ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #58 : SF :: Rock & Love [KiHae]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.94K
      13
      19 มี.ค. 53

     

     

     

    Rock & Love

     

     

     

    KiHae Version

     

    ผู้ใหญ่ตัวเล็ก VS เจ้าเด็กตัวโต

     

     

     

     

     

     

    “ด๊อง   เย็นนี้ไปร้านพี่ฮันกันนะ   เฮียแกชวนไปดูวงดนตรีวงใหม่ของร้านน่ะ”

    “หืม   วงดนตรี?”   เสียงหวานร้องทวน   “เปลี่ยนอีกแล้วเหรอ   เดือนนี้เปลี่ยนบ่อยจังนะซีวอน”

    “ก็ว่างั้นแหละ   พี่เค้าบอกว่าวงเก่ามันไม่ค่อยมีความรับผิดชอบก็เลยไล่ออกไปแล้ว   แต่วงนี้ดีนะ   แค่โปรโมทไปนิดเดียวก็มีลูกค้ามาจองโต๊ะกันให้พรึบ   เหอะ   พวกขายหน้าตาอีกล่ะสิ”   บุรุษหน้าตาหล่อเหลาพูดน้ำเสียงระอา   “ไม่รู้จะอะไรนักหนาคนพวกนี้”

    “น่าๆ   ซีวอนนี่ก็จริงๆ เลยนะ   อคติกับนักดนตรีจริงๆ”

    ดงเฮส่ายหัวเบาๆ แล้วยิ้มขัน   เพื่อนหน้าหล่อทำหน้ายุ่งแล้วไม่ได้ต่อความอะไร   แต่ก่อนซีวอนมีแฟนเป็นครีเอทีฟหน้าสวย   แต่พอพาไปนั่งร้านอาหารของฮันกยองก็มีอันต้องกินแห้ว   เมื่อคิมฮีซอลดันสปาร์คเข้ากับนักร้องนำเข้าให้   เป็นอันต้องถูกทิ้งไปโดยปริยาย

    “ผมเปล่านะ”   จำเลยยังคงให้การปฏิเสธจนเพื่อนหน้าหวานต้องหลุดขำ

    ร้านอาหารฮันฮยอก   จัดเป็นร้านอาหารที่มีชื่อพอสมควร   อาหารอร่อยโดยสูตรของเจ้าของร้านชาวจีนและบรรยากาศที่สร้างสรรค์โดยหุ้นส่วนร้าน   แสงไฟสีส้มสลัวที่ประดับประดาอยู่ตามต้นไม้และส่วนต่างๆ นั้นเน้นบรรยากาศยามค่ำคืนที่ดูอ่อนหวานและอ่อนโยน   การจัดร้านเป็นไปตามอารมณ์ของลีฮยอกแจที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยตามไอเดีย  

    และตลอดเดือนนี้ดูเหมือนจะเป็นช่วงของความโรแมนติก   ดอกกุหลาบประดับอยู่ในทุกโต๊ะ   ตามเสาไม้มีเถาวัลย์เส้นเหนียวพันอยู่โดยรอบ   ต้นไม้สีเขียวสว่างให้ความสดชื่นกลมกลืนกับบรรยากาศที่หวานแหววแต่ก็มีชีวิตชีวา

    “ไอเดียพี่ฮยอกนี่ดีจังเลยนะฮะ  ด๊องอยากยืมไปใช้โปรเจ็คต์หน้าบ้างจัง”   ดงเฮร้องว๊าวทันทีที่เห็นร้าน   ตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นสภาพหมดทั้งตัวร้าน   เอ่ยปากชมคนจัดไม่หยุด

    “อ๊ะแน่นอน   อยากได้ไอเดียไหนเอาไปใช้ได้เลย   ว่าแต่พีอาร์อย่างด๊องนี่ต้องใช้อะไรพวกนี้ด้วยเหรอ”   คนตัวเล็กเจ้าของร้านหมายถึงพวกการออกแบบและตกแต่ง

    “แหม   ถึงจะเป็นพีอาร์แต่ว่าก็มีงานอื่นให้ด๊องทำนะฮะ   อย่างงานแต่งของคุณคังอินลูกค้ารายล่าสุดเนี่ยเค้าบอกว่าว่าที่ภรรยาเค้าอยากได้บรรยากาศร่มรื่นผสมโรแมนติก   ด๊องว่านี่แหละใช่เลย”  

    “สไตล์อิทึกเค้านี่   แบบนี้ล่ะชอบนัก”   แล้วฮยอกแจก็หัวเราะร่วน

    ไม่นานนักฮันกยองก็ออกมาตามฮยอกแจให้ไปดูนักดนตรีวงใหม่ที่กำลังจะทำการขึ้นแสดง    แต่พอคนตัวเล็กคล้อยหลังไปไม่นานก็ทำลุกลี้ลุกลน   ชำเลืองมองไปด้านหลังเวทีตลอด

    “เป็นอะไรไปฮะ”   ดงเฮเห็นท่าทางแปลกไปจึงเอ่ยถาม

    “ก็ฮยอกแจน่ะสิ   เฮ่อ   ไม่ไหวแล้ว   พี่ขอไปดูพวกนั้นด้วยดีกว่า   คงไม่ต้องบอกนะว่าไอ้เจ้าเด็กพวกนี้น่ะมันหล่อกันขนาดไหน   เดี๋ยวแม่ไก่ของพี่หลงมันเข้าล่ะก็แย่   ยังไม่อยากอกหักเหมือนไอ้วอนมัน”

    “ชู่ว์   เบาสิฮะ”   ดงเฮเอ็ดแล้วจุ๊ปาก   “ซีวอนเค้ายังไม่เลิกเฮิร์ทเลยนะ   เบาๆ หน่อย”

    “อ้าว   เรอะ    เออๆ ช่างมันเถอะ   พี่ไปก่อนนะ”   ฮันกยองรีบพูดแล้วรีบไป   ไม่อยากเสียเวลาให้มากความ   แค่นี้ก็กระวนกระวายจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

    “ซีวอน”   เสียงหวานๆ เรียกเพื่อนสนิทให้หันมาหลังจากร่างสูงที่นั่งข้างๆ นั้นมัวแต่มองดูเมนูอาหารเพลิน

    “ครับ?”

    “ด๊องปวดฉี่”

    ซีวอนหลุดหัวเราะคิกคัก  

    “แล้วด๊องมาบอกผมทำไม”   ว่าแล้วก็ขำต่อ

    “ไม่มีอะไรนี่  ด๊องแค่จะให้ซีวอนไปฉี่แทนด๊อง”

    “หา”   ซีวอนหน้าเหวอ

    “คิๆ  ล้อเล่น   มุกน่ะมุก”   คนสวยหัวเราะเสียงใสแล้วลุกออกไปเข้าห้องน้ำด้วยรอยยิ้ม    คนตัวใหญ่มองตามเพื่อนชายร่างบางไปจนลับตาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางสเตจเล็กๆ นั่นอีกรอบ    ปรากฏภาพของนักร้องนำคนก่อนที่มาแย่งชิงหัวใจของเขาไป  

    ชินดงฮี   คนที่มาแย่งฮีซอลไปจากเขา ...

    ความทรงจำเก่าๆ เริ่มกลับมาทำร้ายหัวใจที่บอบช้ำอีกครา

    ทางด้านดงเฮที่เดินมาตามรายทางหินหยาบที่โรยไว้อย่างสวยงามมองนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย   โดยเฉพาะกล้วยไม้สีขาวที่แขวนไว้บนราวไม้อันสวยเกินละสายตา

    พลั่ก !!~

    ร่างบางเสียหลักทันทีที่ปะทะกับอกแข็งแรงของใครบางคน   เป็นคนบอบบางเสียเองที่จะล้มคว่ำไปข้างหลัง   ถ้าอีกฝ่ายที่ถูกเขาชนไม่คว้าร่างตนเอาไว้

    เพียงเสี้ยววินาทีที่วงแขนแกร่งตวัดร่างบางเข้ามาหา   ดงเฮไม่รู้ตัวว่ามันเป็นไปด้วยท่าทางไหน   หากแต่ ณ ปัจจุบันแผ่นหลังเล็กๆ กำลังชนกับกำแพงเย็นเฉียบ   เอวคอดมีวงแขนหนาโอบรัด    ส่วนข้อมือบางที่เมื่อครู่ถูกดึงไว้นั้นโดนรัดไว้ด้วยมือซ้ายของคนที่สูงกว่า

    “ข..ขอบคุณ..”   คนสวยต้องกลืนคำลงท้ายว่า ฮะลงคอไปเมื่อได้สบสายตาคมกริบเบื้องหน้า   ก้อนเหนียวๆ มาจุกอยู่ที่ลำคอจนพูดอะไรไม่ออกเมื่อใบหน้าคมคายอยู่ใกล้กันเพียงแค่อากาศลอดผ่าน   ดงเฮกลัวว่าถ้าเขาขยับแม้เพียงนิดเดียวริมฝีปากหยักหนาที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเรียวปากของตัวเองนั้นอาจจะสัมผัสกันได้

    แขนเล็กขืนตัวเองออกน้อยๆ หมายจะบอกให้ร่างสูงปล่อย   แต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้   ยืนเฉยและใช้สายตาสำรวจองค์ประกอบของดวงหน้าหวานอย่างถือสิทธิ์

    ดวงตากลมโตสีชากะพริบปริบๆ นั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นระคนหวาดกลัว   จมูกโด่งรั้นเป็นสันที่บ่งบอกได้ดีว่าคนตรงหน้าคงแสนดื้อไม่เบา   ผิวแก้มอมชมพูที่รับกับใบหน้าขาว    ริมฝีปากสีหวานที่กำลังเบียดตัวเข้าหากันเหมือนจะแสดงความไม่พอใจที่เขาไม่คืนอิสระให้เสียที

    ร่างแน่งน้อยขืนตัวอีกครั้ง   ทีนี้คนตัวใหญ่กว่าเลยกระชับอ้อมแขนแล้วกระตุกข้อมือบางนั่นให้ดงเฮเงยหน้ามองตน   คนในอ้อมแขนมองเขาตาขุ่นที่ไม่ยอมปล่อยซะที    ร่างสูงเลิกคิ้วใส่ดงเฮอย่างเฉยเมย   ก่อนปลดพันธนาการให้ร่างบางเป็นอิสระ

    “ขอบคุณ !

    ดงเฮกระแทกเสียงใส่ผู้มีพระคุณที่ทำตัวกร่างฉกฉวยร่างกายเขาไว้ครอบครองนานเสียเหลือเกิน   จ้ำอ้าวหนีเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมาให้ความสนใจผู้ชายที่ยังคงยืนมองเขาอีก

    “คนบ้า   กอดอยู่ได้ตั้งนานสองนาน  ฮึ!   เสียงหวานบัดนี้ขุ่นข้นเคืองโกรธคนตัวใหญ่เมื่อกี้อย่างหมั่นไส้   ดงเฮทำธุระในห้องในที่แบ่งให้ไว้เป็นซอยๆ ไป    คนหน้าหวานไม่ชอบที่จะถูกใครต่อใครแอบมองและฉวยโอกาสกับเขาอย่างที่เพื่อนร่างบางคนอื่นๆ เคยเล่าให้ฟังและบอกให้ระวังตัว

    ดงเฮเดินกลับมาที่โต๊ะด้วยสีหน้าบูดๆ   จากที่คิดว่าจะพยายามยิ้มแล้วทำอารมณ์ดีกลับไปกลายเป็นต้องงงแทน   เมื่อคนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะอย่างซีวอนกลับทำหน้าหงิกบอกบุญไม่รับยิ่งกว่าเขาเสียอีก

    “ซีวอน   เป็นอะไรน่ะ   หน้างอเชียว”   เพื่อนคนสวยเอื้อมมือมาบีบแก้มนิดๆ

    “ด๊อง   พวกนักร้องนี่มันยังไงกันนักหนาฮะ   มารยาทไม่มี   แตะนิดแตะหน่อยก็เป็นอันตบ   บ้าชะมัด”

    พอสังเกตดูดีๆ แล้วถึงเห็นรอยฝ่ามือที่แดงเป็นปื้นบนแก้มขาวของซีวอน

    “ไปโดนใครตบมาน่ะซีวอน   เจ็บมากมั๊ย”

    “เจ็บสิถามได้”   เขาหัวฟัดหัวเหวี่ยง   “ด๊อง   ไอ้เด็กนั่นมันหาว่าผมไปจับก้นมันแล้วก็ตบเพี๊ยะมาเลย   ผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยนะ!

