ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[Exo-Apink]] dA-PINK Stories

    ลำดับตอนที่ #3 : It's Girl..................EP 02

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 399
      0
      22 ม.ค. 58

     



     

    - It's Girl 02 -



     

    สนามกีฬา โรงเรียนมัธยมพยองเซง
    ชมรมบาสเกตบอล

     

    โรงเรียนมัธยมพยองเซงตั้งอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยพยองเซง เด็กๆ ที่ทำกิจกรรมของโรงเรียนมัธยมพยองเซง ไม่ว่าจะเป็นด้านดนตรี กีฬา หรือศิลปะ ต่างก็เก่งกาจและสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนเสมอมา เพราะทางโรงเรียนได้รับการช่วยเหลือจากทางมหาวิทยาลัยมาตลอด โดยการส่งนักศึกษาผู้เป็นรุ่นพี่มาช่วยฝึกซ้อม ดูแล ร่วมไปถึงการส่งอาจารย์ระดับเชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ มาช่วยควบคุม
     

    ชมรมบาสเกตบอลก็ใช้ระบบนั้นเช่นกัน
    ซึ่งลู่หานโอ้ปป้าของนาอึนก็คือหนึ่งในนักศึกษารุ่นพี่ผู้มาช่วยฝึกซ้อมนั้นเอง

     

    “วันนี้ โค้ชมาตรวจ ทุกคนเลยต้องลงไปวิ่งในสนาม วะฮา ฮ่า ยกเว้นฉัน จองอึนจีผู้จัดการทีมสาวสวยซึ่งแสนจะอ่อนแอๆ อ่อนโยนๆ” ในขณะที่ท้องฟ้ากำลังมืดครึ้ม จองอึนจี ผู้จัดการชมรมบาสเกตบอลก็กำลังหัวเราะเสียงดังแบบไม่สนใจใครพร้อมโอ้อวดอภิสิทธิ์ของตัวเองผ่านรั้วตาข่ายให้นาอึนได้ฟัง

    นาอึนก็ได้แต่หัวเราะชอบใจในความเว่อวังอลังการของคนอายุมากกว่า

    .
    เป็นที่รู้กันไปทั่วว่า จองอึนจีกับซนนาอึนสนิทกันมาก เพราะอึนจีนั้นเป็นพี่สาวข้างบ้านที่เติบโตมากับเธอ อีกทั้งอึนจียังเป็นบุคคลแบบพิเศษอีกด้วย นั้นก็คือ บุคคลผู้ห้าวหาญ ร่าเริง แข็งแกร่ง สามารถเข้าหาผู้อื่นและผูกมิตรได้อย่างรวดเร็ว...

    ซึ่งก็มีแต่บุคคลแบบนี้เท่านั้นแหละที่จะเข้าถึงซนนาอึนได้
    .

     

    “แต่ว่าอีกไม่นานก็น่าจะเลิกละ เพราะฝนทำท่าจะตก”อึนจีหยุดเสียงหัวเราะลง มองหน้าน้องสาวคนสนิทที่กำลังพยักหน้าหงึกๆ อย่างนึกสงสัย “ว่าแต่ นี้นาอึนเลิกชมรมเร็วเพื่อมาหาพี่สาวหรือมาหาผู้ชาย”


    “แฮ่”คนหน้ากลมยิ้มกว้างยิงฟันเป็นคำตอบแรก “มาหาผู้ชาย”ตามด้วยคำพูดต่อมาเป็นคำตอบที่สอง นาอึนยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วทำท่าเขินอายอย่างหยอกล้อ 
    จนอึนจี ต้องทำท่าตบตีผ่านรั้วลวดตาข่าย

    “ย๊า!! เดี๋ยวเถอะ นังเด็กคนนี้”

    “โอ้ย อนนี่อ่ะ ก็วันนี้ฉันมีธุระต้องไปทำตอนหมดคาบชมรม เลยขอมาเจอหน้าโอ้ปป้าก่อนไปสักนิดหน่อย”

