ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) 두근두근 ♡ HEARTBEAT | chanbaek hanhun

    ลำดับตอนที่ #14 : ` ( 두근두근 ♡ 13 )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.57K
      22
      21 ต.ค. 56









        


     

     

    เสียงเฮดังลั่นท่ามกลางนักเรียนมากมายที่วิ่งเข้าไปแสดงความยินกับทีมออลสตาร์ในวันนี้ซึ่งช่วงชิงชัยชนะมาได้อย่างเฉียดฉิว และฮีโร่ก็ดูจะไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากลู่หาน โกมีนัมประจำชมรมฟุตบอลที่กำลังยืนยิ้มร่าให้ใครต่อใครเยี่ยงผู้ชนะ

     

    “อีกนิดเดียวแท้ ๆ จะชนะอยู่แล้วเชียว” หนึ่งในเพื่อนร่วมห้องที่ลงแข่งฟุตบอลพูดอย่างหัวเสียพลางบีบไหล่ชานยอลเบา ๆ บางทีเขาอาจจะอยากพูดว่า ไม่เป็นไรนะ ฉันไม่โทษนาย ก็ได้

     

    หากแต่ปาร์คชานยอลก็เพียงแค่หัวเราะเบา ๆ แล้วเบนสายตาไปยังแสตนด์ที่นั่งซึ่งเห็นแบคฮยอนอยู่ตรงนั้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ลาดไหล่ตกลงเล็กน้อยเมื่อภาพที่เขาเห็นนั้นมีเพียงปาร์คจียอนซึ่งกำลังเดินมา และบรรดาเพื่อนร่วมห้องซึ่งแห่แหนเข้ามาให้กำลังใจ

     

    แล้วแบคฮยอนไปไหน...?

     

    “จริงสิ”

     

    ร่างสูงเบนสายตาไปทางนาฬิกาเรือนใหญ่บนตึกเรียนแล้วก็ต้องชะงักไป เขาเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าต่อจากการแข่งฟุตนั้นเป็นกีฬาวิ่งอึดที่แทบไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำ ถ้าอย่างนั้นแบคฮยอนก็คงกำลังเตรียมตัวอยู่ตรงไหนสักแห่งในสนามนี่

     

    ใช่... แบคฮยอนไม่ได้หนีไปไหนสักหน่อย

     

    ไม่ทันขาดคำดวงตากลมโตก็เหลือบไปเห็นคนตัวเล็กกำลังวอร์มร่างกายอยู่ที่มุมสนามอีกฝั่ง กางเกงวอร์มสีเทาและเสื้อยืดสีขาวนั่นยิ่งทำให้แบคฮยอนดูน่ารักยิ่งกว่าทุกที ชานยอลแทบไม่รู้ตัวว่าเขาเผลอยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มแบบไหน ครั้นก้าวขาออกจะเดินไปหา เพื่อนนับสิบทั้งจากในห้องและต่างห้องก็ทยอยกันเข้ามารุมล้อมอย่างครื้นเครง

     

    “แก่ดาวซัลโวของพวกเรา!

     

    จียอนยกมือนำด้วยรอยยิ้มที่ใครต่อใครต่างก็เรียกว่านางฟ้า พูดจบร่างสูงโปร่งก็ถูกอุ้มยกขึ้นเหนือศีรษะของเพื่อนผู้ชาย เพลงเชียร์จากนักเรียนปีสองดังสนั่น แน่นอนว่าปาร์คชานยอลยิ้มได้ แต่ทันทีที่ขากลับมาแตะพื้น เขากลับยิ่งนึกห่วงคนที่กำลังเตรียมตัวอยู่ริมฝั่งสนามตามลำพัง (ถ้านับจากคนที่คิดจะให้กำลังใจแบคฮยอนน่ะนะ)

     

    เสียงเป่านกหวีดดังเรียกผู้เข้าแข่งขันกีฬาวิ่งอึดให้มาเตรียมตัวที่ลู่วิ่งกลางสนาม กติกาก็ง่าย ๆ แค่วิ่งรอบสนามสี่รอบ ใครเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกถือว่าชนะ แต่ไอ้สี่รอบที่ว่าน่ะมันไม่ใช่เล็ก ๆ นี่สิ..
    .