    “อ้าว”

    “ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย”  ซีวอนคำรามอย่างเจ็บใจ

    ลูกค้าเริ่มมีมากขึ้นทุกที   โต๊ะอื่นๆ ถูกจับจองจนไม่เหลือที่ว่างอีกแล้ว   ดงเฮกับซีวอนทานอาหารรอฮันกยองกับฮยอกแจพลางคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย   ในที่สุดร่างเล็กก็ได้รู้สักทีว่าบุคคลที่ซีวอนผูกใจเจ็บเป็นนักร้องนำของวงดนตรีวงใหม่ที่มีชื่อเสียงมากในหมู่วัยรุ่นแถบนี้เมื่อชายร่างสมส่วนปรากฏกายขึ้นบนสเตจด้วยมาดน่ารักและขี้เล่นอย่างมีเสน่ห์

    “ชั้นบอกแล้วว่าวงนี้สาวมันกรี๊ด”  

    ฮยอกแจเอ่ยเมื่อร่างบนสเตจโค้งศีรษะแล้วส่งยิ้ม   ประกาศชื่อว่าตนคือคยูฮยอนนักร้องนำ   ดงเฮแอบเห็นว่าซีวอนปั้นหน้ายุ่งอย่างไม่สบอารมณ์ในเด็กหนุ่มคนนี้เอามากๆ 

    คนหน้าหวานไม่ได้ใส่ใจอะไร   แต่พอคยูฮยอนแนะนำมือเบสที่เพิ่งเดินเข้ามาเขาก็ต้องเบิกตาโต

    “เบสสุดเท่ของเรา   คิมคิบอม !~

    เพียงแค่ร่างสูงเผยรอยยิ้มนิดๆ ก็ทำเอาร้านแทบถล่ม   ฮันกยองยิ้มอย่างพอใจที่นักดนตรีคนใหม่พวกนี้มีแววว่าจะเรียกกำไรเข้าร้านได้มากโข

    “เสียงกรี๊ดดังจังเลยนะครับ   คยูกี้ชักจะน้อยใจซะแล้วสิ”

    คยูฮยอนทำอ้อนระหว่างที่คิบอมเตรียมซาวด์ของเขาไป   เสียงกรี๊ดกระหึ่มให้อีกครั้งเมื่อเขาทำหน้าแบ๊วแล้วพองลมเต็มแก้ม   ซีวอนนึกเข่นเขี้ยวกับเจ้าเด็กหลายหน้านี่นักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

    “แล้วก็กีตาร์จอมแบ๊วของผม   ซองมินนี่ !~

    คราวนี้ไม่ใช่เสียงกรี๊ดระงม   หากแต่เป็นเสียงวี๊ดๆ ของเด็กสาวที่ร้องให้กับความน่ารักของเด็กหนุ่มร่างอวบที่คงจะอายุน้อยที่สุดในบรรดาสามคนนี้

    “สวัสดีฮะ”   กระต่ายตัวเล็กทำเป็นแย่งไมค์ของคยูฮยอนแล้วเอาไปพูดด้วยท่าทางที่เห็นแล้วน่าขย้ำ   คยูฮยอนบิดแก้มซองมินอย่างเข่นเขี้ยวจนพวกเด็กสาวร้องเสียงหลง   เหมือนกับนี่เป็นเวทีคอนเสิร์ตของ Super Junior ก็ไม่ปาน

    “วงของเราชื่อว่า Rock Kiss  นะครับ   ยังไง...  ก็ฝากตัวกับหัวใจไว้ด้วยนะครับ”

    เจ้าคนครองไมค์พูดแล้วส่งจูบอย่างมั่นใจในดีกรีความหล่อของตัวเอง   ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่คาดไว้เพราะกระแสตอบรับมันดีซะเหลือเกิน  

    “ฟังเพลงผมไปสั่งอาหารไปมันเพลินดีนะครับ   อ๊ะๆ  แต่อย่าสั่งคยูฮยอนผัดเผ็ดหรือคิบอมอบวุ้นเส้นนะครับ   เพราะพวกผมให้จะให้คุณกินแบบเพียวๆ ทั้งตัว   รับรองอร่อยไปถึงใจเลยล่ะ”

    น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ปนออดอ้อนใส่ลูกไม้อย่างน่ารัก   ซีวอนกระตุกยิ้มมุมปากด้วยท่าทางของราชสีห์พบอาหารอันโอชารส   คล้ายจะอยากลิ้มลองรสชาติของเมนูคยูฮยอนแบบเพียวๆ ตามที่เจ้าของเรือนร่างบรรยายสรรพคุณตัวเองซะแล้วสิ

    “เหอะๆ  เจ้าพวกนี้คงจะเกิดไปอีกนาน   รู้จักคิดแล้วพูดซะด้วย”

    “อะโห   พี่ฮันที่ไม่เคยชมใครออกปากเทิดทูนเด็กพวกนี้ขนาดนี้แปลว่าอนาคตไกลแหงมๆ”  ดงเฮหยอกเอิน   หลังอึ้งๆ ไปกับเจ้าคนหน้าตายบนสเตจนั่นอยู่พักใหญ่

    เพลงเปิดตัวแรกพวกเขาใช้เพลงของ Super Junior K.R.Y. ในการแสดง   เสียงของนักร้องนำกังวาน  ไพเราะและนุ่มหูและมีเสน่ห์จนไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย   กีตาร์หวานๆ ที่บรรเลงคลอโดยมีเสียงคอรัสของซองมินมันยิ่งทำให้เพลงนี้รื่นหูขึ้นไปอีก   เสียงเข้มๆ ของร่างสูงที่เล่นเบสนั้นคอยหนุนเสียงของคยูฮยอนในท่อนสูงได้อย่างแนบเนียนจนเพลงๆ นี้เพอร์เฟ็คต์เกินคาด

    ลีดงเฮปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่อาจละสายตาไปจากร่างสูงของคิมคิบอมได้เลย   เป็นครั้งแรกที่เห็นว่านักดนตรีใช้นิ้วเกาสายเบสในการเล่น   ดวงตาคมคายที่บางครั้งละจากเครื่องดนตรีมามองผู้คนโดยรอบแล้วสะดุดสายตาลงที่เขานั้นมันทำให้ใจดวงน้อยๆ ถึงกับสั่น   ยิ่งคิบอมไม่เบือนสายตาหนีแต่กลับจ้องมองมามันก็ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว

    เด็กบ้านั่นมันอายุเท่าไหร่กันถึงได้กล้ามามองผมด้วยสายตาแบบนี้

    “ด๊อง   ทานกุ้งสิครับ”  

    เสียงของซีวอนปลุกดงเฮออกจากภวังค์แห่งเกมส์จ้องตา   ร่างบางอ้าปากทานอาหารจากช้อนมันเงาที่ยื่นมาอย่างเคยชินที่ซีวอนมักจะดูแลประจำแบบนี้เสมอ  

    “อร่อยมั๊ย”

    “อื้ม  อร่อยสิ”   เขาตอบร่างสูงที่ยิ้มมา

    “หน็อย   ถามมาได้ว่าอร่อยมั๊ย   ก็ต้องอร่อยสิวะ   ร้านชั้นนี่”    เจ้าของร้านตัวเล็กแหวทันที   ดงเฮกับซีวอนพร้อมใจหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะอย่างชอบใจ

    ดวงหน้าหวานเบือนสายตาไปมองทางสเตจที่มือกลองของทางร้านเริ่มรัวจังหวะหนักๆ เปลี่ยนเพลงใหม่อีกครั้งแล้วก็ต้องสะดุดอารมณ์เมื่อเจ้าเด็กที่เล่นเบสคนนั้นยังคงใช้สายตาคมกริบจ้องมาที่เขาเหมือนเดิมไม่ละไปไหน   แต่ดงเฮเพิ่งสังเกตเห็นว่าคยูฮยอนก็เหลือบมองมาทางโต๊ะของเขาบ่อยๆ เช่นกัน

    สายตาหาเรื่องนั้นเหมือนจะท้าทายเขาอย่างบอกไม่ถูก   ดงเฮอมลมเข้าแก้มอย่างไม่พอใจกับเด็กตัวโตที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแต่ริมาจ้องสู้กับเขา   ทว่าท่าทางน่ารักนั่นทำให้คนหน้านิ่งบนสเตจต้องเผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมาจนได้

    พอเขายิ้มแล้ว...   น่ารักแฮะ

    “เพลงต่อไปนี้เป็นเพลงโปรดของมือเบสสุดเท่ของเรานะครับ   แต่ว่า...   ผมอยากจะได้นักร้องมาร้องคู่กับมันสักคน”   คยูฮยอนยิ้มโปรยเสน่ห์   “ว่าไงคิบอม   นายสนใจคนไหน”

    เหมือนจะเป็นการขโมยหัวใจลูกค้าสาวๆ และอุเคะคนอื่นๆ ซะแล้วเมื่อคยูฮยอนเปิดทางให้คิบอมมองหาคนถูกใจ

    แต่แล้วเรื่องน่าตกใจก็เกิดขึ้น   เมื่อร่างสูงคนนั้นมองมาที่ดวงหน้าหวานของใครบางคนที่จ้องอยู่นาน

    “ดงเฮ”

    เจ้าของชื่อถึงกับหน้าเหวอเมื่อเจ้าเด็กนั่นรู้จักชื่อเขา   ฮันกยองกับฮยอกแจก็คะยั้นคะยอให้เขาขึ้นไปร้องเพลงคู่กับเจ้าเด็กนั่น   ผิดกับซีวอนที่พูดกรอกหูว่าอย่าไปยุ่งกับเจ้าพวกนั้นจะดีกว่า

    ดงเฮกำลังจะสั่นหน้าเพื่อปฏิเสธ   ทว่ารอยยิ้มที่เย้ยหยันจากคิบอมมันแสดงออกชัดเจนว่าดูถูกความสามารถของเขานั้นมันก็ไม่อาจทำใจให้ไม่ใส่ใจได้  

    ไอ้เด็กบ้า   อย่ามายิ้มแบบนั้นนะ !!!

    ร่างบางตัดสินใจเดินขึ้นไปคว้าไมค์จากคยูฮยอนพร้อมสายตาที่ไม่เป็นมิตรจากเด็กสาวและเคะคนอื่นๆ

    Way back into love  นะครับ”

    คยูฮยอนกระซิบบอกแล้วกางเนื้อให้บนขาตั้งโน้ตเพลง   ดงเฮถึงกับต้องประหลาดใจเมื่อเพลงโปรดของเขาก็เป็นเพลงที่คิบอมชอบด้วยเหมือนกัน  

    ดวงตากลมโตสีชาตวัดไปมองคิบอมที่จ้องมาทางเขาอยู่ก่อนแล้ว   ดงเฮกัดฟันพูดประมาณว่าไอ้เด็กบ้าให้อย่างหมั่นไส้   แต่เด็กตัวโตก็ไม่สะทกสะท้านอะไรนอกจากยิ้มมุมปากมาให้เหมือนเดิม

    คิบอมก้าวมานั่งบนเก้าอี้ขาเดี่ยวตัวยาวคู่กับร่างบาง   ขณะเดียวกันคยูฮยอนผันตัวกลับไปยืนแทนที่คิบอมแล้วจรดนิ้วเรียวลงบนคีบอร์ดเป็นเมโลดี้ของทำนองเพลงหวานขึ้นอย่างช้าๆ  ลดทำนองให้เร็วน้อยกว่าต้นฉบับเพื่อให้ฟังแล้วเกิดความเพลิดเพลินและอบอุ่นใจ

     

     

    I've been living with a shadow overhead
    I've been sleeping with a cloud above my bed
    I've been lonely for so long
    Trapped in the past, I just can't seem to move on


     

    เป็นเสียงหวานของดงเฮที่เริ่มต้นขับร้องก่อน   จากที่ไม่ชอบใจในตอนแรกผู้ฟังก็ค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติแล้วตั้งใจฟังความไพเราะในบทเพลงหวานๆ นี้แทน  

    ร่างสูงที่นั่งข้างๆ เบือนเสี้ยวหน้ามามองคนหน้าหวานด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก   คิบอมแอบลอบยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของดงเฮอินไปกับบทเพลงความหมายลึกซึ้งนี้   เสน่ห์ความหวานและน่ารักของร่างบางถูกถ่ายทอดออกมาจนหัวใจที่เคยสงบนิ่งเริ่มสั่นไหว

     


    I've been hiding all my hopes and dreams away
    Just in case I ever need em again someday
    I've been setting aside time
    To clear a little space in the corners of my mind


     

    เสียงเข้มที่แข็งอยู่เป็นนิตย์ถูกปรับให้นุ่มนวล  บางเบาและชวนค้นหาอย่างบอกไม่ถูก   ดงเฮอดไม่ได้ที่จะลอบมองใบหน้าคมคายที่กำลังเปล่งเสียงอบอุ่นให้ครอบคลุมโสตประสาทจนเริ่มรู้สึกหวั่นไหว    รู้สึกเหมือนดั่งถูกมนต์สะกดหยุดสายตาให้คอยมองแต่คนๆ นี้คนเดียว

     


    All I want to do is find a way back into love
    I can't make it through without a way back into love
    Oh oh oh


     