    “ไปไหน จะไปไหน แล้วจะกลับบ้านพร้อมกันรึเปล่า”
    อึนจีต้องถามเผื่อไว้ เพราะว่าทั้งสองคนเดินกลับบ้านด้วยกันเสมอ แน่นอนละ ก็บ้านอยู่ข้างๆ กันนี้น่า
    เพียงแค่ว่าช่วงหลังๆ นี้มีลู่หานโอ้ปป้าเดินไปด้วยก็เท่านั้น

    “ไปที่หลังโรงอาหารนะ ไม่รู้ว่าฝนจะตกรึเปล่านะอนนี่ ถ้าฝนตกอนนี่กลับไปก่อนได้เลย อย่าให้เปียกฝนละ เข้าใจไหม”นาอึนพูดย้ำด้วยความเป็นห่วง

    “เฮ้ย
    !!!!!”แต่คนอายุมากกว่าอยู่ดีๆ ก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาเพราะความประหลาดใจ
    “อะไรนะ
    !! ที่หลังโรงอาหารเหรอ ก็สารภาพรักอะดิ นี้มีคนนัดนาอึนไปสารภาพรักอีกแล้วเหรอ”

    “ใช่แล้ว” นาอึนตอบรับง่ายๆ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเธอ

    “อะไรวะ นี้ขนาดนาอึนมีแฟนแล้วนะ”

    “นั้น
    ! นะ! สิ! คะ! อนนี่...”
    นาอึนยอมรับง่ายๆ อีกครั้งแต่คราวนี้เด็กสาวขึ้นเสียงสูงกว่าปกติ ราวกับว่าสิ่งที่อึนจีพูดออกมามันคือใจความสำคัญของความรู้สึกทั้งหมดที่เธอมีตอนนี้ 

    “เอ๋ หรือเพราะชาวบ้านเค้ายังไม่รู้กัน ก็นะ ไม่เห็นว่าลู่หานฮยองกับนาอึนจะทำอะไรแบบที่คนรักกันเค้าทำเลยสักอย่าง”

    “อนนี่อ่า....” คราวนี้นาอึนลดเสียงลงต่ำ ใบหน้ากลมงอง้ำขึ้นมาในทันที

    อึนจีที่รู้ว่าคนหน้ากลมขี้แยขนาดไหนจึงต้องรีบพูดเรื่องอื่น
    “ใคร คราวนี้ใครจะสารภาพรักกับนาอึน”

    “รุ่นพี่ชานยอลไง คนสูงๆ ที่อยู่ห้องเดียวกับอนนี่อ่ะ”

    “อ่อ ไอ้ชยอล จะชะตาขาดไม่รู้ตัวสินะ คิดยังงั๊ย มาสารภาพรักกับนาอึนเนี้ย”

    “อนนี่อ่า พูดยังกับว่าฉันร้ายกาจมากอย่างนั้นแหละ”

    “เหอะๆ อ่า คราวนี้ก็เปลี่ยนคำพูดเป็นประโยคใหม่ได้เลยนะนาอึน เปลี่ยนจาก
     ฉันยังไม่คิดจะมีแฟนค่ะ มาเป็น ฉันมีแฟนแล้วค่ะ ” อึนจีเพิ่มน้ำเสียงตัวเองให้ฮึกเหิม เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสนุกมากขึ้น
    “แล้วทีนี้นะ ชาวบ้าน ชาวโรงเรียนเค้าจะได้รู้กันสักทีไง ว่านาอึนมีแฟนแล้ว เป็นลู่หานฮยอง อิอิ”

    นาอึนใบหน้าร้อนผ่าว เลือดสูบฉีดขึ้นมาจนใบหน้ากลมที่ร้อนผ่าวนั้นแดงก่ำ ประโยคสั้นๆ แค่ประโยคเดียวที่คนอายุมากกว่าพูดออกมาดูเหมือนจะทำให้เด็กสาวเขินอายอย่างบอกไม่ถูก

