คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : the innocence
ll no matter what, I'm still here. ll
____________________________________________________
APPLI☾ATION
“ อาจจะซุ่มซ่าม..ขี้แย..แล้วก็ชอบพูดเสียงเบาไปสักหน่อย
แต่ว่าฉันก็จะพยายามในส่วนของฉันให้ดีที่สุดนะคะ ”
_____________________________________________________________________
บทบาท :: [6] The Innocence | My face in the mirror, I ask myself who it is
ชื่อ-นามสกุล :: Darlene Trixie l ดาร์เลเน่ ทริกซี่
ชื่อเล่น :: Lene l เลเน่ ( พี่ชายของเธอใช้เรียกเธอ และเขาก็เป็นคนเดียวที่เรียกเธอด้วยชื่อนี้ด้วย )
ความหมาย :: ดาร์เลเน่ - อบอวลไปด้วยความรัก, ทริกซี่ - ความสุข ll ดาร์เลเน่ ทริกซี่ - ความสุขอันแสนอบอวลไปด้วยรัก
อายุ :: 16 - year - old
เพศ :: Female
ส่วนสูง | น้ำหนัก :: 162 cm. / 40 kg.
เผ่าพันธุ์ :: Witch & Human
รูปร่างลักษณะ :: เด็กสาวที่มีรูปลักษณ์ความเป็นมนุษย์อันแสนเปราะบางเเละอ่อนหวาน เส้นผมสีเงินยวงดูโดดเด่นยาวเหยียดละสะโพกมล เรือนร่างผอมบางดูอ้อนแอ้นน่ามอง ส่วนสูงที่ไม่ได้อะไรเลยทำให้น่าเอ็นดู ผิวขาวของเธอดูสะอาดสะอ้าน มีกลิ่นของครีมอาบน้ำและเเชมพูสระผมที่เป็นไปทางเดียวกัน นั่นคือกลิ่นวานิลลา ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นเป็นประกายอ่อนโยน มันหลบซ่อนอยู่หน้าม้าของเธอ ดาร์เลเน่ไม่ชอบการเอาหน้าม้าขึ้น เพราะเธอมักบอกว่าอายเวลาที่ตรงสบตากับใครตรงๆ เครื่องหน้าของเธอจัดได้ว่าดูดีเลยทีเดียว คิ้วค่อนข้างโก่ง จมูกรั้นๆ ทรงหยดน้ำ ริมฝีปากระเรื่อชมพูโดยไม่ต้องแต่งแต้มอะไรก็ดูน่ามองเอาเรื่องเลยล่ะ
อุปนิสัย ::
• L I T T L E
เด็กสาวตัวน้อยแสนน่ารักน่าเอ็นดู ความเป็นดาร์เลเน่ที่เหมาะสมกับชื่อของเธอยิ่งกว่าอะไรดี ใบหน้าหวานประดับด้วยรอยยิ้มเจือจางเอาไว้ ช่างน่าดูมอง เเละน่าทะนุถนอม ริมฝีปากจิ้มลิ้มก็มักเปล่งเสียงหวานเสนาะ การเคลื่อนไหวที่แม้จะติดเชื่องช้า หากแต่กลับมองดูเพลินตา ดาร์เลเน่ไม่ใช่สตรีช่างรีบร้อนอะไร เธอมักทำทุกอย่างด้วยความละเอียดอ่อน แต่ก็ไม่เคร่งเครียดจนเกินไป มีความผ่อนคลายสบายใจ ที่ไม่ว่าใครได้มองก็คงจะพาลพากันรู้สึกถึงสีเขียว ความเหมือนที่เด่นชัด นั่นคือดาร์เลเน่เป็นคนที่เมื่อคุณอยู่ใกล้ รอยยิ้มเเละบรรยากาศรอบตัว ก็จะทำให้หัวใจรู้สึกสงบลงได้อย่างนาประหลาดเสมอ
ชีวิตที่เรียบง่าย ดาร์เลเน่มักจะใช้ชีวิตในรูปแบบเเผนเดิม เป็นอยู่อย่างธรรมดา โดยที่ไม่ปรารถนาในความหวือหวาหรือแปลกใหม่ในเรื่องของประสบการณ์ เธอมักมีความสุขกับเรื่องง่ายๆ อย่างวันนี้ได้กินของโปรด ก็จะยิ้ม หรือวันนี้ได้เจอหน้าพี่ชาย ก็จะยิ้มออกมาอีกเช่นกัน เป็นคนที่สามารถยิ้มได้อยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มเเบบาง หรือเป็นรอยยิ้มเก้กัง ดาร์เลเน่เชื่อว่ารอยยิ้มนั้นเปรียบเป็นยาวิเศษ เธอชอบที่จะยิ้ม เพราะรอยยิ้มมักช่วยสมานแผล และสร้างความสุขในจิตใจผู้คนได้อยู่เสมอ
• H E A R T
หัวใจที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวาน และอ่อนโยน ดาร์เลเน่มักมองและครุ่นคิดถึงสิ่งรอบตัวด้วยบรรยากาศหวานๆ พูดแบบภาษาชาวบ้านคือมองแง่บวก หรืออาจถึงขั้นมองเห็นสายรุ้งพาดผ่านในโลกของเธอ ไม่ใช่ว่าดาร์เลเน่เป็นสาวเพ้อฝัน หรือไม่คิดมองความจริงอะไรแบบนั้น เธอก็เพียงแต่ไม่อยากคิดเรื่องร้ายๆ และพยายามภาวนาให้มันเป็นเรื่องดีอยู่เสมอแค่นั้นเอง
แต่การสวดภาวนาไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริง การลงมือปฏิบัติต่างหาก คือสิ่งที่สมควร เมื่อหวังในอะไรสักอย่างก็จะลงมือ แม้ว่าอาจจะเริ่มได้ช้าหรือสะดุดติดขัดไปบ้าง แต่เธอก็จะทำมันอย่างแน่นอนและเรื่อยไป คตินี้สามารถใช้ได้กับการคิดแง่บวกของเธออีกด้วย ดาร์เลเน่ชอบโลกที่สงบสุข ไม่มีความวุ่นวาย หรือการทะเลาะวิวาท ดังนั้นเเล้วเธอจึงพยายามทำให้คนรอบตัวมีความสุข แม้ว่ามันอาจจะเป็นจุดเล็กๆ น้อยๆ ของการกระทำที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ก็ตาม
เเรกเริ่มนั้นคือการปฏิบัติที่ตัวเธอ การที่ดาร์เลเน่ยิ้มให้กับทุกคน (แม้บางคนจะน่ากลัวจนรอยยิ้มของเธอดูสั่นคลอนไปซะบ้างก็เถอะ..) รวมถึงคอยเอ่ยทักทาย ไถ่ถามห่วงใย และพยายามให้การช่วยเหลือ นั่นคือการปฏิบัติของเธอ ว่ากันว่าคนเราจะรู้สึกดีเมื่อได้รับการเคารพ หรือความห่วงใยและความรักจากผู้อื่น เช่นนั้นดาร์เลเน่จึงมักมอบสิ่งเหล่านั้นให้แก่ทุกๆ คนอยู่ตลอดเลยอย่างไรล่ะ
• T R Y I N G
ความพยายามที่ไม่เคยย่อนยาน เเม้จะเหนื่อยหรือท้ออีกสักกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เด็กคนนี้กลับพยายามมากยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น ขึ้นไปอยู่เสมอ ดาร์เลเน่อาจจะไม่ใช่สตรีเหล็กกล้าเเกร่ง ที่สามารถบอกว่า ไม่เป็นไร ให้กับทุกปัญหา แต่เธอก็เป็นคนที่มีความพยายามเป็นเลิศ การไต่เขาขึ้นไปหาความสำเร็จย่อมเป็นเรื่องยากลำบาก ระหว่างทาง ตัวเธอเองก็ร้องไห้และเอ่ยปากบ่นต่อปัญหาเหล่านั้นอยู่บ่อยๆ ผู้คนน่ะเห็นดาร์เลเน่นั่งร้อง ฮืออ หัวชนผนังอย่างหมดปัญญากับงานของตัวเองก็ออกบ่อยจะตาย เธอแสดงออกเเบบนั้นอยู่เรื่อย เหมือนกับการที่จะเห็นเธอปลอบใจตัวเอง เเล้วฮึ้บมาสู้ต่ออีกครั้งนั่นแหละ
การที่คนเราจะระบายความรู้สึกเหนื่อยหรือล้าออกมา สำหรับดาร์เลเน่แล้วมันไม่ใช่เรื่องแย่อะไรเลย เธอกลับคิดซะว่า ถ้าได้ระบายออกมา คงโล่งใจขึ้นเยอะ ดังนั้นดาร์เลเน่จึงเป็นเด็กสาวที่ขี้บ่น ช่างพึมพำ และขยันพูดคนเดียว บ่อยครั้งเธอจะนั่งพึมพำอะไรก็ไม่รู้กับตัวเองด้วยเสียงที่เบาหวิว เมื่อเงี่ยหูฟังก็จะเป็นคำบ่นยาวเหยียดเกี่ยวกับความยากในการฝ่าปัญหาของเธอ แต่ในขณะเดียวกัน ไอเดียที่เอามาใช้เเก้ไข ก็ถูกพึมพำออกมาเพื่อให้ตัวเองทบทวนความเป็นไปได้เช่นกัน
• T H I N K I N G
