คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ชิโกะฟุมิ(Shigofumi )จดหมายจากโลกแห่งความตาย
ชิโกะฟุมิ (Shigofumi ) หรือจดหมายจากโลกแห่งความตาย
Shigofumi
ผมหวังอะไรกับเรื่องนี้? ผมชอบตรงไหน อย่างแรกเลยครับว่า จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่าผมชอบการ์ตูนแนวนี้ แนวเลิฟคอมมาดี้ การ์ตูนแนวยมทูต ความดำมืดของจิตใจคน และจบในตอน เพียงแต่เนื้อเรื่องเชื่อมต่อกัน ไม่ยาว ไม่ยืด ไม่ออกทะเล เหมือนการ์ตูนดังๆ บางเรื่อง
Shigofumi จำนวนตอนที่ออกมามีเพียง 12 ตอนเท่านั้น (นิยายไลท์โนเวลมีทั้งหมด 2 เล่ม แต่งโดย Ryo Amamiya ส่วนอนิเมะกำกับโดย Tatsuo Sato และมี OVA อีกหนึ่งตอน)
พูดตามตรงว่าผมรู้จักเรื่องนี้เพราะมีคนแนะนำให้ดู เปิดมาตอนแรกพูดได้คำเดียวว่ายมทูตน่ารักมากๆ แต่เนื้อเรื่องนี้มีแต่เครียด และหดหู่มากๆ
พูดถึงจดหมาย จดหมายคือการสื่อสารระหว่างคนสองคน โดยเขียนเขียนโต้ตอบกัน วึ่งถือได้ว่าเป็นการสื่อสารที่คลาสสิกที่สุดแล้ว แม้ในปัจจุบันจดหมายจะเสื่อมความนิยมไปบ้าง เนื่องจากโทคโนโลยีการสื่อสารต่างๆ เริ่มก้าวไกลขึ้น เช่นมือถือ อินเตอร์เน็ต แต่กระนั้นการสื่อสารด้วยจดหมายก็ยังมีเสน่ห์ที่สามารถนำไปใช้อย่างน่าสนใจ
ชิโกะฟุมิ (Shigofumi) จดหมายจากโลกแห่งความตายก็คือการ์ตูนที่เกี่ยวข้องกับจดหมาย
เนื้อเรื่องการ์ตูนเรื่องนี้เกี่ยวกับยมทูต(น่าจะใช่)คนหนึ่งชื่อ"ฟุมิกะ"เป็นเด็กสาวทำหน้าที่ส่งจดหมายจากคนที่ตายไปแล้วให้กับคนที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งเรียกจดหมายนี้เรียกว่า"ชิโกะฟุมิ" เป็นข้อความสุดท้ายจากโลกแห่งความตายที่บางอันก็สั้น บางอันก็เป็นสัญลักษณ์ หรือบางอันยาวอย่างกับหนังสือ
ฟุมิกะเป็นตัวเอกของเรื่อง เธอสวมชุดผ้าคลุมสีดำ ถือไม้คทาที่ช่างพูดที่มีสัญลักษณ์คล้ายปีกตรงยอด(ซึ่งผมมาคิดๆ ดูมันเหมือนคฑาอะไรสักอย่างของเทพอะไรในอียิปต์น่า หรือไม่ก็เป็นสัญลักษณ์ของเทพเฮอร์มินเทพแห่งการเดินทางของชาวกรีซ) เป็นผู้เชื่อมต่อจากโลกมนุษย์และโลกหลังความตาย ทำหน้าที่ส่งจดหมายไปตามที่ต่างๆ
แต่เรื่องจะไม่ส่งจดหมายไปเรื่อยเปื่อยตลอดเรื่องแน่นอน! ระหว่างเรื่องก็มีเรื่องต่างๆเข้ามาแทรก ระหว่างส่งจดหมายก็มีอันตรายต่างๆ นาๆ เช่นตัวผู้รับจดหมายที่ไม่ยอมรับความจริง หรือเหตุการณ์อันตรายกับตัวผู้รับ ฯลฯ รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวกับอดีตฟุมิกะเช่นกัน ซึ่งเนื้อเรื่องส่วนใหญ่มักสะท้อนปัญหาสังคมของญี่ปุ่นในปัจจุบัน สังคมที่เทคโนโลยีเข้าครอบงำจิตใจของคน ทำให้จิตใจของผู้คนในเรื่องเป็นดำมากกว่าขาว
ยมทูตน่ารักมากๆ
Shigofumi เปิดตัวตอนแรกราวกับการ์ตูนโรแมนติก ในชื่อตอนว่า “สารภาพ”
