ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แปลเพลงของ Mili + AWAAWA

    ลำดับตอนที่ #53 : sustain++; [Ghost In The Shell: SAC_2045 Ending Theme/Intrauterine Education แปลไทย]

    • อัปเดตล่าสุด 30 ส.ค. 63


    If abstraction is the definition of beauty

    หากความเป็นนามธรรมคือคำนิยามความงดงามแล้วละก็
    Are those of us chasing after clarity

    พวกเราที่ไล่ล่าหาความกระจ่างชัด
    A representation of
    ugly?

    คือตัวแทนของความอัปลักษณ์อย่างนั้นหรือ?

    Call
    me mommy

    เรียกฉันว่า “หม่ามี้”
    Just like
    your fantasy

    เหมือนที่เธอมโนไว้
    There is no crime in
    ideality

    อุดมคติไม่ใช่อาชญากรรมหรอก
    Mux >>> demux(1)

    มักซ์ >>> ดีมักซ์
    Can't you understand me?

    ไม่เข้าใจฉันหรือไง?
    I'm not mine NAND(2) I'm not
    yours

    ฉันไม่ใช่ของฉัน และฉันไม่ใช่ของเธอ
    Ah-ah

    อา

    This could end right here if you don't let it out

    มันอาจจบลงตรงนี้หากเธอไม่ปล่อยมันออกมา
    Let it out

    ปล่อยมันออกมา
    Give up or give me your all

    ยอมแพ้เสีย ไม่อย่างนั้นก็ให้ทุกอย่างกับฉัน
    Tell me now

    ตอบฉันเดี๋ยวนี้
    Tell me now

    ตอบฉันเดี๋ยวนี้

    If we can be completely simulated

    หากเราสามารถรับสิ่งเร้าจำลองทั้งหมดได้
    Do we need a real reality?

    เรายังต้องการความเป็นจริงอีกเหรอ?
    Don't let words die, let love run dry

    อย่าให้คำพูดตาย ให้ความรักเหือดหาย
    Like what we did to the rivers we killed off in our near future

    เหมือนที่เราทำกับแม่น้ำที่เราทำลายไปในอนาคตอันใกล้
    Ah

    อา
    And mumble some stupid stuff

    และพึมพำคำพูดไร้สาราะ
    Like

    อย่าง
    I saw it coming

    ว่าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
    "Pretend it's not happening"

    “ทำเป็นว่ามันไม่ได้กำลังเกิดขึ้น”
    Us losers do nothing so winners keep winning

    คนขี้แพ้อย่างเราไม่ทำอะไร เหล่าผู้ชนะจึงชนะต่อไป


    Sit

    นั่ง
    Fetch your leash

    ไปคาบสายจูงมา
    Dictated economy

    เศรษฐกิจเผด็จการ
    Show me

    ให้ฉันดู
    Your belly

    หน้าท้องของเธอ
    Forgotten ecology

    ระบบนิเวศน์ที่ถูกลืม
    Stay

    นิ่ง
    Okay, eat

    โอเค กินได้
    Human psychology

    จิตวิทยามนุษย์
    G 0 0 d b o i

    1๑กดี
    Here's a treat

    นี่รางวัล
    Hungry for energy

    กระหายพลังงาน

    We are searching

    เรากำลังตามหา
    Following our human instincts

    โดยใช้สัญชาตญาณของมนุษย์
    Looking for ghosts(3) of the non-existing kind

    มองหาโกสต์ประเภทที่ไม่มีอยู่
    Who make us whole from the very beginning

    ที่ทำให้เราสมบูรณ์จากแรกเริ่ม
    We keep chasing

    เราเอาแต่ไล่ตาม
    Dreaming about the perfect being

    ใฝ่ฝันถึงตัวตนที่สมบูรณ์แบบ
    Perfect parents who are non-existing

    พ่อแม่สมบูรณ์แบบที่ไม่มีอยู่จริง
    Our bodies grew, our minds stayed the same

    ร่างกายโตขึ้น จิตใจยังเหมือนเดิม

    Now darling, where do we go from here?

    เอาล่ะที่รัก จากนี้เราจะทำยังไงต่อดี?
    Now darling, where do we go from here?

    เอาล่ะที่รัก จากนี้เราจะทำยังไงต่อดี?
    Now darling, where do we go from here?

    เอาล่ะที่รัก จากนี้เราจะทำยังไงต่อดี?
    Darling, darling

    ที่รัก ที่รัก
    Hey honey, where do we go from here?

    นี่หวานใจ เราจะต้องไปไหนต่อจากนี้?
    Hey honey, where do we go from here?

    นี่หวานใจ เราจะต้องไปไหนต่อจากนี้?
    Now darling, where do we go from here?

    นี่หวานใจ เราจะต้องไปไหนต่อจากนี้?
    Now darling, where do we go from here?

    นี่หวานใจ เราจะต้องไปไหนต่อจากนี้?
    To where?

    ไปไหน?


    Call me daddy

    เรียกฉันว่า “แด๊ดดี้”
    Where's your "yes sir" & "please"?

