ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [The Last Fic SJ] ----oooo 'หลงรัก' >>> EunHae, WonKyu

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 ลาออก

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 54


     

    Chapter 2

    ลาออก

     

                “นี่! ไปรับแขกที่ห้องเบอร์แปด”

     

                เสียงห้วนๆ ของชายวัยกลางคนดังขึ้น ก่อนจะหายเข้าไปหลังไนท์คลับ ฮยอกแจรู้สึกถึงน้ำตาที่คลอหน่วงอยู่ในดวงตาทั้งสองข้าง แต่เขาจะถอยไม่ได้เด็ดขาด เพราะตอนนี้อี ฮยอกแจไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้ว

     

                เด็กหนุ่มร่างโปร่งผลักประตูเข้าไปด้านใน กลิ่นกัญชาลอยเข้ามาปะทะจมูกจนเขาต้องยู่หน้า ในห้องแคบๆ ห้องหนึ่งมีเตียงขนาดคิงไซส์ตั้งอยู่กลางห้อง และมีผู้ชายแก่คราวพ่อนอนหงายรอคอยฮยอกแจอยู่ก่อนแล้ว

     

                “ส...สวัสดีครับ”

     

                เสียงแตกหนุ่มเอ่ยทักทายออกไป เขาพยายามจะบังคับไม่ให้เสียงสั่น แต่ตอนนี้ฮยอกแจรู้สึกกลัวไปหมด กลัว...ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น

     

                “คุณนายคิมบอกว่าเธอเป็นเด็กใหม่ของที่นี่ หน้าซื่อๆ แบบนี้คงจะจริงสินะ”

     

                “ชะ...ใช่ครับ”

     

    ฮยอกแจละล่ำละลักตอบ ก่อนที่ข้อมือบางจะถูกกระชากไปนอนบนเตียง แล้วชายแก่มากตัณหาก็จับเขากดแนบไปกับพื้นเตียงทันที

     

    “อ๊ะ!

     

    “ไม่ต้องกลัวหรอกน่า เดี๋ยวฉันจะสอนงานเธอเอง”

     

                “ปล่อยผมเถอะครับ ฮือๆ ผมไม่อยากทำแล้ว...อื้อ”

     

                ฮยอกแจยกมือไหว้ด้วยความหวาดกลัว เขาพยายามจะชันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่กลับถูกกดทับด้วยริมฝีปากของชายผู้นั้น มันมีกลิ่นกัญชาจางๆ

     

    ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นกลิ่นที่หอมหวน แต่ฮยอกแจกลับรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา แขนขาสั่นเทาไปหมด ได้แต่หลับตาแล้วนึกถึงหน้าของลูก ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้ทงเฮจะต้องอดตายแน่ๆ

     

                “หันหลังไปสิ!” ชายแก่บอกเสียงเรียบ ก่อนจะดึงข้อมือฮยอกแจลุกขึ้นมา

     

                “หะ...หันหลังทำไมเหรอครับ”

     

                “ไม่ต้องถาม แค่หันหลังมาให้ฉันก็พอ”

     

                ทันทีที่เด็กหนุ่มหันหลังให้อีกฝ่าย กางเกงขายาวก็ถูกดึงลงอย่างรวดเร็วทันที ร่างกายของฮยอกแจชาวาบ หมดสิ้นแล้วศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขา มันไม่เหลืออะไรให้น่าภูมิใจอีกต่อไปแล้ว

     

                “อ๊ะ...อื้อ...”

     

                ฮยอกแจเกร็งแน่น มือทั้งสองข้างจิกเข้ากับผ้าปูที่นอนอย่างทุรนทุราย สิ่งที่สอดใส่เข้ามาในร่างกายของเขา ฮยอกแจรู้ดีว่ามันคืออะไร แต่เพราะความเจ็บปวด เขาไม่อาจจะขัดขืนได้เลยแม้แต่นิดเดียว

     

                ตึก...ตึก...ตึก...

