ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #398 : 5 อันดับ การปักธงโครตยิ่งใหญ่ และงดงาม by Cammy

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 59


    ปักธง หรือ Flag เป็นศัพท์ของเกมแนวจีบสาว (ปัจจุบัน เอามาใช้ในแนว รักๆ จนติดปากไปแล้ว) โดยหมายถึงการเกิดอีเวนส์สำหรับตัวละครนั้นๆ ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ไป และเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับความรู้สักของตัวละครนั้นๆ ที่ม่ต่อตัวเอก เป็นต้นว่า เริ่มมีใจ ประทับใจ มีความรู้สึกดีๆ

    นอกจากนี้ยังรวมไปถึงศัพท์อีกอย่าง คือ ธงตาย (เดธ เฟล็ก) หมายถึงเหตุการณ์ล้มเหลวในการปักธง แทนที่ตัวละครรู้สึกดีๆ กับกลายเป็นรู้สึกร้ายๆ แทน รวมไปถึง

    แต่ในบทความนี้ เราจะพูดแค่เรื่องปักธง และแค่พระเอกปักธงหญิงเท่านั้น

     หลายคนอาจคิดว่าการกปักธงเพียงแค่ผู้ชายทำดีอะไรนิดหน่อยผู้หญิงก็เข้ามาสนใจ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วการปักธงมีอยู่ 2 ระดับ คือการปักธงให้ผู้หญิงสนใจ เกิดความประทับใจ (แต่ยังไม่ได้มีความรักกับตัวเอก) และอีกระดับคือการปักธงให้ผู้หญิงเกิดความรู้สึกรักตัวเอก และต้องเป็นตัวเอกเท่านั้น เป็นคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด

    ส่วนใหญ่แล้ว แนวรักๆ กันนั้น ตัวละครหญิงคนหนึ่ง กว่าที่จะมีความรู้สึกชอบตัวเอกนั้นต้องผ่านการปักธงระดับ 1 มาหลายรอบ หลายรูท ก่อนที่จะปิดท้ายกับการปักธงระดับ 2 ซึ่งทำให้คนอ่านเกิดความรู้สึกว่ามันเป็นความรักที่สมหวัง สมควรเกิดขึ้น จนคนดูเกิดความรู้สึกที่ดีกับความรักนั้น

    แม้ว่าการปักธง มักใช้ในการ์ตูนแนวรักๆ ส่วนใหญ่แนวฮาเร็ม แต่ปัจจุบันเราไม่ค่อยได้เห็นการปักธงที่ทำให้คนดูรู้สึกสุดยอด (ฟิน) อีกแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการปักธงแบบง่ายๆ พระเอกทำดีเข้าหน่อยก็ปักธงแน่นแล้ว   ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่หลายคนไม่ชอบฮาเร็ม รวมไปถึงนิยายเน็ตที่ส่วนใหญ่การปักธงทำแบบขอไปที สิ่งเหล่านี้การพัฒนาการปักธงก็นับวันลดความสำคัญลง จนทำให้เรารู้สึกเฉยๆ ในการปักธง

    อย่างไรก็ตาม ก็ใช่ว่า การปักธงดีๆ จะไม่ได้หายไป เพียงแต่เราไม่ค่อยได้เห็นเท่านั้น ซึ่งก็คงต้องดูต่อไปว่าจะมีการ์ตูนเรื่องไหนบ้างที่มีการปักธงดีๆ มีคุณภาพบ้าง

    สำหรับบทความนี้ ก็มี 5 การปักธงที่ดี ตามความรู้สึกของผม ส่วนใหญ่จะเป็นการ์ตูนเก่าๆ ซึ่งมีอิทธิพลต่อรสนิยมของผมจนถึงปัจจุบัน น่าเสียดายที่ผมอยากรวมการปักธงนิมพ์ ลงไปด้วย แต่เนื่องจากผมเขียนถึงหลายรอบแล้วก็ขอเว้นเอาไว้ มาพูดอันดับที่ผมมักหยิบยกเอามาพูดถึงบ่อยๆ จะดีกว่า

     

    ปักธงที่ 5 คามิชิโระ ริน (Maburaho อนิเมะตอนที่ 5)

