คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เกมพิศวาส---100%
ตอนที่
5 เกมพิศวาส
ชญานินตัดสินใจกลับมาทำหน้าที่เลขาฯ
ของภูบดินทร์เหมือนเดิม แต่บางอย่างเธอรู้ว่ามันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
เขาปฏิบัติอย่างที่ได้ลั่นวาจาไว้อย่างเคร่งครัดมากเสียจนเธอรู้สึกโหวงเหวงหัวใจ
เขาเว้นระยะห่างระหว่างเจ้านายกับลูกน้องชัดเจน
และไม่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของเธออีกเลย ไม่ว่าเธอจะแต่งตัวยังไงจะสวมชุดแบบไหน
เธอเคยทดลองแต่งชุดวาบหวิวตามที่เธอถนัดและมันเป็นเสื้อผ้าที่เขาบอกว่าไม่ชอบแต่เขาก็เฉยได้อย่างคงเส้นคงวาจริงๆ
“เจสซี่
คุณเตรียมเอกสารพรีเซนต์เสร็จแล้วใช่ไหม”
“เสร็จแล้วค่ะ” ชญานินพูดตอบเจ้านายทางสปีกเกอร์โฟน ซึ่งพักหลังมานี้เจ้านายสื่อสารกับเธอทางนี้เสียเป็นส่วนใหญ่
ยกเว้นเรื่องเอกสารเท่านั้นที่เขาจะเรียกให้เดินเข้าไปพบ
“ดีมาก
วันนี้เราจะได้ออเดอร์จากสิงคโปร์”
ถ้าเป็นเรื่องงานเขายังเหมือนเดิม
และดีกว่าเดิมด้วยตรงที่เขาจะคอยสอนหากว่าเธอทำอะไรผิดพลาด
ไม่ค่อนแคะหรือทดสอบภูมิความรู้ของเธอเหมือนแต่ก่อน
อย่างเช่นวันนี้เธอพิมพ์รายงานการปรับปรุงขบวนการผลิตเครื่องดื่มบำรุงกำลังค่อนข้างสับสน
เพราะเธอไม่คุ้นชินกับคำศัพท์ของสายการผลิต แต่เขาก็ช่วยตรวจแก้
และแนะนำคำศัพท์ที่ถูกต้องให้ อีกไม่เกินสิบนาทีมิสเตอร์ชาง
และคณะผู้ติดตามชาวสิงคโปร์จะมาติดตามการแก้ไขขบวนการผลิตตามที่ได้ให้ข้อคอมเมนต์ไว้
และบริษัทเคนตะได้แก้ไขปรับปรุงเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากลูกค้ารายใหม่จากประเทศสิงค์โปร์มาถึง
ประวิทย์ผู้จัดการโรงงานและชญานินเป็นฝ่ายออกไปต้อนรับแล้วนำแขกของบริษัทฯ
เข้าไปยังห้องประชุม ภูบดินทร์เดินเข้ามานั่งหัวโต๊ะเป็นประธานในการประชุมสรุปการแก้ไขข้อคอมเมนต์ที่ลูกค้าเจ้าใหม่ได้เสนอให้ปรับปรุงขบวนการผลิตบางอย่างเอาไว้
เขามั่นใจว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
และวันนี้จะเปิดรับออเดอร์จากจากลูกค้ารายนี้ได้อย่างแน่นอน
การประชุมเริ่มต้นด้วยการกล่าวทักทายกลุ่มลูกค้าโดยกรรมการผู้จัดการของบริษัทฯ
จากนั้นชญานินซึ่งเป็นเลขาฯ ทำหน้าที่อ่านบันทึกการประชุมครั้งก่อน ที่เลขาฯ
คนก่อนได้จัดทำไว้ให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับฟัง ต่อจากนั้นวิศวกรผู้ควบคุมการผลิตรายงานการแก้ไขปรับปรุงได้นำเสนอโดยฉายสไลด์ผ่านโปรเจกเตอร์จอใหญ่
ขณะอธิบายข้อปรับปรุงลูกค้ารายหนึ่งยกมือขึ้นถาม เพราะไม่ค่อยเข้าใจการสื่อสารภาษาอังกฤษสำเนียงไทยของวิศวกรผู้รายงานซึ่งคำบางคำถ้าออกเสียงผิดจะทำให้ความหมายเปลี่ยน
ชญานินจึงช่วยอธิบายแทนเพราะเธอเป็นคนจัดทำข้อมูลพรีเซนต์
และเธอก็รู้จักศัพท์เทคนิคด้านการผลิตมาจากภูบดินทร์ที่ช่วยสอน การที่เธอเกิดและเติบโตมาจากต่างประเทศเธอจึงได้เปรียบด้านการพูดและสำเนียงภาษาอังกฤษ
เธอพูดคล่องแคล่ว ฉะฉาน สำเนียงถูกต้อง
เป็นที่ถูกใจกลุ่มลูกค้าชาวสิงคโปร์เป็นอย่างมาก เมื่อเธออธิบายจบได้รับเสียงปรบมือกันกราวใหญ่
ส่วนทีมงานคนไทยที่เข้าร่วมประชุมด้วยแม้จะพูดได้แต่เจอคนที่พูดชัดเป๊ะเสียขนาดนั้นถึงกับหงอยแทบอยากให้เธอเปิดคอร์สสอนการออกเสียงกันเลยทีเดียว
เมื่อเห็นสายตาทุกคู่มองลูกสาวอย่างชื่นชมคุณประวิทย์ผู้เป็นพ่อก็พลอยปลื้มปีติไปด้วย
การประชุมวันนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
อีกไม่นานผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ผลิตจากบริษัทเคนตะจะเป็นอีกหนึ่งเจ้าที่บุกตลาดไปวางจำหน่ายยังประเทศสิงคโปร์และประเทศในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
ค่ำวันนี้จึงมีการเลี้ยงขอบคุณลูกค้าภายในห้องวีไอพีคาราโอเกะที่ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง
โดยตัวแทนของบริษัทเคนตะมีเพียงกรรมการผู้จัดการ เลขานุการ
และผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้า ส่วนประวิทย์ผู้จัดการโรงงานและทีมวิศวกรได้ขอตัวเนื่องจากติดธุระ
ดังนั้นคนที่ทำหน้าที่เอนเตอร์เทนลูกค้าจึงหนีไม่พ้นชญานินและเธอก็เป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวในงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าค่ำวันนี้
เดือนเมษายนอุณหภูมิในเมืองไทยสูงราว 35-40
องศาเซลเซียสร้อนจนตับแลบ ส่วนที่ประเทศอังกฤษเป็นฤดูใบไม้ร่วงอากาศจึงแห้งแต่แทนที่จะร้อนมันกลับหนาวจนเข้ากระดูกเลยทีเดียว
เพราะอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 5-15 องศาเซลเซียสเท่านั้น
สำหรับภูริชเวลานี้หัวใจเขาแห้งแล้งและเหน็บหนาวเต็มที
เจ็ดวันแล้วที่ต้องใช้เวลาตั้งแต่เช้ายันค่ำรอคอยใครบางคนอยู่ภายในสวนสาธารณะเคนซิงตันซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับสวนสาธารณะไฮด์ปาร์ก
ในกรุงลอนดอน
ยกเว้นตอนกลางคืนหลังหมดเวลาเข้าชมสวนสาธารณะแห่งนี้เขาต้องไปพักที่โรงแรม
“คุณคงไม่ต้องการความรับผิดชอบจากผมจริงๆ ผมทำดีที่สุดแล้วลาก่อนนะครับปนาลี”
ภูริชพึมพำน้ำเสียงแหบพร่า นอกจากอากาศหนาวแล้วใจเขาก็สะท้านเย็นยะเยือกกับความใจแข็งของใครบางคน
เมื่อรอจนหมดความหวังเขาลุกขึ้นจากม้านั่งตัวเดิมที่นั่งมาแล้วถึงเจ็ดวัน
ร่างสูงโปร่งยืนตัวไม่ตรงนักเพราะดื่มเบียร์แทนน้ำหมดไปหลายกระป๋อง สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์
สีหน้าและแววตาหม่นโศก ก่อนก้มหน้าเดินโซเซคอตกไปอย่างเชื่องช้าเหมือนชีวิตที่ไร้วิญญาณไม่เหลือมาดผู้ชายลั้นลาเลยแม้แต่น้อย
“ลาก่อนค่ะ”
“ปนาลี! คุณจริงๆ ด้วย” ร่างสูงโปร่งหันขวับทันที เมื่อได้ยินน้ำเสียงหวานไพเราะและเธอก็พูดภาษาไทย
ดังนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้หญิงที่เขาต้องการมางอนง้อ
ความเหน็บหนาวทำให้กล้ามเนื้อบริเวณแก้มชาจนแทบไร้ความรู้สึก กระนั้นภูริชยังเปิดยิ้มหน้าบานจนกรามเกือบค้าง
ตลอดสามเดือนที่พยายามมาง้อเธอไม่เคยมีครั้งไหนทำให้ใจที่เหี่ยวเฉาของเขาชุ่มชื้นเหมือนมีน้ำทิพย์มาชโลมหล่อเลี้ยงหัวใจได้เท่าครั้งนี้
เธอยอมมาพบเขาแสดงว่าเธอคงใจอ่อนยอมรับการขอโทษและยกโทษให้เขาแล้ว
ภูริชไม่รอช้ารีบสาวเท้ายาวๆ
เดินโงนเงนเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าถึงตัวแล้วรวบมือบางทั้งสองข้างมากุมไว้ ดวงตาแดงก่ำเพราะมีแอลกอฮอล์ปริมาณมากสะสมอยู่ในกระแสเลือด
เขาปรือตามองหญิงสาวอรชรรูปร่างสมส่วนจนหวานเยิ้ม
ไอร้อนจากมือหนาหยาบกร้านเพราะขาดการดูแลช่วงระหว่างที่อยู่ประเทศอังกฤษที่ได้สัมผัส
ปนาลีรีบชักมือข้างหนึ่งออกยกขึ้นอังหน้าผากของเขา
“คุณกำลังไม่สบายคุณรู้ตัวดีใช่ไหมภูริช
แล้วทำไมต้องดื่มเหล้าคะ?”
สาวเสียงหวานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงระคนตำหนิผู้ชายตัวโตที่ไม่ดูแลตัวเอง
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกแค่รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวนิดหน่อยเท่านั้น
คุณเป็นห่วงผมใช่ไหม คุณให้อภัยและยกโทษให้ผมแล้วใช่ไหม”
แววตาแห้งเหี่ยวอับเฉาเมื่อสักครู่ชุ่มฉ่ำเหมือนได้รับท่อน้ำเลี้ยงส่งมาจากสวรรค์
“เปล่าค่ะ ฉันมาลาคุณ มันคงเสียมารยาทมาก
ถ้าหากจะปล่อยให้คนที่นั่งรอจนครบเจ็ดวันกลับไปโดยไม่ได้ล่ำลากันเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ”
หญิงสาวใจแข็งพูดน้ำเสียงมั่นคงเสียจนหัวใจภูริชหล่นวูบรู้สึกปลาบแปลบไปถึงทรวงใน
เขาปล่อยมือบางนุ่มนั้นทันทีแล้วสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ยืนคอตกดังเดิม
“โอเค ปนาลีผมยอมแพ้คุณใจแข็งมากกว่าที่ผมคิด
ผมคงไม่ห่วงอะไรคุณอีกแล้ว
ถ้าคุณยังรักภูบดินทร์คุณก็ไม่ควรปล่อยให้เขาคอยอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง
ลาก่อนครับ... ปนาลี”
สิ้นคำพูดประโยคยาวๆ ขาดหายเป็นห้วงๆ
เพราะคนพูดสะท้านสะเทือนใจอย่างแรง ร่างสูงโปร่งของภูริชหมุนตัวก้าวเดินโซเซไปในทิศทางเดิมอย่างเลื่อนลอย
หากเขาหันกลับมาทุกครั้งที่ต้องหันหลังให้เธอ
เขาจะได้เห็นน้ำตาที่ล้นเอ่อลงมาอาบแก้มของหญิงสาวที่เขาคิดว่าเธอเป็นคนใจแข็ง
เพราะความจริงแล้วเธอหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เธออ่อนแอเกินไปที่จะยอมรับความจริง ว่านอกจากผู้ชายคนแรกซึ่งก็คือเขาที่เธอเผลอไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยในวันที่เธอเมาหนักคิดว่าเขาคือภูบดินทร์
เธอก็ไม่คิดจะใช้ชีวิตร่วมกับใครอีกเลยแม้แต่ภูบดินทร์คนที่เธอรักมากเหลือเกิน
ย้อนไปเมื่อสามเดือนก่อน ปนาลีไปเลี้ยงฉลองให้เพื่อนรุ่นน้องที่เรียนจบปริญญาโทที่ผับแห่งหนึ่ง
วัฒนธรรมของฝรั่งที่ทุกคนมีอิสรเสรีในการใช้ชีวิต
เมื่อได้ก้าวเข้าไปมันเปลี่ยนปนาลีชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
หลังจากย้ายมาอยู่อังกฤษได้ไม่นานเธอหัดดื่มเหล้าเข้าบาร์ใช้ชีวิตอย่างอิสระเหมือนนกน้อยที่หลงระเริงเมื่อบินเข้ามาเจอป่าใหญ่
วันนั้นเธอเมาจนตาลายคิดว่าภูริชซึ่งไปเลี้ยงสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนเก่านักเรียนอังกฤษเป็นภูบดินทร์
เธอเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงเขาก่อนด้วยความรักและความคิดถึง
ภูริชนั่งดื่มฉลองกับเพื่อนๆ เขาเองก็เมาไม่น้อยไปกว่าเธอและรับสมอ้างอย่างนึกสนุก
ดังนั้นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมันจึงสานต่อไม่ได้
หลังจากต่างคนต่างหายจากอาการมึนเมา
“อุ๊ย! ภูริช ภูริช คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?”