     

                เสียงเตียงกระทบกับผนังเป็นจังหวะ รวมทั้งเสียงเอี๊ยดอ๊าดที่ก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา เขาจึงเม้มปากแน่นเพื่อข่มไม่ให้มีเสียงใดๆ เล็ดลอดมาเลยแม้แต่นิด หากแต่มือสากกลับฟาดที่บั้นท้ายงอนๆ อย่างเต็มแรง

     

                “ครางสิ...ครางออกมาดังๆ”

     

                “ผมเจ็บ...อึก...”

     

                ฮยอกแจบอกด้วยน้ำเสียงเชิงขอร้อง แต่เขาคงจะลืมไปว่าที่แห่งนี้มันไม่ใช่สถานที่ที่จะมาขอร้องใครได้ ถ้าเริ่มแล้วก็คงต้องทรมานตลอดไป คงต้องกระทำให้สำเร็จจนกว่าอีกฝ่ายจะสุขสม

     

                “ฉันบอกให้คราง!!!

     

                “อ๊า...อะ...อ้า...”

     

                ฮยอกแจครางโดยอัตโนมัติเมื่อส่วนแข็งขึงที่น่ารักเกียจเบียดแทรกผ่านเข้ามาในร่างกายของเขารุนแรงมากขึ้น บั้นท้ายทั้งสองข้างถูกบีบแน่นจนฮยอกแจรู้สึกราวกับมันกำลังจะแหลกละเอียดเสียเดี๋ยวนั้น ทว่าเสียงคำชมก็ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย

     

                “ดีมาก เธอทำดีมาก...อา...”

     

                สุดท้ายของเหลวอุ่นๆ ก็ถูกปลดปล่อยเข้ามา ฮยอกแจทรุดฮวบลงไปนอนราบกับเตียงนุ่ม เวลาผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที เขาก็ถูกกระชากแขนขึ้นไปนั่งอีกครั้ง

     

                “เมื่อกี้ฉันแค่สอนงาน ถึงคราวที่เธอต้องทำเองบ้างแล้ว”

     

                เขาจับฮยอกแจขึ้นไปนั่งตักกว้าง ไรหนวดแข็งคลอเคลียไปทั่วแผ่นหลังเนียนสวยจนฮยอกแจขนลุกซู่ จู่ๆ น้ำตาใสก็รินไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง

     

    เพื่อเงิน...ฮยอกแจจะต้องทำ

     

    เพื่อทงเฮ...ฮยอกแจจะต้องทำให้ได้

     

     

                เมื่อไนต์คลับปิดลงในช่วงเวลาตีหนึ่ง ฮยอกแจก็รีบวิ่งกลับไปที่ร้านรับฝากเลี้ยงเด็กทันที ทว่าไฟหน้าร้านดับลงไปตั้งนานแล้ว ประตูก็ปิดสนิทราวกับไม่มีคนอยู่

     

                “ทงเฮ!

     

                ฮยอกแจตะโกนลั่นอย่างใจเสีย ลูกของเขาอยู่ที่ไหนกัน กำปั้นกลมทุบออดหน้าร้านไม่ยั้ง แต่ก็ไร้วี่แววของการตอบกลับมา

     

                ปังๆๆ

     

                “เปิดประตูด้วยครับ ผมมารับลูกคืน ช่วยเปิดประตูให้ผมด้วย!

     

                ฮยอกแจทุบประตูหน้าร้านด้วยความโมโห เสียงตะโกนด่าทอมาจากบ้านหลังอื่นๆ ดังตามมา แต่ร้านที่เขาฝากทงเฮเอาไว้กลับยังเงียบสนิท

     

                ปังๆๆ

     

                “เปิดประตูสิ! เปิดประตู...ฮือ...ทงเฮลูกพ่อ...”

     

                ฮยอกแจร้องไห้เป็นเด็กๆ เพราะความจริงแล้วเขาก็เป็นแค่เด็กที่กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเท่านั้น การที่ต้องแบกรับภาระมากขนาดนี้ทำให้ฮยอกแจรู้สึกท้อจนทนไม่ไหว ลูกชายของเขาอยู่ในร้านตรงหน้า แต่ทำไมร้านถึงไม่ยอมเปิดประตูออกมาเลย

     

                ครืด...

