นเวลาที่นานมากจริงๆ
"ข้าพบกับเขาครั้งแรกในรอบร้อยปีคือตอนที่ปะทะกันในสถานีรถไฟใต้ดิน ข้าดีใจแทบเป็นบ้าที่ได้พบเจอกับวินเซนต์อีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเพราะเขาจำข้าไม่ได้ สายตาที่มองมานั้นเห็นว่าข้าเป็นศัตรูแล้วต้องกำจัดให้สิ้นซากไปเสีย หัวใจของข้าถูกฉีกเป็นชิ้นๆทุกครั้งที่กระบอกปืนในมือของวินเซนต์นั้นถูกลั่นไกออกมาแล้วกระแทกเข้าที่ร่างของข้าจนมันปวดร้าวไปหมด
ราวกับว่าวินเซนต์ลืมไปเสียแล้วว่าข้าเป็นใคร ข้าไม่เคยคิดเลยว่าครั้งแรกที่เราสองคนนั้นได้พบกันในรอบร้อยปีมันจะกลายเป็นสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เช่นนี้ ทำให้ข้าต้องรีบหนีออกมา บอกกับตัวเองว่านั่นไม่ใช่วินเซนต์ที่ข้ารู้จักอีกแล้ว เขาถูกล้างสมองไปเรียบร้อยแล้ว ข้าบอกกับตัวเองแบบนี้เสมอว่าให้ตัดใจเสีย แต่ข้าทำไม่ได้
ข้ารู้สึกว่ายิ่งปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆนั้นทำให้ช่วงเวลาของเราสองคนนั้นขาดหายไปทีละนิดๆ แล้วระยะห่างกับความสัมพันธ์นั้นจะไม่เหมือนเดิม ข้าทั้งโกรธและเกลียดตัวเองที่ช่วยวินเซนต์จากการถูกล้างสมองไม่ได้ ทำให้สายตา การกระทำและทุกๆอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงไปหมด ข้ายอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและลักพาตัววินเซนต์มา ถึงมันจะผิด ถึงมันจะบาป แต่อย่างน้อยข้าก็ขอให้ได้ใช้ช่วงเวลากับเขาก็พอแล้ว ต่อให้สุดท้ายข้าจะต้องตายด้วยน้ำมือของเขาก็ตาม"
และแล้วหยาดน้ำตาที่เจเดนสะกดกลั้นเอาไว้ก็ได้เอ่อล้นออกมาจากดวงตาทั้งสองของเขา ความรู้สึกและความอัดอั้นทั้งหมดนั้นก็ได้ระบายออกมาจากเบื้องลึกของหัวใจเสียที มือทั้งสองนั้นกำแน่นจนสั่นเทาไปหมด เสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระลอกๆ แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขากำลังอ่อนแอกับเรื่องของวินเซนต์ แวมไพร์ที่เขารักสุดหัวใจ
ไฮลาเรียสนั้นรู้สึกสงสารน้องชายของตนเองมากๆที่ต้องมาเจอกับชะตากรรมที่ต้องพรากจากกับคนที่รักแบบนี้มาตั้งร้อยปี หลายสิ่งหลายอย่างที่เจเดนต้องแบกรับเอาไว้บนบ่านั้นก็หนักเอามากๆจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด เขายื่นมือไปลูบหลังของเจเดนเบาๆเพื่อปลอบประโลม
"อย่างน้อยเจ้าเองก็ได้ช่วงเวลาคืนกลับมาแล้ว" ไฮลาเรียสบอก "อย่างน้อยวินเซนต์ก็ไม่ได้ทำร้ายเจ้าอีกต่อไป ตอนนี้เขาก็อยู่ข้างๆเจ้าแล้ว ข้าเข้าใจเจ้านะเจเดน ว่าเจ้านั้นต้องรับภาระอันหนักอึ้งเอามากๆ เจ้าเป็นหัวหน้าของไลแคนท์ แถมวินเซนต์เองก็หลับไปร้อยปีและไม่ได้พบเจอหน้ากัน ข้าเห็นแล้วว่าในทุกวันของเจ้านั้นต้องคุมลูกน้องมากมาย รับคำสั่งของปู่ให้ทำอะไรหลายๆอย่าง เจ้าเองก็ต้องการกำลังใจจากคนที่เจ้ารักในการทำงาน
