ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #439 : (รีวิวนิยายแบบแมวๆ) Dai Eiyuu ga Mushoku de Nani ga Warui ผู้กล้าบ่มิไก๊ในกริมการ์แดนมายา.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.44K
      15
      1 พ.ค. 60

    คุยกันก่อน

    หลังจากที่ผมเขียนบทความมาพักใหญ่นี้ ผมเริ่มรู้สึกถึงความน่ากลัวของบทความที่ผมเขียน เกี่ยวกับยอคนดูแต่ละตอน พบว่า ส่วนใหญ่พวกเขียนแนะนำการ์ตูน-นิยายยอดคนดูจะน้อย รีวิวอนิเมะซีซั่นจะเยอะหน่อย แต่เยอะสุดๆ จะเป็นพวกคิโม่ย สายมืด จัดอันดับ แสดงถึงความคาดหวังแปลกๆ สำหรับผมยังไงชอบ เพราบทความเหล่านี้มันจจะเป็นการอวยฮาเร็ม หากใครรู้จักผมนี้ ผมขึ้นชื่อเรื่องคิโม่ย หายใจเป็นฮาเร็มเลยแหละ บางคนเคยยกผมเป็นหัวข้อนินทาในเว็บโม่ง (?) มาแล้ว นะเออ (ฮ่า) อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ได้สนยอดคนดูนะ แต่ผมพยายามเขียนคละเคล้ามากกว่า ประมาณว่า แนะนำการ์ตูน ต่อด้วยบทความ ต่อด้วยจัดอันดับการ์ตูน เสริมเรื่องสายมืดนิดหน่อย ไม่ว่ากัน

     

    เข้าเรื่อง......เมื่อหลายวันก่อน มีคนออกมาบ่น (น่าจะ) เกี่ยวกับการสปอยชะตาชีวิตตัวละครหนึ่งในกริมการ์แดนมายา Hai to Gensou no Grimgar  เป็นนิยาย ไม่แน่ใจว่านิยายเน็ตหรือเปล่า แต่งโดย   Ao Jumonjiภาพประกอบโดย Eiri Shirai เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนที่มาจากโลกปัจจุบัน หากแต่ได้หลงมายังโลกแฟนตาซี ที่ชื่อกริมการ์ โดยที่ความทรงจำก่อนหน้านั้นหายไปหมดสิ้น (จำได้แค่ ชื่ออะไร ชอบอะไรเท่านั้น) และเมื่อมาถึงพวกเขาถูกมอบหมายให้เป็นทหารอาสา (นักผจญภัย) สู้กับมอนสเอตร์ เก็บประสบการณ์ อัฟเกราะ อัฟเรียนเวทย์ ฟังเหมือนเป็นโลกใฝ่ฝันที่หลายคนอยากไป หากแต่ความจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายเลย มันเต็มไปด้วยความโหดร้าย และเจ็บจริง ตายจริง

       กริมการ์เป็นนิยายแนวต่างโลกที่แตกต่างจากนิยายต่างโลกทั่วไป ปกติแนวต่างโลก พระเอกจะมีสกิลโกง โครตฮาเร็ม เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องที่จะขับเคลื่อนโลกแฟนตาซีให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (ส่วนมากจากร้ายเป็นดี) บางเรื่องก็ชิวๆ  ไม่ค่อยมีดราม่า  แต่เรื่องกริมการ์จะแตกต่างกันออกไป เพราะเล่นเรื่องกลุ่มพระเอกที่ไม่มีสกิลโกง ต่อสู้แทบลากเลือด แค่ก็อบลินก็แทบแย่ ใช้ชีวิตยากลำบาก และที่สำคัญตัวละครสำคัญตายเป็นว่าเล่น จนเป็นนิยายต่างโลกดราม่าก็ว่าได้ แต่ในขณะเดียวกันมันก็สอนเราว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าง่าย  จะทำอะไรก็ต้องมุ่งมั่น ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันจนถึงที่สุด

    แต่เพราะตัวละครตายๆ นี้แหละทำให้หลายคนออกมาระบายอารมณ์ (เศร้า) เยียวยาจิตใจกันมาก หากรู้ข่าวว่าตัวละครที่ตนชอบ อวย เอาใจช่วย ตาย มันรับไม่ได้

    ส่วนตัวผมแล้ว ผมไม่ได้ดูกริมการ์ ไม่รู้สิว่าทำไม เพราะไม่ฮาเร็มมั้ง ไม่ได้สนใจในความเรียล (สมจริง) มันหรอก ปกติแล้วผมจะอ่านนิยายที่เป็นแนวฮาเร็ม และมันต้องจบฮาเร็มด้วย หารู้ว่าไม่ฮาเร็ม ไม่จบฮาเร็ม ผมแทบไม่อ่านเลย  (ขี้เกียจอ่าน ทำไมฉันต้องอ่านนิยายที่รู้ว่ามันไม่จบฮาเร็มด้วย)

    อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีการประกาศลิขสิทธิ์ไทย Dai Eiyuu ga Mushoku de Nani ga Warui ผู้กล้าบ่มิไก๊ในกริมการ์แดนมายา. และวางแผงในแผงหนังสือประเทศไทย ซึ่งหลายคนยังไม่รู้จักนิยายเรื่องนี้ รู้แต่ว่ามันเป็นเรื่องราวของกลุ่มตัวเอกอีกหลุ่มหนึ่ง ในโลกกริมการ์เหมือนกัน (และน่าจะเป็นกลุ่มมาทีหลังด้วย) ดังนั้นในบทความนี้ผมก็จะหยิบนิยายเรื่องนี้มาพูดถึงกัน ว่ามันแตกต่างจากกริมการ์ภาคหลักยังไง (แม้ผมจะไม่ได้อ่านกริมการ์ภาคหลักแบบเศษเสี้ยวก็ตาม)

     

    Dai Eiyuu ga Mushoku de Nani ga Warui ผู้กล้าบ่มิไก๊ในกริมการ์แดนมายา

     

    Dai Eiyuu ga Mushoku de Nani ga Warui  (ชื่ออังกฤษ The Disemployement Brave!) หรือชื่อไทยว่า ผู้กล้าบ่มิไก๊ในกริมการ์แดนมายา. เป็นผลงาน แต่งโดย Ao Jumonji ภาพประกอบโดย Sawaru Erect ปัจจุบันออกสามเล่ม 2014-2015 (ดองจนบัดนี้)

      สปอยตั้งแต่ต้นจนจบเล่ม 1  เรื่องย่อ : ผู้กล้าบ่มิไก๊ในกริมการ์แดนมายา เป็นเรื่องราวของอีกด้านหนึ่งของกลุ่มผู้กล้า (?) กลุ่มหนึ่ง (ที่เชื่อว่ามาที่หลังกลุ่มพระเอกภาคหลัก) กลุ่มผู้กล้านี้แปลก กล่าวคือมีเพียง 3 คน (เพราะทุกทีจะหลงที 5-10 คน)

    กลุ่มผู้กล้ากลุ่มนี้ประกอบด้วยพระเอกคิซารากิสาวหางม้าอิจิกะและสาวร่าเริงผู้มองโลกในแง่ดีโมโมฮินะ แม้จะแตกต่างกันในแง่ปริมาณ แต่ทั้งสามคนเริ่มต้นเหมือนกลุ่มพวกตัวเอกในภาคหลัก คือจู่ๆ พวกเขาได้หลงมายังต่างโลก โดยที่ความทรงจำไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร มาจากไหน จำได้เพียงชื่อ และสิ่งที่ชอบ ไม่ชอบเท่านั้น

                   จากนั้นพวกเขาก็ถูกยัดเยียดว่าให้เป็นอาสาสมัครป้องกันดินแดน โดยสู้กับมอนสเตอร์โดยรอบ เอาเงิน ทำเควส เพื่อแลกกับเงิน แล้วเอาเงินไปพัฒนาฝีมือให้เก่งขึ้นต่อไป โดยทั้งสามได้รับเงิน เสื้อผ้าจำนวนเล็กน้อย และต้องเลือกว่าตนเองจะเป็นอาชีพ (คลาสไหน) แล้วเรียนพื้นฐาน ต่อสู้กับก็อบลิน เหมือนกับพวกตัวเอกในภาคหลัก

                    อย่างไรก็ตาม เจ้าพระเอกคิซารากินั้น ไม่ได้มีนิสัยเหมือนพระเอกกริมการ์ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างอินดี้ ไม่เหมือนคนอื่น ออกไปทางคนขวางโลก   หลังจากที่เขาโดนนักผจญภัยที่มีประสบการณ์มากกว่าดูถูกว่า คิซารากินั้นมันเป็นแค่อาสามัคร เป็นเบี้ยใช้แล้วทิ้ง กาก เดี๋ยวก็ตาย ทำให้พระเอกไม่พอใจ และตั้งเป้าหมายว่าเขาจะต้องเป็นผู้กล้า เป็นวีรชนที่ใครๆ ต้องยกย่องให้ได้

                    แม้พระเอกจะตั้งเป้าโครตยิ่งใหญ่ แต่พระเอกไม่เลือกอาชีพ คลาสใดๆ เลย เพราะเห็นว่ามันแพงเกินไป เขาไม่อยากจะเดินตามคนอื่น และวันที่ทั้งสามต้องรวมตัวกันเพื่อไปล่ามอนสเตอร์เพื่อเก็บเงิน เก็บค่าประสบการณ์นั้น พระเอกกลับไม่ต้องการล่าก็อบลิน สิ่งมีชีวิตแรกที่พวกเขาต้องเจอ แต่กลับไปล่าออร์คที่ยากกว่าก็อบลินหลายเท่า

                    แน่นอนว่านักผจญภัยมือใหม่ไม่มีทางสู้ออร์คได้เลย ทำให้ทั้งสามต้องหนีกลุ่มออร์คแบบช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางที่ทั้งสามหนี พวกเขาได้พบนักผจญภัยคนหนึ่งกำลังสิ้นใจ แต่ก่อนที่นักผจญภัยคนนั้นจะสิ้นใจ เขาก็มอบดาบโกงให้ ดาบที่ว่าอารมณ์ประมาณแทงทีเดียวเลือดลดเกือบหมดหลอด พูดง่ายๆ คืออาวุธสุดโกง และพระเอกก็ใช้ดาบนี้ฆ่าออร์คสองตัวที่ไล่ตามพวกเขาได้อย่างหวุดหวิด