     

                เสียงประตูถูกเลื่อนออกพร้อมกับหญิงสาวที่มองฮยอกแจด้วยท่าทางโกรธเคือง ในอ้อมแขนของเธอกำลังอุ้มเด็กผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้ ฮยอกแจรีบถลาเข้าไปรับเด็กทารกมาไว้ในอ้อมอกของตัวเองทันที

     

                “ทงเฮ...ปะป๊าอยู่นี่แล้วนะลูก”

     

                “แง้...อึก...อึก...”

     

                ทงเฮที่ร้องเสียงดังลั่นในตอนแรกเงียบเสียงลงทันทีเมื่อเห็นหน้าของฮยอกแจ ทั้งพ่อทั้งลูกต่างน้ำตาไหลพรากเมื่อพบหน้ากัน มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายหรือสื่อสารออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ แต่ฮยอกแจก็รู้ความรู้สึกของลูกชายของเขา

     

                เพราะทงเฮเป็นลูกชายของฮยอกแจ

     

                “นี่ครับ...ค่าเลี้ยงดู”

     

    ฮยอกแจหยิบเงินยับยู่ยี่ส่งไปให้เจ้าของร้าน เธอดันมือของเด็กหนุ่มออก ก่อนจะเอ่ยคำ

     

    “ฉันไม่เอาเงินหรอก แต่เธอไม่ต้องเอาลูกมาฝากฉันเลี้ยงอีกแล้วนะ ร้านฉันไม่ได้เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แล้วเด็กคนนี้ก็เลี้ยงยากเป็นบ้าเลย ร้องไห้ตลอดเวลา น่ารำคาญที่สุด”

     

                เธอพูดจบก็ปิดร้านลงใส่หน้าฮยอกแจทันที แต่ร่างโปร่งกลับไม่รู้สึกโกรธเคืองแม้แต่น้อย มันเป็นความผิดของเขาที่มารับลูกช้า มันเป็นความผิดของอี ฮยอกแจเอง

     

     

                หลายวันมาแล้วที่เกิงมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเกาหลี บ้านหลังใหม่ที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน มีคอมพิวเตอร์และโทรทัศน์จอใหญ่ให้ดู มีห้องนอนสวยๆ เป็นของตัวเอง รวมทั้งมีพ่อและแม่ที่ใจดีอีกด้วย

     

                “เกิง...ลูกอยู่ที่เกาหลี ลูกก็ต้องมีชื่อเกาหลีด้วยนะ”

     

                คนเป็นพ่อเอ่ยบอกลูกชายที่นั่งทานอาหารเช้าด้วยท่าทางมูมมาม ในขณะที่คนเป็นแม่กลับใช้ทิชชู่เช็ดมุมปากให้ลูกชายคนใหม่อย่างไม่นึกรังเกียจ

     

                “พ่อกับแม่ก็ตั้งชื่อให้ผมสิ”

     

                เกิงพูดห้วนๆ พร้อมกับใช้ช้อนกวาดกับข้าวทั้งหมดมาใส่จานของตัวเอง เขาเป็นเด็กวัดมาก่อน ต้องแย่งกันกิน ต้องแย่งกันใช้ ทุกๆ อย่างที่มีอยู่จะต้องถูกซอยย่อยๆ เพื่อแบ่งให้คนอื่นเสมอ พอย้ายออกมาอยู่กับครอบครัว เกิงจึงต้องรีบกินอาหารให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

                “ค่อยๆ กินก็ได้ลูก แม่ทำมาให้เกิงคนเดียวนะ”

     

                มือเรียวลูบเรือนผมของลูกชายอย่างรักใคร่ ก่อนจะหันไปแย้มยิ้มให้กับผู้เป็นสามี หลวงพ่อบอกว่าเกิงเป็นเด็กที่น่ารัก แต่ไม่เคยเข้าสังคมมาก่อนจึงจำเป็นต้องถูกฝึกถูกสอนอีกมาก

     

                “พ่อกับแม่ปรึกษากันแล้ว เราจะตั้งชื่อใหม่ให้ลูกว่า ฮันกยองลูกชอบไหม?”

