คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : โต้ซัง
“ยู...โต้ซังรักลูกมากนะ
ในชีวิตของโต้ซังสิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือยูนะ จำไว้นะลูก โต้ซังรักยูที่สุด
รักเสมอและตลอดไป ถึงวันไหนโต้ซังจะไม่อยู่กับยูแล้ว
แต่ถึงตัวไม่อยู่แต่ก็อยากให้ยูรู้เอาไว้ว่าหัวใจของโต้ซังจะอยู่เป็นเพื่อนยูตลอดไปนะลูก”
นั่นคือประโยคสุดท้ายและเป็นการกอดครั้งสุดท้ายของยูเซมารุในวัย11ปี
เมื่อหลายปีก่อนเขาเสียแม่และในอีกไม่กี่ปีต่อมา...ใครจะคาดล่ะว่าเขาจะกลายเป็นกำพร้าเต็มตัว
ก้าซังขอหย่ากับโต้ซังไปแต่งงานใหม่มีลูกใหม่...ลืมเขาไปเลย
โต้ซังก็ซึมเศร้าจนที่สุดก็จบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ
คำโบราณว่าขาดพ่อเหมือนถ่อหักขาดแม่เหมือนแพแตกนั้นเป็นจริงเสียยิ่งกว่าอะไร
สภาพยูเซในตอนนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กเล็กตกน้ำที่มีแต่จะจมน้ำกับสำลักน้ำเท่านั้น
วันนั้นเขากลับมาจากโรงเรียนเร็วกว่าปกติจึงรีบวิ่งเร็วรี่ตรงไปหาบิดาทันทีเพราะอยากจะอวดเรื่องที่ได้รางวัลจากการวาดภาพระบายสี
ซากาฮิโตะในตอนนั้นกำลังนั่งคุกเข่าก้มหน้าสะอื้นอยู่เงียบๆกับลูกน้องคนสนิทของบิดาหลายคน
ครั้นพอเขาเงยหน้าขึ้นมา ยูเซมารุก็ถึงกับใจหายระคนตกใจกับสีหน้าท่าทางของทุกๆคน
เร็วเท่าใจคิดเด็กชายวิ่งตรงไปยังเป้าหมายอันเป็นประตูห้องนอนของบิดา
ซากาฮิโตะผวาจะห้ามแล้วหดมือกลับไป
หากแต่เพียงชั่ววินาทีก็เปลี่ยนใจโผเข้ามาจะห้ามแต่ไม่ทันแล้วมือของเด็กชายแตะถึงลูกบิดแล้ว
ออกแรงเพียงนิดประตูก็ส่งเสียงกริ๊กเบาๆแล้วดีดตัวเปิด...
“โต้ซัง!!!”เด็กชายร้องออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น
บิดาของเขา!!! นอนเสียชีวิตจมกองเลือดที่เจิ่งนองไปทั่วบริเวณนั้น
ใบหน้าที่ซีดเผือดนั้นยังคงมีรอยยิ้มจางๆอยู่ที่มุมปาก ดวงตาที่ปิดไม่ลงคู่นั้นทอดมองมาที่...ประตูตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เซจิมารุกำลังรอลูกชายของเขา...ดังเช่นทุกวัน
“จับท่านยูเซเอาไว้!!!”ซากาฮิโตะสั่งคนข้างตัวให้คว้าตัวนายน้อยเอาไว้ก่อนที่ท่านจะไปถึงตัวท่านเซจิมารุ
ชายผู้อยู่เคียงข้างเจ้านายในทุกๆสถานการณ์จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นมือขวาขององค์กร
และได้รับเกียรติเป็นผู้อภิบาลผู้นำองค์กรคนต่อไปจนกว่าท่านยูเซมารุจะบรรลุนิติภาวะ....คือเขา...ซากาฮิโตะ
ชายหนุ่มร่างสูงเดินน้ำตาซึมเข้าไปหาเจ้านายที่นั่งคอพับอยู่บนเสื่อตาตามิแล้วจัดการคลายผ้าขาวที่เจ้านายใช้รัดมีดสั้นในมือขวาออก
ธรรมดาการฮาราคีรีนั้นถ้าผู้ลงมือต้องการหมุนมีดให้ครบรอบแล้วล่ะก็จะต้องอาศัยแรงใจเป็นอย่างมาก