การครุ่นคิดทบทวนอะไรสักอย่างอยู่กับตัวเอง จะส่งผลดีกว่าการเเลกเปลี่ยนความคิดเห็น เมื่อมันเป็นไปในรูปแบบความคิดของดาร์เลเน่ เด็กคนนี้มีหัวคิดที่แปลกใหม่ จินตนาการของเธอจัดได้ว่ากว้างขวาง มักเป็นดาร์เลเน่อยู่เสมอที่นึกถึงในจุดที่น่าเหลือเชื่อแต่ก็เป็นไปได้ขึ้นมาในการทำอะไรสักอย่าง ยกตัวอย่างเช่น หากกำลังนั่งครุ่นคิดว่าจะเเก้ปัญหาความใหญ่ของชุดอย่างไร คนอื่นอาจจะคิดเเค่ว่าตัดใหม่หรือแก้ไซส์ แต่ดาร์เลเน่กลับคิดว่าควรประยุกต์ชุด เสริมแต่งอะไรเข้าไปเสียแทน หรือไม่ก็เปลี่ยนแนวสไตล์เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง จัดได้ว่าเธอเป็นพวกสายครีเอทีฟของเเท้เลยก็ว่าได้
แต่ข้อเสียของดาร์เลเน่นั่นคือเธอไม่มั่นใจในความคิดของตัวเอง ขึ้นว่าครีเอทีฟย่อมมีความแปลกใหม่ และเมื่อแปลกใหม่ ก็ย่อมมีพวกอนุรักษ์เดิมมามองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ ดาร์เลเน่ผู้ที่ถึงจะคิดอะไรเเปลกๆ ออกมาได้ แต่ก็ไม่กล้าลงมือทำเพราะกังวลว่ามันจะออกมาไม่ดี จึงกลายเป็นเหยื่อชั้นยอดของคนพวกนั้นไปโดยปริยาย ทุกครั้งที่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แล้วเกิดมีความคิดเห็นที่โต้แย้งกันระหว่าง เธอ กับ อีกฝ่าย ดาร์เลเน่จะทำเพียงแค่ตอบรับ เเล้วเลือกที่จะเชื่อฝ่ายนู้นเท่านั้น
ถึงเเม้ว่าบางครั้งจะเเอบเถียงอยู่ในใจ แต่ก็นั่นแหละ..ในใจก็คือในใจ สำหรับเด็กสาวคนนี้ ไม่มีความกล้าพอจะไปเปิดปากโต้วาทีกับใครหรอก ต่อให้มีความรู้ท่วมหัว ประสบการณ์ไม่มี แถมความกล้ายังหายต๋อม สุดท้ายมันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากอ้ำอึ้ง แล้วนั่งน้ำตาตกใน ยอมพับเก็บไอเดียตัวเองทิ้งอย่างน่าเสียดายอยู่ดีนั่นแหละ
• P L I A N T
หัวอ่อน ว่าง่าย ใครเขาพูดอะไรเชื่อไปซะหมด ทาร์เก็ตสุดโปรดของพวกขี้แกล้ง เอะอะเผลอเป็นไม่ได้ ต้องเข้ามาหยอกมาหลอกให้หน้าเหลอตลอด ดาร์เลเน่นอกจากจะน่ารักแล้วยังน่าแกล้ว เพราะทั้งหลอกง่าย แถมยังมีรีแอคชั่นชวนเอ็นดูแอบเอียงไปทางน่าสะใจอีกต่างหาก อย่างว่าแหละ ใครมันจะอยากแกล้งคนที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเล่า กับพวกที่ชอบทำหน้าซีด ตาสั่น ลนลานไปหมด เหมือนกับกระต่ายตื่นตูมเเบบดาร์เลเน่ ใครๆ เขาก็คงเลือกเธอเป็นเป้าหมายมากกว่าอยู่เเล้ว
เหยื่อตัวน้อยของเหล่าผู้ล่า เปรียบเเล้วก็เป็นกระต่ายสักตัว ห่วงโซ่อาหารด้านล่างที่ไม่ว่าใครก็คงคิดว่า เคี้ยวง่ายสุดๆ นั่นแหละ เคี้ยวง่ายจริงอย่างที่ได้บอกไปเลย..ดาร์เลเน่ขี้กลัวไม่น้อยเลยทีเดียว เวลาทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ หรือต้องไปพูดต่อหน้าคนเยอะๆ ก็มักจะตื่นเต้นระคนตื่นกลัว มือไม้สั่นแบบ (พยายามจะ) แอบๆ อยู่ตลอด
เธอจะตัดสินใจอะไรไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่สำหรับชีวิตประจำวัน อย่างถ้าเดินหลง แล้วดันเจอทางเเยก ก็จะไม่รู้ว่าควรเดินไปทางไหน ต่อให้มีพรายกระซิบบอกว่าเดินทางไหนก็ออกจากป่าได้ ดาร์เลเน่ก็ยังขบคิดหัวเเตกอยู่ดีว่าควรจะเดินซุ่มๆ ไปเลยจริงๆ น่ะเหรอ? เธอเป็นคนที่ไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ชอบการตามผู้อื่นมากกว่าจะนำ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีคนฟังเธอ รวมถึงไม่ให้ความเคารพต่อเด็กสาวคนนี้กันสักเท่าไหร่
• U N C O N F I D E N T
ขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างรุนแรง ชอบคิดว่าตัวเองมันห่วยแตก และทำอะไรไม่ค่อยได้ แถมด้วยนิสัยที่เหมือนกับกระต่ายป่า ทั้งขี้กลัว ช่างสับสน ไม่กล้าอยู่ท่ามกลางฝูงชน หรืออาการตัวสั่นนิ้วสั่นลิ้นพันเวลาอยู่ต่อหน้าฝูงชน อุปนิสัยที่ดาร์เลเน่เป็นอยู่ คือตัวเอกในการกดความมั่นอกมั่นใจในตัวเธอให้ต่ำเตี้ยเสียเรี่ยดิน ถ้าเกิดว่ามีคนบอกว่า ใครมั่นใจว่า..จุดจุดจุด..ให้ยกมือขึ้น ดาร์เลเน่จะเป็นคนที่ไม่ยกมือเลยหากมันเป็นข้อดี เเม้ว่าตนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ตาม
ตรงกันข้ามกับข้อเสียของเธอ ดาร์เลเน่รู้ตัวดีว่าตนเองอ่อนด้อยเรื่องอะไร ไม่เอาไหนที่จุดไหน และเธอก็มักจะยอมรับความอ่อนด้อยนั้นด้วยสายตาหมาหงอยอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่า ไม่อยากจะอ่อนแอ แต่อ่อนแอเสียจนต้องยอมรับว่าอ่อนแอ แค่ว่าในความจริงแล้ว เธอก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น เพียงแต่เพราะเป็นพวกหัวอ่อน เลยรับเอาคำตำหนิมาใส่ใจได้ง่ายๆ น่ะสิ
แต่ดาร์เลเน่ก็ไม่ได้จะจิตตกถึงขนาดโทษฟ้าโทษดิน หรือโวยวายงอแงอะไรกับความไม่เอาไหนของตัวเอง นับเป็นอีกหนึ่งข้อเสีย เมื่อเธอดันปลงไปกับมัน เเล้วยิ้มรับทั้งสีหน้าบรรลุธรรม เมื่อถูกด่าว่า อ่อนเอ๊ย หรือ ยัยหน้าหัก บลาๆๆ คำด่าทอไม่มีผลกับเธอเลย เพราะสิ่งจะได้รับ ก็มีแต่สายตาปลาบู่ (?) กับรอยยิ้มที่เหมือนตั้งระบบออโต้ไว้เเล้ว และคำพูดพึมพำประมาณว่า "นั่นสินะคะ ฉันนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ เลย" ให้คนด่าเป็นกังวลแทนซะอีก ว่านี่พูดเเรงไปรึเปล่านะอะไรแบบนั้น
• P E T T I S H
น้ำตาไหลได้ง่ายๆ เหมือนต่อมน้ำตาเชื่อมไว้กับเขื่อนยักษ์ และที่บ้านเป็นกรมประปาสงเคราะห์ ดาร์เลเน่ไม่ชอบร้องไห้หรอก แต่เธอก็ร้องบ่อยๆ แบบไม่สามารถห้ามตัวเองได้เหมือนกัน เวลาที่เธอเจ็บ เธอก็จะร้อง ดาร์เลเน่เหมือนเด็กที่เพิ่งเคยหกล้ม มันเจ็บมากเสมอไม่ว่าจะเป็นแผลเล็กหรือแผลใหญ่ เธออาจจะมีความอดทนที่ดีในด้านอื่น แต่ความเจ็บปวดต่อบาดแผลนั้นไม่ใช่
เธออ่อนแอ และเพราะเเบบนั้นเธอถึงได้ไม่ชอบความเจ็บปวด ทั้งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง หรือเกิดขึ้นกับผู้อื่นก็ตามที เวลาที่เห็นใครเจ็บ เลือดอาบโชกมาทีไร ก็มักน้ำตาคลอ อดรนทนไม่ได้ ต้องเข้าไปถามไถ่อย่างกระวนกระวาย เเละพยายามช่วยรักษาเท่าที่ตัวเองจะทำได้ตลอด นอกจากนี้ดาร์เลเน่ยังไม่ชอบเวลาเห็นคนร้องไห้อีกด้วย เธอไม่สามารถห้ามใจตัวเองให้ปลอบประโลมเขา หรือบางครั้ง เธอก็จะร้องไห้ร่วมไปด้วยกับอีกฝ่ายอย่างน่าประหลาด พอไถ่ถามถึงเหตุผล ก็เป็นเพราะเเค่ว่า "คุณกำลังร้องไห้" นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ความเดียงสาเหล่านี้จึงทำให้ผู้คนมากมายไม่สามารถทำใจใจร้ายกับเธอได้ลง