    สิ่งที่ผมชอบในการปักธง ผมชอบพระเอกปักธงตัวละครหญิง ที่ตอนแรกไม่รู้สึกชอบพระเอกเลย แถมยังชอบชายคนอื่นอีก หากแต่พระเอกได้แสดงให้เห็นว่าเขาทำได้มากกว่าชายคนที่เธอชอบ และทำให้เธอมาสนใจได้ ผมว่ามันเป็นการปักธงที่โครตสุดยอดมากๆ และหนึ่งในการปักธงนั้นคือฉากชิคิโมริปักธงรินชนิดว่ามิดด้าม แถมเป็นรูทที่ผมดูซ้ำซากมากที่สุด อีกรูทหนึ่งด้วย

      Maburaho เป็นการ์ตูนแนวคอมมาดี้, ฮาเร็ม, โรงเรียน, เวทมนต์ ที่ตอนแรกถูกทำเป็นไลท์โนเวล ผลงานโดย Trukiji Toshihiko 18 เล่ม(2001 ยังไม่จบ)  ก่อนที่จะถูกดัดแปลงเป็นอนิเมชั่น 24 ตอนจบ(2003-2004 เฉพาะภาคแรก)  โดยเป็นเรื่องราวของโลกใบหนึ่งที่เวทมนต์เป็นเรื่องปกติ และจุดศูนย์กลางของเรื่อง เป็นเด็กหนุ่มอายุ 17 ปีเห่ยๆ คนหนึ่งชื่อ คาซึกิ ชิคิโมริ นักศึกษาชั้นปีที่สองของโรงเรียนเวทมนต์ที่มีชื่อเสียง แต่เขากลับเป็นคนธรรมดาที่ใช้เวทมนต์ได้แค่ 8 ครั้ง (หากใช้ครบเขาจะตายเป็นขี้เถ้า) จนกระทั่งวันหนึ่งก็มีผู้หญิงสวย 3 คนเข้ามาในชีวิตของเขา และทั้งสามต่างชอบพระเอก พร้อมวัตถุประสงค์รองคือต้องการน้ำเชื้อพระเอกเพื่อกำเนิดทายาทที่แข็งแกร่ง

    Maburaho อาจไม่ใช่อนิเมะฮาเร็มที่สุดยอด แต่ก็เป็นอนิเมะฮาเร็มเรื่องแรกที่ผมดู และเกิดความประทับใจอย่างที่แท้จริง รวมไปถึงรูทปักธงริน คามิชิโระที่ทำได้สุดยอด (ฟิน) สำหรับผมมากๆ

    ริน คามิชิโระเป็นหนึ่งในฮาเร็มที่เข้ามาในชีวิตพระเอก และเป็นหนึ่งเดียวที่ไม่มีความรู้สึกชอบพระเอกเลยแม้แต่น้อย โดยเป็นรุ่นน้องของพระเอก แต่มีพลังเวทมนต์มากกว่า และมีชาติตระกูลที่เป็นนักดาบเวทมนต์ที่มีชื่อเสียง แต่ ที่มีความหลังอดีตที่แสนเลวร้ายที่ถูกบังคับให้สืบทอดทายาท จนต้องหนีออกมา ใช้ชีวิตอิสระในหอพัก เพื่อจะเป็นสาวน้อยธรรมดา

    หากแต่แล้ววันหนึ่งตระกูลหลักได้สั่งเธอว่าจงเป็นภรรยาของชิคิโมริซะ เพื่อจะได้ทายาทสืบทอดตระกูลที่กำลังล่มสลาย เพราะพลังเวทย์กำลังอ่อนลง หากแต่รินไม่ตอบรับเพราะเธอไม่อยากแต่งงานกับชายที่ไม่รัก จึงมีความคิดจะฆ่าชิคิโมริตลอด อีกทั้งเธอเองยังมีรุ่นพี่ในชมรมวิทยาศาสตร์ที่แอบชอบมาโดยตลอด จึงไม่ความคิดจะชอบชิคิโมริเลย ทำให้เวลาเจอชิคิโมริก็จะเอาดาบไล่ฟันตลอด (ซึน)

                    ความรู้สึกของรินที่มีต่อพระเอกมีแต่ความเย็นชา และไม่รู้สึกชอบมาโดยตลอด จนกระทั่งมาถึงตอนที่ 5 หลังจากเล่นรูทคนอื่น ก็มาถึงรูทของริน เมื่อรุ่นพี่ชมรมวิทยาศาสตร์ที่รินเป็นสมาชิกอยู่จะย้ายออกจากโรงเรียน รินก็อยากมอบข้าวกล่องให้เป็นของขวัญให้รุ่นพี่ที่แอบชอบ หากแต่เธอไม่เก่งเรื่องทำครัว ทำให้ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า