    ไหนล่ะ “ได้เสมอ” & “ได้โปรด”
    That's the only vocabulary you need

    คำศัพท์ที่ควรรู้มีแค่นั้นแหละ
    Mux>>> demux

    มักซ์ ดีมักซ์
    Can't you understand me?

    ไม่เข้าใจฉันหรือไง?
    You turn my screen #
    000f (4)

    เธอเปลี่ยนหน้าจอฉันเป็นสีฟ้า

    We could end right here if you'd just let us fall

    เราจะจบกันแค่นี้ได้ หากเธอแค่ปล่อยให้เราตาย
    Let us fall

    ให้เราตาย
    No tears, no regrets

    ไม่มีน้ำตา ไม่มีความเสียใจภายหลัง
    No zero-days (5) at our fault

    ไม่มี 0-เดย์ไหนเป็นความผิดของเรา
    Hear me out

    ฟังฉันก่อน
    It's a perfect plan

    มันเป็นแผนที่สมบูรณ์แบบ
    If you'd just

    ถ้าเธอแค่
    Shut up

    หุบปาก
    Shut up

    หุบปาก
    Then maybe you'll see what I've endured now

    บางทีเธออาจเห็นว่าฉันต้องทนกับอะไรบ้าง
    Hear me out

    ฟังฉันที
    Li-lu-li-la, lu-la-lu-la

    ลีลูลีลา ลูลาลูลา
    It's all just sunk cost (6), I know

    ทุกอย่างเป็นแค่ต้นทุนจม ฉันรู้
    But I'm not ready to stop

    แต่ฉันไม่พร้อมหยุด
    I don't want to stop

    ฉันไม่อยากหยุด
    Ah-ah-ah-ah

    อา-อา-อา-อา

     

    ---

     

    Ghost in the Shell SAC_2045… ตอนแรกนึกว่าเอา GITS มาทำให้ดูเด็กลง ปรากฏว่าสนุกมากจ้า ดาร์กสุดอะไรสุด ที่สำคัญคือผู้พันคุซานางิฉบับนี้สวยแซบมากกกกกก และไม่มีใครเหมาะจะร้องเพลงประกอบเรื่องนี้ไปมากกว่า Mili อีกแล้วล่ะ ปรัชญาตรงกันเสียขนาดนี้

    เพลงนี้ความจริงเป็นชุดเดียว(และน่าจะต่อกับ)กับแก๊ง world execute me กับ world search you ที่กล่าวถึงปัญญาประดิษฐ์ที่โหยหาความเป็นมนุษย์และต้องการเติมเต็มผู้ใช้(หรือผู้สร้างวะ) ในเพลงนี้เห็นว่าตัวคนร้องได้เติบโตขึ้นมากและกลายเป็นแด๊ดดี้ไปแล้วค่ะ ฮา...

    หลายคนมองว่าเพลงนี้เกี่ยวกับคน/AIที่พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับใครคนหนึ่ง (sustain++;) แต่กลับกลายเป็นว่ามันคือการ manipulate หรือใช้จิตวิทยาควบคุมฝั่งตรงข้าม (Call me mommy, call me daddy) ซึ่งตัวคนร้องก็รู้ดีว่ากำลังทำสิ่งไม่ดีอยู่แต่ไม่อาจหยุดได้ (But I don’t want to stop) จนไปถึงพาร์ทสุดท้ายของเพลงที่แคสซี่ร้องว่า “+ + + + +” ซึ่งเป็นความพยายามสุดท้ายในการยื้อความสัมพันธ์นี้ แต่ในโค้ดจะเห็นว่าทุกๆ ไลน์ที่มีคำว่า sustain จะมี // ขึ้นก่อน ซึ่งเราไปอ่านมาว่ามันคือการยกเลิกคำสั่งนั้น แปลว่าตอนแรกคนเขียนโค้ดอยากจะไปต่อ แต่กลับมายกเลิกมันทีหลัง คือไม่ต้องพยายามยื้ออีกต่อไป (เดี๋ยวจะเขียนวิเคราะห์แบบเต็มๆ บทหน้า)

    มีท่อนนึง “Give up or give me your all” ทำให้เรานึกถึงฉากตอนผู้พันพูดกับโทกุสะตอนจะรับฮีเข้า Section 9 ใหม่หลังฮีลาออกไปอยู่กับครอบครัว อืม...อันที่จริงผู้พันมีความเป็นหม่ามี้อยู่เยอะมากเลยนะ วิ่งไปเอาสายจูงแป๊บ 555

    เอ้อ และเพลงนี้มีการกล่าวถึงโรลเพลย์ของ BDSM ค่ะ หนึ่งในนั้นคือ Pet play หรือการที่ฝ่ายหนึ่งโรลเพลย์เป็นสัตว์เลี้ยงและอีกฝ่ายเป็นเจ้านาย ซึ่งรายละเอียดการเพลย์ก็แล้วแต่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกัน ถ้าเป็นในเพลงนี้ก็มีการไปคาบสายจูง ให้เกาท้อง นั่ง กินจากชามบนพื้น อีกอันนึงคือ age play หรือการที่ฝ่ายหนึ่งทำเหมือนอีกฝ่ายไม่ได้อายุตามตัว ส่วนมากที่เห็นคือการที่ฝ่ายหนึ่งเป็น “เบบี้” และอีกฝ่ายเป็น “มัมมี่/แด๊ดดี้” (ในเพลงคือ คนฟังเป็นเบบี้นะครัช) บางคนก็เอาสองเพลย์นี้มารวมกัน ก็แล้วแต่ความชอบ

