ตอนที่ 1 : ตำตา ตำใจ 60 %
“บ้าชะมัด ฉันโง่เชื่อเข้าไปได้ยังไงนะ?”
ริมฝีปากอวบอิ่มระบายด้วยสีแดงเจิดสบถออกมา สายตาจับจ้องมองไปยังโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยคนหลากหลายวัย
ดวงตาคู่สวยเขม้นมองจับจ้องไปยังหญิงชายคู่หนึ่งที่ตักอาหารให้กันและกันอย่างเอาอกเอาใจด้วยลูกตาเหลือกถลนแทบหลุดออกมาจากเบ้า หัวคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเมื่อแสนจะแน่ใจว่า ผู้ชายคนนั้นช่างหน้าตาละม้ายคล้ายกับแฟนหนุ่มของเธอราวกับเป็นคนคนเดียวกัน
ใช่แน่...เธอจำเขาได้ไม่ผิดหรอก ต่อให้อยู่ห่างไปอีกสักร้อยเมตร ผู้ชายคนนั้นก็ไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้ นอกจากเขา...ดร.กันตทัศน์ วิทยาธร
ก็ไหนว่าเลิกกันแล้วไง?
คำถามอย่างข้องใจผุดขึ้นมาในหัว...หากภาพที่ได้เห็นตำตาตรงหน้า พร้อมทบทวนคำบอกเล่าที่ถูกกรอกหูมานานวัน ทุกอย่างกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นจับขึ้นมากลางหน้าอก คล้ายกับถูกอะไรทิ่มแทง
อ้อ...ก็ภาพหวานบาดตาตรงหน้านั่นไงเล่าที่กำลังจะกรีดหัวใจเธอออกจนเป็นริ้วๆ
จู่ๆ ก็ให้รู้สึกหนักอึ้งที่ศีรษะ คล้ายๆ ว่าจะมีเขาโง้งใหญ่ผุดงอกขึ้นมาบนหัว นัยน์ตาก็พร่าลายคล้ายถูกฉาบกั้นด้วยม่านบางเบา นั่นอาจจะเป็นเพราะเธอดื่มมากเกินไป
ใช่แน่ๆ ...แอลกอฮอล์มีผลทำให้การมองเห็นผิดเพี้ยน และการรับรู้คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงได้
แต่ว่าดวงตาอย่างนั้น...คิ้วอย่างนั้น...จมูกอย่างนั้น...ปากอย่างนั้น...ใบหน้าอย่างนั้น...ยังจะชุดที่เขาใส่ เสื้อตัวนั้นอีก ทำไมมันช่างละม้ายคล้ายกับเสื้อที่เธอเพิ่งซื้อให้เป็นของขวัญแฟนหนุ่มไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เอง
ในขณะที่ความคิดสองฝ่ายกำลังทุ่มเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ในหัว มือสั่นเทาก็กระดกเทเครื่องดื่มดีกรีร้อนฉ่าพรวดเดียวลงคอจนหมด แก้อาการมึนงงสงสัย หรือไม่เธอก็อาจจะหวังมอมตัวเองให้เมา เพื่อที่จะได้ใช้เป็นข้ออ้างได้ว่าภาพที่เห็นตรงหน้านั่นเกิดเพราะตาลายด้วยความเมาต่างหาก...มันไม่ใช่ความจริง...เธอไม่ได้กำลังถูกนอกใจ
ถูกนอกใจงั้นหรือ?
น่าขำชะมัด!
ระหว่างเมียที่แยกกันอยู่ แต่ยังไม่ได้หย่า...กับผู้หญิงที่คบหา แต่ยังไม่ได้แต่ง
ใครกันแน่ที่มีสิทธิ์ในตัวเขามากกว่ากัน?
