ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) 두근두근 ♡ HEARTBEAT | chanbaek hanhun

    ลำดับตอนที่ #13 : ` ( 두근두근 ♡ 12 )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.75K
      22
      1 ต.ค. 56









        


     

     

    เสียงครึกครื้นในเช้าวันกีฬาสีนั้นดังมากเสียจนบยอนแบคฮยอนอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นตามไม่ได้ งานของเขาคือการวิ่งบอกข่าวกับฝ่ายนั้นฝ่ายนี้จนชวนให้รู้สึกวุ่นวายไปหมด นึกขอบคุณการฝึกซ้อมวิ่งอึดซึ่งผ่านมาทั้งอาทิตย์ที่ทำให้เขาเหนื่อยน้อยกว่าปกติมาก

     

    ระหว่างนั้นสวนกับจียอนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแบคฮยอนพอจะดูออกว่าเธอดูกระชุมกระชวยและเปล่งประกายกว่าปกติ อาจเป็นเพราะว่าหน้าที่การประสานงานระหว่างชมรมเชียร์ร่วมกับชานยอลก็เป็นได้ ในขณะที่เขาและคิมมินซอกจากปีสองห้องดีกลับถูกสลับให้มาทำงานด้วยกันเสียอย่างนั้น

     

    “เหนื่อยเป็นบ้า”

     

    แบคฮยอนฟังคนข้างตัวที่สบถออกมาเบา ๆ แล้วเกิดรู้สึกเห็นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มินซอกไม่ได้คุยกับเขามากนักนอกเหนือจากเรื่องเตรียมงาน แต่ถึงอย่างนั้นร่างบางก็ยังอาสาเป็นคนวิ่งเอาตารางงานแผ่นใหม่ไปให้ชมรมฟุตบอลและชมรมเบสบอลเองในช่วงสาย

     

    เสียงเชียร์ดังสนั่นหลังจากที่กีฬาชนิดแรกเริ่มขึ้น คอยเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าอีกเดี๋ยวต้องไปเชียร์เซฮุนในการแข่งกระโดดสูงกลางแจ้งให้ได้ แล้วตอนบ่ายก็ต้องคอยเชียร์การแข่งฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศที่ทั้งชานยอลและลู่หานต่างลงแข่งด้วยกันทั้งคู่ (แม้จะอยู่คนละทีมก็เถอะ) คิดไปถึงตรงนั้นแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นบ้า ถ้าเขาเชียร์ทีมห้องตัวเองลู่หานจะว่าเอาหรือเปล่านะ

     

    ไม่ปฏิเสธเลยว่าหลังจากเรื่องเมื่อสัปดาห์ก่อนดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างแบคฮยอนและอีกสามคนดูแน่นแฟ้นขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว ถึงจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนักแต่สิ่งที่ลู่หานพูดกับเขาในวันนั้นและการที่เซฮุนคอยอยู่เป็นเพื่อนมันทำให้รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก



     

    แต่กับชานยอลแล้ว... ไม่กล้าคิดหรอก



     

    ลอบมองคนในความคิดที่กำลังพูดคุยอยู่กับฝ่ายโสตทัศนูปกรณ์แล้วก็อดคิดเรื่องเดิม ๆ ขึ้นมาอีกไม่ได้ แบคฮยอนไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่อยากจะพูดคุยมากกว่าคำทักทาย อยากใช้เวลาร่วมกันอย่างที่ผ่านมา... แต่ว่าความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นเร็วกว่าที่ตั้งตัวไว้ ชานยอลมีเพื่อน มีคนรุมหน้าล้อมหลัง มีสังคม แล้วยังมีจียอนที่คอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ

     

    ทั้งที่อยากจะอยู่ด้วยกันมากขึ้นอีกหน่อย... แต่ก็ไม่กล้าเอาแต่ใจออกไปเพราะระยะห่างระหว่างความเป็นเพื่อนมันค้ำคอ เขาไม่รู้หรอกว่ามันกำลังเป็นแบบไหน และควรจะทำตัวออกไปอย่างไร



     

    พอรู้ตัวว่าต้องยิ้มตอบปาร์คจียอนทุกครั้ง... ความรู้สึกบางอย่างก็เอ่อท้นขึ้นมาจนเจ็บหัวใจไปหมด



     

    “ไฮ

     

    หยุดความฟุ้งซ่านไว้แค่นั้นเพราะหันไปเห็นใครบางคนกำลังโบกมือหยอย ๆ มาจากซุ้มพยาบาล ไม่ยักรู้มาก่อนว่าลู่หานสนิทกับอาจารย์ฮวังด้วย ชายหนุ่มหันไปยิ้มหวานให้อาจารย์สาวประจำห้องพยาบาลแล้วลุกขึ้นเดินตัวปลิวมาทางเขา

     

    วันนี้ลู่หานอยู่ในชุดพละกางเกงสามส่วนเช่นเดียวกับเขา ต่างกันที่เจ้าตัวสวมแจ็กเกตชมรมฟุตบอลสีเลือดหมูตัวโคร่งมาด้วย นั่นสินะ จะว่าไปเขาก็ไม่เคยเห็นลู่หานในมุมที่เป็นนักกีฬาอย่างจริงจังเลยนี่นา