    “จะบ้าเหรออนนี่ แค่โดนปฏิเสธก็น่าเศร้าจะแย่แล้ว ถ้ายังมีเรื่องนี้เพิ่มเข้าไปอีก”

    “อ่ะ...ใช่แล้วละ วันนี้มันวันเกิดไอ้ชยอลนี้หว่า...มิน่ามันเลยถือเป็นฤกษ์งามยามดีในการสารภาพรัก”คนฮึกเหิมโพล่งคำพูดขัดคนเป็นน้องสาวขึ้นมา อึนจีหัวเราะหึหึ ในลำคออย่างนึกสนุก

    นาอึนจึงจ้องมองคนอายุมากกว่าด้วยสายตาไม่พอใจเล็กๆ “อนนี่อ่ะ ไม่สงสารรุ่นพี่ชานยอลบ้างเลยเหรอคะ นี้วันเกิดเลยนะ แล้วจะต้องมาเสียใจอีก”

    “ย๊า แล้วจะต้องทำยังไง นาอึนจะยอมตอบตกลงเพราะเห็นว่าเป็นวันเกิดมันงั้นเหรอ”

    “ก็ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย...”ใบหน้ากลมงอง้ำขึ้นมาอีก

    ถ้าเป็นเมื่อก่อนซนนาอึนคงไม่มายืนรู้สึกผิดอะไรแบบนี้ เธอก็แค่ตอบปฏิเสธทุกคนไป ด้วยคำพูดเดิมๆ ซ้ำๆ โดยไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ของการได้เป็นฝ่ายสารภาพรัก เด็กสาวจึงได้เข้าใจและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้น ความรู้สึกหวาดหวั่นแต่ก็คาดหวัง กับความตั้งใจเต็มเปี่ยมที่พร้อมจะถูกทำลายได้ตลอดเวลา ตอนนี้ เธอเข้าใจมันได้เป็นอย่างดี..


    ใบหน้ากลมมองดูตัวเลขบอกเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
    “อนนี่ ฉันคงต้องไปแล้วละ”

    “อะไร ยังไม่หมดคาบชมรมเลย ลู่หานฮยองก็ยังวิ่งอยู่กลางสนามอยู่เลยนะ”

    “ฉันคิดว่าฉันต้องไปทำอะไรบางอย่างก่อนไปที่หลังโรงอาหารอ่ะ”

    “อะไร ไปทำอะไร”

    “เอาน่า อนนี่ ฝากบอกลู่หานโอ้ปป้าด้วย เดี๋ยวฉันก็จะส่งข้อความบอกอีกที” มือเล็กตบลงไปบนรั้วตาข่ายเบาๆ สองที ราวกับจะบอกว่าให้อึนจีสบายใจได้ แล้วเธอก็หันหลังวิ่งออกไป

    .

    .
    .
    .
    .
    .

    “ฝนตกจนได้”
    อู๋อี้ฟานบ่นงึมง่ำ มือใหญ่ยื่นออกไป นอกบริเวณทางเดินเพื่อสัมผัสเม็ดฝนเม็ดใหญ่เหล่านั้น

    “ดีนะที่มึงเป็นคนรอบคอบ ไอ้เพื่อนรัก”
    มือใหญ่ถูกดึงกลับมา แล้วตบลงไปบนบ่าของลู่หานทั้งที่มันยังเปียกชุ่มน้ำฝน
    “ไหนๆ วันนี้มึงก็ไม่ได้กลับพร้อมน้องนาอึนแล้ว มึงไปส่งกูก่อนนะ”

    ลู่หานเขี่ยมือเปียกชุ่มนั้นออกจากบ่า เขาส่ายหน้าช้าๆ ไม่ใช่เพื่อปฏิเสธ แต่เป็นเพราะความระอา

    “เอาน่า ก็มึงมีร่มนี้หว่า มึงจะยอมปล่อยให้เพื่อนรักเปียกฝนเหรอวะ
    ! ถ้าเพื่อนรักของมึงไม่สบายจับไข้ ปอดบวมขึ้นมา จะทำยังไง”

    “เกินไป มึงเว่อเกินไปละ”ลู่หานได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ อีกครั้ง ก่อนจะยอมยื่นร่มให้เพื่อนรักผู้มีส่วนสูงมากกว่าเขาได้เป็นคนกางร่ม

    .