มันอาจจะยากและลำบากลำหรับพวกเจ้าทั้งสอง แต่ข้าเชื่อว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้จะจบลงด้วยดี แล้วสักวันหนึ่ง เจ้ากับวินเซนต์ก็จะได้อยู่ด้วยกันและได้ช่วงเวลาที่ขาดหายไปกลับคืนมา ข้าเชื่อแบบนั้น
แต่ตอนนี้ ข้าว่าเราสองคนรีบพาตัวแจ็กสันกลับไปกันก่อนเถอะ หมอนั่นคือกุญแจสำคัญในการค้นหาความจริงทั้งหมดว่าใครเป็นคนล้างสมองและทำให้วินเซนต์กับเจเรมี่หลับไปร้อยปี เราจะช้าไม่ได้ หากช้าล่ะก็...ข้ารู้สึกว่าเรื่องราวมันต้องแย่ลงมากแน่นอน สุดท้ายก็จะต้องจบด้วยคำว่า สายไปเสียแล้วสำหรับค้นหาความจริงทั้งหมด แต่เราสามารถหักล้างคำนั้นได้ รีบๆทำภารกิจของเราเถอะ"
เจเดนพยักหน้าเบาๆและยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกไปจนหมด กัดฟันแน่นจนขมับนั้นเป็นสันนูน ข่มความรู้สึกที่มันหดหู่เอาไว้ในใจ เพราะตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาร้องไห้เสียใจกับเรื่องที่มันเกิดขึ้น เขาต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ หากสำเร็จแล้วก็เท่ากับว่าความจริงทั้งหมดจะถูกเปิดเผย
ทั้งสองหาช่องทางตามรั้วเพื่อที่จะเข้าไปตัวคฤหาสน์ โชคดีที่รั้วนั้นมีรูที่ใหญ่พอที่จะทำให้พวกเขาเข้าไปข้างในได้ เจเดนแทรกตัวเข้าไปในรั้วตามด้วยไฮลาเรียส ในตอนนี้พวกเขาเข้ามาข้างในได้แล้ว
คนตัวสูงกระพริบตาหนึ่งครั้ง จนทำให้สีตาของเขานั้นเปลี่ยนไปเป็นสีฟ้า ซึ่งมีลักษณะพิเศษที่ทำให้เจเดนมองทะลุผนังได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะหนาสักเพียงใด พบว่าตอนนี้แจ็กสันลุกขึ้นมาจากโต๊ะและเดินไปที่ไหนสักที่ในห้อง ก่อนที่เขาจะกระพริบตาหนึ่งและเปลี่ยนสีตาเป็นสีน้ำตาลอีกครั้ง
"ยังอยู่ในห้องเหมือนเดิม แต่ดูท่าทางเหมือนกระวนกระวายกับอะไรบางอย่าง"
"ข้าว่าเราไม่มีทางเลือกนอกจากเดินเข้าไปอย่างหน้าตาเฉยแล้วล่ะ"
ไฮลาเรียสพูด และนั่นทำให้เจเดนเห็นด้วยเป็นอย่างมาก เพราะห้องที่แจ็กสันอยู่นั้นไม่มีหน้าต่างเลยสักบาน แถมการลักพาตัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายด้วย ทางเดียวที่ทำได้ก็คือปลอมตัวเป็นแวมไพร์และเดินเข้าไปข้างในเป็นวิธีเดียวเท่านั้น
"ข้ามีทางที่ดีที่จะเข้าไปในนั้น ตามข้ามา"
เจเดนพูดก่อนจะย่องไปทางด้านหลังของคฤหาสน์ พบว่าด้านหลังนันมีประตูบางใหญ่เปิดอยู่ และด้านหน้าประตูนั้นก็มีแวมไพร์สองตนกำลังสนทนากันอยู่ ไลแคนท์ทั้งสองนั้นแนบชิดแผ่นหลังเข้ากับผนัง ก่อนจะย่องเข้าไปใกล้ประตูเรื่อยๆ ในขณะนั้นเองก็ต้องหยุดเป็นระยะๆเพื่อไม่ให้แวมไพร์ทั้งสองตนที่กำลังสนทนาอยู่นั้นเห็นเข้า
"เฮ้อ...วินเซนต์หายตัวไปอีกแล้วล่ะ แล้วทีนี้พวกเราจะทำยังไงดี"
"แต่ที่น่าแปลกที่สุดก็คือเขาหายไปนานมาก กลับมาเพียงสักพักแล้วก็หายไปอีก เจ้าคิดว่าเขาแอบสมคบคิดกับไลแคนท์หรือเปล่า?"
