ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #440 : (รีวิวอนิเมะแบบแมวๆ ) Spring 2017 เมื่อไหร่ Outlast 2 จะมาอะ!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.93K
      1
      3 พ.ค. 60


    และแล้วก็มาถึงการรีวิวอนิเมะซีซั่นใหม่ ประจำฤดูใบไม้ผลิ (ของญี่ปุ่น) 2017 ซึ่งช่วงอนิเมะใหม่ที่มา  บ้านเราเป็นเดือนเมษายน เดือนนรกแตกสงกรานต์ (ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่ชอบเลย)  ส่วนญี่ปุ่นช่วงนี้ก็คงเป็นช่วงที่ซากุระบาน  เหมาะสำหรับท่องเที่ยวอย่างมาก  (แต่ผมไม่อยากไปหรอก)

    นอกจากอนิเมะใหม่มาแล้ว สิ่งที่น่าติดตามซีซั่นนี้คือ ซีรีย์ Gotham3 ช่วงครึ่งหลังก็กำลังจะฉาย ซึ่งกำลังดุเด็ดเผ็ดมันมาก ผมกำลังลุ้นว่าเพนกวินจะกลับมาไหม และจะกลับมาในรูปแบบใด  และนอกจากนี้ก็ยังมีเกมที่ทั่วโลกกำลังรอคอยอย่างเกมสยองขวัญ Outlast 2 ที่ไม่รู้ว่าภาคใหม่จะสยองขวัญ ระทึกขวัญกว่าภาคแรกหรือไม่ ก็ต้องติดตามกันดู

    ก่อนจะพูดถึงอนิเมะใหม่ประจำฤดูใบไม้ผลิ ก็ขอสรุปอนิเมะซีซั่นก่อนเล็กน้อย หลังจากที่ผ่านมาอนิเมะชายล้วนครองความฮิตจมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งซีซั่น 2016-2017 อนิเมะที่เป็นตัวเอกผู้หญิง และหญิงล้วนก็กลับมาโด่งดังอีกครั้ง   อนิเมะหลายเรื่องได้รับการตอบรับอย่างดี อย่าง  เมดดราก้อน (Kobayashi-san Chi no Maid Dragon)  โลลิปากเป็ด (Youjo Senki)  นางฟ้ากาบุ (Gabriel Dropout)

    ทางด้านฮาเร็ม ก็กำลังมา ยัยเทพธิดาไม่ได้เรื่อง 2 (Kono Subarashii Sekai ni Shukufuku wo! 2) แม้จะเผาได้อนาถใจ แต่ผลตอบรับก็ยังคงเหนียวแน่น และอนิเมะม้ามืดและเป็นที่พูดถึงมาก ก็กลายเป็น  Kemono Friends  ที่ทำให้หลายคนต้อง งง ไปทั่วหน้าว่ามันดังได้ยังไง  (ซึ่งบทความหน้าผมอาจจะเขียนถึง)

    กลับมาอนิเมะซีซั่น Spring 2017 ต่อ หลังจากไล่ดูอนิเมะเมนูหลักที่จะฉาย  ผมพบว่าไม่มีเรื่องไหนน่าสนใจ ถึงขั้นร้องว้าวเลย แม้จะมีหลากหลาย แนวโรงเรียนแฟตาซีก็มี แนวฮาเร็มก็มี ออริจินอลแอ็คชั่นก็มี ไอดอลก็มี สาวน้อยเวทมนต์ก็มี  อนิเมะที่เป็นภาคต่อ แนวหญิงล้วซิวๆ ก็มี ก็เถอะ แต่หลายเรื่องผมส่ายหัว ไม่อยากจะดูเลย บางเรื่องก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรมากมาย



     



    ต่อไปนี่ คือรายชื่ออนิเมะ (เมนูหลัก) ที่ฉายในซีซั่น Spring 2017 ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีอนิเมะเรื่องไหนที่ผมสนใจพิเศษ แต่ก็มีติดตามอยู่ 2-3 เรื่อง (แถบสีเหลืองโครตติดตาม และแถบสีฟ้าดูบ้างไม่ดูบ้าง แต่ก็ดูทั้งตอน)

    Boku no Hero Academia Season 2การ์ตูนจัมป์ ไม่ดูอยู่แล้ว

    Gin no Guardianก็ไม่ดู

    Shingeki no Kyojin Season 2ไททันช่วงสู้กับไททันเกราะ ส่วนมังงะเริ่มออกทะเล

    Granblue Fantasy the Animation นาเกลือ คนแถวๆ นี้อวยจัง

    Alice to Zourokuเขาว่าลุงเท่ เดี๋ยวจะดู

    Tsugumomoเทพสิ่งของ  ไม่ค่อยอวยสักเท่าไหร่ ช่วงหลังๆ เปลี่ยนแนวด้วย 

    Souryo to Majiwaru Shikiyoku no Yoru niสายมืดที่ไม่อยากดู

    Starmyu Season 2-ไม่ดู

    Frame Arms Girl-หุ่นโมเอะ (แต่ทำไมไม่มีรอยต่อฟ่ะ)

    Rokudenashi Majutsu Koushi to Akashic Records-โรงเรียนแฟนตาซีอีกแล้ว

    Cinderella Girls Gekijou - ไม่ได้เป็นแฟน  Idol Master

    Oushitsu Kyoushi Haine-ราชครูโซตะ (ปลอม)

    Boruto: Naruto Next Generations-ภาค โบรูโตะ รุ่นลูกของนารุโตะ

    Love Kome: We Love Rice –เรื่องราวของห้านักเรียนชายในโรงเรียนโคคุริตสึ อินาโฮะ

    Busou Shoujo Machiavellismแนวฮาเร็ม?

    Sakurada Reset-แนวรีเซ็ต

    Sakura Quest-สาวชาวกรุงที่ตกงาน 30 ที่รวด มารับงานช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในเมืองชนบท ในตำแหน่งราชินี

    Tsuki ga Kirei-แนวโรแมนติก?

    Clockwork Planet ว่าจะดูเพื่ออยากอ่านนิยาย แต่กลายเป็นว่าไม่อยากดูหนักกว่าเดิมซะงั้น

    Twin Angel Break-แนวสาวน้อยเวทมนต์ จนผม งง แล้วว่ามันมีกี่ซีรีย์บ้าง

    Berserk (2017) –นักรบคลั่ง ไม่ชอบภาพ GC (คอมพิวเตอร์กราฟฟิก) เลยพับผ่า

    Seikaisuru Kado-แนวอะไรอะ สนุกไหม?

    Shingeki no Bahamut: Virgin Soul-ไม่ดู

    Kyoukai no Rinne Season 3-ไม่ดู

    Re:Creators-เห็นหลายคนอวยกัน

    Eromanga-sensei-ยังรับไม่ได้กับนิยายน้องสาวไม่น่ารักอยู่เลย

    Uchouten Kazoku 2-ไม่ดู

    ID-0-ไม่ดู

    Zero kara Hajimeru Mahou no Sho-ไม่ดู

    Fukumenkei Noise-ไม่ดู

    Shuumatsu Nani Shitemasu ka? Isogashii desu ka? Sukutte Moratte Ii desu ka?-ก็ไม่ดู

    Natsume Yuujinchou Roku-ยิ่งเหงาไปใหญ่เวลาดูฉากนัตซึมะโมเม้นกับผู้ชายด้วยกัน

    Kenka Banchou Otome: Girl Beats Boys-ไม่ดู

    Room Mate-ไม่ดู

    Saenai Heroine no Sodatekata -จบไม่ฮาเร็มไม่สน พระเอกควาย

    Sin: Nanatsu no Taizai-ขายนม กับตูด

    Sword Oratoria-ยัยนี้ยังมีคนอวยเหรอ

    Atom: The Beginning-ถ้ามีแปลไทยก็จะดู

    T-Sensei-ไม่ดู

    YuGiOh! VRAINS-เกมการ์ดออกทะเล

     

    สาเหตุที่ไม่ดู ผมไม่ดูอนิเมะชายล้วน พระเอกหล่อ (กลัวพระเอกหล่อ) อนิเมะไอดอล สาวน้อยเวทมนต์ผมก็ไม่ดูเช่นกัน ส่วนอนิเมะจากนิยายไลท์โนเวลก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมติดตาม โรงเรียนแฟนตาซีผมก็ไม่ดูอีกแล้ว  ถ้าเทียบเท่า “อ่านมังงะก็เทพ” ผมจะพิจารณาละกัน

     

    Re:Creators

    น่าจะเป็นผลงานที่น่าติดตามที่สุดในซีซั่นนี้ (อย่างน้อยก็ผม) Re:Creators เป็นอนิเมะแนวออริจินัล  แฟนตาซี ไซไฟ ผลิตโดยสตูดิโอ TROYCA  เป็นผลงานร่วมกันระหว่างนักเขียน Hiroe Rei (มังงะ Black Lagoon) ร่วมกับผู้กำกับ Aoki Ei (Fate/Zero, Aldnoah.Zero) ประพันธ์เพลงโดย Sawano Hiroyuki (Guilty Crown, Aldnoah.Zero)  ซึ่งอนิแมะมีจำนวนทั้งสิ้น 22 ตอน

    Re:Creators เป็นเรื่องราวของมิซูชิโนะ โชตะ นักเรียนชายธรรมดา ต้องมาพบกับเหล่าตัวละครที่หลุดมาจากมังงะ ไลท์โนเวล เกม จากหลายเรื่องได้มาปรากฏบนโลก โดยตัวละครเหล่านี้ไม่รู้ว่าพวกเขามายังโลกแห่งความจริงเพื่ออะไรกันแน่.....

