คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ฝ่าดงนรกเดินดิน (High School of The Dead ) ซอมบี้มา จิตใจคนก็เผย
HIGH SCHOOL OF THE DEAD (ฝ่าดงนรกเดินดิน)
ผู้แต่ง DAISUKE SATO
ภาพ SHOUJI SATO
“พวกมัน” เพ่งพ่านอยู่ทั่วทุกพื้นที่โรงเรียน! พวกทาคาชิสามารถหนีรอดจากฝูงศพมีชีวิตได้ แต่ทว่ากลับมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา!! ตัวตนที่แสนชั่วร้ายยิ่งกว่า “พวกมัน”....พร้อมกับการออกช่วยเหลือเด็กสาวจากฝูง “พวกมัน” และเหล่าผู้รอดชีวิตที่เต็มไปด้วยความ เห็นแก่ตัว
นี้คือคำเปรยจากปกด้านหลังของหนังสือการ์ตูน(เออ....เขาเรียกมังงะเนอะ แต่ผมถนัดพูดคำว่าหนังสือการ์ตูนมากกว่า) เรื่อง HIGH SCHOOL OF THE DEAD (ฝ่าดงนรกเดินดิน) หรือ Gakuen Mokushiroku วิกฤติภัยโรงเรียน
ฝ่าดงนรกเดินดิน เป็นการ์ตูนที่ฮิตเงียบๆ ในบ้านเรา และมีการตั้งกระทู้เถียงในเว็บการ์ตูนบ่อยๆ ในเรื่องอักษรศีลธรรมที่บังเวอร์มาก แค่กางเกงโผล่มานิดหน่อยบังซะแล้วแบบบางฉากไม่สมควรบัง(ผมว่าเพราะอักษรศีลธรรมนี้แหละที่ทำให้หลายคนไม่ชอบอ่านหนังสือการ์ตูนเป็นเล่ม เลยหันมาดูเน็ตแทน)
แล้วมันเป็นการ์ตูนแนวไหนเหรอ.....เออ ในหนังสือเขาบอกแอ็คชั่น แต่ผมอยากนิยามมันใหม่ว่า แนวเอาตัวรอดจากซอมบี้ซะมากกว่า
พูดถึงซอมบี้ ทุกวันคิดถึงอะไร และอะไรที่ทำให้หนังซอมบี้กลายเป็นขวัญใจของคนทั้งโลก ไม่ว่าในรูปเกมส์ การ์ตูน นิยาย หรือแม้กระทั้งหนัง
ด้วยรูปแบบอันทรงพลังของซอมบี้ ที่หลายเรื่องมักกล่าวถึงโลกแฟนตาซีหรือโลกคู่ขนาน(ที่โหด) โลกเราเต็มไปด้วยซอมบี้ เมืองร้าง ผู้คนหนีหาย ซากศพที่ถูกกัดทึ้ง เหมือนขยะ และการเอาตัวรอด โอ้...
เรื่อง HIGH SCHOOL OF THE DEAD รวมเรื่องเหล่านี้ไว้เรียบร้อย มีครบแน่นอน
ผมดูคนหนึ่งตั้งกระทู้วิจารณ์การ์ตูนเรื่องนี้ เขาเขียนว่า ภาพ 7 ( เฉยๆ ถือว่าดีแต่ไม่ค่อยมีอะไรประทับ) , เรื่อง 8 ( เป็นตามฉบับการ์ตูนซอมบี้ ),ประทับใจ 7 ( ไม่รู้นะพึ่งจะดูแค่เล่มแรก ใครว่ายังไงบอกที ) สรุป ฺ B (แบบว่าอ่านสนุกฆ่าเวลาก็ดี ไม่ตาหวาน ไม่ประทับใจผมหุๆๆ )
ผมอ่านเม้นนี้........เออ...คนเรานี้อ่านการ์ตูนหลายแบบเนอะ อ่านเฉพาะดูลายเส้น อ่านเพราะตาหวาน การ์ตูนที่คนอื่นชอบแต่ถ้าให้บางคนอ่านก็ไม่ชอบหรือเกลียดก็ได้