                    หลังจากฆ่าออร์คสองตัวตาย พวกเขาก็ได้เงินจำนวนมากมายมหาศาล ชนิดว่าอยู่กินได้หลายปี แต่พระเอกใช้เงินนี้ ส่งสองสาวไปเรียนเวทย์ชั้นสูง ส่วนตัวเองก็เตรียมตัวเดินทางไกลออกไป ไปยังพื้นที่มอนสเตอร์โหดๆ ไม่เก็บเลเวลชายแดนอีกต่อไป

                    เมื่อสองสาวเรียนเวทย์ชั้นสูงเสร็จ หลายวันต่อมาพระเอกก็พาสองสามไปผจญภัยมอนสเตอร์โหดๆ ต่อ ที่นั้นพวกเขาสู้เหล่าสัตว์ที่หวโหยจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และได้เดินทางเข้าป่าของเอลฟ์ แล้วได้เจอเอลฟ์สาวที่กำลังจะอดอาหารตายกลางป่า จึงได้ช่วยเอลฟ์สาวจนรอดชีวิตมาได้

                    เอลฟ์สาวแนะนำตัวเอกชื่อ “มิริริว”  เธอเป็นเอลฟ์ที่ค่อนข้างแปลก คือเอลฟ์ทั่วไปนั้นรูปราวเพรียวลม แต่ กลับเป็นเอลฟ์ที่มีไขมัน (ตรงหน้าอกมาก) แถมตัวยังสูงกว่าคนอื่น เพราะว่าเป็นเอลฟ์ที่เป็นทาสของช็อกโกแลต และกินมากเกินไป จนมีรูปร่างไม่เหมือนคนอื่น แม้คนภายนอกจะมองว่าเธอมีเสน่ห์ แต่สำหรับพวกเอลฟ์กลับมาว่าเป็นเอลฟ์นอกคอก สร้างความอับอายให้แพ่พ่อแม่

                    นอกจากนี้ มิริริวยังเป็นเอลฟ์ที่ถูกวางตัวเป็นผู้นำของตระกูล หากแต่เพราะตกเป็นทาสของช็อกโกแลต ทำให้รูปร่างไม่มีใครอยากยอมรับมากนัก แม้ว่ามิริริวพยายามลดความอ้วน แต่ก็ยอมแพ้ เลยพยายามฆ่าตัวตายด้วยการอดอาหารตายกลางป่า (หรือล่าพวกสัตว์มารุมกิน) แต่ก็ได้พวกพระเอกมาช่วยชีวิตไว้เสียก่อน (แอบฮ่า)

                    อย่างไรก็ตาม ความอินดี้ของเจ้าพระเอกก็ทำให้เรื่องเกิดจนได้  เมื่อพระเอกไปพูดจาหยาบคายใส่ผู้นำของเผ่าเอลฟ์ เลยโดนจับขัง แต่ได้ช่วยเหลือโดยมิริริว โดยแลกกับการที่เธอต้องไปปราบคิไมร่า สัตว์ประหลาดที่อันตรายที่สุดในกริมการ์ และคุกคามเผ่าเอลฟ์มายาวนาน (ไม่รู้ว่าภาคหลักกริมการ์ มีคิไมร่าหรือเปล่า ถ้ามีแสดงว่า มันเป็นสัตว์ประหลาดที่พวกตัวเอกเจอแล้วตายลูกเดียว สู้ไม่ได้เลยแน่ๆ )

                    ความจริงการปราบคิไมร่านั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย จุดประสงค์ที่มิริริวต้องปราบคิไมร่า ก็คือต้องการให้ตนเองตาย และเมื่อตายลงก็จะมีคนสืบทอดตระกูลต่อไป แทนคนที่ไม่เอาไหนอย่างเธอ

                    แน่นอนว่าพระเอกมีหรือจะยอมให้มิริริวผจญอันตรายเพียงลำพัง เขากับเพื่อนๆ อาสาจะช่วยสาวเอลฟ์นมโตปราบคิไมร่า  แม้การต่อสู้นี้จะเป็นไปไม่ได้เลย แต่สุดท้ายทั้งหมดก็ได้ร่วมมือปราบคิไมร่าได้อย่างทุลักทุเล โดยไม่มีใครตายเลยสักคน (แม้พระเอกกับอิจิกะจะบาดเจ็บสาหัส เกือบตาย แต่ได้เวทย์ฟื้นพลังชั้นสูงของอิจิกะช่วยเอาไว้ เลยรอดมาได้)    และนั้นทำให้ชื่อของพระเอกเริ่มเป็นที่โด่งดังของหมู่เอลฟ์ แต่ทั้งหมดนั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นตำนานของผู้กล้าบ่มิไก๊ในแดนกริมการ์เท่านั่น .... จบเล่ม 1

     

     

     

                    ผู้กล้าบ่มิไก๊ในกริมการ์ เป็นนิยายที่อยู่เวทีโลกเดียวกับภาคหลัก แต่ไม่ได้เป็นภาคเสริม หรือจุดเชื่อมโยง แต่อย่างใด แม้จะมีตัวละครตัวประกอบจากกริมการ์ภาคหลักปรากฏอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไร ดังนั้นใครที่ไม่ได้อ่านนิยายภาคหลักมาอ่านเรื่องนี้ก็สามารถเข้าใจเนื้อเรื่องได้ เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ ที่ใช้เวทีกริมการ์เท่านั้น