"ก็น่าจะเป็นไปได้ ข้าเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าจริงๆแล้วมันเป็นเช่นไร แต่ที่น่าแปลกที่สุดก็คือทุกครั้งที่วินเซนต์หายตัวไปต้องเป็นผู้อาวุโสสั่งให้เขาไปนั่นไปนี่ทุกทีเลย ไม่ใช่เพียงแค่วินเซนต์นะ เจเรมี่ก็ด้วย"
ทั้งไฮลาเรียสและเจเดนนั้นก็แอบฟังแวมไพร์ทั้งสองสนทนากันเรื่องของวินเซนต์และเจเรมี่ พวกเขานั้นรู้สึกตะหงิดๆกับคำพูดของแวมไพร์ทั้งสองเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องแอบฟังต่อไป
"ตอนนี้จัสตินเองก็หายตัวไป แต่ข้ารู้สึกว่าทำไมผู้อาวุโสนั้นถึงดูไม่เดือดร้อนอะไรเลยล่ะ นิ่งเหมือนทองไม่รู้ร้อนแล้วก็ทำหน้าตาเฉยได้ทั้งวัน มันดูแปลกๆนะ"
"ข้าว่ามันแปลกมากเลยนะ ถ้าคิดในแง่ดีเขาอาจกระวนกระวายก็ได้ เพียงแต่ว่าไม่แสดงสีหน้าออกมาเท่านั้นเอง เฮ้อ...มันก็พูดยากอยู่หรอกนะ ข้าว่าแวมไพร์ขาดนักรบดีๆไปมากเลย"
และแล้วบทสนทนาใหม่ก็เข้ามาแทนที่เรื่องของวินเซนต์ จัสตินและเจเรมี่ในที่สุด เมื่อเจเดนและไฮลาเรียสเห็นว่าคงไม่มีอะไรแล้วก็เลยเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว โดยที่แวมไพร์ทั้งสองที่กำลังสนทนากันอยู่นั้นไม่ทัยได้สังเกตเห็น
ภายในของคฤหาสน์ในมุมมองของทั้งสองนั้นว่ามันกว้างและใหญ่มาก คาดการณ์เอาไว้ว่าน่าจะมีแวมไพร์อาศัยอยู่ที้นี่เกือบๆห้าสิบกว่าตนเลยล่ะ เจเดนกระพริบตาหนึ่งครั้งจนสีตาเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ภาพที่เขาเห็นนั้นก็คือ แจ็กสันกำลังนั่งกุมขมับแน่นอยู่บนโต๊ะทำงาน สิ่งที่พวกเขาต้องผ่านไปให้ได้นั้นก็คือ ห้องโถงที่มีแวมไพร์มากมายเดินไปเดินมาอยู่
เจเดนและไฮลาเรียสรีบหาที่ซ่อนทันทีเมื่อเห็นแวมไพร์จำนวนหนึ่งเดินผ่านมาทางเดินยาว พวกเขาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้สังเกตว่าทั้งสองแอบหลบอยู่หลังรูปปั้นเทพเจ้ากรีกที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
"เกือบไปแล้ว" ไฮลาเรียสคิดในใจ ก่อนจะรีบเดินตามเจเดนไปอย่างรวดเร็วจนทิ้งระยะห่างจากแวมไพร์จำนวนหนึ่งที่เดินผ่านไปเมื่อกี้ จากทางเดินยาวก็เข้าสู่ห้องโถงใหญ่ทันที ห้องโถงใหญ่นั้นมีประตูมากมายเรียงกันเป็นแถว ทั้งสองคิดเอาไว้ว่าน่าจะมากกว่ายี่สิบเสียด้วยซ้ำ ห้องของแจ็กสันนั้นต้องผ่านโถงใหญ่ก่อนแล้วต้องหาประตูบานที่สี่ จึงจะถึงที่หมาย
คนตัวสูงกลืนน้ำลงคออึกใหญ่ มือก็แง้มประตูออกเล็กน้อยเพื่อรอจังหวะดีๆที่จะวิ่งผ่านเหล่าแวมไพร์ในช่วงที่เผลอนั้นเดินเข้าไปในประตูบานที่สี่ แต่ดูเหมือนว่ามันค่อนข้างไม่เป็นใจเสียเท่าไหร่
"เมื่อไหร่จะไปสักทีนะ" ไฮลาเรียสเร่งเร้า "แย่แล้ว! แวมไพร์มีแวมไพร์เดินมาแล้ว!"
