ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic.[Jelsa] melt your heart ปลดล๊อคหัวใจ ยัยราชินีหิมะ

    ลำดับตอนที่ #16 : chapter 14 คำถามที่ไม่กล้าถาม (doubt) (สมบูรณ์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.45K
      33
      24 มี.ค. 57

     Chapter 14 Doubt 
    ? Presented by Papermail. ?
     


     

    ระวังหัวใจที่แข็งกระด้างจนไร้ความรู้สึกให้ดี
    เพราะมันกำลังจะถูก 
    " ละลาย "


     

    “เจ้ามันไม่สมควรเกิดมาตั้งแต่แรก!! ตายซะเถอะทายาทของสายเลือดโสมม!!” เด็กสาวว่าจบก็ยกดาบขึ้นก่อนจะฟาดลงมาที่ร่างของเอลซ่าที่นั่งนิ่งอยู่

     

    เอลซ่าเงยหน้ามองร่างของเด็กน้อยที่เงื้อดาบยาวขึ้นเหนือหัวด้วยสายตาที่เหม่อลอย ก่อนจะหลบสายตาของร่างตรงหน้าที่จ้องมองเธอด้วยความโกรธแค้น โดยที่ไม่แม้จะขยับตัวหนีเลยแม้แต่น้อย

     

    จะต้องมาตายที่นี้แล้วสินะ คนอย่างเราไม่สมควรเกิดมาจริงหรอ ทั้งๆที่ระ..เรา...

     

    พี่เอลซ่า!! พี่อยู่ไหนอ่ะ พี่เอลซ่าเสียงของอันนาที่ถูกสายลมพัดลอยเข้ามาทางด้านในเรียกสติของเอลซ่าให้ตื่นจากภวังค์

     

    “ฮึ! ได้ตายกันทั้งพี่ทั้งน้องแน่” เด็กน้อยว่าพล่างใช้หางตามองไปทางด้านนอก ก่อนจะฟาดดาบน้ำแข็งไปที่ร่างของเอลซ่าที่นั่งนิ่งอยู่ แต่ทว่าร่างบางกลับทำในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ...

     

    เอลซ่ายันตัวให้ลุกขึ้นก่อนจะใช้มือเปล่าทั้งสองมือกำคมดาบที่ฟาดมาที่ร่างของตนอย่างตรงๆ

     

    “คิดว่าเอามือเปล่ารับดาบแล้วจะรอดไปได้รึไง..เด็กที่เกิดมาพร้อมกับคำสาปแช่งอย่างเจ้านะจะอยู่ไปทำไม คิดว่าคนที่เต็มไปด้วยสายเลือดที่โสโครกอย่างเจ้า!!มันสมควรจะมีชีวิตอยู่หรอ!!!

     

    “ฉันไม่เคยรู้หรอกนะว่าตัวฉันเองเกิดมาทำไม แต่ว่าฉันก็มี..สิ่งที่เรียกว่าชีวิตไหลเวียนอยู่ข้างในเหมือนคนอื่นๆ!! ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้เลยหรือไง!!” เอลซ่าว่าทั้งที่ตัวเองยังเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ เลือดสีแดงสดไหลรินเป็นทางจนนองเต็มพื้น แถมร่างบางยิ่งทวีความเจ็บเป็นร้อยเท่าเมื่อเด็กน้อยตรงหน้ากดดาบลงสุดแรง

     

    “มีชีวิตอยู่...เจ้าเห็นร่างที่นอนอยู่นั้นไหม* ข้าต้องอาศัยร่างของคนอื่นอยู่ แล้วอย่างนี้..มันเรียกชีวิตไหม!! เด็กน้อยว่าจบก็ตวัดดาบขึ้นหมายจะฟันลงอีกครั้ง

    ร่างที่นอนอยู่บนโซฟาคือร่างจริงก่อนที่เกเฮนน่าที่โดนฆ่าเพื่อเอาดวงตามารักษาองค์ราชินี(แม่ของเอลซ่า)

     

    ตึกๆๆๆ...ปัง

    “พี่เอลซ่านั้นเสียงพี่รึเปล่า” อันนาที่ได้ยินเสียงของเอลซ่าจากด้านนอกก็รีบวิ่งเข้ามาด้านในพร้อมกับคบไฟอันเล็กในมือ หัวใจของเอลซ่าแทบจะตกลงไปที่ตาตุ่ม กราฟความเสียเปรียบของเธอตอนนี้พุ่งสูงจนแทบทะลุเพดาน

     

    แต่ทว่าบางอย่าง...กับไม่เป็นอย่างที่เธอคิด

     