สำหรับผมนะ ผมอ่านการ์ตูนทุกแนวเลยแหละครับ โป๊, วาย, ตาหวาน. แอ็คชั่น ขอให้ไม่ดังนี้ผมดูหมด
แน่นอนเรื่อง HIGH SCHOOL OF THE DEAD ความคิดผมไม่เหมือนคนที่ตั้งกระทู้นี้แน่นอน ผมไม่ได้ดูลายเส้น แม้เนื้อเรื่องอาจดาษๆ เหมือนหนังซอมบีเกณฑ์ B แต่ถ้าเราเปิดใจหน่อย มองอะไรมากกว่านี้หน่อย มันทำให้ผมคิดครับ คิดลึกเลยแหละ และมันกลายเป็นการ์ตูนในดวงใจของผม และหลายๆ คนที่ชอบเลย
เริ่มจากเนื้อเรื่อง ใครที่ชอบดูหนังซอมบี้นี้ก็อาจไม่แปลกใหม่อะไรนัก แต่ที่น่าสังเกตคือการ์ตูนญี่ปุ่นที่เขียนแนวแบบหนีซอมบี้นี้ไม่ค่อยมีนัก ส่วนมากมักเป็นแฟนตาซีที่ซอมบี้เป็นปีศาจชั้นต่ำ ที่เป็นขนมให้ผู้กล้าได้ฟันมันเท่านั้น หรือจะมีก็แนวแอ็คชั่นเลือดสาด ที่เป็นพวกทหารเลวเท่านั้น
แต่ประเภทวิ่งหนีซอมบี้แบบไร้ทางออกนี้เท่าที่ผมเห็น ในการ์ตูนญี่ปุ่นไม่มีสักอย่าง(อย่างมากก็หนีพวกสัตว์จำพวก หนู, หรือตัวเขมือบ)
และรู้ไหมว่าประเภทหนีซอมบี้นั้น มีส่วนประกอบอะไร!?
-เริ่มจากกฎเหล็กของซอมบี้มักตั้งกฎเหล็กของซอมบี้ไว้ 3 ข้อด้วยกัน คือซอมบี้จะโจมตีคน เพื่อกินเป็นอาหาร ซอมบี้ห้ามกินพืชกินหญ้าเด็ดขาด,ยิงมันที่หัว เป็นวิธีเดียวที่จะกำจัดมันได้ด้วยการทำลายส่วนหัว หรือแยกส่วนหัวออกจากตัว} เมื่อถูกซอมบี้กัด จะทำให้เกิดการติดต่อ และกลายเป็นซอมบี้ในที่สุด โดยกฎหลักสามข้อนี้ ได้ถูกนำสร้างหนังหลายต่อหลายเรื่อง
-การตายตัวละครสำคัญในเรื่อง แบบว่าตัวละครต่างๆในเรื่องอุตส่าห์หนีรอดซอมบี้มาได้ และรวมตัวกลุ่มกันสู้ ให้กำลังซึ่งกันและกัน และเมื่อถึงฉากโดนซอมบี้ฆ่า คนดูนั้นรู้สึกสงสารตัวละครที่ตายนั้นมากๆ เสมือนกับว่าไม่อยากทำให้ตัวละครนั้นตาย
-ครอบครัวและเพื่อน คนสำคัญของพระเอกเป็นซอมบี้ และพระเอกมีทางเลือกสองทางคือจะฆ่ามันหรือจะถูกมันฆ่า
-สถานที่เกิดฝูงซอมบี้จะเกิดในบริเวณที่แคบๆ เช่นตึก, เมือง, โรงเรียน แต่ในขณะเดียวกันก็มีการนำเสนอว่าขณะนี้โรคแพร่ระบาดไปทั่วโลก
-ตัวละครในเรื่องต้องสู้กับซอมบี้เพื่อเอาชีวิตรอด แบบไร้ทางออก จนปัญญา เพราะป่านนี้โลกของเราซอมบี้ครองโลกหมดแล้วมั้ง
- ตัวละครร้ายๆ ที่เป็นคนเป็นๆ มีนิสัยเห็นแก่ตัว เผยสันดานดิบขึ้น เช่นทิ้งเพื่อนไว้ดองซอมบี้เพื่อเอาตัวรอด, รัฐบาลใช้จรวดปรมาณูถล่มเมือง, นักการเมืองสั่งปิดสะพานเพื่อไม่ให้ผู้รอดชีวิตหนี.
