คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #59 : :: Chapter 41 : จนกว่าเธอจะพร้อม ::
จนกว่าเธอจะพร้อม
หลายวันแล้วที่คยูฮยอนคอยมายุ่มย่ามและวุ่นวายในทุกๆ เรื่องของซองมิน ร่างอวบไม่สามารถปฏิเสธคยูฮยอนได้ในบางเรื่องเพราะเจ้าคนใจร้ายขู่ว่าจะบอกคนอื่นว่าเราเคยเป็นอะไรกัน
ทั้งที่พยายามจะทำตัวดีๆ ให้ซองมินยกโทษให้และหันมามองกันบ้างแต่คยูฮยอนก็ไม่สามารถหยุดนิสัยเดิมๆ ได้ ต้องการอะไรเขาก็ต้องได้มันมา อยากจะให้คนน่ารักไม่ถอยหนีก็ต้องรีบจับตัวไว้ไม่ให้ห่างไกลสายตา แม้จะดูป่าเถื่อนไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไร เพราะหากเป็นคยูฮยอนคนเดิมของมินมินก็อาจจะใช้วิธีประเภททำให้รักเหมือนพวกจำเลยรักอะไรเทือกนั้น แต่สิ่งที่เขาต้องการคือความรักล้วนๆ ของกระต่ายตัวอ้วนนั่น
“ตอนนายแสดงละครต้องใส่ชุดของพวกดยุคอะไรนั่นหรือเปล่า” คยูฮยอนชวนคุยระหว่างแวะผ่านเข้าห้องซ้อมและโผล่เข้ามากวนใจ แม้จะมีป้ายอันใหญ่แปะอยู่ว่าบุคคลภายนอกห้ามเข้าแต่มีหรือเจ้าคนอวดดีจะสนใจ
“ชั้นไม่ได้แสดงเป็นขุนนาง ไม่ต้องใส่” เสียงใสพูดห้วนๆ กลับ หากไม่มีฮีซอลกับอิทึกนั่งอยู่ด้วยอีกฝั่งของห้องเขาคงจะตอกหน้าคยูฮยอนไปเสียงดังแล้วว่าให้ออกไป
“แล้วนายแสดงเป็นอะไร ไม่อยู่แป๊บเดียวจะหนีไปดังแล้วเหรอ” คยูฮยอนไม่ชอบพูดอ้อมเพื่อหนีความผิด หากเขาทำอะไรไม่ถูกเขาจะยอมรับมันอย่างกล้าหาญในทุกๆ เรื่อง รวมถึงเรื่องที่เคยทิ้งคนๆ นี้ไปเพราะความงี่เง่าของใจตัวเอง
“เรื่องของชั้น” ซองมินไม่หันมาสบตา ปากตอบแต่สายตาก็จ้องอยู่ที่บทไม่ละไปไหน
“ลืมไปแล้วเหรอว่าเราเป็นอะไรกัน หรือจะต้องให้ชั้นพูดย้ำบ่อยๆ ว่าชั้นมีสิทธิ์ในตัวนายมากแค่ไหน” คยูฮยอนชักยั๊วะที่ทำอะไรไปเจ้าคนตัวเล็กแสนดื้อนี่ก็ยังไม่เคยใจอ่อน
เคยทำที่ไหนล่ะ ...เฝ้าหน้าคลาสจนจบพีเรียด รอซองมินซ้อมละครจนดึกดื่นเกือบทุกวันเพื่อรับกลับบ้านด้วยกัน แม้บางครั้งเขาจะรอนานกว่าสามชั่วโมงแต่ปรากฏว่าร่างบางบอกจะกลับพร้อมดงเฮจนกลายเป็นว่าตนรอเก้อนั้นก็ไม่เคยกล้าแม้แต่จะขึ้นเสียงใส่
สิ่งดีๆ แบบนี้น่ะ คยูฮยอนเคยทำให้ซองมินที่ไหนกัน
“หยุดพูดเรื่องนี้ซะที แค่นี้ชั้นก็สะอิดสะเอียดจนไม่อยากจะเห็นหน้านายอยู่แล้ว เลิกเอาเรื่องทุเรศๆ พรรค์นี้มาต่อรองกับชั้นซะที” ความอดทนมันก็มีพอให้จำกัด พอทุกอย่างเริ่มเดือดเต็มที่มันก็พร้อมที่จะปะทุให้ลาวาระเบิดอยู่ตลอดเวลา
พอเห็นซองมินใช้สายตาขวางๆ จ้องมาอย่างเกลียดนักหนาคยูฮยอนก็น้อยใจอยู่ในอก เจ็บข้างในแต่ข่มไว้ภายใต้ความแข็งกระด้างที่เผยอยู่ภายนอก
“ถ้านายเลิกผลักไสชั้นไปให้คนอื่นชั้นก็จะเลิกใจร้ายกับนาย เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้านายทำตัวน่ารักกับชั้นชั้นก็จะดีกับนาย พูดไม่เคยฟัง”
“นายไม่มีสิทธิ์ได้รับอะไรจากชั้นทั้งนั้น” ซองมินพูดลอดไรฟันอย่างโกรธจัด “สิ่งเลวๆ ที่นายทำไปมันยังไม่พออีกเหรอที่ชั้นจะเกลียดนาย”
“ยกโทษให้กันบ้างไม่ได้หรือไง ทีกับไอ้ชางมินล่ะก็คร่ำครวญให้มันกลับมาทั้งที่ไอ้เวรนั่นมันเลวจัญไร”
“หยุดนะ! อย่าพูดถึงพี่ชางมินแบบนั้น!”