    ราวกับอยู่ในห้วงแห่งความรัก   เสียงหวานที่นุ่มนวลนั้นรับกับเสียงทุ้มที่อ่อนโยนจนเหมือนกับทั้งคู่ใช้ความรู้สึกเดียวกันในการถ่ายทอดบทเพลง   ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ทั้งคู่เบือนหน้ามาสบตาแล้วส่งรอยยิ้มเล็กๆ ให้กัน   เมื่อคิบอมผ่อนเสียงหนักๆ ดงเฮจะคลอเสียงหวาน    ยามเสียงหวานต้องร้องขึ้นสูงคิบอมจะคลอเสียงนุ่มไม่ให้มันดูห้วนจนเกินไป   ประสานจังหวะและทำนองได้อย่างลงตัว   รื่นหูเสียจนคนฟังตบมือกราวเมื่อเพลงจบลงอย่างงดงาม   นักร้องทั้งสองหันมายิ้มกว้างให้กันอย่างลืมตัว  

    ลืมไปว่าเมื่อกี้เพิ่งจะค้อนใส่อีกฝ่าย 

    ลืมไปว่าเพิ่งจะทำเฉยเมย  

    มันลืมไปหมดเพียงแค่คนข้างๆ หันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน

     


    I've been watching but the stars refuse to shine
    I've been searching but I just don't see the signs
    I know that it's out there
    There's got to be something for my soul somewhere

     


    I've been looking for someone to shed some light
    Not somebody just to get me through the night


     

    All I want to do is find a way back into love
    I can't make it through without a way back into love
    And if I open my heart again
    I guess I'm hoping you'll be there for me in the end
    oh, oh, oh, oh, oh

     

     

    “ไอ้สองคนนี้มันน่าจะไปเป็นนักร้องดูโอแข่งกับซุปเปอร์จูเนียร์   ดงบังชินกิ  แล้วก็โซนยอชิแด”    ฮันกยองพึมพำ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากไปทานอาหารร้านฮันฮยอกมาสามวันติดเงินในกระเป๋าดงเฮก็เริ่มร่อยหรอ   แม้เจ้าของโรงแรมอย่างซีวอนจะขอจ่ายเองทั้งหมดร่างบางก็ไม่ยอม  

    “กินแกลบแน่ๆ เลยชั้น”

    “สมน้ำหน้า   บอกแล้วอย่าเที่ยวเยอะ” 

    “เรียวอุคอ่า   อย่าตอกย้ำกันแบบนี้สิ”

    “ก็จะพูดอ่ะ   ไปๆ  ไปกินข้าวกัน   มื้อนี้เลี้ยง”

    “จริงนะ !  ดงเฮตาโต

    “จริงยิ่งกว่าจริง”

    สองวันมาแล้วที่ดงเฮไม่ได้ไปร้านฮันฮยอก   สาเหตุเพราะอะไรนั้นคงไม่ต้องบอก   แต่สำหรับซีวอน...   รายนั้นไปทุกวัน   ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือร้านปิดแล้วถึงจะกลับนั่นแหละ

    ดงเฮพยายามล้อเลียนเจ้าเพื่อนตัวโตที่หมั่นไปหานักร้องนำหน้าทะเล้นอยู่บ่อยๆ   แต่ก็ไม่ได้ความว่าซีวอนจะเขินอายหรืออะไรเหมือนตอนที่เคยไปจีบฮีซอล   ร่างบางจึงล้มเลิกการกลั่นแกล้งไป

     

    [ Unknown  ::  Calling ]

     

    “สวัสดีฮะ”  

    “อืม” 

    ปลายสายที่ตอบกลับมาเรียบๆ ทำเอาดงเฮเลิกคิ้ว   แต่รออีกฝ่ายพูดอยู่นานเขาก็ไม่พูดอะไรจึงต้องทำลายความเงียบ

    “นั่นใครฮะ   ลูกค้าท่านไหนของลีดงเฮหรือเปล่าเอ่ย”   พีอาร์หนุ่มน่ารักยังคงมีมนุษยสัมพันธ์ดีเสมอ

    “ใช่.. ครับ”   คนในสายมีน้ำเสียงเหมือนไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง   แต่ก็ตอบรับว่าใช่

    “คุณอะไรครับ   ผมจะได้เรียนสายได้ถูก”

    “คิมคิบอม”   เสียงแข็งๆ เอ่ย   ดงเฮต้องไม่รู้แน่ว่าตอนนี้เขากำลังพยายามกลั้นยิ้มยังไง

    “คิมคิบอม?   เอ๊ะ..   นาย  นาย!!!   ดงเฮร้องเสียงหลงจนอีกฝ่ายต้องยกมือถือให้ห่างจากหูแล้วกรอกเสียงห้วนๆ กลับมา

    “จะแหกปากทำไมก็คุยกันอยู่แค่นี้”

    “นายไปเอาเบอร์ชั้นมาจากไหนไอ้เด็กบ้า !~

    “ขูดมาจากเสาบ้านมั้ง   คนโง่”

    “อย่ามาว่าชั้นนะ!   ชั้นโตกว่านายนะ   นายต้องเคารพชั้นสิ”   คนมีอายุมากกว่าแหวอย่างไม่พอใจ

    “แก่กว่าน่ะสิไม่ว่า   แค่ปีสองปีเอง”

    “ชั้นโตกว่าไม่ใช่แก่กว่า   เด็กบ้า   ปีสองปีก็ต้องนับ   นายอายุเท่าไหร่”  

    “21”   เขาตอบกลับมาเรียบๆ  อยากรู้นักว่าคนหน้าหวานนี่จะทำตลกอะไรให้เขาแอบยิ้มอีก

    “หนึ่ง  สอง  สาม  สี่”   เสียงหวานพึมพำ   คิบอมเดาออกว่าอีกฝ่ายต้องกำลังนับนิ้วอยู่แน่ๆ   น่ารักได้อีกนะดงเฮ

    “สี่ปี !   ชั้น 25 แล้วนะ   นายต้องเรียกชั้นว่าฮยองด้วยซ้ำ !

    “ไม่เรียก”  เจ้าคนเด็กกว่าตอบกลับมาหน้าตาย

    “เอ๊ะ !!   คนสวยขึ้นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์

    “เคยทำตัวให้น่าเรียกฮยองมั๊ยล่ะ   ไม่มีผู้ใหญ่ที่ไหนเค้าพูดจิกคนอื่นแบบนี้หรอก   แล้วก็ไม่ทำหน้าพองๆ ตอนโกรธคนอื่นด้วย”

    “ชั้นไปทำแบบนั้นเมื่อไหร่กันฮะ !

    “ทุกเมื่อนั่นแหละ”

    “คิบอม!

    “ครับๆ”   ร่างสูงรับคำด้วยเสียงเรียบๆ ที่พยายามข่มหัวเราะอย่างถึงที่สุด

    “ชิส์   ชั้นไม่อยากคุยกับนายแล้ว”

    “ไม่อยากคุยก็วางไปสิ”  

    คิบอมคงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดแค่กลบเกลื่อนความพ่ายแพ้ที่เถียงไม่ชนะ   กล่าวออกไปทันทีด้วยเสียงแข็งๆ ที่ฟังแล้วมันน่าน้อยใจที่อีกฝ่ายผลักไสไล่ส่งให้ตนวางโทรศัพท์

    “...”

    “...”

    ติ๊ด !~

    ดงเฮเบะปากทันทีที่กดตัดสาย   ดวงตากลมๆ มีประกายตัดพ้ออีกคนอย่างเห็นได้ชัด

    เด็กบ้า   ไม่เคยเห็นเด็กคนไหนใจร้ายแบบนี้มาก่อนเลย   บ้าที่สุด

    ทางด้านของคนใจร้ายก็ได้แต่มองเครื่องมือสื่อสารด้วยสายตาเย็นชาอ่านไม่ออก   คยูฮยอนที่วกกลับเข้ามาในห้องเตรียมตัวของนักดนตรีอีกครั้งเอ่ยทักคิบอมเมื่อเห็นเพื่อนตัวใหญ่ของเขาแผ่รังสีเย็นๆ ออกมาอีกหลังจากไม่ได้รู้สึกถึงมาสามสี่วัน

    “คิบอม   เป็นอะไรไปน่ะ”

    คิบอมไม่คิดจะเล่าให้คยูฮยอนฟัง   แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะพูดเมื่อเพื่อนคนนี้เข้าใจจิตใจคนอื่นดีจนน่าอิจฉา   ไม่เหมือนเขาที่ค่อนข้างซื่อบื้อกับความรู้สึกของคนอื่น

    “แล้วนายไปพูดแบบนั้นกับเค้าทำไม   เป็นใครใครก็น้อยใจกันทั้งนั้นแหละ”

    “น้อยใจ?”

    “อือ   นายจะจีบเค้าไม่ใช่เหรอ   ต้องอ่อนโยนสิไม่ใช่แข็งกระด้าง”

    “ก็แล้วมันยังไง   ไอ้อ่อนโยนของนายน่ะ”

    “พูดหวานๆ   ครับๆๆ   แล้วก็ไม่ตัดเยื่อใยแบบที่นายทำด้วย”

    “แล้วชั้นต้องทำยังไง”

    “ก็โทรไปขอโทษเค้าสิ   บอกไปว่าไม่ได้ตั้งใจพูดให้คิดมากก็ได้”

    “แล้วถ้าเค้า...”

    “อย่าเพิ่งมาแล้วถ้าๆ แถวนี้หากยังไม่ได้ลอง   ชั้นไปนะ   เพลงใหม่นี่ร้องยากชะมัด   ให้ดิ้นเถอะ”

    คยูฮยอนเดินออกไปพร้อมเสียงบ่นน้อยๆ   คิบอมชั่งใจมองโทรศัพท์ชั่วครู่แล้วก็ตัดสินใจโทรออกในเบอร์เดิมที่จดจำมาจากโทรศัพท์ของฮันกยอง

     

    [ Unknown  ::  Calling ]

     

    [ Unknown  ::  Calling ]

     

    [ Unknown  ::  Calling ]

     

    [ Unknown  ::  Calling ]

     

    [ Unknown  ::  Calling ]

     

    [ Unknown  ::  Calling ]

     

    [  6 Miss Call  ::  Unknown  ]

     

     

    เพราะกลัวว่าจะเป็นคนๆ เดิมดงเฮเลยเลือกที่จะไม่รับแล้วหันไปทำงานอย่างอื่นแทน   แต่เหมือนคนโทรก็มีความพยายามอันสูงส่งเสียเหลือเกิน   พอ Miss Call มาเป็นสายที่ 12 เท่านั้นแหละเขาจึงกดรับ

    “...”

    “...”

    พอไม่ได้เอ่ยรับอีกฝ่ายก็ยิ่งนิ่งเงียบ

    “ทำไมไม่พูด”

    “ไม่มีอะไรจะพูด”   ดงเฮเอ่ยกลับอย่างชักช้าด้วยน้ำเสียงที่เรียบตึง

    “ขอโทษ”

    ดวงตากลมๆ เบิกกว้างแล้วกะพริบปริบๆ อย่างน่ารัก 

    “เรื่องอะไร?”

    “เรื่องเมื่อกี้    บอกว่ายกโทษให้ด้วยสิ” 

    เอ๊ะ !?

    คนสวยต้องร้องในใจเมื่ออีกฝ่ายบอกมาอย่างนั้น   แต่แล้วดงเฮก็เผยรอยยิ้มหวานๆ ออกมาจนได้

    “ชั้นยกโทษให้   แต่นายต้องเรียกชั้นว่าฮยองนะ”

    “ไม่   ...ผมไม่อยากได้คุณมาเป็นพี่ชาย”

    “เอ๊ะ”   ดงเฮเสียงสูงใส่เจ้าเด็กจอมกวนอารมณ์เขาให้ปั่นป่วนอีกครั้ง

    “ทำไม   มีชั้นเป็นพี่ชายมันเสียหายมากนักหรือไง”

    “ไม่เสียหาย   แต่อยากเป็นอย่างอื่น”   คำพูดเรียบๆ นั่นทำเอาหัวใจดวงน้อยๆ ถึงกับเต้นผิดจังหวะกับเจ้าเด็กที่คิดจะปีนเกลียวพูดสิ่งที่ทำให้เค้าหวั่นไหนและเอนเอียง

    “บ..บ้า”

    คิบอมกระตุกยิ้มมุมปากนิดๆ แล้วต้องอมยิ้มกับภาพในมโนฝันที่คิดว่าดงเฮกำลังเขินอายกับคำเกี้ยวในวิสัยของเขา

    “คืนนี้จะมามั๊ย”

    “มาไหน?   อ๋อ   ร้านพี่ฮันน่ะเหรอ”

    “อือ”

    “ไม่มีตังค์แล้ว   ต้องรอสิ้นเดือน”

    ไม่รู้จะบอกให้อีกฝ่ายรอตนเพื่อเป็นความหวังไปทำไม   แต่มันก็พูดออกไปแล้วนี่นา

    “เป็นเพื่อนคุณฮันฮยอกไม่ใช่เหรอ   เพื่อนประสาอะไรไม่มีตังค์กินร้านเพื่อน”   คิบอมเรียกชื่อหุ้นส่วนทั้งสองตามชื่อร้าน

    “ต้องรู้จักเกรงใจคนอื่นเค้าสิ   ถ้าพี่ฮันกับพี่ฮยอกเลี้ยงอาหารเพื่อนก็ไม่ต้องไปเลี้ยงเพื่อนทุกคนเลยเหรอ   ร้านอาหารน่ะงานพี่เค้านะไม่ใช่เล่นขายของ   ถึงจะได้เที่ยวแจกจ่ายให้ใครก็ได้ที่พอใจ”  นี่ล่ะมั๊งสิ่งที่คนโตกว่ามักมีต่างจากเด็กทั่วๆ ไป   คือวุฒิภาวะที่รู้จักคิดและตรึกตรองมากกว่านั่นเอง

    “โอเคๆๆ   เกรงใจก็เกรงใจ”

    “แล้วตกลงนายโทรมาเพราะเรื่องแค่นี้น่ะนะ?”