    ชิคิโมริและยูนะได้เห็นรินลำบาก ด้วยการเป็นพระเอกจิตใจดีชอบช่วยเหลือคนอื่นจึงข้ามาช่วยเหลือ จนกระทั่งข้าวกล่องเสร็จ

    ขณะที่รินกำลังดีใจถือข้าวกล่องรุ่นพี่อยู่นั้น เธอก็ได้ทำข้าวกล่องหลุดมือจนเกือบตกสู่พื้นดิน ปกติแล้วมันเป็นความผิดของริน หากแต่พระเอกไม่สามารถทำให้ผู้หญิงเสียใจได้ พระเอกเลยใช้จำนวนเวทมนต์ที่น้อยนิดของจนช่วยเหลือช่วยเหลือริน ด้วยการย้อนเวลาข้าวกล่องให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายรินก็ไม่ได้มอบข้าวกล่องให้รุ่นพี่ เธอมอบข้าวกล่องให้พระเอกแทน แต่ปรากฏว่าข้าวกล่องของรินนั้นมีรสชาติที่ห่วยแตกเป็นอย่างมาก แม้พระเอกจะบ่น แต่เขาก็ทานจนหมดจนได้

    เรียกว่าฉากพระเอกทานข้าวกล่องนี้โดนใจผมโครตๆ

    นั่นเองทำให้รินได้รู้ว่าพระเอกนั้นเป็นคนดีที่เหลือเชื่อ และทำให้เธอสนใจพระเอกในที่สุด และถือว่าเป็นการปักธงที่ผมชอบเป็นครั้งแรกที่ดูแนวฮาเร็มมาก็ว่าได้ แม้ว่าจะเป็นการปักธงระดับ 1 ก็ตาม

     

    ปักธงที่ 4 ลูซี่ (อนิเมะ Elfen Lied ตอนที่ 13)

    ฉากโคตะปักธงลูซี่นั้น ผมว่าเป็นฉากปักธง (ระดับ 2) ที่โครตยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมาเลยทีเดียว

    แน่นอนว่ามังงะ Elfen Lied  จบลงแบบโศกนาฏกรรม (แถมยังเจอมุกคาใจคนแต่งอีกต่างหาก) แต่ก็ยอมรับว่าอนิเมะนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย แม้เนื้อหาจะไม่ได้สมบูรณ์เท่ามังงะ แต่มันก็เป็นสิ่งอนิเมะทำได้ในตัวของมันเอง  และทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ

    ความสนุกของ Elfen Lied   อยู่ตรงที่การเล่าเรื่องราวระหว่าง คนสองคน คือ พระเอกที่ชื่อ “โคตะ” กับเด็กสาวลึกลับที่ชื่อ “ลูซี่” (นิว) ตอนแรกๆที่ทั้งคู่พบกัน ทั้งสองต่างไม่รู้จักกัน หากแต่เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไป เราก็เริ่มทราบว่าการที่ทั้งคู่พบกันนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่

    ในอดีต ลูซี่เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ (ไดครอเนียส) ที่มีพลังจิตที่ร้ายกาจ มีพฤติกรรมโหดร้ายตั้งแต่วัยเด็ก เครียดแค้นมนุษย์ทุกคน จนกระทั่งวันหนึ่งลูซี่ก็ได้พบโคตะสมัยเด็ก  โคตะนั้นไม่ได้รังเกียจลูซี่ และเล่นด้วยกัน สำหรับลูซี่แล้วถือว่ามันเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจน่าจดจำ หากแต่แล้วเพราะความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ ลูกซี่กับทำสิ่งไม่น่าให้อภัยเมื่อเขาฆ่าพ่อและน้องสาวของโคตะไป จนทำให้โคตะช็อกและสูญเสียความทรงจำช่วงนี้ไป

    เมื่อลูซี่รู้สึกผิด เธอก็หนีความจริง และได้ถูกจับขังห้องทดลองโดนองค์กรลับ ที่พยายามพัฒนามนุษย์พันธุ์ใหม่ ลูซี่ถูกพันธการ ถูกริบสิทธิทุกอย่าง แต่เธอก็มีความหวังว่าจะเจอโคตะในอนาคต จนกระทั่งเธอหลบหนีจนได้พบโคตะอีกครั้ง