แต่ก็ใช่ว่าจะง่ายเพราะถึงมีใจจะทำแต่ถ้าร่างกายทนพิษบาดแผลไม่ไหวมีดก็มีโอกาสหลุดร่วงไปได้เสมอ
ดังนั้นผู้ที่มีความตั้งใจแน่วแน่จึงมักจะใช้ผ้ารัดมีดในมือไว้จนแน่น
เพื่อว่า...เมื่อถึงเวลานั้นจะได้ลงมืออย่างเต็มที่ “ผมจะรักษาสัญญาครับท่านเซจิ
ท่านไม่ต้องห่วงแล้ว”ซากาฮิโตะก้มศีรษะลงต่ำในลักษณะทำความเคารพก่อนจะลูบเปลือกตาที่เบิกค้างของเจ้านายให้ปิดลงตามลำดับ
“...”เสียงร่ำไห้และกรีดร้องอาละวาดร่ำไห้หาบิดาของท่านยูเซมารุบีบหัวใจของคนใกล้ชิดทุกคน
หากแต่พวกเขาก็ไม่อาจจะช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นายน้อย...นายน้อยต้องไม่ใช่เด็กชายตัวน้อยๆอีกต่อไป
“พาตัวท่านยูเซไปแต่งตัวให้เรียบร้อย
แจ้งข่าวให้ตระกูลซาโต้รู้ด้วย”ซากาฮิโตะพยักหน้าเพียงครั้งเดียวเพื่อนร่วมงานก็ช่วยกันลากเอาตัวเจ้านายตัวน้อยออกไปในขณะที่เขาหันมาสั่งการกับคนที่เหลือ “ท่านเซจิมารุสั่งเอาไว้ว่าหลังจากที่ท่านเสียชีวิตลงแล้วให้จัดพิธีอย่างเรียบง่ายและเป็นการภายในที่สุด
และเรื่องในวันนี้ก็ขอให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องปิดปากให้สนิท เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับ!!!”ทุกคนรับคำเป็นอันดี เพียงไม่นานทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางอย่างรวดเร็ว
พิธีศพถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายหากแต่สง่างามสมศักดิ์ศรี
ร่างอันไร้วิญญาณของหัวหน้าแก๊งเสือขาวผู้เคยเกรียงไกรถูกช่างฝีมือดีช่วยจัดการตบแต่งจนดูดีจนดูเหมือนว่าเขาเพียงแต่หลับไปเท่านั้น
ดอกเบญจมาศสีขาวที่หยัดตัวบนก้านสีเขียวแข็งแรงถูกจัดวางไว้ในมือที่ประสานกันไว้บนอกของท่านเซจิมารุ
“คุณพ่อจำเป็นต้องทำอย่างนั้นนะครับ”ซากาฮิโตะที่สวมสูทสีดำเรียบร้อยแล้วเดินตรงเข้ามาพูดกับเด็กชายที่กลายเป็นเจ้านายของเขาไปแล้วด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
ไม่ปลอบประโลมไม่มีการหว่านล้อมปลอบใจแต่อย่างใด
“...”เด็กชายยูเซมารุที่ยังคงตกใจกับสิ่งที่เห็นยังคงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นซุกตัวอยู่ตรงมุมห้องเช่นเดิมหลังจากที่อาละวาดจนใครๆก็เข้าไม่ถึงตัว
“ผมจะไปหาโต้ซัง”
“ท่านเซจิมารุได้สิ้นไปแล้วนะครับ เพิ่งทำพิธีล้างปากเสร็จ
ตอนนี้ช่างกำลังช่วยแต่งหน้า”ซากาฮิโตะรู้ดีว่านี่คงเป็นก้าวที่ใหญ่ไปสำหรับเด็กคนหนึ่ง
แต่...ใครจะกล้าเถียงเขาว่าท่านยูเซมารุมีทางอื่นให้เดิน
“...”ถึงจะอายุน้อยแต่ปีนี้ยูเซมารุก็อายุได้11ขวบแล้ว เข้าใจดีว่าความตายมันเป็นเช่นไร
แต่...แต่น้ำตาของเขามันก็ยังคงไหลออกมาไม่หยุด คิดถึง... “...โต้ซัง” พ่อของเขายังไม่ตาย!!!
