คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : My Sassy boy ☆ 06
My Sassy Boy ☆ 06
หลังจากการเฉลิมฉลองในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จบลง ชีวิตของแต่ละคนที่ได้หยุดพักชาร์ตแบตให้แก่ตัวเองก็ต้องเวียนวนกลับมาสู่วัฏจักรเดิมอีกครั้ง
และสำหรับนายเศรษฐพงษ์คนนี้ ก็คือ งาน!
พนักงานหนุ่มรูปหล่อเดินเข้าออฟฟิศด้วยท่าทีผ่าเผย โปรยยิ้มเป็นมิตรให้ทุกคนพลางเอ่ยสวัสดีอีกตามเคย และพอเดินมาถึงที่โต๊ะทำงานก็พบว่ามีเพื่อนร่วมงานสาวสวยยืนรออยู่แล้ว
“ฮายค่ะเต๋า นี่ของฝากจากเชียงใหม่ค่ะ” แจนในชุดเดรสสีน้ำเงินสดยื่นของชิ้นเล็กมาให้ มันคือพวงกุญแจไม้แกะสลักอย่างดี ที่เธอตั้งใจเลือกมันมาให้กับคนตรงหน้านี่แล้ว... ไม่ใช่ของดูมีราคาอย่างเดียว หากแต่ดูมีคุณค่าด้วย
“ขอบคุณมากเลยครับ” เต๋ายิ้มรับอีกครั้ง ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง “ขอโทษคุณแจนด้วยนะครับ ปีใหม่นี้ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาฝากเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะเต๋า แจนไม่ได้อยากได้ของฝากอะไร แจนก็แค่...อยากให้เต๋าเท่านั้นเอง” โปรยยิ้มหวานกับท่าทาง(ที่แสร้งทำเป็น)เขินแล้วจึงเดินจากไป
มารยาหญิง...ร้อยเล่มเกวียน จะใช้กับสถานการณ์นี้ได้ไหมนะ?
ก็คงได้... เพราะในสายตาเต๋า แจนก็คือเพื่อนร่วมงานที่น่ารักคนหนึ่งล่ะ
- - - - - - - - - - - - -
อาหารมื้อเที่ยงมื้อแรกของวันแรกในการเรียนหลังเทศกาลปีใหม่ แทนที่จะเป็นวงสนทนาเกี่ยวกับวันหยุดยาวปลายปี แต่กลับเป็นการพร่ำบ่นถึงเทสย่อยที่เพิ่งผ่านไปเมื่อเช้า
คชานั่งกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดพะโล้ในชามพลางฟังเพื่อนๆ บ่นไปด้วย
“โคตรยากเลยว่ะ ของขวัญปีใหม่อ.ตุ๊กนี่ชิ้นใหญ่จริงๆ” ต้นบ่นพลางซดน้ำใบบัวบกแก้วใหญ่ไปด้วย “สอบกลางภาคก็ห่วย เทสย่อยยิ่งห่วย ชีวิตก็เลยโคตรห่วย”
“ไม่เป็นไร จบไปฉันจะไปสมัครแอร์ ไม่เกี่ยวกับวิชาการตลาดนี่สักนิด” ดิวพูดปลอบใจตัวเองเสร็จก็ฉีกยิ้มเจื่อนๆ ค้าง ทำท่าของว่าที่นางฟ้าในอนาคต
“เฮ้อ.............” เสียงถอนหายใจยาวไม่ได้มาจากใครที่ไหน พ่อหนุ่มหน้าเนิร์ดอย่างโปเต้ก็เป็นไปกับเขาด้วย ก็ปีใหม่ที่ผ่านมาเจ้าหนุ่มไปเที่ยวโคราชบ้านสาวดิวมาจนเพลินไง ถึงได้มานั่งถอนหายใจแบบนี้
ส่วนคชา... ก็พอทำได้อยู่บ้างแหละเพราะปีใหม่ที่ผ่านมาไม่ได้ไปไหน จึงได้อ่านผ่านๆ ตามาบ้าง แต่ไอ้ที่ทำไม่ได้ก็เยอะอยู่ เลยนั่งเพลียเหมือนกับเพื่อนๆ อีกสามคนที่เรียนสาขาเดียวกันนี่แหละ
“ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันเพลียๆ แล้ว... ไปฉลองความเพลียกันหน่อยไหมวะ?” ต้นเป็นหัวเรือใหญ่เสนอความคิด
“ฉลอง... ที่ไหน?” คชาถาม
“ไม่มีตังค์แล้วนะ” ดิวพูดขึ้นบ้าง
“เออ.. ไม่ต้องใช้ตังค์หรอก... ไปฉลองที่บ้านไอ้โปเต้ไง ฮ่าๆๆๆ” ว่าแล้วคนพูดอย่างต้น รวมถึงอีกสองสหายก็หันไปมองหนุ่มตี๋ที่กำลังนั่งอ้าปากเหวออยู่
“หา....”