ร่างเปรียวสั่นสะท้านน้อยๆ ด้วยความหนาวเหน็บเจ็บกระดองใจ เมื่อนึกถึงความจริงที่เสียดยอกแทงอก
พิจิกา ปุณยวัธน์ เธอคือสาวโสด สวย รวยความสามารถ เจ้าหน้าที่วางแผนการตลาดของบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนชื่อดัง เธอเรียนจบยู[1]ที่มีชื่อเสียงด้านเศรษฐศาสตร์จากสหรัฐอเมริกา ครอบครัวจัดอยู่ในฐานะว่าดี หน้าที่การงานหรือก็มั่นคงโดดเด่น บุคลิกหน้าตาความสามารถทุกอย่างดูเพียบพร้อมไปเสียหมด
แต่ทำไมกลับยอมปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในฐานะที่เป็นรองของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
ผู้หญิงที่ไม่แม้แต่จะรู้จักชื่อหรือเห็นหน้าค่าตาชัดๆ รู้เพียงแต่ว่าเป็นเมียตบเมียแต่งออกนอกหน้าของเขา
เขา...ผู้ชายที่รอวันหย่า แต่ก็ยังไม่ยอมหย่าสักที กลับมีหน้าโปรยยาหอมหลอกลวงเธอไปวันๆ และเธอก็ดันโง่เชื่อเสียด้วยสิ
เธอรักเขาเข้าไปได้ยังไง?
รักผู้ชายที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในฐานะแฟนเก็บมาเกือบสามเดือนเต็ม ตั้งแต่รู้ความจริงว่าเขามีเมียแล้ว
“คุณผู้หญิงครับ?”
เสียงเรียกปลุกให้เธอได้สติอีกครั้ง ใบหน้าสวยที่ยังเต็มไปด้วยความสับสนระคนปวดร้าวหันไปมองบริกรหนุ่มที่ยืนฉีกยิ้มพิมพ์ใจให้เธอด้วยหัวจิตหัวใจของผู้ทำงานบริการ พร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้เลือกเครื่องดื่มแก้วใหม่ แทนแก้วที่ว่างเปล่าในมือ
พิจิกาวางแก้วลงบนถาดด้วยมือสั่นเทาน้อยๆ
ควรจะพอแค่นี้...เธอกำลังจะเมา แถมยังคล้ายจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
แต่ไม่...เพราะถ้าจะเมาจริง ก็เอาให้หัวทิ่มไปเลยดีกว่า
ฉลองให้กับอะไรดีล่ะ?
ไม่ใช่ลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่งได้เซ็นต์สัญญา จึงทำให้เธอได้มายืนยิ้มร่าฉลองบนห้องอาหารหรูระดับห้าดาวจนบังเอิญมาจ๊ะเอ๋กับเขาและเมียหรอก แต่เป็นความอดทนอดกลั้นที่ยอมตกอยู่ในสถานะปวดหัวใจต่อไป เพียงเพราะ ‘รัก’ คำเดียวต่างหาก
มือขาวเนียนคว้าไวน์แก้วใหม่ พร้อมกับหยัดยืนอย่างสง่าด้วยมาดของนางพญาบนคริสเตียนลูบูแตง[2]คู่เก่ง เมินหน้าหนีจากภาพนั้น เปลี่ยนทิศทางก้าวฉับๆ อย่างมาดมั่นออกไปจากภายในห้องอาหาร ก่อนที่จะเสียจริตไปมากกว่านี้และอาจถูกจับได้ ว่ากำลังแอบทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรอยู่
เธอต้องการอากาศบริสุทธิ์....อากาศบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยออกซิเจน...ออกซิเจนที่อาจจะช่วยให้สมองที่กำลังตึงเครียดขณะนี้ปลอดโปร่งโล่งสบายขึ้นมาได้สักนิดก็ยังดี
+++++++++
เรือนร่างสะคราญและใบหน้าแสนคุ้นตาที่เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มือที่กำลังจะตักอาหารให้ภรรยาสาวถึงกับชะงักค้าง
กันตทัศน์มองตามหลังร่างเพรียวแสนเซ็กซี่นั่นไปด้วยอาการตกตะลึงน้อยๆ คิดไม่ถึงว่าโลกมันจะกลมอย่างนี้
“มีอะไรหรือคะพี่กัน?”