ไม่จริง!!! “...ฮือ โต้ซัง”ชีวิตของเด็กชายคนหนึ่งที่โตมาก็มีแต่พ่อเพียงคนเดียว
สำหรับเขาแล้วพ่อคือโลกทั้งใบ
ซากาฮิโตะเห็นท่าของเด็กชายที่ถูกท่านเซจิเอาใจและปกป้องเอาไว้เป็นอย่างดีมาแต่ไหนแต่ไรก็พอจะรู้แล้วว่างานนี้ท่าทางจะไม่ง่าย
ผู้นำของแก๊งเสือขาวในเวลานี้มีหัวใจที่อ่อนใสยิ่งกว่าเด็กทารกเสียอีก
“ได้โปรดอย่าสร้างความอับอายให้กับนายท่านอีกเลยท่านยูเซ”พูดแล้วเข่าทั้งสองข้างของซากาฮิโตะและคนสนิทอีกหลายคนในห้องก็กระแทกพื้นดังตึงๆ
ศีรษะของผู้อาวุโสทั้งหลายก้มลงต่ำจนจรดลงบนพื้นห้อง แม้น้ำตาทั้งสองข้างจะไหล
แม้ไหล่ของพวกเขาจะสะเทือนด้วยความเสียใจ แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาไม่หยุดต้องการก็คือ...
“ตอนนี้ท่านยูเซก็คือตัวแทนของท่านเซจิ
ถ้าคุณร้องไห้แล้วแก๊งของเราจะน่าหัวเราะขนาดไหนกัน
คุณพ่อของคุณจะต้องอับอายใครๆที่มีลูกชายอย่างคุณ ได้โปรดเถอะท่านยูเซ ได้โปรดเข้มแข็งเพื่อคุณพ่อ...และพวกเรา” คำว่าทำให้คุณพ่อต้องอับอาย...คล้ายหมัดหนักๆที่ใช้เรียกสติของเด็กชายก็ไม่ปาน
“...”เด็กชายที่นั่งคู้เข่าซุกหน้าร้องไห้เงยหน้าขึ้นมองกลุ่มคนที่ก้มศีรษะลงแทบเท้าด้วยความตกตะลึงแกมยอมรับว่าสิ่งที่พวกเขาพูดมาล้วนแต่ฟังขึ้น
เขา...เขาไม่กล้าทำให้โต้ซังขายหน้าเลยจริงๆ
“เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมในฐานะที่เป็นมือขวาของท่านเซจิและได้รับมอบหมายจากโอโต้ซังของท่านยูเซให้ดูแลคุณไปจนกว่าคุณจะดูแลตัวเองได้...คงต้องพูดความจริงทุกอย่างกับคุณในวันนี้...”ซากาฮิโตะที่รับรู้ได้ว่าเด็กชายยอมรับฟังเหตุผลแล้วตัดสินใจทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเด็กชายคนหนึ่ง
เขาหันไปพยักหน้าเพียงครั้งเดียวเหล่าคนสนิทของท่านเซจิมารุก็ขยับตัวนั่งกันเป็นสองแถว
ใครบางคนเดินไปล็อกประตูห้อง ยูเซมารุอยู่ตรงกลางระหว่างหัวแถวทั้งสอง
โดยมีซากาฮิโตะนั่งอยู่ทางซ้ายมือ
“...ที่จริงเรื่องนี้ท่านเซจิสั่งไม่ให้พวกเราแพร่งพรายให้คุณรู้ตลอดชีวิต
แต่เมื่อมาถึงขึ้นนี้แล้วพวกเราอยากจะให้คุณรู้เอาไว้...เพื่อตัวคุณเอง เมื่อ12ปีก่อนท่านเซจิมารุ...พ่อของคุณสูญเสียแรงใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้
ท่านเป็นคนที่โดดเดี่ยวมาก ครอบครัวของท่านถูกฆ่าล้างตระกูล ตัวท่านรอดมาคนเดียว
ต่อสู้มาอย่างหมาจนตรอกจนนำพาแก๊งเสือขาวให้กลับมาผงาดขึ้นได้อีกครั้ง
ชีวิตของท่านมีทุกอย่างที่ต้องการ
มีเงินทองมีอำนาจ...แต่ที่สุดท่านก็ค้นพบว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีค่าอะไรเลย