    Re:Creators เป็นอนิเมะออริจินอลที่น่าติดตามในซีซั่นนี้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม  ฉากต่อสู้ที่สนุกลื่นไหล  และมีจุดรายละเอียดยิบย่อยเต็มไปหมด

    เรื่องนี้แปลกอยู่อย่าง ตอนแรกผมคิดว่าจะคล้ายๆ กับเฟส-ซีโร่ พวกต่างโลก มาสู้กันเพื่อหาคนรอดสุดท้าย แต่ปรากฏว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ เพราะตัวละครจากต่างเรื่อง ต่างแนว มาสู่โลกแห่งความจริง ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อสู้กันเพื่อหาผู้ชนะคนสุดท้าย  แถมตัวต้นเหตุ (ทวิลเทล) ยังทิ้งคำพูดปริศนาชวนปวดหัวว่าให้ “ทำลายโลกแห่งพระเจ้า” (หรือโลกแห่งความจริง) กลายเป็นว่า สิ่งที่น่าติดตาม มากกว่าฉากแอ็คชั่นของเรื่อง ผมว่าน่าจะเป็นปริศนาในของเรื่องที่โผล่มากมายมากกว่า

    แน่นอนว่าก็มีปริศนาอื่นๆ ให้ค้นหาคำตอบกัน ไม่ว่าจะเป็น ทวินเทลเป็นใคร, เด็กสาวที่ฆ่าตัวตายตอนต้นเรื่องเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับพระเอก และพระเอกทำไมถึงเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องนี้  สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นปริศนาที่ซับซ้อน แต่มันก็เป็นสิ่งที่เชิญชวนให้หลายคนติดตามเรื่องนี้ไม่มากไม่น้อย (และมันก็คงจะไม่ใช่คำตอบง่ายๆ แน่ เพราะตัวอนิเมะมีถึง 22 ตอน) และเดาทิศทางเรื่องไม่ได้เลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป (แต่ผมวาดตอนจบเรื่องนี้ไว้แล้ว)

    ส่วนตัวก็นานแล้วนะครับ ที่ไม่ได้เห็นพระเอกที่เป็นคนธรรมดาแท้ๆ ปกติ ถ้าเป็นแนวนี้ พระเอกคงมีสกิล หรือพลังวิเศษไปแล้ว แต่นี่ไม่ พระเอกกลายเป็นตัวละครกึ่งคนดู คือเป็นผู้ดู  จนบางคนอาจไม่คุ้นพระเอกประเภทนี้ เพราะมันจะโดนกลบ เมื่อตัวละครเหนือมนุษย์เด่นกว่า แต่โชคยังดี ที่มีการโปรยไว้ว่าตัวพระเอกนั้นมีอะไรบางอย่างที่เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราว รวมไปถึงพัฒนาการของพระเอกว่าทำไมเขาถึงไม่วาดรูป

    อย่างไรก็ตาม ก็มีจุดที่ดูแล้วสะดุดในเรื่อง ก็คือศัพท์แสงในเรื่องที่มีมากมาย ทั้งชื่อตัวละคร, ชื่อเรื่อง (แถมชื่อโครตจำยาก แต่พอเดาได้ว่าล้อการ์ตูนหลายเรื่อง), ชื่อท่าไม้ตาย, ประโยคคำพูดตัวละคร สิ่งที่ตัวละครพล่าน อย่างการพล่านยัยหนูจอมเวทย์หนังสือนี้ เอาตรงๆ นะ ผมไม่เก็ทเลย  ว่ายัยหนูนี่มันพล่านอะไร เรียกได้ว่ายัยหนูนี้พล่านแต่ละอย่าง ผมมึน (ก็ยังถือว่าเป็นสายคูลอยู่นะ)

                    ก็ถือว่าเป็นอนิเมะออริจินอลที่น่าสนใจ น่าติดตามในช่วงนี้ครับ   มันน่าสนใจที่เอาตัวละครสูตรสำเร็จจากหลายแนวมายำ เอามาตีกันได้อย่างน่าสนใจ เหลือเพียงแค่การดำเนินเรื่อง ว่าการคลี่คลายปริศนาของเรื่องนั้นจะออกมาสมเหตุสมผล ออกมาดูดีหรือไม่อย่างไร ถ้าออกมาดี ผมยกให้เป็นอนิเมะแห่งปีอีกหนึ่งเลยทีเดียว


     Frame Arms Girl

    Frame Arms Girl The Anime  ผลงานอนิเมชั่นทีวีซีรีส์ที่สร้างมาจาก Frame Arms Girl ( FAG ) ที่เป็นสินค้า Model Kit ตัวออริจินัลของทาง Kotobukiya ที่ออกแบบมาให้อยู่ในคอนเซ็ปต์ สาวน้อยใส่เกราะ  โดยในส่วนของอนิเมะทีวีซีรีส์นั้นได้ทางสตูดิโอ Zexcs และ Studio A-Cat เป็นผู้อำนวยการสร้าง 

    เนื้อเรื่องกล่าวถึง เก็นไน อาโอสาวน้อยมัธยมปลายที่จู่ๆ ในวันหนึ่งเธอได้รับพัสดุไปรษณีย์ที่มาส่งถึงหน้าบ้าน  ซึ่งในกล่องนั้นมี “Frame Arms Girl” ซึ่งเป็นรุ่นของ โกวไรซึ่งโกวไรตัวนี้มีความพิเศษตรงที่เธอได้รับติดตั้งระบบปัญญาประดิษฐ์  ทำให้มันสามารถเคลื่อนไหวได้เองราวกับมีชีวิตจริงๆ และสาเหตุที่ผู้สร้างส่งโกวไรมาให้เก็นไน ก็เพื่อทดสอบการต่อสู้ของเธอ

    หลังจากที่ได้ดู ก็ เป็นอนิเมะคล้ายๆ Busou Shinki (มีใครได้ดูเปล่าหว่า) เพียงแต่เปลี่ยนตัวเอก (มนุษย์) จากผู้ชายปากเป็ด มากเป็นสาวน้อยมัธยมปลายเท่านั้นเอง ส่วนเนื้อหาก็คล้ายๆ กัน คือ เป็นเรื่องการต่อสู้ของหุ่น (ที่ดูยังไงก็เหมือน Busou Shinki ต่างตรงไม่มีรอยต่อเท่านั้นเอง) เรียกได้ว่าใครสายสาวน้อยผสมชุดเกราะจักรกลบินทะยานฟ้ามีอันต้องฟินกันทั่วหน้า

    จะเรียกอนิเมะขายของก็ได้ แต่ก็เป็นธรรมดาที่จำเป็นต้องโปรโมตหน่อย (นอกจากอนิเมะแล้ว ก็มีมังงะด้วย)  ส่วนเนื้อเรื่องดูไปเรื่อยๆ อาจขัดตาเรื่องภาพ GC (คอมพิวเตอร์กราฟฟิก) เฉพาะตัวหุ่น ทำให้ออกมาดูแข็งๆ ยิ่งฉากต่อสู้นี้โครตแข็งเลยพับผ่า  (แถมจบเร็วด้วย)