แต่ต่อให้มีคนเกลียดเธอ ดาร์เลเน่ก็จะฝืนรับ เธออาจจะร้องไห้เพราะคำใจร้ายพวกนั้นก็จริง แต่เธอจะไม่โกรธเคือง การเคารพความคิดและการตัดสินใจของผู้อื่นเป็นสิ่งที่เธอทำเสมอ ต่อให้เขาจะจากเธอไป หรือบอกกล่าวกับเธอนั้นช่างเเสนน่ารังเกลียด ดาร์เลเน่ก็จะไม่ว่าอะไรคุณอยู่ดี ความรักของเธอเป็นสิ่งที่มั่นคงและเป็นนิรันดร์ เมื่อเริ่มรู้สึกไปแล้วจะไม่อาจหยุดและเปลี่ยนผัน มีแต่จะเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นและมากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น
" แม้ว่าคุณจะกลายเป็นคนที่คนทั้งโลกเกลียดชัง หรือต่อให้พระเจ้าจะสาปส่งคุณ ได้โปรดรู้เอาไว้ ฉันจะอยู่ตรงนี้ และเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะรักคุณตลอดไป "
• T A L E N T
เธอคนนี้แม้จะบ่นว่าตัวเองมันห่วยแตกบ่อยๆ แต่เชื่อเถอะว่า หากคุณได้ลองสังเกตเธอดีๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ คุณจะรู้ว่าดาร์เลเน่มีทักษะความสามารถมากมายซ่อนอยู่ในตัว เเต่เพราะทำมันบ่อยจนชินชา ถึงได้คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลก เหมือนกับการที่คนรวยชินกับการใช้จ่ายเงินก้อนโต ดาร์เลเน่เองก็ชินกับการใช้ความสามารถของตน จนมันกลายเป็นความธรรมดาในสายตาของเธอเองได้เช่นกัน
ทักษะที่โดดเด่นส่วนมากเเล้วจะเป็นเรื่องพื้นฐานอย่างงานบ้านงานเรือน การทำอาหารหรืออบขนม ซึ่งมันไม่ใช่หัวข้อหลัก แต่เป็นประเด็นที่แอบแฝงอยู่ภายในความชำนาญเหล่านั้น เช่น การสร้างสรรค์ ดาร์เลเน่อาจบอกคุณว่า อบคุกกี้ช็อกโกแลตค่ะ เอาล่ะ มันฟังดูธรรมดาใช่ไหม แต่ลองดูสิว่ารูปร่างของมันเป็นอย่างไร? แล้วตัวรสชาติล่ะ? เห็นไหม แต่มันมีควาพมิเศษซ่อนอยู่ในนั้น
ดาร์เลเน่ที่ชอบครุ่นคิดกับตัวเองตลอดเวลา กลายเป็นคนที่สามารถรวบรวมเเละวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างชำนาญ ถ้าพี่ชายบอกว่า อยากกินคุกกี้ เธอก็จะทำให้ แต่ในขณะนั้นก็ครุ่นคิดว่าควรทำคุกกี้แบบไหนที่เหมาะกับพี่ รสชาติที่ชอบ โภชนาการ รูปแบบของอาหาร หรือกระทั่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจทำให้ไม่พอใจ เธอเก็บเกี่ยวรวบรวมมันไว้เเล้วผลิตออกมาเป็นรูปภัณฑ์ชั้นเลิศ การแปลงวัตถุดิบง่ายๆ ให้กลายเป็นของล้ำค่าด้วยการจัดเเจงรายละเอียด มันเป็นความถนัดให้การจัดสรรทรัพยากรของเธอ
นอกจากนี้ยังมีทั้งการสร้างสรรค์อาวุธแบบใหม่ๆ ที่ดาร์เลเน่ทำได้ดีทั้งการลงมือปฏิบัติและการดีไซน์ หรือจะเป็นการเรียนรู้ด้านภาษาก็ตาม เห็นรึเปล่าล่ะว่าจริงๆ แล้ว กระต่ายน้อยของเรามีความสามารถซ่อนไว้ขนาดไหน
• B R A V E
ว่ากันว่าสัตว์ป่าจะมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดอยู่เสมอ แม้ว่าจะเป็นแค่กระต่ายป่าอย่างเธอก็ตาม สิ่งที่ผู้คนเคยชิน นั่นคือภาพของดาร์เลเน่ที่พยักหน้ารับคำสั่ง หรือยกยิ้มเออออไปกับคนอื่น พวกเขามักคิดว่าเธอคนนี้ ไม่สามารถเอาตัวรอดได้สำหรับสถานการณ์อันตราย ดังนั้นคนรอบตัวจึงมักคอยโอ๋ คอยดูแล ปกป้องกันแบบทะนุถนอมดูเเลสุดฤทธิ์ ใครจะรู้ล่ะว่า แท้จริงเเล้วใต้ท่าทีสั่นเทาพวกนั้น มันยังมีความกล้าแอบซ่อนเอาไว้..แค่ว่าสามารถใช้ได้เป็นบางเวลาเท่านั้นเอง
อะดรีนาลีน ว่ากันว่าเมื่อความกลัวหรือความเครียดพุ่งสูงถึงขีดสุด มนุษย์จะทำในสิ่งที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ในทางทฤษฎีได้อย่างง่ายดาย สำหรับดาร์เลเน่ สารอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาคือตัวกระตุ้นชนิดหนึ่ง เมื่อวิตกจนถึงขีดสุด สมองของเธอจะดับไปวูบ ก่อนจะถูกเปิดใช้งานอีกครั้งในสภาวะใหม่ที่เงียบสงบกว่าเดิม น่าแปลกแต่ก็เป็นเรื่องจริง ที่ว่าเธอจะตั้งสติและสามารถวิเคราะห์ข้อมูลทุกอย่างได้ในระดับว่าเป็นเลิศเมื่ออยู่ในสภาวะคับขัน มากเสียยิ่งกว่าตอนธรรมดาเป็นสิบเท่าเลยก็ว่าได้
แต่นั่นก็เป็นเพราะความตระหนักรู้ คนแบบดาร์เลเน่ รักชีวิตตัวเองได้มากพอกับการรักคนอื่นๆ ดังนั้นเมื่อถึงสถานการณ์คับขันจริงๆ ตัวเธอจะตระหนักรู้ได้เองว่า ในสถานการณ์แบบนั้น ไม่มีใครจะมาคอยช่วยเหลือเกื้อหนุนเราอีกเเล้ว หากอยากจะรอด เธอจะต้องลงมือทำด้วยตนเอง ความกล้าที่มีอยู่จะถูกปลุกเมื่อเข้าสู่สถานการณ์อันตรายถึงชีวิต ถึงตอนนั้นเเล้ว เธอก็คงจะสามารถทำมันได้ทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดเลยล่ะ
• U P S E T
เกือบจะเข้าข่ายคำว่าโกรธไม่เป็นซะเเล้วสำหรับเธอคนนี้ โดยปกติจะเห็นแค่โหมดงอนนิดงอนหน่อยตามประสาเด็กสาว แต่ถึงขั้นพ่นไฟเกรี้ยวกราดใส่นั่นก็ไม่ยักจะเห็นได้บ่อยนัก..ดาร์เลเน่สงบเหมือนสายน้ำสำหรับในเรื่องของเพลิงโทษา ดังนั้นโดยปกติจึงไม่โกรธใครเลย เว้นแต่ว่า จะเกิดมีคนเข้าไปเหยียบกับระเบิดในใจของเธอเข้าล่ะก็
สำหรับดาร์เลเน่ สิ่งเดียวที่ทำให้โกรธได้นั่นคือของที่เกลียด เเละของที่เกลียดนั่นก็มีแค่สองเท่านั้นบนโลกนี้ หนึ่งคือนกแก้ว (?) ถ้าใครเอาเธอไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้านกพันธุ์นี้ ก็ขอสาบานว่าจะโกรธไปอีกสักสามสี่ปีเป็นอย่างต่ำ หรืออย่างที่สองก็คือ ใครสักคนที่ชอบเหยียดหยามผู้อื่น ดาร์เลเน่เกลียดคนจำพวกนั้นมาก สายตาเธอ พวกเราล้วนเกิดมาเท่าเทียมกัน การเหยียดคนอื่นว่าต่ำศักดิ์กว่าจึงเป็นการกระทำที่หน้ารังเกลียด ที่ทำให้เธอไม่สามารถสะกัดกลั้นความโกรธไว้ได้ สุดท้ายก็กลายเป็นลุกไปเถียงฉอด ปั้นหน้ายักษ์เสียเต็มที (ถามว่าน่ากลัวบ้างไหม..ก็ไม่) โดยไม่สนว่าตัวเองจะรับมือได้ไหมตลอด น่าหนักอกหนักใจอยู่เหมือนกันนะ?
ในขณะเดียวกัน ก็กล่าวได้อีกว่า เธอคนนี้นั้น เมื่ออคติเเล้ว จะไม่สามารถกลับไปมองแบบเดิมได้เลย ต่อให้หลังจากนั้นจะพัฒนาขึ้น หรือดีจากเดิมแค่ไหน สายตาดาร์เลเน่ที่มอง ก็ยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเกลียดกันอยู่ดี ถ้ารักแล้วรักเลย เธอเองก็เกลียดแล้วเกลียดเลยเช่นกัน แต่..จะทำให้เธอเกลียดได้นี่ ต้องเลวร้ายสักแค่ไหนกันนะ? คาดเดาไม่ออกเลยจริง ๆ..