“ทำไมจะพูดไม่ได้ จะไปอะไรกับไอ้ห่าเหวนั่นมันนักหนา ยังเจ็บไม่พอใช่มั๊ย” คยูฮยอนเองก็เริ่มเดือด พูดไม่ได้แตะไม่ได้ ไอ้สารเลวนั่นเคยคิดทำอะไรกับตัวเองบ้างน่ะเคยรู้บ้างมั๊ย เคยรู้อะไรบ้างหรือเปล่า
“ไปให้พ้นเลยคยูฮยอน ออกไปไกลๆ ชั้นเลย”
ดวงตากลมโตนั้นหม่นหมองจนไม่เหลือเค้าของความสดใส คยูฮยอนเห็นความเศร้าท่วมอยู่ในม่านตาสีอ่อน ใจนึกอยากจะขอโทษเป็นพันเป็นล้านครั้งแต่พอพูดไปแล้วผลที่ได้รับกลับมาก็หนีไม่พ้นประโยคแบบนี้ของซองมิน
ยังไงคนที่ซองมินรักและเชื่อใจก็ยังเป็นชิมชางมิน ไม่ใช่โจวคยูฮยอน
คยูฮยอนลุกพรวดแล้วเดินหนีออกไป กระจกเลื่อนถูกปิดดังปัง! ด้วยแรงโทสะของคนเจ้าอารมณ์เมื่อกี้จนฮีซอลกับอิทึกสะดุ้ง
ซองมินมองตามแผ่นหลังของคยูฮยอนจนมันลับตาด้วยแววตาตัดพ้อ นายมันก็เป็นแบบนี้ทุกที
“เฮ๊ย เพื่อนแกไหวป่ะเนี่ยไอ้กระต่าย มันกะจะทำประตูไอ้ฮยอนจุงพังเลยใช่มั๊ย” ฮีซอลร้องโวยอย่างไม่พอใจนัก ตั้งแต่ที่คยูฮยอนเข้ามาเขาก็รู้สึกไม่ถูกโฉลกกับมันแล้ว แต่พอเห็นว่ามาคุยกับซองมินอยู่นานก็นึกว่าเพื่อนกันเลยไม่อยากพูดอะไร แต่พอไอ้เจ้าเด็กนั่นมันทำกริยาดิบๆ ให้เห็นแล้วก็รู้สึกคันๆ ตีนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“มักเน่ เพื่อนชื่ออะไรอ่ะ หล่อดีเนอะ” อิทึกทำหน้าเพ้อๆ ซองมินทำสีหน้าปุเลี่ยนไม่อยากตอบเพราะพี่ชายสองคนนี้ก็รู้ดีว่าใครเป็นคนที่เคยทำให้เขาทั้งรักทั้งเสียใจ ซองมินเองก็ไม่อยากให้คยูฮยอนตกเป็นเป้าศัตรูของฮีซอลเท่าไหร่นัก เพราะมีแต่จะซวยกับซวย
แล้วทำไมชั้นถึงต้องมานั่งห่วงนายอยู่แบบนี้ด้วยคยูฮยอน ทั้งที่นายจะเป็นหรือจะตายก็ไม่ใช่เรื่องของชั้น
โชคยังดีที่ฮีซอลก็ดันสวนขึ้นมาซะก่อน
“แรดจริง”
“แรงนะแก” อิทึกผลักหัวเพื่อน ฮีซอลปัดมือออกแล้วจิกตาใส่อย่างเคยที่ถูกแกล้งแบบนี้
“ผมชั้นเสียทรงหมด กระต่ายน้อย อย่าไปเกลือกกลั้วกับไอ้พวกหน้าหล่อแต่ล่อไม่ได้อย่างงี้ให้มันมากนักนะ ชั้นไม่ชอบหน้ามันเท่าไหร่ เห็นแล้วคันตีนอย่างฟาดหน้ามันซักที”
“อุ๊ยๆๆ สปาร์คน้องเค้าเหรอแก ซอลลี่ที่รักคิดจะนอกใจไอ้ซิมบ้าแล้วชิมิ”
“เตี่ยแกสิ -*-”
ดงเฮถูกซอนยีโทรตามตัวให้มาหาที่ร้านคอฟฟี่ช็อปใกล้ๆ กับตึกวิศวะ ไม่รู้เพราะหญิงสาวต้องการหาสถานที่ที่คิบอมไม่ค่อยเหยียบย่างมาบ่อยๆ หรือร้านที่โรแมนติกกันแน่ ถึงได้ชวนเขามาที่นี่
“ดงเฮมีพี่ชายด้วยเหรอ”
“ฮะ พี่ผมเป็นหมอ แต่ตอนนี้เค้าทำงานอยู่ที่จีน”
“ว่างๆ แนะนำพี่ให้คุณหมอของดงเฮรู้จักด้วยนะจ๊ะ”
ฟังยังไง... มันก็เหมือนเจ้าคนหน้าหวานเป็นฝ่ายถูกผู้หญิงแมนๆ จีบชัดๆ !!
“เอ่อ.. แต่นานๆ ทีพี่ผมถึงจะกลับมาโซล ส่วนใหญ่ตอนปิดเทอมผมจะบินไปที่นู่น แต่ปีนี้ยังไม่ได้ไปเลยฮะ”
“เพราะคิบอมหรือเปล่า”
พอถูกแทงใจด้วยประโยคตรงๆ แบบนี้คนสวยก็เริ่มอึกอัก คนตรงหน้าคงอยากรู้ความสัมพันธ์ของตนกับคิบอมเต็มแก่แล้วว่าอะไรกันขนาดไหนเพื่อที่จะได้วางตัวถูก ดงเฮชักเริ่มกลัวๆ ซอนยีขึ้นมาบ้างแล้ว
เพราะไม่รู้ว่าใต้รอยยิ้มหวานที่หล่อนมอบให้จะมีความอันตรายแฝงมาด้วยหรือเปล่า
ตอบเรื่องจริงไปเลยคงจะดีกว่า
“ก็ส่วนนึงฮะ แต่ผมก็อยากเรียนต่อที่นี่ด้วย”
“เหรอ แต่พี่ก็ดีใจนะที่ดงเฮคิดแบบนั้น เพราะไม่งั้น เราก็คงไม่ได้รู้จักกัน”
ตาวาวๆ ของหญิงสาวมันชวนให้เขากระอักกระอ่วนใจที่จะทนมองมัน คนสวยของคิบอมเสเปลี่ยนเรื่องอย่างเนียนๆ โดยการเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่มเพิ่มอีกแก้ว
ระหว่างที่นั่งอยู่กับซอนยีเพราะหาโอกาสปลีกตัวมาไม่ได้สักทีดงเฮก็แอบเห็นพฤติกรรมของรุ่นพี่คนนี้ว่าคอยมองผู้หญิงหน้าตาน่ารักอยู่ตลอด แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นเขาเองที่ซอนยีเบือนสายตากลับมาจ้อง
พี่ซอนยี่นี่สปีชี่ส์ไหนวะ -*-
ฮยอนจุงโทรตามผู้ช่วยสาวให้ไปหา มีทติ้งหวานสำหรับซอนยีเลยมีอันต้องจบลงท่ามกลางเสียงปรบมือกราวของร่างบางที่แอบลัลล้าอยู่ในใจ ใช่ว่ารังเกียจรุ่นพี่คนนี้แต่เขาก็ลำบากใจเวลาที่ต้องอยู่กันตามลำพัง คงเพราะว่าซอนยีไม่รุกจีบถึงขั้นแตะเนื้อต้องตัวกันเลยไม่มีอะไรให้ระแวงมากกว่าความรู้สึกผิดต่อคิบอมในใจ
พอออกจากร้านกาแฟก็ค่อยหายใจหายคอโล่งขึ้นมาหน่อย ตั้งใจจะไปรอคิบอมให้เรียนเสร็จเพราะให้สัญญาไว้เมื่อวานว่าเย็นนี้จะทำอะไรให้กินที่คอนโด แต่พอเดินเฉียดไปใกล้ซุ้มอาหารไทยที่นิชคุณรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาก็แวะเข้าไปทักทาย
หนุ่มไทยหน้าหยกยิ้มหวานต้อนรับ แม้จะทำใจแข็งไม่ออกตัวจีบเหมือนแต่ก่อนเพราะรู้ว่าคนๆ นี้มีเจ้าของหัวใจแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะคอยดูแลและเป็นห่วง ยิ่งเห็นดงเฮใส่ใจและเข้ามาหาก็ยินดียิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