    เด็กน้อยที่กำลังเงื้อมือขึ้นสูงกลับปล่อยดาบลงก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาบังหน้าตัวเอง ร่างของเธอค่อยๆมีรอยร้าวขึ้นตามตัวของเธอ

     

    “สะ...แสงบ้าจริง!!” เด็กน้อยว่าก่อนจะค่อยๆก้มลงหยิบดาบที่ตกอยู่ที่พื้นก่อนจะวิ่งมาทางอันนาที่ยื่นอยู่บริเวณบันได เอลซ่ารีบวิ่งมาดักหน้าพร้อมกับดันให้อันนาหลบอยู่ทางด้านหลังตน

     

    เอลซ่าหรี่ตามองร่างตรงหน้าอย่างใช้ความคิด...

     

    “แสง..หิมะหรือว่า” เอลซ่าคว้าคบไฟจากมือของอันนาก่อนจะยื่นมาตรงหน้าของเกฮันน่า ส่งผลให้ร่างบางต้องถอยห่างจากคบไฟ

     

    เป็นไปอย่างที่เธอคิดเกฮันน่าไม่ถูกกับไฟหรือแสงอาทิตย์ทำให้เธอต้องสาปเมืองนี้ให้กลายเป็นน้ำแข็งเพื่อที่หิมะจะได้บังแสงอาทิตย์ให้เธอ

     

    เอลซ่ามองซ้ายมองขวาก่อนที่สายตาของเธอจะไปสะดุดเข้ากับผ้าม่านเก่าๆที่ประดับอยู่ที่ผนัง ร่างบางโยนคบเพลิงไปที่ม่านนั้น

     

    “เจ้ามันเป็นเด็กที่เกิดมาพร้อมกับคำสาปแช่งเจ้าคิดว่าคนอย่างเจ้ารอดไปได้แล้วจะมีความสุขหรอ!! เกฮันน่าตะโกนขึ้น เธอยื่นอยู่ท่ามกลางไฟที่เริ่มจะกระจายไปบริเวณต่างๆ แน่นอนรวมถึงร่างจริงของเธอที่นอนอยู่ด้วย

     

    “ขะ..ข้าเสียใจ แต่ถ้าหากข้าเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชังและคำสาปแช่ง ข้าก็จะขอเผชิญหน้ากับมัน แม้บาปของข้ามันจะมีเป็นภูเขาเลากา ข้าก็จะไม่ขอหนีเด็ดขาด จะขอฝ่ามันไปทีละลูกด้วยตัวของข้าเอง จะไม่ขอหนีด้วยคำง่ายๆอย่าคำว่าตาย เด็ดขาด เพราะข้างในนี้..” เอลซ่าว่าพล่างสูดหายใจเข้าลึกๆอย่างเต็มปอด “ข้ามีสิ่งที่เรียกว่า ชีวิตไหลเวียนอยู่”

     

    ไฟเริ่มลามไปเรื่อยๆก่อนจะลุกโหมไปทั่วทั้งบริเวณ เอลซ่าอาศัยจังหวะนี้คว้ามือของอันนาก่อนจะวิ่งหนีออกไปจากตัวตึก ร่างบางวิ่งขึ้นบันไดอย่างทุลักทุเลแต่โชคดีที่มีมือของอันนาช่วยประคองเธอไว้ตลอดทางจนมาถึงด้านนอก

     

    ทันทีที่ออกมาได้สักพักอันนาที่ตอนนี้เปลี่ยนมาวิ่งจูงมือเอลซ่าแทนก็หยุดลงพร้อมกับจับไหล่ของเอลซ่าแล้วกดให้เธอนั่งลงกับพื้น

     

    “อะไรนะอันนา” เอลซ่าว่าด้วยความสงสัยในการกระทำของน้องสาวตัวดีของเธอ

     

    “ทำไมพี่เอลซ่าเป็นแบบนี้ดูสิแผลเต็มตัวเลย คอยดูเถอะถ้ามันเป็นแผลเป็นขึ้นมาไม่มีใครรับพี่ไปเป็นเจ้าสาวแน่” อันนาว่าพล่างฉีกผ้าคลุมของตนเป็นเส้น ก่อนจะพันมันเข้ากับฝ่ามือของเอลซ่าทั้งสองข้างที่โดนกรีดเป็นแนวยาว

     