ปรากฏว่าผมคิดผิดครับ(ว้า...น่าเสียดายมุกนี้ก็ใช้ได้นี้หว่า)
เนื้อเรื่องตอนนี้ถือได้ว่าเป็นการเปิดตัวที่ยอดเยี่ยมมากๆ และได้ใจผมเต็มๆ เพราะตัวละครในเรื่องน่ารักจิ๊ปเป๋ง น่ารักจนน่ากอดเลย(เหอๆ โทษทีวิญญาณเสือใบเข้าสิง) เรื่องของเรื่องคือจะเน้นตัวละครที่ชื่อโชตะเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ(ที่น่ารักมากๆ)เป็นคนที่ชื่นชอบในการทำจรวด เนื่องจากเขามีความฝันที่อยากทำจรวดของเขาทะยานฝันไปสู่อวกาศให้สำเร็จ โดยมีเด็กสาวที่บังเอิญเจอกันบนดาดฟ้าชื่อ อาสึนะ(น่ารักมากๆ เหอๆ)เอาใจช่วย ติดตามดูเขาอยู่ห่างๆ แม้เขาจะทำผิดพลาดบ่อยครั้ง อาสึนะก็สนใจดูเขาเสมอ
และในตอนนี้เองเรื่องก็ดำเนินอีก แต่ในตอนนั้นเอง ได้มีข่าวออกมาว่าพ่อของอาสึนะถูกฆ่าตาย (โดนแทงตาย)
และแล้วฟุมิกะปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าโชตะเอาจดหมายของพ่ออาสึนะมาส่งให้กับคนที่เป็นแฟนของอาสึนะ ซึ่งโซตะบอกว่าอาสึกะไม่มีแฟน(ตอนที่สองจะเฉลยว่าแฟนของอาสึกะคืออะไร) ซึ่งโชตะอยากอ่านจดหมายนี้ เขาเลยใฟ้ฟูมิกะรอเขาอีกหน่อย เพื่อให้เขาสร้างจรวดให้สำเร็จและสารภาพรักกับอาสึนะ ซึ่งมาถึงตอนนี้เรื่องจะดำเนินแบบหนังแนวรักๆ ทั่วๆ ไปเลยครับ เต็มไปด้วยความหวัง ความรัก ใครชอบแนวเลิฟคอมมาดี้นี้โอ้ลันล่าเลยก็ว่าได้
แต่แล้วในตอนจบของตอนนี้กับตะลึงครับ เมื่อโซตะทำจรวดจนสำเร็จ และเกิดไปเห็นจดหมายของฟูมิโกะทำตกอยู่เขาก็เปิดจดหมายนี้อ่านและความจริงที่แสนน่ากลัวก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อจดหมายนั้นเขียนว่า
“อาสึนะเป็นคนฆ่าฉัน”
แน่นอนโซตะก็ไม่เชื่อสิ ไปหาอาสึนะเพื่อถามตรงๆ เลยว่าเรื่องเป็นไงกันแน่
ระหว่างนั้นโซตะก็เห็นอาสึนะกำลังเก็บข้าวของเพื่อย้ายไปอยู่สถานสังเคราะห์กับน้องสาวพอดี โซตะเลยขอเวลาอาสึนะคุยกับเธอสองต่อสอง
โซตะได้เล่าถึงข้อความในจดหมายแก่เธอ และบอกว่าตนเองไม่เชื่อว่าเธอฆ่าพ่อของตนเอง และขอพบเธอเป็นแฟน
แต่แล้ว เรื่องก็ซ็อกครับ เมื่อเธอชักมีดแทงเข้าที่โซตะ เขาตายสนิท โดยยัง งง อยู่ว่าเขาตายเพราะอะไร
เป็นอนิเมะที่ดูแล้วเครียดครับ แนะนำดูแค่ตอน 1-2 ก็พอ (ชอบยมทูตผมทองครับ)
อึ้งครับ…จากโรแมนติกอยู่ดีๆ ดราม่า แด๊ก เครียดแล้ว ยิ่งตอนที่ 2 ตอน “จรวด” ยิ่งเครียดนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเรื่องของโซตะกับอาสึกะยังไม่จบครับ มันยังมีต่อ แต่คราวนี้เรื่องจะเน้นตัวอาสึกะแทน โดยดำเนินแบบว่าทำไมเธอถึงแทงพ่อ
เรื่องของเรื่องคือพ่อของเธอเป็นคนไม่เอาไหนๆ วันๆ เอาแต่กินเหล้า เมายา(แต่ในเรื่องไม่มีฉากที่ว่าหรอก ผมเดาเอานะ)
เขามีลูกสาวสองคน และด้วยความอับจน เขาจึงกระทำแบบผิดศิลธรรมที่สังคมอภัยไม่ได้ขึ้น
ให้ลูกสาวเป็นนางแบบหนังโป๊!!