                    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไม่จะไม่ใช่นิยายเชื่อมโยง แต่ถึงอย่างนั้นนิยายก็มีคอนเซ็มป์ว่า “จะเกิดอะไรขึ้นหากกริมการ์ไม่ได้ปวดตับเหมือนภาคหลัก และจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพระเอกกลายเป็นผู้กล้า และมีอะไรช่วยเหลือให้เก่งขึ้น” ผลอออกมาก็เป็นอย่างที่เราได้เห็น

                    ในบอร์ดวิจารณ์นิยายบอร์ดหนึ่ง ให้คะแนนนิยายเรื่องนี้เพียงแค่ 2/5 โดยบอกว่าเป็นนิยายตลาด และบอกเรื่องพระเอกนิสัยเข้าข้างตนเอง แต่สำหรับผมแล้ว  พระเอกมันมีอะไรให้พูดถึงเยอะมากกว่านั้น (เพราะส่วนตัวผมคิดว่าพระเอกไม่ได้เข้าข้างตนเอง แต่เป็นพวกขวางโลก)   ในฐานะเป็นนิยายเรื่องแรกๆ ทีผมได้อ่านและพบว่าพระเอกเรื่องนี้มีนิสัยขวางโลก ยอมรับเลยว่ามันเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ผมเจอพระเอกนิสัยแบบนี้ ปกติแนวฮาเร็ม ผมก็เจอพระเอกนิสัยดีและไม่ได้เป็นผู้นำมากนัก (ซึ่งผมชอบพระเอกประเภทหลังมากกว่า)

                    สำหรับนิยายเรื่องนี้ จุดสนใจสำหรับผมไม่ได้อยู่ที่เนื้อเรื่องแต่อย่างใด แต่อยู่ที่ตัวเอกเรื่องนี้ และรู้หรือไทม่ว่านิสัยตัวเอกในนิยายเรื่องนี้ ถือว่าเป็นพระเอก “นีท” ของแท้ บริสุทธิ์เลยก็ว่าได้ และเป็นนีทประเภทขวางโลกด้วย  (คนอื่นไม่รู้นะ ใครที่อ่านนิยายไลท์โนเวลอาจเจอะพระเอกประเภทนี้เยอะ แต่สำหรับผมแล้ว ถือว่าเป็นครั้งแรกจริงๆ)

                    หากพูดถึงนีท หลายคนคงคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่นีทจะไปต่างโลก ทั้งๆ ที่จริงแล้ว หากใครที่อ่านนิยายแนวหลงต่างโลก จะพบว่านอกจากนีทแล้ว ก็ยังมีพระเอกที่เป็นปกติธรรมดาที่ตายแล้วไปเกิดใหม่ต่างโลก บางคนก็แค่เด็กอ่อนแอ บางคนก็เล่นเกมออนไลน์แล้วโผล่มาต่างโลก คนทำงาน (มนุษย์เงินเดือน) โดนผลักตกรางรถไฟ จนรถไฟพุ่งชนเกดเป็นเด็กสาวต่างโลก เป็นต้น

                    แต่นีทแท้ๆ ที่ไปต่างโลกนั้นเราไม่ได้เห็นมากนัก ส่วนมากจะเป็นพวกนีทกลับใจ (อย่างพระเอกรูดี้ อ้วนนีทเกิดใหม่เป็นจอมเวทย์) ส่วนเจ้าคาซุมะ (พระเอกยัยเทพธิดาไม่ได้เรื่อง)ก็เป็นคนธรรมดาที่กลายเป็นนีทเพราะเพื่อนสมัยเด็กมีชายคนใหม่ (เป็นผมก็เศร้า) จะมีตรงหน่อยก็พระเอก Re Zero ที่แสดงความเป็นนีทจนคนทั่วบ้านทั่วเมืองเกลียด (แต่ก็ติดตามดูอยู่ดี)

                    นีทแท้ๆ หมายความว่ายังไง หมายถึงนีทแบบเกรียนๆ หน่อย  อย่างที่รู้ว่านีทรนั้นเป็นพวกไม่ทำงานทำการอะไรเลย เกาะพ่อแม่กินอย่างเดียว ไม่ค่อยออกไปข้างนอก เป็นโอตาคุ  แต่หลักๆ แล้วนีทจะเป็นพวกขวางโลก เกลียดสังคมที่ตนอยู่ หรือยอมแพ้สังคมที่มีการแข่งขัน เลยเก็บตัวไม่ออกไปไหนเลย  เอาง่ายๆ หากนีทมีความคิดที่ขวางโลก นี้แหละนีทของแท้ นิยายไหนที่ตัวเอกเป็นนีท ไม่มีนิสัยแบบนี้ไม่เกรียน

    ปกตินีทแบบเกรียนที่เราเห็นในการ์ตูน จะเป็นประเภทที่ค่อนข้างฉลาด บางคนเป็นแฮ็คเกอร์เลยก็มี  แต่ถึงอย่างนั้นแบบโง่ๆ นี้หายากเหมือนกัน เพราะอย่างที่รู้ว่าเราหากตัวเอกมีความนีทมากเกินไป คนจะไม่ค่อยชอบมากนัก อย่างคาซุมะเองแม้จะเป็นนีท แต่ถึงอย่างนั้นการแสดงออก ทัศนคติอะไรหลายอย่างก็เหมือนคนปกติธรรมดา ที่เป็นประเภทงานไหนเสี่ยงเราก็ไม่ทำ , ในเมื่อเราสบายแล้วจะทนความลำบากทำไม ซึ่งเป็นปกติสำหรับหลายคนอยู่แล้ว