ไม่ต้องหาแล้ว... ไปบ้านโปเต้นี่แหละ
- - - - - - - - - - - - -
‘อยู่บ้านโปเต้ สองทุ่มมารับหน่อย’
เต๋ามองนาฬิกาที่ข้อมือ เพิ่งจะหกโมงเย็น... บอกไว้ล่วงหน้าตั้งสองชั่วโมงแบบนี้ คงอาจจะทำรายงาน ไม่อย่างนั้นก็คงกำลังฉลองกันสนุกอยู่
ยังดีที่ว่าเป็นโปเต้ ไอ้หนุ่มหน้าตี๋ที่เต๋าคุ้นเคยเป็นอย่างดี ถ้าลองเป็นบ้านคนอื่นเขาคงอดหึงไม่ได้แน่ๆ
เต๋าที่เคลียร์งานวันนี้เสร็จแล้วเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเรียบร้อย กำลังจะลุกเดินออกไป สาวสวยอย่างแจนก็มายืนรออยู่แล้ว
“ไปกันเถอะค่ะ คนอื่นๆ กำลังสนุกอยู่เลย”
ไม่ได้ไปไหนหรอก... ก็ห้องประชุมของบริษัทที่วันนี้ถูกเปลี่ยนเป็นห้องสำหรับปาร์ตี้น่ะสิ... ปาร์ตี้ที่บริษัทจัดให้กับพนักงานทุกคนเพื่อเป็นการเริ่มต้นการทำงานในพุทธศักราชใหม่
อาหาร เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ เพลงมันส์ๆ... จัดเต็ม!
ห้องประชุมอันน่าตึงเครียดถูกเปลี่ยนเป็นห้องสำหรับปาร์ตี้ได้อย่างเหลือเชื่อ แสงไฟสีส้มนวลถูกเปิดแทนที่จะเป็นนีออนสีขาวแยงตา... เหล้าเบียร์ที่วางกองอยู่ ช่วงยั่วยวนให้พนักงานออฟฟิศหนุ่มสาวผู้หลงใหลในแอลกอฮอล์ยิ่งนัก
เต๋าเดินไปตักอาหารง่ายๆ สองสามอย่างใส่จาน นั่งกินอยู่ไม่นาน ก็มีแก้วน้ำสีดำมาวางอยู่ตรงหน้า
“โค้กน่ะค่ะ” เต๋ายิ้มรับ พยักหน้าเชิงขอบคุณ กำลังจะหันไปสนใจอาหารในจานต่อ เสียงหวานก็เรียกเอาไว้อีก
“เต๋าคะ... พอเพลงเปิดเราไปเต้นกันหน่อยไหม?”
“อ่า.. ครับ” เต๋าตอบตกลง ...ไม่ได้หมายจะเต้นกับหญิงสาวตรงหน้าสองคนหรอก แต่หมายรวมเอาพี่ๆ น้องๆ ในออฟฟิศคนอื่นอีกมากมายด้วย
เห็นมาดนิ่งๆ แบบนี้ เต๋าน่ะ...ขาแดนซ์นะ!
