ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #59 : :: Chapter 41 : จนกว่าเธอจะพร้อม ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.88K
      37
      26 มี.ค. 53

     

     

    จนกว่าเธอจะพร้อม

     

     

     

     

     

    หลายวันแล้วที่คยูฮยอนคอยมายุ่มย่ามและวุ่นวายในทุกๆ เรื่องของซองมิน   ร่างอวบไม่สามารถปฏิเสธคยูฮยอนได้ในบางเรื่องเพราะเจ้าคนใจร้ายขู่ว่าจะบอกคนอื่นว่าเราเคยเป็นอะไรกัน  

    ทั้งที่พยายามจะทำตัวดีๆ ให้ซองมินยกโทษให้และหันมามองกันบ้างแต่คยูฮยอนก็ไม่สามารถหยุดนิสัยเดิมๆ ได้   ต้องการอะไรเขาก็ต้องได้มันมา   อยากจะให้คนน่ารักไม่ถอยหนีก็ต้องรีบจับตัวไว้ไม่ให้ห่างไกลสายตา   แม้จะดูป่าเถื่อนไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไร   เพราะหากเป็นคยูฮยอนคนเดิมของมินมินก็อาจจะใช้วิธีประเภททำให้รักเหมือนพวกจำเลยรักอะไรเทือกนั้น    แต่สิ่งที่เขาต้องการคือความรักล้วนๆ ของกระต่ายตัวอ้วนนั่น

    “ตอนนายแสดงละครต้องใส่ชุดของพวกดยุคอะไรนั่นหรือเปล่า”   คยูฮยอนชวนคุยระหว่างแวะผ่านเข้าห้องซ้อมและโผล่เข้ามากวนใจ   แม้จะมีป้ายอันใหญ่แปะอยู่ว่าบุคคลภายนอกห้ามเข้าแต่มีหรือเจ้าคนอวดดีจะสนใจ

    “ชั้นไม่ได้แสดงเป็นขุนนาง   ไม่ต้องใส่”   เสียงใสพูดห้วนๆ กลับ   หากไม่มีฮีซอลกับอิทึกนั่งอยู่ด้วยอีกฝั่งของห้องเขาคงจะตอกหน้าคยูฮยอนไปเสียงดังแล้วว่าให้ออกไป

    “แล้วนายแสดงเป็นอะไร   ไม่อยู่แป๊บเดียวจะหนีไปดังแล้วเหรอ”   คยูฮยอนไม่ชอบพูดอ้อมเพื่อหนีความผิด   หากเขาทำอะไรไม่ถูกเขาจะยอมรับมันอย่างกล้าหาญในทุกๆ เรื่อง   รวมถึงเรื่องที่เคยทิ้งคนๆ นี้ไปเพราะความงี่เง่าของใจตัวเอง

    “เรื่องของชั้น”   ซองมินไม่หันมาสบตา   ปากตอบแต่สายตาก็จ้องอยู่ที่บทไม่ละไปไหน

    “ลืมไปแล้วเหรอว่าเราเป็นอะไรกัน   หรือจะต้องให้ชั้นพูดย้ำบ่อยๆ ว่าชั้นมีสิทธิ์ในตัวนายมากแค่ไหน”   คยูฮยอนชักยั๊วะที่ทำอะไรไปเจ้าคนตัวเล็กแสนดื้อนี่ก็ยังไม่เคยใจอ่อน  

    เคยทำที่ไหนล่ะ    ...เฝ้าหน้าคลาสจนจบพีเรียด   รอซองมินซ้อมละครจนดึกดื่นเกือบทุกวันเพื่อรับกลับบ้านด้วยกัน   แม้บางครั้งเขาจะรอนานกว่าสามชั่วโมงแต่ปรากฏว่าร่างบางบอกจะกลับพร้อมดงเฮจนกลายเป็นว่าตนรอเก้อนั้นก็ไม่เคยกล้าแม้แต่จะขึ้นเสียงใส่

    สิ่งดีๆ แบบนี้น่ะ   คยูฮยอนเคยทำให้ซองมินที่ไหนกัน

    “หยุดพูดเรื่องนี้ซะที   แค่นี้ชั้นก็สะอิดสะเอียดจนไม่อยากจะเห็นหน้านายอยู่แล้ว   เลิกเอาเรื่องทุเรศๆ พรรค์นี้มาต่อรองกับชั้นซะที”   ความอดทนมันก็มีพอให้จำกัด   พอทุกอย่างเริ่มเดือดเต็มที่มันก็พร้อมที่จะปะทุให้ลาวาระเบิดอยู่ตลอดเวลา

    พอเห็นซองมินใช้สายตาขวางๆ จ้องมาอย่างเกลียดนักหนาคยูฮยอนก็น้อยใจอยู่ในอก   เจ็บข้างในแต่ข่มไว้ภายใต้ความแข็งกระด้างที่เผยอยู่ภายนอก

    “ถ้านายเลิกผลักไสชั้นไปให้คนอื่นชั้นก็จะเลิกใจร้ายกับนาย   เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้านายทำตัวน่ารักกับชั้นชั้นก็จะดีกับนาย   พูดไม่เคยฟัง”

    “นายไม่มีสิทธิ์ได้รับอะไรจากชั้นทั้งนั้น”   ซองมินพูดลอดไรฟันอย่างโกรธจัด   “สิ่งเลวๆ ที่นายทำไปมันยังไม่พออีกเหรอที่ชั้นจะเกลียดนาย”

    “ยกโทษให้กันบ้างไม่ได้หรือไง   ทีกับไอ้ชางมินล่ะก็คร่ำครวญให้มันกลับมาทั้งที่ไอ้เวรนั่นมันเลวจัญไร”

    “หยุดนะ!   อย่าพูดถึงพี่ชางมินแบบนั้น! 

    “ทำไมจะพูดไม่ได้   จะไปอะไรกับไอ้ห่าเหวนั่นมันนักหนา   ยังเจ็บไม่พอใช่มั๊ย”   คยูฮยอนเองก็เริ่มเดือด   พูดไม่ได้แตะไม่ได้   ไอ้สารเลวนั่นเคยคิดทำอะไรกับตัวเองบ้างน่ะเคยรู้บ้างมั๊ย   เคยรู้อะไรบ้างหรือเปล่า

    “ไปให้พ้นเลยคยูฮยอน   ออกไปไกลๆ ชั้นเลย”  

    ดวงตากลมโตนั้นหม่นหมองจนไม่เหลือเค้าของความสดใส  คยูฮยอนเห็นความเศร้าท่วมอยู่ในม่านตาสีอ่อน   ใจนึกอยากจะขอโทษเป็นพันเป็นล้านครั้งแต่พอพูดไปแล้วผลที่ได้รับกลับมาก็หนีไม่พ้นประโยคแบบนี้ของซองมิน

    ยังไงคนที่ซองมินรักและเชื่อใจก็ยังเป็นชิมชางมิน     ไม่ใช่โจวคยูฮยอน

    คยูฮยอนลุกพรวดแล้วเดินหนีออกไป    กระจกเลื่อนถูกปิดดังปัง! ด้วยแรงโทสะของคนเจ้าอารมณ์เมื่อกี้จนฮีซอลกับอิทึกสะดุ้ง

    ซองมินมองตามแผ่นหลังของคยูฮยอนจนมันลับตาด้วยแววตาตัดพ้อ   นายมันก็เป็นแบบนี้ทุกที

