ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha AF8] ☆ My Sassy Boy|รักนะ...เจ้าตัวร้าย ☆

    ลำดับตอนที่ #8 : My Sassy boy ☆ 06

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 54


    My Sassy Boy ☆ 06






    หลังจากการเฉลิมฉลองในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จบลง  ชีวิตของแต่ละคนที่ได้หยุดพักชาร์ตแบตให้แก่ตัวเองก็ต้องเวียนวนกลับมาสู่วัฏจักรเดิมอีกครั้ง

    และสำหรับนายเศรษฐพงษ์คนนี้ ก็คือ งาน!


    พนักงานหนุ่มรูปหล่อเดินเข้าออฟฟิศด้วยท่าทีผ่าเผย โปรยยิ้มเป็นมิตรให้ทุกคนพลางเอ่ยสวัสดีอีกตามเคย  และพอเดินมาถึงที่โต๊ะทำงานก็พบว่ามีเพื่อนร่วมงานสาวสวยยืนรออยู่แล้ว


    “ฮายค่ะเต๋า นี่ของฝากจากเชียงใหม่ค่ะ”  แจนในชุดเดรสสีน้ำเงินสดยื่นของชิ้นเล็กมาให้  มันคือพวงกุญแจไม้แกะสลักอย่างดี ที่เธอตั้งใจเลือกมันมาให้กับคนตรงหน้านี่แล้ว... ไม่ใช่ของดูมีราคาอย่างเดียว หากแต่ดูมีคุณค่าด้วย


    “ขอบคุณมากเลยครับ”  เต๋ายิ้มรับอีกครั้ง  ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง  “ขอโทษคุณแจนด้วยนะครับ ปีใหม่นี้ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาฝากเลย”


    “ไม่เป็นไรค่ะเต๋า แจนไม่ได้อยากได้ของฝากอะไร แจนก็แค่...อยากให้เต๋าเท่านั้นเอง”  โปรยยิ้มหวานกับท่าทาง(ที่แสร้งทำเป็น)เขินแล้วจึงเดินจากไป


    มารยาหญิง...ร้อยเล่มเกวียน  จะใช้กับสถานการณ์นี้ได้ไหมนะ?

    ก็คงได้... เพราะในสายตาเต๋า  แจนก็คือเพื่อนร่วมงานที่น่ารักคนหนึ่งล่ะ

     


     

     

    - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

    อาหารมื้อเที่ยงมื้อแรกของวันแรกในการเรียนหลังเทศกาลปีใหม่ แทนที่จะเป็นวงสนทนาเกี่ยวกับวันหยุดยาวปลายปี แต่กลับเป็นการพร่ำบ่นถึงเทสย่อยที่เพิ่งผ่านไปเมื่อเช้า

    คชานั่งกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ในชามพลางฟังเพื่อนๆ บ่นไปด้วย


    “โคตรยากเลยว่ะ ของขวัญปีใหม่อ.ตุ๊กนี่ชิ้นใหญ่จริงๆ”
      ต้นบ่นพลางซดน้ำใบบัวบกแก้วใหญ่ไปด้วย  “สอบกลางภาคก็ห่วย เทสย่อยยิ่งห่วย ชีวิตก็เลยโคตรห่วย”


    “ไม่เป็นไร จบไปฉันจะไปสมัครแอร์ ไม่เกี่ยวกับวิชาการตลาดนี่สักนิด”  ดิวพูดปลอบใจตัวเองเสร็จก็ฉีกยิ้มเจื่อนๆ ค้าง ทำท่าของว่าที่นางฟ้าในอนาคต


    “เฮ้อ.............”  เสียงถอนหายใจยาวไม่ได้มาจากใครที่ไหน พ่อหนุ่มหน้าเนิร์ดอย่างโปเต้ก็เป็นไปกับเขาด้วย  ก็ปีใหม่ที่ผ่านมาเจ้าหนุ่มไปเที่ยวโคราชบ้านสาวดิวมาจนเพลินไง ถึงได้มานั่งถอนหายใจแบบนี้

    ส่วนคชา... ก็พอทำได้อยู่บ้างแหละเพราะปีใหม่ที่ผ่านมาไม่ได้ไปไหน จึงได้อ่านผ่านๆ ตามาบ้าง  แต่ไอ้ที่ทำไม่ได้ก็เยอะอยู่  เลยนั่งเพลียเหมือนกับเพื่อนๆ อีกสามคนที่เรียนสาขาเดียวกันนี่แหละ


    “ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันเพลียๆ แล้ว... ไปฉลองความเพลียกันหน่อยไหมวะ?”
      ต้นเป็นหัวเรือใหญ่เสนอความคิด

    “ฉลอง... ที่ไหน?”  คชาถาม

    “ไม่มีตังค์แล้วนะ”  ดิวพูดขึ้นบ้าง

    “เออ.. ไม่ต้องใช้ตังค์หรอก... ไปฉลองที่บ้านไอ้โปเต้ไง ฮ่าๆๆๆ”  ว่าแล้วคนพูดอย่างต้น รวมถึงอีกสองสหายก็หันไปมองหนุ่มตี๋ที่กำลังนั่งอ้าปากเหวออยู่

    “หา....”