    ลู่หานกับอู๋อี้ฟานคือรุ่นพี่นักศึกษาผู้ฝึกสอนของชมรมบาสเกตบอล โดยทั่วไปแล้วลู่หานควบคุมและดูแลบาสเกตบอลหญิง ในขณะที่อี้ฟานจัดการบาสเกตบอลชาย แต่ยังไงๆ เขาสองคนก็ต้องช่วยกันดูแลชมรมบาสเกตบอลทั้งชมรมอยู่ดี ด้วยนิสัยขี้เล่นแล้วอี้ฟานจะเป็นฝ่ายเข้าถึงนักกีฬา ในขณะที่ลู่หานผู้อ่อนโยนแต่เข้มงวดจะคอยควบคุม ซึ่งก็คือการใช้กลยุทธ์เดี๋ยวปลอบเดี๋ยวดุ นั้นเอง

     .

    อาจเป็นเพราะร่มที่ถูกกางออกบดบังสายตา
    เด็กๆ ในชมรมบาสเกตบอลสองสามคนจึงวิ่งเข้ามาทักทายอู้อี้ฟานโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่ทันได้สังเกตเห็น ลู่หาน รุ่นพี่ผู้ฝึกสอนอีกคน

    “ฮยอง
    !!! ไปกินเหล้ากันไหมวันนี้”

    “ย๊า
    !!! ไอ้เด็กนี้ พูดเรื่องกินลง เรื่องเหล้าอะไร”อี้ฟานจำต้องรีบหุบร่มลงแล้วโวยวายเสียงดัง

    ก่อนที่จะเบี่ยงตัวหลบฝ่ามือของลู่หานอย่างรู้ชะตากรรม “ย๊า
    !! นี้มึงชวนเด็กกินเหล้าเหรอ”

    “โหย...ไม่เคยชวนโว้ย ไม่มี
    !” อี้ฟานปฏิเสธตัวเป็นเกลียว เพราะรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของตัวเองเข้มงวดขนาดไหน


    “แค่ปาร์ตี้ กินข้าวร้องเกะไรกันแบบนี้ครับ ใช่ไหม ใช่ไหม”
    “ใช่ๆ ใช่แล้วฮยองนิม แอลกอฮอล์ไม่มีสักหยด
    !

    และทันทีที่เห็นลู่หาน เด็กๆ เหล่านั้นก็รีบปฏิเสธตัวเป็นเกลียวเช่นกัน

    แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
    “ไอ้เด็กพวกนี้
    !!!” เพราะสุดท้ายแล้วก็โดนลู่หานแจกมะเหงกเข้าให้

    แถมคำสวดอีกหนึ่งยก
    “พูดตรงๆ นะ ฉันก็ไม่ได้คิดว่าเรื่องพวกนี้มันจะร้ายแรงอะไร พวกแกจะกินเหล้าเมายาอะไรก็ได้ ฉันไม่ห้ามหรอก แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่พวกแกเป็นนักกีฬาของโรงเรียน  ตัวแทนของโรงเรียน เป็นชื่อเสียงของโรงเรียน ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน หรือว่าเรื่องที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนขึ้นมาละ จะทำยังไง ห๊า
    !!!