“อันนี้เรียกว่าอะไรอะคุณ อร่อยดีนะ”
“ผัดไทครับ ดงเฮต้องลองชิมอันนี้ด้วยนะ จานนี้หอยทอด”
พอรับมาชิมก็ต้องร้องว่าถูกปาก มันกรอกๆ นุ่มๆ และอร่อยอยู่ในลิ้น พ่อครัวตัวน้อยของคิบอมไม่รีรอที่จะขอจดสูตรจากนิชคุณที่ให้เป็นวิทยาทานอย่างเต็มใจ
“วันหลังผมจะพาไปกินต้นยำกุ้งนะ มันเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ ไม่รู้ว่าดงเฮจะชอบหรือเปล่า แต่นักท่องเที่ยวน่ะเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปไทยเพื่อกินเลยนะ” เขาอวดอ้างแล้วยิ้มให้ ร่างบางรีบตอบรับเพราะไม่เคยปฏิเสธไมตรีดีๆ จากใครได้สักคน ยิ่งเห็นท่าทางของนิชคุณที่เป็นมิตรฉันท์เพื่อนก็รู้สึกวางใจและสนิทใจที่จะคบหา
ประมาณห้าสิบนาทีกว่าคิบอมจะเลิกเรียน ร่างเล็กเลยตัดสินใจช่วยนิชคุณขายอาหารเพราะคนอื่นๆ ก็ทยอยออกไปพัก เพิ่งทันได้สังเกตว่าเพื่อนต่างสัญชาติคนนี้ก็มีเสน่ห์ไม่แพ้ใคร เหล่าสาวๆ และหนุ่มน้อยหัวใจหวานแหววต่างแวะเข้ามาซื้อหอยทอดกับผัดไทกันไปแล้วมากกว่าคนละสองจาน
นิชคุณเองก็ออกจะยิ้มง่ายแล้วก็ดูดี ไม่ให้หลงเสน่ห์ได้ยังไงไหว
คิดถึงตรงนี้แล้วก็ต้องแอบลอบยิ้มถึงเจ้าคนหน้าลิ้มที่เคยประกาศตัวแย่งชิงตนกับคนข้างๆ ความทรงจำเก่าๆ มักทำให้ดงเฮยิ้มได้เสมอว่าก่อนที่จะมาถึงวันนี้เขากับคิบอมน่ะเคยรู้สึกยังไงกันมาบ้าง
“เดี๋ยวนี้สาวกรี๊ดกันใหญ่แล้วนะ” เสียงใสร้องแซวทันทีที่ลูกค้าเริ่มซา
“ก็นะ ผมก็ใช่ว่าขี้เหร่สักหน่อย” เขายิ้มทะเล้น ซึ่งดูน่ารักไม่หยอก “มีแค่คนแถวนี้แหละที่มองข้ามผม เชอะ”
ดูก็รู้ว่าเขาแค่แหย่เล่นเลยไม่ลำบากใจที่จะเล่นต่อ “มีมินโฮทั้งคนแล้วยังจะโปรยเสน่ห์ให้สาวๆ อีกเหรอ ว่าแต่พักนี้เราไม่เห็นคู่กัดคุณเลยนะ ตอนเปิดเรียนใหม่ๆ ก็ว่าพอจะเห็นหน้าอยู่”
คนสวยพยายามเลี่ยงคำว่าแฟนออกเพราะไม่รู้สถานภาพที่แน่นอนของนิชคุณกับมินโฮ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกอะไรถึงได้ทำนิ่งไป
“อย่าไปใส่ใจคนพรรค์นั้นเลยครับ เค้ามีคู่หมั้นของเค้าอยู่แล้วทั้งคน อีกอย่าง เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“หือ คู่หมั้น?”
นิชคุณไม่อาจปิดบังตาใสๆ ของดงเฮได้ แล้วเขาก็ไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องทำให้เรื่องไร้สาระมันดูลึกลับ บอกอะไรไปมันก็ไม่เสียหายนักหรอก
“เค้ามีคู่หมั้นที่พ่อกับแม่เลือกให้น่ะครับ ผมเคยเจอเค้าหนนึงตอนไอ้บ้านั่นคอยมาวุ่นวาย”
“อ้าว เค้าไม่ได้จีบคุณอยู่เหรอ”
“จีบกับผีน่ะสิ วันๆ มันเอาแต่กวนประสาท” ก็พอรู้ว่ามินโฮคงจะจีบตัวเองอย่างที่ดงเฮพูดนั่นแหละ แต่เขามันก็เป็นเมะเกินกว่าจะกลับใจหรือยอมให้ใครหน้าไหนมากด เพราะงั้นพอรู้ว่าเจ้าเปรตสูงนั่นมีคู่หมั้นอยู่แล้วก็ยิ่งดีใจว่าสลัดมันไปพ้นๆ ได้สักที และก็คงจะสำเร็จจริงเพราะลีมินโฮไม่ได้โผล่หน้ามาให้เห็นสองเดือนกว่าๆ แล้ว
“คุณไม่ได้ชอบมินโฮเลยเหรอ เราว่าเค้าก็ดีนะ ถูกตามตื๊อบ่อยๆ มันก็น่าจะเอนเอียงกันบ้างนา” เสียงใสยังจ้อไปเรื่อย มันสนิทใจมากกว่าก่อนหน้าที่นิชคุณยังทำท่าชอบตัวเองอยู่มากเลยทีเดียว
“ผมเป็นเมะนะครับด๊อง เมะ” เห็นร่างสูงยืนยันด้วยหน้าเครียดๆ ก็ยิ้มขำ อดไม่ได้ที่จะแซวต่อเพราะนิชคุณก็ดูไม่ซีเรียสอะไรกับเรื่องของมินโฮ ดูจะสบายใจด้วยซ้ำที่อีกคนเลิกรังควาญและหายไปจากชีวิตได้เสียที
ร่างเล็กใช้เสน่ห์ปลายจวักบริการดินเนอร์ให้คิบอมอีกครั้งในวันนี้ ร่างสูงผละจากยืนจดๆ จ้องๆ ร่างบางที่หยิบนู่นหยิบนี่ในครัวไปใช้สอยอย่างคล่องแคล่วอย่างเพลินตาไปจัดโต๊ะอาหารตามที่ดงเฮร้องสั่ง คิบอมบอกจุดเทียนบนตะดินเนอร์และเดินไปปิดแอร์ เลื่อนประตูที่ระเบียงให้เปิดออกเพื่อรับลมเย็นๆ ของค่ำคืนแห่งความโรแมนติก
ร่างสูงรินน้ำส้มและน้ำเปล่ารอเชฟคนสวยนำอาหารมาวาง มองดูผลงานตัวเองอย่างพอใจแล้วเดินไปปิดไฟเพื่อให้ได้บรรยากาศของค่ำคืนแสนหวานอย่างที่เห็นเขาทำกันในทีวี
“โห โรแมนติกได้อีกอ่ะ”
เสียงใสร้องแซวแล้ววางจานใบกว้างที่ถือมาลงบนโต๊ะ คิบอมยิ้มเขินนิดๆ แล้วเดินไปถอดผ้ากันเปื้อนที่ร่างบางสวมอยู่ออกก่อนนำไปเก็บในครัวให้ รอกระทั่งคนสวยพร้อมจะมานั่งแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างสุภาพ เดินมานั่งอีกฝั่งด้วยรอยยิ้มที่หุบไม่ลงตลอดทั้งดินเนอร์สีชมพู
ระหว่างที่เก็บจานไปช่วยกันล้างร่างบางก็เผลอหลุดปากเล่าเรื่องที่วันนี้ไปดื่มกาแฟกับซอนยีออกไป แม้จะตั้งใจแล้วว่าจะไม่ให้คิบอมรู้เพราะกลัวเขาจะระแวงแล้วแท้ๆ อยากตบปากตัวเองนัก
“แล้ว?”