    “จะเอาแค่ไหนล่ะ” 

    “ชิ  คนบ้า”   เสียงหวานร้องอุบอิบ

    “มาสิ”    คิบอมบอกเรียบๆ

    “หืม?”

    “มาสิ   อยากให้มา”

    ดวงตากลมๆ ต้องเบิกกว้างอีกจนนับไม่ถ้วยแล้วกับนิสัยแปลกของๆ เด็กแก่แดดที่ชวนให้ใจเต้นเป็นจังหวะแทงโก้

    “ทำไมต้องไปล่ะ”

    “อยากเห็นหน้า”

    “-///-”

    ผมกำลังถูกเด็กจีบเหรอเนี่ย   ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวเองอ่อนหัดต่อเรื่องพวกนี้จังนะ  เจ้าเด็กคิบอม...

    “ขอคิดดูก่อนแล้วกัน”

     

     

    ทั้งที่บอกว่าขอคิด            ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ    แต่ตอนเย็นดงเฮก็ร่อนไปเคาะประตูห้องทำงานของเพื่อนคนสนิทโดยที่ซีวอนไม่ต้องเดินลงมาหาเองซะด้วยซ้ำ   ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ควงแขนประธานโรงแรมออกไปด้วยท่าทางดี๊ด๊าอย่างลืมตัวเสียนี่

    หรือคนแก่จะปล่อยสาว(?) ก็คราวนี้กันนะ ...

    “ไหนบอกขอคิดดูก่อน   คิดดีแล้วหรือไง”

    เพิ่งนั่งพักเหนื่อยจากการทำงานได้ไม่ทันไรเจ้าเด็กวุ่นจุ้นหัวใจก็โผล่มาทักทายด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่กัดจิกอยู่เต็มประดา   ซีวอนเดินหนีไปหลังสเตจตั้งแต่พวกเขามาถึงเลยยิ่งเป็นการสบโอกาสให้คิบอมเข้ามาปั่นหัว

    ร่างสูงนั่งลงตรงข้ามด้วยท่าทางอาดๆ แล้วย้ำคำถามเดิมจนคนสวยต้องยอมตอบ

    “ไม่ได้ตั้งใจจะมานักหรอก   ซีวอนชวนชั้นมา   ชั้นปฏิเสธเค้าไม่ได้”   ดวงหน้าหวานเชิดรั้นใส่

    “หึๆ   เจ้าคนขี้โกหก”

    “ชั้นไม่ได้โกหก!  นายอย่ามาพูดแบบนี้กับชั้นนะคิมคิบอม”   คนมีวัยวุฒิมากกว่าจิกเสียงใส่อย่างไม่พอใจ  แต่เจ้าเด็กที่คิดจะปีนเกลียวนั่นก็ไม่ได้ยี่หระ  คว้าร่างบางผลุนผันออกจากร้านไปไม่ให้เจ้าตัวปฏิเสธได้

    “นายพาชั้นมาที่นี่ทำไม   ชั้นจะกลับ”

    ดงเฮพูดเสียงขุ่นแล้วสะบัดมือหนี   ร่างกายมันทำงานไม่สัมพันธ์กับใจที่ต้องการหนีจากผู้ชายคนนี้   ร่างแน่งน้อยปลิวลมมากับเจ้าเด็กตัวโตอย่างง่ายดาย

    “ชอบดูหนังมั๊ย”   คิบอมเปลี่ยนเรื่องหน้าเป็น   ดงเฮไม่ตอบแต่เชิดหน้าหนีไปอีกทางให้รู้ว่าไม่พอใจ   ถูกลากมาที่ห้างสรรพสินค้ายังไม่พอ   กลับถูกเมินด้วยการเปลี่ยนเรื่องพูดอีก

    “ไม่ตอบถือว่าชอบนะ”

    คิบอมไม่ฟังคำทัดทานและแรงดิ้นประท้วง   ลากอีกคนที่แรงน้อยไปซื้อตั๋วด้วยกัน   แม้ร่างบางจะทั้งฉุดกระชากลากถูตนเองออกจากเขา   แต่ก็ไม่สารถหนีพ้นแรงควายของคิบอมได้

    ชิ!!!   ไอ้เด็กบ้า   ทำแบบนี้กับชั้นได้ยังไง!~

    ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรืออีกคนอ่านใจของเขาออกว่าสนใจหนังประเภทไหนถึงได้จงใจเลือกเรื่อง Harry Potter and the Deathly Hallows   แม้ทิฐิจะค้ำคอแต่ความชอบ+คลั่งไคล้ส่วนตัวก็เป็นฝ่ายชนะ   จากที่คิดว่าคงจะไม่ได้ดูเรื่องนี้เพราะไม่มีเพื่อนว่างมาด้วยกันก็ต้องเลิกดื้อกับคิบอมอย่างเนียนๆ แล้วทำนิ่งยอมรออีกฝ่ายซื้อตั๋วหนังแต่โดยดี

    เด็กแก่แดดริปีนเกลียวแอบยิ้มขำทุกครั้งที่มองเห็นใบหน้าใคร่รู้ที่จ้องอ่านพรีวิวภาพยนตร์ต่างๆ อย่างสนอกสนใจ  

    “ไปได้แล้ว”   เสียงหนาทำแข็งใส่แล้วทำท่าจะดึงมือเล็กให้เดินไปด้วยกันทว่าดงเฮชักกลับมาเสียก่อนอย่างรู้แกว

    “ชั้นเดินเองได้น่า”

    “เดี๋ยว”  เสียงแข็งร้องให้หยุด  “มาจับนี่  เดี๋ยวก็ได้หลงหรอก”

    “นายจะบ้าเหรอ   นายต่างหากที่จะหลง   ประสาท”   เหมือนเจ้าคนแก่กว่าจะยังไม่เข้าใจความหมายที่ร่างสูงหมายความถึง   เดินลิ่วๆ เข้าผ่านประตูมืดๆ ไปกับฝูงชนด้วยความไวเนื่องจากอาการงอนแล้วพาลที่คิบอมมาทำเหมือนตนเป็นเด็กทั้งที่แก่กว่าถึงสี่ปี

    ปกติร่างบางจะไปดูหนังกับซีวอนหรือไม่ก็เรียวอุค   ทว่าตอนนี้มีแค่เขาเพียงลำพังที่ถูกเบียดอยู่ในหมู่คนที่แออัดจนรู้สึกครั่นใจ   ดงเฮไม่ชอบการอยู่ในหมู่คนมากๆ แต่ไหนแต่ไร  พอเจอสถานการณ์แบบนี้ส่วนลึกเลยสั่งให้ใช้สายตามองหาใครอีกคนฝ่าความมืดอย่างต้องการที่พึ่ง

    “บอกว่าให้จับมือก็ไม่เชื่อ”

    เสียงแข็งที่คุ้นเคยนั้นร้องดุ   ดงเฮที่แทบจะเบะปากร้องไห้ต้องผ่อนหายใจอย่างใจชื้นทันทีที่รับรู้ได้ถึงความปลอดภัยจากคนข้างกาย

    คิบอมจับร่างเล็กให้มาอยู่ในอ้อมกอดแล้วเป็นฝ่ายรับแรงกระแทกจากคนด้านหลังที่กรูกันเดินเข้ามา  อกแข็งๆ แต่ดูอบอุ่นของคิบอมที่ร่างบางได้สัมผัสมันชวนใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก  ดงเฮออกอาการเขินจนคิบอมรับรู้ได้ถึงความอาย   รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นในความมืดอย่างพอใจ

    ตลอดช่วงพรีวิวของหนังตัวอย่างดงเฮแทบจะไม่ได้สนใจทั้งที่ปกติไม่เคยพลาด   หัวใจดวงน้อยยังเต้นตุบๆ เพราะสัมผัสที่มือของร่างสูงยังกุมแน่นอยู่กับเขาไม่ปล่อย   แล้วไหนจะยังความอบอุ่นใจจากคิบอมเมื่อครู่ที่ฝังแน่นนั่นอีก

    เจ้าเด็กนี่กำลังทำให้ผมใจสั่น

    คนอ่อนไหวร้องไห้ตอนที่อาจารย์สอนปรุงยาในหนังถูกปลิดชีพ   อยากจะยกมือขวามาซับน้ำตาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะยังถูกจับไว้ไม่ปล่อย   พอใช้มือซ้ายมาป้ายออกคนข้างตัวถึงได้รู้ว่าเขากำลังซับน้ำตา

    “คนแก่ขี้แย”  คิบอมร้องแซวด้วยน้ำเสียงขบขัน  เขาหัวเราะหึๆ ในลำคอ

    “ก็ชั้นสงสาร   นึกว่าเป็นคนไม่ดีอยู่ตั้งนาน”

    “เดี๋ยวตาก็ช้ำหมดหรอก  คนอะไรร้องไห้ง่ายชะมัด”  

    “มันเศร้าจริงๆ นี่   เมื่อกี้ด๊อบบี้ก็ตาย T^T

    คิบอมหันมามองดวงตาหวานที่จ้องจะค้อนให้เขาเสมอพร้อมรอยยิ้มเอ็นดูปรากฏที่มุมปาก   เอื้อมมือข้างที่ไม่ได้กุมมืออีกฝ่ายไปป้ายหยดน้ำใสออกให้เบาๆ

    ดงเฮชะงักหนีไปนิดหนึ่งแต่ก็ยอมอยู่เฉยให้คิบอมยุ่งกับหน้าตาของเขา   นิ้วโป้งเกลี่ยเข้าที่แก้มขาวเบาๆ แทนคำปลอบโยนที่เขาตั้งใจจะสื่อความ

    ดวงตาคู่หวานกะพริบปริบๆ แลน่ารักน่าชังเมื่อคิบอมเผลอยื่นใบหน้าคมคายเข้ามาใกล้   แสงสว่างรำไรจากจอภาพยนตร์อาจเป็นสิ่งที่ทำให้ร่างสูงเผลอไผลทำสิ่งที่ใจปรารถนา   หน้าหวานๆ ตั้งใจจะเบือนหนีเมื่อระยะความห่างเริ่มลดลงทุกที   ทว่าร่างสูงไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น   คิบอมรั้งหน้าอีกฝ่ายไว้นิ่งด้วยการยื่นหน้าไปจูบหน้าผากขาว

    ตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจที่เจ้าเด็กแก่แดดมันจู่โจมเขาไม่ทันให้ตั้งตัว   สมองสั่งให้ร่นกายหนีแล้วชกหน้าไปแรงๆ   แต่ใจมันก็สั่งให้หยุดทุกการเคลื่อนไหวแล้วรอรับสัมผัสแผ่วเบาแต่วาบหวามหัวใจจากคิบอม

    คิบอมไม่ยอมให้ดงเฮได้ทันตรึกตรองถึงสถานการณ์เสี่ยงต่อสภาวะการเต้นของหัวใจได้อีกต่อไป   มือหนาประกบดวงหน้าหวานไว้มั่นอย่างอ่อนโยน   ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตกใจก็เลื่อนหน้าเข้าไปจูบ

    ดวงตากลมเหลือบเหลือกกลอกกลิ้งไปมา   ทั้งที่ตกใจแต่ก็ตื่นเต้นกับจูบร้อนที่สัมผัสหนักหน่วงอยู่บนริมฝีปาก   ร่างบางไม่กล้าทัดท้วงหรือดิ้นหนีนอกจากแช่ร่างทั้งร่างเอาไว้ในก้อนหิน   ปล่อยใจให้ดำเนินไปตามครรลองที่มันต้องการอย่างห้ามและปฏิเสธไม่ได้

    จูบของคิบอมมันทำให้ลืมทุกอย่างไปหมดสิ้นจริงๆ

    พอเขาถอนจูบออกแล้วก็เกิดอาการทำหน้าไม่ถูกขึ้นมาซะอย่างนั้น   คิบอมยิ้มนิดๆ แล้วแลบลิ้นเลียปากเจ่อๆ ของตัวเองอย่างพอใจ   เบือนร่างกลับไปนั่งอย่างเดิมด้วยสีหน้าสุขอกสุขใจ   แต่กับดงเฮมันต่างกันสิ้นดี   การกระทำประเจิดประเจ้อมันส่งผลให้เขาไม่กล้าปริปากพูดสิ่งใดเลยนับจากนั้น   แม้แต่การแอบมองคนข้างๆ ที่อมยิ้มตลอดเวลาก็ยังยากเกินไปที่จะทำ

    คนมันเขินนี่!!!  คิมคิบอม   ไอ้เด็กทะลึ่ง -///-

     

     

     

     

     

    คิบอมกับดงเฮแวะทานอาหารที่ร้านข้างถนนโดยมีเจ้าเด็กตัวโตเป็นเจ้ามือ   ดงเฮพูดแทบจะนับคำได้เพราะยังอับอายไม่หายที่ถูกเจ้าคนหน้านิ่งฉวยโอกาสขโมยจูบ   คิดว่าเขาจะมีท่าทีตะขิดตะขวงใจบ้างที่ทำแบบนั้น   แต่มันก็ไม่   เจ้าเด็กหัวกระเซิงยังคงทำเฉยเหมือนเป็นเรื่องปกติ

    “ก็แค่จูบเอง”   เสียงแข็งตอบมาเรียบๆ

    “มันไม่ใช่แค่จูบนะ   มันเป็นจูบ!   นายจูบชั้น!!!