    ความสนุกของเรื่องนี้คือ โคตะจะทำยังไงเมื่อรู้ว่าลูซี่คือเด็กสาวที่ทำเรื่องเลวร้ายต่อเขา และพรากคนที่เขารักไป ในตอนสุดท้ายที่ 13 คือบทสรุป (แต่มังงะไม่ใช่บทสรุป ) เมื่อโคตะทราบความจริง ทั้งสองเผชิญหน้าอีกครั้ง หลายคนคิดว่าโคตะจะฆ่าลูซี่เพื่อจบเรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี้ไว้เบื้องหลัง

    หลังจากที่โคตะได้พบลูซี่ได้ฟังเรื่องราวต่างๆของเธอที่ถูกศูนย์วิจัยกักขังจนสิ้นอิสรภาพแต่นั้นไม่ได้เทียบเท่ากับบาปที่เธอทำกับโคตะแม้แต่น้อยเธออยากจะตายไปพ้นๆ จากโลกนี้ซะแต่สิ่งที่เธอมีกำลังใจจะอยู่ต่อคือการที่จะพบกับโคตะอีกครั้งเพื่อให้โคตะตัดสินชีวิตของเธอ

    อย่างไรก็ตามโคตะได้แต่เงียบ ลูซี่จึงคิดจะจากพระเอก ไม่ให้มาให้เห็นหน้าอีก                

     “อย่าไปนะ” โคตะเอ่ยประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขณะที่ลูซี่กำลังจะหนีจากโคตะ เขากอดลูซี่ที่ด้านหลังไว้แน่น จนลูซี่สับสนกับสิ่งที่โคตะทำ

     “ทำไมล่ะ? ฉันฆ่าครอบครัวเธอนะ” 

    พระเอกตอบกลับว่า

    ฉันไม่ให้อภัยเธอไม่ได้ที่เธอฆ่าพ่อและคานาเอะ(น้องสาวของโคตะ)

     แต่.....แต่ว่า....ถ้าเธอทำร้ายคนอื่นอีกฉันจะเสียใจยิ่งกว่านี้อีก”

    “ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงที่เหงาๆ คนนั้น หรือว่านิว ฉันก็ชอบทั้งคู่” (เม่ง)

    เรียกได้ว่าฉากที่โคตะให้อภัยกับลูซี่ พร้อมกับเสียงเพลงลิลิอุมดอกลิลี่ (Lilium) ที่หดหู่และเศร้า ยิ่งฉากลูซี่จูบโคตะพร้อมกับความทรงจำวัยเด็กที่มีความสุขไหลเข้ามา ก็เป็นอะไรที่ดูยิ่งใหญ่ ประทับใจเป็นอย่างมาก

     

    ปักธงที่ 3 ซิซูคุ (มังงะ ตอน 30-33)

     

    Omamori Himari (ฮิมาริเจ้าเสน่ห์) เป็นเรื่องของ อามาคาวะ ยูโตะ เด็กหนุ่มผู้สูญเสียพ่อแม่ของเขาไปเมื่อ 7 ปีก่อนทำให้เขากลายเป็นเด็กกำพร้า ผู้อยู่โดดเดี่ยว จนกระทั่งวันหนึ่ง เป็นวันที่ยูโตะอายุครบ 16 ปีบริบูรณ์ ระหว่างทางที่เขาได้เดินไปโรงเรียน เขาก็ได้พบเด็กสาวลึกลับ  ระหว่างที่เขาอยู่ในโรงเรียนนั้น เขาก็ได้ถูกจู่โจมจากวิญญาณร้าย และเขาก็ได้รับการช่วยเหลือจากเด็กสาวลึกลับคนนั้นไว้ ซึ่งเธอนั้นมีชื่อว่า ฮิมาริ ภูตแมวจำแลงกาย ด้วยคำสัญญาของบรรพบุรุษ อีกทั้งเธอคนนั้นจะมาอยู่ด้วยกันกับยูโตะตั้งแต่วันนั้นไป เพื่อทำหน้าที่ปกป้องยูโตะ จนกว่ายูโตะจะกลายเป็นนักปราบปีศาจเต็มตัว

    อย่างไรก็ตามชีวิตของยูโตะก็ไม่ได้สงบสุขนัก เพราะหลังจากนั้นเขาก็พบภูตสาวคนอื่นๆ (ในฮาเร็ม) และหนึ่งในนั้นก็มี “ซิซูคุ” ภูตสาวงู (โลลิเทียม) ด้วย