    “เฮ๊ย   เพื่อนแกไหวป่ะเนี่ยไอ้กระต่าย   มันกะจะทำประตูไอ้ฮยอนจุงพังเลยใช่มั๊ย”   ฮีซอลร้องโวยอย่างไม่พอใจนัก   ตั้งแต่ที่คยูฮยอนเข้ามาเขาก็รู้สึกไม่ถูกโฉลกกับมันแล้ว   แต่พอเห็นว่ามาคุยกับซองมินอยู่นานก็นึกว่าเพื่อนกันเลยไม่อยากพูดอะไร   แต่พอไอ้เจ้าเด็กนั่นมันทำกริยาดิบๆ ให้เห็นแล้วก็รู้สึกคันๆ ตีนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    “มักเน่   เพื่อนชื่ออะไรอ่ะ   หล่อดีเนอะ”   อิทึกทำหน้าเพ้อๆ  ซองมินทำสีหน้าปุเลี่ยนไม่อยากตอบเพราะพี่ชายสองคนนี้ก็รู้ดีว่าใครเป็นคนที่เคยทำให้เขาทั้งรักทั้งเสียใจ   ซองมินเองก็ไม่อยากให้คยูฮยอนตกเป็นเป้าศัตรูของฮีซอลเท่าไหร่นัก   เพราะมีแต่จะซวยกับซวย

    แล้วทำไมชั้นถึงต้องมานั่งห่วงนายอยู่แบบนี้ด้วยคยูฮยอน    ทั้งที่นายจะเป็นหรือจะตายก็ไม่ใช่เรื่องของชั้น

    โชคยังดีที่ฮีซอลก็ดันสวนขึ้นมาซะก่อน

    “แรดจริง”

    “แรงนะแก”   อิทึกผลักหัวเพื่อน   ฮีซอลปัดมือออกแล้วจิกตาใส่อย่างเคยที่ถูกแกล้งแบบนี้

    “ผมชั้นเสียทรงหมด   กระต่ายน้อย   อย่าไปเกลือกกลั้วกับไอ้พวกหน้าหล่อแต่ล่อไม่ได้อย่างงี้ให้มันมากนักนะ   ชั้นไม่ชอบหน้ามันเท่าไหร่   เห็นแล้วคันตีนอย่างฟาดหน้ามันซักที”

    “อุ๊ยๆๆ   สปาร์คน้องเค้าเหรอแก   ซอลลี่ที่รักคิดจะนอกใจไอ้ซิมบ้าแล้วชิมิ”

    “เตี่ยแกสิ -*-”

     

     

     

     

     

     

     

     

    ดงเฮถูกซอนยีโทรตามตัวให้มาหาที่ร้านคอฟฟี่ช็อปใกล้ๆ กับตึกวิศวะ   ไม่รู้เพราะหญิงสาวต้องการหาสถานที่ที่คิบอมไม่ค่อยเหยียบย่างมาบ่อยๆ หรือร้านที่โรแมนติกกันแน่   ถึงได้ชวนเขามาที่นี่

    “ดงเฮมีพี่ชายด้วยเหรอ”

    “ฮะ   พี่ผมเป็นหมอ   แต่ตอนนี้เค้าทำงานอยู่ที่จีน”

    “ว่างๆ แนะนำพี่ให้คุณหมอของดงเฮรู้จักด้วยนะจ๊ะ”

    ฟังยังไง...   มันก็เหมือนเจ้าคนหน้าหวานเป็นฝ่ายถูกผู้หญิงแมนๆ จีบชัดๆ !!

    “เอ่อ..   แต่นานๆ ทีพี่ผมถึงจะกลับมาโซล   ส่วนใหญ่ตอนปิดเทอมผมจะบินไปที่นู่น   แต่ปีนี้ยังไม่ได้ไปเลยฮะ”

    “เพราะคิบอมหรือเปล่า”

    พอถูกแทงใจด้วยประโยคตรงๆ แบบนี้คนสวยก็เริ่มอึกอัก   คนตรงหน้าคงอยากรู้ความสัมพันธ์ของตนกับคิบอมเต็มแก่แล้วว่าอะไรกันขนาดไหนเพื่อที่จะได้วางตัวถูก   ดงเฮชักเริ่มกลัวๆ ซอนยีขึ้นมาบ้างแล้ว

    เพราะไม่รู้ว่าใต้รอยยิ้มหวานที่หล่อนมอบให้จะมีความอันตรายแฝงมาด้วยหรือเปล่า

    ตอบเรื่องจริงไปเลยคงจะดีกว่า

    “ก็ส่วนนึงฮะ   แต่ผมก็อยากเรียนต่อที่นี่ด้วย”

    “เหรอ   แต่พี่ก็ดีใจนะที่ดงเฮคิดแบบนั้น    เพราะไม่งั้น  เราก็คงไม่ได้รู้จักกัน”

    ตาวาวๆ ของหญิงสาวมันชวนให้เขากระอักกระอ่วนใจที่จะทนมองมัน   คนสวยของคิบอมเสเปลี่ยนเรื่องอย่างเนียนๆ โดยการเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่มเพิ่มอีกแก้ว

    ระหว่างที่นั่งอยู่กับซอนยีเพราะหาโอกาสปลีกตัวมาไม่ได้สักทีดงเฮก็แอบเห็นพฤติกรรมของรุ่นพี่คนนี้ว่าคอยมองผู้หญิงหน้าตาน่ารักอยู่ตลอด   แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นเขาเองที่ซอนยีเบือนสายตากลับมาจ้อง

    พี่ซอนยี่นี่สปีชี่ส์ไหนวะ  -*-

    ฮยอนจุงโทรตามผู้ช่วยสาวให้ไปหา   มีทติ้งหวานสำหรับซอนยีเลยมีอันต้องจบลงท่ามกลางเสียงปรบมือกราวของร่างบางที่แอบลัลล้าอยู่ในใจ   ใช่ว่ารังเกียจรุ่นพี่คนนี้แต่เขาก็ลำบากใจเวลาที่ต้องอยู่กันตามลำพัง   คงเพราะว่าซอนยีไม่รุกจีบถึงขั้นแตะเนื้อต้องตัวกันเลยไม่มีอะไรให้ระแวงมากกว่าความรู้สึกผิดต่อคิบอมในใจ

    พอออกจากร้านกาแฟก็ค่อยหายใจหายคอโล่งขึ้นมาหน่อย   ตั้งใจจะไปรอคิบอมให้เรียนเสร็จเพราะให้สัญญาไว้เมื่อวานว่าเย็นนี้จะทำอะไรให้กินที่คอนโด   แต่พอเดินเฉียดไปใกล้ซุ้มอาหารไทยที่นิชคุณรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาก็แวะเข้าไปทักทาย

    หนุ่มไทยหน้าหยกยิ้มหวานต้อนรับ   แม้จะทำใจแข็งไม่ออกตัวจีบเหมือนแต่ก่อนเพราะรู้ว่าคนๆ นี้มีเจ้าของหัวใจแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะคอยดูแลและเป็นห่วง   ยิ่งเห็นดงเฮใส่ใจและเข้ามาหาก็ยินดียิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

    “อันนี้เรียกว่าอะไรอะคุณ    อร่อยดีนะ”

    “ผัดไทครับ   ดงเฮต้องลองชิมอันนี้ด้วยนะ    จานนี้หอยทอด”

    พอรับมาชิมก็ต้องร้องว่าถูกปาก   มันกรอกๆ นุ่มๆ และอร่อยอยู่ในลิ้น   พ่อครัวตัวน้อยของคิบอมไม่รีรอที่จะขอจดสูตรจากนิชคุณที่ให้เป็นวิทยาทานอย่างเต็มใจ

    “วันหลังผมจะพาไปกินต้นยำกุ้งนะ   มันเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ   ไม่รู้ว่าดงเฮจะชอบหรือเปล่า   แต่นักท่องเที่ยวน่ะเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปไทยเพื่อกินเลยนะ”   เขาอวดอ้างแล้วยิ้มให้   ร่างบางรีบตอบรับเพราะไม่เคยปฏิเสธไมตรีดีๆ จากใครได้สักคน   ยิ่งเห็นท่าทางของนิชคุณที่เป็นมิตรฉันท์เพื่อนก็รู้สึกวางใจและสนิทใจที่จะคบหา