    พอถามว่าทำแบบนั้นทำไมเท่านั้นก็มีอันต้องทะเลาะ   คิบอมทำเหมือนการจูบกับเข้ามันไม่สำคัญและไม่มีความหมายอะไร

    “ชิ   นายเคยจูบกับใครรึเปล่า”   ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องถาม

    “ไม่”

    “ห..หา”

    ดงเฮไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าสิ่งที่เค้าได้ยินนั้นเป็นความจริง   ก็เท่าที่เห็นน่ะเด็กสมัยนี้มันแรงกันจะตาย   แถมคิบอมเป็นนักดนตรีทำงานตอนกลางคืนแบบนี้ด้วยแล้วก็คงไม่เหลือจูบแรกมา...   มาใช้กับเค้าได้หรอก -///-

    “มัน...  เป็นจูบแรกของนายงั้นเหรอ”   แล้วคนขี้สงสัยก็เก็บความใคร่รู้เอาไว้ไม่อยู่

    “อืม”

    “จริงๆ อ่ะ O_O

    “เออ”   พอเขาชักเสียงห้วนใส่ก็รู้ตัวว่าคิบอมคงรำคาญ   ปากสีแดงหวานยู่อย่างเคืองๆ ที่อีกฝ่ายชอบทำนิ่งแล้วก็เมินที่จะสนใจเขาไปตลอด   กระแทกช้อนกับจานแล้วกอดอกพองอมเบะปากใส่

    “นายไม่ง้อชั้นอ่ะ!  คนถูกง้อประจำแหวใส่   งอนให้ตั้งนานแล้วเจ้าเด็กคิบอมนี่ก็ยังไม่มีท่าทีอะไรเลยสักนิด

    คนต้องง้อยิ้มขำ   ไม่เคยเจอผู้ใหญ่ที่ทำตัวปัญญาอ่อนแต่น่ารักได้ขนาดนี้มาก่อน  

    “ผมง้อใครไม่เป็น”

    คนสวยทำหน้าแหยะ   “ชั้นเกลียดประโยคนี้   มันเป็นคำพูดของคนเห็นแก่ตัวที่ไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น   แต่จะว่าไปก็เหมาะกับนายแล้วหละ”  

    “มีคนเคยพูดกับคุณเหรอ”

    “มีสิ   แฟนชั้นเองแหละ”

    “ฮะ!?”   คิบอมร้องลั่น    ตาคมๆ เต็มไปด้วยความบึ้งตึง

    “เลิกไปแล้ว   ชั้นคบกับเค้าตั้งตอนเรียนปีหนึ่งนู่นแน่ะ”

    คิบอมเงียบไม่เออออตาม   ใจนึกไม่ชอบเท่าไหร่ที่ดงเฮชิงมีแฟน   เพราะงั้นเรื่องจูบแรกที่เขาหวังอย่าไปพูดถึง   คนตรงหน้าเสียให้ไอ้แฟนคนเก่าไปแล้วแน่ๆ

    น่าโมโหเว๊ย !!

     

     

     

     

     

    หลายวันแล้วที่ดงเฮมักถูกเจ้าเด็กปีนเกลียวลากไปไหนมาไหนด้วยกัน   เริ่มด้วยการไปซื้อสายแจ็ค   ซีดีเพลง   สายเบสเส้นใหม่ที่คิบอมหนีบไปด้วยเสมอ   แรกๆ ก็ขัดใจที่ต้องไปกับร่างสูงจอมบงการ   แต่ไปๆ มาๆ ก็เริ่มชินจนถึงขั้นออกปากถามเองว่าวันนี้จะพาชั้นไปไหนล่ะ

    “ทำงานเหนื่อยหรือเปล่า”   คิบอมหมั่นกระตุ้นให้ใจเต้นได้ทุกทีที่เจอหน้าด้วยคำถามเป็นห่วงเป็นใยและใส่ใจเสมอ   คยูฮยอนร้องแซวทันทีที่เขากับคิบอมออกไปพร้อมกันหลังแสดงดนตรีเสร็จหรือไม่ก็ออกมากลางคัน   ฮันกยองแทบจะฆ่าคิบอมตายซะหลายครั้งที่ทำซ่าส์หนีงาน   แต่จะทำแบบนั้นก็ไม่ได้เพราะลูกค้าสาวๆ ที่มาติดต่อกันเกือบทุกคืนก็เป็นเพราะคิบอมเกือบทั้งนั้น

    เวลาแสดงดนตรีดงเฮก็แทบจะกลายเป็นนักร้องนำวง Rock Kiss ไปอีกคนแล้วเพราะถ้าไม่เป็นซองมินก็เป็นคยูฮยอนที่หมั่นมาดึงมือเค้าให้ขึ้นไปร้องเพลง   รู้อยู่หรอกว่าซองมินกับคยูฮยอนทำหน้าที่แทนคิบอมที่ไม่ชอบแสดงออก   แต่มันก็ชวนให้อดคิดไม่ได้ว่าคิบอมอยากให้เค้าขึ้นไปหาแล้วร่วมร้องเพลงด้วยจริงๆ มั๊ย  

    มันช่วยไม่ได้แล้วนี่นาที่ผมจะตกหลุมรักเจ้าเด็กห้วนนั่น -///-

    “จะให้ไปส่งที่บ้านมั๊ย    ดึกแล้วอันตราย”

    ทายซิใครพูด ..?

    คนพร่ำบอกว่าตนเองอายุมากกว่าเป็นคนหันไปถาม   คิบอมหยุดเดิน   หันมามองหน้าคนพูดก่อนยิ้มร่า

    “ผมต่างหากที่ต้องพูดคำนั้น    ทำอะไรให้สมกับตัวหน่อยได้มั๊ย”

    “อะไรไม่สมกับตัว    เนี่ยดึกแล้ว   ไม่รู้หรือไงว่ากลับคนเดียวมันอันตรายน่ะ”

    “เฮ่อ   เอาเหอะ   เดี๋ยวผมก็ไปส่งคุณเหมือนทุกทีก็ได้”   คิบอมอ่อนใจ    ไม่ไหวจะเคลียร์อ่อนเพลียที่จะ said ซะแล้วกับอารามดื้อดึงอยากจะโตกว่าของคนตัวเล็ก

    คิบอมเดินประสานมือกับดงเฮมาตลอดทางเข้าหมู่บ้าน   เป็นเรื่องเคยชินจนรู้สึกตงิดเสียแล้วหากไม่ทำมัน  

    “กลับดีๆ ล่ะ”   เสียงหวานบอกแล้วควานหากุญแจมาล็อกบ้าน

    “ไม่เคยคิดจะพาไปดื่มน้ำดื่มกาแฟเลยหรือไง”

    “หา”   ตากลมกะพริบปริบๆ   “อะไรของนายเนี่ยคิบอม   กลับบ้านไปได้แล้วไป   ดึกแล้ว”   ว่าพลางโบกมือไล่หย็อยๆ

    เจ้าคนตัวโตไม่สนจะฟังความ   ดันร่างเล็กออกแล้วก้าวเข้ามาในธรณีรั้ว  ไม่สนใจเสียงท้วง   ออกปากให้อีกฝ่ายรีบล็อกกุญแจแล้วตามเข้ามาเร็วๆ

    “นายจะดื่มอะไรเจ้าเด็กตัวโต”   พอทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่จำยอม    ท้าวสะเอวถามคนที่มองไปรอบบ้านของเขาอย่างหมั่นไส้เต็มประดา

    “กาแฟ”

    “อะไรนะ”

    “กาแฟ - -”

    “อีกรอบดิ๊”

    “กาแฟ...  ครับ -*-”

    “รอแป๊บนึง”

    - -*

    ดงเฮยิ้มไปชงกาแฟน้ำตาลหนึ่งครีมหนึ่งไป   สนิทกับคิบอมระดับที่รู้ว่าเขาชอบดื่มกาแฟแบบไหนซะแล้ว   แต่พอคนของเหลวในถ้วยไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องชะงัก   ทำท่าคิดน้อยๆ แล้วเทมันทิ้ง

    “ทำไมกลายเป็นน้ำส้มล่ะ    กาแฟมันเปลี่ยนสีแล้วเหรอ”

    “บ้า   แต่ดึกแล้วดื่มน้ำผลไม้ดีกว่า   จะได้หลับสบาย”  รอยยิ้มหวานที่เต็มไปด้วยความหวังดีนั้นทำให้คิบอมขัดไม่ได้   ร่างสูงขอบคุณด้วยเสียงนุ่มแล้วยกดื่มตามใจคนหวังดี

    “แล้วนายกลับบ้านดึกขนาดนี้ที่บ้านไม่ว่าเหรอ   จะเที่ยงคืนแล้วนะ”

    “ผมอยู่หอกับคยูฮยอน  กลับหรือไม่กลับก็ค่าเท่ากันนั่นแหละ”

    “อ่า..  แล้วบ้านนายล่ะ”   กังวลอยู่เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะคิดว่าตนจุ้นจ้าน   แต่ดงเฮก็มีข้อเสียคือห้ามปากไม่ค่อยจะทัน   ไปๆ มาๆ คงจะกลายเป็นว่าคิบอมสุขุมแล้วก็วางตัวเก่งกว่าเขาไปแล้วก็เป็นได้

    “ไม่มี”

    แม้น้ำเสียงจะเรียบนิ่งแต่ดงเฮก็สัมผัสได้ถึงความอ้างว้างและเดียวดายในนั้น   มือที่ถือแก้วน้ำวางมันลงเพื่อใช้มันไปแตะที่ไหล่หนาเบาๆ แทนคำปลอบโยน

    “ไม่เป็นไรหรอก”   คิบอมหันมายิ้ม   “ผมชินแล้วน่ะ”

    “ชิน?”

    “ผมมาจากสถานเด็กกำพร้า   ทุกคนที่นั่นต้องชินกับความเป็นจริงที่ว่าเราไม่มีพ่อไม่มีแม่   แม้จะยากขนาดไหนก็เถอะ”   คิบอมพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ   แต่ที่ไม่ปกติเลยคือหัวใจของดงเฮที่รู้สึกปวดร้าวและเจ็บปวดไปกับความเดียวดายที่คิบอมพบเจอ   ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนอ่อนไหวง่ายกับเรื่องสะเทือนใจ   แต่เป็นเพราะเขารับรู้ได้ถึงความเศร้าของผู้ชายคนนี้

    “ร้องไห้อีกแล้วเหรอ   ผู้ใหญ่ตัวเล็ก”  

    วงแขนเล็กวาดเข้ากอดร่างหนาๆ อย่างห่วงใย   คนมีปมชะงักไปนิดหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร   มือของคิบอมยังค้างอยู่ที่เดิม   ไม่ได้เอื้อมมาเพื่อกอดตอบ

     “...แต่นายก็มีชั้นนะเจ้าเด็กตัวโต”

     

     

     

     

     

     

    คืนนั้นดงเฮจำได้ว่าเขาคะยั้นคะยอให้คิบอมขับรถตัวเองกลับไปหอ   แต่ร่างสูงคนนั้นก็ปฏิเสธแล้วเดินออกจากบ้านไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มน้อยๆ อย่างเคย  ผู้ใหญ่ตัวเล็กรู้สึกอบอุ่นและเศร้าใจไปพร้อมกัน    แผ่นหลังกว้างที่เล็กลงเรื่อยๆ มันเป็นภาพที่ดงเฮแทบไม่อยากละสายตา

    “นี่   ได้ข่าวว่าเลี้ยงต้อยเหรอ”

    “หา!!!   เอาอะไรมาพูดอ่ะอุคกี้”   เรียวอุคกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย

    “ก็ไอ้ท่านประธานมันมาเล่าให้ฟังเมื่อกี้   แหม่   อะไรก็ไม่รู้   มีการไปบ้านกันด้วย   คึๆ   อยากมีแฟนจนตัวสั่นเลยป่ะเนี่ย”   เสียงใสร้องแซวจนดงเฮแก้ตัวแทบไม่ทัน   ซีวอนนะซีวอน  ก็รู้อยู่หรอกว่าไม่เคยปากสงบได้เวลาอยู่กับเรียวอุค   แต่ช่วยรักษาหน้ากันนิสนึงก็ไม่ได้