แต่ในเรื่องไม่มีฉากเริงรักหักสวาทหรอกครับ เพียงแค่มีฉากอาสึกะเปลือยและภาพกล้องถ่ายรูปถ่ายเป็นฉากๆ เท่านั้น นี้ถ้ามีฉากอย่างว่านี้ผมคงร้องไห้เหมือนกันนะเนี้ย นางเอกผมต้องผจญอะไรบ้าง
พ่อหากินกับลูกสาวนี้เลวจริงๆ การ์ตูนเรื่องนี้ทำซะผมอึ้งไปเลย ที่กล้านำเสนอแนวนี้แก่คนดู แสดงให้เห็นว่ากลุ่มดูการ์ตูนประเภทนี้ต้องเป็นผู้ใหญ่พอสมควร ไม่ใช้พวกเด็กไร้เดียงสาที่เห็นโลกอะไรดีไปหมด
และจุดแตกหักระหว่างอาสึกะกับพ่อก็มาถึงเมื่อพ่อเขารับเงินที่หาได้จากลูกสาวมาเสร็จ เขาก็พูดประโยคที่ซ็อกคนดูและตัวอาสึกะเข้า
“วันหน้าจะเอาน้องสาวเรามาเข้าฉากละ(น้องสาวอาสึกะอายุประมาณ6-9 ขวบ)”
น้องสาวอาสึกะเป็นเด็กที่ค่อนข้างเงียบ เนื่องจากเธอขาดความรัก ดังนั้นตัวอาสึกะจึงเอ็นดูน้องสาวนี้มาก และพยายามปกป้องเธอมาตลอด แน่นอนคำพูดของพ่อนี้จึงไม่แปลกอะไรที่เธอจะฆ่าพ่อ
“แค่หนูไม่พอเหรอค่ะ พ่อ.....”อาสึกะถามพ่อด้วยสีหน้าไม่พอใจ
พ่อของอาสึกะกำลังนับเงินอยู่โดยไม่สนใจสีหน้าของลูกสาว เขาตอบกลับไปว่า “พ่อตกลงเขาแล้วนี่ แถมเดี๋ยวนี้นางแบบหนังโป๊ประเภทเด็กอนุบาลกำลังมาแรงนะ รายได้ดีด้วย ฮ่าๆ”
หลังจากนั้นคงไม่ต้องตอบว่าอะไรจะเกิดขึ้น อาสึกะฆ่าพ่อของตนเองเพื่อปกป้องน้องสาว
จบเรื่องอดีต
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องมันไม่จบ เมื่อพ่อของอาสึกะที่อยู่ยมทูตไม่ให้อภัยลูกของตน จึงแก้เผ็ดด้วยการส่งจดหมายให้แก่ชายที่อาสึกะรัก (พ่อมันไม่รู้หรอกว่าอาสึกะมีคนรักหรือเปล่า แต่คิดว่าคงจะมี) เพื่อให้เกิดรอยร้าวของอาสึกะ แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงขคือาสึกะนั้นได้ฆ่าคนที่เธอรักนั้นคือ โชตะแบบไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เธอฝังศพโซตะหวังว่ามันจะเป็นความลับอีกครั้ง
หากแต่เช้าวันต่อมา อาสึกะกลับพบว่ามีคนพบศพโซตะที่ถูกฝังเอาไว้อย่างรวดเร็ว และนั้นเองทำให้เธอต้องหนีการตามล่าของตำรวจ
ระหว่างที่หนีนั้นเองอาสีกะก็ได้พบยมทูตอีกครั้ง คราวนี้เธอมีจดหมายของโซตะส่งมาให้เธอ ส่วนเนื้อความจดหมายโซตะได้พูดอะไรกับเธอนั้นก็ขอให้ไปดูอนิเมะเอาเอง
Shigofumi เป็นการ์ตูนที่ไม่มีแอ็คชั่นจ๋าแบบบลิซ ไม่จบแอปปี้แบบโมโมะยมทูตขาว ไม่โหดเท่า แว่วเสียงเรไร และไม่ตลกแฟนตาซีเหมือนนารูโตะ แต่เป็นการ์ตูนดราม่าที่เนื้อหาตึงเครียดมากๆ และสอดแทรกประเด็นปัญหาทางสังคมที่พบเห็นทั่วไปในญี่ปุ่นพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นความล้มเหลวของครอบครัว, การกลั่นแกล้งในโรงเรียน, ปัญหาวัยรุ่น สิ่งเหล่านี้คนดูจะพบเห็นตลอดทั้งเรื่อง
น่าสังเกตคือตัวเอกยมทูตคูลเดเระนั้นไม่ได้ก้าวก่ายปัญหาเหล่านั้น เธอและพวกเธอมีหน้าที่ส่งจดหมายให้เท่านั้น จดหมายที่ว่านั้นล้วนทำให้เรื่องเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งทำให้เรื่องดีขึ้น หรือทำเรื่องให้แย่ลง
จดหมายยังคงมีอิทธิพลต่อจิตใจของมนุษย์อยู่เช่นเดิม เพราะมันคือความในใจของผุ้เชียนที่ตั้งใจถ่ายทอดไปถึงผู้รับ แม้ว่าโลกเทคโนโลยีเหล่านี้จดหมายจะมีบทบาทลดลงไปบ้างแล้วก็ตาม
ความคิดเห็น