    ไม่ต้องหาแล้ว... ไปบ้านโปเต้นี่แหละ

     



     

    - - - - - - - - - - - - -

     



     

    อยู่บ้านโปเต้ สองทุ่มมารับหน่อย

    เต๋ามองนาฬิกาที่ข้อมือ  เพิ่งจะหกโมงเย็น... บอกไว้ล่วงหน้าตั้งสองชั่วโมงแบบนี้ คงอาจจะทำรายงาน ไม่อย่างนั้นก็คงกำลังฉลองกันสนุกอยู่

    ยังดีที่ว่าเป็นโปเต้ ไอ้หนุ่มหน้าตี๋ที่เต๋าคุ้นเคยเป็นอย่างดี  ถ้าลองเป็นบ้านคนอื่นเขาคงอดหึงไม่ได้แน่ๆ


    เต๋าที่เคลียร์งานวันนี้เสร็จแล้วเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเรียบร้อย  กำลังจะลุกเดินออกไป สาวสวยอย่างแจนก็มายืนรออยู่แล้ว


    “ไปกันเถอะค่ะ คนอื่นๆ กำลังสนุกอยู่เลย”

    ไม่ได้ไปไหนหรอก... ก็ห้องประชุมของบริษัทที่วันนี้ถูกเปลี่ยนเป็นห้องสำหรับปาร์ตี้น่ะสิ...  ปาร์ตี้ที่บริษัทจัดให้กับพนักงานทุกคนเพื่อเป็นการเริ่มต้นการทำงานในพุทธศักราชใหม่


    อาหาร เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ เพลงมันส์ๆ... จัดเต็ม
    !

     

     

     



    ห้องประชุมอันน่าตึงเครียดถูกเปลี่ยนเป็นห้องสำหรับปาร์ตี้ได้อย่างเหลือเชื่อ  แสงไฟสีส้มนวลถูกเปิดแทนที่จะเป็นนีออนสีขาวแยงตา... เหล้าเบียร์ที่วางกองอยู่ ช่วงยั่วยวนให้พนักงานออฟฟิศหนุ่มสาวผู้หลงใหลในแอลกอฮอล์ยิ่งนัก

    เต๋าเดินไปตักอาหารง่ายๆ สองสามอย่างใส่จาน  นั่งกินอยู่ไม่นาน  ก็มีแก้วน้ำสีดำมาวางอยู่ตรงหน้า


    “โค้กน่ะค่ะ”  เต๋ายิ้มรับ พยักหน้าเชิงขอบคุณ  กำลังจะหันไปสนใจอาหารในจานต่อ เสียงหวานก็เรียกเอาไว้อีก

    “เต๋าคะ... พอเพลงเปิดเราไปเต้นกันหน่อยไหม?”

    “อ่า.. ครับ”  เต๋าตอบตกลง ...ไม่ได้หมายจะเต้นกับหญิงสาวตรงหน้าสองคนหรอก แต่หมายรวมเอาพี่ๆ น้องๆ ในออฟฟิศคนอื่นอีกมากมายด้วย


    เห็นมาดนิ่งๆ แบบนี้ เต๋าน่ะ...ขาแดนซ์นะ
    !

     

     


     

    หลังจากเจ้านายใหญ่เข้ามากล่าวอะไรเล็กๆ น้อยๆ เปิดงาน  รวมถึงเปิดขวดไวน์ชั้นดีที่วางยั่วยวนตั้งแต่ยังไม่ย่ำค่ำ  เวลาของปาร์ตี้จริงๆ ก็เริ่มขึ้น  แสงไฟจากลูกบอลตรงกลางสลับสีเจิดจ้าวนเวียนไปมา  เพลงบีทหนักๆ จังหวะรัวเร็วถูกเปิดขึ้น  แก้วหลายใบถูกน้ำสีต่างๆ ที่เจือไปด้วยแอลกอฮอล์รินใส่  หนุ่มสาวออฟฟิศเริ่มโยกย้ายตามจังหวะ