    Omamori Himari อาจไม่ใช่การ์ตูนแนวฮาเร็มที่สุดยอดอะไรมากมาย (ช่วงหลังๆ กลายเป็นแนวอะไรไม่รู้) แถมผลงานช่วงหลังๆ ของคนแต่งก็ยังแนวพระเอกเก่ง-เอจจิ-เซอร์วิสอีกต่างหาก (ซึ่ง ฮิมาริเองช่วงๆ พระเอกเก่งกึ่งแอ็คชั่นซะงั้น) แต่ถึงอย่างนั้นในช่วงแรกๆ ผมค่อนข้างชอบทีเดียว และช่วงที่ชอบที่สุดคิอการปักธง ซิซูคุถือว่าเป็นการปักธงที่งามมากสำหรับผม

    แม้ว่าบท ซิซูคุ ค่อนข้างจะมีน้อย (เพราะเรื่องนี้ตัวละครหญิงสายรุกเยอะ แถมเนื้อหาส่วนใหญ่ไปเน้นฮิมาริมาก) แถมคาแร็คเตอร์เข้าหาพระเอกนั้นค่อนข้างต่ำ (แนวน้องสาวก็ไม่ใช่, แนวโลลิก็ไม่ใช่ อารมณ์เป็นประเภทคนสังเกตการณ์มากกว่า (แต่ระดับเซอร์วิสกับพระเอกก็โหดเหมือนกัน แม้จะน้อย แต่ก็ระดับน่าจดจำ) แต่กลายเป็นว่ารูทพระเอกปักธงน้องงูนั้นระดับมหาสุดยอดมาก ชนิดว่าเอาชนะรูทปักธงฮิมารินางเอกเรื่องนี้ยังงามสู้ไม่ได้เลย

    ซิซูคุ เป็นภูตงูขาว นับว่าเป็นสาวคนที่สามที่เข้าฮาเร็มของยูโตะ (แต่กว่าจะมาเป็นทางการก็ปาไปตอนที่ 30-33 นั่นแหละ) โดยเธอเป็นงู (หรือมังกรน้ำ) ที่อดีตเคยเกลียดชังนักปราบปีศาจจากสงครามกวาดล้างตระกูล จนเหลือแต่เธอคนเดียว และเธอก็นับยูโตะที่เป็นทายาทว่าเป็นศัตรูด้วย ตอนแรกเธอก็วางแผนจะฆ่ายูโตะ หากแต่ตอนหลังพบว่ายูโตะเป็นคนจิตใจดีงาม เลยเลิกล้มความตั้งใจ และอาศัยอยู่ในบ้านของเขาฐานะผ็สังเกตการณ์แทน

    แม้จะมีรูปร่างโลลิแบบสาวคูล แต่ก็ชอบเล่นมุกโลลิแบบหน้าตายตลอด ตอนแรกๆ เธอรู้สึกเฉยๆ กับยูโตะ แต่ตอนหลังๆ เริ่มพัฒนา จนกระทั่งมาถึงบทที่ 30-33 อันเป็นรูทปักธงอย่างแท้จริง

                    เรื่องของเรื่อง น้องงูนั้นมีประวัติชีวิตที่ดราม่า นั่นคือมีความแค้นกับนักปราบปีศาจที่ฆ่าล้างตระกูลพกพ้องของเธอ แต่ก็อยากแก้แค้น หากแต่พวกนักปราบปีศาจเหลานั้นก็แก่ตายไปหมดแล้ว

                    จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็ทราบข่าวว่ามีทายาทคนที่ฆ่าตระกูลเธอหลงเหลืออยู่ ดังนั้นเธอจึงจะต้องฆ่ามันให้ตาย โดยเธอจากลากับพระเอก ไปโดยไม่บอกกล่าว

                    แน่นอนว่า เมื่อพระเอกรู้เรื่องนั้น เขาก็ต้องหยุดน้องงู และเมื่อเผชิญหน้า น้องงูยังคงยืนยันว่าจะฆ่าศัตรูของเธอคนนี้ อย่างไรก็ตามพระเอกปฏิเสธ แล้วบอกว่าให้เธอข้ามศพเขาไปก่อน

                    อย่างไรก็ตาม น้องงูไม่สามารถทำร้ายพระเอกได้ พระเอกจึงได้กอดเธอพร้อมกับบอกว่า

    “ฉันไม่เชื่อหรอก! ที่คุณอยู่ด้วยความแค้นนะ  

    ถ้าอย่างงั้น คุณจะมาอยู่กับพวกเราทำไม?