     

                “ฮันกยองเหรอ...ชอบสิ”

     

                เกิงพยักหน้าหงึกหงักด้วยความดีใจ บรรยากาศในบ้านจึงเต็มไปด้วยความอบอุ่น การที่มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนทำให้พวกเขาไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไปแล้ว

     

                “พ่อสมัครเรียนโรงเรียนนานาชาติให้ลูกแล้วนะ พรุ่งนี้เราจะไปหาซื้อชุดนักเรียนใหม่ๆ แล้วพอวันเปิดเทอม ฮันกยองจะได้เข้าเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ”

     

                “ผมไม่ชอบเรียน ผมไม่อยากถูกแกล้งอีกแล้ว”

     

                คำพูดของเด็กอายุสิบขวบทำให้พ่อและแม่หันมามองหน้ากันด้วยความอึ้ง ทำไมลูกชายของเขาถึงคิดว่าการไปโรงเรียนจะทำให้ถูกกลั่นแกล้งนะ ทั้งๆ ที่โรงเรียนนานาชาติก็จะมีแต่ลูกคนมีฐานะเท่านั้นที่สามารถเข้าเรียนได้ และสังคมในโรงเรียนนานาชาติก็เป็นสังคมที่ดี

     

                “ไม่มีใครแกล้งฮันกยองหรอกลูก ลูกชายของพ่อเป็นคนเก่ง เป็นคนแข็งแรง เราต้องไม่กลัวใครนะ เข้าใจไหม?”

     

                ฮันกยองพยักหน้าช้าๆ เหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ นั่นสินะ พ่อยังบอกเลยว่าเขาเป็นคนเก่ง เป็นคนที่แข็งแรง แล้วทำไมฮันกยองจะต้องไปกลัวใครด้วย เมื่อเขาอยู่ที่นี่ เขาจะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้งได้อีกต่อไปแล้ว

     

     

                ฮยอกแจไม่ได้มาทำงานหลายวันแล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง เขาหายไปโดยที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์จากจองซูเลย ทว่าในบ่ายวันหนึ่งเด็กหนุ่มก็สะพายเป้แล้วเดินเข้ามาข้างในร้าน

     

                “อ้าว! ฮยอกแจ...เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนเหรอ?”

     

                จองซูหันไปทักทายเมื่อเห็นฮยอกแจสะพายกระเป๋าใบใหญ่มาด้วย แม้เขาจะแปลกใจที่จู่ๆ ฮยอกแจก็เปลี่ยนมาใช้กระเป๋าเป้แทนการถือหนังสือไปเรียนเหมือนทุกวัน แต่ด้วยความที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำผมให้ลูกค้า จองซูจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก

     

                “พี่จองซูครับ...”

     

                “ฮยอกแจพาลูกค้าไปสระผมให้พี่หน่อยสิ วันนี้ยุ่งมากเลย”

     

                จองซูพูดตัดบทขึ้นมาก่อนทำให้ร่างโปร่งเม้มปากแน่น ฮยอกแจเดินเข้าไปหาเจ้าของร้านก่อนจะแตะมือหนาเข้ากับต้นแขนของอีกฝ่าย

     

                “คือผม...จะมาลาออก”

     

                ทันที่ที่เสียงห้าวพูดจบ มือเรียวของจองซูก็ชะงักกึกทันที เขาหันไปส่งสายตาขอโทษลูกค้า ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับลูกน้องแล้วเอ่ยถามขึ้น

     

                “ลาออกแล้วจะไปทำงานที่ไหนล่ะ”

     

                “คือ...คือว่า...”

     

                “คงไม่ได้ไปทำงานกับคุณนายคิมใช่ไหม?”