    แวบหนึ่งที่แบคฮยอนหันมาสบตากับเขา ซึ่งชานยอลในตอนนี้ก็ทำได้ยิ้มจนเห็นฟันขาวแล้วชูสองนิ้วกลับไป ร่างบางดูจะอึ้งไปนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็ยิ้มตอบกลับมาแล้วชูสองนิ้วขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ



     

    ไม่เป็นไร... แค่รู้ว่าปาร์คชานยอลคอยให้กำลังใจอยู่ตรงนี้ก็พอ



     

    ชายหนุ่มหันไปเห็นลู่หานกำลังประคองเซฮุนเดินกะเผลกออกมาจากอาคารเรียนใกล้ ๆ เขาไม่รู้ว่าลู่หานแวบหนีไปได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ทั้งคู่เองก็กำลังโบกไม้โบกมือให้กำลังใจจนแบคฮยอนยิ้มได้เป็นครั้งที่สอง ต่างจากเพื่อนในห้องที่ยังคงพากันพูดคุยถึงเกมฟุตบอลที่เพิ่งผ่านพ้นไปอย่างออกรส

     

    เสียงนกหวีดเริ่มการแข่งขันดังขึ้น เรียกหัวใจของชานยอลให้เต้นระส่ำอย่างบอกไม่ถูก ร่างบางในกรอบสายตากำลังถูกนำ เขาอยากจะส่งเสียงเชียร์ออกไป อยากจะบอกให้แบคฮยอนเร่งฝีเท้าไปข้างหน้า แต่ก็เกิดตระหนักกลัวว่ามันอาจทำให้อีกฝ่ายเสียสมาธิ



     

    “แบคฮยอน! สู้ ๆ นะจ๊ะ!!



     

    หากแต่ก็ต้องสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อเสียงหวานใสของหญิงสาวข้าง ๆ ออกปากทลายความกังวลของเขาไปอย่างสิ้นเชิง จียอนหันมายิ้มกว้าง เธอกำลังพยักเพยิดให้เขาส่งเสียงเชียร์แบคฮยอนอย่างที่เธอทำอยู่

     

    ปาร์คชานยอลนึกอยากแค่นหัวเราะใส่ตัวเองที่กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง นั่นสินะ... ก็แบคฮยอนกำลังต้องการกำลังใจไม่ใช่หรือไง นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่เขาไม่ได้ปฏิเสธจียอนมากนักถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าเธอกำลังรออะไรก็เถอะ อย่างน้อยเธอก็นิสัยดีและทำอะไรดี ๆ ให้คนรอบตัวเขามากมาย



     

    “เซ็งชะมัดเลย กระโดดสูงก็แพ้ ฟุตบอลก็แพ้ อย่างนี้ห้องเราก็ชวดเหรียญทองแล้วน่ะสิ”


     

    “แพ้แบบไม่คาดคิดด้วยเนอะ เสียดายชะมัดเลย”



     

    สองหูได้ยินคำตัดพ้อที่ลอยเข้ามาอย่างชัดเจน นอกเหนือจากสำนึกในความผิดที่ว่าเขาเตะลูกบอลวืดจนโดนลู่หานแย่งไปต่อหน้าต่อตาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ตามมาก็เห็นจะมีแต่...








     

    ใช่... ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ในหัวของเขามีแต่เรื่องของบยอนแบคฮยอน









     

    ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่เพิ่งจะถูกยกย่องว่าเป็นดาวซัลโวหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเพื่อน ๆ บนอัฒจันทร์ที่ยังเอาแต่พูดคำว่าเสียดายไม่หยุด ไม่มีสักคนด้วยซ้ำที่กำลังสนใจว่านี่คือการแข่งวิ่งอึด ไม่แม้แต่จะแยแสแบคฮยอนซึ่งเป็นตัวแทนห้องลงแข่งด้วยซ้ำไป

     

    “ทุกคน!