หัวใจของคนตัวสูงนั้นเต้นรัว ตอนนี้ทำได้เพียงรอปาฏิหาริย์บังเกิดขึ้นมาเท่านั้น จะทำอย่างไรในการดึงความสนใจไปทางอื่นก็ไม่ได้ เพราะเนื่องจากว่าหน้าของเขานั้นเป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีแจกัน ไม่มีสิ่งของใดๆที่พอจะทำให้เบนความสนใจได้เลย ร่างสูงหลับตาแน่น วอนขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่
"หากลูกและวินเซนต์นั้นเป็นคู่แท้ที่พรหมลิขิตได้กำหนดเอาไว้ ขอพระองค์ทรงเมตตาแด่ลูกทั้งสอง ขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นราบรื่น ไร้ขวากหนาม ไร้ความเศร้าโศกเสียใจ สิ่งใดที่ลูกทั้งสองนั้นพลาดพลั้ง ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยแด่ลูกด้วยเทอญ อาเมน"
และแล้วโชคชะตาก็เป็นใจ แวมไพร์ที่กำลังสนทนากันอยู่นั้นก็เดินผ่านพวกเขาทั้งสองและเดินขึ้นบันไดใหญ่ไป นั่นก็เป็นโอกาสที่เจเดนและไฮลาเรียสนั้นใช้ในการเข้าไปในห้องของแจ็กสัน พวกเขาแทรกออกมาจากประตูอย่างเงียบๆก่อนจะเร่งฝีเท้าวิ่งไปยังประตูบานที่สี่ เจเดนบิดลูกบิดประตูและกระชากออกมาอย่างแรงจนแทบจะหลุดมาติดมือมาด้วย
"มีอะไรหรือ? ว้ากกกก!!" แจ็กสันร้องออกมาเสียงดังเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นโต๊ะ และเห็นเจเดนกับไฮลาเรียสอยู่หน้าประตูห้องของตนเอง คนเป็นพี่นั้นรีบแทรกตัวเข้ามาในห้องและพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อของแจ็กสันทันที ส่วนเจเดนนั้นรีบปิดและล็อกประตูอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ใครมารบกวน
"พวกเรามาที่นี่เพื่อคิดบัญชีกับเจ้า"
ไฮลาเรียสพูดพลางกัดฟันแน่น
"ไฮลาเรียส! เจเดน! ข้าไม่ได้พบเจอกับพวกเจ้ามาตั้งนาน แทนที่จะทักทายกันอย่างสนิทสนม แต่กลับมากระชากคอเสื้อของข้า! แล้วที่เจ้าบอกว่าคิดบัญชีนั้นคืออะไร!"
"อย่ามาทำเป็นไขสือ!" ไฮลาเรียสตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธแค้น "ที่เจ้าสมคบคิดกับไลแคนท์และเป็นหนอนบ่อนไส้! เจ้าหักหลังเผ่าพันธุ์ของเจ้าได้เยี่ยงไร!"
แจ็กสันส่ายหน้าไปมา "เจ้าพูดอะไรของเจ้า! ข้าสมคบคิดกับไลแคนท์บ้าอะไร! ข้าถูกใส่ร้าย!"
"ท่านพี่ หยุดก่อนเถอะ" เจเดนยื่นมือเข้ามาห้าม และนั่นทำให้ไฮลาเรียสจี้ปากเสียงดังก่อนจะคลายมือที่กำคอเสื้อของแจ็กสันออกอย่างรวดเร็ว ร่างสูงเดินเข้ามาแทนที่คนเป็นพี่ ก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความน่ากลัวระดับสิบ "สวัสดีท่านพี่แจ็กสัน ข้าไม่ได้พบเจอท่านมาตั้งนานเลย ที่ข้ากับพี่ไฮลาเรียสมาหาท่านนั้นก็เป็นเพราะเรื่องของท่าน วินเซนต์และเจเรมี่"
"เฮ้อ ประนีประนอมแบบนี้แหละนะที่ข้าอยากจะคุยด้วย" แจ็กสันปัดเสื้อของตนเองให้เรียบๆหลังจากถูกกำมือของไฮลาเรียสนั้นกำเสียแน่นจนเสื้อยับยู่ยี่ไปหมด "เจ้าได้ข่าวมาจากไหน ที่ว่าข้าเป็นหนอนบ่อนไส้น่ะ"
"จากคนๆหนึ่ง" เจเดนตอบ "เขาบอกว่าท่านไปหาปู่ของข้าที่แอนติเจน ใช่เรื่องจริงหรือไม่?"