    ส่วนตัวผมชอบสไตเลท เตี้ย แบน ทวินเทล ซึนเดเระ กางเกงในลายทางอีกแผล่บๆ   (ปล. ส่วน ทำไมสไตเลท กับโกวไรสนิทกันเร็ว สาเหตุมีอยู่ในมังงะด้วยมั้ง หาดูได้เน้อ)

     

    Shingeki no Kyojin Season 2

    แน่นอนอาหารจานหลักของซีซั่นนี้ก็คือ ผ่าพิภพไททัน ซีซั่น 2 ซึ่งยังคงเป็นสตูดิโอ Wit Studio ซึ่งน่าจะเป็นช่วงสู้กับไททันเกราะ 

    หลังจากได้ดู ในช่วงซีซั่นแรก ผ่าพิภพไททัน เป็นอนิเมะที่ได้ผลตอบรับที่ดีมาก และกลายเป็นกระแสพักใหญ่ มีโดจินยาโอยโครตเยอะ แต่อย่างไรก็ตามพอมาถึงซีซั่นสอง กระแสเริ่มลดลงไปมากโขอยู่ อีกทั้งช่วงที่อนิเมะซีซั่นสอง มังงะกำลังเข้าสู่ช่วงออกทะเล (ออกทะเลจริงๆ อย่าเถียง) และย้อนอดีต ทำให้เราได้เห็นภาพรวมของเรื่อง และปริศนาที่หลายคนคาใจก็เริ่มกระจ่างขึ้นด้วย

    สำหรับซีซั่นสอง ปรากฏว่าจำนวนตอนน้อยลงกว่าซีซั่นแรกครึ่งต่อครึ่ง (ประมาณ 12-13 ตอน) กราฟฟิกภาพยังคงเหมือนเดิม เพลงเปิดเรื่องไม่ได้ติดหูเหมือนภาคแรก  แถมมีจุดเผาได้อย่างอนาถใจอีกต่างหาก (คือภาพนิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ชินแล้วมั้ง)

    แม้ว่าหลายคนจะดูมังงะแล้ว และเนื้อหาออกทะเลสวยงาม แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนก็ติดตามอนิเมะอย่างเหนียวแน่น เพราะว่าภาคนี้มีช่วงสนุกอยู่หลายช่วง ไม่ว่าจะเป็น  ไททันล้อมหอคอย, สู้กับไททันเกราะ และเฮเรนโชว์มนต์ควบคุมไททัน ถือว่าเป็นหนึ่งในช่วงน่าติดตามมากของผ่าพิภพไททันเลยก็ว่าได้


    Renai Bouken  

    Renai Bouken  เป็นแนวคอเมดี้ฮาเร็ม ซึ่งเป็นเรื่องราวของกุริ กามเทพ (แต่แต่งตัวเหมือนยมทูต) ได้มาหาพระเอกชื่อเซย์จิ โดยเธอบอกว่าเธอนั้นถือครอง   Kiss Note โน๊ตที่สามารถทำให้คนสองคนที่จูบกลายเป็นคู่กันได้ เธอได้ทำให้เซย์จิ ต้องหาคู่ภายใน 24 ชั่วโมง จนมาลงเอยกับ อาคาเนะ สาวยันเดเระที่ชอบเขา อย่างไรก็ตามเรื่องยังไม่จบลงง่ายๆ เมื่อกุริเริ่มสนเซย์จิเติมชื่อเธอลงไปด้วยอีกคนในฐานะคู่แข่งความรัก ทำให้เรื่องเริ่มอลวนมากขึ้น

    มังงะ Renai Bouken แนวคอเมอดี้ เขียนโดย Mihoshi Megane (Momo to Botan to Yuri no Hana) ตีพิมพ์ในเว็บไซต์มังงะออนไลน์ Comic Meteor ลิขสิทธิ์ของบริษัท Shuppan Holp (Aplix) เริ่มเขียนตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปัจจุบัน ฉบับรวมเล่มวางจำหน่ายถึงเล่ม 10 เมื่อเดือนธันวาคม 2016 ยังไม่จบ

    เป็นการ์ตูนแนวคอเมดี้ฮาเร็มแท้ๆ ในซีซั่นนี้ครับ ฮาเร็มแท้ๆ ไม่มีอะไรเจือปน ไม่มีโรงเรียนแฟนตาซี ไม่มีอคชั่น ที่ทั้งสองเป็นส่วนประกอบอนิเมะฮาเร็มช่วงหลังๆ แต่เรื่องนี้ไม่มีสิ่งเหล่านี้ เป็นคอเมดี้ ที่ฉากหลังเป็นโรงเรียนธรรมดา แม้จะมีเรื่องเหนือธรรมชาติเป็นส่วนประกอบก็เถอะ

                    คือมันแนวฮาเร็มจริงๆ เพราะตัวการ์ตูนวางเนื้อเรื่องมุ่งไปฮาเร็มหมดแล้ว เพียงแต่ว่าเจ้าพระเอกจะจัดสาวในฮาเร็มกี่คน (ส่วนตัวผม ลุ้นให้น้องสาวเข้าฮาเร็มพระเอกให้ได้)

                    อย่างไรก็ตาม เป็นการ์ตูนแนวฮาเร็มที่ผมจัดว่าธรรมดานะ คือจะเป็นเรื่องที่ผมติดตามบ้างไม่ติดตามบ้าง หากเทียบกับ To Love Ru และฮาเร็มเทพ  ในแง่ความรู้สึก คือสูตรมันธรรมดา ลายเส้นที่ยังไม่โดนพอ ความซาบซ่ายังไม่ MAX   (คือเรื่องนี้มันมีคู่รักอื่นด้วย แม้จะเป็นพวกตัวประกอบก็เถอะ) ที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไร ไปจนถึงตัวละครผู้หญิงในฮาเร็มพระเอก คือมีคนอวยแค่สาวยันเดเระ ส่วนยัยเทวดา (สไตล์ยมทูต) นี้ผมว่าคาแร็คเตอร์ธรรมดาไปนิด (ขุ่นแม่ยังน่ารักกว่าเลย)  

    ส่วนเนื้อหาอนิเมะหนึ่งตอนเท่ากับสองตอนของมังงะ แต่โดยส่วนตัวแล้วเป็นอนิเมะดัดแปลงมังงะที่ เออ..... ทำออกมาพยายามทำตรงต้นฉบับ ย้ำว่าพยายาม คือมันมีอะไรหลายอย่างที่ติดขัดเหมือนกัน คืออารมณ์ของมุกที่เอามาจากมังงะ แล้วเอามาใช้ในอนิเมะ ก็เกิดความรู้สึกว่ามันไม่ใช่

    แต่ถึงอย่างนั้น ก็ถือว่าเป็นอนิเมะฮาเร็มแท้ๆ ที่นานๆ ครั้งก็จะออกมา แม้จะธรรมดาก็เถอะ

     

    Sin: Nanatsu no Taizai  

    Sin: Nanatsu no Taizai  เรื่องราวของราชินีปีศาจที่เคยเป็นอดีตเทวดาชั้นสูง แต่ถูกใส่ร้ายเลยตกสวรรค์ แล้วตกเป็นมนุษย์  จนกลายเป็นลูซิเฟอร์ ปีศาจแห่งอัตตา และต้องการเป็นผู้นำ ปีศาจแห่ง 7 บาป ที่ประกอบด้วย  ริษยา, โทสะ, เกียจคร้าน, โลภะ, ตะกละ และ ราคะ

    Sin: Nanatsu no Taizai เป็นโปรเจคของทาง Hobby Japan ที่ผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับตัวละครออกมา ออกแบบตัวละครโดย Niθ (Hyakka Ryouran, Demon Bane) เคยมีมังงะในช่วงเดือนสิงหาคม 2016 ตีพิมพ์ในนิตยสาร Comic Fire ของสำนักพิมพ์ HJ Bunko เคยมี OVA ในปี 2012 ผลิตโดย REMIC จำนวน 2 ตอน

               ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ซีซั่นหนึ่งก็จะมีอนิเมะขายเซอร์วิส ขาย เนื้อ นมไข่  สักเรื่อง โดยเรื่องนี้เนื้อเรื่องจัดว่าธรรมดา เป็นเส้นตรง อยากต่อสู้ก็ไม่เท่าไหร่นัก แต่มันไปหนักตรงที่ฉากเซอร์วิส ยูริกินกันเอง ขายเนื้อ นม ไข่ ตูด มุมกล้องลามก แต่อย่างไรก็ตาม เพราะเรื่องนี้ยังไม่เป็นบลูเรย์ ทำให้ฉากหวาดเสียว ไม่ว่าหัวนม ร่องตูด หว่างขาทั้งหลาย ต่างถูกบดบังด้วยวงแหวนเวทย์ กับแสงศีลธรรมอย่างขัดตา ขัดใจ ทำให้ขาหื่นทั้งหลาย (รวมทั้งผม) โครตเซ็งไปอย่างช่วยไม่ได้