หลังจากเจ้านายใหญ่เข้ามากล่าวอะไรเล็กๆ น้อยๆ เปิดงาน รวมถึงเปิดขวดไวน์ชั้นดีที่วางยั่วยวนตั้งแต่ยังไม่ย่ำค่ำ เวลาของปาร์ตี้จริงๆ ก็เริ่มขึ้น แสงไฟจากลูกบอลตรงกลางสลับสีเจิดจ้าวนเวียนไปมา เพลงบีทหนักๆ จังหวะรัวเร็วถูกเปิดขึ้น แก้วหลายใบถูกน้ำสีต่างๆ ที่เจือไปด้วยแอลกอฮอล์รินใส่ หนุ่มสาวออฟฟิศเริ่มโยกย้ายตามจังหวะ
เต๋าถูกหญิงสาวดึงมือให้ไปโยกย้ายตามเสียงเพลงที่มุมหนึ่งของห้อง เธอปลดเอาเสื้อคลุมไหล่ตัวยาวออกให้เหลือเพียงเดรสเกาะอกสีน้ำเงินสดที่สอดรับกับแสงไฟหลากสีเป็นอย่างดี
รูปร่างได้สัดส่วนโยกย้ายไปตามจังหวะเพลงไปมาแลดูเซ็กซี่ ส่วนเต๋าเองก็กำลังโยกตัวอย่างสนุกสนานเช่นกัน แม้สายตาจะไม่ได้จดจ้องอยู่ที่แจนก็ตาม
หันมาอีกที แจนก็ยื่นแก้วน้ำสีนิลให้... แอลกอฮอล์แก้วแรกของวันที่เต๋าปฏิเสธในทีแรก หากแต่ต้องรับไว้จนได้ เพราะเพื่อนพนักงานออฟฟิศหนุ่มๆ อีกหลายคนส่ายหน้าบอกเป็นนัยว่าเต๋าไม่ได้เรื่องน่ะสิ
มือเรียวยื่นไปรับแก้วนั้นมา แตะโดนเข้ากับมือเย็นๆ ของแจนเพราะความจงใจของอีกฝ่าย หากแต่เต๋าไม่ได้สนใจนัก เขารับแก้วน้ำสีนิลนั้นมากระดกเข้าลำคอในรวดเดียวก่อนจะคืนเธอไป พร้อมกันนั้นก็ตามด้วยเสียงเฮยกใหญ่ และเพลงเพลงใหม่ที่บีทมันส์ยิ่งกว่าเดิม
- - - - - - - - - - - - -
คชานั่งหน้างออยู่นานแล้ว...
คนตัวเล็กมองนาฬิกาที่ผนังบ้านของโปเต้ สองทุ่มยี่สิบนาที
หลังจากกินข้าว นั่งคุยเล่น ร้องเพลงกัน ต้นก็ขอตัวกลับหอพักไปก่อนแล้ว เหลือแค่ดิวที่มานั่งอยู่กับเขาเป็นเพื่อน และโปเต้เจ้าของบ้านนี่แหละ
“เดี๋ยวก็มาแล้ว.. เชื่อสิ” สาวโคราชพูดปลอบด้วยสำเนียงกรุงแบบแปร่งๆ ทว่าคชาก็ยังเบะปากอย่างไม่พอใจอยู่ดี
จะว่าเขาเป็นคนเอาแต่ใจก็ใช่... แต่พี่เต๋าไม่เคยปล่อยให้เขารอนานไม่ใช่หรอ หรือถ้าจะมาสาย ก็มักจะมีข้อความส่งมาบอกก่อนทุกครั้ง ไม่ใช่เงียบหายไปแบบนี้
ยี่สิบนาทีนี้... เป็นไปได้รึเปล่าว่าพี่เต๋าอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่ไหนสักแห่ง หรือมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น หรือที่จริงแล้วพี่เต๋ากำลังมัวแต่ทำอย่างอื่น จนลืมที่จะส่งข้อความมาบอกแม้แต่สั้นๆ ว่าจะมาสาย?