    เอลซ่ามองน้องสาวตัวเองด้วยสายตาเอ็นดู น่าแปลกที่คนที่อ่านกฎหมายก็แปลไม่ออก แผนที่เมืองแอเรนเดลล์ก็จำไม่ได้ แถมแค่รายชื่อของเสนาธิการของเมืองก็จำยังไม่ได้อีก แต่ตอนนี้กลับ..ดูพึ่งพาได้จนน่าประหลาดใจ

     

    นี่สรุปใครออกมาตามหาใครกันแน่เนี่ย... เอลซ่าคิด

     

    “น้องว่าไม่เจอกันแค่สองวันพี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ เอ่อหนูหมายถึงในทางทีดีนะ”

     

    “ยังไงละ...??” เอลซ่าเลิกคิ้วสูง สายตาจ้องมาไปที่อันนาที่กำลังง่วนในการทำแผลที่มือของเธออยู่อย่างเอ็นดู

     

    “ก็...พี่ดูมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าเผชิญกับสิ่งตรงหน้า ดูดิถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่คงไม่บ้าระห่ำขนาดเอามือเปล่าไปรับดาบหรอก แถมตอนสุดท้ายที่พี่พูดเหมือนว่า...หนู..ได้พี่เอลซ่าที่เคยเล่นกันสมัยเด็กกลับมาเลย” อันนาพูดจบก็ยิ้มกว้างชนิดที่แก้มแทบจะฉีก

     

    “แล้วเด็กคนนั้นเป็นใครกันหรอพี่เอลซ่า..”

     

    “เด็กคนนั้นชื่อเกฮันน่า ไม่มีอะไรหรอกก็แค่มีปัญหากันนิดหน่อย” เอลซ่าพยายามเบียงประเด็นที่ท่านพ่อของตนเป็นสั่งให้คนทำร้ายเกฮันน่าเพื่อที่จะรักษาท่านแม่และเธอที่กำลังจะลืมตามาดูโลก

     

    “หนูว่าถึงขึ้นทำร้ายกันขนาดนี้ไม่นิดหน่อยแล้วนะพี่เอลซ่า เล่ามาเลย” อันนาพยายามถามต่อ

    “ก็ไม่มีอะไรพิเศษนี่..เลิกถามได้แล้ว ไปกันกลับแอเรนเดลล์กันเถอะ” เอลซ่าลุกขึ้นยื่นก่อนจะเดินนำหน้าไปโดยไม่สนใจอันนาที่ดูเหมือนจะยังมีอีกหนึ่งคำถามที่ยังไม่ได้ถามเธอ

     

    คนที่สาปเมืองแมกเทอร์ซ่าให้ตกอยู่ภายใต้น้ำแข็งนี่ใช่พี่รึเปล่า...



    เย้ๆๆ ใครที่เชียร์ให้เอลซ่ารอด ณ ตอนนี้ก็ยินดีด้วยนะค่ะ แปะๆๆ(ปรบมือ) แต่จะรอดต่อไปได้อีกหรือเปล่านั้นต้องลุ้นๆๆกันต่อไป...

    อ่ออีกอันที่เอลซ่าบอกว่าในตัวฉันก็มีสิ่งที่เรียกว่าชีวิตไหลเวียนอยู่เหมือนกัน เมลล์จะสือถึงตอนที่เอลซ่าเล่านิทานให้อลิซฟังนะคะ ประมาณว่าเอลซ่าก็มีชีวิตเหมือนคนอื่นๆไม่ได้แปลกหรือประหลาดอย่างใด ไม่ได้มีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในตัวนะคะ 555+ รีดเดอร์ที่ฟินค้างจากตอนพิเศษก็ต้องขอจบ(ขอกระชากความฟินออก)ณ ตรงนี้ด้วยนะค่ะ 555+

    ถึงตอนนี้เมลล์ขอขอบคุณรีดเดอร์ที่น่ารักทุกๆคนที่คอยติดตามเมลล์เสมอมา

    ปล. วันที่ 25 /3 เมลล์จะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นเป็นไงชอบ
      Melt your heart "ปลดล๊อคconcealหัวใจ ยัยราชินีหิมะ" เป็นไงชอบชื่อนี้กันไหมคะ คิดตั้งนานเพราะเมลล์อยากให้มีภาไทยมาร่วมด้วย มันดูมีเสน่ห์ดีเนอะ รีดเดอร์ว่าไงชอบกันไหมเอ่ย..??


     

    ทางด้านนอกตรอก...