"ใช่ ข้าไปหาจริง เพราะเนื่องจากถูกบังคับต่างหากล่ะ บอกว่าถ้าข้าไม่ไปข้าจะถูกตอกด้วยลิ้มไม้"
"จากใคร?"
ไฮลาเรียสเข้ามาผสมโรงถามด้วยอีกคน แจ็กสันเหลือบมองเขาก่อนที่จะหันกลับมามองคนตัวสูงอย่างเจเดนอีกครั้ง ก่อนจะตอบออกไปอย่างไม่ปิดบังว่า
"ผู้อาวุโสของแวมไพร์ เขาสั่งข้าให้ไปพูดคุยกันเรื่องแก๊สที่ทำให้วินเซนต์รู้สึกกลัวจนไม่กล้าต่อสู้กับไลแคนท์ แล้วก็เรื่องของเจ้าที่ทำตัวแปลกๆแล้วไม่ยอมไปอยู่ในแอนติเจนอีกด้วย"
"ถ้าอย่างนั้น ท่านไม่ใช่หนอนบ่อนไส้หรอกเหรอ?"
เจเดนพูดเบาๆ แต่นั่นทำให้แจ็กสันได้ยินชัดเจน
"ข้าจะหักหลังแวมไพร์ไปทำไมกัน ในเมื่อข้าก็รู้ว่าวินเซนต์ เจเรมี่และจัสตินรู้ว่าข้าจริงใจกับพวกเขาแบบนั้นน่ะ คนที่บงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนั้นเป็นผู้อาวุโสและปู่ของเจ้าต่างหากล่ะเจเดน เฮ้อ...เกลือเป็นหนอนแล้วไงล่ะทีนี้"
#ฟิคต่างภพกุกวี
TBC. [05:12:2018]
สุขสันต์วันพ่อสำหรับทุกๆคนด้วยนะคะ วันนี้ก็เป็นวันพิเศษสำหรับใครหลายๆคนเลยนะคะ เพราะโรงเรียนของเราหยุดหนึ่งวัน เราก็เลยมาอัพต่อเพื่อไม่ให้ทุกคนค้างค่ะ
เรารู้สึกว่าตอนนี้จะม่าเอามากๆเลยล่ะค่ะกับการถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดของเจเดนที่มีต่อวินเซนต์ เราเองเขียนไปน้ำตาคลอไปด้วยเลยค่ะ คือแบบสงสารความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมาก ต้องมาพบเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้ที่ทำให้คนๆหนึ่งเปลี่ยนไปและไม่เหมือนเดิมเหมือนแต่ก่อน นี่ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่ทุกคนสัมผัสได้ถึงความรักที่ซื่อสัตย์ ความจริงใจ ความรู้สึกและมุมมองของเจเดนนะคะ (เจเดนๆ มากอดหน่อยๆ // กอด)
มาเอาใจช่วยวินเซนต์ไปด้วยกันแล้วก็อย่าเพิ่งทิ้งน้องไปไหนนะคะ และอยู่ช่วยกันแก้ปมของเรื่องราวทั้งหมดไปกับไรเตอร์ด้วยนะคะ อย่าลืมเฟบ โหวต แชร์ กดให้กำลังใจ สกรีมฟิคในทวิตเตอร์หรือว่าคอมเมนต์เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยนะคะ ถ้าฟีดแบคดีเท่ากับไรเตอร์ได้กำลังใจและอัพตอนต่อๆไปค่า
ปล. ฟิคเรื่องอื่นๆนั้นเราขอสต็อปไว้ก่อนนะคะ เราจะต่อเรื่องนี้ให้จบก่อนแล้วจะมาอัพเรื่องอื่นๆให้ค่า
ความคิดเห็น