    ประมาณห้าสิบนาทีกว่าคิบอมจะเลิกเรียน   ร่างเล็กเลยตัดสินใจช่วยนิชคุณขายอาหารเพราะคนอื่นๆ ก็ทยอยออกไปพัก   เพิ่งทันได้สังเกตว่าเพื่อนต่างสัญชาติคนนี้ก็มีเสน่ห์ไม่แพ้ใคร   เหล่าสาวๆ และหนุ่มน้อยหัวใจหวานแหววต่างแวะเข้ามาซื้อหอยทอดกับผัดไทกันไปแล้วมากกว่าคนละสองจาน  

    นิชคุณเองก็ออกจะยิ้มง่ายแล้วก็ดูดี   ไม่ให้หลงเสน่ห์ได้ยังไงไหว   

    คิดถึงตรงนี้แล้วก็ต้องแอบลอบยิ้มถึงเจ้าคนหน้าลิ้มที่เคยประกาศตัวแย่งชิงตนกับคนข้างๆ    ความทรงจำเก่าๆ มักทำให้ดงเฮยิ้มได้เสมอว่าก่อนที่จะมาถึงวันนี้เขากับคิบอมน่ะเคยรู้สึกยังไงกันมาบ้าง

    “เดี๋ยวนี้สาวกรี๊ดกันใหญ่แล้วนะ”   เสียงใสร้องแซวทันทีที่ลูกค้าเริ่มซา

    “ก็นะ   ผมก็ใช่ว่าขี้เหร่สักหน่อย”   เขายิ้มทะเล้น   ซึ่งดูน่ารักไม่หยอก   “มีแค่คนแถวนี้แหละที่มองข้ามผม   เชอะ”

    ดูก็รู้ว่าเขาแค่แหย่เล่นเลยไม่ลำบากใจที่จะเล่นต่อ   “มีมินโฮทั้งคนแล้วยังจะโปรยเสน่ห์ให้สาวๆ อีกเหรอ   ว่าแต่พักนี้เราไม่เห็นคู่กัดคุณเลยนะ   ตอนเปิดเรียนใหม่ๆ ก็ว่าพอจะเห็นหน้าอยู่”

    คนสวยพยายามเลี่ยงคำว่าแฟนออกเพราะไม่รู้สถานภาพที่แน่นอนของนิชคุณกับมินโฮ   แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกอะไรถึงได้ทำนิ่งไป

    “อย่าไปใส่ใจคนพรรค์นั้นเลยครับ   เค้ามีคู่หมั้นของเค้าอยู่แล้วทั้งคน   อีกอย่าง   เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน”

    “หือ  คู่หมั้น?”

    นิชคุณไม่อาจปิดบังตาใสๆ ของดงเฮได้   แล้วเขาก็ไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องทำให้เรื่องไร้สาระมันดูลึกลับ   บอกอะไรไปมันก็ไม่เสียหายนักหรอก

    “เค้ามีคู่หมั้นที่พ่อกับแม่เลือกให้น่ะครับ   ผมเคยเจอเค้าหนนึงตอนไอ้บ้านั่นคอยมาวุ่นวาย”

    “อ้าว   เค้าไม่ได้จีบคุณอยู่เหรอ”

    “จีบกับผีน่ะสิ   วันๆ มันเอาแต่กวนประสาท”   ก็พอรู้ว่ามินโฮคงจะจีบตัวเองอย่างที่ดงเฮพูดนั่นแหละ    แต่เขามันก็เป็นเมะเกินกว่าจะกลับใจหรือยอมให้ใครหน้าไหนมากด   เพราะงั้นพอรู้ว่าเจ้าเปรตสูงนั่นมีคู่หมั้นอยู่แล้วก็ยิ่งดีใจว่าสลัดมันไปพ้นๆ ได้สักที   และก็คงจะสำเร็จจริงเพราะลีมินโฮไม่ได้โผล่หน้ามาให้เห็นสองเดือนกว่าๆ แล้ว

    “คุณไม่ได้ชอบมินโฮเลยเหรอ   เราว่าเค้าก็ดีนะ    ถูกตามตื๊อบ่อยๆ มันก็น่าจะเอนเอียงกันบ้างนา”   เสียงใสยังจ้อไปเรื่อย   มันสนิทใจมากกว่าก่อนหน้าที่นิชคุณยังทำท่าชอบตัวเองอยู่มากเลยทีเดียว

    “ผมเป็นเมะนะครับด๊อง   เมะ”    เห็นร่างสูงยืนยันด้วยหน้าเครียดๆ ก็ยิ้มขำ   อดไม่ได้ที่จะแซวต่อเพราะนิชคุณก็ดูไม่ซีเรียสอะไรกับเรื่องของมินโฮ   ดูจะสบายใจด้วยซ้ำที่อีกคนเลิกรังควาญและหายไปจากชีวิตได้เสียที

     

     

     

     

     

     

    ร่างเล็กใช้เสน่ห์ปลายจวักบริการดินเนอร์ให้คิบอมอีกครั้งในวันนี้    ร่างสูงผละจากยืนจดๆ จ้องๆ ร่างบางที่หยิบนู่นหยิบนี่ในครัวไปใช้สอยอย่างคล่องแคล่วอย่างเพลินตาไปจัดโต๊ะอาหารตามที่ดงเฮร้องสั่ง   คิบอมบอกจุดเทียนบนตะดินเนอร์และเดินไปปิดแอร์   เลื่อนประตูที่ระเบียงให้เปิดออกเพื่อรับลมเย็นๆ ของค่ำคืนแห่งความโรแมนติก

    ร่างสูงรินน้ำส้มและน้ำเปล่ารอเชฟคนสวยนำอาหารมาวาง   มองดูผลงานตัวเองอย่างพอใจแล้วเดินไปปิดไฟเพื่อให้ได้บรรยากาศของค่ำคืนแสนหวานอย่างที่เห็นเขาทำกันในทีวี

    “โห   โรแมนติกได้อีกอ่ะ”

    เสียงใสร้องแซวแล้ววางจานใบกว้างที่ถือมาลงบนโต๊ะ   คิบอมยิ้มเขินนิดๆ แล้วเดินไปถอดผ้ากันเปื้อนที่ร่างบางสวมอยู่ออกก่อนนำไปเก็บในครัวให้   รอกระทั่งคนสวยพร้อมจะมานั่งแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างสุภาพ   เดินมานั่งอีกฝั่งด้วยรอยยิ้มที่หุบไม่ลงตลอดทั้งดินเนอร์สีชมพู

    ระหว่างที่เก็บจานไปช่วยกันล้างร่างบางก็เผลอหลุดปากเล่าเรื่องที่วันนี้ไปดื่มกาแฟกับซอนยีออกไป    แม้จะตั้งใจแล้วว่าจะไม่ให้คิบอมรู้เพราะกลัวเขาจะระแวงแล้วแท้ๆ   อยากตบปากตัวเองนัก

    “แล้ว?”

