คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : อุบัติเหตุ
“ขอรบกวนด้วยนะคะ”อุ่นเรือนมาถึงก็โค้งตัวลงทักทายตามมารยาท
ไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่นิดเมื่อเห็นสภาพห้องที่เหมือนหนึ่งมีสงครามลง
หญิงสาวนึกชมเจ้าของผลงานทั้งเศษอาหารทั้งข้าวของกระจายกันได้ทั่วถึงดีแท้ อ่า อันที่จริงต้องขอบใจแม่พยาบาลสามคนที่ยืนสั่นพั่บๆอยู่หน้าห้องนั่นด้วยที่ทำให้เธอรู้ตัวก่อน “อ้าวโยชิงิ ไม่เจอกันหลายวัน
ในที่สุดนายก็โผล่หัวมาจนได้”
คนโดนชมเขินจนต้องยกมือขึ้นมาลูบผม “งานเพิ่งเรียบร้อยครับ
พอได้ข่าวว่าท่านยูเซฟื้นแล้วก็รีบมาเลยครับ เพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี้เอง”โยชิงิเป็นคนสนิทกึ่งเลขาของยูเซมารุ
เขาเลยต้องวิ่งรอกเคลียร์เรื่องราวหยุมหยิมทั้งองค์กรแทนเจ้านาย
“พูดมาก แกเป็นคนของใครกันแน่”อุ่นเรือนยังไม่ทันอ้าปากพูดพอยูเซมารุพูดทะลุกลางปล้องขึ้นมาอย่างนั้นวงก็ถึงกับแตก
โยชิงิรีบลี้ภัยเป็นการด่วน ซากาฮิโตะที่ทำท่าจะเข้ามาแจมด้วยก็เลี้ยวหนีแทบไม่ทัน
ส่วนอุ่นเรือนนั้นแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้เดินไปนั่งโซฟาเตรียมหาข้าวหาปลาให้ตัวเองกิน
“ท่านยูเซยังไม่ได้ทานอะไรเลยครับ”พอเห็นว่าท่านมายูมิถือกล่องเบ็นโตะมาด้วยคนที่แอบรักเด็กโข่งเหมือนลูกชายก็เข้ามาบอกพร้อมทั้งปรายตามองเบ็นโตะของหญิงสาวตาเป็นประกาย
“กินได้เหรอ ขนาดโต้ซังของฉันป่วยก้าซังยังให้ซดแต่โจ๊ก”อุ่นเรือนที่แต่อาหารโปรดของตัวเองมาแย้งเบาๆ
พอนึกถึงโต้ซังแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
ก็แหมโต้ซังเวลาป่วยต่อให้ก้าซังสั่งเสียงเขียวให้กินโจ๊กกินข้าวต้มโต้ซังก็มีความสามารถอ้อนจนได้กินอย่างอื่นทุกทีไป
โจ๊กหรอ ข้าวต้มหรอ ฟันหมดปากเมื่อไหร่เจอกัน!!!
“เขาเพิ่งฟื้นไม่กี่ชั่วโมง
จนป่านนี้ยังไม่พักผ่อนก็แย่แล้ว นี่ยังไม่ยอมกินอาหารอ่อนอีก
ดูเถอะเดี๋ยวคงมีทรุดกันบ้างล่ะ”เว้นแต่ที่หวงอาหารแล้วที่อุ่นเรือนพูดมาล้วนแต่จริงทุกคำ
“...”ซากาฮิโตะค่อนข้างลำบากใจอยู่ไม่น้อย
อยากให้เจ้านายกิน...ก็กลัวจะแสลงจนเจ็บป่วยหนักไปกว่าเดิม
แต่เมื่อยูเซมารุไม่ยอมกินโจ๊ก...เขาก็อยากเอาใจด้วยการให้กินอย่างอื่น
“ไหนรสชาติมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ”อุ่นเรือนไม่ค่อยเชื่อว่าอาหารในโรงพยาบาลของบิดาจะแย่ขนาดกินไม่ลง
“โยชิงิไปเรียกพยาบาลให้เอาโจ๊กเข้ามาซิ”