    “อุคกี้อ่ะ   อย่าล้อสิ”   คนสวยทำหน้างอนบ้าง

    “ไม่ล้อก็ได้   แต่เล่ามาเลยนะว่าเค้าเป็นยังไง  หล่อมั๊ย   เด็กกว่าแกเท่าไหร่อ่ะดงเฮ” สีหน้าระริกระรี้ยิ่งทำให้คนถูกถามอายม้วน

    “ก็... ชื่อคิบอม”

    “ข้าม”

    “เค้าเป็นนักดนตรี”

    “ข้ามๆๆ”

    “เค้าชอบเล่นเทนนิส”

    “ไม่เอาอันนี้เว๊ย   ชั้นอยากรู้ว่าแกสองคนไปถึงไหนอะจั๊ยอะจึ๋ยกันแล้วยัง   ไม่ใช่เรื่องเห็บหอยพวกนี้ซะหน่อย”

    “เง่อ”

    ดงเฮห่อไหล่แล้วครางเสียงอ่อย   จะให้เล่าเรื่องคิบอมน่ะมันก็ได้อยู่หรอกแต่เขาไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนและจบลงที่ตรงไหน   สถานภาพความสัมพันธ์ของเขากับคิบอมมันก็ยังดูคลุมเครือ   เท่าที่สนิทกันมาก็ถูกพูดคำหวานใส่แทบนับครั้งได้   พูดมึนๆ ตึงๆ ใส่กันยังจะมากกว่าการเทียวจีบเหมือนคนอื่นทั่วไปซะอีก

    “จะให้เล่ายังไงอ่ะ”

    “จุ๊บกันยัง”

    “อ่า ...   จุ๊บแล้ว  >///<

    “ว๊าวววว”  ตากลมลุกวาว   ร้องว๊าวเสียจนคนเล่าหน้าแดงยกไม้ยกมือปิดตาด้วยความอาย

    “เดี๋ยวนี้พัฒนานะแกเนี่ย   ไม่ทันไรจุ๊บๆ กันแล้วอ่า”

    “อุคกี้  -///-

    “แล้วทำอะไรอีก   ปั่นแปะกันแล้วยัง”

    “บ้า”   ตาใสค้อนเข้าให้กับอารามตรงของเพื่อนตัวเล็ก   “ยังไม่ถึงขั้นนั้นสักหน่อย    เด็กนั่นยังเรียนไม่จบเลย”

    “อายุเท่าไหร่   เรียนชั้นไหน”

    “อายุก็ยี่สิบเอ็ด   เรียนปีสอง”

    “อา..   เด็กว่ะ   ห่างกันตั้งสี่ปีแน่ะ”

    “ก็ใช่น่ะสิ  ชั้นยังกลัวๆ อยู่เลยนะ    เด็กสมัยนี้มันใจร้อนกันจะตายไป   ขี้เบื่ออีกต่างหาก”   เสียงหวานดูสลดลงเมื่อพูดถึงช่องว่างของกาลเวลา

    “เด็กปีนเกลียวมันก็เยอะจริงนั่นแหละ   เผลอๆ อาจจะมาหลอกกินตังค์เราอีกต่างหาก   แล้วแกชอบมันขนาดนั้นเลยหรือไง   ถึงต้องมานั่งพะวงกงๆ กลัวๆ อะไรเนี่ย”

    “ก็..  ก็ชอบ   ถึงไอ้เด็กตัวโตนั่นมันจะแก่แดดไปหน่อยก็เถอะ   แต่เค้าก็ไม่มีพิษภัยอะไรหรอก”

    ใจตัวเองน่ะรู้แล้วว่ายกให้เจ้าเด็กตัวโตไปกว่าครึ่ง   เวลาที่คิบอมยิ้มให้หรือทำมาดเท่ห์ๆ ที่ดูร้อนแรงในแบบของนักดนตรีมันก็ชวนให้เขาเพ้อฝันเหมือนหญิงสาวเข้าไปทุกที   ถ้าไม่ชอบก็ไม่รู้จะให้ทำยังไงแล้วล่ะนะ

    “เชื่อใจเค้าขนาดนั้นเชียว?”

    “ไม่รู้สิ...   แต่มันไม่เหมือนตอนชั้นเคยคบกับใครเลยจริงๆ นะ   มันต่างไปจากทุกทีเลย”

    “เออๆ   ช่างมันเถอะ   ระวังด้วยแล้วกัน   หมดตัวขึ้นมาล่ะก็ไม่รู้ด้วยนะ”   เรียวอุคพูดไปบ่นไปตามประสา  ก่อนจิกกัดพอเป็นกระษัยแล้วปิดท้ายบทสนทนา

    “ว่าแต่...  เบญจเพสแล้วเพิ่งมาสปาร์คเลิฟเนี่ยนะแก   ถามหน่อย...   แก่ไปมั๊ยป้า!

     

     

     

     

     

     

    หลายอาทิตย์แล้วที่คิบอมเข้าๆ ออกๆ บ้านดงเฮประหนึ่งว่าเป็นวิมานของเขาเอง   อาหารเช้าบางวันแวะมาทานด้วยกันที่บ้านผู้ใหญ่ตัวเล็กของเขา   อาหารเย็นส่วนมากก็ช่วยกันแวะซื้อวัตถุดิบที่ซุปเปอร์แล้วก็มาทำกินกันเองที่บ้าน   ไม่บ่อยนักที่จะทานในร้านอาหารฮันฮยอก  

    คิบอมพูดอยู่บ่อยๆ ว่าซีวอนชอบป้วนเปี้ยนอยู่แถวห้องซ้อมดนตรีและเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเพื่อนเขาเป็นประจำ   ดงเฮยิ้มขำน้อยๆ มือก็หยิบผักมาล้างไปด้วย

    ความไว้ใจที่ดงเฮมีให้ชายหนุ่มวัยแรกเริ่มอย่างคิบอมดูเหมือนจะมากมายจนทะลักเข้าไปทุกที   แม้คิบอมจะไม่เคยออกปากว่าชอบหรือพูดคำหวานให้ใจเต้นบ่อยแต่ทุกครั้งที่เขาแสดงออกผ่านการกระทำว่าเป็นห่วงและใส่ใจมันก็เป็นตัวหล่อเลี้ยงหัวใจชั้นดีที่ให้กัน

    “ทำอะไรกิน”   ร่างหนาโผล่เข้ามาในครัวด้วยกุญแจสำรองที่ดงเฮให้ไว้   เพราะหมู่นี้คยูฮยอนกับซองมินตระเวนหางานพิเศษทำกันจนดึกดื่นและคิบอมก็บอกว่ายังไม่มีกุญแจหอ   เวลากลับไปแต่ละครั้งพอเพื่อนเขาไม่อยู่ก็ต้องรออยู่ด้านนอก

    แม้จะเป็นการพูดเพราะถูกดงเฮถามแต่ร่างบางก็อดไม่ได้ที่จะยกกุญแจสำรองอีกอันให้คิบอมเพื่อให้เขาเข้าออกบ้านตัวเองได้สะดวกไม่ว่าจะเวลาไหน   บางครั้งที่กลับมาบ้านในตอนเย็นดงเฮก็จะเห็นร่างสูงยืนหั่นผักล้างจานอยู่ในครัวเพื่อรอเขามาทำอาหารพร้อมกัน

    “ข้าวต้มทะเล   นายแพ้พวกอาหารทะเลอะไรหรือเปล่าเจ้าเด็กตัวโต”

    “เปล่า   แต่ผมไม่ชอบพริกไทย   อย่าใส่นะตัวเล็ก”   มือหนารั้งดงเฮที่กำลังจะโรยพริกไทยไว้ได้ทัน 

    “คยูฮยอนกับซองมินได้งานหรือยัง”  

    ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ตัวเองกับคิบอมถึงได้มาสนิทกันจนถึงขั้นไว้ใจอีกฝ่ายได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้  

    มันไม่สมควรตั้งแต่ไปเที่ยวไหนต่อไหนด้วยกันแล้ว   แต่ทำไมแค่เป็นคนๆ นี้กลับรู้สึกไว้ใจและปลอดภัย   ไว้ใจเขาได้ทุกอย่างตั้งแต่เรือยันสากกะเบือรบ   รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเชื่อใจคิบอมมากเกินไป  แต่หากมองกลับกัน   ...ดงเฮก็รู้สึกว่าเขาพร้อมจะเสี่ยงหัวใจและความรู้สึกให้กับเจ้าเด็กตัวโตคนนี้

    “เห็นว่าได้แล้ว   ที่ภัตตาคารในโรงแรมของเพื่อนตัวเล็กนั่นแหละ”   สรรพนามที่คิบอมเนียนเรียกขึ้นมาเองแต่ดงเฮก็ไม่ว่าอะไรถูกใช้เสมอเมื่อเขาอยู่ด้วยกันตามลำพัง   คิบอมยิ้มง่ายและพูดได้พูดดีเสมอเวลาอยู่กับดงเฮ   แต่จะไม่ค่อยพูดและยิ้มไม่เก่งเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่สนิท

    “จริงเหรอ?   แต่ไม่เห็นได้ยินว่ารับสมัครพนักงานเพิ่มเลยนี่นา”

    “ไม่รู้อะไรมากหรอก   แต่ได้ทำก็ดีแล้ว   ซองมินบอกว่าค่าเทอมยังไม่ได้จ่ายเลยต้องรีบหางาน   คยูฮยอนก็พอกัน”

    “แล้วนายล่ะ    จ่ายหรือยัง”    ดงเฮเป็นห่วงชีวิตและความเป็นไปของคิบอมไปซะทุกเรื่อง   พยายามไม่ก้าวก่ายมากมายแต่ก็สอบถามบ้างเป็นบางเรื่อง

    “ยังหรอก  อาทิตย์หน้าผมถึงจะหางานพิเศษทำน่ะ”

    “แล้วทำไมไม่ทำซะตอนนี้   ไม่ว่างเหรอ”

    “อืม”

    “รู้มั๊ยว่าเงินแต่ละวอนน่ะหายากมากแค่ไหน   เดี๋ยวนี้พวกพาร์ทไทม์ยิ่งหายากๆ อยู่ด้วยนะ   มัวแต่ไปเล่นอะไรอยู่ล่ะ   รีบทำงานเข้าสิ”

    “ไม่ได้เล่น”   คิบอมทำท่าจะจบประโยคไม่สาวความต่อ  แต่พอถูกจ้องด้วยสายตาคาดคั้นก็ต้องบอกออกไป 

    “ถ้าผมไปทำงานพิเศษ   เราจะมีเวลาที่ไหนมาเจอกัน”

    คิบอมพูดแล้วหันมาสบตากับร่างบางโดยตรง   ตากลมกะพริบปริบๆ อย่างน่ารักน่าชัง   อึ้งไปกับคำพูดประโยคนั้นที่แสดงออกว่าไม่อยากทำลายเวลาของกันและกันไป   เนิ่นนานกว่าดงเฮจะได้สติแล้วตอบกลับไปคำเดียวเพื่อแก้อายว่า

    “เจ้าเด็กบ้า”

    ตอนเย็นดงเฮแวะไปที่ร้านฮันฮยอกพร้อมกับคิบอม   ดูเขาเล่นดนตรีอยู่สี่เพลงก็ได้ฤกษ์กลับ   ซีวอนลากให้ไปพร้อมกันเพราะเขาจะได้ไปส่ง   ใจร่างบางนึกอยากอยู่ต่อแต่พอนึกได้ว่าพรุ่งนี้มีประชุมตอนแปดโมงเลยต้องรีบกลับไปเคลียร์เอกสาร

    คิบอมใช้เวลาพักเบรกของช่วงเช็คลำโพงกระโดดลงมาจากเวทีแล้วดึงแขนขาวไปด้วยกัน   ดูห่างๆ ก็รู้แล้วว่าดงเฮกำลังจะกลับ   ถ้าวันนี้จะไม่ได้เจอกันอีกคิบอมขอแค่ได้ล่ำลาก็ยังดี

    ดงเฮถูกดึงเข้ามาจูบอย่างไม่ทันตั้งตัวในห้องซ้อมหลังเวที   ร่างบางขืนตัวน้อยๆ แต่ถูกตรึงร่างให้อยู่กับที่เลยไม่สามารถหลีกหนีอะไรได้   ดวงตาหวานหลับพริ้มหลังจากเคลิ้มไปจากจูบร้อนที่รู้สึกว่าคิบอมชักจะเก่งขึ้นทุกที

    ทั้งๆ ที่อายุมากกว่าและเคยมีแฟนมาแล้วสองคน    แต่พอมาเจอกับเจ้าเด็กตัวโตจอมแก่แดดคนนี้ปะทะบทรักทีไรเป็นต้องอ่อนหัดเป็นไก่อ่อนทุกทีสิน่า

    “จูบชั้นอีกแล้วนะ”

