คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : 【 Au KNB 】Again?! ll นาคาชิมะ จิฮารุ ll
“ เลิกคิดว่าฉันตั้งใจมาเจอคุณเสียทีเถอะค่ะ
”
ชื่อ : นาคาชิมะ จิฮารุ / Nakashima Chiharu
ความหมาย : นาคาชิมะ -
ใจกลางของเกาะ
จิฮารุ - ฤดูใบไม้ผลิที่เกิดเป็นพันครั้ง
นาคาชิมะ จิฮารุ - ใจกลางเกาะได้เกิดฤดูใบไม้ผลิเป็นพันครั้งแล้ว(ถ้าแปลเป็นประโยคหวานๆคงทำนองว่า
หัวใจของฉันได้ผลิบานเป็นพันครั้ง เราเปรียบคำว่าใจกลางเกาะก็เหมือนหัวใจของคนเรา)
ชื่อเล่น : ฮารุ / Haru(ส่วนใหญ่ฮารุจะให้เรียกแบบเต็มมากกว่าตราบใดที่ยังไม่ได้สนิทกัน)
สัญชาติ : ญี่ปุ่น
ลักษณะรูปร่าง : ผมสีขาวบริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปนยาวสะลวยถึงช่วงเอวคอด
ดวงตาสีม่วงอเมทิสต์คู่สวยเปล่งประกายสีสวยแต่กลับมาฉายแววนิ่งสงบราวน้ำลึกที่ไร้สุรเสียงใดๆ
ใบหน้าสวยหวานสมวัยแสดงลักษณะที่นิ่งสงบและดื้อรั้นในคราวเดียวกัน
ผิวขาวสีสวยไม่ดูซีดเกินไปหรือดูแปลกตาเกินไป รูปร่างเพรียวบางดูน่าถนุถนอม
ส่วนสูง 162 ซม. น้ำหนัก 48
กก.
นิสัย :
ฮารุให้นิยามแก่ผู้พบเห็นคือนิ่งสงบ
ฮารุให้บรรยากาศจืดจางอ่อนๆรอบตัวที่มีความเงียบและไร้สีสัน
แต่ใช่ว่าจืดจางจนคนมองไม่เห็นแต่อย่างใด
ไปไหนมาไหนก็สามารถตามหาฮารุเจอได้ทั้งนั้นแหละ ฮารุแค่มีลักษณะพูดน้อย
ไม่ทำตัวร่าเริงราวคนบ้า มีมารยาททางสังคมจัดว่าดีในระดับหนึ่ง ลักษณะท่าทางต่างๆของฮารุดูเหมือนน้ำนิ่งที่ไหลไปตามธรรมชาติอย่างช้าๆ
เป็นจังหวะอย่างลงตัว ไม่มีสีสันเติมแต่งให้มัวหมอง
ก็เหมือนใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีเครื่องประทินโฉมมากมายมีความสวยแต่ดูขัดตาเพราะมันไม่เป็นธรรมชาติ
แต่กลับกันในเชิงของฮารุเธอมีความเป็นธรรมชาติอย่างลงตัว
ไม่ต้องการสิ่งเติมแต่งมาเพิ่มให้เสียบุคลิก
ถึงแม้ฮารุจะมีลักษณะหลายๆอย่างแบบสาวไร้สีสัน
แต่บรรยากาศรอบตัวของฮารุกลับเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งถ้าลองไม่ทำความรู้จักดีๆก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ใบหน้าของฮารุใช่ว่าจะธรรมดาเป็นสามัญชนเต็มขั้น
มันก็ดูสวยสะกดสายตาได้ระดับหนึ่ง
แต่ก็ไม่อาจมากเท่าดาราดังที่สวยเลิศได้ที่แค่อยู่เฉยๆก็สะกดสายตาได้แล้ว
ความสวยของฮารุนั้นถูกกลบไปด้วยความนิ่งสงบที่ฉายชัดบนใบหน้า
ฮารุเป็นคนยิ้มสวยราวฤดูใบไม้ผลิตามชื่อ มันให้ความสบายใจและอุ่นใจในคราวเดียวกัน
แต่ฮารุเธอเป็นคนยิ้มน้อยเท่านั้น ย้ำ!