    เต๋าถูกหญิงสาวดึงมือให้ไปโยกย้ายตามเสียงเพลงที่มุมหนึ่งของห้อง  เธอปลดเอาเสื้อคลุมไหล่ตัวยาวออกให้เหลือเพียงเดรสเกาะอกสีน้ำเงินสดที่สอดรับกับแสงไฟหลากสีเป็นอย่างดี

    รูปร่างได้สัดส่วนโยกย้ายไปตามจังหวะเพลงไปมาแลดูเซ็กซี่  ส่วนเต๋าเองก็กำลังโยกตัวอย่างสนุกสนานเช่นกัน แม้สายตาจะไม่ได้จดจ้องอยู่ที่แจนก็ตาม


    หันมาอีกที แจนก็ยื่นแก้วน้ำสีนิลให้... แอลกอฮอล์แก้วแรกของวันที่เต๋าปฏิเสธในทีแรก หากแต่ต้องรับไว้จนได้ เพราะเพื่อนพนักงานออฟฟิศหนุ่มๆ อีกหลายคนส่ายหน้าบอกเป็นนัยว่าเต๋าไม่ได้เรื่องน่ะสิ

    มือเรียวยื่นไปรับแก้วนั้นมา แตะโดนเข้ากับมือเย็นๆ ของแจนเพราะความจงใจของอีกฝ่าย  หากแต่เต๋าไม่ได้สนใจนัก  เขารับแก้วน้ำสีนิลนั้นมากระดกเข้าลำคอในรวดเดียวก่อนจะคืนเธอไป  พร้อมกันนั้นก็ตามด้วยเสียงเฮยกใหญ่ และเพลงเพลงใหม่ที่บีทมันส์ยิ่งกว่าเดิม

     

     



     

    - - - - - - - - - - - - -

     

     


     

    คชานั่งหน้างออยู่นานแล้ว...

    คนตัวเล็กมองนาฬิกาที่ผนังบ้านของโปเต้  สองทุ่มยี่สิบนาที

    หลังจากกินข้าว นั่งคุยเล่น ร้องเพลงกัน  ต้นก็ขอตัวกลับหอพักไปก่อนแล้ว เหลือแค่ดิวที่มานั่งอยู่กับเขาเป็นเพื่อน และโปเต้เจ้าของบ้านนี่แหละ


    “เดี๋ยวก็มาแล้ว.. เชื่อสิ”  สาวโคราชพูดปลอบด้วยสำเนียงกรุงแบบแปร่งๆ  ทว่าคชาก็ยังเบะปากอย่างไม่พอใจอยู่ดี


    จะว่าเขาเป็นคนเอาแต่ใจก็ใช่... แต่พี่เต๋าไม่เคยปล่อยให้เขารอนานไม่ใช่หรอ หรือถ้าจะมาสาย ก็มักจะมีข้อความส่งมาบอกก่อนทุกครั้ง ไม่ใช่เงียบหายไปแบบนี้


    ยี่สิบนาทีนี้... เป็นไปได้รึเปล่าว่าพี่เต๋าอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่ไหนสักแห่ง หรือมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น  หรือที่จริงแล้วพี่เต๋ากำลังมัวแต่ทำอย่างอื่น จนลืมที่จะส่งข้อความมาบอกแม้แต่สั้นๆ ว่าจะมาสาย?


    แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน... คชาก็ไม่ชอบทั้งนั้น


    คนตัวเล็กกำแหวนที่นำมาร้อยใส่เป็นจี้ห้อยคออีกครั้งราวกับจะส่งสัญญาณไปหาเจ้าของเดิม  ก่อนจะลดมือลงมากดส่งข้อความไปหาปลายทางเดิมอีกครั้ง



    อยู่ไหน? เลยมา 20 นาทีแล้วนะ

     

     

     



     

    คงเป็นโชคดีของเต๋าที่ออกมาเข้าห้องน้ำในเวลาที่คชาส่งข้อความหาพอดี จึงได้ทันรู้สึกตัวถึงแรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าเสื้อ และเปิดข้อความดูในที่สุด


    ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วเมื่อได้อ่านมัน  ถึงข้อความมันจะเรียบห้วนแค่ไหน แต่เต๋ากลับนึกถึงสีหน้าของคนส่งมาได้อย่างแจ่มแจ้ง 