     

    “เหนื่อยแย่เลยนะ”

     

    อีกฝ่ายทักทายไปตามประสา ร่างบางได้แต่ยิ้มรับน้อย ๆ แล้วก้มลงมองกระดาษในมือ “ไม่หรอก... มันเป็นหน้าที่ของกรรมการจัดงานน่ะ”

     

    คิ้วนั้นเลิกขึ้นน้อย ๆ ก่อนจะขมวดเข้าหากันอย่างไม่จริงจังนัก ลู่หานใส่มือเข้าในกระเป๋าแจ็กเก็ตแล้วก็เอ่ยปากถามเสียงใส “แล้วชานยอลหายไปไหนล่ะ ทำไมปล่อยให้นายวิ่งไปวิ่งมาอยู่คนเดียวอย่างนี้”

     

    “เอ้อ... ชานยอลเขาต้องประสานงานกับพวกชมรมเชียร์ ส่วนฉันมีหน้าที่วิ่งเอาตารางงานไปให้...”



     

    “กับจียอนน่ะเหรอ?”



     

    “เห?”

     

    คนสูงกว่าสวนขึ้นมาเสียงเรียบ แบคฮยอนเงยขึ้นมองคนตรงหน้าที่จ้องตาเขาราวกับอ่านใจได้ทะลุปรุโปร่ง “ชานยอลไงล่ะ หมอนั่นต้องอยู่กับจียอนแล้วนายเจอแยกมาใช่ไหม”

     

    “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก จริง ๆ ก็มีคนที่ชื่อมินซอกอีกคน...” ถึงจะตอบไปอย่างนั้นแต่แบคฮยอนกับรู้สึกจุกน้อย ๆ ที่ถูกพูดตรงไปตรงมาแบบนั้น เห็นลู่หานสบถบางคำออกมาเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน แต่แค่เสี้ยวนาทีดวงหน้าหวานนั้นก็กลับมายิ้มร่าแล้วตบบ่าเขาปุ ๆ

     

    “เหนื่อยหน่อยนะ

     

    ลู่หานพูดคำนี้กับเขาเป็นครั้งที่สองแล้วจึงเดินกลับไปหาอาจารย์ฮวังที่ซุ้ม จะว่าไปก็ลืมถามเลยแฮะว่าไปเป็นอาสาสมัครซุ้มพยาบาลตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ...

     

     









     

     

     

     

     

    เสียงเชียร์ดังกระหึ่มกึกก้องหากแต่มันแทบไม่เข้าหูปาร์คชานยอลเลยสักนิด หลังจากคำว่าอรุณสวัสดิ์ในตอนเช้าเขาก็แทบไม่มีโอกาสได้เข้าไปคุยกับแบคฮยอนอีกเลย ทั้งที่เห็นไว ๆ ว่าเพิ่งอยู่ตรงนี้แท้ ๆ แต่พอตั้งใจจะเข้าไปหาก็กลับหายตัวไปดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น

     

    รู้สึกเหมือนโดนหลบหน้า... แล้วยังเรื่องที่อยู่ดี ๆ เขาก็ถูกย้ายสลับกับคิมมินซอกให้มาประสานงานเรื่องเชียร์แทนนี่อีก

     

    “ชานยอลจ๊ะ น้ำหน่อยไหม?”

     

    น้ำขวดเย็น ๆ ถูกใส่หลอดพร้อมถูกยื่นมาตรงหน้า ตั้งแต่เช้ามาเขาก็ต้องตัวติดกับปาร์คจียอนอยู่ตลอด ไม่สิ... อาจจะทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาที่เธอเข้ามาสนิทกับเขาและเพื่อน ๆ ในขณะเดียวกันแบคฮยอนก็ยิ่งห่างออกไปเรื่อย ๆ จนแทบไม่ได้คุยกันเลยยกเว้นเวลาเรียน

     

    “ขอบคุณนะ”



     

    และชานยอลก็ไม่ได้ซื่อจนถึงขนาดจะไม่รู้ตัวว่าจียอนรู้สึกยังไงกับเขา



     

    ทั้งที่ปฏิบัติตัวตอบกลับไปเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง แต่กลายเป็นว่าเรื่องกลับยิ่งเลยเถิดเมื่อเพื่อน ๆ พากันพูดแซวและเชียร์ให้เขาคบเธอให้รู้แล้วรู้รอด หนำซ้ำยังมีจดหมายจากผู้หญิงมาใส่ในล็อกเกอร์และตัดพ้อความรู้สึกเรื่องเขากับจียอนอยู่หลายฉบับ



     

    ....จะเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว



     

    แต่ก็เอาเถอะ... คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่าง แค่หวังว่าที่เขาห่างเหินกับแบคฮยอนแบบนี้มันบังเอิญเป็นเพราะเรื่องกิจกรรมไม่ใช่อย่างอื่น เพราะถ้าอย่างนั้นล่ะก็... ปาร์คชานยอลแน่ใจว่าเขาจะต้องคุยกับอีกคนจนเข้าใจให้ได้