“ก็ไม่อะไรหรอก พี่ซอนยีเค้าก็คุยปกตินะ แป๊บเดียวพี่ฮยอนจุงก็โทรมาตามพี่เค้าออกไปแล้ว”
พอคนสวยบอกว่าไม่มีอะไรด้วยความที่เชื่อใจเต็มเปี่ยมคิบอมเลยไม่ทู่ซี้ที่จะซักไซ้ แต่ก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณว่ามีใครอีกคนชะรอยว่าจะหลงเสน่ห์ร่างเล็กข้างๆ นี่ให้อีกคนแล้ว
หรือว่าผมจะต้องรวบหัวรวบหางดงเฮเอาไว้แล้วจริงๆ
เริ่มดึกเข้าคิบอมก็คว้าหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเปิดดูด้วยกัน คนสวยนั่งธรรมดาอยู่บนโซฟาตัวยาวแต่คิบอมกลับนอนหนุนตักนิ่มๆ แล้วหันหน้าไปทางโทรทัศน์ด้วยท่าทางสบายสุดชีวิต
มือเล็กเกลี่ยผมหนาไปเรื่อยอย่างเพลินมือแต่ก็เริ่มจะชาที่ขาขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อหัวหนักๆ ของคิบอมวางอยู่นาน พอร่างบางขยับขาออกนิดหน่อยเจ้าคนตัวโตก็เลยรู้ตัวลุกขึ้นไปนั่งอย่างว่าง่าย
“เหนื่อยเหรอ” คนขี้หวงถามอย่างเป็นห่วง ดงเฮไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าขาวๆ ให้เบาๆ
“วันนี้ไปช่วยนิชคุณขายอาหารมาตอนที่รอคิบอมน่ะ ลูกค้าเยอะก็เลยเมื่อยๆ ปวดเท้ามากเลย”
“ใจดีไม่เข้าเรื่อง” เขาดุ คนสวยเลยยู่ปากเข้าให้อย่างงอนๆ แต่พอร่างสูงทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นแล้วคว้าเท้าขาวไว้ในอุ้งมือก็ชักกลับแทบไม่ทันเมื่อคิบอมเริ่มบีบๆ นวดๆ มัน
“ไม่ต้องหรอกคิบอม มันสกปรก”
“อย่าดื้อน่า”
“คิบอมก็อย่าดื้อก่อนสิ ปล่อยเลย” เท้าเล็กๆ จะชักหนี แต่โดนยึดไว้แน่นเลยถูกตีเข้าให้
“ตีเค้าทำไม” เสียงใสร้อง อยากจะสะบัดเสียงงอนแต่ก็ทำไม่ลงเมื่อเขาบรรจงบีบนวดคลายความปวดเมื่อยที่เท้าให้ไม่หยุด พอจะอ้าปากให้หยุดก็เจอสายตาดุๆ ต้องมาออกแนวสั่งให้เงียบเลยต้องยอม แม้จะรู้สึกสบายขึ้นแต่ก็เกรงใจคนรักอยู่เหมือนกัน
คิบอมนวดเท้าเล็กต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีอิดออดหรือพูดบ่น เขาเองก็ไม่มีโอกาสได้ดูแลดงเฮบ่อยนัก ส่วนใหญ่จะเป็นคนตัวเล็กนี้มากกว่าที่คอยใส่ใจและถามไถ่สิ่งที่เป็นอยู่ทุกวัน คิบอมจะคอยใส่ใจเรื่อยความสะดวกอื่นๆ ให้ดงเฮจนเผลอมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไปบ่อยอยู่เหมือน
พอถูกเอาใจแบบนี้ก็ใช่ว่าจะรู้สึกดีใจอย่างเดียว ลึกๆ ก็ซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่คิบอมอ่อนหวานให้เห็น ไม่ใช่พูดคำหวานหรือมอบช่อดอกไม้สีสวย แต่เป็นการแสดงออกเพียงเล็กน้อยที่แสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจตัวเองมากขนาดไหน
ยิ่งนับวันผู้ชายคนนี้ก็จะมีแต่ทำให้ผมรักและประทับใจในตัวเค้ามากขึ้นไปอีก
ร่างสูงที่ปรนนิบัติคนตัวเล็กอย่างเต็มใจนั้นถนอมฝ่าเท้าขาวอย่างเบามือราวกับเป็นขวดแก้วที่เปราะบาง บีบนวดอย่างอ่อนโยนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่มีมากเกินไปให้จางลง ลึกๆ ของคิบอมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางทีเขาก็อยากจะมีความละเอียดอ่อนต่อคนรักให้มากขึ้นเหมือนกัน
ผมเชื่อใจเค้า แต่ผมก็อดกลัวไม่ได้ว่าคนดีของผมจะเอนเอียงและหวั่นไหวไปกับความอ่อนหวานของผู้หญิงอย่างซอนยีที่ผมเองไม่ค่อยจะมี
คิบอมลุกไปหยิบครีมทาผิวที่ติดมาจากบ้านในห้องนอนเพื่อนำมานวดให้ร่างแน่งน้อยบนโซฟา แต่พอกลับมาอีกทีก็ต้องร้องอ้าวเมื่อคนที่รออยู่ดันหลับไปซะแล้ว
คิบอมชั่งใจว่าจะปลุกหรือปล่อยให้ดงเฮได้พักผ่อน แต่ก่อนที่จะได้ตัดสินโทรศัพท์ของคนที่นอนอยู่ด้วยท่าทางเหมือนเด็กหลับปุ๋ยก็ร้องขึ้นมาซะก่อน
“ยอโบเซโย”
[หืม ใครวะ?] ปลายสายครางงงๆ [ไอ้ก้อนน้ำแข็งเดินได้เรอะ]
“-*-”
แม้จะเคยพูดไม่รู้กี่ครั้งกี่หนว่าตนชื่อคิบอมแต่ดูเหมือนพี่ชายของร่างเล็กคนนี้จะไม่ใส่ใจ ยังคงเห็นฉายานี้ของคิบอมเป็นเรื่องจี้เส้นเสมอ
[ด๊องมันอยู่กับนายเหรอ]
“อืม เค้าหลับอยู่”
[นี่แกคงไม่ได้วางยาน้องชั้นใช่มั๊ย] ฟังน้ำเสียงกระวนกระวายนิดๆ นั่นก็รู้สึกอยากแกล้งอีกคนขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
“พอดีเค้าเหนื่อยจนทนไม่ไหวน่ะ จะคุยมั๊ยล่ะ นอนอยู่ข้างๆ นี่เอง เดี๋ยวผมปลุกให้”
[เฮ๊ย!!! ไอ้เวรคิบอม แกข่มขืนน้องชั้นเหรอ!!]
“รู้สึกว่าจะสมยอมนะไม่ใช่ข่มขืน” คิบอมยังยียวน น้ำเสียงนั้นฟังยังไงก็ดูรู้ว่าเขาแค่พูดแกล้งไปงั้น เป็นฮีซอลเสียเองที่ตื่นตูมไม่เข้าเรื่อง อุตรินึกภาพตามไปไกลได้หลายขุมแล้ว
[แกอยู่ที่ไหน เอาน้องชั้นคืนมานะเว๊ย]
“คนดีของผมเค้าออกแรงมากไปหน่อยเลยไม่มีแรงจะเดินไปไหนแล้ว คืนนี้ให้ค้างกับผมแล้วกันนะ พรุ่งนี้เช้าจะพาไปส่งให้ที่บ้าน อย่าจับผิดอะไรคนของผมล่ะ เดี๋ยวเค้าจะคิดมาก”
พูดจบก็ตัดสายทิ้งซะดื้อๆ นึกสภาพตัวเองออกเลยว่าพรุ่งนี้รุ่นพี่จอมวางอำนาจคนนั้นคงเตรียมอาวุธมารบเขาพร้อมมือที่บังอาจกวนประสาทจนเสียเส้น
“หนูด๊อง” คิบอมสะกิดเบาๆ เรียกให้อีกคนตื่น เด็กน้อยงัวเงียขยี้ตาอย่างงอแงที่ถูกรบกวน ร่างบางถูกพยุงให้เข้าไปในห้องนอนคิบอมเพื่อเปลี่ยนเสื้อและเตรียมอาบน้ำ สมองที่ยังคงประมวลผลช้ายังจับใจความคำพูดอะไรของเขาไม่ได้นอกจากคำว่า
“คืนนี้ค้างที่นี่นะ”
คิบอมพาคนสวยเข้ามาในห้องน้ำแล้ววางแหมะไว้บนอ่างล้างหน้าเพราะดงเฮยังงัวเงียไม่เลิก ร่างเล็กใช้หัวทุยๆ พิงลงไปกับกระจกเงาแล้วหลับต่อได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ก็ปลาขี้เซาตัวนี้น่ะหลับลึกอย่างกับอะไรเลยนี่นา
“ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน โฟมของคุณ เอาอะไรอีกมั๊ย” ร่างสูงตรวจดูของใช้ส่วนตัวของร่างเล็กที่ซื้อมาเผื่อไว้ตอนไปคอนวีเนียนด้วยกันเมื่อวันก่อนในมือ แต่แล้วก็ต้องส่ายหน้าเบาๆ เมื่อคนที่พูดด้วยหลับตาพริ้มกอดตัวเองอยู่บนอ่างล้างหน้า
“หนูด๊อง...”