ชีวประวัติ ::
[ Diary of Darlene Trixie ]
กระดาษหน้าแรกนั้นถูกเว้นว่างเอาไว้
หน้าที่สองคือถ้อยคำอันเรียบง่ายขีดเขียนเอาไว้สั้น ๆ
' L O N E L Y '
นั่นคือความรู้สึกแรกเริ่มของเธอ
เด็กหญิงตัวน้อยนั้นเกิดขึ้นมาในครอบครัวธรรมดา ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีพ่อแม่ที่ประกอบอาชีพเลิศหรูตำแหน่งค้ำฟ้า ที่บ้านหลังน้อยนั้น ดาร์เลเน่อาศัยอยู่กับพ่อและแม่ของเธอ พวกท่านประกอบอาชีพร้านอาหารเล็กๆ ในโลกมนุษย์ แต่คงเพราะฝีมือเป็นเลิศขนาดนั้น ถึงทำให้ลูกค้าเเน่นขนัดได้ไม่เว้นแต่ละวัน
ภาพที่ดาร์เลเน่เห็น มักจะเป็นภาพของพ่อแม่ที่ยุ่งกับอยู่งานตรงหน้า เหงื่อโซมกายในทุกวันจากการต้อนรับลูกค้ามากมายจากหลายถิ่นดินแดน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ ในเมื่อใบหน้าของทั้งสองมักประดับรอยยิ้มอยู่เสมอ
ท่านทั้งสองชอบสิ่งที่ทำอยู่ เเละบางทีคงพูดได้ว่าถึงขั้นของคำว่า รัก
ดังนั้นการที่ต้องนั่งมองห่างๆ เล่นคนเดียวไปพลาง พูดคนเดียวไปพลาง จึงไม่ทำให้ดาร์เลเน่เกิดความรู้สึกอะไรสักเท่าไหร่ เด็กหญิงตัวน้อยวัยสามขวบรู้ดีว่าตนเด็กเกินกว่าจะช่วยงานพ่อแม่ สิ่งที่ทำได้จึงมีแต่การทำตัวเป็นเด็กดี ไม่ดื้อและไม่ซน เฝ้ารอช่วงเวลาที่ร้านอาหารเเสนอร่อยนี้จะหมดเวลาบริการ แล้วเราก็จะมาล้อมวงทานข้าวด้วยกันอย่างมีความสุขก่อนไปเข้านอน
ก็แค่ชีวิตประจำวันอันเรียบง่ายเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นกลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกประหลาด..
สี่ขวบ เวลาผ่านมาได้อีกหนึ่งปี หากทว่าชีวิตประจำวันของดาร์เลเน่ กลับยังคงเหมือนกับอีกหนึ่งปี..สองปี..สามปี..อ่า ใช่ มันก็เหมือนกับที่เคยผ่านมาตลอดทั้งชีวิตของเธอ
เพราะว่าดาร์เลเน่เป็นเด็กน่ารักนิสัยดี ดังนั้นจึงไม่เคยมีเรื่องทำให้พ่อแม่ต้องหนัก ต่อให้รักมากห่วงมากเท่าไหร่ เมื่อลูกสาวเเสดงออกว่าสามารถอยู่ได้ โดยไม่ก่อเกิดความวุ่นวายอะไร ย่อมเป็นความคิดสบายใจไปก่อนว่าสามารถปล่อยให้เด็กน้อยอยู่คนเดียวระหว่างที่ทั้งสองเริ่มทำงานได้เช่นนั้น
ทุกๆ วันดาร์เลเน่จะนั่งอยู่ในห้องนอนของตัวเองบนชั้นสอง คอยมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นลูกค้าของพ่อกับแม่เดินเข้าออกร้านอยู่เป็นประจำ เพราะว่าเขตชนบทละเเวกนี้ไม่มีเด็กคนอื่นเลย ดาร์เลเน่จึงอยู่เเต่ในห้องของเธอ..ถ้าจะบอกว่าตลอดสี่ปีที่ผ่านมา เธออยู่คนเดียวเเทบตลอด ก็คงไม่ผิดไปจากความจริงสักเท่าไหร่
แต่เพราะว่าไม่เคยเเสดงออก ไม่เคยบ่น ไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยงอแงหรือโวยวาย พ่อกับเเม่ถึงไม่เคยรู้ว่าใต้รอยยิ้มเดียงสาเหล่านั้น ก็เป็นความรู้สึกที่เริ่มสงสัย ว่าทำไมถึงเศร้าใจทุกครั้งเมื่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง
พ่อกับแม่ซื้อตุ๊กตาให้เธอพร้อมกับชุดน้ำชาของเล่น__แต่เเล้วเธอจะเล่นมันกับใคร?
พ่อกับแม่ซื้อหนังสือนิทานเรื่องโปรดให้กับเธอ__แต่ตอนที่เเม่ไม่ว่าง ใครจะอ่านให้เธอฟัง?
ในบ้านหลังนั้น ดาร์เลเน่มีความสุขที่ได้เกิดมาในครอบครัวเเสนวิเศษ
แต่เธอก็เหงาหงอย เดียวดายอยู่ภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมคับแคบ
ชีวิตวัยเรียนเริ่มต้นในอีกไม่กี่เดือนต่อมา มันเริ่มต้นได้ไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่
"ดาร์เลเน่ ทริกซี่ค่ะ.."
เสียงเล็กเบาหวิว เอ่ยแนะนำตัวโดยที่ไม่มีใครจะฟัง เด็กน้อยวัยสี่ขวบซุกซน พลังงานเหลือล้นและสมาธิสั้นเกินกว่าจะหยุดฟังเด็กหญิงตัวเล็กที่เสียงเบาซะยิ่งกว่าใบไม้หล่น ต่อให้คุณครูเอ่ยดุ พวกเขาก็ไม่ได้ตั้งใจฟังมากไปกว่าเดิม
ดาร์เลเน่หัวเราะแห้งๆ ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนจะกลับไปนั่งหน้าหงอยอยู่กับโต๊ะมุมห้องของตน
เธอหาเพื่อนไม่ได้ เพราะเธอไม่เคยมีเพื่อน..มันก็แค่นั้นเอง
หรือบางทีอาจจะมีเหตุผลอื่นอีกที่เธอไม่มีเพื่อน?
"หว๋า! / ว้าย!"
เสียงร้องตะโกนตกใจของเด็กสองคนดังขึ้น จากนั้นจึงตามด้วยเสียง โครม! และเสียง ฟุ่บ! พวกเด็กๆ คนอื่นในวัยสิบเอ็ดปีพากันวิ่งมาทางพวกเรา เเล้วยืนงงกันไปตามๆ กันเมื่อพบว่าผู้เคราะห์ร้ายที่ตกจากต้นไม้ทั้งสอง ดันอยู่ในสภาพต่างกันมหาศาล
ดาร์เลเน่นอนอยู่บนกองพุ่มไม้หนานุ่มที่ดูไม่น่าจะสร้างความเจ็บปวดอะไร ในขณะที่เพื่อนชายตัวร้ายที่ไซโค (กึ่งบังคับ) ให้เธอมาเล่นด้วยกัน (เพราะเหงากันทั้งคู่..) ดันนอนแหม็บแอ้งแม้งอยู่บนพื้น..
อาจจะคิดได้ว่าดาร์เลเน่คงโชคดี แต่ว่า--พอหันไปมองรอบตัว ก็ไม่เห็นจะเข้าใจว่าพุ่มไม้พวกนี้มันมาจากไหน?
"อีกแล้วเหรอเนี่ย!?" เสียงโวยวายดังมาจากเด็กชาย ลุกมายืนจังก้าเท้าสะเอวอยู่เหนือหัวเธอ "ดาร์เลเน่!"
"คะ..คะ?" สาวน้อยทำใจดีสู้เสือ ยิ้มรับทั้งที่หน้าซีดเป็นเผือกต้ม
"ทำไมกี่รอบๆ ต้นไม้พวกนี้ก็เลื้อยมารับเธอได้ตลอดเลยล่ะฮะ!"
ดาร์เลเน่ใบ้สนิท บอกตามตรงว่าเธอก็ไม่รู้..มันเป็นแบบนี้มาตั้งเเต่เธอเริ่มอายุได้แปดขวบ ไม่ว่าจะยังไงหรืออันตรายขนาดไหน ขอแค่อยู่ใกล้ๆ กับพวกต้นไม้ เธอก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร มากสุดมันก็แค่แผลถลอกนิดหน่อยจากการโดนกิ่งไม้เกี่ยว..
ฟังดูพิเศษ..แต่กลับไม่ใช่เรื่องดี
"ประหลาดชะมัด"
เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบตัว มันทำให้ดาร์เลเน่รู้สึกอายพอๆ กับกลัว เธอรีบขยับลุกขึ้น เตรียมจะวิ่งหนีแต่ก็ต้องชะงักกับเสียงฮือฮารอบตัว พุ่มไม้ที่เคยรองรับร่างเลื้อยกลับไปอยู่ในที่ของมันได้อย่างน่าอัศจรรย์
มือเล็กสั่นระริก สมองขาวโพลน ยิ่งได้ยินเสียงซุบซิบคุยจ้อเหวกตะโกน ยิ่งรู้สึกกลัว
ดาร์เลเน่วิ่งออกไป ขังตัวเองไว้ในห้องตลอดอีกหนึ่งอาทิตย์ที่เหลือก่อนปิดภาคเรียนสุดท้ายของชีวิตประถม
ก็แค่ไม่อยากจะโดนบอกว่าเธอมันประหลาดเท่านั้นเอง..