     

    ไม่ทันขาดคำก็เห็นแบคฮยอนวิ่งผ่านกรอบสายตาไปอีกครั้ง พอตั้งท่าจะตามออกไปประธานชมรมเชียร์ก็เข้ามาสะกิดและคุยถึงเรื่องการร้องเพลงเชียร์ในช่วงบ่าย ก่อนจะขอให้เขาไปประสานงานกับฝ่ายโสต ฯ อีกรอบอย่างช่วยไม่ได้


     

    และพอหันกลับไปอีกที... แบคฮยอนก็หายไปแล้ว

     

     

     









     

     

     

     

    โอเซฮุนหยัดตัวขึ้นยืนตรงหลังจากวอร์มร่างกายเรียบร้อยดีแล้ว เสียงเชียร์จากรอบ ๆ สนามดังสนั่น การแข่งขันกระโดดสูงถูกจัดเป็นรายการสุดท้ายในช่วงเช้า ก่อนทุกคนจะแยกย้ายไปกินข้าวกลางวันและกลับมาเตรียมตัวสำหรับการแข่งกีฬาในช่วงบ่ายกันต่อ

     

    ดวงตาคมทอดมองตัวแทนแข่งกระโดดสูงจากปีหนึ่งที่เดินสวนไปพลางพูดคุยกับเพื่อน ๆ อย่างเสียอกเสียดายที่ปลายเท้าเผลอไปโดนเสาในจังหวะลงซึ่งทำให้ต้องถูกหักคะแนนอย่างช่วยไม่ได้ ใกล้ถึงคิวของเซฮุนแล้ว เขาเองก็ไม่ได้ตื่นเต้นและเคร่งเครียดกับมันนัก ถึงแม้ว่าจะได้ยินพวกสาว ๆ พากันพูดเรื่องที่เขาลอยลำเหรียญทองเห็น ๆ ก็เถอะ



     

    “ต่อไปเป็นตัวแทนจากปีสองห้องบี โอเซฮุน!



     

    เสียงประกาศออกไมค์ของโฆษกเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดฮือฮาจากสาว ๆ จนดังลั่นสนาม ร่างโปร่งรับไม้ค้ำขนาดยาวมาถือไว้ในมือ สูดหายใจเข้าลึก ตั้งมั่นสมาธิพลางเบนสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อดูบรรยากาศในสนาม

     

    “......”

     

    หากแต่พอสบสายตาใครบางคนที่อยู่ตรงซุ้มพยาบาลร่างกายก็พลันแข็งทื่อ มันเกิดขึ้นเพียงวูบเดียวเท่านั้น แล้วลู่หานก็เบนสายตากลับไปพูดคุยกับอาจารย์ฮวังประจำห้องพยาบาลอย่างออกรสออกชาติ เธอดูเขินอายกับรอยยิ้มหวาน ๆ นั่นไม่น้อย

     

    อีกครั้งที่หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกเจ็บหน้าอก หันกลับมาจดจ่อยังปลายเสาแล้วกำไม้ในมือแน่นขึ้นเพื่อหยุดแรงสั่นไหวแปลก ๆ กลั้นใจรวบรวมสมาธิอีกครั้ง

     

    ออกตัววิ่งออกไปแล้วกดปลายไม้ค้ำลงกับพื้นเพื่อยันส่งตัวขึ้นลอยข้ามเสาอย่างที่ซ้อมมาทั้งสัปดาห์ มองเห็นท้องฟ้าสว่างจ้าในขณะที่ร่างกายพ้นผ่านเสาไปได้ท่ามกลางเชียร์ที่ลุ้นจนใจหายใจคว่ำ



     

    “.....!!



     

    โอเซฮุนรู้สึกได้ถึงแรงปะทะตรงข้อเท้าที่ปัดเอาเสาพาดล้มลง แสงสว่างจ้าของดวงอาทิตย์สาดแยงเข้าตา สายลมร้อนพัดผ่าน ก่อนแผ่นหลังของเขาจะกระแทกลงกับเบาะรองในที่สุด พร้อม ๆ กับเสียงเชียร์ที่ดังขึ้นจนกลายเป็นเสียงอื้ออึงที่ฟังไม่ได้สรรพ







     

     

     

    “ว้าย!!

     

    อาจารย์ฮวังอุทานออกมาพร้อม ๆ กับเสียงหวีดร้องที่ดังลั่นสนาม ลู่หานลืมตัวลุกขึ้นเมื่อเห็นร่างของตัวแทนกระโดดสูงปีสองห้องบีตกลงสู่เบาะรองพร้อมกับฟาดเอาไม้พาดเสาอลูมิเนียมร่วงหล่นลงมาด้วย


     

    “เซฮุน...!”