    อันนาเดินก้มหน้าด้วยความรู้สึกที่อึดอัด ปกติเธอเป็นคนที่อยากรู้อะไรต้องรีบพูดรีบถามออกไปเลย แต่ครั้งนี้คำถามที่เธออยากถามมันออกจะ หนักเกินไป

     

    เชื่อสิอันนา..เชื่อในตัวพี่ของเธอ พี่เอลซ่าต้องไม่ทำเรื่องเลวร้ายเป็นครั้งที่สองแน่..ละมั้งนะ...เฮ๊ย!! อย่ามั้งสิอันนา พี่เอลซ่าไม่ทำแน่นอน แน่นอน แน่นอนสิน๊า....


    อันนาเดินไปพลางเถียงตัวเองอยู่ในหัวไปพลางตลอดทาง จนแทบจะไม่ได้มองทางเดิน

     

    “อันนา..รีบไปกันได้แล้ว” เอลซ่าที่เดินนำหน้าอยู่หันมาเรียกน้องสาวคนดีของเธอด้วยรอยยิ้ม

     

    “คะ..จะไปเดี่ยวนี้แหละค้า...พี่เอลซ่า” เสียงของเอลซ่าปลุกอันนาให้ตื่นจากภวังค์ เด็กสาวรีบเงยหน้าขึ้นก่อนจะรีบวิ่งตามพี่สาวของเธอไป...

     

    โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นควันทรายสีดำที่กำลังค่อยๆคืบคลานเข้ามาแม้แต่น้อย

     

    “อ๊ะ!! พี่เอลซ่าหนูทำของตกอะพี่รอหนูอยู่ที่นี้แป๊บเดี่ยวนะ” อันนาขึ้นเสียงสูงพร้อมกับหมุนตัวไปรอบเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง

     

    “ตายแล้วตายๆๆ ตายแน่ๆอันนา หายขึ้นมาคริสตอฟฟ์บ่นข้ามวันแน่เลย” อันนาบ่นกับตัวเองอย่างลืมตัวก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปทางด้านใน โดยที่ไม่สนใจเอลซ่าที่ยื่นค้างอยู่อย่างงงๆกับการกระทำของเธอ

     

    ซึ่งจนกว่าเอลซ่าจะตามความคิดของอันนาทันเจ้าตัวก็วิ่งลับหายไปแล้ว

    .

    .

    .

    .

    อันนาที่วิ่งกลับเข้ามาทางด้านในกำลังมองหาบางอย่างอย่างขมักเขม่น เธอรู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นยังไงแต่ถ้าเธอทำของสิ่งนี้หายเธอก็คงตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้หลายร้อยเท่า

     

    เจ้าตัวก้มลงไปนั่งกับพื้นก่อนจะใช้มือควานหาของสำคัญ

     

    “เจอแล้ว...” อันนารีบหยิบสิ่งที่ตามหาอยู่ขึ้นมาก่อนจะเช็ดมันอย่างทะนุถนอม

     

    มรกตสีเขียวสดใสเฉกเช่นดวงตาของเธอประดับเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ด้านบนตัวแหวน ตัวเรือนถูกสลักเป็นลวดลายดอกไม้นานาพันธุ์ดุจดอกไม้ที่แย้มรับแสงอาทิตย์ของวันใหม่ ซึ่งแค่มองผ่านก็รู้ได้ในทันทีว่าราคาของมันไม่ธรรมดาแน่นอน ความจริงคริสตอฟฟ์แฟนหนุ่มของเธอต้องทำงานเก็บเงินอยู่หลายเดือนถึงจะพอซื้อแหวนให้แฟนสาวของเขาที่มีดีกรีเป็นถึง..

     

    องค์หญิงแห่งอาณาจักรอาเรนเดลล์

     

    อันนากำลังสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของตนอยู่ แต่จู่ๆหางตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับความมืดบางสิ่งที่อยู่ทางด้านหลังเธอ ร่างบางสูดหายใจเข้าปอดเต็มที่ก่อนที่กลั้นใจหันหลังไปเผชิญหน้ากับ..

     

    ความว่างเปล่า

     

    “คิดไปเองจนเพ้อเจ้อแล้วอันนา” อันนาพูดกับตัวเองก่อนจะรีบสาวเท้าเดินไปด้านนอกแต่ทว่าควันทรายสีดำที่หลบซ้อนอยู่ในมุมมืดก็พุ่งตรงมาทางอันนาก่อนจะสลายหายเข้าไปในตัวเธอ

     

    ร่างบางที่กำลังรีบเดินหยุดซะงัก ดวงตาที่เคยสดใสดั่งมรกตกลับหม่นจนแทบกลายเป็นสีดำ ภาพเหตุการณ์ต่างๆมากมายผลุดขึ้นมาในหัวจนร่างบางต้องพิงร่างเข้ากับกำแพง จู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังก้องขึ้นมาในหัว มันเป็นเสียงที่ทุ่มก้องแต่กลับน่าเชื่อถืออย่างประหลาด