ฮารุไม่ใช่พวกยิ้มยาก!
เธอแค่ไม่ยอมยิ้มถ้าไม่มีอะไรน่าให้ยิ้ม
ส่วนใหญ่เธอจะยิ้มก็แบบเรื่องมันตลก(ซึ่งบางทีฮารุก็ขำออกมาเลย) การประสบความสำเร็จทั้งของตัวเองและเพื่อน
เรื่องครอบครัวที่มีสิ่งดีๆเกิดขึ้น
ฮารุเป็นคนหัวดื้อ
ถ้าฮารุเชื่อมั่นว่าสิ่งใดที่มันถูกเธอก็จะเชื่ออย่างนั้น
ต่อให้คนอื่นมาบอกว่าไม่ถูกเธอก็ไม่ยอมฟังแต่อย่างใด
แต่ใช่ว่าฮารุจะงี่เง่าเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่
ถ้าเกิดเห็นว่าสิ่งเธอเชื่อว่าถูกแล้วมันผิด ฮารุก็ยอมที่ผิดตามที่เห็นสมควร
ฮารุดื้ออย่างมีเหตุผลเสมอ เรื่องที่ฮารุจะดื้อนั่นมีหลายรูปแบบ
อาจเป็นเรื่องเพื่อน ครอบครัว คนสำคัญที่เธอเลือกจะเชื่อมั่นเข้าข้างเขาไม่ว่าจะโดนสังคมวิจารณ์อย่างใด
หรือเรื่องหลักวิชาการที่เธอเชื่อมั่น
ไม่ก็เป็นความชอบส่วนบุคคลในมุมมองความคิดและเห็นฮารุ
เรื่องบางเรื่องก็มีจริงจังและไร้สาระแบบกวนประสาทกันไป
การดื้อของฮารุบางครั้งในเรื่องของความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสังคมอะไร
ฮารุจะดื้อหนักกว่าปกติเล็กน้อย ให้นิยามว่าฮารุไม่ยอมพ่ายแพ้ด้านความรู้สึก
ถ้าให้เปรียบมันก็เหมือนความรู้สึกรักใครสักคน ที่ยังไม่อยากยอมแพ้ที่จะตกหลุมรักง่ายๆ
ให้นิยามดื้อรั้นของฮารุก็ประมาณนั้นนั่นแหละ
แต่อาการแบบนี้ของฮารุก็ไม่เกิดขึ้นบ่อยเท่าไหร่นัก
เพราะมันเป็นเรื่องของความรู้สึกโดยตรง แค่ไม่มีเรื่องอะไรทำนองนี่
ฮารุก็มีความเป็นกลางเสมอ
ประโยคที่เล่ามาฮารุเองก็มีมุมก้นบึ้งในจิตใจคือเกลียดการพ่ายแพ้ แต่ฮารุก็ไม่ได้บ้าต้องชนะทุกสิ่ง
เธอมีลำดับขั้นการชนะอะไรต่างๆต่างกันออกไป จะแพ้ก็แพ้อย่างถูกต้อง
จะชนะก็ชนะอย่างภาคภูมิ
ฮารุเป็นพวกกวนประสาทหน้าตาย
ฝีปากของฮารุใช่ว่าจะธรรมดา
แต่มันถูกซ่อนไว้ใต้กิริยาที่เรียบเฉยราวน้ำลึกต่างหาก การกวนประสาทของฮารุไม่ต่างจากการพูดเรื่องฝนฟ้าอากาศหรือว่าเหมือนกำลังนึกอาหารที่ทานวันนี้คืออะไรอย่างนั้น
ดูได้จากสีหน้าระหว่างพูดที่แทบจะไม่เปลี่ยนเลยนั่น
แต่คำพูดที่ออกมากลับคนละเรื่องมันชวนน่าตบและน่าตายในคราวเดียวกัน ฮารุไม่ใช่พวกกวนประสาทไปทั่วเธอจะพูดอย่างนี้ก็ต่อเมื่อพูดเพื่อความตลกคลายเครียด(ถ้าให้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ก็ทำนองว่าซ้ำเติมเพื่อนแบบไม่จริงจังนัก)
หรืออาจเป็นก็โต้ฝีปากเมื่อถูกฝ่ายตรงข้ามว่าตัวเองก่อน
คำพูดของฮารุนั้นเป็นพวกผู้ดีมีสกุลถึงแม้ฐานะทางบ้านจะไม่ให้ก็ตาม