     

    วางเอากล่องปฐมพยาบาลในมือไว้กับโต๊ะจนแทบจะเหมือนโยนแล้วรีบวิ่งออกไปยังกลางสนามทันที ทั้งที่เคยมั่นใจในความคล่องแคล่วของตัวเองมาตลอด แต่ถึงตอนนี้ลู่หานกลับนึกโมโหที่มันช้าไม่ได้ดั่งใจเขาเลยสักนิด

     

    เร่งฝีเท้าจนวิ่งเลยคนอื่น ๆ ที่พากันส่งเสียงตกอกตกใจ เขาเห็นเซฮุนนอนกัดฟันอยู่บนเบาะ ขาข้างหนึ่งชันเข้าหาตัวในขณะที่อีกข้างยังคงพาดยาวออกไปจนเกร็งไปทั้งตัว

     

    “แข็งใจไว้นะ”

     

    พูดออกไปทันทีที่ย่อตัวลงนั่งดูอาการของอีกคน ยื่นมือออกไปประคองข้อเท้าข้างที่เหยียดตรงด้วยความเป็นห่วงจับใจ คนอื่น ๆ พากันเข้ามามุงดูอาการและกันเด็กผู้หญิงซึ่งรีบถลาเข้ามาเอาไว้วงนอก

     

    “....ไม่เป็นไร”

     

    โอเซฮุนแข็งใจพูดออกไปทั้งที่ความเจ็บมันแล่นริ้วขึ้นมาจนแทบไม่อยากขยับตัว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กลั้นใจและปล่อยให้ลู่หานพยุงตัวขึ้นอย่างทุลักทุเล

     

    “ไหวนะ?”

     

    เสียงนั้นพูดข้างหูเขาราวกับจะปลอบโยนให้รู้สึกดีขึ้น ร่างโปร่งทิ้งน้ำหนักลงที่ขาข้างเดียวเพื่อเคลื่อนตัวออกไปข้างหน้า มือที่จับเอาแขนเขาพาดคอไว้นั้นอบอุ่นอย่างประหลาด คนตัวเล็กกว่าพยายามพาเขาเดินตรงไปตึกเรียนหาใช่ซุ้มพยาบาล

     

    “วางเขาลงก่อนดีไหม?”

     

    เสียงอาจารย์ฮวังร้องถามพลางทำท่าจะเข้ามาช่วยพยุงอย่างลนลาน แต่ถึงอย่างนั้นโอเซฮุนกลับรู้สึกได้ว่ามือที่ประคองอยู่ช่วงเอวนั้นกระชับแน่นขึ้น ก่อนคนข้าง ๆ จะร้องตอบกลับไปเสียงดัง

     

    “ที่ห้องพยาบาลมียานวดแล้วก็น้ำแข็ง”

     

    “แต่ว่า...”



     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะดูแลเซฮุนเอง”

     

     

     

     









     

     

     

    “เป็นยังไงบ้าง?”

     

    ทอดสายตามองคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงและกำลังนวดข้อเท้าให้อย่างชำนาญ ถึงจะยังรู้สึกปวดแปลบแต่เซฮุนก็คิดว่ามันดีกว่าตอนที่เขายังอยู่ในสนาม ลู่หานบีบยาใส่มือเพิ่มก่อนจะนวดลงบนข้อเท้าอีกครั้งโดยระวังรอยช้ำนั้นเป็นพิเศษ มันอ่อนโยนเสียจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นสัมผัสเดียวกับที่ทำให้เขารู้สึกขลาดเขินมาทั้งสัปดาห์

     

    “ทำไมไม่ให้อาจารย์ฮวังจัดการ”

     

    ถามออกไปเสียงเรียบกลบความรู้สึกในใจ หากแต่อีกฝ่ายเพียงแค่ยิ้มตอบแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นเอาน้ำแข็งห่อใส่ผ้าผืนบาง เอื้อมตัวไปหยิบเอาหมอนรองมาวางหนุนเท้าเขาให้สูงขึ้นเพื่อลดอาการบวม

     

    “ให้อาจารย์เขาดูแลคนอื่นไปเถอะน่า มีคนวิ่งเข้ามาขอแอมโมเนียไม่หยุดหย่อน” ดูเหมือนจะอ่านสีหน้าคนบนเตียงออกได้เป็นอย่างดี ลู่หานจึงได้บรรจงประคบห่อน้ำแข็งลงบนข้อเท้านั้นให้เบาที่สุด

     

    “.......”

     

    “ไว้ใจได้ เห็นอย่างนี้ฉันก็อยู่ชมรมฟุตบอลนะ ขาเคล็ดเท้าแพลงเป็นเรื่องปกติ”

     

    พอคิดว่ามันก็จริงอย่างที่ลู่หานว่าร่างโปร่งจึงได้ยอมปล่อยให้ขาของเขาถูกจับนวดตามใจชอบ



     

    “.......”

     

    “.......”