ตั้งใจจะปลุกให้ตื่นแต่ภาพนี้มันก็น่ารักเกินกว่าจะปล่อยให้มองแล้วหายไปเฉยๆ ร่างสูงกลับเข้าไปในห้องแล้วคว้ากล้องดิจิตอลตัวใหม่มาถ่ายประเดิมครั้งแรกด้วยภาพของคนสวยทันที
แสงแฟลชวูบวาบอยู่หลายครั้งก่อนคิบอมจะเปลี่ยนเป็นโหมดวีดิโอแล้วถ่ายบ้าง ปากก็พูดไปเบาๆ ใส่กล้องเพื่ออวดอ้างสรรพคุณของปลาหน้าหวานที่ออกอาการขาดน้ำสลบได้ทุกที่ ของเค้าดีจริง
พอสมใจเจ้าตัวโตแล้วเขาก็วางกล้องลง เอื้อมมือไปดึงแขนขาวที่กอดตัวเองให้เข้ามาหาตัวแล้วลงมายืนกับพื้น คิบอมใช้มือไปรองน้ำแล้วลูบหน้าขาวเบาๆ เพื่อให้ดงเฮตาสว่าง คนสวยเบะปากรำคาญที่ถูกขัดจังหวะการงีบกระทืบเท้าประท้วงอย่างเคืองๆ
“อื้อ จะนอน” ร้องงัวเงียอย่างขัดใจ
“ก็อาบน้ำก่อนสิครับแล้วค่อยไปนอน อย่าดื้อน่า”
“ถอดให้เค้าหน่อย”
เสียงใสร้องอ้อนแล้วกางมือออกมาโบกเรียกร้องความสนใจ หากเป็นตอนมีสติและรู้ตัวว่าตนกำลังทำอะไรคำพูดแบบนี้คงไม่มีทางออกมาจากปากแดงๆ นั่นแน่ คิบอมเองก็ดันลืมไปซะสนิทว่าดงเฮน่ะเป็นปลาสาว เวลาอยากจะยั่วก็สามารถงัดลีลามาออเซาะเข้าได้เสมอ
แต่ตอนนี้ดูยังไงมันก็เด็กแก่แดดชัดๆ
น้ำเสียงงัวเงียกับตาปรือๆ ที่จ้องมายิ่งทำให้คิบอมแน่ใจว่าคนสวยนี้ไม่ได้มีความคิดที่จะล้อเล่นกับอารมณ์ไม่คงที่ของเขา คงแค่อยากจะอ้อนไปตามประสาคนง่วงก็เท่านั้น ขืนเขาทำอะไรลงไปคงได้ถูกล้างครัวเพราะคนที่เพิ่งจะกวนตีนใส่ไปคงไม่ปล่อยให้เขารอดชีวิต
“ถอดเองสิครับ รีบไปอาบน้ำเถอะนะ จะได้รีบไปนอน”
แต่มือขาวๆ นั่นมันก็เหนียวยิ่งกว่าหนวดปลาหมึกหรือกาวยี่ห้อดัง ชอบใจอยู่หรอกที่ร่างเล็กถลาเข้ามาออเซาะและเกาะแกะ แต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมเสี่ยงอันตรายต่อสภาวะพรากเวอร์จิ้นของร่างงดงามที่เขารักมันก็ชักจะไม่น่าไว้ใจตัวเองขึ้นทุกที
“ดงเฮ ไปอาบน้ำ” คิบอมทำใจแข็งออกคำสั่งกับปลาขี้อ้อนที่มาเซ้าซี้จะให้เขาถอดเสื้อให้
“อื้อ ไปๆ แต่ถอดเสื้อให้ก่อนดิ แค่เสื้อเอง” คนกำลังมึนๆ ง่วงๆ ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ขอแค่ชนะเกมส์ออกคำสั่งแล้วได้เจ้าคนตัวสูงมาเปลื้องเสื้อให้คงจะพอใจแล้วยอมอาบน้ำ
“ก็ได้ๆ”
คิบอมอยากจะเอาหัวโขกกำแพงนักที่มีแฟนมึนไม่รู้เวลา ยิ่งพักนี้ตัวเองยิ่งคิดอะไรลามกอยู่กับร่างขาวๆ นี้เกือบทั้งวันทั้งคืนอยู่เป็นทุนด้วยแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับเราในห้องน้ำนี่ละก็ผมจะไม่สงสัยเลย -*-
ดงเฮยิ้มหวานประจบทั้งที่ตาใสยังปรือปรอยคล้ายคนจะหลับเต็มทน คิบอมกลั้นใจข่มอารมณ์ถอดกระดุมของยูนิฟอร์มสีขาวออกให้คนรัก สายตาคมคายทำเพียงแอบลอบมองเข้าไปใต้เสื้อพอให้หายใคร่รู้ถึงสิ่งที่อยู่ข้างในแล้วก็เบือนหน้าหนี
“ถอดดีๆ ดิ”
“ถอดเองตั้งแต่แรกก็จบแล้วนะหนูด๊อง” คิบอมโอดครวญบ้าง ทีนี้เลยได้เห็นอกขาวเต็มๆ ตาอย่างไม่อาจเลี่ยงสายตากลับไปไหนอีกได้ ถ้าเป็นเวลาปกติก็คงอาจจะลวนลามอยู่หรอก แต่ตอนนี้เหมือนเขากำลังล่วงเกินเด็กยังไงก็ไม่รู้ -*-
คิบอมโยนเสื้อสีสะอาดที่เพิ่งปลดออกจากกายบางไว้ที่พื้น ตาคู่คมเป็นประกายวาวับอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเห็นอกอิ่มนั้นนูนนิดๆ เพราะเนื้อนิ่มที่ไร้กล้ามเนื้อแข็งแรงลอยอวดความงามอยู่ตรงหน้า แต้มสีชมพูอ่อนทั้งสองฝั่งชูช่อเด่นราวดอกไม้สีสวยที่มีเกสรหอมหวานล่อให้แมลงบินฉวัดเฉวียนเข้าไปเกาะท่ามกลางปุยเมฆสีขาวอย่างกายขาวผ่อง หน้าทองนวลเนียนเรียบน่าสัมผัส ภาพสวยงามที่ทำให้ใจเต้นระทึก เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าดูแลและใส่ใจร่างกายตัวเองดีแค่ไหน
คิบอมตั้งใจจะเบือนหน้าออกนับสิบครั้งได้แต่มันก็ไม่เป็นไปตามนั้น สายตาซุกซนยังจ้องอยู่ที่จุดแปลกสีบนอกของร่างเล็กอยู่ตาไม่กะพริบ ใจที่ไม่ค่อยได้ไหวเอนนั้นสั่นจนแทบจะหลุดออกมานอกร่างเมื่อคนสวยสะบัดคอตัวเองไปมาอย่างปวดเมื่อยทว่ามันช่างดูเซ็กซี่