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน... คชาก็ไม่ชอบทั้งนั้น
คนตัวเล็กกำแหวนที่นำมาร้อยใส่เป็นจี้ห้อยคออีกครั้งราวกับจะส่งสัญญาณไปหาเจ้าของเดิม ก่อนจะลดมือลงมากดส่งข้อความไปหาปลายทางเดิมอีกครั้ง
‘อยู่ไหน? เลยมา 20 นาทีแล้วนะ’
คงเป็นโชคดีของเต๋าที่ออกมาเข้าห้องน้ำในเวลาที่คชาส่งข้อความหาพอดี จึงได้ทันรู้สึกตัวถึงแรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าเสื้อ และเปิดข้อความดูในที่สุด
ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็วเมื่อได้อ่านมัน ถึงข้อความมันจะเรียบห้วนแค่ไหน แต่เต๋ากลับนึกถึงสีหน้าของคนส่งมาได้อย่างแจ่มแจ้ง
ตัวเล็กจะกำลังทำหน้ายังไง จะรู้สึกเสียใจและผิดหวังแค่ไหน
ทั้งๆ ที่เคยบอกเอาไว้แล้ว จะไม่ให้ตัวเล็กต้องรออีก
แต่ก็เป็นเขาเอง ที่ผิดคำพูดจนได้
มือเรียววักน้ำล้างที่ใบหน้าขาวซีดให้ตื่นเต็มตา ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวออกไปจากที่นั่นโดยไม่ทันได้กลับเข้างานไปบอกลาใคร
จากที่นี่ไปบ้านโปเต้... คงจะประมาณสามสิบนาที... ไปถึงก็สักสามทุ่มพอดี
ขอโทษครับตัวเล็ก ช่วยรอพี่ก่อนนะ
- - - - - - - - - - - - -
คนตัวเล็กรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้ารถยนต์สีขาวคันเดิมแล่นมาถึงสักที หลังจากนั่งรอตามข้อความที่ถูกส่งกลับมาตอนสองทุ่มครึ่ง
หากแต่ในความดีใจ... มันรู้สึกทั้งโกรธเคือง งอน น้อยใจสับสนปนเปกันไป หวังว่าเหตุผลดีๆ ที่ออกมาจากปากของคนรูปหล่อตรงหน้าจะช่วยบรรเทาอารมณ์ต่างๆ เอาไว้ได้ ทว่าคชาก็ต้องรู้สึกผิดหวังอีกครั้ง
“พี่ไม่มีอะไรจะแก้ตัวครับ... คราวนี้พี่ผิดจริงๆ พี่ขอโทษนะครับ”
เต๋าเอ่ยเรียบๆ อย่างสำนึกผิด คนตัวเล็กไม่ตอบ... หากแต่เดินขึ้นไปนั่งที่เบาะหน้าเช่นเคย ก่อนจะนั่งเงียบไปตลอดทาง
จนกระทั่งเมื่อรถติดไฟแดงที่สี่แยก... เต๋าจึงเป็นฝ่ายเปิดปากก่อน
“ชา... พี่ขอโทษ พี่ผิดไปแล้วครับ พี่ขอโทษจริงๆ”
ใบหน้าหล่อเหลาหันไปเอ่ยกับอีกฝ่าย หากแต่คนฟังกลับไม่แม้แต่จะหันมามอง ใบหน้าหวานไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วหรือแสดงความรู้สึกใดๆ มีแต่นิ่งเฉยราวกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุยังไงอย่างงั้น
“ตัวเล็กจะโกรธพี่ก็ได้... พี่ผิดไปแล้ว พี่ยอมรับ” เสียงทุ้มเอ่ยต่อไป
“แต่อย่าทำแบบนี้ได้ไหม? อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนในสายตาคชาเลย”
เต๋าจบคำพูดลงเท่านั้น เอื้อมมือไปกำลังจะแตะที่ข้อมืออีกฝ่าย เสียงแตรรถคันด้านหลังก็ร้องเตือนให้เขาขับต่อไปเพราะไฟเขียวแล้ว
ชายหนุ่มไม่มีทางเลือก จึงต้องหันไปประคองรถคันเดิมไปให้ถึงจุดหมายก่อน
หากแต่ขับไปได้ไม่นาน... เสียงสะอื้นของอีกคนก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบเชียบ
เต๋ารีบหยุดรถเอาไว้ที่เลนซ้ายสุดทันที
“ชา...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ ยิ่งมองดูภาพคนตัวเล็กปาดน้ำตาที่ไหลผ่านแก้มก็ยิ่งรู้สึกผิด
เขามันแย่จริงๆ ที่ทำให้คชาต้องมาเสียน้ำตาแบบนี้ เขามันแย่จริงๆ
“พี่เต๋า..ฮึก..ไปทำอะไรมา..ฮือ...ปล่อยให้ชารอตั้งนาน...ฮึก... รู้ไหมชาเป็นห่วงพี่แค่ไหน?”