     

    ความเงียบโรยตัวลงมาจนสร้างบรรยากาศน่าอึดอัดได้ในชั่วอึดใจ ตั้งแต่เรื่องวันนั้นทั้งคู่ก็แทบจะไม่ได้เปิดปากพูดกันมาร่วมสัปดาห์แล้ว เซฮุนคอยอยู่เป็นเพื่อนแบคฮยอน ส่วนลู่หานก็ต้องเอาแต่ซ้อมกีฬาในช่วงที่สนามว่างจากกิจกรรมกีฬาสีเพื่อเตรียมตัวในการแข่งนัดฤดูร้อนของระดับจังหวัด

     

    หลังจากนี้อีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะเข้าสู่ช่วงสอบปลายภาคและปิดเทอมอีกเป็นเวลาเดือนเศษ แต่สำหรับชมรมฟุตบอลแล้วจะมีเวลาพักผ่อนหลังสอบเสร็จแค่ช่วงอาทิตย์แรก เพราะหลังจากนั้นจะต้องเข้าค่ายเก็บตัวและเตรียมพร้อมแข่งก่อนเปิดเทอมฤดูใบไม้ร่วง

     

    “.......”

     

    “.......”

     

    “เซฮุน”

     

    ความเย็นจากน้ำแข็งนั้นไม่ได้ทำให้ใจของโอเซฮุนสงบลงเลยเมื่อถูกเรียกชื่อ หากแต่ก็ยังตีหน้านิ่งเพื่อฟังว่าอีกคนจะพูดอะไรต่อไป ได้แต่หวังลึก ๆ ว่าคงไม่ใช่เรื่องวันนั้น... ไอ้ที่จะให้พูดถึงน่ะบอกได้เลยว่าเขายังไม่พร้อมสักนิด



     

    “ปิดเทอมนี้ ไปเที่ยวบ้านฉันไหม?”



     

    “หา?”

     

    เผลออุทานออกไปอย่างนั้นเพราะนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปาก ลู่หานเพียงอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเบนสายตากลับไปมองห่อน้ำแข็งตรงข้อเท้าดังเดิม

     

    “บ้านนาย...?” หมอนี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่คิดอยากให้เขากลับไปเหยียบบ้านหลังนั้นอีก บ้านที่อวลไปด้วยควันบุหรี่ แผ่นหนัง แล้วก็เกิดเรื่องพรรค์นั้นขึ้น

     

    “ไม่ใช่หลังนั้นหรอกน่า” อีกครั้งที่ตอบราวกับรู้ความคิด ตากลมโตนั่นหันมาจับจ้องเขา มันสดใส เปล่งประกาย และดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก “บ้านที่ชุนชอนน่ะ ไม่ไกลหรอก”

     

    ถ้าจะถามความคิดของโอเซฮุนในตอนนี้ล่ะก็... เขาเดาไม่ออกเลยสักนิดว่าคนตรงหน้านี้คิดจะมาไม้ไหน อยู่ดี ๆ ก็ชวนไปเที่ยวบ้านต่างจังหวัด ...ชวนกันดื้อ ๆ อย่างนี้น่ะนะ

     

    “จะชวนแบคฮยอน ชานยอลไปด้วยก็ได้นะ”

     

    ยังมีหน้าหันมายิ้มตาใสอีก....

     

    “ไปกันเยอะ ๆ น่าสนุกดีออก

     

    “......”

     

    “ว่าไง?”

     

    “......”

     

    “โอเคนะ?”



     

    “ไม่”



     

    ตอบกลับไปเสียงแข็งแล้วยังตีหน้านิ่งเสียจนคนถูกปฏิเสธเบะปาก สาบานได้ว่าถ้าหมอนี่ลงทุนแกล้งร้องไห้เขาจะลุกหนีทั้งที่เป๋ให้ดู!

     

    “ใจร้ายจังน้า ~” เอาห่อน้ำแข็งวางในถาดแล้วเอื้อมตัวไปหยิบม้วนผ้ายืดมาคลี่ออกแล้วค่อย ๆ พันข้อเท้าคนเจ็บอย่างเบามือ ปากก็ยังว่าเจื้อยแจ้วไม่สะทกสะท้าน “ไม่ไปจริง ๆ น่ะเหรอ เสียใจนะเนี่ย”

     

    “ทำไมฉันต้องไป?”

     

    ยังพูดออกไปเสียงแข็งเหมือนประโยคก่อนหน้า ลู่หานแกล้งเลิกคิ้วแล้วหันมาตีหน้าเศร้าจนจะเคล้าน้ำตาอยู่รอมร่อ “ก็อยากให้เพื่อนไปเที่ยวบ้านบ้างไม่เห็นแปลก”

     

    สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าต้องไม่ใจอ่อนอีกเด็ดขาด โอเซฮุนเบือนสายตาหนีไปอีกทางโดยแข็งใจบอกตัวเองไว้อย่างนั้น ไม่พูดไม่ตอบอะไรไปจะดีที่สุด ถึงจะบอกว่าให้ชวนแบคฮยอนกับชานยอลไปด้วยก็เถอะนะ.... แต่เซฮุนประจักษ์แล้วว่าอยู่กับหมอนี่อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

     

    “งั้นเอาอย่างนี้ไหม...”