    ตัวเล็กจะกำลังทำหน้ายังไง จะรู้สึกเสียใจและผิดหวังแค่ไหน

    ทั้งๆ ที่เคยบอกเอาไว้แล้ว จะไม่ให้ตัวเล็กต้องรออีก
    แต่ก็เป็นเขาเอง ที่ผิดคำพูดจนได้


    มือเรียววักน้ำล้างที่ใบหน้าขาวซีดให้ตื่นเต็มตา  ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวออกไปจากที่นั่นโดยไม่ทันได้กลับเข้างานไปบอกลาใคร

    จากที่นี่ไปบ้านโปเต้... คงจะประมาณสามสิบนาที... ไปถึงก็สักสามทุ่มพอดี


    ขอโทษครับตัวเล็ก ช่วยรอพี่ก่อนนะ


     


     

    - - - - - - - - - - - - -

     

     



    คนตัวเล็กรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้ารถยนต์สีขาวคันเดิมแล่นมาถึงสักที  หลังจากนั่งรอตามข้อความที่ถูกส่งกลับมาตอนสองทุ่มครึ่ง

    หากแต่ในความดีใจ... มันรู้สึกทั้งโกรธเคือง งอน น้อยใจสับสนปนเปกันไป  หวังว่าเหตุผลดีๆ ที่ออกมาจากปากของคนรูปหล่อตรงหน้าจะช่วยบรรเทาอารมณ์ต่างๆ เอาไว้ได้
      ทว่าคชาก็ต้องรู้สึกผิดหวังอีกครั้ง


    “พี่ไม่มีอะไรจะแก้ตัวครับ... คราวนี้พี่ผิดจริงๆ  พี่ขอโทษนะครับ”

    เต๋าเอ่ยเรียบๆ อย่างสำนึกผิด  คนตัวเล็กไม่ตอบ... หากแต่เดินขึ้นไปนั่งที่เบาะหน้าเช่นเคย  ก่อนจะนั่งเงียบไปตลอดทาง

     



    จนกระทั่งเมื่อรถติดไฟแดงที่สี่แยก... เต๋าจึงเป็นฝ่ายเปิดปากก่อน


    “ชา... พี่ขอโทษ พี่ผิดไปแล้วครับ พี่ขอโทษจริงๆ”

    ใบหน้าหล่อเหลาหันไปเอ่ยกับอีกฝ่าย  หากแต่คนฟังกลับไม่แม้แต่จะหันมามอง  ใบหน้าหวานไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วหรือแสดงความรู้สึกใดๆ  มีแต่นิ่งเฉยราวกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุยังไงอย่างงั้น


    “ตัวเล็กจะโกรธพี่ก็ได้... พี่ผิดไปแล้ว พี่ยอมรับ”  เสียงทุ้มเอ่ยต่อไป

    “แต่อย่าทำแบบนี้ได้ไหม? อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนในสายตาคชาเลย”


    เต๋าจบคำพูดลงเท่านั้น เอื้อมมือไปกำลังจะแตะที่ข้อมืออีกฝ่าย เสียงแตรรถคันด้านหลังก็ร้องเตือนให้เขาขับต่อไปเพราะไฟเขียวแล้ว


    ชายหนุ่มไม่มีทางเลือก จึงต้องหันไปประคองรถคันเดิมไปให้ถึงจุดหมายก่อน


    หากแต่ขับไปได้ไม่นาน... เสียงสะอื้นของอีกคนก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบเชียบ

     

    เต๋ารีบหยุดรถเอาไว้ที่เลนซ้ายสุดทันที


    “ชา...”  เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ  ยิ่งมองดูภาพคนตัวเล็กปาดน้ำตาที่ไหลผ่านแก้มก็ยิ่งรู้สึกผิด 


    เขามันแย่จริงๆ ที่ทำให้คชาต้องมาเสียน้ำตาแบบนี้  เขามันแย่จริงๆ


    “พี่เต๋า..ฮึก..ไปทำอะไรมา..ฮือ...ปล่อยให้ชารอตั้งนาน...ฮึก... รู้ไหมชาเป็นห่วงพี่แค่ไหน?”