ปนาลีอุทานอย่างตกใจรีบถลาเข้าไปช่วยประคอง เมื่อเห็นร่างสูงโปร่งเดินโงนเงนไปได้ไม่กี่ก้าวก็ทรุดฮวบลงไปนั่งยันมือข้างหนึ่งไว้กับพื้นทางเดินเหมือนคนหมดแรงต่อหน้าต่อตา
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกคุณกลับไปเถอะ
ปล่อยผมไว้ตรงนี้แหละ” เขาพูดเสียงเครือพลางยกมือปัดป่าย เมื่อสัมผัสเข้ากับมือหนาปนาลีจึงรู้ว่าตัวเขาร้อนมากกว่าเดิม
เธอใจไม่แข็งพอที่จะเดินจากเขาไปในเวลานี้
หญิงสาวรูปร่างสมส่วนออกแรงเต็มที่หิ้วปีกให้คนตัวสูงโปร่งลุกขึ้นมายืนและช่วยประคองเอาไว้เกรงว่าเขาจะล้มครืนลงไปอีก
“คุณกำลังไม่สบาย
ลุกขึ้นเถอะค่ะฉันจะพาคุณไปส่งที่พัก”
“ขอบคุณปนาลี... ขอบคุณ” ภูริชเอียงคอมองเจ้าของหัวไหล่บางที่อนุญาตให้วางท่อนแขนข้างหนึ่งทาบลงไปด้วยความซาบซึ้งเวลานี้หัวใจที่เหี่ยวแฟบเริ่มพองโตจนคับอก
ค่ำคืนนี้ชญานินเลือกแต่งกายเซ็กซี่ตามสไตล์ที่เธอชอบด้วยชุดเดรสสั้นเกาะอกผ้ายืดสีขาวเปลือยไหล่
สวมรองเท้าส้นเข็มสีเดียวกับชุด
เพื่อให้แปลกตาไปกว่าทุกวันเพราะหลายวันมาแล้วที่เธอแต่งกายด้วยชุดสุภาพ
เธออยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเจ้านายเห็นเขาจะพูดอย่างไร จะชมว่าสวย
หรือว่าจะดุแล้วบอกให้ไปเปลี่ยน แม้ความเป็นไปได้ที่จะเป็นอย่างแรกน้อยถึงน้อยที่สุดแต่เธอก็ยังหวังลึกๆ
ทว่ากลับไม่เป็นทั้งสองอย่าง ภูบดินทร์ขับรถไปรับเธอที่คอนโดฯ
ตรงตามเวลานัดโดยไม่ปริปากพูดถึงเรื่องการแต่งกายเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างทางที่เขาเป็นคนขับรถนอกจากพูดคุยกันเรื่องการประชุมที่เสร็จสิ้นลงเลยไปถึงเรื่องงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าในค่ำวันนี้
จากนั้นเขาก็ขับรถไปเงียบๆ ตลอดทาง
คนที่แต่งชุดสวยมาเพื่ออยากอยู่ในสายตาเขาจึงรู้สึกเก้อและหมดความมั่นใจในตัวเอง
ภายในห้องวีไอพีคาราโอเกะสุดหรูแห่งหนึ่ง ภูบดินทร์และชญานินมาถึงก่อนแขกเพียงเล็กน้อย
เธอทำหน้าที่ต้อนรับขับสู้ลูกค้ารายใหม่ซึ่งเป็นชายล้วนทั้งห้าคน โดยเชิญให้นั่งที่เบาะหนังนุ่มสีดำมันปลาบขนาดใหญ่นั่งสบายก่อนที่เธอจะนั่งปิดท้ายใกล้ๆ
เจ้านาย จากนั้นพนักงานเสิร์ฟเริ่มนำอาหารและเครื่องดื่มที่สั่งไว้ล่วงหน้าเข้าบริการลูกค้า
“คุณชญานินทั้งสวยทั้งเก่ง
ไม่ทราบว่าสนใจจะไปทำงานประเทศสิงคโปร์บ้างไหมครับ”
มิสเตอร์ชางจอมชีกอมากที่สุดในกลุ่ม เอ่ยปากถามทีเล่นทีจริงและหัวเราะหึๆ
หากแต่สายตากรุ้มกริ่มจ้องมองเนินอกของเธอจนตาเป็นมันหลังจากดื่มวิสกี้เข้าไปเพียงไม่กี่แก้ว
“ขอบคุณค่ะ” ชญานินยิ้มแกนๆ
ไม่คิดจะถือสาเพราะเธอมีหน้าที่เอนเตอร์เทนลูกค้ากลุ่มนี้
และเธอก็เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ผู้ชายดีพอสมควร
พอเหล้าเข้าปากจะมีอะไรที่คุยสนุกปากไปกว่าเรื่องผู้หญิง
“ทั้งสวยทั้งเก่งแบบนี้มีเหรอเจ้านายจะยอมให้ไปทำงานที่อื่น
ผมพูดถูกต้องไหมครับคุณภูบดินทร์” ลูกค้าวัยหนุ่มกว่าคนแรกพูดหยอกเย้าแล้วเปิดปากหัวเราะร่วนสร้างบรรยากาศงานเลี้ยงขอบคุณให้ครื้นเครง
“เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณชญานินเธอครับ
และผมก็ยินดีสนับสนุนเต็มที่หากว่าเธอต้องการจะไป”
ภูบดินทร์พูดคุยสรวลเสเฮฮากับกลุ่มลูกค้าโดยไม่คิดอะไร ทว่าชญานินรู้สึกปลาบแปลบและอดน้อยใจไม่ได้
เพราะกับเธอสายตาเขาว่างเปล่าเหลือเกิน
ค่ำวันนี้เธอตั้งใจจะดื่มไวน์พอเป็นพิธีเพื่อไม่ให้ลูกค้าเสียน้ำใจ
แต่กลายเป็นว่าตอนนี้เธอกระดกถี่ขึ้นโดยไม่รู้ตัวจนเริ่มมึนๆ
เมื่อทานอาหารญี่ปุ่นกันจนอิ่มหมีพีมันถึงเวลาต้องย่อยอาหารกันแล้ว
เสียงเพลงจังหวะมันๆ สนุกสนานถูกเลือกขึ้นมาเปิด และก็เป็นอะไรที่ชญานินได้ทำนายเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
ว่าลูกค้าเฒ่าหัวงูอย่างมิสเตอร์ชางคงไม่ปล่อยเธอให้ลอยนวลเป็นแน่
เขายิ้มกรุ้มกริ่มส่งสายตาวิบวับมาให้ตั้งแต่ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินอ้อมโต๊ะกลางสำหรับวางอาหารและเครื่องดื่มมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแล้วก้มโค้งตัวลงมาอย่างสุภาพ
“ไปเต้นรำกันเถอะครับคุณชญานิน
ขออนุญาตนะครับคุณภูบดินทร์”
“เชิญตามสบายครับ”
ภูบดินทร์เปิดยิ้มกว้างเขาพูดพลางพยักหน้าขึ้นลงน้อยๆ
ให้กับมิสเตอร์ชาง แต่มันขัดใจเลขานุการจนหน้างออย่างลืมตัว
เขาถือสิทธิ์อะไรมาเอ่ยปากอนุญาตแบบนั้น โดยเฉพาะลูกค้ารายนี้ท่าทางหื่นไม่ใช่เล่น
ยิ่งได้แอลกอฮอล์เข้าไปผสมในกระแสเลือดเข้าหน่อย
บุคลิกของนักธุรกิจที่น่าเชื่อถือและความสุภาพที่เห็นจากการประชุมไม่รู้หายไปไหนหมด
เวลานี้เขาใช้สายตาโลมเลียเธอได้อย่างน่ารังเกียจ
คงนึกอยากจะมองให้ทะลุไปถึงเนื้อข้างในเลยกระมัง
ถึงเธอจะชอบแต่งตัวสไตล์นี้และชอบที่มีคนมอง
แต่เธอก็เลือกคนที่มองรับรองว่าไม่ใช่ตาเฒ่าหัวงูอย่างมิสเตอร์ชางคนนี้แน่นอน
ดังนั้นเธอจึงตอบรับอย่างประชดประชันเจ้านาย
“ด้วยความยินดีค่ะมิสเตอร์ชาง”
ชญานินฝืนยิ้มหวานจิกตาเซ็กซี่ให้กับผู้เชิญชวนแล้วโหนมือหนาหยาบที่ยื่นมาฉุดให้เธอลุกขึ้นยืน