    ถ้าคุณไม่ได้เป็นมิตรกับพวกเรา? แล้วคุณจะมาอยู่กับพวกเราทำไม?

                    “สิ่งที่คุณต้องการแท้จริง ก็คือการหาสถานที่ที่เธอใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่ใช่เหรอครับ?

                    “ถ้าไม่ได้ เป็นเช่นนั้น”

                    “คุณซิซูคุซังคิดหรือว่า เพียงแค่คุณหายไปจากชีวิตของพวกเรา พวกเราจะมีความสุขหรือครับ?

                    “แล้วถ้าคุณออกจากชีวิตประจำวันที่สงบสุขนี้ แล้วทำสิ่งที่เลวร้ายลงไป...”

     “ผมก็ไม่ยอมให้คุณทำแบบนั้นหรอก!!

    และด้วยคำพูดของพระเอกนั้นเอง ทำให้น้องงูร้องไห้ ความแค้นที่ผ่านมาละลายไปสิ้น และหลังจากนั้นน้องงูก็กลายเป็นหนึ่งในฮาเร็มของพระเอกอย่างแท้จริง

                    บางครั้งการปักธงก็ไม่จำเป็นต้องหวือหวา หรือต้องมีความซับซ้อนแต่อย่างใด หากแต่มันเป็นเรื่องของความเรียบง่าย ที่ไม่จำเป็นต้องมีความรักที่เกี่ยวกับเซ็กต์ แต่เป็นเรื่องของการอยู่ร่วมกันมากกว่า ถ้าหากพูดตามตรงก็คือรูทพระเอกปักธงน้องงูนั้นระดับมหาสุดยอดมาก ชนิดว่าเอาชนะรูทปักธงฮิมารินางเอกเรื่องนี้ยังงามสู้ไม่ได้เลย (ดีที่สุดในเรื่องแล้ว ก่อนที่ตอนหลังๆ เนื้อเรื่องก็เริ่มไม่ค่อยสนุกแล้วละ เน้นแอ็คชั่น และขาดเป้าหมายเกิน)


    ปักธงที่ 2 มาริโมะ ทันเกะ 

    Shinmeikai Road Grass เป็นเรื่องราวของเคดะ โทกาชิ ที่ชีวิตไม่ได้ลิ้มรสชาติความสนุกสนานของชีวิตหลังเลิกเรียนเลย ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเลือกเข้าเรียนต่อมัธยมปลายในโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลจากบ้านเพื่อจะใช้ชีวิตหลังเลิกเรียนแบบชาวบ้านได้เสียทีและวันแรกเขาได้แวะไปที่ห้างสรรพสินค้าก่อนกลับบ้าน ที่นั้นเขาก็พบสามสาว สามแบบ สามสไตล์ที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน (แต่คนละห้อง) ซึ่งประกอบไปด้วยคิราระ จิโตเสะ,  มาริโมะ ทันเกะ,  ซากิ ฟุราโนะ, ซาคิปโปะ  และ มาริโมะ ทันเกะ สาวคนสวย เก่ง ฉลาด กล้าได้กล้าเสีย อีกทั้งยังหน้าอกใหญ่ และพวกเขาทั้งหมดก็ได้เป็นเพื่อนกลับบ้านกัน

    จากตอนแรกๆ เพื่อนร่วมก๊วนกลับบ้านเป็นแค่ “เพื่อน” หากแต่ช่วงหลังๆ พวกสาวๆ เองก็เริ่มมีใจให้พระเอก (โดยที่พระเอกไม่รู้ตัว) และในขณะเดียวกันคนรอบข้างพระเอกก็ต่างอิจฉา (เพราะปกติแล้ว ไม่มี ชายไหนหรอกกลับบ้านกับเพื่อนสาวทั้งน่ารักตั้ง 3 คน เกือบทุกวันหรอก)

    เนื้อหาช่วงหลังๆ เริ่มมีอะไรแปลกๆ ขึ้น เมื่อนิยายเพิ่มตัวละคนใหม่ชื่อ ฮิงาชิคางุระ โทมะ นักเรียนชายพึ่งย้ายมาใหม่ ที่หน้าตาดีและฉลาดเฉลียว แต่เบื้องหลังเป็นฆาตกรต่อเนื่องฆ่าผู้หญิง โดยแทนอาวุธมีดเป็นอวัยวะเพศตนเอง