    “ก็ไม่อะไรหรอก   พี่ซอนยีเค้าก็คุยปกตินะ   แป๊บเดียวพี่ฮยอนจุงก็โทรมาตามพี่เค้าออกไปแล้ว”

    พอคนสวยบอกว่าไม่มีอะไรด้วยความที่เชื่อใจเต็มเปี่ยมคิบอมเลยไม่ทู่ซี้ที่จะซักไซ้   แต่ก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่ามีใครอีกคนชะรอยว่าจะหลงเสน่ห์ร่างเล็กข้างๆ นี่ให้อีกคนแล้ว

    หรือว่าผมจะต้องรวบหัวรวบหางดงเฮเอาไว้แล้วจริงๆ

    เริ่มดึกเข้าคิบอมก็คว้าหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเปิดดูด้วยกัน   คนสวยนั่งธรรมดาอยู่บนโซฟาตัวยาวแต่คิบอมกลับนอนหนุนตักนิ่มๆ แล้วหันหน้าไปทางโทรทัศน์ด้วยท่าทางสบายสุดชีวิต

    มือเล็กเกลี่ยผมหนาไปเรื่อยอย่างเพลินมือแต่ก็เริ่มจะชาที่ขาขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อหัวหนักๆ ของคิบอมวางอยู่นาน   พอร่างบางขยับขาออกนิดหน่อยเจ้าคนตัวโตก็เลยรู้ตัวลุกขึ้นไปนั่งอย่างว่าง่าย

    “เหนื่อยเหรอ”   คนขี้หวงถามอย่างเป็นห่วง   ดงเฮไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าขาวๆ ให้เบาๆ

    “วันนี้ไปช่วยนิชคุณขายอาหารมาตอนที่รอคิบอมน่ะ    ลูกค้าเยอะก็เลยเมื่อยๆ   ปวดเท้ามากเลย”

    “ใจดีไม่เข้าเรื่อง”   เขาดุ   คนสวยเลยยู่ปากเข้าให้อย่างงอนๆ   แต่พอร่างสูงทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นแล้วคว้าเท้าขาวไว้ในอุ้งมือก็ชักกลับแทบไม่ทันเมื่อคิบอมเริ่มบีบๆ นวดๆ มัน

    “ไม่ต้องหรอกคิบอม   มันสกปรก”

    “อย่าดื้อน่า”

    “คิบอมก็อย่าดื้อก่อนสิ  ปล่อยเลย”   เท้าเล็กๆ จะชักหนี   แต่โดนยึดไว้แน่นเลยถูกตีเข้าให้

    “ตีเค้าทำไม”  เสียงใสร้อง   อยากจะสะบัดเสียงงอนแต่ก็ทำไม่ลงเมื่อเขาบรรจงบีบนวดคลายความปวดเมื่อยที่เท้าให้ไม่หยุด   พอจะอ้าปากให้หยุดก็เจอสายตาดุๆ ต้องมาออกแนวสั่งให้เงียบเลยต้องยอม   แม้จะรู้สึกสบายขึ้นแต่ก็เกรงใจคนรักอยู่เหมือนกัน

    คิบอมนวดเท้าเล็กต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีอิดออดหรือพูดบ่น    เขาเองก็ไม่มีโอกาสได้ดูแลดงเฮบ่อยนัก    ส่วนใหญ่จะเป็นคนตัวเล็กนี้มากกว่าที่คอยใส่ใจและถามไถ่สิ่งที่เป็นอยู่ทุกวัน   คิบอมจะคอยใส่ใจเรื่อยความสะดวกอื่นๆ ให้ดงเฮจนเผลอมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไปบ่อยอยู่เหมือน 

    พอถูกเอาใจแบบนี้ก็ใช่ว่าจะรู้สึกดีใจอย่างเดียว   ลึกๆ ก็ซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก   เป็นครั้งแรกที่คิบอมอ่อนหวานให้เห็น   ไม่ใช่พูดคำหวานหรือมอบช่อดอกไม้สีสวย   แต่เป็นการแสดงออกเพียงเล็กน้อยที่แสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจตัวเองมากขนาดไหน  

    ยิ่งนับวันผู้ชายคนนี้ก็จะมีแต่ทำให้ผมรักและประทับใจในตัวเค้ามากขึ้นไปอีก

    ร่างสูงที่ปรนนิบัติคนตัวเล็กอย่างเต็มใจนั้นถนอมฝ่าเท้าขาวอย่างเบามือราวกับเป็นขวดแก้วที่เปราะบาง   บีบนวดอย่างอ่อนโยนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่มีมากเกินไปให้จางลง   ลึกๆ ของคิบอมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางทีเขาก็อยากจะมีความละเอียดอ่อนต่อคนรักให้มากขึ้นเหมือนกัน  

    ผมเชื่อใจเค้า   แต่ผมก็อดกลัวไม่ได้ว่าคนดีของผมจะเอนเอียงและหวั่นไหวไปกับความอ่อนหวานของผู้หญิงอย่างซอนยีที่ผมเองไม่ค่อยจะมี

    คิบอมลุกไปหยิบครีมทาผิวที่ติดมาจากบ้านในห้องนอนเพื่อนำมานวดให้ร่างแน่งน้อยบนโซฟา   แต่พอกลับมาอีกทีก็ต้องร้องอ้าวเมื่อคนที่รออยู่ดันหลับไปซะแล้ว

    คิบอมชั่งใจว่าจะปลุกหรือปล่อยให้ดงเฮได้พักผ่อน   แต่ก่อนที่จะได้ตัดสินโทรศัพท์ของคนที่นอนอยู่ด้วยท่าทางเหมือนเด็กหลับปุ๋ยก็ร้องขึ้นมาซะก่อน

    “ยอโบเซโย”

    [หืม  ใครวะ?]   ปลายสายครางงงๆ   [ไอ้ก้อนน้ำแข็งเดินได้เรอะ]

    “-*-”

    แม้จะเคยพูดไม่รู้กี่ครั้งกี่หนว่าตนชื่อคิบอมแต่ดูเหมือนพี่ชายของร่างเล็กคนนี้จะไม่ใส่ใจ   ยังคงเห็นฉายานี้ของคิบอมเป็นเรื่องจี้เส้นเสมอ

    [ด๊องมันอยู่กับนายเหรอ]

    “อืม   เค้าหลับอยู่”

    [นี่แกคงไม่ได้วางยาน้องชั้นใช่มั๊ย]   ฟังน้ำเสียงกระวนกระวายนิดๆ นั่นก็รู้สึกอยากแกล้งอีกคนขึ้นมาบ้างเหมือนกัน  

    “พอดีเค้าเหนื่อยจนทนไม่ไหวน่ะ   จะคุยมั๊ยล่ะ   นอนอยู่ข้างๆ นี่เอง  เดี๋ยวผมปลุกให้”   

    [เฮ๊ย!!!   ไอ้เวรคิบอม   แกข่มขืนน้องชั้นเหรอ!!]

    “รู้สึกว่าจะสมยอมนะไม่ใช่ข่มขืน”   คิบอมยังยียวน   น้ำเสียงนั้นฟังยังไงก็ดูรู้ว่าเขาแค่พูดแกล้งไปงั้น   เป็นฮีซอลเสียเองที่ตื่นตูมไม่เข้าเรื่อง    อุตรินึกภาพตามไปไกลได้หลายขุมแล้ว

    [แกอยู่ที่ไหน   เอาน้องชั้นคืนมานะเว๊ย]

    “คนดีของผมเค้าออกแรงมากไปหน่อยเลยไม่มีแรงจะเดินไปไหนแล้ว   คืนนี้ให้ค้างกับผมแล้วกันนะ   พรุ่งนี้เช้าจะพาไปส่งให้ที่บ้าน   อย่าจับผิดอะไรคนของผมล่ะ   เดี๋ยวเค้าจะคิดมาก”

    พูดจบก็ตัดสายทิ้งซะดื้อๆ  นึกสภาพตัวเองออกเลยว่าพรุ่งนี้รุ่นพี่จอมวางอำนาจคนนั้นคงเตรียมอาวุธมารบเขาพร้อมมือที่บังอาจกวนประสาทจนเสียเส้น  

    “หนูด๊อง”   คิบอมสะกิดเบาๆ เรียกให้อีกคนตื่น    เด็กน้อยงัวเงียขยี้ตาอย่างงอแงที่ถูกรบกวน   ร่างบางถูกพยุงให้เข้าไปในห้องนอนคิบอมเพื่อเปลี่ยนเสื้อและเตรียมอาบน้ำ   สมองที่ยังคงประมวลผลช้ายังจับใจความคำพูดอะไรของเขาไม่ได้นอกจากคำว่า

    “คืนนี้ค้างที่นี่นะ”

     

     

     

     

     

     

     

    คิบอมพาคนสวยเข้ามาในห้องน้ำแล้ววางแหมะไว้บนอ่างล้างหน้าเพราะดงเฮยังงัวเงียไม่เลิก   ร่างเล็กใช้หัวทุยๆ พิงลงไปกับกระจกเงาแล้วหลับต่อได้อย่างไม่สะทกสะท้าน    ก็ปลาขี้เซาตัวนี้น่ะหลับลึกอย่างกับอะไรเลยนี่นา

    “ผ้าเช็ดตัว   แปรงสีฟัน   โฟมของคุณ   เอาอะไรอีกมั๊ย”   ร่างสูงตรวจดูของใช้ส่วนตัวของร่างเล็กที่ซื้อมาเผื่อไว้ตอนไปคอนวีเนียนด้วยกันเมื่อวันก่อนในมือ   แต่แล้วก็ต้องส่ายหน้าเบาๆ เมื่อคนที่พูดด้วยหลับตาพริ้มกอดตัวเองอยู่บนอ่างล้างหน้า

    “หนูด๊อง...”