อาทิตย์ต่อมา มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอีกเเล้ว
หลังจากหาเหตุผลมาอ้างว่าทำไมถึงไม่ไปเรียนเลยตลอดหนึ่งอาทิตย์ก่อนปิดภาคเรียน เธอก็หมดเหตุผลให้เอามาอ้างสำหรับการไม่ยอมออกจากห้อง เพื่อมาต้อนรับผู้อยู่อาศัยใหม่ของบ้าน
อืม..เธอพูดว่าผู้อยู่อาศัยใหม่ของบ้าน..
ดวงตาสีน้ำเงินสวยคู่นั้นกำลังจ้องเธออยู่..
จ้องซะจน..ดาร์เลเน่คิดว่าตัวเองนึกกังวลว่าเธอทำอะไรผิดไปเหรอ..?
"เฮ้"
เด็กหญิงวัยสิบปีค่อยๆ ช้อนสายตามองคนเอ่ยปากทักเมื่อสักครู่ กะพริบตาเบาๆ ก่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อดันเงยหน้ามาสบสายตาเข้ากับการจ้องเป๋งไม่วางตาของอีกฝ่ายพอดี
น่าแปลกที่ทั้งที่จ้องมาขนาด เเต่เวลาต่อมากลับยกรอยยิ้มอ่อนหวานขึ้นมาประดับใบหน้า ทำเอาหัวใจเธอนั้นอุ่นวาบขึ้นมาได้อย่างน่าฉงนชวนสับสนใจ..
ก็แค่คิดว่า..เขาดูพึ่งพาได้..
"พี่ชื่อโบรอซนะ"
"...."
"ขอเรียก..ว่าเลเน่จะได้รึเปล่า?"
นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้คุยกับโบรอซ..พี่ชายต่างพ่อต่างแม่ของเธอ..
เขาเป็นลูกชายของคุณน้า น้องสาวของแม่ แต่น่าเศร้านักที่ครอบครัวนั้นเกิดความแตกแยกระหว่างสามีและภรรยา ฝ่ายชายถูกฝ้องหย่า เพราะนิสัยเมามายที่ไม่เคยแยแสครอบครัว มันควรจะจบได้ด้วยดีเมื่อคุณน้าชนะคดี ถ้าไม่ติดว่าทางนั้นฝ่ายชายนั้นเกิดคลุ้มคลั่ง เข้าทะเลาะวิวาทกับหล่อนเเละพลั้งมือฆ่าเธอตาย..
โชคชะตาที่น่าสงสารเหล่านั้นทำให้เด็กหนุ่มวัยสิบห้าสูญเสียทั้งพ่อ แม่ และบ้านของเขา เเม่ของดาร์เลเน่ที่ทราบข่าวไม่อาจทำใจอยู่เฉยได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมตอนนี้ โบรอซถึงมีสิทธิ์ให้ได้รับนามสกุล ทริกซี่ ต่อท้ายชื่อของเขา
และในตอนนี้ เขามีศักดิ์เป็นพี่ชายของเธอ
มีเรื่องหนึ่งที่ได้รู้เพิ่มหลังจากที่โบรอซเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเขา
ดาร์เลเน่กำลังยืนอยู่..ใช่..เธอยืนอยู่ แต่ว่าเธอไม่ได้ยืนอยู่บนพื้น มันเป็นธาตุอากาศ ขณะเดียวกันก็เหมือนมีสายลมกวัดแกว่งรองรับอยู่ใต้เท้า ดวงตาของเด็กหญิงเบิกกว้าง ปากสั่นลิ้นพัน พูดอะไรไม่ออกสักอย่างแม้แต่ตอนที่โบรอซยกยิ้มให้
มันน่าตลกมากที่เธอสามารถเข้ากับโบรอซได้อย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนของเขา เขาเป็นพี่ชายที่ดี และเขาก็เอ็นดูและดูรักเธอมาก ท่าทีอันไม่มีพิษภัยทำให้ดาร์เลเน่สามารถสนิทใจได้ด้วยง่าย มันง่าย..มากถึงขนาดกล้าบอกความลับความกังวลที่ไม่เคยบอกใครเลยแม้แต่พ่อเเม่ เกี่ยวกับความประหลาดของเธอที่เชื่อมโยงกับต้นไม้ต้นนั้น
ผลปรากฎว่า..เขายิ้ม
เป็นยิ้มที่ไม่ได้ดูประหลาดใจ ตื่นเต้น หวาดกลัว หรืออะไรเลย
และดาร์เลเน่ก็ได้รู้สักทีว่าทำไมเขาถึงยิ้มออกมาเเบบนั้น
"ก็น้องมีสายเลือดของแม่มดพ่อมดอยู่ในตัวนี่นา"
นั่นคือการเฉลยคำตอบของโบรอซ หลังจากโชว์พลังสุดเท่ของเขาให้เธอดู
และคำเฉลยนั้น ก็ได้รับการยืนยันจากพ่อและแม่ของเธอที่พร้อมใจกันยิ้มแห้งๆ ตอนเข้าไปถาม แบบไม่ต้องสงสัยเลยว่า ดาร์เลเน่ไปได้ไอ้นิสัยชอบยิ้มแห้งเเก้เก้อแบบนี้มาจากไหน..
สองปีต่อมา พ่อแม่ก็เซอร์ไพรส์เธอด้วยการบอกว่า "ลูกต้องย้ายโรงเรียนนะ"
แถมไม่ได้ย้ายโรงเรียนธรรมดา..เรียกได้ว่าย้ายข้ามโลกกันเลยทีเดียว..
เด็กน้อยวัยสิบสามกำลังยืนหน้าซีดเป็นเผือกต้มอยู่ในดินแดนประหลาด
หมายถึง--อะไรสักอย่างที่มันไม่คุ้นเคย อาจจะเป็นคนที่มีผิวซีดกับเขี้ยวแหลม หรือใครสักคนที่เหาะเหินด้วยไม้กวาด หรือ หรือ หรือ..เอ่อ..อีกมากมาย..
เอาเป็นว่าเธอไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่ที่นี่ได้เลยสักนิด
หมับ--
"ไม่ต้องคิดมากน่า" ใครคนหนึ่งจับบ่าเธอเบาๆ ปลอบด้วยรอยยิ้มเเล้วเปลี่ยนไปกุมมือเธอเอาไว้ "พี่ก็อยู่ด้วยทั้งคน เนอะ?"
อ่า..จริงด้วยสินะ..
เหตุผลเดียวที่ยอมมาอย่างง่ายดายทั้งที่ต้องห่างบ้าน..ก็เพราะมีพี่ชายคนนี้อยู่ด้วยนี่นา
พี่ชายของเธอน่ะ เป็นพี่จ๋าที่วิเศษที่สุดในโลกเลยล่ะ..
ในโลกใบใหม่นั้น ดาร์เลเน่ไม่คุ้นเคยกับอะไรเลย..เธอไม่รู้จักและยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสับสนและประหม่า เเต่เพราะมีโบรอซ ดาร์เลเน่ถึงสามารถเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ พวกนั้นอย่างช้าๆ เขาเป็นคนเก่งแถมยังรู้ใจเธอดีที่สุดในครอบครัว ไม่แปลกเลยว่าทำไมโบรอซถึงรู้ไปหมด ว่าควรจะทำยังไงให้ดาร์เลเน่สามารถปรับตัวเข้ากับโลกใบใหม่ใบนั้นได้
พวกเราไปอาศัยอยู่กับครอบครัวของคุณแม่ คุณตาและคุณยายแสนใจดี พวกท่านต้อนรับเราอย่างอบอุ่น บ้านหลังข้างๆ เองก็เป็นครอบครัวที่สนิทกันดีกับบ้านเรา และวันหนึ่ง ตอนที่ดาร์เลเน่เดินออกไปนอกบ้าน เธอก็ได้พบกับใครคนหนึ่ง..
ลูกชายของคุณป้าข้างบ้าน..เด็กชายที่ดูอารมณ์ร้อน คนที่ตะโกนโวยวายเสียงหลงเพราะเธอหันหลังวิ่งหนีเขาตอนที่ยกมือและยิ้มเพื่อเอ่ยปากทักทาย แต่ดันได้โชว์เขี้ยวแหลมในปากแบบนั้น
สรุปแล้วถึงเเม้ว่าจะโตขึ้นมาอีกสองปี ดาร์เลเน่ ทริกซี่ก็ยังขี้ขลาดเกินกว่าจะทำความรู้จักเพื่อนใหม่ได้อยู่ดี..