     

    สุดท้ายแล้วคนเจ้าเล่ห์ก็สรรหาวิธีเรียกให้สายตาเขาหันกลับไปมองจนได้ ข้อเท้าถูกพันผ้าเสร็จแล้ว และตอนนี้ลู่หานก็ใช้สองมือท้าวกับเตียงไว้ก่อนจะแกล้งยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับหยักยิ้มแพราวพราว

     

    “เรามาพนันกันดีกว่า”

     

    “พนันอะไร?”

     

    “การแข่งฟุตบอลช่วงบ่าย... ถ้าทีมห้องชนะ นายก็ลืมคำชวนฉันไปซะ”

     

    “......”

     

    “แต่ถ้าทีมออลสตาร์ของชมรมฟุตบอลชนะ... ฉันจะถือว่านายตกลง

     

    จะว่าไปแล้วนี่มันเป็นข้อเสนอที่เสียเปรียบชัด ๆ ทั้งยังไม่เข้าท่าเลยสักนิด เอาทีมนักเรียนมือสมัครเล่นไปแข่งกับชมรมฟุตบอลแบบนั้น... ถึงจะมีชานยอลที่คนทั้งห้องมั่นใจนักหนาว่าจะชนะได้ก็เถอะ

     

    “ยังไงชมรมฟุตบอลก็ชนะเห็น ๆ”

     

    กะอยู่แล้วว่าจะต้องพูดอย่างนั้น ลู่หานชูมือขึ้นเป็นสองนิ้ว ยื่นข้อเสนอที่เขาใช้เวลาชั่งใจคิดมาดีแล้วในเวลาไม่กี่วินาทีก่อน

     

    “สองลูก”

     

    “......”

     

    “แต้มต่อสองลูก... ให้ทีมห้องเรา”

     

    กติกานี้หมายความว่า ไม่ว่าจะทำประตูได้เท่าไร แต่ทีมออลสตาร์จะต้องทิ้งห่างทีมห้องเป็นจำนวนอย่างน้อยสองลูกด้วยกัน นั่นคือต่อให้ทีมออลสตาร์ชนะด้วยคะแนน 1-0 แต่นั่นก็จะหมายความว่าออลสตาร์แพ้เพราะทิ้งระยะห่างได้ไม่ถึงสองลูกนั่นเอง

     

    “แม้แต่ชมรมฟุตบอลยังพูดไม่ใช่เหรอ ว่าชานยอลน่ะเป็นตัวเต็ง”

     

    “......”

     

    “เพราะงั้น... จะไม่รับข้อเสนอนี้หน่อยเหรอ

     

    สิ่งที่ลู่หานพูดนั้นส่งผลไปถึงการแข่งขันฟุตบอลที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่นาน สายตานั้นกำลังจับจ้องเขาอย่างเอาจริง ราวกับจะท้าทายให้เขาเชื่อในตัวปาร์คชานยอลและทีมปีสองห้องบีอย่างที่ควรจะเป็น

     

    เป็นเรื่องจริงที่ใคร ๆ ต่างพูดว่าถ้ามีชานยอลอาจจะได้เห็นชมรมฟุตบอลแพ้ก็ได้ แล้วยังกติกาแต้มต่อสองลูกนั่นอีก นับว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ทีมปีสองห้องบีมีโอกาสชนะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเลยทีเดียว

     

    “...ก็ได้”

     

     









     

     

     

     

     

    “แต้มต่อสองลูก!

     

    เสียงฮือฮาดังขึ้นในกลุ่มนักเรียนชายที่พากันเตรียมตัวสำหรับลงสนามในอีกสิบนาทีข้างหน้า จากเดิมที่ชมรมฟุตบอลเพียงยอมสลับตำแหน่งผู้เล่นให้เพื่อเป็นการออมมือ แต่พอเพิ่มกติกาใหม่ซึ่งชมรมฟุตบอลประกาศออกมานั้น มันเท่ากับเปิดโอกาสให้ถ้วยรางวัลรวมลอยมาทางปีสองห้องปีเห็น ๆ หลังจากที่พลาดเหรียญทองไปในการแข่งขันกระโดดสูงเมื่อเช้าอย่างน่าเสียดาย

     

    ปาร์คชานยอลหันไปเห็นลู่หานในหมู่ชมรมฟุตบอลขยิบตามาให้เขาอย่างเป็นมิตรและท้าทายในเวลาเดียวกัน ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็พอเข้าใจได้ว่านี่กำลังจะกลายเป็นเกมการแข่งขันจริง ๆ ขึ้นมาซะแล้ว

     

    กวาดตามองไปบนอัฒจันทร์เพื่อมองหาใครบางคนที่ห่างกันมาตั้งแต่เช้า ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวังเมื่อไม่เจอบยอนแบคฮยอนอย่างที่คิดไว้ ก้มตัวลงผูกเชือกรองเท้าให้แน่นขึ้นและวอร์มร่างกายเพิ่มเติม เรี่ยวแรงนั้นมีพร้อมแต่เหมือนหมดกำลังใจไปอย่างดื้อ ๆ



     

    ถ้าได้เห็นรอยยิ้มของแบคฮยอนสักหน่อยล่ะก็...