    น้ำเสียงสั่นเครือที่ดังอู้อี้จากในลำคอทำเอาคนฟังทั้งรู้สึกเศร้า รู้สึกผิดขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว  หากแต่รู้สึกชื้นใจขึ้นเยอะเมื่อได้รับรู้ว่าร่างเล็กข้างหน้าที่เป็นห่วงเขามากมายแค่ไหน   มือเรียวยื่นไปปาดหยดน้ำใสๆ ออกจากแก้มขาว  หากแต่ไม่ทันหมด มันก็ไหลออกมาจากตาคู่เดิมซ้ำอีก


    “พี่ขอโทษครับ วันนี้ที่บริษัทจัดปาร์ตี้ พี่เพลินไปหน่อยจนลืมดูเวลา” เต๋าเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้  ยื่นมือไปปาดน้ำตาออกอีกครั้ง  “อย่าร้องไห้นะตัวเล็ก... พี่ขอโทษ”


    “ชา...ฮึก...ก็ไม่ได้อยาก..ร้องไห้...หรอก...ฮึก...น้ำตามันไหล..ออกมาเอง”
     

    ทั้งๆ ที่ทนกลั้นไว้ตั้งนาน  แต่สุดท้ายก็ระเบิดออกมาแบบนี้จนได้


    “โอเคครับ...ไม่เป็นไร ตัวเล็กร้องไห้ ตัวโตก็จะเช็ดน้ำตาให้เอง”

    เหมือนเต๋าจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าบนรถมีกระดาษทิชชู่อยู่  มือเรียวจึงรีบคว้ามันมาเช็ดน้ำตาออกให้อีกฝ่าย  ซับมันไปเรื่อยๆ จนน้ำตาเริ่มไหลช้าลงจนแทบจะหยุดในที่สุด เต๋าจึงเปลี่ยนเป็นการดึงเจ้าตัวเล็กมากอดไว้แทน  มืออุ่นลูบศีรษะเล็กเบาๆ อย่างทะนุถนอม  คนตัวเล็กค่อยๆ หลับตาบวมๆ ที่เปรอะไปด้วยน้ำตาลง มือจับไหล่พี่ชายคนเดิมไว้แน่นราวกับจะยึดอีกคนเอาไว้ไม่ให้ไปไหน


    โอเคครับตัวเล็ก... พี่เต๋าจะอยู่ตรงนี้เอง จะไม่ทิ้งตัวเล็กให้อยู่คนเดียวอีกแล้ว



     

    “หายโกรธพี่รึยังครับ?”  หลังจากกอดร่างเล็กไว้พักใหญ่  เสียงนุ่มก็เอ่ยถามขึ้น  หากแต่ร่างเล็กในอ้อมกอดกลับจงใจส่ายหน้าแรงๆ ซะจนคนถามแอบอมยิ้มออกมา


    ถ้าทำแบบนี้ได้... แสดงว่าไม่ได้โกรธเขาจริงๆ หรอก


    “แล้วพี่ต้องทำยังไงชาถึงจะหายโกรธล่ะครับ?”  เสียงเดิมกระซิบถามต่อ ขยับเข้าใกล้ซะจนริมฝีปากสัมผัสเข้าที่ใบหู  ทำเอาคนในอ้อมกอดต้องรีบกระเด้งตัวมาอยู่ที่เบาะของตนเองตามเดิม

    ปากบางเบะออก บ่งบอกอาการงอนปนเขินของเจ้าตัวได้อย่างชัดเจน


    “ไอติมสักสามลูก เค้กปอนด์นึง น้ำพั้นช์... แถมเลมอนให้ด้วย จะหายโกรธไหมครับ?” เต๋าอมยิ้มพูดเย้าแหย่ซะจนอีกคนหน้าขึ้นสียิ่งกว่าเดิม


    “พูดมากจัง  จะได้กลับบ้านไหมเนี่ย  รีบๆ ขับรถดีกว่าน่า”  คนตัวเล็กโวยวายแก้เขิน  ทำเอาเต๋ายิ้มแก้มปริแล้วจึงหันไปสตาร์ทรถอีกครั้ง

    “โอเคครับ ถ้าขับไปถึงบ้านแล้วหายโกรธนะ”  เต๋ายังคงพูดเย้าไปพลางขับรถไปด้วย  ไม่ได้หันมามองคนข้างๆ ที่นั่งส่ายหน้าน้อยๆ กับตัวเอง


    คชาส่ายหน้า เพราะไม่ได้โกรธพี่เต๋าแล้วต่างหาก...

    ความโกรธเคืองมันหมดไปตั้งแต่ที่พี่เต๋าพูดขอโทษคำแรกแล้ว

     

     



    TBC

    ไหนบอกจะดราม่า... ฮ่าๆๆ ออกมาแบบนี้จนได้สิเรา
    ขอบคุณทุกคนมากๆ นะค้า
    ถ้าชอบก็เม้นกันสักนิดให้ชื่นใจหน่อยเนอะ แหะๆ จะได้มีแรงแต่งต่อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×