     

    พอตะโกนออกไปอย่างนั้นเสียงจอแจไม่เข้าเรื่องจากกลุ่มคนตรงหน้าก็แผ่วลงจนเหลือเพียงเสียงเชียร์รอบ ๆ อันที่จริงเขาไม่คิดหรอกว่าจะต้องมาออกตัวอะไรแบบนี้เป็นครั้งที่สอง แต่ถึงอย่างนั้น... ถ้าเขาไม่เริ่มล่ะก็คงจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้สักที

     

    “ตอนนี้น่ะเป็นการแข่งวิ่งอึดไม่ใช่เหรอ”

     

    ปาร์คจียอนมองสีหน้าขึงขังของคนที่เธอแอบชอบแล้วก็อดจะชื่นชมไม่ได้ กระนั้นแล้วความรู้สึกวูบโหวงบางอย่างในอกนั้นรังแต่จะร้องเตือนบางอย่าง... บางอย่างที่เธอไม่สามารถเข้าไปแทนที่ได้



     

    แล้วทำไมล่ะ... มันฟังดูไม่มีเหตุผลเอาซะเลย



     

    “แทนที่จะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่มันผ่านไปแล้ว ทำไมเราถึงไม่เชียร์แบคฮยอนล่ะ”

     

    “........”

     

    “กีฬาวิ่งอึดน่ะ มีคะแนนเท่า ๆ กับกีฬาฟุตบอลเลยนะ”

     

    “........”

     

    “ถ้าแบคฮยอนชนะ ก็เท่ากับว่าห้องเรายังมีสิทธิ์ลุ้นเหรียญทองอยู่ไม่ใช่หรือไง”



     

    มันไม่ถูกต้องเลยที่ทุกคนเอาแต่คิดว่าคะแนนวิ่งอึดเป็นอะไรที่ทิ้งเปล่าและเลิกคาดหวังเลิกสนใจไปโดยปริยาย แต่ชานยอลรู้ดี... ในทุกเย็นที่เขาอยู่ซ้อมฟุตบอลนั้นก็มักจะเห็นแบคฮยอนอยู่ตรงแปลงดอกไม้เสมอ ร่างบางลุก แล้วก็นั่ง แล้วก็วิ่งไปกลับระหว่างม้าหินกับห้องน้ำเก่าอย่างไม่รู้เบื่อ

     

    บางทีถ้าเขาไม่ได้เฝ้ามองแบคฮยอนอย่างนั้น... ก็อาจไม่ได้ชนะการแข่งฟุตบอลมาจนถึงวันนี้ก็ได้ สีหน้ามุ่มมั่นของแบคฮยอนมันส่งผ่านกำลังใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าคนอื่นจะไม่เห็น... แต่เขา... แต่ปาร์คชานยอลคนนี้ไม่เคยมองข้ามไปแน่ ๆ

     

    ร่างสูงหันกลับมาในสนามตามเดิม ใกล้จบการวิ่งรอบที่สามแล้ว และเสียงฮือฮาจากเพื่อน ๆ คนอื่นก็ดังขึ้นเมื่อเห็นผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ เริ่มล้าและหมดแรงวิ่งจนเหลือเพียงไม่กี่คนซึ่งทิ้งห่างเข้าสู่รอบที่สี่

     

    และบยอนแบคฮยอนก็กำลังจะแซงไปได้อีกคนแล้ว

     

    มือแกร่งยกขึ้นป้องปาก ปาร์คชานยอลสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึก ก่อนจะตะโกนออกไปด้วยเสียงที่หวังว่าจะดังไปจนถึงคนที่เขาอยากให้ได้ยิน



     

    “แบคฮยอน!! ไฟท์ติ้ง!!!!