    ตั้งใจจะปลุกให้ตื่นแต่ภาพนี้มันก็น่ารักเกินกว่าจะปล่อยให้มองแล้วหายไปเฉยๆ   ร่างสูงกลับเข้าไปในห้องแล้วคว้ากล้องดิจิตอลตัวใหม่มาถ่ายประเดิมครั้งแรกด้วยภาพของคนสวยทันที

    แสงแฟลชวูบวาบอยู่หลายครั้งก่อนคิบอมจะเปลี่ยนเป็นโหมดวีดิโอแล้วถ่ายบ้าง   ปากก็พูดไปเบาๆ ใส่กล้องเพื่ออวดอ้างสรรพคุณของปลาหน้าหวานที่ออกอาการขาดน้ำสลบได้ทุกที่   ของเค้าดีจริง

    พอสมใจเจ้าตัวโตแล้วเขาก็วางกล้องลง   เอื้อมมือไปดึงแขนขาวที่กอดตัวเองให้เข้ามาหาตัวแล้วลงมายืนกับพื้น   คิบอมใช้มือไปรองน้ำแล้วลูบหน้าขาวเบาๆ เพื่อให้ดงเฮตาสว่าง   คนสวยเบะปากรำคาญที่ถูกขัดจังหวะการงีบกระทืบเท้าประท้วงอย่างเคืองๆ

    “อื้อ   จะนอน”   ร้องงัวเงียอย่างขัดใจ

    “ก็อาบน้ำก่อนสิครับแล้วค่อยไปนอน   อย่าดื้อน่า”

    “ถอดให้เค้าหน่อย”

    เสียงใสร้องอ้อนแล้วกางมือออกมาโบกเรียกร้องความสนใจ   หากเป็นตอนมีสติและรู้ตัวว่าตนกำลังทำอะไรคำพูดแบบนี้คงไม่มีทางออกมาจากปากแดงๆ นั่นแน่   คิบอมเองก็ดันลืมไปซะสนิทว่าดงเฮน่ะเป็นปลาสาว   เวลาอยากจะยั่วก็สามารถงัดลีลามาออเซาะเข้าได้เสมอ

    แต่ตอนนี้ดูยังไงมันก็เด็กแก่แดดชัดๆ

    น้ำเสียงงัวเงียกับตาปรือๆ ที่จ้องมายิ่งทำให้คิบอมแน่ใจว่าคนสวยนี้ไม่ได้มีความคิดที่จะล้อเล่นกับอารมณ์ไม่คงที่ของเขา   คงแค่อยากจะอ้อนไปตามประสาคนง่วงก็เท่านั้น    ขืนเขาทำอะไรลงไปคงได้ถูกล้างครัวเพราะคนที่เพิ่งจะกวนตีนใส่ไปคงไม่ปล่อยให้เขารอดชีวิต

    “ถอดเองสิครับ   รีบไปอาบน้ำเถอะนะ   จะได้รีบไปนอน”

    แต่มือขาวๆ นั่นมันก็เหนียวยิ่งกว่าหนวดปลาหมึกหรือกาวยี่ห้อดัง   ชอบใจอยู่หรอกที่ร่างเล็กถลาเข้ามาออเซาะและเกาะแกะ   แต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมเสี่ยงอันตรายต่อสภาวะพรากเวอร์จิ้นของร่างงดงามที่เขารักมันก็ชักจะไม่น่าไว้ใจตัวเองขึ้นทุกที

    “ดงเฮ    ไปอาบน้ำ”   คิบอมทำใจแข็งออกคำสั่งกับปลาขี้อ้อนที่มาเซ้าซี้จะให้เขาถอดเสื้อให้

    “อื้อ   ไปๆ   แต่ถอดเสื้อให้ก่อนดิ   แค่เสื้อเอง”   คนกำลังมึนๆ ง่วงๆ ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย   ขอแค่ชนะเกมส์ออกคำสั่งแล้วได้เจ้าคนตัวสูงมาเปลื้องเสื้อให้คงจะพอใจแล้วยอมอาบน้ำ

    “ก็ได้ๆ”  

    คิบอมอยากจะเอาหัวโขกกำแพงนักที่มีแฟนมึนไม่รู้เวลา   ยิ่งพักนี้ตัวเองยิ่งคิดอะไรลามกอยู่กับร่างขาวๆ นี้เกือบทั้งวันทั้งคืนอยู่เป็นทุนด้วยแล้ว   หากเกิดอะไรขึ้นกับเราในห้องน้ำนี่ละก็ผมจะไม่สงสัยเลย -*-

    ดงเฮยิ้มหวานประจบทั้งที่ตาใสยังปรือปรอยคล้ายคนจะหลับเต็มทน   คิบอมกลั้นใจข่มอารมณ์ถอดกระดุมของยูนิฟอร์มสีขาวออกให้คนรัก   สายตาคมคายทำเพียงแอบลอบมองเข้าไปใต้เสื้อพอให้หายใคร่รู้ถึงสิ่งที่อยู่ข้างในแล้วก็เบือนหน้าหนี

    “ถอดดีๆ ดิ”

    “ถอดเองตั้งแต่แรกก็จบแล้วนะหนูด๊อง”   คิบอมโอดครวญบ้าง    ทีนี้เลยได้เห็นอกขาวเต็มๆ ตาอย่างไม่อาจเลี่ยงสายตากลับไปไหนอีกได้    ถ้าเป็นเวลาปกติก็คงอาจจะลวนลามอยู่หรอก   แต่ตอนนี้เหมือนเขากำลังล่วงเกินเด็กยังไงก็ไม่รู้ -*-

    คิบอมโยนเสื้อสีสะอาดที่เพิ่งปลดออกจากกายบางไว้ที่พื้น   ตาคู่คมเป็นประกายวาวับอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเห็นอกอิ่มนั้นนูนนิดๆ เพราะเนื้อนิ่มที่ไร้กล้ามเนื้อแข็งแรงลอยอวดความงามอยู่ตรงหน้า   แต้มสีชมพูอ่อนทั้งสองฝั่งชูช่อเด่นราวดอกไม้สีสวยที่มีเกสรหอมหวานล่อให้แมลงบินฉวัดเฉวียนเข้าไปเกาะท่ามกลางปุยเมฆสีขาวอย่างกายขาวผ่อง   หน้าทองนวลเนียนเรียบน่าสัมผัส   ภาพสวยงามที่ทำให้ใจเต้นระทึก   เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าดูแลและใส่ใจร่างกายตัวเองดีแค่ไหน

    คิบอมตั้งใจจะเบือนหน้าออกนับสิบครั้งได้แต่มันก็ไม่เป็นไปตามนั้น   สายตาซุกซนยังจ้องอยู่ที่จุดแปลกสีบนอกของร่างเล็กอยู่ตาไม่กะพริบ   ใจที่ไม่ค่อยได้ไหวเอนนั้นสั่นจนแทบจะหลุดออกมานอกร่างเมื่อคนสวยสะบัดคอตัวเองไปมาอย่างปวดเมื่อยทว่ามันช่างดูเซ็กซี่   