                    แต่ถึงอย่างนั้นฉากเซอร์วิสทั้งหลาย ถือว่าน้อยนกว่าของ Queen's Blade  ด้วยซ้ำ  (ไม่รู้ว่าทีมงานเดียวกันหรือเปล่า แต่คงจะใช่) รายหลังนี้ นมยิงลำแสงได้ โครตล้ำ

                    แม้ว่าอนิเมะเรื่องนี้จัดว่าธรรมดา ยัดเยียดฉากเซอร์วิสด้วยซ้ำ แต่เนื่องด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับ 7 บาป ก็ทำให้น่าดูอีกนิด แม้ว่าคาแร็คเตอร์ บางตัวจะไม่โดนนัก (หนักใจตรงเจ๊แว่นนี้แหละ) แต่ถึงอย่างนั้นมันก็น่าดูอยู่ดี


    Clockwork Planet

    Clockwork Planet หรือชื่อไทย ฟันเฟืองหัวใจ กลไกเวลา (ลิขสิทธิ์รักพิมพ์) เป็นอนิเมะไซไฟ สร้างจากนิยาย ของอ  Kamiya Yuu และ Himana Tsubaki วาดภาพประกอบโดย Shino  โดยเนื้อหาเกี่ยวกับโลกหนึ่งที่เกือบทุกอย่างถูกสร้างด้วกลไกนาฬิกาจักรกล และถูกเรียกว่า คล็อกเวิร์ก แพลนเน็ตอยู่มาวันหนึ่งได้มีกล่องสีดำตกลงมายังบ้านของนักเรียนมัธยมปลายหางแถว มิอุระ นาโอโตะ ภายในกล่องนั้นคือสาวน้อยออโตมาตา และด้วยความอยากรู้อยากเห็นนาโอโตะก็ได้ปลุกเด็กสาวคนนี้ขึ้นมา โดยไม่รู้ว่าเรื่องวุ่นวายกำลังเกิดขึ้น

    ............ก็อยากที่รู้เนอะว่าอนิเมะที่สร้างจากนิยายหลักๆ จะดีได้หลักๆ มีสองสามอย่าง  คือ การเคารพต้นฉบับ (แม้จะดัดแปลงแต่ก็ขอให้สนุกน่าสนใจ ไม่ใช่ยัดเยียดแล้วห่วย) กับทำยังไงให้คนอ่านรับได้ กับทำยังไงที่คนไม่เคยอ่านนิยายมาดูอนิเมะแล้วอยากอ่านนิยายมากขึ้น

    ตรงสองข้อหลังนี้ ส่วนมากตีกันประจำ คือคนที่ไม่เคยอ่านนิยาย มาดูอนิเมะก็ไม่รู้เรื่อง พอสอบคนอ่านนิยาย ก็โดนตอกกลับมา ให้ไปอ่านนิยาย รายละเอียดอยู่ในนั้นหมด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ คือในเมื่อเราจะมานั่งอ่านนิยายเพื่ออะไร ในเมื่อเราไม่มีความรู้สึกอยากอ่านเลย

    อย่าง ยัยปากเป็ดซีซั่นก่อน  โอเค ผมดูไม่รู้เรื่องเลย (ในการเข้าใจศัพท์การทหาร การรบ สถานการณ์ของโลก) แต่สิ่งที่สนุกคือ ฉากการรบ การต่อสู้การเวหา เสียงประกอบเสียงปืน ปล่อยพลังนี้ได้อารมณ์มากๆ ทำให้ผมติดตามจนจบ ทำให้เกิดความรู้สึกอย่างอ่านนิยายไม่มากก็ไม่น้อย นี่แหละคืออนิเมะจากนิยายต้นฉบับที่ทำให้คนไม่เคยอ่านนิยายรู้สึกชอบมัน แม้จะตัดรายละเอียด ดัดแปลง จากต้นฉบับก็ตาม

                ส่วนหุ่นนาฬิกานั้น เป็นอย่างหลัง เพราะผมดูแล้วไม่อยากซื้อนิยายเลย

    ดูเหมือนอนิเมะนี้จะมีวัตถุประสงค์คนอ่านนิยายมาดูมากกว่า เพราะตัวอนิเมะไม่เล่าอะไรเลย ไม่เกริ่นอะไรเลยว่าโลกที่พระเอกอยู่มันเป็นโลกอะไร เครื่องจักรต่างๆ ถูกเรียกอะไร ถูกใช้อะไร ไม่บอกสักคำ มาถึงก็โยนสาระสำคัญของเรื่องทันทีทันใดโดยไม่บอกไม่กล่าว แหมคนไม่อ่านนิยายคงรู้เรื่องอยู่หรอก

    ผมไม่ได้อ่านนิยายก็จริง แต่ก็รู้เลยว่าอนิเมะตัดเนื้อหาไปเยอะ แบบว่ามาถึงก็ฉากพวกพระเอกต่อสู้กับพวกหุ่น ตัดมาก็พระเอก (ที่ไม่เกริ่นสักนิดว่าเขาเป็นใคร) จู่ๆ ก็มีผู้หญิงตกจากฟ้า พระเอกก็ซ่อมเธอ ทุกฉากขาดความละเมียดละไม ไม่ลงรายละเอียดอะไรนัก ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราว ไปจนถึงความรู้สึกของตัวละคร รวมไปถึงมีหลายอยากที่ดูลวกๆ ไม่ว่าฉากต่อสู้ การเคลื่อนไหวตัวละคร

    ส่วนคนอื่นๆ อาจบ่นเรื่องเสียงพากย์ ผมก็ไม่ขอวิจารณ์เรื่องนี้ละกัน เพราะส่วนตัวผมไม่ได้เรื่องมากเรื่องเสียงพากย์แต่อย่างใด (ยกเว้นไม่กี่กรณี)

    ปล. เพลงเปิด OP คุ้นๆ เหมือนเคยฟังที่ไหนสักแห่งก่อนหน้านั้น


    Warau Salesman New (The Laughing Salesman) 

    Warau Salesman (แปลไทย; พนักงานขายจอมหัวเราะ) เป็นการ์ตูนยุคเก่าเอามาทำใหม่ โดยต้นฉบับเป็นมังงะ ที่เป็นผลงานการเขียนของอาจารย์ มุโตโอะ อะบิโคะ ที่เป็นคู่หูกับ ฮิโรชิ ฟุจิโมโตะ ( 2 คนนี้ภายหลังหันมาเปลี่ยนชื่อนามปากกาว่า ฟุจิโกะ เอฟ. ฟุจิโอะ และ ฟุจิโกะ ฟุจิโอะ (เอ)  หรือ คนเขียน โดราเอม่อน นั้นเอง )

    เรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในรูปแบบมังงะวันช็อต ในชื่อ Kuroi Salesman ในนิตยสาร Big Comic เมื่อปี 1968 ก่อนที่ต่อมาจะได้มาตีพิมพ์เป็นเรื่องยาวลงในนิตยสาร Manga Sunday ระหว่างปี 1969-1971 มีฉบับรวมเล่มออกมาทั้งหมด 6 เล่มและเคยถูกนำไปดัดแปลงเป็นอนิเมะฉายทางทีวีในช่วงปี 1989 – 1992 ล่าสุดก็มีการเอามาทำใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ 2017

    โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของชายอ้วนที่ยิ้มปากกว้างชื่อโมงุโร่ ฟุคุโซว เป็นเซลล์แมนผู้ที่จะปรากฎตัวต่อหน้าคนที่กำลังประสบกับปัญหาในชีวิต และสัญญาว่าทำความปรารถนาของพวกเขาให้เป็นจริงได้ โดยให้สิ้นค้าที่สนองความต้องการของมนุษย์ ให้ฟรีๆ แต่ต้องแลกกับการต้องปฏิบัติตามคำเตือน หากไม่ทำตาม หรือทรยศ   โมกุโร่ก็ยังมอบบทลงโทษที่ร้ายแรงให้แก่ลูกค้าโดยไม่สนใจเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น