     

    “พี่สาวเจ้าจะไว้ใจได้จริงหรอ..เขาสัญญากับเจ้าไว้ว่าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบตอนนั้น* แล้วเจ้ามั่นใจได้ไงว่าพี่เจ้าจะรักษาสัญญา กับคนที่เคยทำผิดพลาดไปแล้วครั้งหนึ่งนะ...จะทำพลาดอีกครั้งมันก็ไม่แปลก” 

    *ตอนที่เอลซ่าสาปเมืองเอเรนเดลล์ให้ตกอยู่ฤดูหนาวตลอดกาล ในเรื่อง frozen

     

    “เงียบนะ!! พี่เอลซ่าไม่ใช้คนอย่างนั้น พี่เอลซ่าต้องรักษาสัญญาสิ เขาเป็นพี่สาวของฉันนะ!!” อันนาตะโกนอย่างสุดเสียงก่อนจะทรุดลงไปนั่ง มือเรียวบางทั้งยกขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างของตนราวกับพยายามจะสกัดกั้นเสียงนั้นให้หายไปแต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นผล

     

    “ไม่ใช้คนอย่างนั้นแล้วเป็นคนอย่างไหนกันหล่ะ..?? ความจริงเจ้ารู้อะไรเกียวกับพี่สาวเจ้าบางรึเปล่า...หรือว่าเจ้ารู้จักคนอื่นที่สามารถสาปเมืองทั้งเมืองให้ต้องตกอยู่ในฤดูหนาวที่-ไม่-ใช้-เอล-ซ่า...”

     

    “ข้าบอกให้เงียบไง!!!” ร่างเล็กตะโกนลั่น มือทั้งสองข้างค่อยๆลดต่ำลงก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกอดเข่าแทน อันนาซุกหน้าลงที่เข่าของตนก่อนจะปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปอย่างช้าๆ...

    .

    .

    .

    .

    ทางด้านเอลซ่า..

    “อันนาช้าเกินไปแล้วนะ” เอลซ่าที่นั่งรออยู่ได้สักพักก็ตั้งท่าจะลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะเดินเข้าไปตามหาอันนาทางด้านในแต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าน้องสาวตัวดีของเธอก็เดินออกมาพอดี

     

    “หายไปซะนานเลย..” เอลซ่าว่าจบก็ลุกขึ้นยื่นก่อนจะเดินไปต่อแต่ทว่าเสียงเล็กๆที่สั่นเครือกลับทำให้เธอหยุดซะงักไม่กล้าแม้กระทั้งก้าวเท้าเดิน

     

    “คนที่สาปให้เมืองแม็กเทอร์ซ่าเป็นอย่างนี้ ใช่พี่รึเปล่า...พี่เอลซ่า”

     

    ร่างบางถึงกับยื่นนิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากมันเป็นคนอื่นเธอคงไม่รู้สึกเสียใจขนาดนี้ แต่ครั้งนี้คนที่เอ่ยถามเธอกลับเป็นอันนาน้องสาวคนสำคัญที่เธอรักมากยิ่งกว่าชีวิต “อันนาฟังพี่ก่อน พะ..พี่ไม่ได้เป็นคนทำ”

     

    “แล้วใคร พี่บอกหนูได้รึเปล่าว่าใคร!!” อันนาตะโกนลั่นพร้อมทั้งคราบน้ำตา

     

    “กะ..เก...โธ่อันนาพี่บอกไม่ได้ แต่ได้โปรดเชื่อพี่เถอะ” เอลซ่าตัดสินใจที่จะไม่พูดเรื่องเกเฮนน่าเพราะเธอไม่อยากให้อันนาต้องมารับรู้เบื้องหลังที่โหดร้ายเหมือนกับเธอ เธอกลัว...กลัวว่าอันนาจะรับในสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตไม่ได้

     

    “พะ..พี่เอลซ่า ได้โปรดบอกให้น้องสบายใจเถอะ..” อันนาพูดด้วยสีหน้าที่อ้อนวอน น้ำตาค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง อารมณ์ของเธอตอนนี้มันทั้งสับสน ทั้งเสียใจเกินว่าที่เธอจะแบกมันไว้อีกต่อไปแล้ว

     

    “ขอร้องอันนาพี่บอกไม่ได้จริงๆ” เอลซ่ายืนกำหมัดแน่นจนแทบจะกลายเป็นการจิกแขนตัวเอง ทำให้ปากแผลที่เกือบจะสมานไปแล้วต้องเปิดอีกครั้ง

     

    ถ้าหากเลือกได้เธออยากจะให้คนที่ทุกข์คือเธอเพียงคนเดียว ไม่อยากให้รอยยิ้มที่สดใสของอันนาต้องหายไปเพราะเรื่องในอดีต...