    แล้วเจ้าพระเอกในผู้กล้าบ่มิไก๊ละ

    แม้ในเรื่องจะไม่ได้บอกที่มาที่ไปคิซารากิเ แถมยังสูญเสียความทรงอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นการกระทำของเจ้าพระเอกบ่อบกได้เป็นอย่างดีว่ามันมีความเป็นนีทค่อนข้างสูง และหลักฐานอย่างดีว่าพระเอกเป็นนีทก็คือเสื้อผ้าที่เขียนคำว่า “นีท” อย่างโจ่งแจ้ง แน่นอนว่าคนปกติธรรมดาคงไม่ใส่เสื้อแบบนี้โชว์ให้คนอื่นแน่นอน คนที่ใส่น่าจะเป็นนีท และมีความภูมิใจในความเป็นนีทแน่นอน

    แถมเป็นนีทที่ค่อนข้างขวางโลกด้วย

     


     

                    ปกติแล้วความคิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของแต่ละคน รวมไปถึงลักษณะของนิสัย การศึกษา การสั่งสอน การมองโลก แต่ถึงอย่างนั้นก็มีจุดหนึ่งที่มนุษย์ยอมรับกติกา เพื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน รวมไปถึงการเดินตามเส้นทางที่คนกำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็น การทำงาน การศึกษา รวมไปถึงการทำตามกฎหมาย

                    อย่างไรก็ตาม มันก็มีคนประเภทหนึ่งที่ มีความคิดที่แตกต่างกันอยู่ดี  ทำอะไรหลายอย่างที่หลายคนอาจไม่เข้าใจ หากแต่ถ้าเป็นด้านบวกก็ยังพอรับได้ถือว่าสร้างสรรค์ แต่ถ้าเป็นด้านลบจะถูกเรียกว่า “คนขวางโลก”

    คนขวางโลกนั้นอาจหมายถึงการต่อต้านสังคม แต่ความหมายหลักๆ แล้ว มันหมายถึง แปลกไปจากคนอื่น ผิดจากปรกติวิสัย เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ถูกเสริมว่า มันเป็น ด้านลบว่า  เป็นคนที่ไม่ยอมรับความคิดเห็นคนอื่น ชอบเถียง ชอบเอาชนะ ราวกับมีปมอะไรสักอย่างอยู่ในใจ

                    หากเราได้อ่านนิยายผู้กล้าบ่มิไก๊ เราจะพบว่าเจ้าพระเอกนี้มันเป็นพวกขวางโลกแท้ๆ เริ่มจากสิ่งที่ผมไม่มีความประทับใจในตัวพระเอกเลย คือพระเอกเรียกผู้หญิงครั้งแรก ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน ว่า “แก”

                    คำว่า “แก” นี้ค่อนข้างหยาบคายพอสมควร ผมไม่รู้ว่าต้นฉบับญี่ปุ่นพระเอกเรียกผู้หญิงว่าอะไร เรียก “พวกเธอ”, “เธอ” ไม่ได้เหรอ ถึงใช้คำว่า “แก” ผมก็ไม่ทราบคนแปลเหมือนกัน

                    อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแค่รู้สึกตงิดที่พระเอกเรียกผู้หญิงว่า “แก” เท่านั้น ตอนแรกๆ พระเอกจังเรียกผู้หญิงสองคนว่า “ยัยก็อยู่นะ” และ “ยัยอยู่จ้า” แสดงให้เห็นว่าพระเอกมองผู้หญิงในลักษณะเชิงดูถูก ดูถูกอิจิกะขี้ขลาด รวมไปถึงโมโมฮินะ ทั้งๆ ที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันกับเขา และเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายตั้งแต่ต้นจนจบ นอกจากนี้ยังดูถูกเอลฟ์โง่  ขี้ข้า แถมเป็นประเภทตรงไปตรงมา ถ้าไม่ชอบใคร ก็จะพูดออกมาตรงๆ จนเกิดปัญหามากมายตามมาอีกต่างหาก

                    คำถามคือพระเอกมีทัศนคติด้านลบกับผู้หญิงหรือเปล่า ผมว่าไม่ เพราะหากพระเอกมีทัศนคติด้านลบผู้หญิง พระเอกจะคิดลบผู้หญิงแรงกว่านี้ (ในเรื่องเพศ) แต่พระเอกยังสามารถร่วมงานกับพวกเขาตลอดรอดฝั่ง ทำให้เชื่อว่าพระเอกเป็นพวกเกรียนที่มีความคิดว่าชายหญิงเท่าเทียมกัน (คือใช้ประโยชน์ได้ ผู้หญิงต้องทำทุกอย่างเท่าผู้ชาย)  และน่าจะเป็นประเภทไม่ชอบความยุ่งยาก พอสองสาวไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ ตัวเองก็รับทันที และตัดสินใจอย่างฉับพลัน โดยไม่สนความเป็นไปได้    อย่าง เลือกคลาสให้อิจิกะ กับโมโมฮินะให้โดยไม่สนความถนัด (เพราะแทบไม่รู้จักกันไม่กี่ชั่วโมง) หรือความสมัครใจของพวกเธอ แต่ผลลัพท์ออกมาดีซะงั้น อิจิกะกลายเป็นคลาสนักบวชที่ไปรอดกว่ากลุ่มพระเอกภาคหลักด้วยซ้ำ ส่วนโมโมฮินะน่าจะเข้าคลาสสายต่อสู้เพราะเก่งเรื่องต่อสู้ระยะประชิด แต่พระเอกกลับเลือกให้เธออยู่คลาสจอมเวทย์ซะงั้น กลายเป็นนักสู้จอมเวทย์ไปเฉย แถมยังเก่งอีกต่างหาก