ในเวลาที่ท่านรู้สึกว่าท่านอยากจะตายให้พ้นๆนั่นแหละคือเวลาที่ท่านได้พบกับคุณแม่ของคุณ...มาดามเลิฟ
คิงส์ตัน...”แก๊งเสือขาวยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้เพราะการบุกเบิกอย่างสุดกำลังของเด็กสลัมเซจิมารุ
ในขณะที่แก๊งมังกรเขียวเป็นแก๊งยากูซ่าที่ประวัติการสืบทอดมาอย่างยาวนาน
เริ่มกลุ่มมาจากราชนิกูลผู้มีอิทธิพลทางการเมืองล้นมือ
“ก้าซัง!”พูดถึงแม่เด็กชายก็ยิ้มออก เมื่อเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองยังมีแม่ให้พึ่งพิง
ซากาฮิโตะยิ้มจางๆให้กับความไร้เดียงสาของเจ้านาย ผมขอโทษ...ท่านเซจิ “...คุณแม่ของคุณยูเซในตอนนั้นเพิ่งหย่ากับสามีของเธอมาไม่นานก็ชอบเข้าๆออกๆผับบาร์จนกระทั่งได้มาเจอกับท่านเซจิ
คนเหงาสองคนพอมาเจอกันเข้าก็คุยกันถูกคอ พอมาดามเลิฟรู้ว่าท่านเซจิเป็นใคร...คุณก็ได้เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ทันที”
“...”ยูเซมารุหยุดร้องไห้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เมื่อได้ฟังน้ำเสียงเย็นๆไร้ความรู้สึกของซากาฮิโตะเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เขาอยากรู้มาตลอดออกมา
เขากำลังเล่าในสิ่งที่บิดาไม่เคยปริปากบอก
“...อย่าเพิ่งดีใจไปครับท่านยูเซ
คุณแม่ของคุณท่านเลือดเย็นกว่าที่คุณคิดไว้มาก
แม้ว่าท่านเซจิมารุจะตกหลุมรักมาดามเลิฟอย่างไร ยินดีให้ทุกอย่างกับเธอมากขนาดไหน
แต่ที่สุดก็ไม่สามารถซื้อใจเธอเอาไว้ได้เลย
เพราะมาดามเลิฟยังคงรักสามีเก่าของเธอเสมอ
ตอนนั้นท่านเซจิติดใจเธอมากจนยอมทุ่มทุกอย่าง ท่านเสียไปไม่ต่ำกว่า5,000ล้านเยนกว่าท่านจะได้ทะเบียนสมรสและตัวคุณมา
ที่ร้ายยิ่งกว่านั้น...”
“...”ในนาทีนี้ยูเซมารุแทบไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าตัวเองยังหายใจอยู่หรือไม่
มันเหมือนมีแส้ที่มองไม่เห็นกระหน่ำตีเขาอย่างไม่หยุดยั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเสียงปีศาจร้ายตะโกนอยู่เหนือหัวเขาอีกว่า
ร้องไห้ออกมาสิเจ้าคนอ่อนแอ!!! ไอ้ขี้แพ้!!!
“...ที่ร้ายกว่านั้นก็คือมาดามเลิฟไม่ยินยอมจะอุ้มท้องคุณด้วยตัวเองครับ
คุณอายุยังน้อยอาจจะไม่เข้าใจ
แต่ผมจะอธิบายให้คุณเข้าใจง่ายๆก็คือมาดามเลิฟเพียงแค่ส่งชิ้นส่วนเล็กๆของเธอให้กับคุณหมอเท่านั้นครับ
คนที่คุณเรียกว่าแม่ไม่ได้เป็นคนอุ้มท้องคุณมาเหมือนแม่คนอื่นๆ...”เด็กชายถึงกับอึ้งไป
หลายครั้งที่เขาพบว่ามารดากำลังตั้งท้องน้องๆ เขาเห็นกับตาว่าเธอเดินเหินได้ลำบาก
แม้จะอิจฉาน้องๆแต่เขาก็ปลอบใจตัวเองว่าครั้งหนึ่งคุณแม่เองก็เคยลำบากเช่นนั้น...เพื่อเขา