     

    แวบหนึ่งที่ร่างบางชะงักแล้วหันมามองเขาจนถูกแซงไปได้คนหนึ่ง แต่เพียงอึดใจเดียวบยอนแบคฮยอนก็ยิ้มและเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ชานยอลยังคงตะโกนอย่างเดิมออกไปเป็นครั้งที่สอง... และครั้งที่สามนั่นเองที่เขารู้สึกว่ามันดังกึกก้องขึ้น มันไม่ใช่เสียงของเขาเพียงคนเดียวอีกต่อไปแล้ว





     

    “แบคฮยอน!! ไฟท์ติ้ง!!!!

     

    “แบคฮยอน!! ไฟท์ติ้ง!!!!

     

    “แบคฮยอน!! ไฟท์ติ้ง!!!!







     

    เสียงเชียร์บยอนแบคฮยอนดังกระหึ่มมาจากทางปีสองห้องบีเสียจนเด่นชัดเหนือเสียงเชียร์จากห้องอื่น ๆ ขณะเดียวกันมันก็เริ่มแฝงไปด้วยความตื่นเต้นและลุ้นอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อร่างบางที่ถูกจำกัดความว่าจืดชืดยิ่งกว่าใคร ในตอนนี้กลับกลายเป็นจุดสนใจ และฮึดจนแซงคนที่วิ่งนำอยู่หน้าสุดได้อย่างเหลือเชื่อ

     

    อีกนิดเดียว... อีกแค่นิดเดียว...



     

    “เฮ!!!!!!!!!!!!!!!!!



     

    เสียงเฮดังขึ้นครึกครื้นจนแทบจะดังโดดอยู่กลุ่มเดียวเมื่อการแข่งขันวิ่งอึดจบลง ร่างสูงยิ้มอย่างโล่งอก เขาในตอนนี้ดูเหมือนคนบ้าเสียจนต้องทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ แล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ

     

    พอเห็นว่าความพยายามของแบคฮยอนไม่สูญเปล่าแล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกดีอย่างนี้นะ เงยหน้าขึ้นก็เห็นร่างบางกำลังเดินไปหาเซฮุนและลู่หานด้วยรอยยิ้มที่ติดจะเขินอายอยู่ในที ทั้งสามคนหัวเราะร่า แล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่เขาที่เอาแต่เก้ ๆ กัง ๆ อยู่คนเดียวซะด้วยสิ

     

    เพื่อนในห้องคนอื่นเองก็ดูละล้าละลังที่จะเข้าไปแสดงความยินดีกับแบคฮยอนซึ่ง ๆ หน้า มันคงเป็นสิ่งที่เรียกว่าประหม่ากระมัง



     

    “เฮ้ย! ทางนั้นน่ะ จะไม่มายินดีหน่อยเหรอ”



     

    ลู่หานป้องปากตะโกนเรียกมาจากทางหน้าตึกเรียนด้วยรอยยิ้มที่ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เห็นอย่างนี้แล้วเขาจะลืมวิธีเอาชนะแสนชั่วร้ายของหมอนี่ไปก่อนก็ได้

     

    ร่างสูงเดินถูจมูกเขาไปจนหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย เสื้อสีขาวก็เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อโชก ทั้งใบหน้าก็ยังมันแผล่บจากการแข่งขันวิ่งอึดที่เพิ่งจบไป แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลกลับไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันยิ่งดูน่ารัก ยิ่งตอนที่คนตัวเล็กหันมายิ้มให้เขาอย่างเก้อ ๆ พลางจับชายเสื้อไปด้วยอย่างนั้นอีก

     

    “ขอบคุณนะ”

     