     

    แต่ทว่าครั้งนี้คนที่ทำให้รอยยิ้มของอันนาหายไปกลับเป็นเธอเสียเอง..

     

    “พี่เคยคิดถึงความรู้สึกของน้องบ้างไหม..?? พี่มีอะไรพี่ไม่เคยบอกน้องเลย พี่คิดอะไรอยู่พี่รู้สึกยังไง พี่เคยคิดถึงบ้างไหมความรู้สึกของคนที่อยู่ข้างหลัง ความรู้สึกของคนที่ไม่เคยรับรู้อะไรเลย!!” อันนาว่าจบก็ก้มหน้าวิ่งผ่านเอลซ่าไป

     

    “อันนาฟังพี่ก่อน...” เอลซ่าตะโกนไล่หลังตามอันนาที่วิ่งก้มหน้าออกไปทางด้านนอกอยู่ “อันนาพี่อธิบายได้พี่ไม่ได้สาปเมืองนี้นะ”

     

    อันนาที่วิ่งก้มหน้าอยู่ ระหว่างทางหางตาของเธอเห็นเด็กหนุ่มดวงตาสีฟ้าสดใส เรือนผมสีขาวดุจหิมะสวมชุดกันหนาวสีน้ำเงินยื่นพิงกำแพงอยู่ น่าแปลกที่ขามาเธอไม่ยักกะพบชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในตรอกนี้แม้แต่คนเดียว

     

    “อันนาฟังพี่ก่อนเดี่ยว” เอลซ่าคว้ามืออันนาก่อนจะดึงให้เธอหันมา

     

    “พี่ก็บอกมาสิว่าใครสาปเมืองนี้ น้องแค่อยากรู้ น้องแค่อยากมั่นใจว่าไม่ใช้พี่” อันนาว่าพร้อมชักสีหน้า

     

    พิชท์ที่นอนพิงกำแพงอยู่พยายามฝืนยกแขนขึ้นก่อนจะเล็งมันไปที่ร่างของทั้งคู่ พริบตาควันทรายสีดำก็พุ่งตรงมาที่อันนาและเอลซ่าที่กำลังยืนอยู่ตรงกลาง

     

    “อันนา ระวัง!!” เอลซ่ารีบผลักอันนาไปอีกทาง...

     

    เอลซ่าหลับตาลงด้วยความกลัวเพราะรู้ดีว่าตอนนี้เธอหนีไม่ทันแล้ว

     

    ปึง!!

    แจ๊ครีบวิ่งมาคว้าตัวเอลซ่าให้หลบมาทางด้านของตน มือหนารวบเอวของอีกฝ่ายไว้แน่นเพื่อบังร่างเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน มืออีกข้างตวัดไม้เท้าเพื่อสร้างกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ขวางการโจมตีของพิชท์



          (ชอบๆไรต์อยากใส่ ชอบรูปนี้มาก...)

    “เจ้าเป็นอะไรไหม..?” แจ๊คถามเอลซ่าด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดทันทีที่เห็นร่างเล็กเต็มไปด้วยบาดแผล

     

    “มะ..ไม่เป็นไร โดนแค่ถากๆ” เอลซ่าตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ดูเหมือนว่าเธอยังตกใจไม่หายกับเรื่องที่เกิดขึ้น

     

    แจ๊คก้มมองเอลซ่าที่กำลังตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะกอดร่างบางให้แน่นขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับหันไปมองพิชท์ด้วยสายตามุ่งร้ายแต่ทว่า...

     

    เจ้าตัวร้ายกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย..เหลือแต่ทรายสีดำกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ

     

    ยังมีแรงหนีเอาตัวรอดไปได้อีกนะ...


    แจ็คคิดในใจพล่างนึกแค้นที่ไม่ว่าเขาจะจัดการพิชท์ยังไงเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพิชท์เองก็เป็นบูกี้แมนเทพแห่งฝันร้ายทั้งปวง ถึงจะไม่ใช้เทพผู้พิทักษ์อย่างเขาแต่อย่างน้อยก็เป็นเทพละนะ

     

    ไม่แก่และไม่ตาย...