     

                เมื่อถูกพูดดักทางเอาไว้ฮยอกแจก็ก้มหน้างุดแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเป็นสายทันที คนในร้านได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกใจ หากแต่จองซูกลับเบิกตากว้างยิ่งกว่าเมื่อเหลือบไปเห็นเด็กทารกอายุไม่กี่เดือนนอนซบหลังฮยอกแจอยู่ในเป้อุ้มเด็กนั่น

     

                “ฮยอกแจ...นายไปเอาลูกใครมาน่ะ”

     

                “ฮึก...พี่จองซูครับ ผมขอโทษที่ทำแบบนี้ แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ทงเฮเป็นลูกของผม ผมกลัวจังเลยครับพี่จองซู...ฮือ...ผมกลัว...”

     

                จองซูดึงฮยอกแจเข้าไปกอดแล้วร้องไห้ไปด้วยกัน ฮยอกแจอายุยังไม่ถึงสิบห้าด้วยซ้ำ การที่ต้องมารับภาระหนักขนาดนี้คงเป็นสิ่งทำกันไม่ได้ง่ายๆ เขาไม่ได้มีเงินช่วยเหลือฮยอกแจมากขนาดนั้น ร้านทำผมที่เห็นอยู่นี่ก็ทำท่าจะเจ๊งมาหลายรอบแล้ว

     

                “อย่าร้องไห้เลย...พี่เข้าใจ...พี่เข้าใจฮยอกแจ...”

     

                “ฮึก...เขาเป็นลูกของผมครับ...”

     

                “ฮยอกแจ...”

     

                “ผมจะต้องดูแลเขาให้ได้...ฮือ...ผมจะต้องทำให้ได้”

     

                จองซูผละออก ก่อนจะเดินไปหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาให้ฮยอกแจ ฮยอกแจส่ายหน้ารัว ทว่าจองซูกลับจับมือบางมาแล้วยัดเงินใส่เอาไว้

     

                “เงินนี่อาจจะไม่เยอะมาก แต่ก็พอจะนำไปซื้อนมให้ลูกได้ นายรับไว้เถอะ”

     

                “พี่จองซู...อย่าทำเพื่อผมไปมากกว่านี้เลยครับ”

     

                จองซูส่ายหน้าอย่างเชื่องช้า เขามองใบหน้าของเด็กหนุ่มแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาด้วยความสงสาร ทำไมโชคชะตาของฮยอกแจถึงได้โหดร้ายนัก คบกับผู้หญิงก็ถูกทิ้ง แถมผู้หญิงเหลวแหลกคนนั้นยังเอาลูกมาให้เลี้ยงอีก

     

                “แล้วนี่จะไปอยู่ที่ไหนล่ะ...หืม?”

     

                “ไม่รู้ครับ ลำพังค่านมค่าผ้าอ้อมก็ยังไม่พอเลย”

     

                “งั้นอยู่ที่นี่กับพี่ก่อน อยู่จนกว่าจะเรียนจบ จนกว่าลูกจะโต หรือจะอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยก็ได้”

     

                ฮยอกแจรู้สึกซาบซึ้งจนไม่อาจจะสรรหาคำพูดใดๆ มาขอบคุณคนตรงหน้า เขาถาโถมเข้าไปกอดจองซูไว้แน่น ถึงจะมีที่ซุกหัวนอนแล้ว แต่ฮยอกแจก็จะต้องหาเงินให้มากขึ้นเพื่อนำไปจ่ายค่าเทอม ไปซื้อนมให้ลูก และช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้จองซูด้วย

     

                ...ชีวิตของเขาคงจะหนีไม่พ้นงานที่โสมมแบบนั้น

     

     

    Talk with Lee Seen

                เอามาลงให้อีกตอนแล้วค่ะ ตอนหน้าทงเฮจะโตขึ้น...(นิดนึง)

    มาพบกับโรงเรียนใหม่ของฮันกยอง และคู่รักโรงเรียนนานาชาติวอนคยูนะค้า...

    เฮ้อ...มีความสุขที่ได้แต่งเรื่องนี้จังเลย

    และหวังว่าคนอ่านก็จะมีความสุขด้วย

    ไม่รู้ว่ามีความสุขหรือเศร้ามากกว่าเดิมกันแน่ ฮ่าๆๆๆ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×