    ผมสีอ่อนยาวประไหล่เพิ่มความยวนตาน่าชมราวหยาดฟ้ากระยาหงันจนคิบอมไม่อาจละสายตาไปไหนได้

    เพียงแค่นี้ก็อยากจะเห็นแล้วว่าคนๆ นี้จะขาวไปทั้งตัวมั๊ย

    “หนาว”

    เสียงร้องเป็นเหมือนระฆังกังวานที่ปลุกให้คิบอมตื่นจากภวังค์แสนหวาน   ร่างสูงเพิ่งได้สติและรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรรีบดันแผ่นหลังขาวๆ นิ่มมือเข้าไปในห้องอาบน้ำแล้วเลื่อนกระจกลายมนให้ปิดดังปัง   ปล่อยคนสวยไว้ในนั้นแล้วจัดการเนรเทศตัวเองออกมาอยู่ข้างนอกเพราะกลัวจะเป็นตัวอันตรายต่อเรือนร่างอ้อนแอ้นนั่น

    “ถ้าไม่ติดว่ารักละก็ไม่เหลือแล้วนะ   เฮ่อ”

     

     

     

     

    ร่างแน่งน้อยเริ่มตาสว่างขึ้นมาแล้วหลังจากอาบน้ำเสร็จ   คนสวยยืนกัดริมฝีปากของตัวเองอยู่หน้ากระจกบานกว้าง  เพิ่งจะจำได้ว่าตัวเองเป็นคนขอให้คิบอมเปลื้องผ้าให้   นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวตัวเองนักเชียว  

    “ชั้นทำอะไรลงไปเนี่ย”

    ถึงมันจะมีเหมือนกันก็เหอะ    แต่ใช่ว่าจะเหมือนกันทุกอย่างจริงๆ นี่นา  

    “อายง่ะ  =///=

    ดงเฮยืนเพ้ออยู่หน้ากระจกแล้วก็หยิบชุดนอนสีหวานที่คิบอมซื้อไว้ให้มาใส่   ทำใจกล้าแล้วเปิดประตูออกไปหาเจ้าคนตัวโตด้วยใบหน้าแดงปลั่ง

    “เสร็จแล้วเหรอ”

    “อือ”

    ถึงเขาจะทำเสียงปกติแต่ยังไงก็ฟังออกว่ากำลังอมยิ้ม   ร่างบางค้อนให้น้อยๆ แล้วหนีไปนั่งดูหนังต่อ    ปล่อยให้คิบอมยืนขำกับอาการสะบัดสะบิ้งกลบเกลื่อนความอายแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำบ้าง

    ร่างสูงซึ่งพันผ้าขนหนูไว้รอบเอวกำลังยืนแปรงฟันต้องหัวเราะออกมาซ้ำๆ เมื่อนึกภาพว่าเด็กดื้อคนนั้นทำวีรกรรมอะไรไว้ให้เขาใจสั่นไปบ้าง

    ตาคมเหลือบไปเห็นกล้องวีดิโอแล้วคว้ามันมาดู   ยิ้มมุมปากนิดๆ แล้ววางมันลงที่เดิมอย่างพอใจ

    ฝ่ายร่างเล็กนั่งดูหนังอยู่นานเข้าก็ชักเบื่อเพราะเริ่มเมื่อยตัวขึ้นมาแล้ว   อยากจะนอนเต็มแก่เลยลุกไปดับไฟที่ห้องครัวและปิดทีวีให้เรียบร้อยก่อนเดินเข้าไปในห้องนอนคิบอมที่เขาเพิ่งจะได้ค้างคืนเป็นครั้งแรก

    ตากลมทอประกายวาวชื่นชอบวิวยามรัตติกาลของโซลเต็มประดา   ผิวน้ำที่อยู่เบื้องล่างมีแสงไฟสะท้อนลงไปจนทอประกายระยับดูอบอุ่น   ดงเฮเลื่อนประตูที่ระเบียงปิดแล้วเดินไปนั่งที่ปลายเตียง   ตาซื่อๆ กวาดมองไปทั่วอย่างชอบใจก่อนสะดุดเข้ากับนาฬิกาตั้งโต๊ะเรือนเล็กน่ารักบนชั้นลอยข้างๆ กับวอลเปเปอร์ที่เป็นรูปของตัวเองยิ้มสลอน

    มือน้อยคว้ามันมาจับดูอย่างทะนุถนอม   คิบอมใส่ใจและรักษามันไว้เป็นอย่างดี   อักษรที่อยู่ข้างในยังคงมีความหมายที่อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจอยู่เหมือนเดิม   ดูแลอย่างดีราวเพราะสิ่งนี้คือตัวแทนของดงเฮที่อยู่กับเขาตลอดเวลา

    ครั้งแรกที่มาห้องนี้ดงเฮเองก็ไม่ทันเห็นของหลายๆ อย่างในห้องคิบอม   คงเพราะบางส่วนร่างหนาก็เพิ่งไปเอาออกมาจากบ้านแล้วเรียกช่างมาทำชั้นลอยให้   เพราะหากจะให้ตั้งอยู่เฉยๆ บนโต๊ะหรือที่อื่นก็กลัวตัวเองจะเผลอทำมันเสียหาย

    เสียงบิดประตูห้องน้ำส่งเสียงออกมาเบาๆ   ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกแล้วกระโดดไกลไปนอนบนเตียงอย่างรวดเร็วเหมือนเด็กที่ถูกพ่อจับได้ว่ายังไม่เข้านอน

    “อา..”   ดงเฮแอบครางเบาๆ เพราะจุกไม่น้อย

    คิบอมมองร่างบางบนเตียงหลังใหญ่แล้วต้องกลืนน้ำลายลงคอเงียบๆ   อย่างอดกลั้น

    ร่างสูงเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียงแล้วจัดท่านอนของดงเฮให้เรียบร้อยกว่าเก่า   ร่างน้อยทำเป็นหลับตาพริ้มเพราะไม่รู้จะทำสีหน้ายังไงที่เมื่อกี้มึนไปขอให้เขาช่วยแก้ผ้าให้ตัวเอง

    “ฝันดีนะหนูด๊อง”

    เขาพูดแล้วกดจูบบนหน้าผากเนียนซ้ำๆ ก่อนผละไปดับไฟแล้วล้มตัวนอนลงอีกฝั่งของเตียง   ...นอนตะแคงหันหลังให้

    ตากลมค่อยๆ เหล่ขึ้นอย่างทะเล้น   ดงเฮมองฝ่าความมือไปหาเจ้าคนตัวโตที่นอนหันหลังให้ตนอย่างงงๆ   อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่มานอนกอดตัวเอง

    งอนอะไรหรือเปล่า?