    นอกจากจะไม่ตอบอะไรกลับไปแล้วปาร์คชานยอลยังแบสองมือขึ้นในระดับใบหน้าจนแบคฮยอนงงตึ้บอีก แต่พอร่างสูงแกล้งทำท่าแปะมือกับลมเป็นตัวอย่างก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจขึ้นมาในทันที สองมือเล็กยกขึ้นอย่างละล้าละลังในท่าเดียวกัน จนกระทั่งมันแปะลงกับมือใหญ่นั้นในที่สุด

     

    สาบานได้ว่าลู่หานที่มองดูยังรู้สึกเหนื่อยแทนจนต้องหันไปกระเซ้าเซฮุน แต่กลับได้รับสีหน้านิ่ง ๆ ตอบกลับมาจนชวนให้รู้สึกอยากแกล้งอีกสักรอบ แต่เอาไว้ก่อน... เขาจะยอมสละเวลาส่วนตัวอันมีค่าให้สองคนตรงหน้านี่ก่อนอย่างพระรองในซีรีย์เลยเอ้า!

     

    “ลูกผู้ชายเขาดีใจกันอย่างนี้เหรอ ไม่เห็นเหมือนตอนแข่งบอลชนะเลยน้า ~” แกล้งพูดกระเซ้าไปอย่างนั้นจนชานยอลหน้าขึ้นสีเรื่อ จะเรียกว่ารู้กันอยู่สองคนก็ถูก แต่พอเห็นปาร์คชานยอลไม่รู้งานแล้วมันอึดอัดพิกล “กอดเลยสิ! แบบลูกผู้ชายไง”

     

    แค่นั้นใบหูนั่นก็แดงตามใบหน้าอย่างช่วยไม่ได้ สีหน้าคนตัวสูงในตอนนี้จะเรียกว่ากระอักกระอ่วนก็คงถูก แต่ถ้าใช้คำว่าเขินอายน่าจะตรงยิ่งกว่า สองมือนั้นแนบข้างลำตัวเสียจนดูออกว่าคงไม่กล้า

     

    พอเห็นแบบนั้น บยอนแบคฮยอนจึงทำได้แค่ยิ้มแห้ง ๆ เพราะรู้สถานะตัวเองดียิ่งกว่าใคร เขาเห็นแม้แต่เพื่อนร่วมห้องคนอื่นที่ยังยืนมองมาจากทางอัฒจันทร์อย่างเก้อ ๆ บางคนเหมือนจะเพิ่มทำใจได้แล้วจึงเริ่มออกเดินมาทางนี้ แต่ไม่ทันตั้งตัว กลิ่นกายและสัมผัสอุ่น ๆ จากวงแขนใครอีกคนก็สวมเข้าอย่างแนบแน่น... แน่นเสียจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวออกมาจากอกปาร์คชานยอลเลยก็ไม่ปาน



     

    อีกแล้ว... อาการแบบนี้...



     

    “เอ่อ...”

     

    “นายทำดีมาก ๆ เลย ทุกคนดีใจมากนะ”

     

    เพียงครู่เดียว บยอนแบคฮยอนก็แทบจะรู้สึกร้อนและแปร่งปร่าไปหมดเมื่ออ้อมกอดจากคนเป็นสิบกำลังสวมทับลงมาบนร่างของเขาและชานยอลจนรู้สึกอึดอัดไปหมด ทุกคนต่างหัวเราะและพึมพำขอบคุณเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

     

    “ฉัน...”

     

    เขากระซิบเบาใกล้ใบหูของชานยอล ในตอนที่ทุกคนต่างพากันหัวเราะเสียจนแน่ใจว่าคงไม่ได้ยินความลับข้อนี้... ความลับที่ว่าร่างกายของแบคฮยอนกำลังปิดปกติขึ้นมาอีกแล้ว



     

    “มันเหมือนตอนนั้นเลย...”

     

    “.......”

     

    “ที่ฉันเคยบอกชานยอลว่า....”

     

    “.......”