โยชิงิลังเลใจแต่เมื่อเห็นว่าท่านยูเซมารุไม่ได้ออกอาการใดๆจึงรีบเดินเร็วๆไปสั่งพยาบาล
ครู่ต่อมาโจ๊กเห็ดหอมจึงถูกนำมาเสิร์ฟให้อุ่นเรือนถึงโต๊ะ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการกินใช้มือโบกกลิ่นเบาๆ “ฮื้ม
ก็หอมยั่วน้ำลายใช้ได้”ชมแล้วก็ใช้ช้อนตักโจ๊กในถ้วยขึ้นมาชิมคำหนึ่ง
ขยับปากสองสามทีอุ่นเรือนก็พยักหน้าหงึกๆราวกับคนนั่งทางในเห็นภาพนิมิต
“อาหารอ่อนก็รสอย่างนี้แหละ
นายคงชอบเข้มหน่อยใช่ไหม
หืม”สี่ปีที่แล้วอุ่นเรือนจิกเรียกผู้อาวุโสกว่าว่านายอย่างไร
สี่ปีต่อมาเจ้านายของทุกคนก็ยังคงไม่เป็นที่ยำเกรงสำหรับคู่หมั้นของเขาเช่นเดิม
“...”ยูเซมารุปรายตามองคนพูดนิดเดียวก็หันไปให้ความสนใจกับจอโทรทัศน์ต่อทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
นี่ถ้าไม่ติดว่าอิสระของเธอผูกติดอยู่กับความอยู่ดีมีสุขของตาแก่หัวดื้อนี่แล้วล่ะก็
ต่อให้เขาไม่กินอะไรเลยไปชั่วชีวิตเธอก็จะไม่สนใจเลยจริงๆ
นี่กลับกลายเป็นว่าถ้าเขาไม่หายป่วยเธอก็ต้องอยู่โยงงานแทน
เธอจึงต้องแทบจะกราบกรานให้เขากิน กินเถอะ กินสักคำเพื่ออิสระของเธอ
นี่คนที่บ้านก็รายงานมาว่าพี่เล็กทำหน้าเครียด เธอล่ะ...อยากกลับไปถามจะแย่ อิสระ
เอาอิสระคืนมา!!!
“เดี๋ยวฉันจะปรุงให้อร่อยๆรับรองนายกินลงแน่”คุณแม่ผู้แสนดีสอนเธอมาดี รับมือกับก้อนหินต้องเอาน้ำตาลป้าย ให้มดไต่ ให้ผึ้งตาม
ทำอย่างนี้เดี๋ยวก้อนหินจั๊กจี๋ก็ขยับได้เอง
พอก้อนหินขยับได้ก็เอาน้ำตาลให้กิน...เดี๋ยวก็พูดได้
ว่าแล้วอุ่นเรือนก็เปิดเบ็นโตะห้าชั้นแบบจัดเต็มของตัวเองออกมาจัดวางจากนั้นก็หยิบเอาพวงเครื่องปรุงที่แบ่งแยกเป็นถุงเล็กๆซึ่งประกอบไปด้วยน้ำตาล
เกลือ น้ำปลา และน้ำส้มพริกออกมา
ถ้วยโจ๊กถูกเลื่อนมาตรงหน้าหญิงสาวพร้อมๆกับสายตาของทุกคนที่มองตาม
แล้วแม่มดก็จัดการโปรยเกลือ โรยน้ำตาล เหยาะน้ำปลา ปิดคาถาด้วยน้ำส้มพริกอีกเล็กน้อย
คนกริ๊กๆเพียงครู่เดียวก็เสร็จพิธี
“เอ้า กินได้!”เจ้าพิธีประกาศ ยังความหวาดหวั่นให้แก่ทุกสายตาที่จ้องมองขั้นตอน
อะไรมันจะยิ่งกว่าเล่นขายของขนาดนั้น
โยชิงิถึงกับส่ายหน้าดิ๊กเมื่อได้ยินคำเชื้อเชิญว่าให้กินได้
ข้างฝ่ายซากาฮิโตะก็พลอยน้ำลายเหนียวไปเลยทีเดียวเมื่อเห็นหน้าตาของโจ๊กที่เปลี่ยนไป
จากโจ๊กสีขาวผุดผ่องตอนนี้ก็ดูหม่นหมองไม่สะอาดตา
โจ๊กในตอนแรกดีกว่าเห็นๆ
อุ่นเรือนไม่สนใจสีหน้าของซากาฮิโตะและโยชิงิ
พวกคนญี่ปุ่นไม่นิยมปรุงโจ๊กแบบคนไทยจะไปเข้าใจถึงความอร่อยที่แท้จริงได้อย่างไร “คนไทยนิยมปรุงรสชาติโจ๊กอีกครั้งหลังจากยกขึ้นเสิร์ฟ”หญิงสาวอธิบายพลางวางถ้วยโจ๊กใบนั้นลงบนโต๊ะแล้วเลื่อนมันมาตรงหน้าผู้ป่วย “ลองหน่อยสิ