น้ำเสียงสั่นเครือที่ดังอู้อี้จากในลำคอทำเอาคนฟังทั้งรู้สึกเศร้า รู้สึกผิดขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว หากแต่รู้สึกชื้นใจขึ้นเยอะเมื่อได้รับรู้ว่าร่างเล็กข้างหน้าที่เป็นห่วงเขามากมายแค่ไหน มือเรียวยื่นไปปาดหยดน้ำใสๆ ออกจากแก้มขาว หากแต่ไม่ทันหมด มันก็ไหลออกมาจากตาคู่เดิมซ้ำอีก
“พี่ขอโทษครับ วันนี้ที่บริษัทจัดปาร์ตี้ พี่เพลินไปหน่อยจนลืมดูเวลา” เต๋าเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ยื่นมือไปปาดน้ำตาออกอีกครั้ง “อย่าร้องไห้นะตัวเล็ก... พี่ขอโทษ”
“ชา...ฮึก...ก็ไม่ได้อยาก..ร้องไห้...หรอก...ฮึก...น้ำตามันไหล..ออกมาเอง”
ทั้งๆ ที่ทนกลั้นไว้ตั้งนาน แต่สุดท้ายก็ระเบิดออกมาแบบนี้จนได้
“โอเคครับ...ไม่เป็นไร ตัวเล็กร้องไห้ ตัวโตก็จะเช็ดน้ำตาให้เอง”
เหมือนเต๋าจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าบนรถมีกระดาษทิชชู่อยู่ มือเรียวจึงรีบคว้ามันมาเช็ดน้ำตาออกให้อีกฝ่าย ซับมันไปเรื่อยๆ จนน้ำตาเริ่มไหลช้าลงจนแทบจะหยุดในที่สุด เต๋าจึงเปลี่ยนเป็นการดึงเจ้าตัวเล็กมากอดไว้แทน มืออุ่นลูบศีรษะเล็กเบาๆ อย่างทะนุถนอม คนตัวเล็กค่อยๆ หลับตาบวมๆ ที่เปรอะไปด้วยน้ำตาลง มือจับไหล่พี่ชายคนเดิมไว้แน่นราวกับจะยึดอีกคนเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
โอเคครับตัวเล็ก... พี่เต๋าจะอยู่ตรงนี้เอง จะไม่ทิ้งตัวเล็กให้อยู่คนเดียวอีกแล้ว
“หายโกรธพี่รึยังครับ?” หลังจากกอดร่างเล็กไว้พักใหญ่ เสียงนุ่มก็เอ่ยถามขึ้น หากแต่ร่างเล็กในอ้อมกอดกลับจงใจส่ายหน้าแรงๆ ซะจนคนถามแอบอมยิ้มออกมา
ถ้าทำแบบนี้ได้... แสดงว่าไม่ได้โกรธเขาจริงๆ หรอก
“แล้วพี่ต้องทำยังไงชาถึงจะหายโกรธล่ะครับ?” เสียงเดิมกระซิบถามต่อ ขยับเข้าใกล้ซะจนริมฝีปากสัมผัสเข้าที่ใบหู ทำเอาคนในอ้อมกอดต้องรีบกระเด้งตัวมาอยู่ที่เบาะของตนเองตามเดิม
ปากบางเบะออก บ่งบอกอาการงอนปนเขินของเจ้าตัวได้อย่างชัดเจน
“ไอติมสักสามลูก เค้กปอนด์นึง น้ำพั้นช์... แถมเลมอนให้ด้วย จะหายโกรธไหมครับ?” เต๋าอมยิ้มพูดเย้าแหย่ซะจนอีกคนหน้าขึ้นสียิ่งกว่าเดิม
“พูดมากจัง จะได้กลับบ้านไหมเนี่ย รีบๆ ขับรถดีกว่าน่า” คนตัวเล็กโวยวายแก้เขิน ทำเอาเต๋ายิ้มแก้มปริแล้วจึงหันไปสตาร์ทรถอีกครั้ง
“โอเคครับ ถ้าขับไปถึงบ้านแล้วหายโกรธนะ” เต๋ายังคงพูดเย้าไปพลางขับรถไปด้วย ไม่ได้หันมามองคนข้างๆ ที่นั่งส่ายหน้าน้อยๆ กับตัวเอง
คชาส่ายหน้า เพราะไม่ได้โกรธพี่เต๋าแล้วต่างหาก...
ความโกรธเคืองมันหมดไปตั้งแต่ที่พี่เต๋าพูดขอโทษคำแรกแล้ว
TBC
ไหนบอกจะดราม่า... ฮ่าๆๆ ออกมาแบบนี้จนได้สิเรา
ขอบคุณทุกคนมากๆ นะค้า
ถ้าชอบก็เม้นกันสักนิดให้ชื่นใจหน่อยเนอะ แหะๆ จะได้มีแรงแต่งต่อ
ความคิดเห็น