     

    “หัวใจมันเต้นแรง.... ซะจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา”

     

    “...อื้ม”



     

    ทั้งที่ตัดสินใจบอกไปเพราะรู้สึกกังวล แต่แบคฮยอนกลับไม่เข้าใจเลย เพราะนอกจากชานยอลจะไม่ตอบอะไรกลับมานอกจากอื้มแล้ว อ้อมกอดด้านในสุดที่เป็นของร่างสูงนั้นมันกลับชวนให้รู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก







     

     

    รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาตงิด...

     

    ลู่หานลอบหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ เมื่อมองจากฝั่งที่เขาเห็นแล้ว ชานยอลกำลังทำสีหน้าแบบพูดไม่ออกบอกไม่ถูกแต่เขินแบบสุด ๆ ไปเลยต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้หมั่นไส้อะไรจริงจังหรอกนะ ในเมื่อตอนนี้ก็ได้รับเรื่องดี ๆ มาเหมือนกันแล้วนี่นา

     

    “อย่าลืมปิดเทอมนี้นะเซฮุนนา

     

    แกล้งพูดกระเซ้าคนข้าง ๆ จนโอเซฮุนต้องถองศอกกลับมาเบา ๆ ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ แต่ถึงอย่างนั้นจะแคร์อะไรล่ะ...



     

    ยังไงซะปิดเทอมนี้บ้านที่ชุนชอนก็ต้องเปิดประตูให้คนข้าง ๆ เขาเข้าไปเหยียบแบบไม่มีข้อโต้แย้งอยู่แล้ว

     

     

     









     

     

     

     

    ท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มเร็วเสียจนน่าใจหายว่าความสนุกของงานกีฬาสีได้จบลงแล้ว เหล่านักเรียนจากทุกชั้นปีกำลังช่วยกันขนเอาของตกแต่งไปเผาทิ้งและทำความสะอาดสถานที่อย่างครื้นเครง และยิ่งเหล่ากรรมการจัดงานแล้ว พวกเขาดูจะวิ่งวุ่นกว่าคนอื่น ๆ ถึงสองเท่า

     

    และในช่วงเย็นนี้จียอนไม่ได้มาขอจับคู่กับชานยอลอย่างเคย เธอวิ่งวุ่นไปยังกลุ่มต่าง ๆ พร้อมกับมินซอกจากห้องเดียวกัน แต่ลึก ๆ แล้วแบคฮยอนรู้ดี ที่เธอทำอย่างนั้นเพราะว่ากำลังคาดหวังให้เขาช่วยบางสิ่งบางอย่างอยู่

     

    ร่างบางกำตั๋วในกระเป๋ากางเกงตัวเองอย่างหลวม ๆ ก่อนจะตกใจเมื่อเผลอทำมันยับไปนิดหน่อยแล้ว ชานยอลยื่นกรวยสีส้มที่ซ้อนกันสามสี่อันมาให้เขา ก่อนเจ้าตัวจะหยิบกรวยที่เหลือซ้อนกันและยกขึ้นซึ่งมันมากกว่าเขาพอดู

     

    “ให้ฉันช่วยเพิ่มไหม”

     

    ว่าแล้วก็ยื่นกรวยออกไปตรงหน้าเพราะหวังจะให้ชานยอลแบ่งมาซ้อนยังกองของเขาเพิ่มขึ้นอีก ทว่าร่างสูงกลับหัวเราะเบา ๆ แล้วว่า “ไม่เป็นไรหรอก”

     

    บยอนแบคฮยอนมองแผ่นหลังของคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าด้วยความรู้สึกแปร่งปร่าอย่างบอกไม่ถูก แผ่นหลังกว้างนั้นยังคงเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ แต่ก็หยุดและหันมามองเขาเป็นพัก ๆ เพื่อให้แน่ใจว่ายังอยู่ เขาไม่แน่ใจนักว่าชานยอลทำแบบนั้นทำไม อาจจะเป็นเพราะเขาซุ่มซ่ามและไม่ได้เรื่องเกินไปหรือเปล่านะ

     