ฮารุจัดเรียงคำพูดต่างๆได้ดี และถึงอาจฉายแววพวกนักเจรจาเสียด้วยซ้ำ
การด่าของฮารุนั้นจะเรียกว่ากวนประสาทกันซึ่งๆหน้ามากกว่า
เพราะคำพูดนั้นไม้ได้ออกแบบตรงไปตรงมาราวแม่ค้าปากตลาด
แต่คำพูดเล่านั้นกลับออกมาแบบอีกฝ่ายเป็นคนผิดและเจ้าตัวก็เป็นคนบริสุทธิ์ไป
นั่นอาจจะมุมโหดร้ายอย่างหนึ่งของฮารุก็ไม่เชิง
สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ตามต้องการตราบใดที่ไม่มีอะไรให้เรื่องมันเสีย
ฮารุเนื้อแท้เป็นคนอ่อนโยนมาก
ฮารุมีมุมเหมือนนิ่งเฉยกับทุกสิ่ง
แต่แท้จริงกลับมีมุมคิดมากยิ่งกว่าใคร
ไม่ว่าจะพยายามทำอะไรเพื่อคนๆหนึ่งที่อาจจะเป็นเพื่อน ครอบครัว คนสำคัญ บุคคลเหล่านี้เป็นเสมือนบ้านหลังหนึ่งของฮารุ
ที่ช่วยให้ฮารุสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมีอิสระ
เพราะฉะนั้นบ้านหลังนี้ฮารุจึงมีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องและเชื่อใจ
และฮารุเกลียดการโดนหักหลังการทรยศมาก ฮารุสามารถรักแรงเกลียดแรงได้เช่นกัน
เมื่อฮารุให้ความเชื่อใจไปแล้ว แล้วโดนตีกลับมา
ฮารุไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่าที่จะตามตื้อให้รับไว้ จบด้วยดีก็โอเค
ถ้านอกจากนั้นก็อาจเลวร้ายขึ้นนิดหน่อย
ก็เปรียบเสมือนนิยามความรัก
ตอนรักก็รักดีแถมรักจริงรักจัง แต่ตอนเลิกคือเกลียดไปเลย
สำหรับฮารุมันแค่ก่ำกึ่งนิยามแบบนั้น ตอนรักรักดี ตอนเลิกคือคนแปลกหน้าไร้ความรู้สึกใดๆต่างหาก
ฮารุไม่ใช่พวกจำปลักกับอดีตเมื่อเรื่องไม่สามารถไปต่อ เธอก็ไปดันทุรังที่จะไป
เธอจะเลือกเส้นทางใหม่เพื่อตัวเธอเองและเผลอๆอาจเป็นตัวช่วยกับอีกฝ่ายให้เดินต่อไปเองมากกว่าเดินอยู่กับเธอด้วยซ้ำ
นั้นเป็นความใจดีแบบปิดทองหลังพระของฮารุ
ที่ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเธอช่วยถึงแม้ตอนจบเธอจะเจ็บก็ตาม
ฮารุเป็นคนประเภทตัวเองเจ็บดีกว่าคนสำคัญเจ็บ เป็นการปกป้องและห่วงใยจากฮารุ
ฮารุเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบในระดับหนึ่ง
ฮารุไม่ใช่บุคคลที่มีประวัติเลิศเลอ
เธอเปรียบเสมือนสามัญชนธรรมดาคนหนึ่งที่อาจจะสามารถกลืนหายไปในฝูงชนได้
ฮารุมีดีตรงที่ในหมู่คนธรรมดาเธออาจสร้างบรรยากาศที่ดูเหนือกว่าคนอื่นได้นิดหน่อย
ระดับมันสมองของเธอก็เหมือนกัน มันอยู่ในระดับปานกลาง ที่ไม่โง่หรือฉลาดเกินไป
มีรู้และไม่รู้เท่ากัน ไหวพริบก็พอกันได้แต่พึ่งประสบการณ์และมันสมองบางส่วนเท่านั้น
แต่ใช่ประสบการณ์เธอจะไม่ดี