    “จูบครั้งที่สองของเราไง”

    “เจ้าเด็กตัวโตเอ๊ย”

    “อะไร   ผู้ใหญ่ตัวเล็ก”

    “ชิ   เล่นลิ้นนักนะ”

    “หึ   ก็ต้องเล่นลิ้นสิ   ไม่งั้นเมื่อกี้จะเคลิ้มเหรอ”

    “ค..คิบอม!!   คนอายร้องลั่น   ผลักอกหนาแรงๆ  แล้วสะบัดครีบเดินหนีไปฉับๆ   ทิ้งให้เจ้าเด็กตัวโตของเค้ายืนอมยิ้มอยู่คนเดียว

     

     

     

     

     

     

     

     

    เย็นวันนี้ดงเฮตั้งใจจะพาคิบอมไปว่ายน้ำเล่นกันที่สวนน้ำแถวบ้าน   ร่างบางรีบเคลียร์งานแล้วแจ้นออกมาทันทีไม่รอให้เรียวอุคร้องแซวได้เหมือนทุกวัน  

    “รอนานมั๊ย”   เสียงหวานหอบแฮ่กๆ แล้วตรงมาหาคิบอมที่ยืนรออยู่หน้าโรงแรม   โชคดีแล้วที่ไม่ให้เรียวอุครู้ว่ามีคนมารอเขากลับบ้านพร้อมกันทุกวันแบบนี้   ไม่อย่างงั้นคงถูกล้อทั้งเช้า กลางวัน เย็นแน่ๆ

    “ไม่หรอก”   คิบอมพูดเรียบๆ แล้วยื่นมืออันคุ้นเคยมาให้จับ

    “ทำไมนายไม่ไปเปลี่ยนชุดอีกอ่ะ   จะไปเล่นมั๊ยน้ำอ่ะ”   พูดพร้อมกับขยำๆ บนยูนิฟอร์มนักศึกษาของร่างสูง

    “เอ่อ  ..ตัวเล็ก”

    “หืม”

    “...”

    “อะไรอ่ะ?”

    “สัญญาก่อน   ถ้าบอกแล้วจะไม่โกรธ”

    “ปัญญาอ่อนน่ะ   ชั้นโตแล้วนะ   ไม่โกรธอะไรเป็นเด็กๆ หรอก”

    “อืม”   คิบอมทำหน้าเหมือนชั่งใจ   ..ผู้ใหญ่ประสาอะไรชอบงอนแก้มป่องกันบ้างเล่า

    “ตกลงจะบอกอะไรชั้น  หือ?”

    “ผม.. ไปไม่ได้แล้ว”

    “ฮะ!?”   เสียงใสๆ ตวัดแหลม   สะบัดมือออกจากอุ้งมือหนาด้วยท่าทางงอนแล้วพาล (อย่างเคย)    ราวกับไอ้ที่พูดเมื่อกี๊~ เนี๊ยยย   เป็นแค่เสียงโหยหวน -*-

    “อะไรของนายล่ะคิบอม   นายสัญญากับชั้นแล้วนะ!

    “ผมรู้  แต่ผมไปได้จริงๆ   คุณฮยอกแจฆ่าผมแน่”   

    “ปกติไม่เห็นกลัวนี่”  

    “ก็มัน...”

    “ช่างมันเถอะ!   ไม่สำคัญอะไรกับนายนี่!!!

    คนสวยสะบัดหน้าหนีแล้วจ้ำอ้าวพราดๆ นำไป   คิบอมรีบวิ่งไปคว้าแขนไว้

    “ไหนบอกจะไม่โกรธไง”   ร่างสูงยังไม่เข้าใจจิตใจร่างอ้อนแอ้นดีนัก

    “ไม่โกรธเลย!

    ดงเฮสะบัดแขนออกแล้วสาวเท้าหนี   ปล่อยให้คิบอมพึมพำหน้ายุ่งอยู่คนเดียว

    “นี่แหละโกรธ  เฮ่อ..”

    ร่างบางๆ กึ่งเดินกึ่งวิ่งกระฟัดกระเฟียดไปที่ลานจอดรถ   กระแทกเท้าตึงตังจนรู้สึกเจ็บไปหมด   แม้จะโมโหขนาดไหนแต่ก็ยังมีกะใจเหลียวหลังไปมองเจ้าเด็กจอมขัดใจว่าเดินมาใกล้เขาหรือยัง

    ว่างเปล่า ...

    “เชอะ   ไอ้เด็กบ้า”

    หมับ!~

    “ปล่อยเลยนะคิบอม  ปล๊อยยย!~   ดงเฮหลับหูหลับตาสะดีดสะดิ้ง   ไม่ได้สนใจจะมองว่าใครเป็นคนที่เข้ามาเกาะเกี่ยว

    “ด๊อง   ด๊องเป็นอะไรครับ”

    “อ..เอ๋?    คุณหมอ?”

    “ครับ  ผมเอง”   คุณหมอซึงฮยอนยิ้มหวานให้ร่างเล็ก   จนเขาต้องส่งยิ้มแหยๆ ให้ไปที

    “วันนี้ว่างเหรอครับ  ถึงได้มาหาผม”

    “ครับ   อาทิตย์นี้ผมมีคิวตรวจทุกวัน   มีว่างแค่ตอนเย็น    เลยอยากมาชวนด๊องไปทานข้าวกัน”

    “เอ่อ...”

    “นะครับ”

    คุณหมอจากโรงพยาบาลซังนัมเทียวจีบดงเฮมาสามเดือนกว่าๆ แล้ว   ช่วงที่ร่างบางเหงาๆ ก็มักจะรับคำชวนไปเที่ยวกับซึงฮยอนบ่อยๆ   แต่พอมีคิบอมเข้ามาเขาก็แทบจะไม่ได้ไปไหนกับซึงฮยอนอีกเลยเพราะถูกเจ้าเด็กแสบมากวนใจ

    ตากลมเห็นร่างสูงอันคุ้นเคยเดินใกล้เข้ามา   ประกายในดวงตาหวานลุกวาวอย่างซุกซน

    “ไปสิฮะ  ด๊องไม่พลาดอยู่แล้ว  ^ ^

    ซึงฮยอนยิ้มกว้าง   นึกว่าวันนี้ต้องกินแห้วกลับไปอีกแล้ว   แต่พอร่างบางตกปากรับคำพร้อมเดินเข้ามาคล้องแขนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนก็เป็นอันต้องลืมตัว   มือหนาๆ โอบรอบเอวคอดที่อยากเป็นเจ้าของมานาน

    “คิบอม”   คนสวยแกล้งดัดเสียงหวาน   “ขับรถชั้นตามไปแล้วกันนะ   พอดีคุณหมอมาชวนชั้นไปทานข้าวที่ร้านพี่ฮัน   ไปกันเถอะฮะคุณหมอ”

    ว่าจบก็ควงแขนคุณหมอเดินลิ่วๆ จากไป   ปรายตามองเจ้าเด็กตัวโตที่ยืนมองตามเขาตาขุ่น

    ชิส์   อยากผิดสัญญาดีนัก   จะแกล้งซะให้เข็ดเลย!!!

     

     

     

     

     

     

    พอมาถึงร้านอาหารฮันฮยอกคนสวยก็ดูเหมือนจะเริงร่าผิดปกติ   มือน้อยๆ คอนประเคนอาหารให้คุณหมอซึงฮยอนตลอดเวลา   ไม่สนใจบุคคลรอบข้างที่รายล้อมประหนึ่งว่าโลกนี้มีเพียงสองเรา

    คุณหมอคนหล่อนั่งยิ้มแย้มตัวแทบลอย   ผิดกับคนหน้าหวานที่สลับกับมองซึงฮยอนแล้วเหลือบไปทางสเตจ   ยิ่งเห็นคิบอมหน้าตึงเท่าไหร่ตัวเองก็ยิ่งมีความสุข

    เพลงหวานๆ โรแมนติกที่คยูฮยอนร้องล่มไม่เป็นท่าเพราะมือเบสเกาสายเพี้ยนไปหมด   พอแถเอาหน้ารอดจนเพลงจบก็ขอเวลานอกมาเคลียร์กันหลังสเตจ

    “คิบอม   นายเป็นอะไรของนายฮะ    เห็นมั๊ยว่าเพลงล่มหมดแล้ว”   ซองมินโวยวายแต่คยูฮยอนปรามให้เขาใจเย็นก่อน

    ร่างอวบตึงตังเดินออกไปแล้วทิ้งให้คยูฮยอนจัดการคิบอม

    “เพราะพี่ดงเฮเหรอ”  

    “...”

    “หึงเหรอ   ชั้นเห็นเค้ามากับอีกคน”

    คยูฮยอนค่อยๆ เข้าไปให้ถึงใจคิบอม   ต้นเหตุที่พอเห็น Rock Kiss มีปัญหากันบนสเตจอดไม่ได้ที่จะเข้ามาดูอาการเจ้าเด็กจอมป่วนที่คอยทำให้ใจว้าวุ่น   แต่แล้วก็ต้องกลายเป็นผู้ใหญ่นิสัยไม่ดีแอบฟังคิบอมกับคยูฮยอนคุยกัน

    คิบอม... นายหึงชั้นแบบที่คยูฮยอนบอกจริงๆ น่ะเหรอ

    “ชั้นนึกว่านายแค่เล่นๆ กับเค้า”   คนแอบฟังถึงกับหน้าชาเมื่อคยูฮยอนพูดประโยคนี้ออกมา   ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความรวดร้าวไหวระริก

    สองขาอยากจะก้าวออกจากตรงนั้นเพื่อปิดกั้นถ้อยคำที่อาจทำร้ายจิตใจ  แต่มันชาไปหมด   แขนขาไม่อาจขยับได้ตามใจต้องการ

    “ตอนแรกมันก็เป็นแบบนั้น”

    คำพูดของคิบอมไม่ต่างอะไรไปจากโลหะเย็นๆ ที่บางเฉียบได้กรีดของไปยังใจดวงน้อยที่เปราะบาง   หยดน้ำตาร่วงเผาะกับความจริงที่เพิ่งจะได้รู้

    นายมันก็เหมือนเด็กทั่วไปที่มาล้อเล่นกับความรู้สึกของชั้น

    “แล้วไง”  เสียงของคยูฮยอนอื้ออึง   ดงเฮไม่สามารถซึมทราบสิ่งใดได้อีกแล้ว

    “แต่ตอนนี้ชั้นรักเค้าไปแล้ว    รักเค้าไปแล้วจริงๆ   ...ชั้นรักดงเฮ”

    ฉ่า ...

    รู้สึกเหมือนน้ำมันร้อนๆ สาดโครมเข้าที่ใบหน้าจนร้อนวูบวาบไปหมด   ร่างบางสั่นไหวไปทั่วทั้งสรรพางค์กายเพียงเพราะได้ยินว่าเด็กแก่แดดคนนั้น   ..รักผมจริงๆ

    “งั้นนายก็กลับขึ้นไปเล่นดนตรีต่อให้จบ   รอเลิกงานแล้วค่อยไปหาเขาที่บ้าน   บอกไปเลยว่ารู้สึกยังไง”

    ร่างเล็กหมุนตัวกลับไปที่โต๊ะราววิญญาณที่ล่องลอย   ใจดวงน้อยมันละล่องไปหาคิบอมแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

    “คุณหมอฮะ...”

    “ครับ”

    “พาด๊องกลับบ้านหน่อย   ด๊องอยากกลับบ้าน”

    ไม่ไหวจะเคลียร์แล้วตอนนี้   ลีดงเฮอยากกลับไปสครีมที่บ้าน  >///<

    “อ้าว   จะกลับแล้วเหรอครับ   เรายังนั่งไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยนะ”

    “นะครับคุณหมอ”  เสียงหวานยังลอยๆ  “พาด๊องไปส่งบ้านหน่อย ~O~

    “อ่าๆ   งั้น..ก็ได้ครับ”

    ซึงฮยอนจำใจตามใจร่างเล็ก   ดงเฮยิ้มเพ้อๆ แล้วพาร่างไร้วิญญาณไปรอคุณหมอคนเก่งที่ลานจอดรถและกลับบ้านไป   รู้ดีว่ายังไง...  คืนนี้คิบอมก็ต้องมาหาเขาแน่

    เด็กบ้า   นายทำชั้นเขินนะคิบอม!!!  >////<

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เจ้าเด็กแก่แดดยืนอยู่หน้ารั้วสีขาวด้วยสายตาเย็นๆ   ความจริงแล้วคิบอมนั่งรถแท็กซี่ตามคนตัวเล็กมาตั้งแต่ที่ร้านฮันฮยอกเพราะไม่ไว้ใจไอ้หมอหน้าหล่อนั่น   ยิ่งเห็นตอนทั้งสองล่ำลาแล้วซึงฮยอนขโมยหอมแก้มขาวที่เขาเคยตีตราจองนั่นแล้วก็โมโหจนตัวสั่น  

    คิบอมปรี่เข้าไปในบ้านหลังกะทัดรัดด้วยอารมณ์คุกรุ่นทันทีที่ซึงฮยอนขับรถจากไป   มือกำเข้าหากันแน่นอย่างคนโกรธจัดจนเส้นเลือดปูนโปน   พอเจ้าของบ้านเห็นว่าเป็นใครที่เดินอาดๆ เข้ามาก็ต้องร้องเสียงหลงอย่างตกใจทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมา

    “คิบอม!