"เขาต้องเกลียดหนูเเล้วแน่ๆ เลยค่ะ"
คืนนั้นดาร์เลเน่กลับบ้านไป (ซึ่งกว่าจะกลับก็ชะโงกหัวเเอบดูอยู่นาน ว่าเด็กชายข้างบ้านคนนั้นยังอยู่เเถวนั้นรึเปล่า..) เเล้วก็จบลงด้วยการขังตัวเองเอาไว้ในห้องอีกเเล้ว คุณตาคุณยายก็เป็นห่วง แต่สุดท้ายคนที่มาเคาะประตูห้องเธอด้วยรอยยิ้มจางๆ แบบรู้ดีว่าดาร์เลเน่คงมีปัญหาหนักใจอะไรสักอย่าง กลับยังคงเป็นโบรอซอยู่ดี
พอรับฟังปัญหาหนักอกของเธอจบ เขาก็ยิ้มออกมาเเล้วลูบหัวเธอเบาๆ เป็นการปลอบขวัญ
"เขาไม่ได้เกลียดเลเน่หรอก เชื่อพี่สิ"
"แต่พี่จ๋า..เขาตะโกนใส่หนู" เด็กน้อยเบะปากอีกครั้ง เสียงตะโกนเมื่อกลางวันดังมากจนดาร์เลเน่นึกว่าเขาจะเขมือบเธอลงท้องเขาในครั้งหน้าที่เจอกันเเน่ ๆ
"โธ่ เด็กน้อย" โบรอซยิ้มอย่างเอ็นดู ส่ายศีรษะเบาๆ "ริชาร์ทแค่อารมณ์ร้อน เด็กนั่นชอบตะโกน แต่ก็ไม่ได้จะใจร้ายอะไรสักหน่อย..อ่า แต่ถ้าเลเน่กังวล วันพรุ่งนี้ก็ไปขอโทษเขากันเนอะ?"
นั่งคิดอยู่นาน สุดท้ายก็พยักหน้ารับหงอยๆ ดูท่าว่าจะยังกลัวไม่หาย และโบรอซก็คงรู้ความจริงข้อนั้น
"ถ้าอย่างนั้น ทำอย่างนี้นะ.."
"ชอบคุกกี้รึเปล่าคะ.."
"ห๊ะ?"
เช้าวันถัดมา เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยปากทักทายเพื่อนข้างบ้านที่กำลังยืนทำหน้าเหวออยู่ตรงหน้าเธอ
ริชาร์ด อาร์. โชวโกได จำได้ว่าอีกฝ่ายคือเด็กผู้หญิงที่วิ่งหนีเขาไปตอนยกยิ้มทักทายเมื่อวาน แต่ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้มาทักกันเเบบนี้ และสำหรับคำถามนั่น บอกตามตรงว่าเขาไม่ชอบคุกกี้หรือของหวานอะไรพวกนั้นสักเท่าไหร่
แต่พอขยับปากเตรียมจะตอบว่าไม่ กลับสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง..
ริชาร์ดสะดุ้งโหยง เหงื่อแตกซิกทันตาเมื่อเงยหน้าไปเจอกับสายตาอำมหิตเย็นเฉียบจ้องเขม็งมาจากมุมกำแพง โบรอซ--พี่ชายข้างบ้านที่เคยคิดว่าเท่จังเลยเเฮะ ตอนนี้กำลังขยับยิ้มเย็น ส่งสายตาประมาณว่าถ้าตอบว่า ไม่ ล่ะก็---เอ็งตาย
"อื้ม..ชอบ" ก็ได้ครับ...
และถึงเเม้จะต้องนอนฝันร้ายไปสองคืนเต็มๆ ริชาร์ทก็ได้ค้นพบว่าประสบการณ์ในวันนั้นไม่ใช่เรื่องแย่อะไร เพราะเด็กขี้กลัวข้างบ้านก็กลายมาเป็นเพื่อนของเขา เเถมเขายังได้รุ่นพี่ที่สามารถปรึกษาปัญหาหนักใจหายๆ อย่างแบบโบรอซมาด้วยอีก
ก็ถือเป็นการเริ่มต้นมิตรภาพที่ดี
เว้นซะแต่ว่าพี่แกจะชอบส่งสายตาแปลกๆ มาให้เขาลับหลังดาร์เลเน่ประจำน่ะนะ..
เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายปีตั้งแต่เปิดหน้าสมุดเป็นครั้งแรก
ยามนี้หมึกปากกาแทรกซึมไปบนผิวจนแผ่นสุดท้ายเสียเเล้ว
และเมื่อเปิดย้อนกลับไปยังความว่าเปล่าในตอนแรก
' รูปภาพของเธอที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
ท่ามกลางครอบครัวและเพื่อนสนิทเหล่านั้น '
ก็ได้ถูกแทนที่ความว่างเปล่าเหล่านั้นไว้ด้วยความรัก
- Darlene Trixie -
ความสามารถ ::
♠ อบขนม ; ทำได้อร่อยมากๆ โดยเฉพาะคุกกี้ รสชาติยิ่งกว่าเชฟมือหนึ่งของภัตตราคารห้าดาวอีก
♠ งานฝีมือ ; ดาร์เลเน่เป็นพวกมีหัวศิลป์ เเละมีความละเอียดอ่อนเวลาทำงานมาก ทำให้เธอถนัดเรื่องพวกนี้สุด ๆ
♠ การประดิษฐ์อาวุธใหม่ๆ ; จากที่สมองสร้างสรรค์กว่าชาวบ้าน แถมยังเก่งเรื่องศิลป์ บวกกับความช่างประยุกต์ มันจึงทำให้ดาร์เลเน่โดดเด่นในด้านนี้อย่างมาก จะเรียกว่าเป็นพรสวรรค์ ก็ยังไม่มีคนคิดว่ามันเกินกว่าเหตุเลยด้วยซ้ำ
♠ การเรียนรู้ด้านภาษา ; เธอไม่ได้พูดได้ห้าภาษาหรืออะไรหรอก แต่ครูหลายคนมักบอกว่าดาร์เลเน่สามารถเรียนรู้ภาษาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดายกว่าคนอื่น เธอสามารถฝึกฝนให้สามารถพูดภาษาที่ไม่คุ้นเคย จนพอพูดได้ฟังได้ ด้วยระยะเวลาเพียงสี่เดือนเป็นอย่างมาก
♠ ความถนัดในการจัดสรรทรัพยากร ; เป็นการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์และจำแนก ทำให้สามารถเอารายละเอียดต่างๆ ตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงเรื่องสำคัญ มาประยุกต์ใช้ให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดได้
พลังพิเศษ ::
♠ ศาสตร์เวทมนตร์ ; ดาร์เลเน่สามารถใช้เวทมนตร์ได้เล็กน้อย อย่างการเคลื่อนย้ายสิ่งของด้วยจิต หรือการอำนวยความสะดวกง่ายๆ อย่างการใช้เวทมนตร์เปิดหน้าหนังสือ หั่นผักเป็นชิ้นๆ หรือใช้มันกวาดบ้านถูบ้าน แต่ว่าเธอยกของที่หนักเกินสามสิบกิโลกรัมไม่ได้ ใช้ทำงานที่ละเอียดอ่อนอย่างแกะสลักก็ไม่ได้ อีกทั้งถ้าใช้มากเกินไป เธอจะเป็นลมล้มตึงเอาได้ด้วยนะ
♠ ควบคุมพันธุ์ไม้ ; ทักษะอีกอย่างของแม่มดที่เธอมีคือการควบคุมพวกต้นไม้หรือดอกไม้ ดาร์เลเน่ชำนาญมันมากๆ เธอสามารถทำให้ต้นไม้ใหญ่เปลี่ยนรูปร่างได้ แต่ว่าก็มีอาณาเขตการใช้งานแค่ห้าสิบเมตร รวมถึงมีระยะเวลาจำกัดอย่างฝืนได้แค่สี่ชั่วโมงเท่านั้นอีกด้วย ( แค่เข้าใกล้ระยะสี่ชั่วโมงก็ทำให้ดาร์เลเน่วิงเวียนศีรษะอย่างมากเเล้ว ถ้าเกินกว่านั้นก็อันตรายเลยล่ะ )
สิ่งที่ชอบ ::
♠ คุกกี้ ; อร่อยมากๆ อร่อยที่สุดในโลกเลย
♠ พี่ชาย ; พี่จ๋าน่ะดีที่สุดในโลกเเล้วล่ะ!
♠ ส้ม ; เธอจะชอบรสที่อมเปรี้ยวนิดหน่อยด้วยนะ
♠ อากาศตอนเช้าตรู่ ; มันสดชื่นดีน่ะ ลมพัดหน่อยๆ ไม่มีแดด เเล้วก็ปลอดคนด้วย
♠ งานประดิษฐ์ ; เช่นการสร้างอาวุธใหม่ๆ เธอชอบมันมาก ทั้งดีไซน์ ลงมือทำ หรือให้คำแนะนำชี้แนะ เธอชอบมันทั้งหมดเลย!
♠ ธรรมชาติ ; ทั้งสวยงาม ร่มรื่น น่าอยู่ เเถมยังมหัศจรรย์และยิ่งใหญ่สุด อีกต่างหาก
สิ่งที่ไม่ชอบ ::
♠ โดนหลอก / โดนแกล้ง ; เพราะหัวช้าเลยกลายเป็น Favorite Target ของคนอื่นๆ แถมแต่ละอย่างก็ใช่ว่าจะดี ดังนั้นไม่ต้องพูดกันมากนักหรอกว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบ
♠ การสัมผัสที่มากเกินไป ; ถ้าไม่ใช่ครอบครัวกับริชาร์ดที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอ ก็ไม่ชอบให้ใครแตะเนื้อต้องตัวมากเกินไป สายตาดาร์เลเน่มันทำให้รู้สึกแปลกๆ แถมยังคิดว่าไม่ควรอีกด้วย
♠ ขนมกรุบกรอบ ; มันไม่มีประโยชน์ และก็ไม่อร่อยด้วยสำหรับเธอ
♠ โดนดุ ; ใจเธอมันบาง..
♠ ความเจ็บปวด ; เพราะสำหรับเธอ..มันทรมาน..