ดูได้จากนิสัยกวนประสาทของฮารุที่มีความฉลาดมากมายปะปนอยู่
นิสัยประเภทไม่ได้เกี่ยวกับระดับการเรียนของฮารุ
แต่ความฉลาดพูดเหล่านั้นมาจากความฉลาดของตัวเองที่ไม่มีหลักวิชาการเลขยกกำลังจนน่ารำคาญนั่นมาข้องแวะ
ซึ่งมันอาจจะมีการมีประสบการณ์ที่เคยทำอย่างนี้มาหลายครั้งเป็นตัวช่วยในการพัฒนาความสามารถของฮารุมากกว่าที่ให้พวกหลักวิชาการมาพัฒนาตนเอง
ฮารุเป็นพวกรักสงบใช่ว่าจะไม่มีอารมณ์โกรธ
เคยได้ยินหรือเปล่าว่าพวกที่เก็บความรู้สึกเก่งนั้นเวลาโกรธน่ากลัวยิ่งกว่าพวกมีอารมณ์ร้อนเสียอีก
การโกรธของฮารุนั้นไม่เด็กเลย ถ้าให้เปรยล่ะก็ ใครก็ตามที่ทำให้ฮารุโกรธต่อให้มีเก้าชีวิตมาชดใช้คงมีไม่พอ
อาการโกรธของฮารุไม่ใช่อาละวาด ร้องห่มร้องไห้ ตีโพยตีพาย แต่อย่างใด
ความโกรธของฮารุคือเงียบสงบ สิ่งที่เปลี่ยนจากปกติไปคือดวงตาของฮารุที่แทบสามารถแช่แข็งคู่สนทนาได้
บรรยากาศรอบตัวทั้งที่มีอุณหภูมิร้อนโลกแทบแตก
แต่กลับเย็นวาบเสียวสันหลังจนอยากหลั่งน้ำตา
ฮารุคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีถ้าสถานการณ์มันเป็นไปตามที่เธอต้องการ
ถ้าเกิดในกรณีไม่เป็นไปตามที่เธอวาดหวัง ฮารุก็มุมโวยวายเป็น(นึกถึงละครหลังข่าวแปป
ทำไมคุณถึงทำกับฉันอย่างนี้! อะไรแบบนั้น)
แต่นั่นหมายถึงที่สุดของอารมณ์ของฮารุจริงๆ
การโกรธของฮารุมักมีเหตุผลเสมอหรือไม่อีกฝ่ายก็ทำผิดจริง กรณีอื่นก็อาจเป็นการเข้าใจซึ่งน้อยมากที่จะเกิดอะไรแบบนั้น
เธอไม่มีทางงี่เง่าโกรธเพื่อความสุขแบบเห็นแก่ตัวแน่
ประวัติ : เรื่องครอบครัวชีวิตของฮารุโดยตรงนั้นค่อนข้างเป็นคนธรรมดาสามัญชนเต็มรูปแบบ
ทั้งบ้านและตัวเธอเองไม่มีอะไรวิเศษวิโสอะไรมากมาย ไม่รวยคับฟ้าไม่จนยากแค้น
บ้านและฮารุมีชีวิตสโลว์ไลฟ์ไปวันๆ
จริงจังก็แค่งานที่ต้องทำมาหากินหรือเรื่องราวรอบตัวที่สำคัญมากๆเท่านั้น พ่อของฮารุทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนทั่วไปที่พิเศษตรงทำงานขยันขันแข็งไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค(บริษัทของพ่อฮารุที่ทำงานด้วยมันอยู่ในเครือข่ายบริษัทอาคาชินั่นแต่มันเป็นแค่บริษัทย่อย)
ส่วนแม่ของฮารุมีอาชีพเป็นแม่บ้านประจำบ้านทั่วไป
เสาหลักของบ้านรวมถึงเรื่องเงินจึงตกเป็นหน้าที่ของพ่อทั้งหมด
ครอบครัวของฮารุก็มีแค่สามคนพ่อแม่ลูกเท่านั้น
ญาติคนอื่นๆก็มีหน้าที่การงานกันออกไปต่างคนต่างไม่สนใจเรื่องลำดับญาติอะไรทั้งนั้น
...ย้อนกลับไปยังสมัยฮารุยังเป็นเด็กมัธยมปลาย
เธอเป็นหญิงสาวที่ไม่แตกต่างจากปัจจุบันเลยสักนิดที่ยังคงหน้าปลาตายไปวันๆ