    ถือว่าเป็นการ์ตูนตำนานแบบดาร์กๆ ตลกร้าย โดยตอนหนึ่งย่อยออกเป็นสองตอน ตอนแรกเป็นเรื่องราวของพนักงานเงินเดือนสองคนที่ติดใจบาร์ที่เปิดตอนกลางวัน (บาร์ทั่วไปเปิดตอนกลางคืน) และจบแบบขำหน่อยๆ ส่วนตอนที่สองคือเรื่องของหญิงวัยทำงานหน้าตาจืดๆ ที่ชื่นชอบช็อปปิ้งของแพงๆ แต่ไม่ค่อยมีเงิน จนมากุโร่ให้บัตรเครดิตเทพซื้อของได้ทุกอย่าง แต่มีข้อแม้ว่าของที่ซื้อทั้งหมดนั้นจะต้องถูกคืนในตอนเช้า แน่นอนว่าเธอไม่พอจริงจึงแหกกฎ จนโมกุโร่ต้องลงโทษ

    คือ.....มันเป็นการ์ตูนแนวตลกร้าย เล่นจิตใจของมนุษย์ ตอนเป็นเด็กนี้เราดูคงไม่คิดอะไรมาก หากแต่เมื่อโตเป็นผุ้ใหญ่กลับพบอะไรมากกว่าที่คิด เราพบสภาพสังคมของญี่ปุ่น หรือจิตใจของมนุษย์ที่ไม่รู้จักพอ  โดเรมอนเองก็เคยเล่นประเด็นนี้ ที่โนบิตะมีของเล่นโดเรมอนต่างๆ เอามาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง แต่โนบิตะไม่เคยพอเลย แม้ว่าตอนสุดท้ายเรื่องจะจบลงด้วยบทเรียน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้โนบิตะเข็ดหราบแต่อย่างใด

    แต่ Warau Salesman นั้นไม่ได้ใจดีเหมือนโดเรมอน ที่อภัยนิสัยเสียของโนบิตะ เพราะตัวโมกุโร่มอบบทลงโทษที่โหดร้ายแก่มนุษย์ที่ไม่รู้จักพอเหล่านั้น

    ทางด้านลายเส้น แม้ตัวละครแอบใส่อารมณ์ของคนวาดโดเรมอน แต่เวทีของโลกกลับใช้ญี่ปุ่นปัจจุบัน และมุมกล้องต่างๆ ก็ใช้แบบอนิเมะปัจจุบันด้วย ทำให้มีความเก่าผสมกับความใหม่เข้าไป

    ถ้าถามว่าผมชอบไหม ส่วนตัวผมชอบนะในแง่การ์ตูนตลกร้ายเล่นจิตใจของมนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้นมุกต่างๆ ก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรนัก เพราะเราก็คงเดาๆ ตอนจบอยู่แล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น อีกทั้งมนุษย์ที่เป็นลูกค้าขอโมงุโร่ส่วนมากจะเป็นพวกวัยทำงาน พวกต้องเข้าสังคม มากกว่าจะเน้นวัยกำลังเรียน มัธยม ที่เป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหาเดียวกัน แต่เขียนปัจจุบัน (ปัจจุบันก็มีแนวคล้ายๆ กับโมกุโร่ที่เล่นกับจิตใจของมนุษย์หลายเรื่องเหมือนกัน ซึ่งก็ไม่เกินความสามารถของท่านครับ) ทำให้คนที่อชบโมเอะอาจเหี่ยวหัวใจได้


    Granblue Fantasy the Animation 

    Granblue Fantasy  เป็นอนิเมะเกมมือถือ Granblue Fantasy ออกมาในระบบ  iOS และ Android เดือนธันวาคม 2013 เพลงในเกมแต่งโดย Uematsu Nobuo ที่มีผลงานจากเกมซีรี่ย์ Final Fantasy และภาพอาร์ตโดย Minaba Hideo ที่ออกแบบอาร์ตให้กับเกม Final Fantasy VI และ Final Fantasy IX  ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง และเป็นหนึ่งเกม ที่หลายคนรู้จักว่าเป็นกาซ่านรก, เกลือ,เกมเหี้ย โปรเหี้ย, ไวฟุ เชื่อเถอะแม้จะมีคนมาด่ามาก แต่เราก็เล่น ก็กดกาซ่าหาไวฟุอยู่ดี..... ใครเลิกก็ดีไป ส่วนคนที่มิเลิก ยังอยู่ในวงวนเอารัดเอาเปรียบหมดเงินเป็นหมื่นแต่ไม่ได้ตัวที่ถูกใจ (เสียมากกว่าเกมดี แผ่นละพันอีก) ก็ตามใจท่าน  เพราะความสุขทางใจ และมันเป็นเงินของท่านเอง (ส่วนผมเล่น Hearthstone หมดเกินหมื่นแล้วละ แต่ก็ได้การ์ดเกือบครบชุด)

    สำหรับเนื้อเรื่อง โลกของแกรนบลูในโลกที่ผืนนภาเต็มไปด้วยเกาะลอยฟ้า เด็กหนุ่ม Gran และมังกรพูดได้ เวิร์น เขาอาศัยอยู่บ้านนอกแห่งหนึ่งแบบสงบสุข หากแต่วันหนึ่งจู่ๆ เขาก็ได้พบกับเด็กสาว ไลเรีย ที่หนีมาจากจักรวรรดิ์เอิรสเต้ เพื่อที่จะหนีจากจักรวรรดิ์ และนั่นทำให้พระเอกกับพรรคพวกได้เดินทางผจญภัยไปยังเกาะต่างๆ

                    เป็นอนิเมะเรื่องแรกๆ ที่เป็นแฟนตาซีจ๋า ที่ผมดู (ปกติดูแนวแฟนตาซีประชด ล้อเลียน ตลก ฮาเร็ม อะไรมากกว่าจะดูแบบจ๋าๆ ผจญภัย แบบนี้)  คือเอาเข้าจริงแกรนบลู ก็ยังเป็นเกมมือถือ ว่าเนื้อเรื่องก็ยังสูตรสำเร็จตามสูตรแฟนตาซีพึ่งมี เช่น พระเอกเป็นนักผจญภัยธรรมดา วันหนึ่งเจอเด็กสาวลึกลับโดนไล่ล่าจากทหาร เด็กสาวคนนี้มีพลังวิเศษ และตัวเอกก็มีพลังแฝงที่ยิ่งใหญ่ จากนั้นก็ออกเดินทาง พล็อตแบบนี้เห็นบ่อยๆ แถมปัจจุบันเกมมือถือแนวเดียวกันก็เอามาใช้ด้วย

                    สำหรับลายเส้น ก็ยังคงเป็นลายเส้นแบบเกมต้นฉบับ ภาพสวยงาม  ให้อารมณ์แฟนตาซีมาก ๆ ถือว่าเป็นอนิเมะที่ถูกใจแฟนแกรนบลูไม่น้อย ส่วนคนไม่เล่นเกมนี้ก็เข้าใจง่าย เพราะเนื้อหาไม่ได้ซับซ้อนแต่อย่างใเด

                    สำหรับคนที่ไม่รู้ หากใครดูอนิเมะเรื่องนี้เกิดรู้สึกเหมือนไฟนอลแฟนตาซี ไม่ว่าจะเป็นเรือเหาะ หรือมีเบฮีมอส ก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะทีมงานเดียวกับอดีตผู้สร้างไฟนอลแฟนตาซี และตัวโลลิมีมนต์อัญเชิญสัตว์อสูตรก็ไม่แปลกใจเช่นกัน เพราะทีมงานเดียวกับที่ทำภาค 6 นั่นเอง


    Sakura Quest

    Sakura Quest  เป็นอนิเมะแนวออริจินัล ผลิตโดยสตูดิโอ P.A.Works   เป็นเรื่องราวของตัวเอกของเรื่อง โคฮารุ โยชิโนะ สาวชาวที่มาทำงานในกรุงโตเกียว แต่ไม่ได้งานเลย เพราะเธอสัมภาษณ์งานไม่ผ่าน 30 ที่ติดต่อกัน  จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็ได้รับงานจากองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมือง มาโนยามะ ที่ตั้งใจฟื้นฟูเศรษฐกิจของหมู่บ้านที่ไม่ดีเด่นอะไรเลย  จึงจ้างหญิงสาวมารับตำแหน่งเป็น ราชินี” (ฑูตท่องเที่ยว) ในการพัฒนาเศรษฐกิจในหมู่บ้าน จึงรับโคฮารุเป็นราชินี ทั้งๆ ที่ตอนแรกเขาต้องการดาราหญิงคนหนึ่งมารับงาน แต่เนื่องด้วยเข้าใจผิด จึงเป็นโคฮารุแทน และโคฮารุก็ได้เป็นราชินี และงานของเธอก็ได้เริ่มต้นขึ้น