    ฆาตกรต่อเนื่องโทมะ ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่ม พระเอก เพราะจ้องจะเล่นงานจิโตเสะ ซึ่งเป็นเหยื่อที่มันต้องมาโดยตลอด หากแต่เรื่องเหล่านี้มีคนรู้ เมื่อ รุโมอิ เด็กสาวที่เคยถูกโทมะทำร้าย ตอนนี้เป็นแค่จิตที่ฝังอยู่ในตัวจิโตสะได้เข้ามาเตือนโทกาชิให้ช่วยกัน จิโตสะให้เป็นแฟนกันแบบบังหน้า เพื่อไม่ให้ฆาตกรลงมือสะดวกนั้น

    อย่างไรก็ตามโทมะก็แก้ปัญหานี้ด้วยการไปตีสนิททันเกะ เพื่อที่จะให้มันเข้าใกล้จิโตเสะ ความจริงทันเกะไม่สนคนอย่างโทมะสักไหร่ หากแต่ต้องการให้โทกาชิสนใจตนบ้าง เธอจึงยอมสนิทกับโทมะกลับบ้านด้วยกัน

    และเมื่อโทกาชิเห็นหน้าฮิงาชิคางุระ โทกาชิก็รู้สึกได้ว่าฮิงาชิคางุระก็คือฆาตกรต่อเนื่องที่ทำร้ายรุโมอิ และมันกำลังเล็งทันเกะ เป็นเหยื่อของมัน

                    และนั่นเองทำให้โทกาชิตั้งใจห้ามทันเกะ ไม่ให้ไปกับโทมะ

                    ทันเกะอย่ากลับบ้านกับชายอื่นนอกจากผมได้ไหม ผมน่ะ ทั้งจิโตเสะ ทั้งทันเกะ และซาคิปโปะเป็นผู้หญิงของผม ผมจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนอื่นแตะต้องหรอก!!”

    การปักธงก็ไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกรักๆ แบบแฟน แต่เป็นการปักธงที่แสดงให้เห็นว่าพระเอกห่วงใย ยอมอับอาย ยอมเอาตัวที่จะเสี่ยง ที่พร้อมจะเอาชีวิตเพื่อเธอให้ปลอดภัย และ นานๆ จะได้เห็นการปักธงสายเรียลท่าสร้างความอิจฉาแก่คนรอบข้าง และทำให้ตัวโกงง่อยแด๊ก

    ที่สุดยอดคือ แม้คนรอบข้างจะมองว่าพระเอกนิสัยเลว ควบผู้หญิงสองคน หากแต่สำหรับทังเกะกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะความคุ้นเคยที่อยู่ด้วยกัน เธอมองว่าน้ำเสียงของพระเอกที่พูดออกไปไปนั้น เป็นคำที่มาจากใจ ต้องการปกป้อง และดูเท่ๆ มากๆ

    แม้ว่านิยายก๊วนกลับบ้าน เล่มสุดท้ายนั้นอาจมีสองเสียง ระหว่างคนที่ไม่ชอบเพราะเปลี่ยนอารมณ์ไปหน้ามือเป็นหลังมือ แต่สำหรับผมแล้ว ผมชอบนะ เพราะมันต้องมีอะไรให้ตื่นเต้นบ้าง แถมเรื่องทั้งหมดก็ยังเป็นเรื่องหลังเลิกเรียนตามหัวเรื่องด้วย ไม่ได้หลุดเนื้อหาแต่อย่างใด มันยังคงสนุก และฟินมากอีกเรื่องหนึ่ง


    1.นิพม์ (Sora no Otoshimono Manga  มังงะ 29-30  ในอนิเมะเป็นตอนที่ 7-8  ซีซั่นสอง)

    แม้ไม่อยากจะเขียนถึง แต่มันอดไม่ได้อยู่ดีที่จะอวย เพราะการปักธงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ผมมีความหลงใหลในการปักธงอย่างมีคุณภาพ ชอบการใส่เรื่องราว การกำหนดคาแร็คเตอร์สาวน้อยที่ตอนแรกไม่ได้รู้สึกชอบพระเอก และเกิดความชอบพระเอกจนหลงใหล ถีบตัวจากตัวประกอบ กลายเป็นนางรองที่ฉายแสงโดดเด่นเทียบเท่านางเอกในเรื่อง