-ที่สำคัญคนต้องร้ายกว่าซอมบี้
นี้คือกฎหลักๆ ของแนวหนีซอมบี้ครับ และการ์ตูนที่ผมจะเล่านี้พวกกฎหนีซอมบี้ถูกนำมาใส่ครบถ้วน ชนิดไม่ตกหล่นเลย ใครที่เป็นแฟนหนังซอมบี้มาอ่านการัตตีว่าอารมณ์หนีซอมบี้แน่นอน เพราะซอมบี้ที่ออกมาในเรื่องนี้เป็นซอมบี้ยุคเก่าไม่มีกลายพันธุ์เป็นสัตว์ร่างยักษ์ กลายพันธุ์มีตาโตแต่อย่างใด
สำหรับเรื่อง HIGH SCHOOL OF THE DEAD นี้ลงอยู่ในนิตยสารรายเดือน "Dragon Age" ซึ่งเป็นนิตยสารการ์ตูนในเครือของสนพ.คาโดคาวะ โชเทน เขียนผลงานโดย อ.ซาโต้ โชจิ และเนื้อเรื่องโดย อ.ซาโต้ ไดสุเกะ ซึ่งปัจจุบันขณะนี้ก็ออกรวมเล่มมาได้ 2 เล่มแล้ว ในสำนักพิมพ์บงกต(ผมกลัวจังว่าเรื่องมันจะออกทะเลหรือดาวพลูโตหรือเปล่า) แต่ของญี่ปุ่นออกมา 5 เล่ม
“โลกอันสงบสุขที่พวกผมคุ้นเคยมันได้พังทลายลงไปแล้ว”
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นที่ โรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง ในประเทศญี่ปุ่น เล่าโดยผ่านมุมมองของ "โคมุโระ ทาคาชิ"เด็กชั้นมัธยมปลายปีที่ 2 ที่มีนิสัยขี้เบื่อ ทำตัวเอื่อยเฉื่อย ชอบโดดเรียนไปนอนด่านฟ้าประจำ
และวันที่เกิดเรื่อง ระหว่างทางที่เขาจะไปนอนที่ด่านฟ้าเพื่อหลบชั่วโมงเรียนเขาพบกับเพื่อนเข้า
เพื่อนถามทันทีที่เห็นโคมุโระหาว “ไง โคมุโระ โดดเรียนอีกแล้วเหรอ”
โคมุโระเกาหัวและตอบว่า“.......พอดีเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับนะ แล้วไม่มีอารมณ์เรียนด้วย”
เพื่อนถามอีกว่า “โดนสาวทิ้งมาใช่เปล่า....เห็นเขาลื่อๆ กัน พี่สาวที่โตมาด้วยกันแต่ดันซ้ำซั้นจนตอนนี้มาเรียนห้องเดียวกับนายไปเป็นแฟนกับอิโกแล้วใช่ไหมละ”
อิโกที่เพื่อนเป็นเด็กนักเรียนที่เก่งด้านการเรียนและกีฬา มีไหวพริบ ซึ่งแตกต่างกับตัวโคมุโระมาก แต่โคมุโระก็ไม่ใส่ใจกับคำพูดของเพื่อน จากนั้นก็ขอตัวไปขอนอนที่ด่านฟ้าโรงเรียน
ในขณะที่ในใจกำลังย้อนอดีตถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาว(แฟนนั้นแหละ)กับเขาอยู่นั้นเอง.....