ครั้นถูกโอบไหล่มนอย่างถือวิสาสะขณะพาเดินออกไปยังพื้นที่ว่างด้านหน้าเพื่อเต้นรำ ชญานินให้นึกรังเกียจแต่ก็พยายามอดทน
เธอเต้นโชว์สเต็ปในจังหวะเพลงแดนซ์กับผู้ที่เชิญชวนได้อย่างสนุกสนาน ลูกค้าอีกสี่คนออกไปร่วมขยับร่างกายโยกย้ายไปตามจังหวะเสียงเพลงอย่างคึกคัก
เวลานั้นไม่มีใครรู้ว่าเธอฝืนใจอย่างที่สุดที่ลูกแกะอย่างเธอตกอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่านักล่า
ภูบดินทร์ยกเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ขึ้นมาจ่อปากก่อนกระดกมันเข้าไปติดต่อกันหลายแก้ว
วันนี้เขาดื่มหนักกว่าทุกครั้งจนเริ่มมึนๆ แต่ยังมีสติครบถ้วน เขานั่งมองลูกแกะที่ถูกห้อมล้อมด้วยฝูงหมาป่าอย่างใจเย็น
เขาเชื่อว่าคนเก่งอย่างเธอเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว
เพราะว่าเขาเองก็เคยได้รับบทเรียนในเรื่องนี้จากเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง
หรือบางทีเธออาจกำลังหว่านเสน่ห์เพื่อเช็กเรตติ้งตัวเองอยู่ เพราะเรื่องยั่วยวนเขารู้ดีว่าเธอถนัด
นั่นก็ยิ่งทำให้ชญานินน้อยใจหนักเข้าไปกันใหญ่
เธอคิดว่าเขาทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทโดยไม่สนใจความรู้สึกและความปลอดภัยจากการถูกแทะโลมจากสายตาหื่นหลายคู่
และหนักที่สุดเห็นจะเป็นมิสเตอร์ชางคนอื่นก็แค่สายตา
แต่หมอนี่มือยืดยาวเหมือนหนวดปลาหมึกเดี๋ยวเกาะเอว เดี๋ยวเกี่ยวไหล่หยุบหยับไปหมดจนไม่ไหวจะปัดป่ายบ่ายเบี่ยง
เธอต้องออกปากบอกว่าเหนื่อยแล้วอยากนั่งพักดื่มอะไรเย็นๆ สักหน่อย
และด้วยความน้อยอกน้อยใจไม่ว่าจะเป็นเหล้าหรือไวน์ที่ลูกค้าเดินวนเวียนมาขอเต้นรำเธอก็รับไปดื่มประชดประชันอย่างไม่ขัดศรัทธามันจึงตีกันยุ่ง
เธอเริ่มเมาหนักตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ในวงแขนของมิสเตอร์ชางเมื่อเขาฉุดเธอขึ้นมาเต้นรำต่อ
เธอไม่สามารถยืนได้เองหากไม่มีคนประคอง
คนที่นั่งมองคิดว่าเป็นแค่เกมเช็กเรตติ้งของเธอเริ่มรู้แล้วว่าถึงตอนนี้เธอคงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้นจากอุ้งมือมารได้แน่แล้ว
ภูบดินทร์จึงยื่นมือเข้าไปช่วยให้เธอหลุดพ้นจากการแทะโลมอย่างไร้มารยาทของมิสเตอร์ชางที่เมาจนได้ที่ควบคุมตัวเองไม่อยู่และกำลังก้มลงจะจูบเธอ
“ขอโทษนะครับมิสเตอร์ชาง เลขาฯ ของผมคงเมามากแล้ว
ผมขออนุญาตพาเธอกลับไปส่งบ้าน”
ภูบดินทร์พูดอย่างสุภาพ
ทว่ามือหนาของเขาแกะมือหนวดปลาหมึกออกพ้นเอวกิ่วคอดของชญานินอย่างแรง มิสเตอร์ชางผงะถอยหลังแทบสร่างเมาเลยทีเดียว
แต่ก็มิวายจะโอดครวญด้วยความรู้สึกเสียดายเพราะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มหากภูบดินทร์ไม่ขัดขวางเสียก่อน
“โธ่ จะกลับแล้วหรือครับพวกผมกำลังสนุกอยู่เลย”
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ
แต่พวกคุณยังสนุกกันต่อไปได้เต็มที่นะครับ
ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าของเราก็ยังอยู่ โอกาสหน้าผมหวังว่าจะได้บริการพวกคุณอีก
ลาก่อนครับ” ภูบดินทร์บอกลาลูกค้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทว่าก่อนกลับก็ก้มโค้งศีรษะให้อย่างสุภาพ
“แน่นอนครับ เราคงได้เจอกันอีกแน่ๆ เลขาฯ
คนสวยของคุณทำให้ผมอยากมาเมืองไทยอีกบ่อยๆ”
มิสเตอร์ชางยังทำเจ้าชู้ไม่เลิก
เขามองหญิงสาวที่ยืนคอพับคออ่อนแต่ยังพอมีสติ
ที่ภูบดินทร์ช่วยประคองสายตาเป็นมันอย่างแสนเสียดาย
“บ๊าย บายค่ะ บ๊าย บาย” ชญานินส่งเสียงอ้อแอ้พลางโบกมืออำลาแล้วโปรยยิ้มหวานให้กลุ่มลูกค้า
ก่อนเดินโซซัดโซเซตามเจ้านายที่กึ่งประคองกึ่งลากเขาก้าวขายาวมาก
จนเธอก้าวขาตามแทบไม่ทัน
ภูบดินทร์รู้สึกหงุดหงิด
แม้เคยลั่นไว้แล้วว่าจะไม่ล้ำเส้นไม่วุ่นวายเรื่องส่วนตัวของเธออีก แต่เห็นแล้วมันก็อดสมเพชไม่ได้
มีอย่างที่ไหนตัวเองเป็นผู้หญิงยิงเรือ แต่ไม่รู้จักระมัดระวังดื่มจนเมาหัวทิ่มหัวตำ
ถ้าวันนี้ไม่มีเขาอยู่ด้วยยังไม่รู้เลยว่าเรื่องนี้มันจะจบลงยังไงและจบลงที่ไหน
เพียงแค่คิดหัวใจเขาก็ดิ่งวูบเหมือนถูกกระชากอย่างแรง ชายหนุ่มบอกตัวเองต่อไปจะไม่ให้ชญานินรับรองลูกค้ากลุ่มนี้อย่างแน่นอน
“เจ้านาย... เดินช้าๆ หน่อยได้ไหมคะ
เจสซี่ไม่มีแรงจะก้าวขาแล้วค่ะ เจสซี่เดินไม่ไหว” เธอพูดเสียงอ้อแอ้
ดวงตากลมโตปรือเยิ้มเพราะฤทธิ์น้ำเมา ขืนตัวไว้กับที่ไม่ยอมเดินต่อเหมือนเด็กงอแงประท้วงพ่อแม่ไม่ยอมซื้อของเล่นถูกใจให้
“เฮ้อ ผมจะทำยังไงกับคุณดีนะเจสซี่” เจ้านายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนเอือมระอาเต็มที่ สุดท้ายเขาตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นมาขนานกับอกแกร่งแล้วพาเดินสวบๆ
ตรงดิ่งไปที่รถ ขืนให้เธอเดินเองคงอีกนานกว่าจะถึง
แล้วไหนจะนึกอายสายตาผู้คนหลายคู่ที่เดินผ่าน เพราะเธอพูดพล่ามฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างไม่หยุดหย่อน
“รู้ไหมคะ เจ้านายเป็นผู้ชายคนเดียวที่เคยอุ้มเจสซี่” ชญานินปรือตาขึ้นมองวงหน้าหล่อเหลาของคนที่อุ้มเธอแล้วส่งยิ้มหวานเยิ้ม