    อนิเมะ Sakura Quest เป็นผลงานใน ซีรีส์(คนวัย)ทำงานลำดับที่ 3 ในของทางบริษัท P.A.Works ต่อจาก Hanasaku Iroha (2011) และ Shirobako (2014) ที่เคยประสบความสำเร็จ เนื้อหาจะเกี่ยวกับการฟื้นฟูชนบทของญี่ปุ่น เขียนบทโดย Alexandre S. D. Celibidache

                    อนิเมะออริจินอลที่พยายามสร้างความประทับใจไม่แพ้ Hanasaku Iroha แต่โดยส่วนตัวผมไม่ได้ดูอนิเมะแนวนี้สักเท่าไหร่นัก (พวกแนวสาวๆ วัยทำงาน) จึงดูไปเรื่อยๆ (ค่อยไม่ติดตาม) จะว่าไปช่วงนี้อนิเมะส่งเสริมการท่องเที่ยว ต้องการนำเสนอชนบทน่าอยู่  เริ่มออกมาให้เห็นค่อนข้างมาก พวกเอามาสค็อต หรือโครงการต่างๆ จนหมีคุมะมงเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก ล่าสุดก็อนิเมะสั้นสาวไทยไปชนบทญี่ปุ่น (สาวไทยพูดญี่ปุ่นโครตคล่องเลย) สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับบ้านนอก ชนบทพอสมควร ไม่แหมือนประเทศทั่วๆ นี้ ชอบดูถูกบ้านนอกชิบ

                    ถ้าให้ดูแบบเป็นกลางๆ ก็เป็นอนิเมะที่ดี มีการพัฒนาตัวเอก จากเกลียดบ้านนอก ก็เริ่มเข้าใจบ้านนอก เพราะมีเพื่อนร่วมงานที่ดี การเต็มที่กับงานที่มอบหมาย เป็นแรงผลักให้เธออยู่ต่อ เพื่อทำอะไรบางอย่างให้บ้านนอกที่ไม่มีอะไรเลยเป็นที่น่าสนใจขึ้นมา แม้มันช่างยากเย็นเหลือเกิน แต่ก็ต้องทำ

    อย่างไรก็ตาม ในด้านคาแร็คเตอร์ โดยส่วนตัวผมว่า ตัวเอกไม่ได้แปลกใหม่มากนัก ยังคงเป็นคาแร็คเตอร์สูตรสำเร็จ ท่าเทียบกับ   ทวินเทล New   Game ก็นะ.............โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว  

    แม้ว่าตนตอนแรกเหมือนจะมีการดำเนินเรื่องที่ช้า น่าเบื่อ แต่พอเอาเข้าจริง กลายเป็นว่าเป็นอนิเมะที่ดูเรื่อยๆ ผสมกับตลกบ้าๆ หน่อยๆ มีความเนิ่บๆ หม่นๆ  ดูจนจบตอน

    ก็เป็นเรื่องที่ดีนะ แต่จะทำให้คนติดตาม หรือจะดังหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง (แถมประกาศแล้วว่าเรื่องนี้ยาวถึง 25 ตอน!)


    Tsugumomo

    จะเรียกว่ารีวิวก็ไม่ถูกนัก เพราะเรื่องนี้ผมดูข้ามๆ  จบในสามสี่วินาที!!

    สรุปคืออนิเมะแนวปราบปีศาจ ตลก เซอร์วิส ตรงกับต้นฉบับ (แค่ดูไม่กี่วินาทีก็รู้แล้ว)   ภาพใช้ได้ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ เวลา ก็เถอะ

    จบครับ

    อ้าว สั้นไปเหรอ เขียนยาวหน่อยก็ได้  แต่เป็นเรื่องที่ผมอยากบ่นเรื่องมังงะมากกว่า

    Tsugumomo (หรือ สึกิโมโมะ ผีสาวแบดุ ลิขสิทธิ์ของ Zenshu) ผลงานของอาจารย์ Hamada Yoshikazu ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Comic Seed! ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา เรื่องราวของ เด็กหนุ่มนาม คางามิ คาซึยะ ที่มีตลอดเวลาที่เค้าไปไหนต้องพกโอบิลายซากุระ ซึ่งเป็นของดูต่างหน้าแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว อยู่มาวันนึงเด็กสาวใส่ชุดกิโมโนลึกลับนาม คิริฮะได้ปรากฏตัวต่อหน้าคางามิและขออาศัยอยู่ด้วย และนี้เองที่นำพาพระเอกไปสู่โลกของการปราบภูติพรายตามรอยแม่และคิริฮะที่อดีตคู่หูของแม่ด้วย

    Tsugumomo  เป็นการ์ตูนแนวปราบปีศาจ ผสมฮาเร็มนิดหน่อย ถ้าให้พูดตรงๆ ก็โคตรสูตรสำเร็จเลยแหละ  แถมเป็นสูตรที่แนวฮาเร็มไปทำกันบ่อยด้วย ก็ประมาณว่าพระเอกเป็นคนธรรมดา  โดนพวกปีศาจทำร้าย นางเอกมาปกห้อง พระเอกรู้ว่ามีพลังแฝง เริ่มต่อสู้ปีศาจ ฝึกวิชา (ตรงฝึกวิชานี้โครตยืด)  จากคอเมดี้ กลายเป็นแอ็คชั่น เห็นไหมครับ นี้แหละสูตรสำเร็จที่เราเห็นโครตบ่อย

    ที่ผ่านมาก็มีการ์ตูนหลายเรื่องดำเนินเรื่องแบบนี้ ก็มีทั้งประสบความสำเร็จ และไม่ประสบความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับคนแต่งว่าจะยืดเรื่องเก่งขนาดไหน ใครที่ยืดเก่งนี้ ปาเรื่องปาไปมากกว่า 20 เล่มก็มี

    จะว่าไป แนวนี้แหละที่หลายคนมักมองฮาเร็มเกลื่อน น่าเบื่อ แต่คนก็ยังดูอยู่ดี เพราะส่วนหนึ่งมันมีแอ็คชั่นเป็นส่วนผสม แต่ถึงอย่างนั้นส่วนประกอบของฮาเร็มก็ถูกเอามาใส่ อย่าง พระเอกมีพวกสาวๆ ติดตรึม ไปจนถึงฉากเซอร์วิส สาวเปลือยต่างๆ

    Tsugumomo ก็คือการ์ตูนแนวนี้แหละ คือมันไม่มีอะไรแปลกใหม่อะไรเลย มันดำเนินเรื่องตามสูตร อย่างที่ว่าทั้งหมด ยืดเรื่องด้วยการเพิ่มตัวละครใหม่  พระเอกเริ่มฝึกฝนวิชา กลายเป็นนักปราบปีศาจ และมุกสุดคลาสสิกเพื่อนสมัยเด็ก ที่เป็นคนธรรมดา พอมีตัวละครใหม่ มีพลังความสามารถ เพื่อนสมัยเด็กที่เป็นคนธรรมดาก็กลายเป็นตัวประกอบไปในที่สุด

    มันแตกต่างจาก Sora No Otoshimono แบบสุดขั้วครับ รายนี้แม้จะมีแอ็คชั่น แต่มันไม่ใช่สิ่งสำคัญในเรื่อง จุดเด่นมันอยู่ที่ความสัมพันธ์ตัวละคร  ตัวละครก็น่าจดจำ ตัวละครใหม่โผล่มาในดูตลอด พระเอกแม้จะเป็นคนธรรมดา ไม่ฝึกวิชา แต่ก็เท่ได้ ที่สำคัญเพื่อนสมัยเด็กไม่ได้จืดจางด้วย แม้ว่าจะมีพลังต่อสู้ แต่เธอก็เป็นตัวสำคัญในเรื่องด้วย

    ก็ไม่รู้นะว่าอนิเมะ Tsugumomo  จะดำเนินเรื่องไปถึงไหน แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เรื่องนี้แตกต่างจากแนวอื่นๆ ตรงที่ชะตากรรมของตัวละครหนึ่งที่ทำให้คนอ่านเสียความรู้สึกพอดู (ไม่ขอบอกว่าเป็นใคร แต่บอกว่าเป็นตัวละครสำคัญในเรื่องมาก)