    การปักธงนิพม์ Sora no Otoshimono Manga  มังงะ 29-30  (ในอนิเมะเป็นตอนที่ 7-8  ซีซั่นสอง)  มันเป็นอะไรที่ซึ้ง ยิ่งใหญ่ และมีชั้นเชิงในการผูกปมเล่าเรื่องราว

    หนึ่งในการปักธงที่ดีที่สุด คือการปักธงกับแด็กสาวที่มีดราม่า มีปมจิตใจ และน่าสงสาร ทำให้พระเอกดูว่าเขาเป็นที่พึ่งพาได้ รับทุกสิ่งทุกอย่างของเธอได้  และเปิดเผยความรู้สึกของตนเอง

    นิพม์เป็นตัวละครที่โดนแกล้งมากที่สุดใน Sora no Otoshimono  พร้อมกับความกังวลในจิตใจ ที่เธอแอบชอบพระเอกโทโมกิ แต่เธอก็ได้แค่มอง อีกทั้งเธอยังเชื่อว่า เธอไม่สามารถทำประโยชน์เพื่อใครได้ ระหว่างนั้นเองนิมฟ์ก็ได้พบเคออส แองจีรอยด์ที่ร้ายกาจที่สุด

     เคออสปั่นหัวนิมฟ์ นอกเหนือจากทำร้ายร่างกายนิมฟ์อย่างโหดร้ายแล้ว ยังทำลายจิตใจนิมฟ์ว่าเป็นแองจีรอยด์ที่ไร้ประโยชน์ที่ไม่มีใครต้องการ  เคออสแปลงร่างเป็นคนที่นิมฟ์รู้จัก แต่คนที่ทำให้นิมฟ์สะเทือนใจที่สุด ก็คือโทโมกิ (ที่เคออสแปลงร่าง) บอกให้นิมฟ์ ระเบิดตัวเองตายไปซะ

    ระหว่างที่นิมฟ์กำลังย่ำแย่อยู่นั้น ฮิคารอสก็มาช่วยเหลือ แต่ก็ถูกเคออสปั่นหัวด้วยการแปลงร่างเป็นโทโฒกิอีก แล้วสั่งให้ฮิคารอสฆ่านิมฟ์ แต่ฮิคารอสไม่อยากทำร้ายนิมฟ์ จึงจับนิมฟ์ขว้างไปที่ปลอดภัย

      นิมฟ์เจ็บทั้งกายและจิตใจ ระหว่างที่กำลังนิมพ์กำลังจะถูกเดสด้าที่รับคำสั่งสกายมาสเตอร์ทำมาฆ่านั้น โทโมกิก็ได้ปรากฏกายขึ้นมาทัน (ปรากฏกายได้ถูกเวลามาก) โทโมกิได้พูดประโยคมหาเมพที่หลายคนประทับใจว่า

     การที่แองเจรอยด์มีความฝันมันผิดด้วยเหรอการที่แองจีรอยด์ไม่ทำตามคำสั่งมาสเตอร์ไม่ได้เหรอแองเจรอยด์ไม่มีปีกน่ะมันผิดด้วยเหรอการที่แองจีรอยด์ทานแอ๊ปเปิ้ลเชื่อมร้องไห้ ชอบทานขนม ไปสวนสัตว์ และดูพวกสัตว์ไม่ได้เหรอสำหรับฉันนะ ฉันรับได้ ฉันยอมรับเธอ ”

    เมื่อนิมพ์ได้ยินก็ซึนแตกตื้นตันใจซบอกโทโมกิ โทโมกิ โทโมกิ โทโมกิ.... ซ้ำไปซ้ำมา พร้อมกับร้องไห้แบบไม่อายใคร เมฆหมอกที่หลงคิดว่าตนเองไร้ประโยชน์ได้สลายไปจนหมดสิ้นแล้ว (ยิ่งเป็นอนิเมะยิ่งฟิน เพราะตอนช่วงเพลงจบ โทโมกิได้กลับบ้านพร้อมกับนิมฟ์ ก่อนที่ตอนท้ายทั้งสองจับมือด้วยกัน)

    การปักธงนิพม์นั้นแสดงให้เห็นว่าพระเอกนั้นใส่ใจเธอสักแค่ไหน สิ่งที่พูดออกมานั้นมาจากใจของโทโมกิเอง ที่เขาได้แอบมองสิ่งที่เธอทำมาโดยตลอด และนิมพ์ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของโทโมกิไปแล้ว





    มีต่อภาค 2

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×