     

    ดวงตาของอันนาค่อยๆกลับมาเป็นสีเขียวสดใสอีกครั้ง เด็กสาวรีบวิ่งมาหาเอลซ่าด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง “พี่เอลซ่าเป็นอะไรบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า..??”

     

    แจ๊คที่เพิ่งนึกขึ้นได้รีบยกแขนของตนขึ้นก่อนก่อนจะปล่อยให้ได้คุยกันตามประสาพี่น้อง

     

    “ไม่เป็นไรแค่ถากๆ อีกอย่างพี่ไม่เจ็บด้วย ส่วนเรื่องสาปมะ..”  อันนารีบยื่นมือมาปิดปากของเอลซ่าพร้อมกับรอยยิ้ม ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช้รอยยิ้มที่สดใสเหมือนเดิมแต่มันก็เป็นรอยยิ้มที่จริงใจ

     

    ร่างบางส่ายหัวเบาๆ “ถ้าพี่ไม่สบายใจ พอเถอะ... น้องแค่อยากรู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกียวกับพี่”

     

    “จะบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับพี่ก็ไม่ได้หรอกนะ...แต่พี่ไม่ใช้คนที่สาปเมืองนี้แน่นอนพี่พูดจริง” เอลซ่าว่าจบก็ยื่นนิ้วก้อยไปทางอันนา

     

    เด็กสาวยิ้มก็จะยื่นนิ้วก้อยของตนมาเกี่ยวเอาไว้

     

    “แล้วผู้ชายคนนั้น” อันนาว่าจบก็ชี้ไปทางแจ็คที่ยื่นอยู่อีกด้าน

     

    “อ่อ..แจ๊ค ฟรอสต์เป็น.....” ร่างบางสะดุดอยู่นาน จะพูดว่าเป็นคนที่พี่ชอบเแล้วก็...อยากแต่งงานด้วยมาตั้งแต่เด็กแล้วเนี้ยนะ พูดได้ที่ไหน

     

    “เป็นคนตัดนะ..” เอลซ่ากำลังจะตอบไปว่าเป็นคนตัดน้ำแข็ง แต่ว่า...

     

    “เป็นคู่แต่งงานของเอลซ่าหน่ะ” แจ็คพูดแทรกเอลซ่าก่อนจะดึงร่างเล็กมาโอบไหล่พร้อมกับรอยยิ้มทะเล้นๆตามแบบฉบับของตน สองมือเลือนลงมาถึงเอวก่อนจะจุ๊บลงที่แก้มของร่างเล็กเบาๆ

     

    ส่งผลให้หน้าของเอลซ่าตอนนี้ขึ้นสีจนแทบจะยื่นไม่ไหวอยู่แล้ว เธอรีบหันไปหาแจ็คก่อนจะส่งสายตาดุๆไปให้เป็นร่างวัลตอบแทน

     

    “ยินดีที่ได้รู้จักคะ หนูซื้ออันนาเป็นน้องสาวของพี่เอลซ่า” อันนาแนะนำตัวเองเสร็จสรรพโดยที่ไม่สงสัยอะไรเลยแม้แต่น้อย

     

    “อันน๊า...” เอลซ่าเริ่มทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้ในหัวมันหมุนไปหมดชนิดที่ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวตรงไหนก่อนดี

     

    “งั้นน้องกลับเมืองเอเรนเดลล์ก่อนนะพี่เอลซ่า” อันนาพูดพร้อมกับวิ่งไปคว้าเชือกของม้าที่ถูกผูกเอาไว้ทางหน้าตรอก ถึงแม้จะไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนตามหาม้าที่วิ่งพยศหนีไปแต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีของเธอแล้ว

     

    เด็กสาวปีนขึ้นบนหลังม้าอย่างทะมัดทะแมงโดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องม้าสักนิดเดี่ยว

     

    “เดี๊ยวแล้วพี่แหละ” เอลซ่าเอ่ยท้วง

     

    “พี่ก็กลับกับพี่แจ๊คสิ” อันนาพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง โดยที่ไม่รอให้พี่สาวของตนได้ร้องท้วงอีกครั้งเจ้าตัวรีบตวัดเชือกเบาๆเจ้าม้าตัวเดิมก็สบัดตัวเล็กน้อยก่อนจะวิ่งเข้าป่าจนลับสายตาไป

     

    ทิ้งไว้ให้เหลือเพียงแจ๊คกับเอลซ่าสองคน....
    .
    .
    .