จู่ๆก็มีชายลึกลับเข้ามากัดอาจารย์ในโรงเรียน และแล้วมหันตภัยก็เริ่มขึ้นหลังจากนั้น... เมื่อเหล่าอาจารย์และนักเรียนถูกชายลึกลับกัดจนกลายเป็นซอมบี้(ในเรื่องเรียกว่า “พวกมัน”) และมันก็แพร่กระจาบไปทั่วโรงเรียนจนทุกคนเป็นซอมบี้จนเกือบหมด
ในช่วงนี้อร่อยเหาะเลยครับ เห็นด้านมืดของมนุษย์เต็มๆ ผู้คนหนีตายแบบไม่คิดชีวิต ผู้ชายถีบผู้หญิง(เป็นแมนมาก)เพื่อให้ตนเองรอด, บางคนก็ฆ่าตัวตายหนีชีวิต, บางคนก็ฆ่าซอมบี้ที่อดีตเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนชนิดไม่กระพริบตา
ส่วนทางด้านทาคาชิเห็นท่าไม่ดี เขาเลยพาแฟนสาวกิ๊กเก่า(โดยมีอิโกแฟนใหม่ติดสอยไปด้วย)หนีไปด่านฟ้า และตั้งป้อมเพื่อสู้กับซอมบี้เพื่อเอาชีวิตรอด
จากนั้นเนื้อเรื่องก็กล่าวว่ามีเชื้อโรคลึกลับประเภทไข้หวัดมรณะนาม “โรคฆาตกร” ที่สามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ จากนั้นมันก็หันมาฆ่าคน มันกัดคนแหลก และใครที่โดนมันกันก็จะกลายเป็นพวกมัน ตามภาษากฎซอมบี้ และโรคนี้มันก็แพร่กระจายไปทั่วโลกเสียด้วย
ท่ามกลางการสถานการณ์ที่ตึงเครียดจัด ซอมบี้ได้ล้อมด่านฟ้าที่พวกโคมุโระอยู่ และทันใดนั้นเองอิโกแฟนของนางเอกก็เริ่มกลายเป็นสภาพซอมบี้ เนื่องจากพิษที่ถูกซอมบี้กัด
แน่นอนสถานการณ์แบบนี้โคมุโระต้องฆ่าอิโกแน่(ตามแบบฉบับหนังซอมบี้) แต่สำหรับฉากนี้แล้วลึกๆ คงจะสื่อว่าว่าพระเอกน่าจะฆ่าซอมบี้ผสมกับความเกลียดชังกับหมอนี้เข้าไปด้วย หนอยคิดว่าเอ็งหล่อหรือไง แย่งแฟนตรูดีนัก นายเป็นซอมบี้แล้วเรอะ อย่างกระนั้นเลย ตายเสียเถอะ ฮุๆ เดี๋ยวแฟนนายฉันคาบไปกินเอง
หลังจากนั้นสถานการณ์ก็พาไป ถ่านไฟเก่าก็กลับมาร้อนอีกครั้ง ความสัมพันธ์พระเอกกับนางเอกก็แน่นแฟ้นขึ้น หลังจากทั้งสองร่วมมือกันฆ่าอิโก
เราเรียกสถานการณ์นี้ว่า “สมคบคิด” แบบว่าฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นคู่รักมักมีความรักแน่นแฟ้มขึ้นเมื่อทำการฆาตกรรมของเหยื่อตน อย่างกรณีของ ไมร่า ฮินเลย์ และ เอียน แบรดี (Myra Hindley & Ian Brady) ที่มักพูดกับตำรวจว่า หลังจากลงมือฆ่าคนสายสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ยิ่งเหนียวแน่นขึ้น ชนิดเรียกได้ว่าทำอะไรก็ต้องทำร่วมกัน ฆ่าก็ฆ่าด้วยกัน มีความลับก็ต้องมีด้วยกัน เป็นต้น
จากนั้นทั้งคู่ก็พยายามหาทางออกเพื่อหนีออกจากโรงเรียนนรก โดยระหว่างทางก็พบผู้รอดชีวิตหลายต่อหลายคนและรวมกลุ่มกัน ซึ่งประกอบด้วย ชายะ มิยาโมโตะ เรย์ สวยหุ่นเพรียว นักเรียนปี 2 ที่เก่งเรื่องเพลงดาบ, บุซึจิมะ ซาเอโกะ แพทย์ประจำโรงเรียนที่นิสัยเอ๋อๆ หน่อย,ฮิราโนะ โคตะ ผู้คลั่งอาวุธปืน และทาคากิ หญิงสาวผู้อ้างว่าตนเองเป็นอัจฉริยะใส่แว่นเพื่อความน่ารัก(น่าบี้)
และพรรคพวกที่เหลือจะต้องหาทางหนีออกจากโรงเรียนให้ได้ และพวกเขาจะทำอย่างไรเพื่อให้มีชีวิตรอดกับโลกที่กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว.....
ก็ติดตามต่อไป.........
หลังจากผมอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ชอบ(เล่มหนึ่ง) ก็ตอบว่า โอ้ ว้าว.....สนุก อุดมไปด้วยฉากเซอร์วิส หนองโพล้นทะลัก...อุ้ยๆ....ล้อเล่น อ่านแล้วสนุกดีครับ ทั้งโหดทั้งฮ่า(แต่คนอื่นอาจไม่ฮ่า) แบบใส้เป็นใส้ ตาถล่นเป็นถล่น
สิ่งที่ผมฮ่าขำคือมุกครับ แปลกไหมการ์ตูนแนวเอาตัวรอดแท้ๆ แต่ทำไมผมขำ ถ้าคนที่ไม่รู้อะไรมาอ่านนี้อ่านไม่สนใจ อ่านผ่านๆ ไป แต่ถ้าใครคอหนังซอมบี้อ่านนี้อาจขำก็ได้ เช่น
มีฉากหนึ่งเป็นฉากเด็กผู้หญิงสองคนที่จูงมือวิ่งพร้อมกันเพื่อหนีจากซอมบี้ไล่ล่า ทั้งสองต่างให้กำลังใจซึ่งกันละกัน “.....ก็พวกเราเป็นเพื่อนที่ไม่ทิ้งกันอยู่แล้วนี้....”
แหม....ฉากกำลังซึ้งๆ จู่ๆ ซอมบี้ก็ปรากฏตัวออกมากัดคอเพื่อนอีกเข้า
แม้โดนซอมบี้กัด เพื่อนคนนั้นก็ตระกายเพื่อเอาชีวิตรอดมือยังกำมือเพื่อนอีกคนนี้แน่นเพื่อไม่ให้เพื่อนคนนี้หนี “ช่วยด้วยมิชิสึ.......(อย่าหนีนะเว้ยมาช่วยตรูหน่อยซอมบี้กัดคอหอยแล้ว)”
แทนที่เพื่อนคนนั้นจะช่วยเพื่อนรักคนนั้นกลับพูดว่า “บอกให้ปล่อยไงเล่ายัยบ้า(พล่านเอาเท้าถีบหน้าเพื่อนเห็นกางเกงในหมดเลย(อิๆ))”
ฮ่าๆ ขำครับ อุตส่าห์ซึ้งหน้าหนึ่งเต็มๆ พอซอมบี้ล้อม ต่างคนก็เอาตัวรอดแล้ว ตรูเพื่อนรักไม่ใช้เพื่อนตายเอ็งนี้หว่า ใครจะบ้าตายพร้อมกับแก
อีกฉากก็เด็กหนุ่มที่แอบหลงรักบุซึจิมะ ซาเอโกะ แพทย์ประจำโรงเรียน ที่เอาตัวพลีชีพให้ซอมบี้กัด แทนที่อาจารย์จะซึ้งกลับพูดว่า “อา...อา....เธอชื่ออะไรนะ”
เวรกรรม.......เป็นการพลีชีพปกป้องสาวที่ไร้ผลจริงๆ นะเนี้ย
แถมบางเรื่องก็ได้ความรู้อีก ถ้าใครอ่านผ่านๆ นี้คงไม่สนใจหรอกว่ามันคืออะไร พอดีผมมันบ้าจี้ครับ เลยอยากรู้สิ่งที่ตัวเอกพูดคืออะไร ผลคือผมได้ความรู้สองเรื่อง
เรื่องแรกคือ “จอร์จ เอ โรเมโร่” ถือเป็นบิดาของหนังสยองขวัญสมัยใหม่แนวซอมบี้ โดยหนังที่สร้างชื่อของเขาก็มี Night of the Living Dead ภาพยนตร์เรื่องแรกเมื่อปี 1968 โดยร่วมเขียนบท, กำกับ, ถ่ายทำ และตัดต่อด้วยตัวเอง ซึ่งใช้ทุนสร้างเพียง 114,000 เหรียญสหรัฐฯ และเป็นผลงานที่ตั้งใจสะท้อนภาพครอบครัวอเมริกันที่ใช้ชีวิตเหมือนกับกัดกินกันและกันเอง ซึ่งก็สร้างความประหลาดใจให้ผู้ชมได้อย่างอยู่หมัด
และตัวของโรเมโร่ก็เริ่มให้คำนิยามกฎของหนังซอมบี้ โดยใช้ภาพยนตร์อมตะ Dawn of the Dead (1979) ที่ถ่ายทำในห้างสรรพสินค้าชานเมือง เมื่อผู้คนที่รอดตายจากเหล่าซอมบี้ต้องเอาตัวรอดจากวงล้อมของซอมบี้และความชั่วร้ายในจิตใจของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง มาเป็นคำนิยามหนังซอมบี้ในเวลาต่อมา