     

     

    หากเป็นกริมการ์ภาคหลัก พระเอกคงเลือกคลาส ฝึกฝน ไปสู้ก็อบลินตามเส้นทางที่ถูกวางเอาไว้ เพราะว่ามันง่ายสุด เสี่ยงน้อยที่สุด หากแต่หลังจากที่เจ้าพระเอกโดนคนที่ยศมากกว่าดูถูกว่าเป็นหมากใช้แล้วทิ้ง กระจอก พระเอกก็ของขึ้น ตั้งเป้าว่าเขาจะเป็นวีรชนบนโลกใบนี้ให้ได้ และเพื่อสำเร็จเป้าหมายเร็วๆ พระเอกจึงใช้ทางลัดที่ตรงกันข้ามหมด คือไปปราบออร์คเลเวลสูงเลย และนั้นทำให้พวกพระเอกที่เป็นมือใหม่ตกอันตราย เกือบตายยกก๊วน จบไม่กี่หน้า

    เราจะเห็นว่าเจ้าพระเอกนี้เป็นพวกขวางโลก ไม่ยอมทำตามเส้นบรรทัดคำแนะนำของพวกผุ้ใหญ่เลย แถมยังเป็นพวกคิดง่ายๆ เอาความมั่นใจมาจากไหนไม่รู้ คือตอนไปเลือกเควส พระเอกก็ไม่เอา เพราะค่าสมัครแพงไป ทำให้พระเอกไม่มีคลาสใดๆ เลยจนถึงวันออกผจญภัยครั้งแรก แถมยังคิดง่ายๆ คือ เอาสองสาวเป็นตัวล่อ ส่วนตัวเอกก็ดักแทงออร์คให้ตาย จะได้เลเวลเยอะ

    เพราะทำอะไรตรงกันข้าม คิดเข้าข้างตนเอง คิดอะไรง่ายๆ จนประมาณไปหมด   ผลคือทำให้พระเอกกับเพื่อนตกอยู่ในอันตราย พวกออร์คไม่ใช่ประเภทที่จัดการได้ง่ายเลย แม้พบว่าสู้ไม่ได้ พระเอกก็หนีไปก่อนเพื่อน ทิ้งสองสาวอีกต่างหาก  ถ้าคิซารากิไม่ได้เป็นพระเอก เป็นเพียงแต่ประกอบ ก็คงตายแน่นอนแล้ว แต่นิยายเรื่องนี้ไม่ยอมให้ปวดตับ ไม่ยอมพระเอกตาย โชคชะตาไม่ได้ทอดทิ้ง กลับต่อยอดความเกรียนของพระเอกด้วยการ ได้ไอเท็มดาบสุดเทพ ที่ทำให้พวกพระเอกกริมการ์ภาคหลักร้องด้วยความอิจฉา “ตูสู้แทบตาย ทำไมยังไม่ได้ดาบเทพแบบเอ็งเลยฟ่ะ”

    และแล้วคิซารากิก็ใช้ดาบนี้ไต่เต้าจากหมากที่ถูกทิ้ง กลายเป็นวีรบุรุษที่โลกกริมการ์กำลังจะจารึก พร้อมกับความเกรียนที่เพิ่มขึ้น

     

    ผมอ่านเรื่องนี้จนจบ อืม....ถ้าถามผมว่าผมชอบพระเอกคิซารากิหรือเปล่า จะว่ายังไงดีละ ก็มีชอบและไม่ชอบ ชอบคือคิซารากิเป็นพระเอกที่มีความเป็นมนุษย์ที่ตรงใจสำหรับใครหลายคน มากกว่าคาซุมะด้วยซ้ำ ผมเชื่อว่าสังคมไทยเราก็มีคนที่มองโลกแบบคิซารากิไม่มากก็ไม่น้อย เป็นพระเอกที่เกลียดสังคม ไม่ทำตามพวกผู้ใหญ่แนะนำ  เกลียดการลำดับชนชั้น (โซตัส) ความตรงไปตรงมา ไม่ชอบอะไรก็พูดออกมาตรงๆ ไม่เก็บเอาไว้ สำหรับหลายคนอาจมองว่าเป็นพวกขวางโลก แต่ในขณะเดียวกันคนที่เป็นแบบนี้เป็นตัวของตัวเองสูง ใช้ชีวิตที่ไม่แคร์สังคม ก็เป็นคนที่มีคุณภาพได้