    แจ็คคว้าต้นแขนของเอลซ่าพร้อมกับลากให้เธอเดินมาจนถึงก้อนหินขนาดพอเหมาะก่อนจะดันให้เธอนั่งลงบนก้อนหินนั้น เขาจับมือทั้งสองของเอลซ่าขึ้นมาก่อนจะนั่งคุกเข่าลงกับพื้น แจ๊คก้มมองมือเรียวบางที่เต็มไปด้วยแผลก่อนจะเงยหน้ามองเอลซ่าอย่างต้องการคำอธิบาย

     

    “เอ่อ...มันจำเป็นนะแจ๊ค” เอลซ่าพยายามแก้ตัว แต่ดูเหมือนว่าร่างตรงหน้ากำลังแกะผ้าพันแผลที่อันนาพันมันไว้อย่างลวกๆ

     

    “จะทำอะไรน่ะแจ๊ค”

     

    “...” ไร้เสียงตอบของคนตรงหน้า แจ๊คหลับตาลงพร้อมกับค่อยๆก้มใบหน้าลงไปลื้นหนายื่นออกมาช้าๆก่อนจะเลียคราบเลือดบนมือของหญิงสาวอย่างเบามือ เท้าเรียวเล็กเผลอจิกพื้นดินด้วยความเจ็บปวด ร่างบางพยายามกลั้นเสียงไม่ให้ร้องออกมา


    อื้อ..แจ๊ค...” ร่างบางเผลอร้องเพราะความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามา มือเรียวบางอีกข้างพยายามดันหัวของแจ็คให้ออกห่าง แต่ทว่ามันก็ไม่เป็นผล

     

    “พอเถอะ เลือดของฉันมัน...สกปรก” เอลซ่าพยายามเลี่ยงคำว่าโสโครกที่เกฮันนาเคยตีตราบาปลงบนใจของเธอเพราะคำพูดนั้นมันไม่ได้ว่าเธอเพียงคนเดียวแต่มันรวมถึง ท่านพ่อและท่านแม่ของเธอด้วย

     

    “ข้าไม่เคยรังเกียจเจ้า...เอลซ่า” แจ๊คเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเอลซ่าที่นั่งอยู่ด้านบน

     

    “ขอบคุณนะ...แจ๊ค” ร่างบางเม้มปากก่อนจะสะอื้นออกมาน้ำตาไหลออกมาจากแก้มทั้งสองข้างอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่หนักเกินกว่าบ่าเล็กๆของเธอจะรับไหว

     

    แจ๊คเอื้อมมือมาปาดน้ำตาของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองมันยิ่งทำให้ร่างตรงหน้าร้องไห้หนักกว่าเก่า

     

    “ฮึ..อือ...แจ๊ค” เอลซ่าถลาตัวลงมากอดร่างของแจ็คที่อยู่ด้านล่าง ส่งผลให้แจ็คถึงกลับหงายหลังล้มลงไปนอนกับพื้น เด็กหนุ่มเอื้อมมือขึ้นมาลูบหัวของหญิงสาวอย่างทะนุถนอม

     

    “ข้าสัญญาจะไม่ทิ้งเจ้าไปไหนแน่นอน..” 



    ยาวไหมค่ะ.. หนาจนขี้เกรียจอ่านไหมค่ะ..55+ เขียนเพลินเลยรู้สึกว่าตอนนี้ยาวมากมาย
    และก็เริ่มรู้สึกว่าไรต์เมลล์มีรีดเดอร์เก่งๆที่เดาเรื่องถูกหลายๆคนนะคะ K.Frozen ก็เดาถูกจะอันนามองเห็นแจ๊คอันนี้จากประโยค ที่อันนาพูดว่า "ฉันเชื่อในจิตวิญญาณแห่งเกล็ดน้ำแข็ง" ส่วนที่ว่าทำไมเมลล์ต้องแต่งให้เอลซ่าเป็นแผลขนาดนั้น ถึกเกินไปแล้ว เดี๊ยวก็รู้....55+

    หวานไหม ฟินรึเปล่าเม้นต์บอกกันได้ๆ หรือว่าความฟินมันต่ำไปยังไงก็บอกได้ๆ เป็นกำลังใจๆ ตอนไหมจะได้ออกเร็วๆ555+ (เอาตอนใหม่เป็นตัวประกัน ร้ายกาจ - - #)


    #อย่าลืมเม้นต์ให้เมลล์นะ #ไม่งั้น... #จะแต่งให้เอลซ่าลงเอ่ยกับสเวนฟ์ #ล้อเล่นนะค่ะ T^T #ก้าวร้าวรีดเดอร์อีกแล้วเรา #ขอโทษค้า

    ขอบคุณตีมสวยๆจาก :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×