เรื่องต่อมากาฬโรคระบาดในยุโรป (Black Death หรือ Black Plague หรือ Bubonic Plague) หมายถึงเหตุการณ์โรคระบาดที่ร้ายแรงที่สุดเหตุการณ์หนึ่ง ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ (กาฬโรค)เริ่มต้นขึ้นในแถบตะวันตกเฉียงใต้ และตอนกลางของเอเชีย และแพร่กระจายเข้าไปที่ยุโรป มียอดผู้เสียชีวิตจากทั่วโลกรวมแล้วประมาณ 75 ล้านคน และในจำนวนประมาณ 20 ล้านคนเกิดขึ่นที่แถบยุโรปเท่านั้น จากเหตุการณ์ กาฬโรคระบาดในยุโรปทำให้ชาวยุโรปเสียชีวิตไปร่วม 2/3 ของประชากรชาวยุโรปทั้งหมด ก่อนที่จะหายไปจากยุโรปราวช่วง ศตวรรษที่ 18
เห็นไหมครับ ใครว่าการ์ตูนไร้สาระ ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับมุมมองของเราต่างหากว่าเราจะอ่านแบบไหน อ่านเพื่อความบันเทิงหรืออ่านแบบคิดมาก
และเมื่อความรู้ทั้งสองเรื่องมารวมกัน ก็เกิดคำตอบว่า “ทำไมหนังซอมบี้ถึงฮิต” เนื่องจากแนวคิดโรคระบาดนี้ยังเข้ากับทุกยุคทุกสมัย เพราะสถาวะโลกร้อน (global warming) ได้ทำให้เราเห็นการเกิดไวรัสใหม่ๆ ขึ้นมาบนโลกมากมาย เช่นในรอบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โลกก็ได้รู้จัก โรคซาร์ส (SARS) และโรคไข้หวัดนกอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังพบ โรคมาลาเรียและวัณโรคสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่ดื้อยา เกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งเฉพาะสามโรคนี้ก็ทำให้มีผู้ป่วยรวมกันแล้วมากกว่า 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดในโลกนี้ และทำให้มีผู้เสียชีวิตในแต่ละปีรวมกันแล้วมากกว่า 6 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว!
แน่นอนสักวันหลายๆคนก็ชักวันๆ ว่าจะมีโรคใหม่ที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้เกิดขึ้นหรือเปล่า
อีกเรื่องที่ผมประทับใจในการ์ตูนเรื่องนี้คือการเอาตัวรอดครับ ต่างคนต่างใช้ลักษณะเฉพาะของแต่ละคนงัดขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอดจากฝูงซอมบี้เต็มที่ อย่างโอตากุที่ญี่ปุ่นมองเป็นตัวไร้สาระ วันๆ แต่คลั่งปืน กลับทำตัวเป็นประโยชน์เกินคาดกับสถานการณ์ขณะนี้ เอาของใช้ต่างๆ มาดัดแปลงเป็นอาวูปืนสู้กับซอมบี้ ตั้งสติผจญโลกกันต่อไป ในขณะที่ผู้สิ้นหวังที่ดูเข้มแข็งหลายคนกับเอาแต่บ่นพึงพำว่า “นี้เป็นความฝัน นี้เป็นความฝัน” จากนั้นก็โดดตึกหนีโลกอีกเลย แม้โลกจะเลวร้ายเพียงใด เราก็น่าจะสู้หน่อยนะครับ ขนาดแอฟริกาเกิดสงครามกลางเมืองปล่อยๆ เขายังไม่คิดฆ่าตัวตายเลย “สู้ต่อไปอย่างสิ้นหวัง”