    “ก็ใช่น่ะสิ   ยังจำได้อีกเหรอว่าผมชื่ออะไร   ไม่ใช่จำได้แต่ชื่อของไอ้เวรนั่น”   คิบอมกดเสียงต่ำอย่างดุดัน

    “นาย...”   เพราะกลัวว่าเขาจะมาเห็นช็อตที่ตัวเองถูกจูบแก้มคนสวยเลยเลิกลั่ก   ถลาเข้าไปกอดแขนเจ้าเด็กตัวโต

    “มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ   ชั้นกับคุณหมอไม่ได้เป็นอะไรกัน”

    “แล้วที่มันทำน่ะหมายความว่ายังไง   ผมไม่ใช่ควายนะ!!   เด็กใจร้ายสะบัดแขนหนี

    “ก็เค้าจูบชั้นเองนี่   ใช่ว่าชั้นโถมตัวไปจูบเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่    หัดฟังที่คนอื่นพูดบ้างนะคิมคิบอม”

    พอถูกขึ้นเสียงใส่มากๆ เข้าคนสวยก็ชักจะของขึ้น   เจ้าเด็กหล่อร้ายอารมณ์ร้อนปรี่เข้ามาคว้าแขนของคนเถียงเขาปาวๆ ไว้แน่น

    “จะบอกว่าไม่เต็มใจงั้นสิ”

    “ก็ใช่น่ะสิ”

    “แล้วไอ้ที่ป้อนข้าวป้อนน้ำตั้งแต่อยู่ที่ร้านน่ะมันอะไร   ปั่นหัวผมมันสนุกนักใช่มั๊ย!

    “ชั้นไม่ได้ทำ!!!   ชั้นไม่ได้ปั่นหัวนายเลยนะคิบอม”   พอคิบอมเข้าใจไปคนละทางดงเฮเองก็เริ่มจะใจเสีย    พยายามใช้ท่าทีอ่อนลงให้อีกฝ่ายหายโมโห    แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

    “หึ   ถ้าชอบมันมากขนาดนั้นละก็จะมายุ่งกันทำไม    ชอบมันนักรักมันนักก็ไปหามันเลยสิ!!  ไปเลย!!!

    เพี๊ยะ !!

    ราวกับเสียงที่เพิ่งเอ่ยไปได้สลายไปกับอากาศธาตุเสียแล้ว   คิบอมหน้าหันไปตามแรงตบ   ดวงหน้าคมคายเย็นยะเยือกจนน่ากลัว  ร่างเล็กถอยหลังกรูดทันทีที่อีกคนเบือนเสี้ยวหน้ามามองพร้อมใช้นิ้วโป้งป้ายมุมปากที่มีเลือดซิบ

    “รู้หรือเปล่า   ทำแบบนี้แล้วจะเจออะไร”

    น้ำเสียงเยือกเย็นทำให้ดงเฮหวาดกลัวจนตัวสั่น   สายตาวาวโรจน์ของคิบอมเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเจอและนึกขยาดเมื่อได้เห็นมัน   ร่างบางถอยกรูดแล้วพลิกร่างจะวิ่งหนี   เพียงเสี้ยววินาทีที่สัญชาตญาณดิบของคิบอมสั่งให้กระชากลูกกวางตัวน้อยที่กำลังจะหนีเข้าสู่อุ้งมือของมารของตนอย่างรวดเร็ว

    คิบอมผลักร่างเล็กให้ล้มลงไปกองบนโซฟาแล้วทิ้งกายทับตามลงไป    คนสวยเบิกตากว้างอย่างตระหนกและหวาดกลัวไปพร้อมกัน   ร่างเล็กยิ่งดีดดิ้นและหวีดร้องให้เขาปล่อยมากเท่าไหร่ก็มีแต่จะทำให้อารมณ์ของคิบอมพลุ่งพล่าน    ร่างสูงกดจูบลงบนกลีบปากที่ร้องโวยวาย   แต่ยิ่งสัมผัสมันก็ยิ่งถลำลึก   ความหอมหวานที่เขาชอบใจมันกำลังทำให้ความต้องการที่ถูกกักอยู่ข้างในปะทุออกมา

    “อื้อ...”

    ดงเฮครางอู้อี้   จูบที่หนักหน่วงเริ่มรุนแรงและเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคิบอมลุกล้ำอย่างจาบจ้วงเลื่อนริมฝีปากขบดูดซอกคอหอม   สมองสั่งให้ดงเฮกระชากผมคิบอมที่กำลังพรมจูบไปทั่วลำคอผ่องอย่างแรงจนเขาร้องลั่น

    “อ๊ากกกกกกกกกก!!!

    แต่ยิ่งเขาหนีก็ยิ่งมีแต่จะทำให้สติสัมปชัญญะในการตรองตรรกะเหตุผลลดน้อยลง   คิบอมตามคว้าร่างเล็กโดยสัญชาตญาณ

    ร่างบอบบางถูกคว้าแล้วเหวี่ยงลงบนเตียงอย่างรวดเร็วพร้อมร่างกำยำที่กระโจนเข้ามาทับ   ริมฝีปากหนาตามนัวเนียพอๆ กับมือปลาหมึกที่เกี่ยวรั้งเสื้อสีสะอาดให้หลุดพ้นไปจากเรือนกาย   ร่างเล็กหวีดร้องทุบตีเด็กใจร้ายให้ปลดปล่อยตนแต่ก็ไร้ผล

    “อ..อื๊อ....”

    ...จากที่หวาดกลัวก็กลับเป็นกอดร่างหนาไว้แน่น   ที่ว่าจะผันกายหนีก็กลับเป็นกอดรัดอีกฝ่ายแล้วต่อตีด้วยสัญชาตญาณ

    ....................................

                “ไม่มีอะไรกับมันจริงๆ นะ”  เสียงเข้มเฝ้าถามคนในอ้อมกอดด้วยร่างกายเปลือยเปล่า

    “ไม่มีจริงๆ   ไม่งั้น...”   ดวงหน้าขาวขึ้นสีปลั่ง   “ไม่งั้นก็ไม่ออกมาเป็นแบบนี้หรอก”

    “รักผมเข้าแล้วล่ะสิ”

    “ฮ..ฮะ?”

    “ไม่งั้นเมื่อกี้จะร้องเสียงหวานเรียกชื่อผมตลอดเวลาเหรอ”   คิบอมยกยิ้มกวนๆ

    “ด..เด็กบ้า  =///=

    “พูดหน่อยสิ   อยากฟัง”

    “พูดอะไร   ไม่เห็นรู้เรื่อง”   ผู้ใหญ่แกล้งเบลอ

    “ไม่พูดเหรอ”   คิบอมพลิกร่างจู่โจมให้เป็นฝ่ายคร่อมร่างเล็กอีกครั้ง  

    “ไม่พูดจะทำอีกรอบนะ”

    “อ..อ๊า...    คิบอม..”  

    “จะพูดมั๊ย”  
                “พูดอะไร...” 

    “รู้สึกยังไงกับผม”  

    “อ..อ้า...   รัก...  รักคิบอม..   รักเด็กตัวโตที่สุดเลย   ฮื่อ.. อ๊างงงงงงง...”

    แล้วเสียงครางหวานก็ดังระงมไปทั่วห้องพร้อมบทรักที่บรรเลงอีกครั้ง   และครั้งนี้มันคงจะเนิ่นนานจนถึงกาลท้องฟ้าเปลี่ยนสีเลยกระมัง

    “อยากเกิดเร็วกว่านี้ซักห้าปี”   คิบอมเปรยลอยๆ

    “แค่นี้ก็เก่งจะแย่แล้ว   ขืนโตกว่านี้ชั้นก็ตายคาอกนายพอดีสิ -///-”

     

    เจ้าเด็กตัวโต!  อายุแค่นี้แต่เก่งเป็นบ้าเลย !!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตลอดทั้งวันมานี้ดงเฮทำงานด้วยร่างกายที่เปลี้ยแรงจนแทบจะเดินไม่ไหว   ซีวอนที่เดินผ่านมาหลังกลับจากทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารเห็นดังนั้นก็ปราดเข้าประคองทันทีด้วยความเป็นห่วง

    “ด๊อง   เป็นอะไรครับ    ทำไม...”   เขาสงสัยกับอาการจับสะโพกตัวเองของเพื่อนสนิทเหลือเกิน

    คนสวยอายจนแก้มนวลขึ้นสีปลั่ง   ท่าทีขวยเขินสไตล์นี้มันบอกได้ไม่ยากเลยว่าเป็นเรื่องอะไร   

    “ฮ่าๆๆ   ด๊องของเราลงจากคานแล้วใช่มั๊ยเนี่ย   แบบนี้ต้องรีบไปบอกเรียวอุค”  ซีวอนตื่นเต้น

    “บ้า!  เพื่อนตัวเล็กยู่ปากให้งอนๆ   แต่ก็ยอมให้ร่างสูงประคองตัวเองไปจนถึงโต๊ะทำงาน   “เดี่ยวเรียวอุคมามีหวังเราโดนซักจนตัวเปื่อยแน่ๆ   วันนี้ไม่มีแรงไปสู้รบปรบมือกับใครหรอกนะ”

    ซีวอนได้ยินก็หัวเราะร่วน   มือหนายีผมนุ่มลื่นอย่างเอ็นดู   ไม่ได้รู้เล๊ยยยยว่าทำให้สองคนที่อยู่ไกลออกไปหงุดหงิดหัวใจจนแทบอยากบ้า

    “อะแฮ่ม”

    “อ้าว   คยูฮยอน   เลิกงานแล้วเหรอ”   ดงเฮทักเด็กหนุ่มอีกคนก่อน   เพราะร่างน่ะมันถลาไปเกาะแขนเจ้าเด็กตัวโตตั้งแต่เขากระแอมไอให้รู้ตัวแล้ว  

    “ครับ   เดี๋ยวตอนเย็นผมจะไปที่ร้านพี่ฮันกับคิบอม   พี่ด๊องไปด้วยกันน๊า”  

    “เอ่อ..  คือพี่...”  คนสวยอึกอักเพราะสังขารมันไม่เอื้ออำนวย   อยากจะนอนพักแล้วตอนนี้

    “เค้าไปไม่ได้หรอก”   คิบอมปฏิเสธแทน   นายก็ไปกับคุณซีวอนก็แล้วกัน   ชั้นจะไปส่งตัวเล็ก”

    คิบอมบอกแค่นั้นแล้วประคองร่างบางจนแทบจะอุ้มออกไป   เสียงโวยวายเล็กๆ ตามมาว่าขืนให้คิบอมไปส่งมีหวังไม่ได้พักอย่างที่ตั้งใจแน่ๆ

    “เอ้า   มัวยืนมองเค้าอยู่นั่นแหละ   จะไปทำงานมั๊ยน่ะ   เดี๋ยวก็หักเงินเดือนซะนี่”

    คยูฮยอนตวัดสายตาถมึงทึงมาจ้อง   ปากนึกอยากจะพูดถ้อยคำเผ็ดร้อนโจมตีให้ซีวอนนึกเจ็บแสบแต่ก็ทำไม่ได้เพราะตามข้อตกลงนี่มันยังอยู่ในเวลางานและไอ้คนตัวสูงที่กำลังยิ้มเยาะเขาอยู่มันดันเป็นเจ้านาย

    ร่างโปร่งจ้ำอ้าวเดินไปพร้อมสีหน้าบูดๆ   ซีวอนกระตุกยิ้มมุมปากมองตามเด็กหนุ่มจนลับตาด้วยสายตาวาววับราวได้ของเล่นชิ้นใหม่

    ในเมื่อรักคนสวยแล้วมันช้ำ   ลองเปลี่ยนมาปราบพยศเจ้าเด็กแสบนั่นดูก็คงจะเข้าท่าดีเหมือนกัน

    คยูฮยอน   ระวังตัวไว้เถอะ !!!!~

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ฟิคส่วนเลิฟคิเฮ นี้แต่งเพื่อสเปซจัง  พล็อตมาจากทุกอย่างที่มินรู้เกี่ยวกับออนนี่คนนี้   ผู้ใหญ่หัวใจขบเผาะ >[+++]<   555+

    อยากได้คิบอมบุคลิกแบบนิ่งๆ แล้วก็ร้อนแรงแบบนักดนตรีจริงๆ   ไม่ได้หื่นแต่ประการใด   555+   แถมยังหยอดวอนคยูไว้ให้ใครบางคนค้างเล่นๆ ด้วย   ..ค้างข้ามปีเลย = =;;;

     

    29 หน้าเวิร์ด..  ทำไปได้ - -‘’   แถมกว่าจะเสร็จก็สี่เดือน   มายก็อด!!~

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×