     

    ไม่ทันขาดคำก็เห็นร่างบางที่วิ่งกระหืดกระหอบมาแต่ไกล ชานยอลยิ้มกว้างเสียจนเก็บความดีใจไว้ไม่มิด ตั้งท่าจะวิ่งไปหาและขอกำลังใจสักหน่อย แต่เสียงเป่านกหวีดเรียกลงสนามก็ดังขึ้นพร้อม ๆ กับที่เห็นแบคฮยอนเดินขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์ข้างจียอนซึ่งกวักมือเรียก



     

    ...อย่างน้อยก็ได้เห็นหน้าล่ะนะ



     

    อาจารย์พละเป่านกหวีดเสียงดังเพื่อเป็นสัญญาณของการเริ่มแข่งขัน ปาร์คชานยอลกองหน้าตะลุยเข้าไปครองบอลได้อย่างสวยงามและเตะส่งไปให้กองกลางอย่างเข้าขา ร่างสูงวิ่งตะลุยเข้าไปท่ามกลางการสกัดของชมรมฟุตบอล

     

    นึกตกใจในความคล่องแคล่วของลู่หานที่แม้ยอมสละจากตำแหน่งกองหน้าเพื่อต่อให้ตามธรรมเนียม แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหลายทีที่คนในทีมเขาเกือบเพลี่ยงพล้ำถูกแย่งลูกไปได้ หากทีมปีสองห้องบียังคงเรียกได้ว่าเป็นต่อ จนกระทั่งส่งบอลลูกแรกเข้าโกลด์ได้อย่างสวยงามจนเรียกเสียงเฮทั้งสนาม

     

    ครึ่งแรกผ่านพ้นไปด้วยคะแนน 1-1 ด้วยเกมที่เข้มข้นและดุเดือด นักเรียนทั้งโรงเรียนต่างพากันลุ้นใจหายใจคว่ำที่ชมรมฟุตบอลเสียประตูแรกทั้งยังอยู่ในเกณฑ์ติดลบถ้านับจากกติกาต่อสองลูก แต่ถึงอย่างนั้นสองทีมก็ยังคงกอดคอและและแลกน้ำกันดื่มประสาการแข่งเอาสนุกในงานกีฬาสี

     

    ชานยอลถูกรุมล้อมด้วยบรรดาเพื่อน ๆ ที่เข้ามาพูดคุยและเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟขนมกันครื้นเครง แม้จะเห็นแบคฮยอนนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ซึ่งห่างออกไปไม่ไกลและอยากเข้าไปหาใจจะขาด แต่ปาร์คชานยอลก็เลี่ยงตัวออกไปได้ยากแล้วยังถูกเรียกรวมเพื่อวางแผนบุกในครึ่งหลัง

     

    จียอนโบกมือและยิ้มกว้างมาให้อย่างสดใส ต่างจากคนข้าง ๆ ซึ่งเพียงแค่แย้มรอยยิ้มบาง ๆ เพื่อเอาใจช่วย แค่นั้นใจของปาร์คชานยอลก็พองโตและต้องรีบเดินไปรวมกับกลุ่มเพื่อนก่อนที่แรงเต้นของหัวใจจะทำให้หน้าเป็นสีเรื่อจนมีคนสังเกตเห็น เรี่ยวแรงที่หายไปในเกมครึ่งแรกนั้นกลับคืนมาจนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง







     

     

     

     

    “ชานยอลเล่นดีมาก ๆ เลยเนอะ”

     

    เกมครึ่งหลังเริ่มขึ้นแล้ว ในยี่สิบนาทีแรกทีมออลสตาร์เป็นฝ่ายยิงประตูได้อีกลูกตามศักดิ์ศรีของชมรมฟุตบอล แต่ถึงอย่างนั้นการเล่นของชานยอลก็โดดเด่นเสียจนไม่มีใครหมดหวังเสียทีเดียว สองฝ่ายยังคงผลัดกันเลี้ยงผลัดกันรับจนยากจะเดาว่าใครเป็นฝ่ายชนะ

     

    แบคฮยอนยิ้มรับจียอนพลางลุ้นการแข่งขันจนใจเต้นระรัวไปหมด เขาแทบละสายตาไปจากชานยอลไม่ได้ ทั้งชื่นชม เอาใจช่วย แต่เกมการแข่งขันก็เข้มข้นเกินกว่าที่ชานยอลจะหันมามองทางอัฒจันทร์

     

    ในความคิดเขาแล้วลู่หานเองก็เล่นเก่งสุด ๆ กลายเป็นโดดเด่นกว่าคนอื่น ๆ ในชมรมฟุตบอลเสียด้วยซ้ำ แล้วก็นึกเลยไปถึงเซฮุนที่ได้ยินมาว่าขาเจ็บ แต่พอจบการแข่งขันฟุตบอลเขาก็ต้องรีบไปเตรียมตัวสำหรับแข่งวิ่งอึดต่อ คงจะได้ไปเยี่ยมเซฮุนหลังจากนั้น

     

    “จริงสิ!