“...”เหมือนได้จิ๊กซอร์มาทีละชิ้นๆจนเห็นทั้งภาพได้ชัดเจน
เขา...เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่จึงไม่รักเขาอย่างลูกคนอื่นๆของท่าน
ทำไมท่านถึงทิ้งโอโต้ซังและเขาไปอยู่กับผู้ชายคนนั้นได้อย่างไม่ลังเล
“สำหรับมาดามเลิฟ
ที่ตัดสินใจให้คุณได้เกิดมาบนโลกใบนี้ก็เป็นเพราะว่า...เธอรู้ว่าคุณจะกลายเป็นหมากตัวสำคัญของเธอในวันหน้า
ได้คุณไว้ก็เท่ากับได้ญี่ปุ่นครึ่งหนึ่ง 2ปีแรกที่คุณเกิดท่านเซจิเป็นคนดูแลคุณมาตลอดทั้งกลางวันกลางคืน
ท่านรักคุณ...ยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง พอคุณอายุได้3ขวบคุณแม่ของคุณจึงเริ่มมาพบคุณถี่ขึ้น ความที่มาดามเป็นคนสวยคุณจึงชอบเธอได้อย่างง่ายดายตั้งแต่แรกเห็น
ทั้งคุณและคุณพ่อต่างภูมิใจในตัวมาดามเลิฟจนมองไม่เห็นอะไรเลย”
“...”ใช่ มารดาของเขาเป็นคนสวยมาก
เพียงแค่ได้เห็นเขายังวิ่งเข้าไปหา ยิ่งได้รู้ว่าเธอคือแม่เขายิ่งภาคภูมิใจ
หัวใจพองโตคับอกเมื่อได้อวดใครๆว่าแม่ของเขาสวยขนาดไหน ยิ้มหวานเพียงไร
แล้วใจดียิ่งกว่าใครๆด้วย
“...ปีๆหนึ่งเราเสียผลประโยชน์ไปมากครับเกี่ยวกับเรื่องที่มาดามขอมาให้ช่วยหลีกทางหรือให้ช่วยส่งเสริม
แต่เพราะท่านเซจิรักมาดามมากและยังหวังมาตลอดว่าจะได้ใช้ชีวิตครอบครัวด้วยกันท่านจึงยอมตลอด
แม้กระทั่งตอนที่มาดามเลิฟให้คุณหมั้นกับท่านมายูมิ ท่านเซจิก็ยังยอมตกลง
ทั้งๆที่ถ้าเราลงมือกันอย่างจริงจังทั้งโตเกียวจะเป็นของเราแท้ๆ
ตอนนั้นท่านคิมูระก็แก่แล้ว ท่านริวอิจิยังมาล้างมืออีก ถ้าเราลงมือ...ป่านนี้...”
“...”เขารู้ว่าเหรียญมีสองด้าน แต่เชื่อไหมว่าถ้าเป็นไปได้เขาไม่อยากจะรับรู้เรื่องพวกนี้เลย
ใครจะรู้บ้างไหมว่าหัวใจใสๆของเด็กคนหนึ่งกำลังค่อยๆตายลงอย่างช้าๆจากสิ่งที่พวกเขาบอกเล่า
พ่อตาย
คนที่เรียกว่าแม่มาทั้งชีวิตกลับกลายเป็นปีศาจที่แสนจะน่ากลัวจ้องจะเอาผลประโยชน์
พ่อที่องอาจเป็นฮีโร่...แท้ที่จริงกลับเป็นแค่ผู้ชายที่น่าสงสารคนหนึ่ง
ถ้ารู้ว่าเขาต้องเกิดมาเพื่อเป็นหมากในการชิงพื้นที่อำนาจของมารดา
ถ้ารู้ว่าเขาเกิดมาเพื่อให้เป็นจุดอ่อนของบิดาขนาดนี้...เขายอมไม่เกิดดีกว่า!!!
“ผมต้องขอโทษกับท่านยูเซด้วยจริงๆครับ
ที่ต้องบอกเรื่องคุณแม่กับคุณในเวลาแบบนี้”คราวนี้น้ำเสียงของซากาฮิโตะนุ่มลงและมีความเสียใจอยู่ในทุกคำพูด
“แต่เพราะทันทีที่ท่านเซจิมารุเสีย คุณแม่ของคุณจะต้องบินมาแน่
คราวนี้แก๊งเสือขาวที่คุณพ่อของคุณบากบั่นสร้างมันขึ้นมาอย่างยากลำบากจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่คุณแล้วจริงๆ”
“...”