สิ่งที่เกลียด ::
♠ คนที่ชอบเหยียดคนอื่น (เหยียดผิว เหยียดรูปร่าง ฐานะ อื่น ๆ) ; ดาร์เลเน่แค่คิดว่าคนเราก็ล้วนเกิดมาเท่ากันทั้งนั้น เธอจึงเกลียดคนที่ชอบเหยียดหยามคนอื่นมากๆ เมื่อเจอความกลัวก็มักหายไป ปากกล้าเข้าไปต่อว่าเขาให้เพื่อนและพี่ได้แต่สะดุ้งไปตามๆ กันตลอด ว่ายัยตัวดีอาจจะโดนเตะปลิวกลายไปเป็นดาวเอาน่ะสิ
♠ นกแก้ว ; เคยโดนมันลอกเสียง พูดเลียนแบบอยู่เป็นเดือน..บอกตรงๆ ว่าเธอหลอน.. ( เวลาเจอนกเเก้ว จะปฏิเสธที่จะเข้าใกล้แบบสุดๆ เลยล่ะ..แบบว่า ยืนตัวตรง ตาเเข็งค้าง ปล่อยรังสีทะมึนแถมไม่ยิ้มแล้วพูดว่า "ไม่เด็ดขาดค่ะ!" ออกมาแบบจริงจังที่สุดเท่าที่ชีวิตจะทำได้เลยล่ะ.. }
สิ่งที่กลัว ::
♠ ครอบครัวได้รับบาดเจ็บ ; รักครอบครัวมากๆ จึงไม่อยากให้พวกบาดเจ็บไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม ขนาดแค่พี่ชายไปเล่นกีฬาจนได้แผลกลับมา ดาร์เลเน่ยังร้องไห้จ้า ไม่ยอมห่างพี่จ๋าไปหลายวันเลยทีเดียว ( Damage : ♥♥♥♥♥ )
♠ งู ; เห็นแล้วกรี๊ดบ้านแตก เผลอๆ จะลมจับหงายหลังตึงมันเสียตรงนั้นนั่นแหละ ( Damge : ♥♥♥♥ )
แพ้ :: -
งานอดิเรก ::
♠ อบคุกกี้ ; เพราะว่าชอบทานมากๆ ก็เลยฝึกทำกินเองบ่อยๆ เลยล่ะ แถมดาร์เลเน่ยังทำได้รสชาติมากเลยนะ บางทีก็ทำสูตรธัญพืชแบบแคลอรี่น้อยๆ ให้พี่ชายทานด้วยล่ะ
♠ ถักคอร์เช่ ; คุณแม่สอนตอนเด็กๆ เเล้วก็ติดเป็นนิสัยที่ต้องทำทุกเย็นไปแล้ว
♠ อ่านหนังสือทำขนม ; อยากรู้สูตรใหม่ๆ น่ะ
♠ ฝึกปรุงยา ; พยายามทำความเข้าใจโลกฝั่งนู้น เเล้วคิดว่ามันคล้ายๆ กับพวกการทำขนมดีด้วยนั่นแหละ
♠ ออกไปเดินเล่นช่วงเช้าตรู่ ; ดาร์เลเน่คิดว่าช่วงนั้นอากาศเย็นสบายที่สุด ลมพัดเบาๆ ผู้คนไม่มากนัก แถมยังมีกลิ่นหอมของธรรมชาติคลอลิ้วใบหน้าอีกด้วย เธอชอบมันมากเลยล่ะ
ลักษณะการพูด :: น้ำเสียงหวานเล็กหากไม่เสียดหู เธอมักพูดด้วยเสียงเบาๆ อยู่เสมอ ดาร์เลเน่เป็นคนที่มีลักษณะการพูดจาติดไปทางเนิบนาบ ค่อยเป็นค่อยไปเพราะจำเป็นต้องเรียบเรียงความคิดก่อนจะพูด มีความสุภาพเเละอ่อนหวานในภาษาสูง บางครั้งก็สั่นเครือไปบ้างจากความอายหรือความกลัว ดาร์เลเน่ชอบเเทนตัวเองว่า ฉัน เรียกทุกๆ คนว่า คุณ ไม่ก็นามสกุล แต่หากสนิทกันมากแล้วล่ะก็ เธอจะเปลี่ยนไปแทนตัวเองว่า เรา พร้อมกับเรียกคนสนิทคนนั้นด้วยชื่อจริง นั่นเท่ากับว่าเธอจะไม่เรียกคนไม่รู้จักด้วยชื่อจริงนั่นเอง ดาร์เลเน่มีหางเสียงทุกๆ ประโยค เว้นก็แต่จะพูดกับเพื่อนที่สนิทกันมากๆ เท่านั้น ถึงจะไม่ใส่หางเสียง เพราะเคยโดนท้วงว่ามันเป็นทางการจนเกินไป {{ Special - ดาร์เลเน่จะเรียกพี่ชายของเธอว่า พี่จ๋า! เพราะว่าตอนเด็กๆ เขาเป่าหูให้เธอเรียกแบบนั้นจนมันติดเป็นนิสัยยังไงล่ะ #พี่ชาย is ยิ้มอย่างผู้ชนะing (..) }}
Ex.
♠ "สวัสดีค่ะมิสเตอร์ซิมสัน อ๊ะ--อรุณสวัสดิ์ค่ะมิสซิสโรจิน่า คุณด้วยนะคะมิสซิสเคลลินน์ ขอให้โชคดีสำหรับวันนี้นะคะ" เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้นไปเรื่อยเมื่อพบเจอกับคนคุ้นหน้า ด้วยความเป็นเด็กดี เธอเอ่ยทักพวกเขาพร้อมโค้งศีรษะให้ ว่าแต่ว่า..นี่เธอรู้จักคนเเถวนั้นหมดเลยรึไงนะ..?
♠ เสียงหัวเราะกลั้วดังจากเด็กสาวเจ้าของเส้นผมสีเงินยวง ก่อนจะรีบเม้มปากเเน่นกลั้นเสียงหัวเราะทันทีเมื่อเห็นสายตาเคืองๆ จากเพื่อนสนิท ทว่าสุดท้ายก็กลั้นไว้ไม่ไหว หลุดหัวเราะออกมาอีกจนได้ "ก็ริชาร์ดทำหน้าตลกขนาดนั้นนี่นา ฮะ ๆ"
♠ "เอ๋? ไม่ใช่ว่าต้องทำแบบนี้เหรอคะ.." ดาร์เลเน่เอ่ยพึมพำออกมา ดวงตาฉายแววไม่มั่นใจ แต่ยิ่งอีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างบอกให้เชื่อใจเท่าไหร่ เด็กสาวก็ได้แต่เม้มปากเเล้วหลุบตาลงเท่านั้น "ค่ะ..เข้าใจเเล้วค่ะ" แต่เหมือนจะจำได้ว่าไม่ใช่แบบนั้นนี่..อ่า ช่างเถอะ บางทีเธอคงจะจำผิดล่ะมั้ง?
♠ ใบหน้าหวานดูบึ้งตึงและงอง้ำ ริมฝีปากเม้มเเน่นในขณะที่คิ้วก็พันกันเป็นปม "ไม่พูดด้วยหรอกค่ะ" ดาร์เลเน่เบนหน้าหนี ก่อนจะรีบสับเท้าเดินออกไปอีกทางทันทีเมื่อถูกอีกคนเว้าวอน เพราะว่าถ้าอยู่ต่อล่ะก็ เธอคงใจอ่อนยอมยกโทษให้อีกแน่ ๆ..
♠ "ฮึก.." ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นปาดหยาดน้ำสีใสบริเวณขอบตาทั้งสองข้าง ถึงอย่างนั้นทัศนวิสัยก็ยังถูกกรีดทิ้งเป็นเสี่ยงๆ ด้วยหยดน้ำตา ดาร์เลเน่สะอึกสะอื้น พยายามใช้ฟันขบริมฝีปากกลั้นไม่ให้ตนร้องไห้ "ขอโทษค่ะ..ขอโทษ ฉันนี่มันขี้แยเป็นบ้า..ขอโทษจริงๆ นะคะ.."
เพิ่มเติม ::
♠ ดาร์เลเน่ไม่เคยรู้ว่าพี่ชายเเสนอ่อนโยนคนนั้น มักจะคอยส่งสายตาอำมหิตไปยังเหล่าหนุ่มๆ ที่เข้าหาเธอเสมอ
♠ ริชาร์ด อาร์. โชวโกได เป็นผู้ชายคนเดียวที่เป็นเพื่อนสนิทของดาร์เลเน่ ได้รับการเเสกนยืนยันจากพี่จ๋าเรียบร้อยแล้วว่าไว้ใจได้ นอกจากนี้ตัวเขาเองก็อีโวลูชั่นกลายเป็นพี่ชายอีกคนของดาร์เลเน่ไปเเล้วเรียบร้อย (เพราะต้องดูเเลตลอดยังไงล่ะ!)
♠ Trixie family is Darlene's stand (..) #แม่ก็โอ๋ พ่อก็รัก พี่ยังหวง สุดๆ ไปเลยบ้านนี้---
♠ แฟนชั่นที่ชอบคือเสื้อไหมพรมและกระโปรงสีเข้มตัดกับสีอ่อนของไหมพรม ไม่ชอบใส่สีฉูดฉาด ชอบใส่กำไลข้อมือ และมักสวมรองเท้าจำพวกหุ้มส้นหรือบูธมากกว่าส้นสูง อนึ่ง ดาร์เลเน่ไม่ใส่กางเกง ไม่ว่าจะสั้นหรือยาวก็ตาม
♠ ไม่แต่งหน้าเลย เว้นแต่พวกโลชั่นบำรุงผิวที่คุณแม่วอนขอให้ลูกเธอตลอดกับลิปปามล์
♠ ดาร์เลเน่ไม่กินหมู ไม่กินเฉยๆ ไม่ใช่ว่าเเพ้หรือไม่ชอบ ก็แค่ไม่กิน (?)