เสียงหวานถามผู้เป็นสามีที่ทำหน้าที่ของเขาได้อย่างดีเยี่ยมในค่ำคืนนี้
“ปละ...เปล่าจ๊ะ”
กันตทัศน์รีบตอบภรรยา วางส้อมและมีดในมือลง คว้าเอาแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม ปลายสายตาจับจ้องมองตามร่างสวยในชุดแดงแรงฤทธิ์นั่นไปด้วยใจเต้นตึ่กตั่ก
เขามั่นใจว่าเธอเห็น
พิจิกาเห็นเขาแน่ๆ แม้ว่าจะไม่ได้สบตากัน แต่แก้วเหล้าในมือนั่น ดวงตาสุกสกาวคู่สวยที่ดูเศร้า และใบหน้าที่เคยร่าเริงสดใสเป็นนิจที่ตอนแสร้งทำท่าเหมือนว่าไม่แคร์โลก เขาเชื่อว่าเธอเห็น
“พี่กันคะ...คุณพ่อถามเรื่องงานที่กระทรวงแน่ะค่ะ” ศกุนตลาแตะแขนพร้อมเอ่ยกระซิบเพื่อเรียกให้สามีกลับเข้าสู่วงสนทนากับครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง
กันตทัศน์จำต้องข่มความรู้สึกเอาไว้ ได้แต่ขอโทษแฟนสาวอยู่ในใจ ก่อนจะหันกลับมาทำหน้าที่สามีและเขยขวัญอีกครั้ง ภาวนาขอให้ค่ำคืนนี้ผ่านพ้นไปโดยไว เพื่อเขาจะได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดกับสาวคนรักให้เข้าใจ
+++++++++
“อะไรนะ? หาไม่เจอ นี่นายลืมของสำคัญอย่างนั้นได้ยังไง?”
น้ำเสียงตำหนิกรายๆ ผ่านโทรศัพท์ในมือ ก่อนที่จะหยุดนิ่งฟังคำแก้ตัวยาวเหยียดจากปลายสาย
“โอเคๆ ฉันจะรีบกลับไปดูที่บ้านให้”
สุดท้ายก็ต้องเอ่ยรับปากอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะละสายตาจากโทรศัพท์เก็บยัดใส่กระเป๋า
ใบหน้าคร้ามคมเข้มหล่อเหลาตามแบบฉบับชายหนุ่มเลือดผสมเงยหน้าขึ้นมากำลังคิดหาเหตุผลที่จะต้องขอตัวกลับก่อน ทั้งๆ ที่งานเลี้ยงต้อนรับของครอบครัวเพิ่งจะเริ่มขึ้นได้เมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี่เอง
ทำยังไงได้ล่ะ เมื่อธุระของเจ้าเพื่อนตัวแสบสำคัญกว่านี่นา
ภาพทิวทัศน์ของเมืองหลวงยามราตรีที่มองผ่านผนังกระจกชั้นยี่สิบสองของโรงแรมหรูกลางกรุงทำให้เขาตกตะลึงลืมตัวไปชั่วขณะ ทุกครั้งที่เท้าย่างเหยียบลงแผ่นดินไทย ที่นี่มักต้อนรับเขาให้ได้ตื่นตาตื่นใจได้เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มของผู้คน ความมีน้ำจิตน้ำใจ วัฒนธรรมแตกต่างที่ชวนให้หลงใหล แม้อากาศจะร้อนจัดจ้านไปสักหน่อยด้วยแสงแดด แต่ก็ได้รับการชดเชยด้วยทะเลสวยน้ำใส และชายหาดที่งดงามติดอันดับโลก และที่สำคัญ การต้อนรับอย่างอบอุ่นเสมอมาของญาติข้างฝ่ายบิดาทำให้เขาตั้งปณิธานว่าจะต้องมาเยือนเมืองไทยในทุกปี
และครั้งนี้ ก็ถือเป็นการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อเขาตอบรับคำชักชวนของผู้เป็นลุง ที่ลงทุนเปิดบริษัทให้หลานชายได้นั่งแท่นผู้บริหาร มันเป็นงานที่ท้าทายและเขาก็อยากจะลองดู หลังจากอิ่มตัวจากงานเดิมในมิลานบ้านเกิดที่ทำมาหลายปีแล้ว