ถ้านายไม่ชอบจะทิ้งฉันก็ไม่ว่า”
“...”คนพูดพูดเสร็จก็เดินหนีไป
แต่น้ำเสียงที่อ่อนลงน่าฟังขึ้นของเธอทำให้ยูเซมารุที่หิวจนแสบไส้ยอมละทิฐิก้มลงมองชามโจ๊กหน้าตาอัปลักษณ์ตรงหน้า
ถ้าเป็นคนอื่นทำเขาอาจจะคว่ำมันทิ้งและโมโหยิ่งกว่าเดิม
แต่มายูมิเป็นคนหนึ่งที่เป็นที่ขึ้นชื่อว่าเลือกกินและทำอาหารเก่งดังนั้นเขาจึงคิดว่า...คุ้มเสี่ยง
“เอ้า
กินโจ๊กเสร็จก็กินซูชิกับผลไม้ตบท้ายหน่อยชีวิตจะได้มีสีสัน”...ส่วนที่กินแล้วจะแสลงหรือไม่นั้นก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน
อุ่นเรือนว่าในใจเมื่อจัดการแบ่งเอาซูชิสี่ชิ้นกับผลไม้ที่แกะสลักมาอย่างงดงามจัดลงบนจานเล็กๆมาติดสินบนคนท่ามากที่จนป่านนี้ยังนิ่งเฉยไม่ยอมลงมือเสียที
แล้วสิ่งที่ทุกคนหวังก็เกิดขึ้นเมื่อยูเซมารุยกมือขวาขึ้นจับช้อนและตักโจ๊กคำแรกเข้าปาก
เขานิ่งไปราวสองสามวินาทีเมื่อลิ้นรับรสโจ๊กที่ผ่านการปรุงใหม่ก่อนจะกลืนลงไปและตักคำต่อไปซึ่งมีความเร็วในการกลืนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“...”อุ่นเรือนเห็นอย่างนั้นก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้ซากาฮิโตะที่ยืนลุ้นเจ้านายของเขา
เมื่อยูเซมารุทานอาหารได้แล้วเธอจึงลงมือกินอาหารของตัวเองบ้าง “โยชิงิกินข้าวแล้วหรือยัง มาทานกับฉันไหม”ความที่ชอบท่าทางโง่ๆปนขี้อายของผู้ชายคนนี้อุ่นเรือนจึงมีน้ำใจต่อโยชิงิมากกว่าใครๆ
“ขอบคุณครับ ผมทานมาเรียบร้อยแล้วครับ”โยชิงิรีบปฏิเสธทันทีแทบจะก่อนที่ซากาฮิโตะจะส่งสายตาเตือนเลยด้วยซ้ำ
“เอาอีกถ้วย”เป็นเจ้านายของทุกคนที่ออกคำสั่งอีกครั้งเมื่อโจ๊กถ้วยเดียวไม่สามารถเติมเต็มกระเพาะที่เก๊กท่าอิ่มมานานได้
“ได้เลย ไม่มีปัญหา”อุ่นเรือนวางตะเกียบลง
รับโจ๊กถ้วยใหม่มาปรุงอีกครั้งแล้วส่งให้โยชิงินำไปเสิร์ฟ
ระหว่างรอยูเซมารุก็หยิบเอาผลไม้ขึ้นมาจากจานใบเล็กที่เขาแอบมองมาตั้งแต่ที่คู่หมั้นเอามาวาง
มันเป็นผลไม้ที่สวยมาก ทุกชิ้นล้วนแต่ถูกแกะสลักมาอย่างละเอียดอ่อนช้อย
แตงโมสีแดงถูกแกะเป็นดอกกุหลาบชิ้นพอดีคำ สตอเบอร์รี่กลายเป็นดอกไม้ห้ากลีบลายกนก
มีใบไม้ที่ทำจากผลฝรั่งและแตงกวาประดับอยู่ด้านล่างโดยมีผีเสื้อที่ทำจากแอปเปิ้ลแต่งไว้ข้างๆกัน
“...”ยูเซมารุเลือกหยิบเอาใบไม้ที่ทำจากผลฝรั่งเข้าปาก
เลือกที่จะทำลายส่วนที่เล็กที่สุดของความงามบนจานน้อย