    ผมก็พอเดาได้แหละว่าอนิเมะคงไม่ถึงฉากที่ว่าแน่นอน และคงดำเนินเรื่องแบบซิวๆ ตามช่วงต้นของมังงะเรื่องนี้ (ช่วงหลังพระเอกฝึกวิชาจนแทบไม่มีอะไรน่าติดตามเลย หรือถ้าใครสนกก็ขอยินดีด้วยครับ) แต่เนื่องด้วยมันเป็นแนวสูตรสำเร็จ ตัวละครก็ไม่ได้มีเสน่ห์ เน้นฝึกวิชามากไป ผมก็บาย

    ปล. มังงะเรื่องนี้เวอร์วิสโหดมาก มีทั้งสองแง่สองง่าม กับตลกโป๊กฮ่า แต่ก็ลามกอยู่ดี


    Seikaisuru Kado

    Seikaisuru Kado เป็นเรื่องราวของชินโด โคจิโร่ ป็นนักเจรจาระหว่างประเทศ  เขาได้เดินทางโดยสารเครื่องบินที่ท่าอากาศยานฮาเนดะ แต่ได้พบสิ่งของ (ลูกบาศก์) ขนาดยักษ์าขวางรันเวย์ แล้วพาทั้งเขากับผู้โดยสาร 251 ชีวิตเข้าไปด้านในโดยไม่ได้รับอันตราย พวกเขาได้พบกับชายลึกลับคนหนึ่งชื่อยาฮะคุอิ ซาชูนินะที่เข้ามาติดต่อ เขาบอกว่าเขาคือมนุษย์ต่างดาว (ขอเรียกแบบนี้นะครับ) ต้องการติดต่อกับรัฐบาลเพื่ออะไรบางอย่าง ซึ่งชินโดได้รับหน้าที่เป็นคนเจรจาระหว่างมนุษย์ต่างดาวกับรัฐบาลญี่ปุ่น และนั่นเป็นงานที่โครตยากที่สุดของชินโด

    อนิเมะแนวออริจินัล ผลิตโดยสตูดิโอ Toei Animation

    Seikaisuru Kado ทั้งเรื่องผมไม่ได้ดูเนื้อหาหรอก ผมต้องมาจ้องว่าพระเอก (และตัวละครบางตัว)มันใช้ CG หรือเปล่า   พอดีตัวละครดูแข็งแบบแปลกๆ (ปกติผมไม่ค่อยชอบ GC มาใช้กับตัวละครนัก เพราะผมชอบลายเส้นที่คมมากกว่า แข็ง หลายคนอาจบอกว่าไม่ขัด สำหรับผมนี้เซนต์พวกนี้โครตไว)

    เป็นอนิเมะที่อินดี้ซีซั่นนี้อย่างแท้จริง เพราะมันเป็นแนวไซไฟ ผสมกับการเมือง เห็นไหมละ แค่คำว่าการเมือง หลายคนก็รู้ทันทีว่ามันไม่ใช่แนวฮิต ที่นิยมทำเป็นอนิเมะมากนัก แต่เรื่องนี้เป็แนวที่ว่าจริงๆ แถมเป็นแนวการเมืองต่างประเทศ ที่เปลี่ยนจากประเทศ มาเป็นมนุษย์ต่างดาวเท่านั้นเอง

    ก็ยอมรับว่า ตอนที่ 1 เปิดตัวได้อย่างอลังการ ตื่นเต้น อารฒณ์ประมาณหนังไซไฟ เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก แต่มนุษย์โลกก็ตื่นตกใจเพราะไม่รู้ว่ามนุษย์ต่างดาวมาแบบเป็นมิตร หรือศัตรู แบบว่าโผล่ออกมาด้วยวิยาการล้ำยุค ให้คนได้ตะลึงกันทั่วโลก อารมณ์แบบนี้เลย ก่อนที่จบตอนที่ 1 ด้วยอารมณ์ งง ทั้งบานด้วย

    เรียกได้ว่าตอนแรก อารมณ์แบบไซไฟ ลึกลับ เหนือธรรมชาติมากกว่า หลายคนคงเดาไม่ออกหรอกว่ามันเป็นแนวอะไร

    ส่วนตอนที่ 2  เริ่มต้นการปรากฏตัวของยาฮะคุอิ โดยมีคาโดมารับบทเป็นนักเจรจาให้ทางมนุษย์ต่างดาวกับรัฐบาลญี่ปุ่นมาประชุมกัน ตรงจุดรนี้เราจะเห็นฝั่งของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ความหวาดระแวง อันนี้...คือเก็ต้องเข้าใจมนษย์ มันไม่ได้เกี่ยวกับโง่หรือบ้าหรอก แต่เราก็มีศักดิ์ศรีของเรา แบบว่าจู่ๆ เอ็งมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วอยู่ๆ ก็เอาวิทยาการล้ำยุคมาโชว์ให้มนุษย์ว่า เขาเหนือกว่านะ ถ้า สงครามแน่ เป็นใครก็ไม่ยอมหรอกครับ ถึงเราจะด้อยกว่า เราก็ต้องสู้กลับ หรือไม่ก็ต้องต่อรองให้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย สยามสมัยก่อนก็เคยเป็นแบบนี้ เราไม่ยอมเสียเปรียบฝ่ายเดียวหรอก

                    เอาเข้าจริง สิ่งที่ยาฮะคุอิเจรจาญี่ปุ่นได้ประโยชน์เต็มๆ มีแต่ได้ กับได้  คือยาฮะคุอิให้ทุกอย่างแก่ญี่ปุ่น ไปจนถึงมนุษย์ชาติเลย รวมไปถึงวาม(Wam) พลังงานไฟฟ้าไม่มีขีดจำกัดที่มนุษย์ต่างดาวให้มนุษย์

                    หากเราเป็นมนุษย์ธรรมดา เราก็ต้องรับใช่เปล่า แต่เรื่องนี้มันไม่ง่ายแบบนี้ เพราะหากมนุษย์ได้สิ่งนี้ ผลตามมาคือความวุ่นวายตามมา ไม่ว่าทางตรง ทางอ้อม (ตกงาน เศรษฐกิจพัง ธุรกิจพลังงานล่ม )

    (ขอเล่าตอนอื่นๆ ด้วยนะครับ) และเมื่อการเจรจาจบ ก็มีปัญหาอีก คราวนี้เรื่องมันลุกลามไปยังทั่วโลก UN ก็มาเกี่ยวสิครับ คราวนี้ UN ยื่นแกมบังคับญี่ปุ่นให้ส่งมอบวาม(Wam) พลังงานไฟฟ้าไม่มีขีดจำกัดที่มนุษย์ต่างดาวให้มนุษย์ โดยอ้างว่ามันอันตรายสำหรับมนุษย์ หากไม่ทำจะคว่ำบาตรญี่ปุ่นเหมือนเกาหลีเหนือ เห็นไหมว่าพระเอกปวดหัวชิบ

                    และนั้นคือภาพรวมของอนิเมะเรื่องนี้นั่นเอง ก็น่าคิดว่าแท้จริงแล้วการที่มนุษย์ต่างดาวมายังโลก ก็เพื่อทดสอบมนุษย์ว่าพร้อมไหมกับสิ่งที่เขาให้ สิ่งที่เขาให้ทุกอย่างจะทำให้มนุษย์เลิกต่อยดีหรือไม่

    สิ่งที่น่าสนใจเรื่องนี้คือการใส่อะไรหลายอย่างให้สมจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมนุษย์ต่างดาวที่เวลาจะติดต่อมนุษย์โลกก็ไม่ได้เหมือนการ์ตูนที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ทันที  เริ่มจากเปลี่ยนรูปร่าง  มีการไล่เสียง การทดลองสื่อสารทุกโสตประสาท หรือรัฐบาลจะจัดการยังไงเวลาเจอวัตถุปริศนา ฯลฯ

    อนิเมะเรื่องนี้หลายคนชอบนะ เพราะนานแล้วที่เราไม่ได้เห็นการ์ตูนแนวนี้สักเท่าไหร่ แถมมีการจิกกัดเรื่องของมนุษย์ เรื่องของนานาประเทศ  แต่สำหรับผมแล้ว เรื่องการเมือง ต่างประเทศนี้ ผมชอบดูข่าวต่างประเทศนะ แต่ถ้าดูการ์ตูนแนวนี้ไม่ค่อยได้ดูสักเท่าไหร่