    ร่างน้อยขยับตัวดุ๊กดิ๊กเข้าไปหาคนตัวใหญ่ที่นอนทำตัวลีบอยู่อีกฝั่ง   ยิ้มเขินๆ นิดหน่อยก่อนจะวาดแขนไปกอดเอวคิบอมอย่างออเซาะราวคว้าหมอนข้างมากกกอด

    ร่างหนาสะดุ้งเฮือก   ทั้งที่พยายามข่มตาหลับหวังให้ตัวเองไม่เป็นฝ่ายทำอะไรร่างบางนั้นก็เป็นอันต้องสติแตก  

    คิบอมแกะมือเหนียวๆ ออกแล้วดันร่างบางให้กลับไปนอนที่เดิม   ถอนหายใจอย่างโล่งอกนิดหน่อยก่อนหลับตาลง   ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมาคนสวยข้างๆ ก็กลิ้งมาคว้าหมับแล้วกอดเขาใหม่

    เมื่อคิบอมปลดมือดงเฮแล้วดันเขากลับไปที่เดิมคนสวยก็จะตะกายเตียงมากอดเขาอีกไม่รู้จบ  เป็นอย่างนี้จนร่างบางแทบจะหลุดขำ   พอดึงกันนานเข้าดงเฮก็อดที่จะบ่นไม่ได้

    “เล่นตัวจริงจริ๊ง”  

    พอเห็นตัวเล็กแค่แกล้งเล่นก็ทำเสียงดุใส่   “ทำไมยังไม่นอนอีก”

    “อยากกอดคิบอม”   เสียงหวานไม่สะทกสะท้าน   มีแต่จะแอบยิ้มตลกซะด้วยซ้ำที่คิบอมเป็นแบบนี้

    “นอนดีๆ นะครับคนดี   ผมไม่ชิน”   ร่างหนาหาข้ออ้างไปเรื่อย   ใจลิงโลดอยู่หรอกที่ได้กกกอด   แต่อีกใจก็กลัวว่าหากใกล้ชิดกันยิ่งกว่านี้จะกลายเป็นว่าเขาอาจจะควบคุมตัวเองไม่ไหว

    แต่คนฟังกลับตีความไปอีกอย่าง

    “เป็นอะไรอ่าคิบอม   งอนอะไรเค้ารึเปล่า”  

    มือน้อยๆ ควานไปทั่วกล้ามเนื้อหน้าท้องของคิบอมอย่างเอาใจ   หรือแกล้งให้ใจแกว่งเล่นก็ไม่รู้

    “เปล่าครับ”    ร่างเล็กเห็นเขาเงียบไม่พูดอะไรต่อก็นึกอยากแกล้งซะจริงๆ

    “งอนเค้าแน่เลย   สะดิ้งเป็นตุ๊ดเลยนะ   คิๆ”   คนถูกกล่าวหาขมวดคิ้วเป๋ง   ส่วนเจ้าคนใส่ร้ายก็ยิ้มร่า   ถูจมูกเล็กๆ เข้ากับหลังกว้างอย่างอารมณ์ดี

    “เดี๋ยวก็พิสูจน์ให้ดูซะหรอกว่าตุ๊ดไม่ตุ๊ด”   คนถูกแหย่กระเซ้ากลับ

    “กลัวตายแหละ   แบร่ะ”   คนสวยแลบลิ้นแล้วใช้ฟันกัดหลังคิบอมเบาๆ จนร่างสูงร้องซี๊ดเจ็บ

    มือขาวเลื่อนไปจับแหมะบนอกหนาแล้วตีเบาๆ   เย้าแหย่ให้อารมณ์คิบอมที่ไม่ค่อยจะเป็นปกติสุขได้สั่นสะเทือน  

    “อย่าซนได้มั๊ย”  เสียงหนาร้องว่า  จับหมับเข้าที่มือซุกซนแล้วบังคับให้อยู่นิ่ง  “เดี๋ยวก็ได้ท้องหรอก”

    ที่แท้ก็...

    “ทะลึ่ง”

    ร่างเล็กเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมคิบอมถึงได้หลีกหนีการสัมผัสตัวเองนัก   ถ้าไม่ใช่รังเกียจก็คงจะหนีไม่พ้นกลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้   ซึ่งเขาขอตัดประเด็นแรกทิ้ง

    มุมปากสีหวานยกยิ้มบางๆ แล้วกระชับกอดให้แน่น   ซุกหน้ากับหลังกว้างของคิบอมอย่างรักใคร่จนร่างสูงแปลกใจ

    “คิบอมน่ารักจัง”  หนุ่มน่ารักของดงเฮหันมาหาอย่างงงงวย   แต่ดงเฮไม่ตอบอะไรในความสงสัยนั้นนอกจากก่ายขาขึ้นมารัดตัวเขา   ...จนมันเฉียดเข้ากับคิบอมตัวน้อย  -*-

    “ปากหวานนักนะ”

    “อย่างอื่นเค้าก็หวาน”   คนสวยเล่นลิ้น

    “คนดีกำลังทำให้ผมห้ามตัวเองไม่ได้นะ”   คิบอมขยับตัวไปมา   แขนขวาของดงเฮกอดแน่นอยู่รอบตัวเขา   ส่วนขาขวาก็พาดทับช่วงท้องเขาไปอย่างไม่เกรงใจกันเลยทีเดียว

    “อ๊ะ...   งั้นหยุดเลย”     

    ร่างเล็กพลิกตัวหนีไปอีกฝั่งให้คิบอมได้หายใจหายคอโล่ง   ลึกๆ ใจก็นึกอยากเก็บร่างบางข้างๆ ไว้ในอ้อมกอดแล้วหลับไปพร้อมกัน  แต่ดูเหมือนดงเฮเองก็จะเริ่มระแวงถึงอสูรร้ายในตัวเข้าขึ้นมาแล้ว   คิบอมเลยเลือกที่จะไม่คว้าร่างเล็กมากอด   ยังไงความสบายใจของดงเฮก็ต้องมาเหนือสิ่งอื่นใดอยู่ดี

    สองร่างบนเตียงใหญ่ที่หันหลังให้กันพยายามข่มตานอนแล้วนอนเล่า   แต่ผลที่ปรากฏคือ  ...นอนไม่หลับ

    คงเพราะห่างไปไม่ถึงช่วงแขนมีร่างของคนที่ตัวเองรักนอนอยู่ใกล้ๆ เลยยิ่งทำให้ใจแกว่ง   ลมหายใจที่พรั่งพรูไม่สม่ำเสมอของทั้งสองดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้ตัวว่าต่างนอนไม่หลับกันทั้งคู่

    “คิบอม”   เสียงหวานดังฝ่าความเงียบ   ตากลมโตยังกะพริบปริบถี่ๆ   นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ดงเฮทำได้ในขณะนี้  

    “หืม”

    “นอนไม่หลับอ่ะ”

    “หลับตาสิครับ   เดี๋ยวก็หลับ   พรุ่งนี้มีเรียนนะ”

    “คิบอมง่วงแล้วเหรอ”

    “นิดหน่อย”

    “คุยกันก่อนเหอะ   เค้ายังไม่อยากนอน”

    “ไม่ง่วงเหรอ”

    “ก็ง่วง”

    “งั้นนอนนะ   พรุ่งนี้ค่อยคุย”

    “ไม่เอาอ่ะ   ถ้าไม่คุยเค้านอนไม่หลับแน่ๆ”   คนสวยดื้อแพ่งจนคิบอมต้องยอมตามใจเหมือนทุกที   พอถามว่าอยากจะคุยเรื่องอะไรดงเฮก็เงียบไปเหมือนยังไม่มีเรื่องอะไรในหัวที่อยากพูด

    “คิดถึงแม่จ๋าจัง”   ในที่สุดคนสวยก็เปรยออกมาเบาๆ

    คิบอมหันไปมองร่างข้างกายอย่างแปลกใจที่เขาเลือกพูดประโยคนี้   อาจเป็นเพราะระยะทางที่ห่างไกลจากคนในครอบครัวคงทำให้ดงเฮอยากจะระบายความเหงาให้ใครฟังบ้างเหมือนกัน    ดงเฮไม่ค่อยมีเรื่องแย่ๆ มากวนใจบ่อยนักเลยไม่มีครั้งไหนที่คิบอมจะเห็นถึงความอ้างว้างและหวาดกลัวในใจของร่างบาง

    มือหนาเอื้อมไปดันศีรษะได้รูปให้ยกขึ้นก่อนสอดแขนลงไปแทนหมอนให้ร่างบางได้นอนหนุน

    “แม่คิบอมเป็นคนยังไงเหรอ”

    “ดื้อแล้วก็ซน”   ร่างสูงตอบทันควัน   “เป็นคนเข้าใจยาก   บางครั้งยากกว่าพ่อผมอีก   อารมณ์แปรปรวนเหมือนเด็กแปดขวบน่ะ”

    “จริงอ่ะ”

    “อืม   ส่วนพ่อผมท่านค่อนข้างเงียบๆ หน่อย”

    “สงสัยได้เชื้อพ่อมาเยอะนะ”   เสียงใสหัวเราะคิกแล้วยิ้มหวานให้แม้คิบอมจะมองไม่เห็นมันก็ตามที

    พออีกฝ่ายถามเรื่องครอบครัวมาแล้วก็อยากจะรู้ของอีกคนบ้างจึงถามกลับ   คิบอมถามไปว่าดงฮวาน่ะเป็นคนยังไง

    “พี่ชายเค้าเรียนเก่ง   ตอนจบปริญญาก็ได้เกียรตินิยมด้วยนะ   ตอนเด็กๆ เราน่ะค่อนข้างสนิทกัน   เค้าน่ะถูกดงฮวาเตะทุกวันเลย   ฮิๆ”   ร่างเล็กเริงร่าทันทีเมื่อพูดถึงพี่ชายคนดี

    “ฮะ?”