    มีตอนหนึ่งที่ผมชอบความคิดการเกลียดสังคมของพระเอก อย่างในตอนที่คิซารากิเกลียดสังคมของพวกเอลฟ์ ว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะพ่อของมิริริวที่ห่วงหน้าตา มากกว่าลูกสาวของตนเอง  บางทีพวกพระเอกอาจมีชีวิตที่คล้ายกับมิริริวก็ตาม ที่เกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่คาดหวัง ถูกขีดเส้นบรรทัดแล้วให้เดิมตามเส้นบรรทัดนี้ไว้ แต่พระเอกไม่สามารถจะเดินผ่านได้ ทำให้พ่อมิผิดหวัง ทั้งๆ ที่เขาไม่ต้องการเลย  และนั้นอาจทำให้พระเอกเป็นนีทเพื่อต่อต้านพ่อแม่ สังคม ด้วยซ้ำ

    อย่างไรก็ตาม คิซารากิก็มีข้อเสียมาก คือการตัดสินใจอะไรง่ายๆ คิดจะทำก็ทำเดี๋ยวนั้น ไม่มีการวางแผน ผลคือไม่เพียงเขาจะเกือบตาย พวกสองสาวที่ตามมาจะอันตรายด้วย นอกจากนี้ยังเป็นพวกเอาดีเข้าตัว หนีคนแรก ปล่อยให้สองสาวเป็นไม้กันหมา โชคดีที่ตอนหลังพระเอกกลับมาช่วย และมีหลายคนที่พระเอกก็เริ่มให้ความสำคัญเพื่อนพร้อมบ้าง

    ข้อเสียของคิซารากิก็มีเยอะ อย่างดูถูกผู้หญิง มองโลกในแง่ลบ หลายครั้งก็พูดผู้หญิงหยาบคาย แต่ถึงอย่างนั้นจุดนี้ ผมว่าพระเอกเป็นพวกที่ขี้อายที่กลบเกลือนด้วยคำดูถูกมากกว่า อย่างตอนที่พระเอกพูดยัยเอลฟ์ว่า “ทาส”, “ตรูเป็นเจ้านายของเอ็ง ทาสจะไปตายโดยที่เจ้านายไม่ได้สั่งได้ยังไง”  แต่ความจริงแล้วพระเอกไม่อยากให้เธอไปตายจากใจจริง แต่เขาเกลีดใช้คำพูดสวยหรู โรแมนติกไม่เก่ง  จึงใช้คำพูดแรงๆ แบบนี้มากกว่า

                แน่นอน สาเหตุที่เราไม่ค่อยเจอพระเอกประเภทนี้ในนิยายต่างโลกมากนัก ก็เพราะคนอ่านไม่ค่อยชอบมากนัก แถมหงุดหงิดการกระทำของเจ้าพระเอกหลายครั้ง แถมเจ้าพระเอกคิซารากิเป็นพระเอกที่โครตอินดี้แตกต่างจากพระเอกอื่นๆ ในแนวเดียวกัน เพราะ ส่วนมากพระเอกแนวต่างโลกจะออกไปทางจิตใจดีงาม ให้ความสำคัญกับพวกผู้หญิงเป็นอันดับแรกๆ ดังนั้นการที่หลายคนที่มีความสนใจจะอ่านนิยายเรื่องนี้ จะต้องทำใจเรื่องพระเอกเป็นอันดับแรก คิดซะว่ามนุษย์เรามีด้านดี และด้านไม่ดี ปะปนไป ไม่ได้มีความเฟอร์เฟ็คไปเสียหมด

     

     

     

    จบเรื่องพระเอกที่น่าจะเป็นประเด็นมากที่สุดนิยายเรื่องนี้แล้ว ต่อไปก็เรื่องภาพรวมของนิยายเรื่องนี้ ถ้าจะเอาตามความรู้สึกส่วนตัวของผม แบบบริสุทธ์เลยละก็ ผมคิดว่านิยายเรื่องนี้ให้อารมณ์ “นิยายเน็ต”......

    ไม่รู้นะ ว่านิยายเรื่องนี้เคยเป็นนิยายเน็ตมาก่อนหรือเปล่า แต่เท่าที่อ่านนิยายเรื่องนี้มันให้อารมณ์แบบ นิยายเน็ต (ส่วนใหญ่) จริงๆ คือมันเน้นการขับเคลื่อนเนื้อเรื่องมากกว่าการให้ความสำคัญตัวละคร

    ปกตินิยายไลท์โนเวลจะเน้นให้ความสำคัญกับตัวละคร มากกว่าเนื้อเรื่องโดยภาพรวมเสียอีก คือเริ่มด้วยให้คนอ่านรู้จักตัวเอกว่าเป็นใครมา  มาจากไหน จากนั้นก็ทำความรู้จักตัวละครหลักต่างๆ อย่างพวกสาวๆ การสร้างความอวย แสดงนิสัย ความน่ารัก ก่อนที่จะเริ่มขับเคลื่อนด้วยเนื้อเรื่อง  จากนั้นจะเล่นมุกคาเฟ่ หรือเนื้อเรื่องยังไง ก็จัดไป  และนี่แหละที่ทำให้หลายคนอวยตัวละครจากนิยายค่อนข้างเยอะ อย่างยัยเทพธิดาไม่ได้เรื่องเองก็มีการให้รู้จักตัวละครก่อน