                    (ปล.เรื่องนี้รู้สึกอัตราการแปลซับจะช้าชอบกล อาจเพราะมีศัพท์ยากด้วยมั้ง)


    Busou Shoujo Machiavellianism

    Busou Shoujo Machiavellianism (Armed Girl’s Machiavellis) อนิเมะจากมังงะ แนวแอ็คชั่น เขียนโดย Kurokami Yuuya และวาดภาพประกอบโดย Kanzaki Karun ส่วนอนิเมะผลิตโดยสตูดิโอ Silver Link  

    Busou Shoujo Machiavellianism เรื่องราวของ โนมุระ ฟุโด ที่ได้ถูกย้ายมาเรียนในโรงเรียนที่เหล่าๆ พกอาวุธ และควบคุมกฎต่างๆ เหนือผู้ชาย แต่หลังจากย้ายมาไม่นานเขาก็ได้ตกเป็นเป้าของ โอนิกาวาระ   หนึ่งในสมาชิกผู้ปกครองดาบทั้ง 5 ที่คอยควบคุมโรงเรียนนี้อยู่ และเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระเขาต้องเอาชนะผู้ปกครองทั้ง 5 ให้จงได้

    น่าอิจฉาเนอะ ออกไม่กี่เล่มก็เป็นอนิเมะแล้ว  มังงะที่ผมตามอยู่หลายปี ไม่เห็นเป็นอนิเมะเลย

    ก็เป็นการ์ตูนแนวที่ผมไม่ดูสักเท่าไหร่ เกี่ยวกับโรงเรียนต่อสู้ แม้จะมีคำว่าฮาเร็มติดอยู่ก็ตาม เพราะมันเน้นแอ็คชั่นเยอะ ผมอยากได้ฮาเร็มแท้ๆ มากกว่า

    โดยส่วนตัวผมไม่ชอบพระเอกแนวนี้เลย คือหน้าตาออกไปทางเจ้าเล่ห์ มีฝีมือการต่อสู้ ผมมักหลีกเลี่ยงพระเอกประเภทนี้ในแนวฮาเร็ม เพราะแบบนี้มันก็ไม่แตกต่างอะไรกับพวกเรียลจูที่เก่งสิ

    ไม่รู้สิ ไม่ชอบขี้หน้าพระเอก

    เนื่อจากไม่ได้ติดตามมังงะ ก็ไปอ่านรีวิวจากที่อื่นมา บอกว่าตัวอนิเมะหนึ่งตอนเท่ากับหนึงตอนของมังงะพอดี ถือว่าแปลกมากที่สามารถทำได้ (แต่ตอนอื่นๆ ไม่แน่) ส่วนงานภาพก็พยายามออกมาใกล้เคียงมังงะทั้งมุมกล้อง ฉากต่างๆ  แต่ถึงอย่างนั้นจุดขายของเรื่องอย่างฉากแอ็คชั่นถือว่าธรรมดาไป (มันออกมาแข็งๆ มากกว่า)  และส่วนตัวการดำเนินเรื่องก็ไม่แตกต่างไปจากโรงเรียนต่อสู้ เพียงแต่เปลี่ยนแค่ศัตรูเป็นผู้หญิงเท่านั้นเอง (สมัยก่อนนักเลงคุมโรงเรียน มาสมัยนี้พวกผู้หญิงข่มผู้ชาย พวกผู้ชายโดนจับแต่งหญิง แต่ก็ตามมุก พระเอกก็ต้องมาถล่มคนคุมโรงเรียน บลาๆ) ก็มุกธรรมดาไป ฉากปักธงที่บางคนแถวนี้บอกว่าฟิน ผมว่ามันโครตธรรมดา ตามสูตร ไม่ได้แปลกใหม่ หรือเหนือกว่าแต่อย่างใด  ไม่อยากนับญาติเป็นฮาเร็มด้วยซ้ำ

    ปล. ยอมรับว่าน้องหน้ากากน่ารัก


    Sekai no Yami Zukan


    Sekai no Yami Zukan (แปลไทย; สมุดทมิฬโลกา) เป็นอนิเมะในรูปแบบสั้นๆ ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องราวแปลกประหลาดในโลกของเรารวมถึง ยูเอฟโอ สัตว์ประหลาด คำสาป อารยธรรมโบราณ อำนาจเหนือธรรมชาติ ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณกรญีต่างๆที่แปลกประหลาดและตำนานเมืองที่บอกใน รูปแบบการแสดงภาพ อนิเมะพยายามปลุกบรรยากาศย้อนยุคของเรื่องราวสยองขวัญที่เป็นที่นิยมในยุค 60 และ 70 ในนิตยสา

    หลังจากได้ดู หลังจากดูไปสองตอน ก็ขอตรงๆว่า น่าเบื่อ...... คือเข้าใจนะว่าต้องการบรรยากาศย้อนยุคของเรื่องราวสยองขวัญที่เป็นที่นิยมในยุค 60 และ 70  แต่ปัญหาคือการเล่าเรื่องมันไม่สนุกเลย คือมันเดาทางง่ายไป มันตายตัวไป มันธรรมดาไป มันน่าเบื่อไป อย่างตอนแรกมนุษย์ต่างดาวงี้   คือถ้าพูดถึงแนวสยองขวัญยุค 60 และ 70 มันน่าจะมีลูกบ้ามากกว่านี้ (สมัยก่อนผมดูสยองขวัญสมัยก่อนนี้ แหวะ สยอง น่ากลัวมากๆ หรือบางเรื่องก็แฝงเรื่องเศร้าๆ  แถมมีข้อคิดดีๆ ด้วย)  น่าจะหักมุมมากกว่านี้ แต่อนิเมะออกมาไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้เลย

    นอกจากนี้ ภาพกราฟฟิกของอนิเมะ แทบไม่การเคลื่อนไหวเลย แถมบางตอนภาพไม่สวย  เนื้อเรื่องแต่ละตอน ผมก็นึกว่าเอาเรื่องลึกลับของจริงมานำเสนอเสียอีก กลายเป็นแต่งขึ้นเองซะงั้น ผมว่าเรื่องลึกลับของจริงมันน่าสนใจกว่า แถมน่ากลัวกว่าด้วย



              สรุปอนิเมะซีซั่นนี้ ที่ติดตามสุดๆ ก็คือ Re:Creators (ก็จิ้นฮาเร็มเอา...) ส่วนดูเอาขำๆ ก็มีไททันซีซั่น2, 7 บาป และหุ่นโชว์กางเกงใน ส่วนที่เหลือผมไม่ดู

                ก่อนจะจบก็มีอะไรน่าสนใจสำหรับซีซั่นนี้นิดหนึ่ง  คือนอกจากอนิเมะญี่ปุ่นแล้ว กัยังมีอนิเมะจีนแผ่นดินใหญ่ ให้ได้เสพ ค้นหากัน เป็นต้นว่า Quan Zhi Gao Shou และ Ani ni Tsukeru Kusuri wa Nai!

               ที่น่าสนใจคือ Ani ni Tsukeru Kusuri wa Nai!  ไม่ได้จีนจ๋าขนาดนั้น แม้ว่าจะสร้างจากการ์ตูนจีน แต่ก็มีคนญี่ปุ่นเข้ามาช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเขียนบท กำกับเรื่อง และเขียนคริปท์ให้ และได้ฉายที่ญี่ปุ่น (โดยใช้เสียงพากย์ญี่ปุ่น) ส่วนตัว ผมว่าประเทศไทยควรเอาแบบอย่าง  ลองจ้างสตูดิโอญี่ปุ่นมาช่วยทำอนิเมะไทยดู อย่างน้อยเนื้อหาอนิเมะก็เอามาจากนิยายเว็บเด็กดี หรือไม่ก็จ้างคนเขียนบทมาสร้างออริจินอลก็ได้ และหากเราเข้มแข็ง หรือเกิดเป็นอาชีพใหม่ในประเทศไทย ก็ค่อยแยกวงมาทำเดี่ยวก็ได้ แต่น่าเสียดายที่ไทยเราเลือกทำด้วยตนเอง เขียนบทเอง ผลออกมาก็อย่างที่เห็น.......


     

    ก็จบเพียงเท่านี้สำหรับกับการรีวิว (หรือเปล่า) อนิเมะซีซั่นนี้  ขอให้ทุกคนสนุกในการรับชมอนิเมะนะครับ









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×