ฮารุพบอาคาชิครั้งแรกคือในฐานะเพื่อนร่วมห้อง ต่อมาเรื่อยๆก็จับคู่ทำงานกัน
ทำให้ทั้งสองต้องใกล้ชิดในหลายๆเรื่อง ผู้หญิงที่ขี้อิจฉาก็ต่างแกล้งฮารุมากมาย
ชีวิตเหมือนจะตกยากแต่อาคาชิกลับยื่นมือมาช่วยฮารุเสมอ
จนเกิดมีความรู้สึกบางอย่างต่อกัน ทั้งสองต่างรู้จักตัวตนของทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งทำให้รักกันขึ้นไปอีก
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีราวนิยายเรื่องหนึ่ง ในวันจบการศึกษามัธยมคือจุดจบของนิยาย
“ ...ฉันว่าเราควรพอกันแค่นี้ ”
อาคาชิเป็นคนเริ่มบทสนทนา ชายหนุ่มมองฮารุด้วยเรียบหนึ่ง ฮารุเองก็จ้องตากลับพยายามค้นหาความจริงในแววตานั้น
ถึงแม้ในใจเริ่มจะมีรอยร้าวก็ตามที
“ ถ้าฉันขอเหตุผล อาคาชิคุงจะตอบฉันไหมค่ะ? ”
ชายหนุ่มเริ่มเล่าเรื่องทางบ้าน
พ่อเขาไม่ยินยอมเรื่องลูกสะใภ้ที่ไม่มีอำนาจทางสังคม
และไม่สามารถสร้างผลประโยชน์ใดๆแก่ตระกูลได้ พ่อของเขาสั่งให้เขามาบอกเลิกก่อนที่ทางนั้นจะลงมาจัดการเอง
...ฮารุฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนพูดประโยคที่จี้จุดออกมา
“ เป็นเพราะพ่อของอาคาชิคุงสั่งหรืออาคาชิคุงที่ยอมแพ้เองกันแน่ค่ะ? ”
คราวนี้อาคาชิเงียบกริบและเสมือนเป็นคำตอบให้ฮารุ
ฮารุถอนหายใจกับหัวใจที่แตกไปแล้ว ดวงตาสีสวยเริ่มแดงขึ้น
“ เข้าใจแล้วค่ะ... ฉันว่าคนเรารักกันจริง
ก็ควรทำสุดความสามารถเพื่อให้ฝ่าฝันอุปสรรคไปให้ได้ แต่คุณกลับยอมแพ้ง่ายๆเพียงเพราะโดนสั่ง
...ฉันต้องการคนรักที่เลือกเดินกับฉันไปจนแก่เฒ่าไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหน
เราสองคนก็ต้องต่อสู้ไปด้วยกัน ”
และนิยายเรื่องนี้ก็จบลงโดยการต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเองที่เลือกไว้
ฮารุกลับมาเจออาคาชิแฟนเก่าของเธอตอนอายุ
22 วัยทำงานที่ฮารุควรมีงานมีการทำได้แล้ว
ฮารุมีเพื่อนสมัยเด็กคนหนึ่งมีงานด้านการจัดหางานให้คนที่ต้องการงาน
เพื่อนคนนั้นพอรู้ว่าฮารุต้องการงานก็จัดการหางานให้เสร็จสรรพพร้อมส่งที่อยู่สมัครงานและตารางเข้าพบให้เรียบร้อย
และแน่นอนว่าเหมือนโดนแกล้ง
งานที่หามาให้ฮารุเป็นงานตำแหน่งเลขาของประธานบริษัทอาคาชิ! กว่าฮารุจะรู้ตัวก็มาเจออดีตแฟนเต็มๆไปแล้วเพราะวันนั้นทางนั้นเองต้องการคัดเลือกเลขาด้วยตัวเอง
...ฮารุไม่มีทางเลือกคือต้องเข้ารับการคัดเลือกไปตามปริยายโดยมีความสภาพไม่เต็มใจและเตรียมพร้อม(อยาก)จะตกงานอย่างยิ่ง!