ชีวิตหนุ่มโสดในวัยยี่สิบแปดปี ฟรานเชสโก้ยังแสวงหาสิ่งแปลกใหม่ ความท้าทาย และความสำเร็จ
การย้ายมาอยู่ที่เมืองไทย คือการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น และเขาก็คาดหวัง เชื่อว่าการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่นี้จะทำให้ชีวิตมีสีสันเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นอย่างแน่นอน
ริมฝีปากหยักได้รูปขยับยิ้มอย่างพึงพอใจกับความงดงามที่มองเห็นตรงหน้า
“บ้าจริง ทำไมฉันต้องเป็นฝ่ายหลบหน้าพวกเขาด้วย” เสียงพึมพำดังขึ้นไม่ไกลนัก
แล้วสายตาคมปราดก็ถูกกระชากความสนใจไปยังเรือนร่างอรชรในชุดสีแดงเด่นที่โฉบผ่านหน้าไป
เรือนร่างโปร่งบางระหงในชุดแซกสั้นแค่ครึ่งขา นวลเนื้อขาวอล่องฉ่องตัดกับสีแดงเฉิดเจิดจ้าของเสื้อผ้าที่สวมใส่ช่างเรียกร้องเชิญชวนสายตาให้จับจ้องมองเสียนี่กระไร และเขาเป็นผู้ชายล้านเปอร์เซ็นต์ จึงไม่น่าแปลกใจที่ดวงตาคมกริบวิบวับจะกวาดกว้านมองส่วนโค้งส่วนเว้าที่ดึงดูดสายตานั่นด้วยความสนอกสนใจ
ผู้หญิงคนนี้เซ็กซี่เป็นบ้า ทั้งรูปร่างหน้าตา การแต่งเนื้อแต่งตัวที่ทำให้ยากจะละสายตาไปได้
ช่วงขาเพรียวเรียวสวยบนรองเท้าส้นสูงพื้นแดงราคาแพงลิบที่บรรดาสาวๆ แทบจะตบตีแย่งชิงกันเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของเดินเซน้อยๆ คล้ายกับจะทรงตัวไม่อยู่ และทันทีที่ปลายส้นเข็มข้างหนึ่งเอียงกระเท่เร่จนทำให้คนที่ยืนอยู่บนนั้นเสียหลัก ร่างสูงก็พุ่งปราดเข้าไปรับเอาไว้ได้ทันควัน
“โอ๊ะ...”
เสียงอุทานด้วยความตกใจ นาทีนั้นเองที่เขาสัมผัสได้ถึงของเหลวเย็นวาบที่อาบรดลงมาบนอกเสื้อจนเปียกไปทั้งแผ่นอกลามไล่ลงมาถึงหน้าท้อง
ใบหน้าสวยเก๋ไก๋เงยหน้าขึ้นมาอย่างตระหนก ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงค้าง พอสายตาปะทะกับใบหน้าเข้มคมคาย ที่บอกได้ว่าไม่ใช่ไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ภาษาอังกฤษเร็วปรื๋อสำเนียงไม่ผิดเพี้ยนจากเจ้าของภาษา พร้อมกับภาพศีรษะเล็กคลุมด้วยผมยาวหยักสยายก็ผงกซ้ำๆ เอ่ยคำขอโทษขอโพยยกใหญ่
ลมหายใจอวลไอด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ตอนที่เธอขยับริมฝีปากเล็กอวบอิ่ม ส่งให้สาวเจ้าดูเซ็กซี่เข้าไปอีก ฝ่ามือเรียวขาวยกขึ้นลูบไล้ไปบนแผ่นอกกว้างราวกับกำลังพยายามจะช่วยเช็ดคราบเปื้อนออกให้ จนเขาต้องจับมือเล็กนั่นห้ามเอาไว้
“ไม่เป็นไรครับ?”
ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองเขาอย่างอึ้งเป็นคำรบที่สอง เพราะคงคาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดภาษาไทยได้ชัดเจนทีเดียว ในเมื่อหน้าตาไปทางฝรั่งจ๋าออกขนาดนั้น
“เฮ้! พิจิ ออกมาอยู่ที่นี่เอง” เสียงทักมาจากด้านหลัง
พอเขาและเธอหันไป หญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งก็เดินปราดเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว พอสายตามองเห็นคราบของเหลวสีแดงที่อาบรดบนเสื้อโปโลสีฟ้าของเขา พร้อมกับแก้วไวน์ที่ว่างเปล่าในมือของเพื่อนสาวก็เดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหล่อนรีบกล่าวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ เมื่อเขาบอกว่าไม่ได้ถือสาหาความอะไร อีกฝ่ายก็ขอตัวลากตัวต้นเหตุจากไปทันที
‘พิจิ’ ...เธอชื่อพิจิ
ฟรานเชสโก้ก้มลงมองฝ่ามือที่ละจากต้นแขนเรียวเล็กนั่นด้วยความเสียดาย แต่เขาจะคาดหวังอะไรจากผู้หญิงสวยที่บังเอิญผ่านมา นอกจากขอบคุณที่เธอช่วยเป็นอาหารตาให้ก็เท่านั้น
“เป็นอะไรน่ะสินธุ์ ยืนยิ้มคนเดียวก็ได้” เสียงหวานทักอย่างประหลาดใจ
สินธุ์ ซึ่งย่อมาจากชื่อเต็มๆ ...ฟรานเชสโก้ สินธุ์ สินธวารี หันมายิ้มให้กับญาติผู้พี่ที่เดินตรงเข้ามาหา
“เอ๊ะ! นั่น เสื้อเปื้อนอะไร?”
ใบหน้าสวยฉายแววประหลาดใจที่เห็นเสื้อที่เขาสวมใส่อยู่เลอะไปด้วยรอยเปียกสีเข้ม
“คงจะเป็นไวน์มั้งครับ”
ใบหน้าคร้ามก้มลงทำจูกฟุดฟิด สูดกลิ่นเดียวกับลมหายใจของหญิงสาวเมื่อครู่นี้ พร้อมยิ้มออกมา
“แล้วทำไมถึงได้...”
“อุบัติเหตุนะครับ แล้วนี่พี่ตาลจะไปไหน?”
“คุณพ่อให้พี่ออกมาตาม เห็นเราหายออกมารับโทรศัพท์เสียนานเชียว...มีอะไรหรือเปล่า?”
“ขอโทษจริงๆ ครับ พอดีว่าเพื่อนผม...เจ้าวินมันทำไดร์ฟข้อมูลหาย ผมคงต้องรีบกลับไปหาแล้วส่งไฟล์ไปให้มันเป็นการด่วน ยังไงอาจต้องขอตัวกลับก่อน”
“อ้าว! จะรีบกลับแล้วเหรอ? อะไรกันเพิ่งมาแป๊บเดียวเอง” ศกุนตลาแย้ง ชายหนุ่มทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ
“แล้วนี่ตกลงเราพักอยู่ที่ไหน? กับใคร? ทำไมถึงไม่ยอมไปพักอยู่ที่บ้านด้วยกัน? บ้านใหญ่ก็ออกจะกว้างขวาง จะได้รู้จักคุ้นเคยกับบรรดาญาติๆ ด้วย” ถามยาวเหยียดจนไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี
ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ยิ้มจนสุดเหยียด จะให้เขาไปพักที่บ้านใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยบรรดาเครือญาติหลายสิบชีวิต ถึงจะดูอบอุ่น แต่ก็วุ่นวายชะมัด ไม่มีทางเด็ดขาด จึงเอ่ยปฏิเสธ
“พอดีผมรับปากจะเฝ้าบ้านให้เพื่อนระหว่างที่ไปดูงานน่ะครับ และอีกอย่างอยู่ที่นั่นก็สะดวกดี”
ที่สำคัญบ้านของไรวินมีความเป็นส่วนตัวสูง จะจัดงานปาร์ตี้ หรือจะพาสาวๆ เข้าออกก็ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจใครด้วย
ศกุนตลาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“น้องๆ คงจะผิดหวัง แต่ยังไงพวกเราก็ดีใจที่สินธุ์ยอมมาทำงานด้วยกันที่นี่ ขอให้อยู่นานๆ นะจ๊ะ”
“ครับ ผมตั้งใจจะอยู่ไปจนกว่าจะเบื่อ”
“แล้วนี่เราขี้เบื่อขนาดไหนล่ะ?” สายตาขี้เล่นตั้งคำถาม
ทุกครั้งที่มาเมืองไทย เขาจะอยู่ที่นี่นานๆ โดยจะออกท่องเที่ยวทั่วไทยตามที่ได้วางแผนการมาล่วงหน้า เมื่อใกล้เวลาจะเดินทางกลับนั่นแหละถึงได้แวะไปอยู่กับครอบครัวสักสัปดาห์หนึ่งเท่านั้น
“ก็ขึ้นอยู่กับที่เมืองไทย จะมีอะไรดึงดูดใจผมไว้ได้หรือเปล่า?”