ผมสีอ่อนยาวประไหล่เพิ่มความยวนตาน่าชมราวหยาดฟ้ากระยาหงันจนคิบอมไม่อาจละสายตาไปไหนได้
เพียงแค่นี้ก็อยากจะเห็นแล้วว่าคนๆ นี้จะขาวไปทั้งตัวมั๊ย
“หนาว”
เสียงร้องเป็นเหมือนระฆังกังวานที่ปลุกให้คิบอมตื่นจากภวังค์แสนหวาน ร่างสูงเพิ่งได้สติและรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรรีบดันแผ่นหลังขาวๆ นิ่มมือเข้าไปในห้องอาบน้ำแล้วเลื่อนกระจกลายมนให้ปิดดังปัง ปล่อยคนสวยไว้ในนั้นแล้วจัดการเนรเทศตัวเองออกมาอยู่ข้างนอกเพราะกลัวจะเป็นตัวอันตรายต่อเรือนร่างอ้อนแอ้นนั่น
“ถ้าไม่ติดว่ารักละก็ไม่เหลือแล้วนะ เฮ่อ”
ร่างแน่งน้อยเริ่มตาสว่างขึ้นมาแล้วหลังจากอาบน้ำเสร็จ คนสวยยืนกัดริมฝีปากของตัวเองอยู่หน้ากระจกบานกว้าง เพิ่งจะจำได้ว่าตัวเองเป็นคนขอให้คิบอมเปลื้องผ้าให้ นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวตัวเองนักเชียว
“ชั้นทำอะไรลงไปเนี่ย”
ถึงมันจะมีเหมือนกันก็เหอะ แต่ใช่ว่าจะเหมือนกันทุกอย่างจริงๆ นี่นา
“อายง่ะ =///=”
ดงเฮยืนเพ้ออยู่หน้ากระจกแล้วก็หยิบชุดนอนสีหวานที่คิบอมซื้อไว้ให้มาใส่ ทำใจกล้าแล้วเปิดประตูออกไปหาเจ้าคนตัวโตด้วยใบหน้าแดงปลั่ง
“เสร็จแล้วเหรอ”
“อือ”
ถึงเขาจะทำเสียงปกติแต่ยังไงก็ฟังออกว่ากำลังอมยิ้ม ร่างบางค้อนให้น้อยๆ แล้วหนีไปนั่งดูหนังต่อ ปล่อยให้คิบอมยืนขำกับอาการสะบัดสะบิ้งกลบเกลื่อนความอายแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำบ้าง
ร่างสูงซึ่งพันผ้าขนหนูไว้รอบเอวกำลังยืนแปรงฟันต้องหัวเราะออกมาซ้ำๆ เมื่อนึกภาพว่าเด็กดื้อคนนั้นทำวีรกรรมอะไรไว้ให้เขาใจสั่นไปบ้าง
ตาคมเหลือบไปเห็นกล้องวีดิโอแล้วคว้ามันมาดู ยิ้มมุมปากนิดๆ แล้ววางมันลงที่เดิมอย่างพอใจ
ฝ่ายร่างเล็กนั่งดูหนังอยู่นานเข้าก็ชักเบื่อเพราะเริ่มเมื่อยตัวขึ้นมาแล้ว อยากจะนอนเต็มแก่เลยลุกไปดับไฟที่ห้องครัวและปิดทีวีให้เรียบร้อยก่อนเดินเข้าไปในห้องนอนคิบอมที่เขาเพิ่งจะได้ค้างคืนเป็นครั้งแรก
ตากลมทอประกายวาวชื่นชอบวิวยามรัตติกาลของโซลเต็มประดา ผิวน้ำที่อยู่เบื้องล่างมีแสงไฟสะท้อนลงไปจนทอประกายระยับดูอบอุ่น ดงเฮเลื่อนประตูที่ระเบียงปิดแล้วเดินไปนั่งที่ปลายเตียง ตาซื่อๆ กวาดมองไปทั่วอย่างชอบใจก่อนสะดุดเข้ากับนาฬิกาตั้งโต๊ะเรือนเล็กน่ารักบนชั้นลอยข้างๆ กับวอลเปเปอร์ที่เป็นรูปของตัวเองยิ้มสลอน
มือน้อยคว้ามันมาจับดูอย่างทะนุถนอม คิบอมใส่ใจและรักษามันไว้เป็นอย่างดี อักษรที่อยู่ข้างในยังคงมีความหมายที่อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจอยู่เหมือนเดิม ดูแลอย่างดีราวเพราะสิ่งนี้คือตัวแทนของดงเฮที่อยู่กับเขาตลอดเวลา
ครั้งแรกที่มาห้องนี้ดงเฮเองก็ไม่ทันเห็นของหลายๆ อย่างในห้องคิบอม คงเพราะบางส่วนร่างหนาก็เพิ่งไปเอาออกมาจากบ้านแล้วเรียกช่างมาทำชั้นลอยให้ เพราะหากจะให้ตั้งอยู่เฉยๆ บนโต๊ะหรือที่อื่นก็กลัวตัวเองจะเผลอทำมันเสียหาย
เสียงบิดประตูห้องน้ำส่งเสียงออกมาเบาๆ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกแล้วกระโดดไกลไปนอนบนเตียงอย่างรวดเร็วเหมือนเด็กที่ถูกพ่อจับได้ว่ายังไม่เข้านอน
“อา..” ดงเฮแอบครางเบาๆ เพราะจุกไม่น้อย
คิบอมมองร่างบางบนเตียงหลังใหญ่แล้วต้องกลืนน้ำลายลงคอเงียบๆ อย่างอดกลั้น
ร่างสูงเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียงแล้วจัดท่านอนของดงเฮให้เรียบร้อยกว่าเก่า ร่างน้อยทำเป็นหลับตาพริ้มเพราะไม่รู้จะทำสีหน้ายังไงที่เมื่อกี้มึนไปขอให้เขาช่วยแก้ผ้าให้ตัวเอง
“ฝันดีนะหนูด๊อง”
เขาพูดแล้วกดจูบบนหน้าผากเนียนซ้ำๆ ก่อนผละไปดับไฟแล้วล้มตัวนอนลงอีกฝั่งของเตียง ...นอนตะแคงหันหลังให้
ตากลมค่อยๆ เหล่ขึ้นอย่างทะเล้น ดงเฮมองฝ่าความมือไปหาเจ้าคนตัวโตที่นอนหันหลังให้ตนอย่างงงๆ อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่มานอนกอดตัวเอง
งอนอะไรหรือเปล่า?