คู่ : อาคาชิ เซย์จูโร่
ชอบ : - สัตว์จำพวกหมาแมว(ฮารุเดิมทีเป็นพวกรักสัตว์
เมื่อใดที่โอกาสได้เลี้ยงเธอจะเลี้ยงจนมันแก่ตายแน่
เพราะฮารุจะดูแลราวครอบครัวเลยทีเดียว)
- ของหวาน(ฮารุมักชอบทานเวลาต้องใช้สมองมากๆ
ของหวานเป็นตัวช่วยให้สมองปลอดโปร่ง)
เกลียด : - การโดนหักหลังหรือทรยศ(ตามข้างบนเลย เมื่อมอบความเชื่อใจไปแล้ว
แล้วโดนตีกลับมาแบบนี้ ฮารุไม่ชอบ)
- แมลงสาบ(ถ้าเจอมันฮารุก็เฉยๆ
สีหน้ายังคงอนุรักษ์เรียบเฉยตามปกติ พอมันบินหรือวิ่งเข้ามาหาเท่านั้นแหละ
ต่อให้เป็นฮารุก็มีเปลี่ยนสีหน้าแล้วรีบวิ่งหนีทันใด)
เเพ้ : -
งานอดิเรก : - อ่านหนังสือ(ว่างเมื่อไหร่ถ้าต้องการทำอะไรคลายเคลียด ฮารุจะเลือกหาหนังสือสักเล่มมานั่งอ่าน
แนวที่อ่านของฮารุค่อนข้างหลากหลาย เธอถูกจนเล่มไหนก็อ่าน แนวที่ชอบที่สุดคือวรรณกรรม)
- นั่งดื่มชาทานเค้ก(ส่วนใหญ่จะเป็นเดือนละครั้งสองครั้ง
ฮารุมักจะไปทานถึงที่ร้านเค้กโดยตรงมากกว่าสั่งกลับมา)
- เย็บปักถักร้อย(เป็นงานอดิเรกที่ทำเฉพาะที่บ้าน
ฮารุมีความคิดสร้างสรรค์คหลายรูปแบบมาก สร้างคิดลายใหม่มาปักถักเองได้)
ลักษณะการพูด : การพูดของฮารุเป็นลักษณะเชิงสุภาพ มีความนอบน้อมถ่อมตน
น้ำเสียงก็เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่รีบหรือช้าเกินไป แทนตัวเองว่า ‘ ฉัน ’ ถ้าเป็น ‘ หนู ’
คือใช้กับพ่อแม่ เรียกคนอื่นว่า ‘ คุณ ’
แบบไม่สนอายุ และมักมีหางเสียงลงท้ายตลอดไม่ว่าคู่สนทนาจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม
ซึ่งรวมทั้งการเติม คุง , จัง , ซัง ลงท้ายชื่อไปด้วย แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากให้เติมฮารุก็มีมารยาทไม่เติมต่อ
ตัวอย่างที่ 1 เวลาปกติ(หน้านี่ปลาตายมาแต่ไกล)
“ ฉันก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกตินี่ค่ะ ”
“ ก็ตามที่เข้าใจแหละค่ะ ”
ตัวอย่างที่ 2 เวลาดื้อ
“ ฉันเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น คุณเลิกเถียงฉันได้แล้วค่ะ!