    ร่างสูงค่อย ๆ วางกรวยในอ้อมกอดลงอย่างทุลักทุเลก่อนจะล้วงหยิบกุญแจตู้เก็บอุปกรณ์กีฬาในโรงยิมออกมาและไขเข้าไป มันเป็นห้องแคบ ๆ ที่มีขนาดเล็กกว่าตู้คอนเทนเนอร์นิดหน่อย พอวางกรวยตั้งของตัวเองเสร็จเขาก็เอี้ยวตัวกลับมารับกรวยในมือแบคฮยอนและใส่ซ้อนเข้าไปอย่างเป็นระเบียบ

     

    “เท่านี้ก็เรียบร้อย”

     

    ยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีแล้วก็จัดการปิดล็อกตู้เพราะแน่ใจว่าได้เอาอุปกรณ์กีฬาเวียนมาเก็บจนหมดแล้ว แต่ครั้นจะเดินกลับไปยังทางเดิมชายเสื้อกลับถูกดึงรั้งไว้เบา ๆ จากมือของใครอีกคน

     

    “หืม?”

     

    แบคฮยอนจ้องคนตรงหน้าเขาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก อีกมือก็จับตั๋วสองใบในกระเป๋ากางเกงอย่างหลวม ๆ โดยลังเลว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี

     

    “คือว่า?”

     

    “ว่า...?”

     

    ท้ายสุดแล้วร่างบางก็ตัดสินใจหยิบตั๋วหนังออกมาใบหนึ่งและยื่นให้อีกฝ่ายอย่างทื่อ ๆ ร่างสูงดูจะงุนงงเล็กน้อยแต่ก็รับมันไปถือดู ก่อนริมฝีปากอิ่มจะแย้มกว้าง “นี่มันเรื่องที่ฉันอยากดูพอดีเลย”

     

    “อื้ม”

     

    “รอบวันพรุ่งนี้นี่”

     

    “อื้ม”

     

    “ของแบคฮยอนเหรอ?”

     

    “อื้ม”

     

    ตอบพลางล้วงเอาตั๋วอีกใบมาชูให้คนตรงหน้าดูว่าเป็นเรื่องและรอบเดียวกัน ซ้ำที่นั่งยังข้างกันอีก ซึ่งนั่นมีแต่จะทำให้ปาร์คชานยอลยิ้มกว้างมากกว่าเดิม... ยิ้มจนปากจะฉีกที่ว่าก็คงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง

     

    “ไปดูด้วยกันนะ”

     

    ให้ตายเถอะ... ถ้าทำได้ล่ะก็ปาร์คชานยอลอยากจะวิ่งไปรอบ ๆ แล้วก็ตะโกนออกมาไชโยแบบไม่อายใครไปเลย ไม่คิดเลยสักนิดว่าแบคฮยอนจะชวนเขาดูหนัง หนำซ้ำยังเป็นหนังกระแสเรื่องดังที่ตั๋วถูกจองจนเต็มตั้งแต่ก่อนวันเข้าโรงแบบนี้อีก

     

    “เอาสิ”

     

    ถึงจะตอบรับไปด้วยคำง่าย ๆ แบบนั้น แต่ใจของชานยอลกลับกระโดดโลดเต้นเสียจนรอให้ถึงวันรุ่งขึ้นไม่ไหว เขาดีใจมากเสียจนไม่ทันสังเกตด้วยซำว่ารอยยิ้มของแบคฮยอนนั้นมันดูฝืนไม่ต่างจากทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา



     

    และถ้ารู้สักนิด... ชานยอลมั่นใจว่าเขาคงไม่มีวันตกลงหรอก

     

     

     









     

     

     

     

    คินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปริศนา ตอนฆาตกรรมในตระกูลอินุงามิ

     

    คินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปริศนา ตอนบุรุษวิญญาณ

     

    คินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปริศนา ตอนคดีฆาตกรรมห้องปิดตาย

     

    คินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปริศนา ตอนหมู่บ้านแปดหลุมศพ

     

    คินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปริศนา ตอนคดีฆาตกรรมบนเกาะโกะกุมน




     

    ห้าเล่ม... ห้าเล่มที่เขาคิดว่าสนุกและใช้เวลาเลือกอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง หยิบเล่มนั้นเล่มนี้มาเปลี่ยนที ตั้งใจจะเอาไปให้ในวันพรุ่งนี้ แล้วที่ตื่นเต้นก็เพราะว่าเป็นคนแรกที่มีท่าทีสนใจสนใจนิยายฆาตกรรมเรื่องโปรด แล้วก็ไม่ได้หาว่าเขาอ่านอะไรแปลก ๆ ด้วย




     

    ฉันเองไม่ค่อยได้อ่านหนังสือนักหรอก แต่พอเห็นนายท่าทางสนุกก็เกิดอยากอ่านขึ้นมาเลยล่ะ




     

    ชานยอลจะชอบไหมนะ... จะถูกใจหรือเปล่า... แล้วจะอ่านจบในกี่วันกัน

     

    ค่อย ๆ หยิบเอาหนังสือเรื่องโปรดละเลียดใส่ถุงผ้าทีละเล่มอย่างช้า ๆ ถ้าชานยอลอ่านจบแล้วเขาจะคุยเรื่องไหนก่อนดี จะชอบตอนคดีฆาตกรรมบนเกาะโกะกุมนที่สุดเหมือนเขาไหม หรือว่าจะชอบตอนหมู่บ้านแปดหลุมศพมากกว่า

     

    ยิ่งคิดก็ยิ่งหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ร่างบางมารู้สึกตัวเอาก็ตอนที่มันรู้สึกเมื่อยแก้มไปหมด นี่เขาตื่นเต้นที่จะได้แชร์ความชื่นชอบขนาดนี้เลยหรือไงนะ

     

    หากแต่ยิ้มนั่นก็ต้องหุบลงเมื่อเหลือบไปเห็นตั๋วหนังรอบวันพรุ่งนี้ที่วางอยู่บนโต๊ะ ใบหนึ่งอยู่กับจียอน ใบหนึ่งอยู่กับเขา และอีกใบที่เขาให้ชานยอลไปกับมือ... ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้นตรง หัวใจพองโตกำลังฟีบลงอย่างประหลาด จนคล้ายว่ามันจะว่างเปล่า...



     

    ไม่สิ... เขาไม่ควรจะต้องมารู้สึกอย่างนี้ มันไม่ถูกต้องสักนิด



     

    แต่ว่า...



     

    “........”

     

    จะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือเปล่านะ จะถูกหาว่าผิดสัญญาอีกหรือเปล่า... เพราะตอนนี้เสียงร้องในใจของบยอนแบคฮยอนมันเอาแต่ร่ำหาทางเดิม ๆ ทางที่เขาคิดว่าน่าจะทำให้รู้สึกแย่น้อยกว่าที่เป็นอยู่



     

    ถ้าจะต้องให้ไปอยู่ระหว่างคนทั้งคู่แบบนั้นล่ะก็....











     

    ...ไม่อยากไปเลย


















    ______________________________________

    มาแล้วววววว ถึงจะช้าไปหน่อยแต่ก็มาแล้ว ._ .
    ที่หายไปเพราะโอ้โดนโปรเจคทับตาย O<-<
    ตอนหน้าใครรอฟินชานแบคไว้ อยากจะบอกว่ารอได้เลย 55555555

    เลิ้บนะจู๊บจู๊บ <3



    อ้อ #ฟิคฮบ มีบอทกับเค้าแล้วนะคะ ฮานฮุนมาเจิมแล้ว.... (ทำไม๊!?)
    ว่าง ๆ ก็ไปคุยไปเต๊าะกันแก้เหงาได้นะคะ ._ .

    @sehunhb_
    @luhanhb_









     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×