ร่างน้อยขยับตัวดุ๊กดิ๊กเข้าไปหาคนตัวใหญ่ที่นอนทำตัวลีบอยู่อีกฝั่ง ยิ้มเขินๆ นิดหน่อยก่อนจะวาดแขนไปกอดเอวคิบอมอย่างออเซาะราวคว้าหมอนข้างมากกกอด
ร่างหนาสะดุ้งเฮือก ทั้งที่พยายามข่มตาหลับหวังให้ตัวเองไม่เป็นฝ่ายทำอะไรร่างบางนั้นก็เป็นอันต้องสติแตก
คิบอมแกะมือเหนียวๆ ออกแล้วดันร่างบางให้กลับไปนอนที่เดิม ถอนหายใจอย่างโล่งอกนิดหน่อยก่อนหลับตาลง ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมาคนสวยข้างๆ ก็กลิ้งมาคว้าหมับแล้วกอดเขาใหม่
เมื่อคิบอมปลดมือดงเฮแล้วดันเขากลับไปที่เดิมคนสวยก็จะตะกายเตียงมากอดเขาอีกไม่รู้จบ เป็นอย่างนี้จนร่างบางแทบจะหลุดขำ พอดึงกันนานเข้าดงเฮก็อดที่จะบ่นไม่ได้
“เล่นตัวจริงจริ๊ง”
พอเห็นตัวเล็กแค่แกล้งเล่นก็ทำเสียงดุใส่ “ทำไมยังไม่นอนอีก”
“อยากกอดคิบอม” เสียงหวานไม่สะทกสะท้าน มีแต่จะแอบยิ้มตลกซะด้วยซ้ำที่คิบอมเป็นแบบนี้
“นอนดีๆ นะครับคนดี ผมไม่ชิน” ร่างหนาหาข้ออ้างไปเรื่อย ใจลิงโลดอยู่หรอกที่ได้กกกอด แต่อีกใจก็กลัวว่าหากใกล้ชิดกันยิ่งกว่านี้จะกลายเป็นว่าเขาอาจจะควบคุมตัวเองไม่ไหว
แต่คนฟังกลับตีความไปอีกอย่าง
“เป็นอะไรอ่าคิบอม งอนอะไรเค้ารึเปล่า”
มือน้อยๆ ควานไปทั่วกล้ามเนื้อหน้าท้องของคิบอมอย่างเอาใจ หรือแกล้งให้ใจแกว่งเล่นก็ไม่รู้
“เปล่าครับ” ร่างเล็กเห็นเขาเงียบไม่พูดอะไรต่อก็นึกอยากแกล้งซะจริงๆ
“งอนเค้าแน่เลย สะดิ้งเป็นตุ๊ดเลยนะ คิๆ” คนถูกกล่าวหาขมวดคิ้วเป๋ง ส่วนเจ้าคนใส่ร้ายก็ยิ้มร่า ถูจมูกเล็กๆ เข้ากับหลังกว้างอย่างอารมณ์ดี
“เดี๋ยวก็พิสูจน์ให้ดูซะหรอกว่าตุ๊ดไม่ตุ๊ด” คนถูกแหย่กระเซ้ากลับ
“กลัวตายแหละ แบร่ะ” คนสวยแลบลิ้นแล้วใช้ฟันกัดหลังคิบอมเบาๆ จนร่างสูงร้องซี๊ดเจ็บ
มือขาวเลื่อนไปจับแหมะบนอกหนาแล้วตีเบาๆ เย้าแหย่ให้อารมณ์คิบอมที่ไม่ค่อยจะเป็นปกติสุขได้สั่นสะเทือน
“อย่าซนได้มั๊ย” เสียงหนาร้องว่า จับหมับเข้าที่มือซุกซนแล้วบังคับให้อยู่นิ่ง “เดี๋ยวก็ได้ท้องหรอก”
ที่แท้ก็...
“ทะลึ่ง”
ร่างเล็กเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมคิบอมถึงได้หลีกหนีการสัมผัสตัวเองนัก ถ้าไม่ใช่รังเกียจก็คงจะหนีไม่พ้นกลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้ ซึ่งเขาขอตัดประเด็นแรกทิ้ง
มุมปากสีหวานยกยิ้มบางๆ แล้วกระชับกอดให้แน่น ซุกหน้ากับหลังกว้างของคิบอมอย่างรักใคร่จนร่างสูงแปลกใจ
“คิบอมน่ารักจัง” หนุ่มน่ารักของดงเฮหันมาหาอย่างงงงวย แต่ดงเฮไม่ตอบอะไรในความสงสัยนั้นนอกจากก่ายขาขึ้นมารัดตัวเขา ...จนมันเฉียดเข้ากับคิบอมตัวน้อย -*-
“ปากหวานนักนะ”
“อย่างอื่นเค้าก็หวาน” คนสวยเล่นลิ้น
“คนดีกำลังทำให้ผมห้ามตัวเองไม่ได้นะ” คิบอมขยับตัวไปมา แขนขวาของดงเฮกอดแน่นอยู่รอบตัวเขา ส่วนขาขวาก็พาดทับช่วงท้องเขาไปอย่างไม่เกรงใจกันเลยทีเดียว
“อ๊ะ... งั้นหยุดเลย”
ร่างเล็กพลิกตัวหนีไปอีกฝั่งให้คิบอมได้หายใจหายคอโล่ง ลึกๆ ใจก็นึกอยากเก็บร่างบางข้างๆ ไว้ในอ้อมกอดแล้วหลับไปพร้อมกัน แต่ดูเหมือนดงเฮเองก็จะเริ่มระแวงถึงอสูรร้ายในตัวเข้าขึ้นมาแล้ว คิบอมเลยเลือกที่จะไม่คว้าร่างเล็กมากอด ยังไงความสบายใจของดงเฮก็ต้องมาเหนือสิ่งอื่นใดอยู่ดี
สองร่างบนเตียงใหญ่ที่หันหลังให้กันพยายามข่มตานอนแล้วนอนเล่า แต่ผลที่ปรากฏคือ ...นอนไม่หลับ
คงเพราะห่างไปไม่ถึงช่วงแขนมีร่างของคนที่ตัวเองรักนอนอยู่ใกล้ๆ เลยยิ่งทำให้ใจแกว่ง ลมหายใจที่พรั่งพรูไม่สม่ำเสมอของทั้งสองดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้ตัวว่าต่างนอนไม่หลับกันทั้งคู่
“คิบอม” เสียงหวานดังฝ่าความเงียบ ตากลมโตยังกะพริบปริบถี่ๆ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ดงเฮทำได้ในขณะนี้
“หืม”
“นอนไม่หลับอ่ะ”
“หลับตาสิครับ เดี๋ยวก็หลับ พรุ่งนี้มีเรียนนะ”
“คิบอมง่วงแล้วเหรอ”
“นิดหน่อย”
“คุยกันก่อนเหอะ เค้ายังไม่อยากนอน”
“ไม่ง่วงเหรอ”
“ก็ง่วง”
“งั้นนอนนะ พรุ่งนี้ค่อยคุย”
“ไม่เอาอ่ะ ถ้าไม่คุยเค้านอนไม่หลับแน่ๆ” คนสวยดื้อแพ่งจนคิบอมต้องยอมตามใจเหมือนทุกที พอถามว่าอยากจะคุยเรื่องอะไรดงเฮก็เงียบไปเหมือนยังไม่มีเรื่องอะไรในหัวที่อยากพูด
“คิดถึงแม่จ๋าจัง” ในที่สุดคนสวยก็เปรยออกมาเบาๆ
คิบอมหันไปมองร่างข้างกายอย่างแปลกใจที่เขาเลือกพูดประโยคนี้ อาจเป็นเพราะระยะทางที่ห่างไกลจากคนในครอบครัวคงทำให้ดงเฮอยากจะระบายความเหงาให้ใครฟังบ้างเหมือนกัน ดงเฮไม่ค่อยมีเรื่องแย่ๆ มากวนใจบ่อยนักเลยไม่มีครั้งไหนที่คิบอมจะเห็นถึงความอ้างว้างและหวาดกลัวในใจของร่างบาง
มือหนาเอื้อมไปดันศีรษะได้รูปให้ยกขึ้นก่อนสอดแขนลงไปแทนหมอนให้ร่างบางได้นอนหนุน
“แม่คิบอมเป็นคนยังไงเหรอ”
“ดื้อแล้วก็ซน” ร่างสูงตอบทันควัน “เป็นคนเข้าใจยาก บางครั้งยากกว่าพ่อผมอีก อารมณ์แปรปรวนเหมือนเด็กแปดขวบน่ะ”
“จริงอ่ะ”
“อืม ส่วนพ่อผมท่านค่อนข้างเงียบๆ หน่อย”
“สงสัยได้เชื้อพ่อมาเยอะนะ” เสียงใสหัวเราะคิกแล้วยิ้มหวานให้แม้คิบอมจะมองไม่เห็นมันก็ตามที
พออีกฝ่ายถามเรื่องครอบครัวมาแล้วก็อยากจะรู้ของอีกคนบ้างจึงถามกลับ คิบอมถามไปว่าดงฮวาน่ะเป็นคนยังไง
“พี่ชายเค้าเรียนเก่ง ตอนจบปริญญาก็ได้เกียรตินิยมด้วยนะ ตอนเด็กๆ เราน่ะค่อนข้างสนิทกัน เค้าน่ะถูกดงฮวาเตะทุกวันเลย ฮิๆ” ร่างเล็กเริงร่าทันทีเมื่อพูดถึงพี่ชายคนดี
“ฮะ?”