ยิ้มหวานอย่างนี้ไงเล่า คงทำเอาสาวๆ ใจละลายไม่น้อยทีเดียว ศกุนตลามองหน้าน้องชายเจ้าเสน่ห์ ที่มีใบหน้าคมเข้มตามแบบฉบับหนุ่มอิตาเลี่ยนผสมผสานกับสายเลือดไทย ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบเขียวภายใต้กรอบตาลึก ล้อมรอบด้วยขนตางอนเช้งเหมือนอย่างคุณฟาร่าอาสะใภ้ของเธอ คิ้วเข้มดำดกพาดเฉียงเหนือดวงตา สันจมูกโด่งเว่อร์แบบชาวตะวันตก ยังมีริมฝีปากหยักได้รูป ที่ทำให้ใบหน้านี้หล่อเหลาไร้ที่ติ
ได้ข่าวว่าสมัยอยู่ที่อิตาลี่น้องชายเธอเคยรับจ็อบเป็นนายแบบ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกอะไร ด้วยหน้าตาที่หล่อคมคายสะดุดตา ยังจะรูปร่างสูงใหญ่ อกผึ่งผายไหล่กว้างที่แม้ใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆ ก็ยังดูไม่ธรรมดาเลย
“งั้นเรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะ”
บอกพร้อมกับร่างสูงตวัดแขนโอบกอดเธออย่างเอาใจ ก่อนจะพาเดินกลับเข้าไปในห้องอาหาร เพื่อจะได้ทำความรู้จักและร่ำลาญาติๆ ที่มากันอย่างคับคั่งที่เขายังท่องจำชื่อไม่หมด
ศกุนตลามองหาสามีที่เพิ่งมาถึงไม่นาน และตอนนี้ก็หายไปจากโต๊ะอย่างไม่ใคร่สบายใจนัก ชีวิตสมรสง่อนแง่นที่เธอไม่เคยปริปากให้ใครรู้ นับวันปัญหาก็จะยิ่งแยกเธอและสามีออกจากกันจนกลายเป็นห่างเหิน แต่เธอก็ยังพยายามที่จะประคับประคองมันไปให้ถึงที่สุด อย่างสุดความสามารถ
*********
[1] ในที่นี้ใช้แทนคำว่า university ที่แปลว่า มหาวิทยาลัย ซึ่งนิยมเรียกคำนำหน้าสั้นๆ แทน
[2] คริสเตียน ลูบูติน (Christian louboutin) รองเท้าส้นสูงที่มีเอกลัษณ์ด้วยพื้นใต้รองเท้าเป็นสีแดง โดยรองเท้าเหล่านี้จะไม่มีคู่ที่เหมือนกันเลย จุดมุ่งหมายหลัก คือ การทำให้ผู้หญิงรู้สึกมั่นใจ เพราะหากเธอสามารถซื้อรองเท้าเหล่านี้ได้ ทำไมจะไม่ทำให้เธอรู้สึกอยู่เหนือผู้อื่น
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

4 ความคิดเห็น
-
#3 fsn (จากตอนที่ 1)วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 / 04:10ท่าทางจะจุดไต้ตำตอนะคะ#30