“นี่ครับ”โยชิงิที่เดินเอาถ้วยโจ๊กมาส่งเพิ่งมีโอกาสได้เห็นงานฝีมือบนจานชัดๆก็อดชื่นชมไม่ได้
“โอ สุโค่ย สวยมากเลยครับ ผลไม้พวกนี้สวยมากเลยครับ”
“สวยใช่ไหมล่ะ ฉันทำเองทุกชิ้นเลยนะ
พวกนี้ยังไม่เรียกว่าสวยหรอก รีบทำเลยเอาแต่อย่างง่าย”คนบ้ายอถอดเบ็นโตะเอาชั้นสุดท้ายเดินมาอวดโยชิงิพร้อมกับยื่นส้อมให้
“ชอบชิ้นไหนก็ลองชิมดูสิ”
โยชิงิมองความสวยงามในเบ็นโตะแล้วแทบจะอยากร้องสุโค่ยสักพันครั้ง
ซากาฮิโตะเองเมื่อเห็นก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชม
“ท่านมายูมิเก่งมากเลยครับ
ผมไม่เคยเห็นผลไม้ที่ไหนสวยขนาดนี้มาก่อนเลย”ซากาฮิโตะที่วันๆเอาแต่ยุ่งวุ่นวายกับธุรกิจรอบตัวไม่เคยว่างพอจะเที่ยวดื่มด่ำกับงานศิลปะมาร่วมสิบปีแล้วพอได้มาเห็นงานแกะสลักที่สวยแปลกตาจึงตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ คุณลุงลองชิมดูสิคะ”พอถูกชมอุ่นเรือนก็อ่อนหวานขึ้นเป็นกอง
ยิ่งไม่ถูกต่อต้านหรือบีบบังคับเธอยิ่งว่าง่าย
ใครเป็นอย่างไรไม่รู้แต่งานนี้ซากาฮิโตะเริ่มรู้วิธีจับเส้นท่านมายูมิแล้ว
ที่แท้ก็ไม่ชอบไม้แข็งนี่เอง มิน่าล่ะยิ่งแข็งยิ่งต้าน
แล้วซากาฮิโตะก็หัวเราะออกมายังผลให้ทุกคนประหลาดใจ
เพราะนานแล้วที่ซากาฮิโตะผู้เคร่งเครียดจะหัวเราะได้
อุ่นเรือนและโยชิงิเข้าใจว่าเขาอารมณ์ดีเพราะได้ลิ้มรสผลไม้สวยงาม
ทว่ายูเซมารุที่ใกล้ชิดกับซากาฮิโตะมานานกลับรู้ได้ในทันทีว่าผู้อาวุโสกว่าดูเหมือนจะถูกใจอะไรมากกว่าผลไม้
พอยูเซมารุทานโจ๊กเสร็จและทำท่าว่าจะทานผลไม้ได้อร่อย
อุ่นเรือนที่ตอนนี้อารมณ์ดีมากๆจึงนำผลไม้ที่ตัวเองทานไม่หมดมาเติมให้เขาหลังจากที่จัดการแบ่งให้ลูกน้องของเขาไปคนละจานแล้ว
“เอ่อ
ผมว่าจะถามท่านยูเซพอดีว่าทำไมถึงระงับการก่อสร้างคาสิโนซะล่ะครับ”อุ่นเรือนที่ถือชั้นเบ็นโตะผลไม้ยืนอยู่ข้างๆยูเซมารุถึงกับหนาวเยือกทันทีที่ได้ยินคำถามนี้
สาบานได้ว่าเธอแทบจะรับรู้ได้ว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆชะงักการเคี้ยวไปหนึ่งจังหวะแล้วเคี้ยวช้าๆเน้นๆอีกสองคำแล้ว...หันขวับมาหาเธอ!!!
ให้ตายสิ!!! ทำเธอเธอถึงมายืนข้างขวาด้วย!!!
อุ่นเรือนหน้าซีดเมื่อฝ่ามือใหญ่โตข้างขวาที่ยังดีอยู่ของยูเซมารุคว้าหมับเข้าที่ข้อศอกเล็กเต็มแรง
เรียกได้ว่าแทบจะบีบให้แตกเลยก็ว่าได้ แล้วเบ็นโตะในมือก็หล่นลงสู่พื้นดังโป๊ะ
ผลไม้ต่างๆกระจายไปตามแรงกระแทก
ยูเซมารุแสยะเขี้ยวกระตุกมุมปากอย่างเหยียดหยัน
นึกแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้!!! “ระงับโครงการคาสิโน...”
โยชิงิถึงกับงงกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ซากาฮิโตะเองก็ห้ามโยชิงิไม่ทันจึงได้แต่ส่งสัญญาณบอกอีกฝ่ายให้รอดูสถานการณ์ก่อน
“...”อุ่นเรือนรู้ดีว่าการโกหกยูเซมารุไม่เป็นผลแน่จึงเลือกที่จะเงียบไว้เป็นการดีที่สุด
อ้างอย่างไรเขาก็รู้อยู่ดี
“เพื่อให้งานของน้องชายเธอเสร็จก่อนใช่ไหม!!!”ยูเซมารุเกลียดการทรยศหักหลัง
เกลียดการหลอกใช้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาจะไม่โมโหขนาดนี้เพราะเขาจะฆ่ามันทิ้งซะ
แต่นี่เป็นเธอ!!! คนที่พ่อของเขาปลื้มนักหนา เขาจึงโกรธมากที่มายูมิใช้สิทธิ์ความเป็นคู่หมั้นของเขาไปในทางมิชอบ
มือหนาเขย่าศอกเล็กอย่างรุนแรงแทบอยากจะให้มืออีกข้างแข็งแรงขึ้นมาในบัดดลเพื่อว่าเขาจะได้กระชากเธอให้ขาดเป็นชิ้นๆ
“ปล่อยนะ!!! ฉันเจ็บ!!!”มายูมิสะบัดตัวหนีเพราะรู้สึกเจ็บมากจากแรงกระชากของยูเซมารุ
หญิงสาวพยายามช่วยตัวเองด้วยการใช้มืออีกข้างทุบตีเขาแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย
ซ้ำร้ายยูเซมารุดูจะโกรธมากขึ้นและขย้ำแขนเธอแรงขึ้นด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องเข้ามายุ่ง!!!”ยูเซมารุหันไปตะคอกใส่โยชิงิและซากาฮิโตะที่ทำท่าจะเข้ามาช่วยอุ่นเรือน
“ปล่อยนะ!!!”อุ่นเรือนเจ็บจนทนไม่ไหวจึงใช้เข่ายันกับขอบเตียงแล้วกระชากตัวออกมาสุดแรง
ยอมเจ็บครั้งเดียวเพื่อรอดพ้น แต่ผลน่ะหรือ!!!!
“เฮ้ย!!!!”โยชิงิอุทานเสียงหลงพร้อมกับวิ่งเข้ามา
“ยูคุง!!!!!!”คนที่รักลูกเขาเหมือนลูกตัวเองตกใจจนเผลอเรียกชื่อที่สนิทสนมมากๆแบบนั้นออกมา
ใช่แล้ว แรงกระชากสุดแรงเกิดของอุ่นเรือนเป็นผล
เธอหนีออกมาสำเร็จและลากเอายูเซมารุที่กัดไม่ปล่อยตามลงมาด้วย หญิงสาวเสียหลักหงายไปเบื้องหลังกระชากเอายูเซมารุตามมาด้วย
ดวงตาสองคู่ต่างพากันเบิกกว้างใส่กันในวินาทีต่อวินาที
คนหนึ่งก็เบิกตากว้างเพราะนึกรู้ว่าตัวเองเสียหลักหัวต้องกระแทกพื้นแน่
ส่วนอีกคนก็เห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับหญิงสาวก็เบิกตากว้างตกตะลึงไม่แพ้กัน
ไม่รู้ว่าในเสี้ยววินาทีนั้นยูเซมารุได้ทันคิด
หรือไม่ทันได้คิดกันแน่ก็สุดรู้แต่ที่แน่ๆคือเขาได้อาศัยกำลังแขนกระชากมายูมิกลับมากอดไว้ในวินาทีต่อมาแล้วพลิกเอาตัวเองเข้าป้องกันหญิงสาวไว้ได้อย่างหวุดหวิด
ใช่
อุ่นเรือนน่ะรอดจากการเอาหัวกระแทกแต่ยูเซมารุน่ะสิที่เอาหัวกระแทกพื้นเข้าอย่างจังชนิดที่ใครก็ช่วยไว้ไม่ทัน
“ท่านยูเซ!!!”
“ตาแก่!!!!”อุ่นเรือนร้องเสียงหลง
เลือดสีแดงฉานค่อยๆซึมออกมาจากทางด้านหลังของศีรษะของยูเซมารุอย่างช้าๆ “ช่วยด้วย!!!! ตามหมอเร็วเข้า!!!!!!!”นี่คงเป็นครั้งแรกที่อุ่นเรือนตกใจและเสียใจจริงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ชายที่เธอเหม็นขี้หน้ามาตลอดหลับตาใส่เธอเช่นนี้
“ยูเซมารุ!!!!!”
ความคิดเห็น