♠ เธอเก่งวิชาทางวิทย์และศิลปะ แต่ว่าไม่เอาไหนเท่าไหร่เลยในเรื่องของวิชาประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ หรือการเมืองเศรษฐกิจ
♠ สามารถเล่นกีฬาได้ มีร่างกายที่ค่อนข้างแข็งแรงผิดภาพลักษณ์นุ่มนิ่ม แต่ว่าไม่ได้เก่งอะไร
♠ ตู้ยาวิเศษของแม่มดดาร์เลเน่ { ยาล่องหน - ยาเสน่ห์ - ยาเปลี่ยนสี - ยาปลูกผม / ขน (?) etc. (ที่กำลังพัฒนาอยู่) }
♠ เผื่อสงสัยนะคะ ริชาร์ด อาร์. โชวโกได aka ลูกชายเพื่อนแม่ที่อยู่ข้างบ้านตายายของดาร์เลเน่นั่นเเหละค่ะ
_____________________________________________________________________
TALK WITH CHARACTER
“ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนซิลวาเนีย กรุณาแนะนำตัวด้วยชื่อ นามสกุลและเผ่าพันธุ์ของคุณเพื่อยืนยันตัวตนด้วยค่ะ”
ANS :: "สวัสดีค่ะ" สิ้นคำถามนั้น ร่างผอมบางก็ทำการโค้งศีรษะลงด้วยท่วงท่าอ่อนน้อมทันที รอยยิ้มเจือระบายลงไปบนใบหน้า ในขณะเดียวกันปลายนิ้วก็แอบชื้นเหงื่อขึ้นมา เธอดูตื่นเต้น เเต่ในเวลาเดียวกันก็พยายามสงบสติเเล้วเรียบเรียงคำพูดตอบกลับไป "ฉันชื่อดาร์เลเน่ค่ะ..มาจากตระกูลทริกซี่ อ่า จริงๆ แล้วพวกเราเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาน่ะค่ะ" เด็กสาวหัวเราะแห้งๆ ออกมาเสียงเบาหวิว "แล้วก็..เป็นลูกครึ่งแม่มดกับมนุษย์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ"
“ขอทราบทัศนคติเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของคุณได้มั้ยคะ?”
ANS :: "ฉันต้องตอบทั้งสองเลยสินะคะ" ริมฝีปากขยับพึมพำ เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย ดาร์เลเน่แสดงสายตาครุ่นคิดกับตนเองอยู่ครู่หนึ่ง "จริงๆ แล้วตัวตนของสองเผ่าพันธุ์สายเลือดในตัวฉัน ทัศนคติที่มองก็ค่อนข้างจะแบ่งแยกกันเล็กน้อยนะคะ..แม่มดดูเหมือนกับความฝัน พวกเขาสร้างสิ่งอัศจรรย์ด้วยเรื่องที่เหนือไปกว่าเหตุผล แต่ก็งดงาม.." เด็กสาวกล่าวเนิบนาบ พักหยุดหายใจครู่เเล้วจึงพูดต่อ "ในขณะที่มนุษย์ก้าวหน้าไปด้วยวิทยาศาสตร์ อันที่จริง ถ้าพูดเเล้วมนุษย์เราก็ไม่ได้มีอะไรวิเศษมากหรอกค่ะ..เว้นก็แต่หัวใจ สมอง และความมุ่งมั่นของพวกเขา.." เสียงหวานแผ่วจางลงจนแทบไม่ได้ยินในท้ายสุด ดาร์เลเน่หัวเราะออกมาพร้อมรอยยิ้มเก้กัง พวงแก้มขาวระเรื่อซับสีฟาดได้อย่างน่าเอ็นดูที่สุด "เหมือนว่าจะพูดมากไปแล้วสินะคะ? แหะ ๆ.."
“คำว่ามนุษย์มีความหมายว่าอะไรและเป็นอย่างไรในความคิดคุณ”
ANS :: ดาร์เลเน่เอียงคอมองผู้ถาม เธอรู้สึกคำถามมันตอบยากนิดหน่อยสำหรับเธอ.. "ความหมาย..แล้วก็เป็นอย่างไร" เด็กสาวหลุบตาต่ำ พึมพำออกมาทบทวนคำถามนั้น "มนุษย์..ก็คงไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ.." เด็กสาวเริ่มที่จะตอบคำถามนั้นด้วยความเนิบนาบอีกครั้ง "เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมา c]tเป็นสิ่งที่พระเจ้าท่านคิดว่าดีเเล้วที่ได้สร้างสรรค์ แต่ก็..คงต้องมีทั้งด้านที่สว่างและมืดมิดแตกต่างกันไป" รอยยิ้มจางยกขึ้นจบท้าย เธอสรุปให้ว่า "อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีข้อดีที่สวยงาม และข้อเสียที่ต้องปรับเเก้เหมือนๆ กับทุกเผ่าพันธุ์นั่นแหละค่ะ"
“ตามประวัติศาสตร์ คุณคิดว่าการกระทำของท่านเป็นอย่างไรที่สร้างอีเดนนี้ให้กับเรา”
ANS :: "ในความเห็นของฉัน มันก็ดีนะคะ" ดาร์เลเน่ตอบเสียงเบาหวิวหนักกว่าเดิมหลายเท่า เธอก้มหน้าลงมองฝ่ามือสองข้างที่กอบกุมเข้าหากัน นิ้วโป้งก็ถูไปมาประสาคนที่เริ่มคิดไม่ออกว่าจะตอบคำถามยากๆ พวกนี้ยังไง เธออ้ำอึ้ง เพราะคิดว่าประเด็นนี้มันละเอียดอ่อน ก็เลยเริ่มจะคิดไม่ตกกับคำตอบซะเเล้ว "แล้วก็..เอ่อ..อย่างน้อยทุกๆ คนก็ได้มีชีวิตที่ดีกันอีกครั้ง..ถึงจะจำกัดอิสรภาพไปสักหน่อย" สาวน้อยหัวหมุนติ้ว บางทีคงมีควันลอยฟู่ออกมาหัวเธอได้เเล้วกระมังนาทีนี้ "ก็ ก็..ดี..นั่นแหละค่ะ" ว่าจบแล้วดาร์เลเน่อยากยกมือปิดหน้าร้องไห้โฮ ทำไมเธอถึงได้หัวช้านักนะ..ฮือ..
“คำถามสุดท้าย คุณคิดไว้หรือยังว่าอนาคตอันใกล้นี้จะเลือกอยู่หรือไปจากอีเดน”
ANS :: "เรื่องนั้น..แน่นอนค่ะ ฉันต้องเลือกอย่างหลัง.." คำตอบเงียบลงชั่วขณะ เหมือนว่านึกอะไรขึ้นได้ ดาร์เลเน่รีบยกมือขึ้นโบกบ่ายไปมาทันที "ตะ แต่ว่าไม่ได้หมายความว่าที่นี่ไม่ดีนะคะ!" เด็กสาวหน้าซีด มือไม้สั่นพาลจะพาเสียงเครือไปด้วย "คือ..ครอบครัวฉันอยู่ที่นั่น.." แล้วก็คอตกไป จบการสนทนานี้ไว้ด้วยแค่คำว่า "ขอโทษค่ะ.."
_____________________________________________________________________
TALK WITH PARENTS
สวัสดีอีกครั้งนะคะ ฮันนี่เองค่า ผปค.ชื่ออะไรกันเอ่ย
ANS :: สวัสดีค่าา รันรันเองงงง ยินดีที่เจอกันอีกครั้งน้า <3
เหตุผลที่เลือกบทนี้มีอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ?
ANS :: ชอบคาร์แรคเตอร์น้องค่ะ! เราอยากลองเขียนคาร์แนวนี้มาสักพักเเล้วด้วย
ถ้าน้องไม่ติดบทหลัก สนใจบทเสริมหรือรับกลับคะ?
ANS :: บทเสริมก็ได้ค่ะ ♥
ขอคำนิยามให้น้องหน่อยค่ะ
ANS :: กระต่ายป่าตัวน้อยยย นิยามให้น้องเป็นกระต่ายป่าค่า ภาพลักษณ์นุ่มฟู น่ารัก และน่าเอ็นดู แต่ก็ระเเวดระวัง ถึงมีความขลาดกลัวของมันเอง มันก็สามารถเอาตัวรอดในยามวิกฤตได้ด้วยสัญชาตญาณ และทักษะที่มันพอจะมีอยู่บ้างนั่นเองค่ะ
เรื่องนี้ไม่ได้เน้นเรื่องคู่เท่าไหร่ แล้วแต่การจับคู่ของเราซะส่วนใหญ่ อยากทราบว่าโอเคกับ Normal, Yaoi, Yuri มั้ยคะ
ANS :: เราได้ทุกสายเลยค่ะ! ให้น้องขึ้นคานก็ได้เช่นกัน เย้ (..?)
เรื่องนี้เน้นดาร์กมากค่ะ ถ้าน้องมีโอกาสตายปานกลางค่อนไปทางสูงจะโอเครึเปล่าคะ
ANS :: โอเคคร้าบ เราชอบบ 5555
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณที่มาสมัครเรื่องนี้ รักทุกคนนะคะ <3
ANS :: รักคุณฮันนี่เช่นกันค่ะ! ขอบคุณที่เปิดนิยายดีๆ ให้สมัครน้า
ความคิดเห็น