ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แปลเพลงของ Mili + AWAAWA

    ลำดับตอนที่ #73 : Dandelion Girls, Dandelion Boys [DEEMO II/แปลไทย]

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 67


    Happy early birthdays

    สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้า

    We blew out the candles, grassland cakes

    เราเป่าเทียนบนทุ่งหญ้าที่เปรียบเสมือนก้อนเค้ก

    Our wishes held on parachutes

    ความปรารถนาของเราบนร่มชูชีพ

    Gliding through the wind, our youth

    ที่ร่อนถลาผ่านสายลม คือวัยเยาว์ของเรา

    Congratulations, you’ve been chosen

    ยินดีด้วย คุณถูกเลือก

    Here’s a pistol matching your mittens

    รับปืนพกที่เข้ากับถุงมือคู่นั้นของคุณไป

    I thought to myself “it doesn’t suit you at all”

    ฉันคิดกับตัวเอง “ปืนนั่นไม่เข้ากับเธอเลย”

     

    I shall carry on all this weight

    ฉันจะแบกรับภาระทั้งหมดนี้

    Leading me through the way, was your cherry blushing face

    สิ่งที่คอยชี้นำฉันคือแก้มสีชมพูระเรื่อของเธอ

    If it meant that you could live your life again

    ถ้ามันจะสามารถทำให้เธอได้ใช้ชีวิตของตัวเองอีกครั้งแล้วละก็

    I’ll gladly give mine in

    ฉันยินดีจะเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก

     

    Carrying hope, you sailed away

    เธอแล่นเรือจากไปด้วยความหวัง

     

    Whose tears salted the waters, keeping you up afloat from the ocean bed?

    น้ำตาของผู้ใดที่หลั่งไหลลงสายน้ำ ทำให้เรือของเธอยังลอยพ้นก้นทะเล?

    Secretly, secretly, I prayed for a storm to set you back

    ฉันภาวนาอย่างลับที่สุดให้พายุหยุดเธอไว้ไม่ให้ไป

    Whose fault is it that our seeds have spread too far, leaving us nowhere to bloom?

    ความผิดผู้ใดที่เมล็ดพันธุ์ของเรากระจายไกลจนไม่มีที่ให้เราได้เบ่งบาน?

    Yet the dandelions grew

    แต่เหล่าแดนดิไลออนยังเติบโต

     

     

    No more airplanes to fly, ships to sink

    ไม่มีเครื่องบินให้บินหรือเรือให้จม

    Stuffing my plywood swimming coffin

    ขนของใส่โลงศพไม้อัดลอยน้ำได้ของฉัน

    To ocean the railway extends

    รางรถไฟทอดไกลถึงมหาสมุทร

    Over the sea, that’ll be where I’ll proudly be expensed

    โพ้นทะเลนั้น คือสถานที่ซึ่งฉันจะถูกใช้แล้วทิ้งด้วยความภาคภูมิใจ

     

     

    From up there, we must not look human anymore

    จากบนนั้นพวกเราคงไม่ดูเหมือนมนุษย์อีกต่อไป

    Another stage to premier your force

    เป็นแค่อีกเวทีเพื่อให้คุณอวดความเกรียงไกร

    On those monitors, are we just a little piece of white fluff?

    บนหน้าจอนั้น พวกเราเป็นเพียงก้อนนุ่นสีขาวหรือ?

    Blown off on to the floor

    ที่ถูกเป่ากระเด็นลงพื้น

     

    With a white cloth on your back, you returned to me at last

    ในที่สุดเธอก็กลับมาหาฉันโดยมีผ้าสีขาวห่มคลุมหลัง

     

     

    Whose child was I dreaming to pierce through the unworn tip of my bayonet?

    ลูกของใครที่ฉันฝันว่าจะแทงด้วยปืนปลายดาบที่ไม่เคยถูกใช้นี้?

    Whose life have I decided was less worthy of respect?

    ชีวิตของใครที่ฉันตัดสินแล้วว่าไม่สมควรได้รับความเคารพเท่ากัน?

    Whose home did I hope to reach as I tighten the screws on balloons in lead?

    บ้านของใครที่ฉันหวังให้มันไปถึงขณะฉันขันน็อตบนลูกโป่งเหล็กนี้?

    Whose future was lost in pursuit of mine?

    อนาคตของใครที่สูญหายไปกับการไขว่คว้าอนาคตของตัวฉันเอง?

    Yet the dandelions ate, slept, and grew

    กระนั้น ดอกแดนดิไลออนยังกิน นอน และเติบโต

    The truth is, the world isn’t so small we need to step on each other

    ความจริงคือ โลกนี้ไม่ได้เล็กขนาดที่เราจะต้องเหยียบย่ำกันเอง

    But I know even if it’s only the two of us

    แต่ฉันรู้ว่าถึงแม้จะมีกันอยู่แค่สองคน

    Even if we have everything, everything in our hands

    ถึงแม้เราจะมีทุกสิ่งอยู่ในกำมือ

    Still we’d fight until our last

    แต่เราจะยังสู้จนหยดสุดท้ายของชีวิต

     

     

    Prove me wrong

    พิสูจน์สิว่าฉันคิดผิด

    Prove me wrong

    พิสูจน์สิว่าฉันคิดผิด

    Prove me wrong

    พิสูจน์สิว่าฉันคิดผิด



     


    ภาษาดอกไม้ของแดนดิไลออนคือการเติบโต ความหวัง การเยียวยา

     

    เพลงนี้ฟังครั้งแรกเราร้องไห้เลย แน่นอนว่ามันเป็นเพลงสงคราม เด็กหนุ่มที่ออกรบด้วยความหวังกับเด็กสาวที่เคืองโชคชะตา ทั้งยังเป็นเพลงของความไร้เดียงสาของวัยเยาว์ที่สูญเสียไป (mittens ในท่อนแรกให้ความรู้สึกแบบถุงมือถักไม่แยกนิ้วที่เด็กเล็กๆ ชอบใส่กัน)

     

    ท่อนแรกของเพลงเป็นแค่การเป่าดอกแดนดิไลออนเหมือนเป่าเค้กวันเกิด เปรียบความปรารถนาเป็นเมล็ด ร่มชูชีพคือไอ้ขาวๆ ฟูๆ ที่ทำให้มันลอยได้

    ท่อนนึงที่เราฟังหลายรอบยังไม่เข้าใจคือ balloons in lead คืออะไรวะ เรือเหาะเหรอ? หรือหมายถึงบอลลูนที่กองทัพญี่ปุ่นปล่อยให้ลอยข้ามทวีปไประเบิดที่อเมริกาสมัยสงครามโลก?

     

    สุดท้ายนี้คือรู้สึกเหมือนโดนเพลงนี้แกง เพราะตอนเห็นในยูทูปเรานึกว่าจิบลิปล่อยหนังเรื่องใหม่ 55555555 ภาพประกอบมันชวนให้คิดแบบนั้นจริงๆ นะ 5555555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×