    ยาวแล้ว มาดูท่อนต่างๆ ที่เราโน้ตไว้ดีกว่า ถ้าอยากเห็นเรานั่งแกะโค้ดเหมือนเพลง world execute me รอตอนหน้านะคะ (เราโง่คอม ฉะนั้นหากใครช่วยอธิบายได้ก็จัดเลยค่ะ)

    (11)  Mux demux: Mux (Multiplexer) คือตัวเลือกข้อมูล ทำหน้าที่เลือกช่องสัญญาณหนึ่งช่องจากหลายช่องสัญญาณ และเชื่อมต่อมันกับสัญญาณ Output (ผลลัพธ์) วิธีการเลือกรวมข้อมูลจากหลายจุดและส่งไปยังสายเดียวจะเรียกว่า Multiplex ส่วน Demux (DMUX/Demultiplexer) จะตรงข้ามกับ Mux คือแทนที่จะเลือกข้อมูล มันจะทำหน้าที่กระจายข้อมูล (สามารถเป็นวงจรถอดรหัสได้ด้วย) มีอินพุตเดียวแต่จะส่งไปออกที่ Output สายใดสายหนึ่ง

    ในบริบทของเพลง Mux/Demux หมายถึงการสื่อสารทางสังคมต่างๆ ระหว่างคนสองคน เช่นด้วยการส่งสัญญาณทางสีหน้าท่าทางและการพูดจา แปลง่ายๆ คือแม่มคุยกันไม่รู้เรื่องนี่เอง

    (22)  NAND gate (NOT-AND) เป็นลอจิกเกตประเภทหนึ่งที่ให้ค่า False เมื่อค่าสองค่าที่ใส่มาเป็น True ซึ่งถ้าอยากให้ค่าเป็น True ก็ต้องใส่ค่า False มาอย่างน้อยหนึ่งค่า

    เราไปดูคนในยูทูปอธิบายมา...ในเพลงคือ I’m not mine NAND I’m not yours เหมือนใส่ค่า 0 กับ 0 ในเกตแล้วจะได้ 1 (คือเป็นความจริง???) เวลากลับประโยคแล้วจะได้ความหมายของท่อนนี้เป็น “ฉันเป็นของตัวเอง และ/หรือ ฉันเป็นของเธอ” (งงว้อยยยย)

    (33)  Ghost ในเรื่อง Ghost in the Shell หมายถึงแกนกลางหรือแก่นแท้ของคนคนหนึ่ง เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ต่างจากเครื่องจักร (วิญญาณ?) ในช่วงแรกจะเห็นว่าตัวโค้ดมีการสร้างโกสต์ขึ้นมา (ได้เหรอวะ) ซึ่งจะได้ไม่ได้ก็ไม่รู้ เพราะตัวเนื้อเรื่องไม่เคยเฉลยเลยว่าโกสต์คืออะไรกันแน่

    (44)  #000f อธิบายง่ายๆ คือจอฟ้า ซึ่งถ้าจอฟ้าแปลว่าคอมพังแบบตายสนิทไปแล้วจ้า ในเพลงคือคนร้องโดนอีกฝ่ายหนึ่งทำให้พังแหลกไปแล้ว หรืออีกนัยคือคนสร้างโปรแกรมได้ออกจากโปรแกรมไปแล้ว

    (55)  0-day คือช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ที่ไม่มีใครรู้ว่ามี(หรือทำเป็นไม่เห็น)และช่องโหว่นี้ก็ถูกเอาไปใช้หาผลประโยชน์ ในที่นี้คือ ทั้งคู่รู้ว่าความสัมพันธ์มีสิ่งผิดพลาดแต่มันไม่ใช่ความผิดของใคร

    (66)  Sunk cost (ต้นทุนจม) คือเงินที่ใช้ลงทุนไปแต่ไม่ได้คืน บางคนก็เสียดายต้นทุนจมเลยดันทุรังลงทุนต่อทั้งที่ยังไงๆ ก็เจ๊ง กรณีนี้จะเรียกว่า Sunk cost fallacy ในเพลงคือรู้ทั้งรู้ว่ายื้อไปก็ไม่มีประโยชน์แต่ก็อยากยื้อเธอไว้

    ใน MV มีป้ายไฟ 2 อันที่น่าสนใจ อันหนึ่งเขียนว่า “Are you life?” (เธอคือชีวิตอย่างนั้นเหรอ?) อีกอันเขียนว่า “Justice kills freedom” (ความยุติธรรมทำลายอิสรภาพ)

    ปล. ที่ใช้เวลาแปลนานเพราะไม่ค่อยเข้าใจศัพท์ด้วยแหละ 5555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×