มือนุ่มโอบรอบคอหนากระชับไว้แน่นก่อนจะผล็อยหลับคาอกแกร่งของเจ้านาย
ภูบดินทร์ส่ายหน้าอย่างระอาอีกครั้ง
แทนที่จะสำนึกว่าตัวเองเมาจนทรงตัวยืนเองแทบไม่ได้เดือดร้อนให้เจ้านายอย่างเขาต้องช่วยอุ้ม
แต่เธอกลับพูดพล่ามอะไรก็ไม่รู้
“คิดว่าตัวเองสำคัญนักหรือไง”
ดวงตาคร้ามคมก้มมองหญิงสาวที่เขาอุ้มอยู่ แล้วคิดอย่างค่อนขอดแกมหมั่นไส้
แต่เขายอมรับว่าคำพูดของเธอทำให้เขามีแรงขึ้นมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
กระทั่งอุ้มมานอนในรถและปรับเบาะเอนราบลงไป
เพื่อให้เธอนอนสบายจะได้ไม่ต้องนั่งโงนเงนเวลารถเคลื่อนตัว
เมื่อรถคันหรูของเขาแล่นมาจอดเทียบหน้าสานรักคอนโดฯ เขาปรับเบาะขึ้นมาชญานินก็ยังไม่ลืมตา
ภูบดินทร์เขย่าเรียวแขนแรงๆ หลายครั้ง
“เจสซี่ เจสซี่ ถึงแล้ว”
“ถึงคอนโดฯ แล้วเหรอคะ” หญิงสาวสะดุ้งตื่น
ดวงตากลมโตปรือๆ มองหน้าเจ้านายอย่างพร่าเลือน พลันนั้นเธอรู้สึกเวียนศีรษะโลกทั้งโลกของเธอกำลังหมุนโคลงเคลง
มือเรียวควานสะเปะสะปะหาที่จับประตูหวังจะเปิดออกแต่ก็หาไม่เจอสักที เจ้านายถึงกับส่ายหัวแล้วพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
อีกครั้ง เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วเอื้อมมือผ่านร่างงดงามไปง้างที่จับประตูแล้วดันประตูออกไปให้
น้ำหอมอ่อนๆ กลิ่นเดิมอบอวลอยู่ใกล้จมูกทำให้เขาหยุดตัวเองไม่ได้มาแล้วครั้งหนึ่ง
และก่อนที่เขาจะพ่ายแพ้มันอีก เขาจึงรีบดันตัวกลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมอย่างว่องไว
“ไหวไหมเจสซี่ ถ้าไหวก็ลงไปได้แล้ว” เขาพูดเสียงขึ้นจมูก
“ไหวค่ะ ไหวๆ ขอบคุณค่ะคุณภูบดินทร์” เธอพูดเสียงยานแล้วก้าวขาลงไปเหยียบพื้นแต่ต้องเกาะขอบประตูรถไว้ครู่หนึ่ง
เมื่อทรงตัวยืนได้แล้วจึงปล่อยมือแล้วปิดประตูให้เขา ภาพปรากฏขึ้นที่กระจกมองข้างขณะรถเพิ่งแล่นออกไปทำให้ภูบดินทร์แตะเบรกทันทีแล้วถอยกลับมา
เมื่อเห็นร่างของชญานินทรุดลงไปนั่งแปะอยู่กับพื้นอย่างหมดสภาพ
“เมื่อไหร่เธอจะโตเป็นผู้ใหญ่เสียทีนะเจสซี่”
เจ้านายบ่นอุบหลังจากต้องอุ้มเลขานุการขึ้นไปส่งที่ห้องพักของเธออีกเป็นครั้งที่สอง
เขาวางเธอลงที่โซฟาเบดตัวเดิมก่อนจะหมุนตัวเดินกลับอย่างไม่คิดจะเหลียวหลัง
และไม่สนใจว่าเธอจะตกลงมาหัวร้างข้างแตกหรือไม่
เขารู้แต่เพียงว่าเขาต้องไปให้ไกลเธอมากที่สุด
ทว่าเสียงโก่งคอเหมือนคนกำลังจะอาเจียนที่ได้ยินมันทำให้เขาก้าวขาไม่ออกอีกแล้ว
ร่างสูงใหญ่หมุนตัวก้าวสวบๆ กลับมาที่เดิมอย่างรวดเร็ว เขาทิ้งตัวลงนั่งขอบโซฟาเบดอย่างหมิ่นเหม่แล้วประคองเธอให้ลุกขึ้นมานั่งแล้วช่วยลูบหลังขึ้นลงเร็วๆ
ก่อนจะขยับเข้าไปนั่งให้เต็มก้น โดยไม่คิดว่าเธอจะเห็นเขาเป็นกระโถน
เมื่อลุกขึ้นมาได้ชญานินอาเจียนใส่บ่าเขาจนเลอะเทอะเหม็นคละคลุ้ง
จนแทบจะอาเจียนตามไปด้วยอีกคน
“อะ...อ้วก!”
“เฮ้ย เจสซี่ ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” เขาปล่อยมือจากไหล่บางเพราะความตกใจและเหม็นจนสุดจะทน
“ขอโทษ...”
คนเมาพูดเสียงกระท่อนกระแท่น ก่อนอาเจียนจะพุ่งออกมาอีกระลอกหนึ่ง
คราวนี้มันไหลราดตั้งแต่ลำคอขาวจนถึงเนินอกอวบของเธอและยังไม่มีท่าทีจะหยุดง่ายๆ
ภูบดินทร์กลั้นลมหายใจเป็นระยะ
เมื่อตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นมาขวางอกอีกหน เขารีบเดินก้าวยาวตรงไปห้องน้ำก่อนที่มันจะเละเทะมากไปกว่านี้
ชญานินถูกจับมานั่งโก่งคออาเจียนลงไปชักโครกจนหมดไส้หมดพุง จากนั้นจึงลากตัวไปใต้ฝักบัวเปิดน้ำแรงๆ
ฉีดใส่เธอจนเปียกปอนไปทั้งตัวเพื่อชำระล้างเศษอาหารที่เธอสำรอกออกมาอย่างนึกโมโหที่ชอบหางานหนักมาให้เขาอยู่ร่ำไป
“พอ พอแล้วได้ค่ะ
นี่คุณตั้งใจจะช่วยหรือจะฆ่าเจสซี่กันแน่”
หญิงสาวพูดเสียงกระท่อนกระแท่น ส่ายหน้าหนีสายน้ำพุ่งแรงที่สาดกระหน่ำมาใส่โดยไม่คิดจะยั้งมือพลางโบกมือห้ามพัลวัน
ภูบดินทร์ไม่ได้เปิดน้ำอุ่นดังนั้นความเย็นของมันทำให้สร่างเมาได้เกือบครึ่ง เธอแทบพูดไม่ออกยืนพิงผนังห้องน้ำหอบจนตัวโยน
สำลักน้ำแค่กๆ เหนื่อยจนแทบขาดใจ
ดวงตาโตแดงก่ำที่มองอย่างตัดพ้อต่อว่า ภูบดินทร์เพิ่งรู้ตัวว่าเขาทำเกินกว่าเหตุ
เขาพูดเสียงอ่อนลงแต่ก็ไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด
“ดีจะได้สร่างเมาเสียที
ไม่ใช่แค่คุณที่เดือดร้อนนะเจสซี่ ดูสิเนี่ย ผลงานของคุณ”
ดวงตาคมกล้าผินมองหัวไหล่ตัวเองแล้วย่นจมูกอย่างนึกรังเกียจให้กับกลิ่นไม่พึงประสงค์
ก่อนหันมองเธออย่างตำหนิ
“เจสซี่ล้างออกให้ก็ได้ค่ะ”
เธอพูดอย่างบึ้งตึงตรงเข้ามาแย่งฝักบัวที่เขาถือไว้ในมือ
“ไม่ต้อง... ดูสิ น้ำกระเซ็นใส่เสื้อผ้าของผมเปียกหมดแล้วเห็นไหม”
หลังจากยื้อยุดยื้อแย่งฝักบัวกันอยู่พักหนึ่งจนน้ำกระเซ็นเป็นฝอยเปียกปอนกันทั่วหน้า
สุดท้ายชญานินก็เป็นฝ่ายชนะเพราะยังไงๆ เธอก็ไม่ยอมรามือง่ายๆ เธอหัวเราะคิกๆ
อย่างพึงพอใจเมื่อเขายอมปล่อยมือแต่โดยดี เธอฉีดน้ำแล้วลูบฝ่ามือนุ่มลงไปถูเบาๆ
จนคราบอาเจียนที่เปรอะเสื้อบริเวณหัวไหล่หนาหลุดออกหมดไปพร้อมกับเสื้อผ้าที่เปียกโชกไปทั้งตัวของเขา