“ตอนเด็กๆ เค้าชอบไปกวน ถามดงฮวาว่าพ่อกับแม่รักใครมากกว่ากันอ่ะ ถามๆๆ ทุกวันก็โดนไล่เตะทุกวัน บางครั้งก็โดนต่อย” คนที่ไม่มีพี่น้องและอยู่คนเดียวในวัยเด็กอย่างคิบอมมองเห็นเป็นเรื่องน่าแปลก ไม่เคยรู้ว่าเรื่องเหล่านี้น่ะธรรมดาของพี่น้องผู้ชาย หรือไม่ก็พี่น้องชายหญิง ส่วนเด็กผู้หญิงที่เป็นพี่น้องกันคงไม่ค่อยมีให้เห็น
“เคยมีครั้งนึงดงฮวาเอาส้อมปามา ไหล่เค้ามีรูส้อมติดอยู่เลยอ่ะ วิ่งร้องไห้ไปฟ้องพ่อจ๋าแล้วดงฮวาก็ถูกตี” ดงเฮพูดกลั้วหัวเราะ “เหมือนเราไม่ค่อยรักกันหรอก เค้าน่ะชอบตามดงฮวาไปเล่นกับเด็กแถวนั้น พอโดนแกล้งมันก็ไม่เคยช่วย เวลาเตะบอลแล้วล้มก็ถูกตีซ้ำบ่อยไป อิๆ”
“เตะบอล?”
“อื้ม เค้าน่ะชอบเล่นบอลที่สุดเลย ไว้เราไปเล่นกันมั่งนะคิบอม” คนสวยหันมายิ้มร่า คิบอมทำหน้าเหวอกับกีฬาไม่เข้ารูปเข้าร่างของร่างบางคนนี้ สมัยเด็กคงแก่นเซี๊ยวแล้วก็ซนน่าดูถึงได้ชอบทำอะไรประเภทนั้น
“เค้าน่ะรักฮยองนะ นี่ๆ เดี๋ยวจะเล่าอันนี้ให้ฟัง เค้าจำไม่ได้หรอกนะแต่แม่จ๋าเคยพูดถึง ตอนเค้าสามขวบแล้วดงฮวาแปดขวบมั๊ง เค้ากับฮยองทะเลาะกันแม่จ๋าก็เลยเอาไม้แขวนเสื้อมาตี แม่จ๋าตีดงฮวาก่อน แล้วพอจะมาตีเค้าดงฮวาก็มากอดเค้าแล้วบอกให้ตีตัวเองแทนอ่ะ ฟังครั้งแรกแล้วเค้าร้องไห้เลย ซึ้งๆ”
คิบอมหัวเราะน้อยๆ แล้วขยับแขนให้ใบหน้าแป้นแล้นนั้นโยกไปมา ดงเฮมีความสุขและร่าเริงเสมอยามพูดถึงครอบครัว เสน่ห์ในตัวของร่างเล็กที่ทำให้เขาชื่นชอบและรู้สึกดีเสมอยามได้ฟังเรื่องราวจากปากสีเชอร์รี่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าคนๆ นี้รักและใส่ใจครอบครัวของตัวเองมากขนาดไหน
ตากลมแอบเหล่มองคิบอมอย่างซุกซน อยากออดอ้อนเจ้าลิ้มแก้มแตกนี่จะตายอยู่แล้วแต่ก็ไม่กล้า ทั้งที่กลัวว่าเขาจะทำอะไรตัวเองเข้า แต่.. แค่กอดเฉยๆ คงไม่เป็นอะไรมั๊ง ?
คิดได้เท่านั้นก็กระแซะตัวเข้าหาแล้วตะแคงร่างไปกอดหมอนยักษ์ซะเต็มที่ ร่างสูงตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร
“ไม่กลัวหรือไง ทำแบบนี้น่ะ” จู่ๆ เขาก็พูด
“ไม่ เค้าเชื่อใจคิบอม”
“เฮ่อ มาพูดแบบนี้ขี้โกงกันนี่”
“อิๆ” ดงเฮยิ้มทะเล้นประสาคนช่างแกล้ง แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆ จางไปเมื่อความคิดบางอย่างเข้ามารบกวน
“ทำไมถึงต้องห้ามใจไม่ให้ทำอะไรเค้าล่ะ”
เพราะคำถามที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยแต่พูดมาดุ่ยๆ นั่นทำให้คิบอมต้องนิ่งไป ไม่มีความเขินอายอยู่ในน้ำเสียงนั้น มีเพียงความใคร่รู้ มือข้างที่ลูบศีรษะเล็กอยู่ชะงักกึก ก่อนเขาจะเอ่ยตอบในประโยคที่ย้อนกลับมาเป็นคำถาม
“คิดว่าตัวเองพร้อมแล้วเหรอ”
“...” คำตอบดังชัดเจนอยู่ในหัวของคนถาม
ยัง ผมยังไม่พร้อม...
“ผมจะรอ” เสียงของคนเข้าใจที่ร้องบอกมันทำให้ใจดวงน้อยวูบไหว ร่างสะเทิ้นไปกับความรักของคิบอมที่สื่อออกมาผ่านการกระทำว่าจะไม่ฝืนใจเขาและรอจนกว่าตัวเองจะพร้อมรับทุกสิ่งหลังจากเป็นของกันและกัน
“นอนนะ ดึกแล้ว” คนพูดกระชับผ้าห่มให้ร่างเล็กแล้วพลิกกายมานอนกอดเขาไว้ ดงเฮฝังร่างลงไปกับกายคิบอมอย่างสุขใจด้วยรักที่ล้นปรี่ อีกครั้งแล้วที่ใจดวงน้อยสัมผัสถึงความรักและความเอาใจใส่ที่คิบอมมีให้ อดใจไม่ไหวที่จะเลื่อนหน้าขึ้นไปประทับจูบผะแผ่วบนแก้มป่องๆ เป็นการตอบแทนในสิ่งพิเศษที่มอบให้กัน
ก่อนจะตบท้ายด้วยคำพูดที่แสนดี
“รักนะจ๊ะ”
-------------------------------------
เพ้อไม่เลิกกับคำนี้จริงๆ Y Y
อีก 2 - 3 ตอนจากนี้จะเป็นฉาก สวีทฮาร์ท Believe คิเฮนะคะ ใครยังไม่รู้วิธีอ่านฉากหลังไปดูในตอนที่มินโพสรูปน้องหมาไว้ ทอล์ควิชไรเตอร์ช่วยคุณได้ :)
จำนวนวิวหาย เม้นท์หาย .. เง่อๆ
ความคิดเห็น