    แต่นิยายเน็ตส่วนใหญ่ละเลยในด้านรู้จักตัวละคร อย่างผู้กล้าบ่มิไก๊เอง ก็ไม่ได้เน้นเรื่องเหล่านี้ มาถึงก็ขับเคลื่อนเนื้อเรื่องเลย  แทบไม่มีการบรรยายตัวละคร (การบรรยายตัสวละครเรื่องนี้ ไม่อร่อยเลย ขอไปทีมาก)  ไม่ทำความรู้จักตัวละครเลย ตัวละครแบนมาก เสียดายที่สองสาวที่เป็นปาร์ตี้หลักของพระเอกตอนแรกนั้น ถ้าเน้นเรื่องทำความรู้จักตัวละคร ใส่อีเวนส์มากกว่านี้ จะ น่าอวยมาก แต่นี้เพียงแค่แนะนำชื่อ และแทบไม่มีบทอะไรที่น่าอวยเลย อย่างอิจิกะนั้นมีคาแร็คเตอร์นิสัยธรรมดา น่าจะเป็นคนตบมุก แต่เนื้อเรื่องทำให้เธอดูเหมือนตัวประกอบ แถมให้พระเอกดูถูกว่าขี้ขลาดตัดสินใจอะไรไม่เป็นอีก แม้จะมีฉากโรแมนติกในตอนท้าย แต่มันก็สายเกินไปที่จะทำให้ผมประทับใจ

    หนึ่งในตัวละครที่น่าเสียดายมากที่สุดคือโมโมฮิมะ ถือว่าเป็นตัวละครที่อ่านแล้วรู้สึกสนุกที่สุดในเรื่องนี้ ทั้งนิสัยดี ไม่กลัวสิ่งใด ต่อสู้ก็เก่ง น่าเสียดายน่าทำความรู้จักตัวละครมากกว่านี้ ขอให้เพิ่มฉากรู้จักพวกเธอสักนิด เช่น การพูดคุยทำความรู้จัก มีฉากตลก เซอร์วิสอะไรบ้าง แต่นี้เอาเนื้อเรื่องอย่างเดียว สู้อย่างเดียว มันไม่ใช่

    ผมเข้าใจว่าตัวละครหลักมีสูญเสียความทรงจำ แต่น่าจะมีฉากระลึกชาติ หรือพวกตัวเอกจดจำอดีตของตนได้บ้าง (เช่นเพระเอกระลึกจำคร่าวๆ ว่าชีวิตเป็นนีท ไม่เคยช่วยเหลือใครเลย แต่นี้เขากำลังช่วยเหลือคนครั้งแรก อะไรแบบเนี้ย)  ทีละเล็กทีละน้อย ไปจนถึงสัญชาตญาณที่เราได้เห็นอีกด้านความน่ารักของตัวละคร (หญิง) บ้าง ก็น่าจะ เพื่อให้เราอินกับตัวละครมากขึ้น

    อ่านมาถึงตอนนี้ มันทำให้ผมเกิดความรู้สึกว่า นี่คือภาคเสริมตัวละครน้อยนะ แล้วภาคหลักกริมการ์ที่ตัวละครตัวเอกมา มันจะนิยายเน็ตขนาดไหน

                   

    ส่วนที่เหลือ นิยายเรื่องนี้พยายามจะทำให้ตลก แต่มันก็ไม่ตลกเลย และจุดเด่นอีกของนิยายก็คือฉากต่อสู้ ที่มีเนื้อมีหนัง ตื่นเต้นพอสมควร แม้ว่าพระเอกจะได้ดาบเทพ แต่การต่อสู้แต่ละครั้งนั้นไม่ง่ายเลย แต่ก็เข้าใจว่าพวกศัตรูที่พวกพระเอกเจอนี้เลเวลสูงๆ ทั้งนั้น  อย่างคิไมร่ากว่าจะปราบมันได้ก็ล่อไปหลายหน้า  ถือว่าเป็นสิ่งที่แตกต่างในแนวต่างโลกประเภทเดียวกัน (ประเภทที่มีพระเอกมีสกิลโกง) ที่มักจบเพียงไม่กี่หน้า

     

    โดยรวมๆ แล้ว นิยายเรื่องนี้อาจไม่ใช่นิยายที่ผมชอบที่สุด แม้จะเรียกฮาเร็ม แต่ระดับความเป็นฮาเร็มไม่ได้ซาบซ่าขนาดนั้น จะดีที่สุดคือฉากนอนร่วมกันนี้แหละที่พอให้ใจชื้นได้บ้าง ส่วนฉากอื่นๆ ที่พระเอกปักธงผู้หญิงผมให้เพียงแค่เกือบผ่าน

    แม้จะไม่ได้เป็นนิยายที่ผมชอบที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นในแง่ความอยากน่าติดตามแล้ว ถือว่ามันทำให้ผมรู้สึกอยากอ่านต่อ อยากรู้ว่าพระเอกจะทำอะไรยิ่งใหญ่ในโลกกริมการ์ยังไงต่อไป และจะมีตัวละครหญิงคนใหม่ปรากฏตัวอีกไหม (ตัวละครชายไม่อยากพูดถึง)  ผมก็ยอมรับว่าถ้าเล่ม 2 ออก ผมก็จะสั่งซื้อทันทีแน่นอน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×