แน่นอนจุดเด่นของแนวซอมบี้พูดถึงนี้ไม่ได้เลย ไม่งั้นจะไม่ใช้หนังซอมบี้ไป นั้นคือ “สุดท้ายแล้วมนุษย์นั้นร้ายกาจกว่าซอมบี้) ทุกวันนี้มนุษย์ต่างใส่หน้ากากเข้าหาสังคมกันครับ เวลาจะคบใครเราก็ไม่ทราบจิตใจที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้ามหรอก นอกเสียจากต้องอาศัยอยู่ร่วมกันหรือมีเหตุการณ์ที่ทำให้เผยนิสัยของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนใหญ่เวลาเกิดเหตุการณ์หายนะ ภัยพิบัตินี้ส่วนใหญ่ผู้อยู่เหตุการณ์มักมีนิสัยเอาตัวรอดหมดแหละครับ ไม่มีช่วยเหลือคนกำลังจะได้หรอก หรือบางคนก็ฉวยโอกาสฆ่าผู้บริสุทธิ์ปล้นเอาเงิน หรือก่อกวนให้เหตุการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก โอ้....คนหนอคน เห็นไหมครับ ซอมบี้แค่กินคนเพื่อตนเองรอดเท่านั้น แต่คนเรานี้ทั้งกินทั้งดูดสิ่งต่างๆ เพื่อเอาตัวรอดอีก
ฉากต่างๆ อาจโหดไปบ้าง เลือดสาดกระจายตามกฎหนังซอมบี้ แต่สิ่งที่กลบฉากโหดก็บางส่วนก็ซึ้งหรือหดหู่เหมือนกัน หลายฉากก็มีเหตุการณ์บังคับให้พระเอกเลือกว่าเราจะเป็นมนุษย์หรือจะเป็นปีศาจฆาตกร
นอกเหนือจากนั้นก็ฉากเซอร์วิตของบรรดาสาวๆ หนองโพทั้งหลาย(ฮุๆๆๆๆ เฮียชอบ ขอเช็ดน้ำลายก่อน)
ผมก็พึ่งมารู้ที่หลังแหละว่าคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้พี่แกเคยเป็นคนวาดการ์ตูนโป๊(โดจิน) แถมบางเรื่องผ่านตาผมมาเรียบร้อย(โฮะๆๆ) เท่าที่เห็นก็มี Cheer for V และ Digital Accel Work ที่ออกปลุกใจเสือป่าแน่นอน
มีบางคนบอกว่าถึงเรื่องมันจะเวอร์ๆไปนิด เช่น โอตาคุที่ยิงปืนแม่นสุดๆ (เขาก็บอกนี้ไปฝึกอบรมการเป็นทหารจริงมา) หรือ อาจารย์มีเพื่อนเป็นหน่วยรบพิเศษ แต่ผมก็ขอบอกละกันครับว่า พฤติกรรมของตัวละครในเรื่องนี้มีมิติ แม้แต่ตัวประกอบก็มีมิติ ชนิดที่ว่าออกมาฉากเดียวก็โดนซอมบี้ฆ่าซะแล้ว แต่ก็อดสงสารไม่ได้ บางคนมีความกล้า ความรัก ความเสียสละ ความเห็นแก่ตัว การเอาตัวรอด และที่สำคัญคือกลุ่มพระเอกที่ใช้พลังกายและความรู้ จากเด็กท่าทางอ่อนแอไร้สาระกลายมาเป็นคนที่พึ่งพาได้ แข็งแกร่ง รู้จักเอาตัวรอด แต่กระนั้นพวกพระเอกก็ไม่ทิ้งความเป็นมนุษย์(จะมีอยู่ช่วงเหมือนกัน แต่มันเป็นเพราะเหตุการณ์พาไปอ่ะนะ)
“รวมกันเราอยู่ แยกหมู่ตายยกแก๊ง”
“เราต้องเป็นสัตว์ป่า แต่ในขณะเดียวกันใจของเราจะยังไม่ทิ้งความเป็นมนุษย์”
หากใครสนใจอยากอ่านการ์ตูนแนวสยองขวัญที่เต็มไปด้วยเหล่าซอมบี้ และเนื้อเรื่องอันชวนน่าติดตาม ทั้งยังพร้อมไปด้วยฉากเซอร์วิส หนองโพ กางเกงใน และอารมณ์หนังซอมบี้ ละก็หาอ่านได้เลยครับ หรือดูเว็บก่อนก็ได้ แบบไม่มีอักษiศิลธรรมมาบังให้หมดรมณ์วัยรุ่น ไม่เซ็นเซอร์(อิๆ)
http://cartooniverse.professionalserverdedecatedhosting.co.uk/en/Highschool_of_the_Dead/1/1
ส่วนโดจินโป๊ใครอยากดูก็นอกรอบครับ ถามในเอ็มเอง(อิๆ)
จบครับจบ+ +
ความคิดเห็น