“ถ้าคุณปล่อยให้คุณแม่ยื่นมือเข้ามายุ่งได้ท้ายที่สุดแก๊งเสือขาวก็จะเหลือแค่ชื่อ
แต่ถ้าคุณตัดสินใจจะรักษาเกียรติของท่านเซจิมารุด้วยการก้าวขึ้นตำแหน่งผู้นำองค์กรอย่างสง่างาม
พวกผมก็จะขอสาบานว่าชาตินี้จะไม่ไปไหนเช่นกัน”
“...”หลังจากฟังเรื่องราวทุกอย่างแล้วยูเซมารุก็นั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิม
ไม่ร้องไห้ ไม่ซักถาม
และไม่โวยวายเลยสักนิดเมื่อคนสนิทของบิดาเริ่มขยับเข้ามาช่วยเขาแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยกริยานอบน้อม
เมื่อสองปีก่อนเขาเคยได้มีโอกาสเพาะถั่วเขียวที่เพียงข้ามคืนก็กลายเป็นถั่วงอก
เพียงข้ามวันก็ยืนเป็นต้น เขาเคยคิด...คิดว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่โตไวที่สุด
แต่ดูเหมือนว่าแท้ที่จริงแล้ว...เขาจะคิดผิด!!! เขาโตเร็วกว่าถั่วงอกซะอีก
เพียงข้ามวินาทีเขาก็เปลี่ยนจากนายน้อยเป็นท่านยูเซมารุ
เพียงข้ามชั่วโมงเขาก็อำลาความเป็นเด็ก เมื่อเช้าเขายังคิดถึงหุ่นยนต์ตัวใหม่
พอตอนนี้แค่คิดดูเล่นๆของพวกนั้นกลับไม่ปรากฏในความรู้สึกนึกคิดของเขาอีกเลย
คล้ายกับว่า...จู่ๆเขาก็หมดความรู้สึกไปเฉยๆ แค่จะยิ้มยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะต้องทำอย่างไร
ต้องยกกล้ามเนื้อส่วนไหน ขึงมุมปากเท่าไหร่จึงจะดี
ยูเซมารุคิดแล้วก็ส่ายหัวให้กับความไร้สาระนั่นแล้วเดินไปข้างหน้าตามการผายมือเชื้อเชิญของซากาฮิโตะ
“ขอต้อนรับท่านยูเซมารุ
ขอต้อนรับเจ้านาย”ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก
ชายชุดดำที่ยืนกันเป็นระเบียบตลอดสองข้างทางก็ก้มศีรษะลงโค้งต้อนรับผู้นำองค์กรคนใหม่อย่างพร้อมเพรียง
เด็กชายในสูทสีดำที่มีดวงตาแดงช้ำอยู่บ้างเดินตัวตรงไปข้างหน้ามุ่งไปยังห้องพิธีโดยมีชายร่างสูงหลายคนซึ่งมีตำแหน่งสำคัญในองค์กรเดินก้มหัวตามเป็นทิวแถว
พอได้เห็นร่างของบิดาที่นอนบนฟูกในชุดยูคาตะสีขาวตัวยาวอีกครั้งยูเซมารุก็ถึงกับน้ำตาคลอขึ้นมาอีก
ทำท่าจะร้องไห้
ทำท่าจะโผเข้าไปกอดแต่ที่สุดเด็กชายก็เดินไปนั่งอยู่บนฟูกแถวหน้าสุดใกล้ศพของบิดาด้วยกริยานิ่งสงบแล้วรับเอาลูกประคำมาถือ
แขกทยอยเข้ามาคารวะศพ
คนสนิททำหน้าที่จุดธูปในขณะที่ตัวยูเซมารุเองก็เพียงแต่พยักหน้ารับรู้การมาของแขกและก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการขอบคุณเท่านั้น
หลังจากไหว้ศพแล้วแขกก็จะหยิบกำยานขึ้นมาโปรยลงในเตา1หรือ3ครั้งตามแต่ต้องการแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี
แขกชุดใหม่เข้ามาก็ทำเช่นเดิม
เมื่อบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านเซจิมารุไม่ร้องไห้แล้วใครล่ะจะกล้าร้องไห้ออกมา
ดังนั้นงานศพของหัวหน้าแก๊งเสือขาวจึงค่อยๆดำเนินการต่อไปเรื่อยๆตามขั้นตอนโดยปราศจากเสียงคร่ำครวญ
ใครหลายคนบอกว่าเด็กชายใจแข็งพ่อตายก็ยังไม่ยอมร้องไห้
ใครอีกหลายๆคนบอกว่าเขาวางตัวได้ดี
ในขณะที่อีกกลุ่มมองว่าเขาเป็นเด็กไม่ควรฝืนเก็บอาการจนผิดวิสัยเด็กขนาดนี้
จะมีใครรู้บ้างว่าพวกเขามางานศพของสองพ่อลูก...ไม่ใช่แต่ตัวเซจิอย่างเดียวที่ตาย
ในวันนี้หัวใจของยูเซมารุเองก็ตายไปแล้วเช่นกัน
เหลียวไปมองใบหน้านิ่งสงบของโอโต้ซังแล้วมุมปากของยูเซมารุก็กระตุกเป็นรอยยิ้มจางๆ ผม...ทำได้ดีใช่ไหมครับโต้ซัง
ความคิดเห็น