    “ตอนเด็กๆ เค้าชอบไปกวน    ถามดงฮวาว่าพ่อกับแม่รักใครมากกว่ากันอ่ะ   ถามๆๆ ทุกวันก็โดนไล่เตะทุกวัน    บางครั้งก็โดนต่อย”   คนที่ไม่มีพี่น้องและอยู่คนเดียวในวัยเด็กอย่างคิบอมมองเห็นเป็นเรื่องน่าแปลก   ไม่เคยรู้ว่าเรื่องเหล่านี้น่ะธรรมดาของพี่น้องผู้ชาย   หรือไม่ก็พี่น้องชายหญิง  ส่วนเด็กผู้หญิงที่เป็นพี่น้องกันคงไม่ค่อยมีให้เห็น

    “เคยมีครั้งนึงดงฮวาเอาส้อมปามา   ไหล่เค้ามีรูส้อมติดอยู่เลยอ่ะ   วิ่งร้องไห้ไปฟ้องพ่อจ๋าแล้วดงฮวาก็ถูกตี”   ดงเฮพูดกลั้วหัวเราะ  “เหมือนเราไม่ค่อยรักกันหรอก   เค้าน่ะชอบตามดงฮวาไปเล่นกับเด็กแถวนั้น   พอโดนแกล้งมันก็ไม่เคยช่วย   เวลาเตะบอลแล้วล้มก็ถูกตีซ้ำบ่อยไป   อิๆ”

    “เตะบอล?”

    “อื้ม   เค้าน่ะชอบเล่นบอลที่สุดเลย   ไว้เราไปเล่นกันมั่งนะคิบอม”   คนสวยหันมายิ้มร่า   คิบอมทำหน้าเหวอกับกีฬาไม่เข้ารูปเข้าร่างของร่างบางคนนี้   สมัยเด็กคงแก่นเซี๊ยวแล้วก็ซนน่าดูถึงได้ชอบทำอะไรประเภทนั้น

    “เค้าน่ะรักฮยองนะ   นี่ๆ  เดี๋ยวจะเล่าอันนี้ให้ฟัง   เค้าจำไม่ได้หรอกนะแต่แม่จ๋าเคยพูดถึง   ตอนเค้าสามขวบแล้วดงฮวาแปดขวบมั๊ง  เค้ากับฮยองทะเลาะกันแม่จ๋าก็เลยเอาไม้แขวนเสื้อมาตี   แม่จ๋าตีดงฮวาก่อน   แล้วพอจะมาตีเค้าดงฮวาก็มากอดเค้าแล้วบอกให้ตีตัวเองแทนอ่ะ   ฟังครั้งแรกแล้วเค้าร้องไห้เลย   ซึ้งๆ”

    คิบอมหัวเราะน้อยๆ แล้วขยับแขนให้ใบหน้าแป้นแล้นนั้นโยกไปมา   ดงเฮมีความสุขและร่าเริงเสมอยามพูดถึงครอบครัว   เสน่ห์ในตัวของร่างเล็กที่ทำให้เขาชื่นชอบและรู้สึกดีเสมอยามได้ฟังเรื่องราวจากปากสีเชอร์รี่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ   แค่นี้ก็รู้แล้วว่าคนๆ นี้รักและใส่ใจครอบครัวของตัวเองมากขนาดไหน

    ตากลมแอบเหล่มองคิบอมอย่างซุกซน   อยากออดอ้อนเจ้าลิ้มแก้มแตกนี่จะตายอยู่แล้วแต่ก็ไม่กล้า   ทั้งที่กลัวว่าเขาจะทำอะไรตัวเองเข้า   แต่..  แค่กอดเฉยๆ คงไม่เป็นอะไรมั๊ง ?

    คิดได้เท่านั้นก็กระแซะตัวเข้าหาแล้วตะแคงร่างไปกอดหมอนยักษ์ซะเต็มที่   ร่างสูงตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร

    “ไม่กลัวหรือไง   ทำแบบนี้น่ะ”   จู่ๆ เขาก็พูด

    “ไม่   เค้าเชื่อใจคิบอม”

    “เฮ่อ   มาพูดแบบนี้ขี้โกงกันนี่”
                “อิๆ”   ดงเฮยิ้มทะเล้นประสาคนช่างแกล้ง   แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆ จางไปเมื่อความคิดบางอย่างเข้ามารบกวน

    “ทำไมถึงต้องห้ามใจไม่ให้ทำอะไรเค้าล่ะ”

    เพราะคำถามที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยแต่พูดมาดุ่ยๆ นั่นทำให้คิบอมต้องนิ่งไป   ไม่มีความเขินอายอยู่ในน้ำเสียงนั้น   มีเพียงความใคร่รู้   มือข้างที่ลูบศีรษะเล็กอยู่ชะงักกึก   ก่อนเขาจะเอ่ยตอบในประโยคที่ย้อนกลับมาเป็นคำถาม

    “คิดว่าตัวเองพร้อมแล้วเหรอ”

    “...”  คำตอบดังชัดเจนอยู่ในหัวของคนถาม   
              ยัง   ผมยังไม่พร้อม...

    “ผมจะรอ”   เสียงของคนเข้าใจที่ร้องบอกมันทำให้ใจดวงน้อยวูบไหว   ร่างสะเทิ้นไปกับความรักของคิบอมที่สื่อออกมาผ่านการกระทำว่าจะไม่ฝืนใจเขาและรอจนกว่าตัวเองจะพร้อมรับทุกสิ่งหลังจากเป็นของกันและกัน

    “นอนนะ   ดึกแล้ว”  คนพูดกระชับผ้าห่มให้ร่างเล็กแล้วพลิกกายมานอนกอดเขาไว้   ดงเฮฝังร่างลงไปกับกายคิบอมอย่างสุขใจด้วยรักที่ล้นปรี่   อีกครั้งแล้วที่ใจดวงน้อยสัมผัสถึงความรักและความเอาใจใส่ที่คิบอมมีให้   อดใจไม่ไหวที่จะเลื่อนหน้าขึ้นไปประทับจูบผะแผ่วบนแก้มป่องๆ เป็นการตอบแทนในสิ่งพิเศษที่มอบให้กัน

    ก่อนจะตบท้ายด้วยคำพูดที่แสนดี

     

    “รักนะจ๊ะ”

     

     

     

     

     

     












    -------------------------------------

    เพ้อไม่เลิกกับคำนี้จริงๆ  Y Y


    อีก 2 - 3 ตอนจากนี้จะเป็นฉาก สวีทฮาร์ท Believe คิเฮนะคะ   ใครยังไม่รู้วิธีอ่านฉากหลังไปดูในตอนที่มินโพสรูปน้องหมาไว้  ทอล์ควิชไรเตอร์ช่วยคุณได้ :) 

    จำนวนวิวหาย  เม้นท์หาย  ..  เง่อๆ  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×