    คนเข้มงวดเอามือทั้งสองข้างไพล่หลัง เขาส่งเสียงตะโกนแบบที่ชอบทำเวลาฝึกซ้อมออกมา

    ใบหน้าอ่อนโยนฉายแววแข็งกร้าวเสียจนอี้ฟานรีบโพล่งคำพูดขึ้นมาขัดจังหวะ “ย๊า มึงอย่าดุสิวะ เด็กๆ แม่..ง หงอหมดแล้ว”
    แล้วก็ต้องรีบหดหัวกลับ

     “มึงนั้นแหละตัวดีเลย กูกำลังบอกมึงด้วย ไม่ได้บอกแค่พวกเด็กๆ ”


    คนถูกเพื่อนดุหันไปพยักหน้าหงึกหงักให้เด็กๆ ราวกับจะบอกว่าจงรับกรรมไปเถอะนะ ตอนนี้ไม่มีใครกล้าสู้สายตาลู่หานคนดุหรอก

    “โห่ ฮยอง วันนี้เป็นงานปาร์ตี้จริงๆ งานวันเกิดไอ้ชานยอล”
    “ใช่ๆ ฮยอง นี้มันฉลองที่มันสารภาพรักกับน้องนาอึนสำเร็จด้วยนะ”
    เด็กๆ ที่เอาแต่ก้มหน้าพลางลูบหัวตัวเองปรอยๆ บ่นงึมงำ

    “เฮ้ย
    ! สำเร็จเลยเหรอวะ”
    ชื่อหญิงสาวที่ถูกเอ่ยถึงเป็นชื่อคนรักของลู่หาน แต่กลับเป็นเสียงของอี้ฟานที่ดังขึ้นมา
    ร่างสูงโย่งรีบหันไปสบตาเพื่อนสนิทในทันที ก็พบว่าดวงตาวาวที่ฉายแววดุเมื่อครู่สั่นไหวเล็กน้อย

    ลู่หานเผลอครุ่นคิดถึงข้อความที่นาอึนส่งมาให้เขาเมื่อตอนเย็น

    [ซนซน] ฉันขอโทษจริงๆ ฉันต้องไปทำธุระนะคะ  
     

    ธุระที่เด็กสาวส่งข้อความมาบอกว่าจะต้องไปทำ
    ก็คือการไปตามนัดสารภาพรักอย่างนั้นเหรอ...
    แล้วเธอก็ตอบตกลงรับรักผู้ชายคนนั้น...
    .
    .

    อย่างนั้นเหรอ...
    ยิ่งคิดคนเข้มงวดก็ยิ่งมีอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมามากขึ้น


    และท่ามกลางช่วงเวลาที่ทุกอย่างเงียบไปเพราะลู่หานไม่ได้เอ่ยคำบ่น คำสวดอะไรออกมาอีก
    เด็กๆ
    จึงมีโอกาสได้ปลีกตัว

    “ย๊า! พวกผมต้องรีบไปกันแล้ว”
    “ใช่ๆ ขอตัวก่อนนะครับ”

    พวกเขารีบออกวิ่งทันทีที่จบคำพูดของตัวเอง โดยไม่รอฟังคำทักท้วงของคนอายุมากกว่า

    “เฮ้ย
    !! เดี๋ยวดิ กูยังไม่กระจ่างเลยเฮ้ย!!
    อี้ฟานทำได้แค่ตะโกนเสียงดังตามหลัง

    ร่างสูงโย่งจดๆ จ้องๆ หันหน้ามองไปมองมาระหว่างทางเดินที่พวกเด็กๆ วิ่งไปกับใบหน้าของเพื่อนสนิท

    จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
    “ย๊า
    ! มึงใจเย็นๆ นะ อาลู่ ยุบหนอ พองหนอไว้ เดี๋ยวกูจะตามไปงานปาร์ตี้แล้วจะไปสืบมาให้  เดี๋ยวกูโทรหามึงนะ กูสืบแป๊บเดียว ไม่นาน...มึงใจเย็นๆ ก่อนนะ”

    .
    .
    .
    .
    .............................................................................


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×