     

    จียอนอุทานขึ้นก่อนจะล้วงหาบางอย่างในกระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอ แบคฮยอนได้แต่มองตามจนกระทั่งเห็นว่าที่เธอหยิบขึ้นมาคือตั๋วสามใบ และสองใบในนั้น หญิงสาวยื่นมาให้เขา

     

    “นี่...?”

     

    จียอนมีสีหน้าเขินอายแต่ก็เป็นมิตรในเวลาเดียวกัน ริมฝีปากได้รูปเอ่ยพูดเสียงหวานใส “ตั๋วหนังรอบคืนวันพรุ่งนี้น่ะจ้ะ ไปดูด้วยกันนะ”

     

    “ผมเหรอ?” บยอนแบคฮยอนชีหน้าตัวเองราวกับไม่เชื่อหู ไม่เคยมีเพื่อนคนไหนชวนเขาไปดูหนังมาก่อน ทั้งที่เกือบจะดีใจออกไปออกไปแล้ว ถ้าไม่ติดว่าตั๋วอีกใบในมือเขารวมกับมือจียอนแล้วมันเท่ากับสาม

     

    “ส่วนอีกอันเป็นของชานยอลน่ะ แต่ฉันไม่กล้าชวนเขาด้วยตัวเองหรอก” จียอนบีบกระเป๋าถือของเธออย่างขลาดเขิน และไม่วายจะพูดอ้อนวอนจนแบคฮยอนอดใจอ่อนไม่ได้ “ไปด้วยกันนะ ถ้าแบคฮยอนไม่ไป ชานยอลก็ต้องไม่ยอมไปแน่ ๆ เลย”



     

    ไม่หรอก... มันไม่ใช่อย่างนั้น...



     

    ทั้งที่ควรจะเป็นเรื่องดีแท้ ๆ แต่บยอนแบคฮยอนเกลียดตัวเองที่เกิดรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาอีกแล้ว... เพื่อนไปเที่ยวด้วยกันไม่แปลก...



     

    แต่ทำไม...

     

     







     

     

    “ส่งมาทางนี้!

     

    ยกขาขึ้นเดาะรับบอลก่อนจะเลี้ยงลูกตะลุยไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น โกลด์อยู่ตรงหน้า และเหรียญทองก็ลอยมาแล้วเห็น ๆ ตอนนี้ทีมออลสตาร์นำอยู่ที่ 2-1 แค่เขาเตะลูกนี้เข้า ปีสองห้องบีก็จะชนะไปโดยปริยายด้วยคะแนน 2-2 หักแต้มต่อแล้วชมรมฟุตบอลเป็นฝ่ายแพ้ตามกติกา

     

    เห็นร่างผอมในชุดเสื้อสีแดงวิ่งเบียดเข้ามาแล้วก็ยิ่งต้องครองลูกให้อยู่ แค่ยิงลูกนี้ให้เข้าเท่านั้น อีกนิดเดียว...

     

    “ชานยอล”

     

    ลู่หานวิ่งเข้ามาประกบคู่เขาหากแต่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะแย่งบอลไปในทันที ริมฝีปากบางหยักยิ้มสดใส ก่อนจะแปรเปลี่ยนไปเมื่อน้ำเสียงนั้นพูดขึ้นราวกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน ยิ้มแปลก ๆ ...แบบที่มีปาร์คชานยอลคนเดียวที่ได้เห็น



     

    “......”

     

    “......”

     

    “นายน่ะ... ได้แบคฮยอนแล้วใช่ไหมล่ะ

     

    “......”

     

     









     

     

     

     

     

    เสียงเฮดังขึ้นลั่นสนามจนได้ยินมาถึงห้องพยาบาล การแข่งขันฟุตบอลจบลงแล้ว ถ้าทีมออลสตาร์ชนะ เขาจะต้องไปเที่ยวบ้านลู่หานช่วงปิดเทอมตามสัญญา แต่หากทีมปีสองห้องบีชนะก็เท่ากับว่าเขามีสิทธิ์ปฏิเสธที่จะไม่ไป

     

    นึกถึงสีหน้าก่อนออกไปของลู่หานแล้วก็เกิดหวั่นใจขึ้นมาดื้อ ๆ หมอนั่นยิ้มมั่นใจ ทั้งมันยังดูเจ้าเล่ห์เสียจนเขาไม่แน่ใจว่าตัวเองคงจะหลงกลอะไรไปหรือเปล่า

     

    โอเซฮุนกำผืนผ้าห่มบนหน้าขาไว้แน่น จะต้องมีทีมใดทีมหนึ่งชนะ



     

    ...แล้วเสียงเฮนี้เป็นของทีมไหนกัน


















    ______________________________________

    ฮูเล่ ฮูเล่ ฮูเล่ฮ่าฮ่า !
    แชปเตอร์หน้าค่อยมากีฬาสีพาร์ทสองกันต่อนะคะ 555555555


    อย่าลืมติดแท็ก #ฟิคฮบ แล้วก็คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้กันหน่อยนะคะ









     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×