เดรสเกาะอกเปลือยไหล่ของเธอเป็นผ้ายืดสีขาวเมื่อโดนน้ำมันก็ยิ่งลู่แนบติดลำตัวเผยให้เห็นความอวบอูม
ส่วนเว้าและส่วนโค้งชัดเจนอย่างละลานตา ดังนั้นความหวั่นไหวมันจึงเกิดขึ้นภายใต้ความกดดัน
ภูบดินทร์ขบกรามแน่นอีกครั้งเขาจำต้องเก็บงำความรู้สึกและความปรารถนาตามที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้
“ออกหมดแล้วค่ะ” เธอพูดรัวจนลิ้นพันกันอย่างอวดอ้างฝีมือตัวเองแล้วยิ้มหวานเยิ้มใส่ตาเขา
ก่อนเอี้ยวตัวยกฝักบัวขึ้นไปแขวนที่เดิม ทว่าชุด
เดรสที่เธอสวมเป็นผ้ายืด
เมื่อโดนน้ำจนเปียกชุ่มทั้งตัวมันจึงยืดย้วยไม่เกาะอก
เมื่อเธอยกมือขึ้นสูงเต้าเต่งตึงข้างหนึ่งจึงดีดผึงส่งความอวบตึงออกมาอวดสายตาคร้ามคมของเจ้านายที่ยืนตะลึงจ้องมองจนตาค้างไปเลยทีเดียว
“อุ๊ย!” ชญานินอุทานอย่างตกใจเพราะครั้งนี้มันเป็นอุบัติเหตุ
เธอไม่ได้ตั้งใจโชว์หวิวหรือยั่วยวนเหมือนครั้งนั้น เมื่อเรียกสติคืนมาได้ก็หมุนตัวเพื่อจะหันไปเก็บความเต่งตึงที่โผล่ออกมาจัดให้เข้าที่เข้าทาง
ทว่าเธอยังไม่ทันได้ทำตามที่คิดไว้จนครบขั้นตอน
เพียงแค่เธอหมุนตัวก็ถูกมือหนาร้อนๆ
ของเจ้านายตามมารวบเอวกิ่วดึงตัวเธอเข้าไปประชิดอกแกร่งของเขาแล้วจูบไซ้ซอกคอขาวผุดผ่องจนถึงแก้มนวลจากด้านหลัง
ส่วนมือหนาทั้งสองข้างก็อ้อมมานวดคลึงทรวงอกอวบอิ่มสร้างความรุ่มร้อน
หญิงสาวรู้สึกสยิวยืนตัวสั่นร่างกายร้อนวูบวาบทั้งที่เนื้อตัวยังเปียกอยู่
ตอนนี้ฤทธิ์แอลกอฮอล์กดประสาทส่วนกลางทำให้มึนงงหัวสมองไม่สั่งการใดๆ นอกจากปล่อยตัวไปตามอารมณ์รัญจวนที่เขาก่อ
“เจสซี่” เขาเอ่ยชื่อเธอเสียงกระเส่าอย่างมิอาจห้ามใจ
เมื่อหมุนร่างงามระหงหันมายืนเผชิญหน้า
ริมฝีปากอุ่นก็เลื่อนมาประชิดกลีบปากอิ่มสีชมพูแล้วดูดเม้มริมฝีปากล่างอย่างหยอกเย้า
ก่อนแทรกเรียวลิ้นร้อนสอดเข้าไปเมื่อเธออ้าปากจะประท้วงหรือกำลังจะบอกอะไรบางอย่างแก่เขา
แต่เขาไม่สนใจจะฟังเวลานี้เขาไม่ฟังอะไรทั้งนั้นแม้กระทั่งเสียงร้องค้านจากความรู้สึกส่วนลึกที่เตือนตัวเองว่า
‘นายกำลังจะกลืนน้ำลายตัวเองรอบสอง’
เวลานี้ถ้าจะฉุดอารมณ์และความต้องการที่พุ่งสูงของเขาให้ลดลงมันคงต้องเอาช้างสักสิบเชือกมาฉุด
เพราะเธอทำให้ร่างกายเขารุ่มร้อนครั้งแล้วครั้งเล่า
ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ร่างกายเธอดับความเร่าร้อนให้เขามันถึงจะสาสม
ภูบดินทร์พลิกเรียวลิ้นสากไล่ต้อนเรียวลิ้นนุ่มไปจนสุดทาง
ในที่สุดเธอก็จูบตอบอย่างดูดดื่ม เพราะร่างกายเธอต้านอำนาจการปลุกเร้าอย่างช่ำชองต่อไปไม่ไหว
เขาไม่อยากละจากโพรงปากหวานล้ำสักนิดเดียว
ทว่ามันยังมีอีกหลายที่ซึ่งนักสำรวจใจร้อนอย่างเขายังต้องไปค้นหา
เขาส่งจมูกคมไปค้นหากลิ่นหอมรัญจวนจากแก้มนุ่มเลยไปถึงซอกคอซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้เบื่อ
ทุกส่วนจากร่างกายเขาทำงานสอดประสานกันและแบ่งงานกันอย่างลงตัว
มือหนาจัดการรูดสิ่งกีดขวางบนร่างกายเธอเลื่อนต่ำลงทีละนิดๆ
เท่าที่มือเขาจะเอื้อมไปถึงได้และก็เป็นอีกครั้งที่เธอไม่สวมเสื้อยกทรง ดังนั้นชุดเดรสแทนที่มันจะเกาะอกแต่มันกลับถูกรูดไปเกาะไว้รอบสะโพกกลมกลึงหากไม่ใช่ผ้ายืดรัดรูปมันคงร่วงเผละลงไปกองที่พื้นตั้งนานแล้ว
ก่อนที่มือหนาจะเลื่อนไล้ผิวเนียนขึ้นไปกอบกุมทรวงอกอวบอิ่มทั้งบีบทั้งเคล้นอย่างย่ามใจ
“อย่าค่ะคุณภูบดินทร์”
คำประท้วงกระท่อนกระแท่นของชญานินที่เริ่มรู้สึกหวาดกลัวดูเหมือนจะไร้น้ำหนัก
เธอบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบสันจมูกที่ไล้ระจากแก้มนุ่มลงมาสู่ซอกคอขาวได้ก็จริง
แต่เขามิได้หยุดเพียงแค่นั้นเขาก้มมาคลุกเคล้าทรวงอกอวบอิ่มที่ถูกมือหนานวดคลึงฟอนเฟ้นอยู่ก่อนหน้า
แตะปลายลิ้นอุ่นหยอกเย้าไล้วนรอบเม็ดบัวสีชมพูทั้งสองข้างจนมันหดตัว
สลับดูดเม้มด้วยริมฝีปากร้อนฉ่า บางครั้งเขาแกล้งขบเม้มแรงๆ ด้วยความมันเขี้ยวที่เธอชอบยั่วให้เขาตบะแตกเสียจนเธอรู้สึกเจ็บ
“อืม...” ภูบดินทร์คำรามเสียงต่ำในลำคอร่างกายของเขาเกร็งเครียดทุกสัดส่วน
ดังนั้นอาภรณ์เปียกชื้นทุกชิ้นทั้งของตัวเองและของชญานิน
จึงถูกเขาสลัดออกไปพ้นตัวอย่างรวดเร็ว
ร่างกายเปลือยเปล่าเปียกชื้นจึงแนบสนิทเป็นเนื้อตัวเดียวโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
“อาบน้ำพร้อมกันดีกว่านะ”
เจ้านายหรี่ตามองร่างงามผุดผ่องที่เขาอยากจะแทรกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายเธอเสียเหลือเกิน
เลขาฯ สาวหน้าเห่อเป็นสีชมพูจัดจ้านด้วยความอาย
เธอส่งค้อนให้ครั้งหนึ่งเพราะเขาถามทั้งๆ ที่ไม่อยากได้คำตอบ แต่ถอดเสื้อผ้าเธอออกจนหมดแถมยังเปิดน้ำจากฝักบัวลงมาชโลมร่างกายกันอีกรอบ
“แบมือขึ้นมาสิเจสซี่”
เสียงทุ้มออกคำสั่ง หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย แบมือรับครีมอาบน้ำที่เขาบีบให้
ทว่าพอเธอจะลูบไล้ครีบอาบน้ำให้ร่างกายตัวเองเขากลับร้องห้าม
แล้วชี้ปลายนิ้วไปที่ร่างกายกำยำที่เธอไม่กล้ามองส่วนที่ต่ำกว่าเอว
“นั่นมันสำหรับผม นี่ ต่างหากสำหรับตัวคุณ” หญิงสาวมองเขาบีบครีมอาบน้ำใส่ฝ่ามือแทนที่จะเป็นฟองน้ำนุ่มลื่นอย่างลุ้นระทึก