”
“ มันเป็นอย่างนั้นก็ต้องเป็นอย่างนั้นสิค่ะ! ”
ตัวอย่างที่ 3 เวลากวนประสาท
“ ค่ะ? คุณเข้ามาตำแหน่งนี้โดยการไม่ต้องพิจารณา? ”
เป็นประโยคอ้อมๆว่า
อีกฝ่ายนั้นเข้ามาทำงานตำแหน่งนี้ได้เพราะใช้เส้นสายหรือเอาตัวเข้าแลกอะไรทำนองนั้น
“ ฉันไม่ได้กวนค่ะ แค่พูดความจริง
ฉันขอโทษด้วยที่ทำให้คุณรับไม่ได้ ” เป็นประโยคที่เหมือนจะยอมแพ้
แต่นั่นมันเพิ่มความโกรธราวราดน้ำมันบนกองเพลิง
ตัวอย่างที่ 4 เวลาอ่อนโยน
“ ฉันรู้ค่ะ...เพราะงั้นถ้าเหนื่อยก็พักเถอะค่ะ ”
“ ...ฉันยิ้มให้แล้ว ดีใจหรือเปล่าค่ะ? ” ฮารุมีรอยยิ้มสวยตามชื่อ “ ยิ้มสวยราวฤดูใบไม้ผลิ ”
ตัวอย่างที่ 5 เวลาคิดวิเคราะห์อะไร
“ ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่คนฉลาดมาก
แต่สิ่งที่ฉันคิดมาได้คือประสบการณ์ที่ฉันเคยผ่านมาแล้วค่ะ ”
“ ตรงนี้มันผิดต้องแก้เป็น... ” ถ้าเครียดก็อาจขมวดคิ้วตีหน้าวุ่นหน่อยๆ
ตัวอย่างที่ 6 เวลาโกรธ
“ คุณไม่รู้ตัวว่าคุณทำอะไรลงไปหรือค่ะ? ”
“ ขอความจริงไม่ใช่คำแก้ตัวค่ะ ”
เพิ่มเติม : - ฮารุมีความเป็นกุลสตรีญี่ปุ่นครบทุกประการ
ไม่ว่าจะ ชงชา จัดดอกไม้ เป็นต้น
- ฮารุไม่ถนัดด้านใช้กำลังมากๆ
แต่กลับกันพยายามของฮารุมากกว่ากำลังตัวเองเสียอีก
- ฮารุมีความสามารถด้านเปียโน ซึ่งในวัยเด็กเคยได้รับทุนให้เรียนฟรี
ในปัจจุบันถึงแม้จะห่างมือไปแล้ว ฮารุก็สามารถจับจุดเล่นได้อยู่
Talk
สวัสดีค่ะ ผู้ปกครองชื่ออะไรค่ะ ไรท์ชื่อไอริส
จะเรียกว่าริสก็ได้เนอะ <3
: เราว่านนะ จะเรียกไรท์ว่าไรท์ริสแล้วกัน <3
ทำไมถึงได้มาสมัครเรื่องนี้เอ่ย?
: จะบอกว่าเนื้อหาน่าสนใจก็ดูเชยไป
อืม...เราชอบอ่านนิยายแนวดราม่าด้วยล่ะมั้ง
แล้วก็ชอบอนิเมะเรื่องอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ถ้าริสจะขอปรับเปลี่ยนข้อมูลหรือรูปภาพจะเป็นอะไรไหมเอ่ยยย
: ได้สิ ขอแค่ติดเราก็ดีใจแล้วและบางอย่างเราก็ไม่อาจแต่งถูกใจไรท์ริสก็มี
ถ้าไม่ติดอย่ามาเผาบ้านเค้านะ เค้ากลัว-----//7//
: ...โอเคค่ะ! ไม่เผาก็ได้ค่ะ
แต่ถ้าบึ้มทีเดียว น่าจะไม่เป็นไร
ซาโยนาระ ขอให้คุณโชคดี//โบกมือลาดั่งนางสาวไทย(?)
ความคิดเห็น