ว่ามือหนาของเขาจะชอนไชไปถึงส่วนไหนของร่างกายเธอบ้าง เพียงแค่คิดเธอก็ยังใจสั่น
ไม่อยากคิดว่าถึงเวลานั้นเปลวเพลิงพิศวาสจะทำให้เธอเร่าร้อนมากแค่ไหน
ภูบดินทร์ยิ้มกริ่มเขาไม่ปล่อยดวงตาสีน้ำตาลหวานซึ้งกลอกมองเขาอย่างสับสนอยู่นานนัก
เขาลูบไล้เนื้อครีมนุ่มลื่นด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างจนเกิดฟองแล้วแตะละเลงทาจนทั่วผิวเนื้อนุ่มอย่างซุกซนและพึงพอใจ
ยิ่งส่วนไหนที่แตะแล้วเธอสะดุ้งเผลอร้องครวญครางออกมาเขาก็ยิ่งอยากแกล้ง และอยากแกล้งอยู่อย่างนั้นอย่างไม่รู้เบื่อ
“อาบให้ผมบ้างสิ”
เขาทำเสียงออดอ้อนเมื่อเห็นเธอทำท่าเงอะงะไม่รู้ว่าจะแตะร่างกายเขาตรงส่วนไหนก่อน
ในที่สุดเธอก็ยอมทำตามคำสั่งแกมขอร้องของเขา
แต่เธอก็ไม่กล้าพอขอเว้นไว้ที่หนึ่งก็แล้วกัน
ภูบดินทร์อมยิ้มอย่างพึงพอใจเพราะถ้าเธอกล้ามากขนาดนั้นอาจทำให้เขาคิดมากพานจะเสียอารมณ์ไปได้ง่ายๆ
หลังจากล้างฟองครีมให้กันและกันจนเนื้อตัวหอมสะอาดสะอ้านกันดีแล้ว
เรือนร่างอร่ามตาผิวพรรณขาวอมชมพูที่มีหยดน้ำเกาะพราวไปทั้งตัว ทำให้เธอสวยเซ็กซี่มากเสียจนเขากลายเป็นคนใจร้อนมากถึงร้อนที่สุด
เขาไม่อาจทนรอได้เมื่อเธอบอกให้รอก่อนเธอจะออกไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้เพราะมันอยู่ข้างนอก
แต่เขากลับอุ้มเธอเดินตัวปลิวออกมาวางลงกลางเตียงกว้าง
โดยมีกายแกร่งคลานมาคร่อมทับทั้งที่ผมยาวสลวยของเธอยังเปียกอยู่
“ต้องโทษคุณเจสซี่ ชอบแต่งตัวโป๊ทำให้ผมรุ่มร้อน
ใครจะอดใจไหว”
หญิงสาวอ้าปากจะคัดค้านว่าไม่จริง
ริมฝีปากร้อนฉ่าก็ฉกมาปิดเรียวปากอิ่มของเธอเสียก่อน
เรียวลิ้นทั้งสองต่อสู้ฟาดฟันกันอย่างดูดดื่มและพลิ้วไหวไปในทิศทางเดียวกันเหมือนมวยถูกคู่
ก่อนที่ริมฝีปากร้อนฉ่าจะก้มลงมาดูดกินทรวงอกอวบอิ่มจนจมลึกเข้าไปอย่างกระหายสลับกันทั้งสองข้าง
ชญานินถูกเพลิงพิศวาสแผดเผาเสียจนเนื้อตัวสะท้านไหวระริก อารมณ์ของเธอพุ่งสูงตามแรงปลุกเร้าและสัมผัสจากร่างกายเขา
เขาโทษว่าเธอเป็นคนสุมมันขึ้นมา เธอเป็นฝ่ายยั่วยวน
แต่เขาจะรู้ไหมว่าตอนนี้หากเขาหยุดการเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของร่างกาย
มันอาจทำให้ร่างกายที่รุ่มร้อนของเธอดิ้นทุรนทุรายถึงขั้นระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ได้
“อ๊ะ” ร่างงามสะดุ้งเนื้อตัวร้อนผะผ่าวแล่นไปตามปลายนิ้วแข็งแรงที่กรีดไล้เบาๆ
จากร่องอกอวบผ่านหน้าท้องแบนราบ แล้วกางฝ่ามือเคล้าคลึงเนินเนื้อสล้างอย่างอ้อยอิ่ง
ก่อนที่ปลายนิ้วยาวจะเคลื่อนต่ำลงไปแตะเกสรดอกไม้พราวพร่างไปด้วยน้ำหวานที่ล่อให้แมลงภู่ผึ้งมาลิ้มชิมรสความหอมหวาน
ชญานินจิกหัวไหล่หนาทั้งสองข้างเอาไว้แน่น
ริมฝีปากอิ่มก็เม้มสนิทเพื่อกันไม่ให้เสียงครางลอดออกไปให้ได้อายเขา
แต่กระนั้นเธอก็ยังกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ปล่อยเสียงครางยาวบ้างสั้นบ้างตามจังหวะการรุกล้ำด้วยปลายลิ้นร้อนที่ตวัดขึ้นลงหยอกเย้าเกสรดอกไม้อย่างเนิบนาบสลับรัวเร็วจนเนื้อตัวเธอบิดเกร็งไปทุกส่วน
หญิงสาวยังหลับตาพริ้มเนื้อตัวบิดส่ายเหมือนใจจะขาดรอนๆ ด้วยความรุ่มร้อน
เมื่อบางอย่างขาดการต่อเนื่อง เธอส่งเสียงครวญกระเส่า
เธอต้องการการเติมเต็มจากเขาอย่างโหยหา
เวลานี้ทั้งร่างกายและหัวใจเธอก็พร้อมเหลือเกินที่จะหลอมเป็นส่วนเดียวกับร่างกายเขา
ก่อนหน้านี้เขาดูใจร้อนมากขนาดผมเธอเปียกเขายังไม่ให้เสียเวลาไปเช็ด
เขาปลุกปั่นร่างกายเธอจนสะบัดร้อนสะบัดหนาว แต่ทำไมตอนนี้เขาใจเย็นนัก
เย็นยะเยือกเหมือนอยู่ในขั้วโลกเหนือมันเย็นเกินไปหรือเปล่า
ครั้นปรือตาขึ้นมองเห็นแผ่นหลังกว้างของผู้ที่ปลุกปั่นร่างกายเธอจนรุ่มร้อนดังเปลวเพลิงแทนที่จะได้เห็นใบหน้าและสายตาวาววาม
ทว่าตอนนี้เขากลับนั่งนิ่งหันหน้าไปทางปลายเตียง ร่างสะคราญที่นอนบิดเร่าจึงชาวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างนึกไม่ถึง
ว่านี่มันการแก้แค้นและเขาก็ทำได้สำเร็จ เธอเคยทำให้เขาอับอาย
แต่ตอนนี้เขาทำให้เธอรู้สึกอับอายมากยิ่งกว่า อา...เขาเลือดเย็นเหลือเกิน
เขาทำได้ยังไง
“หัวเราะสิคะคุณภูบดินทร์ หัวเราะให้สาแก่ใจ วันนี้คุณล้างอายสำเร็จแล้ว
สำเร็จอย่างที่เจสซี่ไม่คิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนเขาทำกันแบบนี้” ชญานินดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดคลุมร่างกายแล้วลุกขึ้นมานั่งคุดคู้อยู่กลางเตียง
เธอพร่างพรูคำพูดเสียดแทงออกมาทั้งน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตกด้วยความผิดหวัง
เสียใจ และรู้สึกอับอายจนเกินจะทานทนและอีกหลากหลายความรู้สึก
เขาทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร เขามีหัวใจหรือเปล่า แล้วต่อไปเธอจะยังทำงานร่วมกับเขาและมองหน้าผู้ชายคนนี้ได้อยู่อีกหรือ
“หมดเวลาเล่นเกมแล้ว...เจสซี่”
ผม...ขอโทษนั่นคือสิ่งที่เขาไม่ได้พูด ภูบดินทร์ลุกขึ้นยืนเชื่องช้าเขาเอ่ยคำนั้นออกมาด้วยเสียงแหบแห้งแผ่วเบาผ่านลำคอ
ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ โดยไม่ได้หันกลับมามองหญิงสาวที่กำลังสะอื้นไห้มองแผ่นหลังเขาผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อล้นด้วยความรู้สึกอับอาย
เธอจึงไม่ได้เห็นแววตาของผู้ชายที่ต้องการรักษาชื่อเสียงของเธอเอาไว้ ว่าเขาต้องข่มอารมณ์
ข่มความต้องการจนร่างกายแทบปริร้าวนั้นมันสาหัสสากรรจ์เพียงใด นั่นเป็นเพราะคำพูดประโยคเดียวของประวิทย์ที่ผุดขึ้นมาในหัวก่อนเขาจะกลายเป็นคนทำลายเธอ
และทำลายความเชื่อถือเพื่อนสนิทของผู้เป็นแม่ด้วยตัวเขาเอง
‘ลุงฝากเจสซี่ด้วยนะภูบดินทร์
ถ้าแกทำอะไรไม่ถูกไม่ควรอยากอบรมสั่งสอนอะไรก็ทำได้เลยเต็มที่ไม่ต้องกลัวลุงโกรธ
สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมเมืองนอกทำให้แกเป็นเด็กใจแตก แต่มันไม่ใช่ความผิดของแกหรอก
ลุงเองต่างหากที่ผิด ลุงปล่อยปละละเลยแกมานาน และลุงก็เสียใจที่ไม่อาจทำให้แกอยู่ร่วมบ้านเดียวกับคุณศศิมาและนินาได้ทั้งที่แกเป็นลูกคนหนึ่ง’
ภูบดินทร์ยอมรับว่าที่ผ่านมาเขาเองก็มองเธอในภาพลบไม่ต่างจากคนอื่น
ทว่ากลีบดอกไม้และเกสรยังสวยสดสมบรูณ์มิได้บอบช้ำที่ผ่านสายตามาเมื่อสักครู่ทำให้เขามั่นใจเหลือเกิน
เขาจึงรู้สึกละอายใจไม่กล้าล่วงเกินเธออย่างที่ร่างกายเขาปรารถนามากไปกว่าการสัมผัสภายนอก
เวลานี้ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะบอกพ่อของเธอหรือทุกคนที่มองเธอว่าเป็นเด็กใจแตก
ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอยังบริสุทธิ์ผุดผ่องมิได้บุบสลายเลยแม้แต่น้อย
เขาเสียอีกที่กำลังจะหน้ามืดตามัวทำให้กุหลาบงามของเธอมีรอยราคิน
ภูบดินทร์หยิบเสื้อผ้าชุดเดิมของเขาขึ้นมาบิดพอหมาดๆ แล้วนำกลับมาใส่ใหม่อย่างไม่มีทางเลือกอื่น
ตอนเดินกลับออกไปอาจจะมีคนสังเกตเห็น หรือตั้งคำถามอย่างสงสัยว่าทำไมเขาใส่เสื้อผ้าเปียก
แต่เวลานี้ค่อนข้างดึกมากแล้ว เขาหวังว่าเขาจะไม่เจอใครเลยสักคนโดยเฉพาะคนที่รู้จักส่วนบุคคลอื่นๆ
เขาไม่ได้แคร์อยู่แล้ว
เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำกำลังจะเดินผ่านเตียงกว้างที่มี
ชญานินนอนฟุบคว่ำหน้าอยู่
ภาพหญิงสาวมีผ้าห่มผืนหนาปกคลุม กระนั้นก็ยังเห็นว่าเธอนอนสะอื้นจนตัวโยนอยู่ภายใต้ผ้าห่ม
หากแต่ไม่มีเสียงร้องคร่ำครวญเหมือนทีแรก เขาทั้งสงสารและรู้สึกผิดอย่างมหันต์ที่หน้ามืดตามัวทำแบบนั้นกับเธอ
ถ้าเป็นไปได้เขาอยากเข้าไปนั่งลงใกล้ๆ อยากช่วยเช็ดหน้าที่ยังเปียกชื้นที่เห็นโผล่ออกมาจากผ้าห่ม
เพื่อปลอบโยนให้เธอคลายความเสียใจ แต่เขาเลือกจะไม่ทำแบบนั้น เพราะถ้าไม่เข้มแข็งไม่เด็ดขาดเขาจะปราบเด็กดื้อรั้นอย่างชญานินไม่ได้แน่นอน
“หมดเวลาร้องไห้ฟูมฟายแล้วเจสซี่ เกมมันย่อมมีทั้งแพ้และชนะ
ผมเคยแพ้ผมก็ยอมรับความพ่ายแพ้ และผมก็หวังว่าคุณจะมีน้ำใจนักกีฬากลับไปร่วมงานร่วมกันได้เหมือนเดิม
หรือถ้าคุณแพ้ไม่เป็นจะลาออกผมคงไม่ห้าม เพราะยังไงๆ
เงินค่าเหล้าเกือบหมื่นและเงินที่ผมให้คุณยืมไปห้าหมื่น
ถ้าผมไปเรียกเก็บจากคุณลุงประวิทย์ท่านคงไม่ว่าอะไร แต่ก็อาจจะกุมขมับนิดหน่อย
หรือผมควรจะไปเรียกเก็บจากคุณอาศศิมาดีล่ะ พ่อของคุณจะได้ไม่ต้องกลุ้มใจ”
ภูบดินทร์ยืนกอดอกทอดสายตามองหญิงสาวที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มด้วยแววตาอ่อนโยน
ทว่าคำพูดนั้นเสียดแทงใจดำคนฟังอย่างจงใจเยาะเย้ย
เพื่อให้เธอเกิดแรงฮึดสู้ก่อนเขาจะหันหลังเดินจากไปเงียบๆ
เสียงฝีเท้าหนักดังห่างออกไปประตูห้องนอนเปิดและปิดในเวลาไล่เลี่ยกัน
ร่างที่คู้ตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาจึงพลิกตัวนอนหงายค่อยๆ
โผล่ใบหน้าขาวซีดจนไร้เลือดฟาด
แต่อาบนองด้วยน้ำตาที่ยังรินไหลไม่หยุดด้วยความรู้สึกอับอายจนสุดจะพรรณนา
เขาปลุกปั่นร่างกายและจิตวิญญาณของเธอซึ่งกำลังเมาทำให้สติและการควบคุมตัวเองบกพร่องร่างกายอ่อนปวกเปียกเหมือนขี้ผึ้งถูกไฟลน
จนเธอพรั่งพร้อมยินยอมจะหลอมรวมร่างกายเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับเขาเป็นเพราะอารมณ์หวามไหว
แต่เขากลับทำให้เส้นทางสู่แดนฉิมพลีของเธอที่ใกล้จะแตะขอบสวรรค์อยู่รอมร่อต้องขาดสะบั้นลง
และพูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำว่ามันคือเกม
“ได้สิคะคุณภูบดินทร์ ถ้าทั้งหมดมันเป็นแค่เกม
เจสซี่จะลองเล่นอีกสักครั้งเอาให้หมดหน้าตักกันไปเลย
เอาให้รู้กันไปเลยว่าครั้งต่อไปใครกันที่จะพ่ายแพ้
แต่รับรองมันต้องไม่ใช่เจสซี่อย่างแน่นอน”
หญิงสาวแค่นยิ้มเหี้ยมทั้งน้ำตาที่ยังไหลอาบแก้มเป็นทางยาว
เธอบอกตัวเองว่าเธอต้องเข้มแข็งเธอต้องฮึดสู้
หนี้สินทั้งหมดเธอเป็นคนก่อดังนั้นเธอต้องรับผิดชอบด้วยตนเอง
หากไม่ยอมกลับไปทำงานผู้ชายเลือดเย็นอย่างเขาอาจไปเรียกเก็บเงินที่เธอติดค้างเขาไว้กับบิดาหรือมารดาเลี้ยงของเธออย่างที่ขู่ไว้ก็ได้
ความจริงเธอไม่ได้แคร์ศศิมาเลยสักนิด
แต่สำหรับพ่อเธอก็ไม่อยากให้ท่านถูกภรรยาใหม่พูดจากระแนะกระแหนโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอ
โปรดติดตามต่อพรุ่งนี้ค่ะ
ระบำอารมณ์-อีบุ๊ก
วางจำหน่ายในเว็บเมพแล้วนะคะ สาวๆ ที่รัก
|
ความคิดเห็น