คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #247 : Dead Silhouettes (20% to (almost) all of my bf's bff คิกคิก ไค่หัว)
U N H A P P Y _ W O M A N
(หญิงไร้สุข)
ความไม่พอใจเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ราเคล โฮโซโนะรู้ว่าจะต้องเสียเวลาช่วงสปริงเบรคของชั้นปีที่สองนี้ไปกับการเดินทางไกลกว่าครึ่งค่อนวันมายังประเทศที่ไม่เคยอยู่ในสารบบความชอบ...กับผู้ชายที่ไม่มีวันชอบจนถึงขั้นเกลียดยิ่งกว่า หากเมื่อพาหนะสองคันขับตามกันมาอย่างไม่เร่งรีบเกือบหนึ่งชั่วโมงจนถึงจุดหมายปลายทางอย่างบ้านของเขาในที่สุด มันก็กลับระคนไปกับความรู้สึกไม่ชอบมาพากลบางอย่าง
“โอ้โห! นี่น่ะเหรอบ้านของไทเซย์? สวยจังเลย!”
แม้ว่าราเคลจะไม่ปฏิเสธคำพูดของมิรา โมริชิมะ เพื่อนสนิทที่เปิดประตูข้างคนขับรถตามเธอที่นั่งอยู่ด้านหลังลงมา เมื่อได้เห็นบ้านปูนเปลือยสองชั้นหลังใหญ่ตั้งอยู่อย่างสันโดษ ริมทะเลสาบสีน้ำเงินเข้มตัดกับท้องฟ้าที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ในพื้นที่ห่างไกลซึ่งรายล้อมไปด้วยธรรมชาติสีเขียวชอุ่มยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ แค่มองผ่านบานหน้าต่างกรุกระจกด้านหน้าเข้าไปก็จะเห็นการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ในโทนสีขาว ดำ น้ำตาล ดูหรูหราแสดงถึงฐานะ ให้ความรู้สึกแบบผู้ดีทุกกระเบียดไม่ต่างจากชายผมทองในชุดเสื้อเชิ้ต กางเกงสแลค และรองเท้าหนังสีดำเนี้ยบกริบราคาแพง ทว่าทั้งหมดเหล่านั้นคือสิ่งที่ทำให้ราเคลอึดอัด เหมือนอย่างที่เจ้าของบ้านนามไทเซย์ ฟุคุโมโตะก็ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ไม่ใช่แค่ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในรถกับสายตาคมปลาบที่เมื่อสบโอกาสก็จะหาทางจ้องมองเธอผ่านกระจกมองหลัง หากรวมถึงตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนร่วมคณะเดียวกันในมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และราเคลก็รู้ว่าจะเป็นตลอดเวลาที่มาเยี่ยมเยือนบ้านของเขาในดินแดนปรีมอร์เย ประเทศรัสเซียด้วยเช่นกัน
“ไกลปืนเที่ยงตั้งขนาดนี้เลยนะ” ชุนสุเกะ มิจิเอดะที่ลงมาจากหลังรถอีกคันหนึ่งยืนยืดตัวบิดขี้เกียจพลางเอ่ยทักอย่างติดตลก เรียกรอยยิ้มจากเจ้าบ้านที่หันมองมา กระนั้นก็ไม่วายผ่านเลยมาทางเธอจนราเคลต้องรีบเดินหลบให้พ้นทาง
“ไม่อยากไปอยู่กับครอบครัวใหม่ของพ่อแม่ที่มอสโกน่ะ” ราเคลได้ยินเสียงของเขาตอบคำถามของชุนสุเกะ “ที่จริงมันเคยเป็นบ้านพักตากอากาศของลุง พอลุงตายก็ยกให้เป็นมรดก ทุกครั้งที่กลับรัสเซียฉันก็จะมาอยู่ที่นี่แหละ”
“ยังงี้ไทเซย์ไม่เหงาแย่เหรอ?”
ตามด้วยน้ำเสียงแหลมเล็กซึ่งถูกดัดให้เกินจริงจนฟังดูน่าขันมากกว่าน่ารัก ขนาดที่ราเคลไม่จำเป็นต้องหันกลับไปมองยังรู้ว่าสีหน้าท่าทางของยัยอลิกิ ยานากะจะเป็นแบบไหน ส่วนมิราที่ยืนอยู่ข้างไทเซย์ก็จะเบะปากมองบนโดยไม่ปิดบังความเกลียดชัง ในเมื่อเจ้าหล่อนเองต่างหากที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเธอโดยไม่มีเหตุผล ก่อนเพิ่มเติมเป็นศัตรูหัวใจด้วยเหตุลผลที่ว่าหล่อนดันเกิดตกหลุมรักไทเซย์ขึ้นมา และการที่หล่อนไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกับเขาเหมือนอย่างพวกเธอก็ย่อมแปลว่าไม่ได้รับเชิญมาด้วย แต่ยัยอลิกิก็ฉลาดไม่เบาที่เลือกบีบน้ำตาร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าเพื่อนสาวหัวอ่อนในกลุ่มอย่างลีล่า ทากาฮาชิ อ้างว่าถูกแฟนทิ้งเลยอยากหลบมาพักใจไกลถึงอีกคนละซีกโลกกับเขาเลยยิ่งดี โถ ทำไมราเคลจะไม่รู้ว่ายัยอลิกิต่างหากที่เป็นฝ่ายทิ้งเขาก่อนเพราะหวังว่าจะได้สานสัมพันธ์ทั้งทางใจ...หรือแค่ทางกายก็ยังดี...กับไทเซย์ในทริปนี้
ยิ่งน่าหงุดหงิดเป็นบ้าเมื่อยัยอลิกินั่นแหละที่ทำให้ราเคลจำยอมต้องติดสอยห้อยตามมาด้วยทั้งที่ไม่ได้อยาก แต่ราเคลจะปล่อยให้เพื่อนสนิทต้องเผชิญหน้ากับคนที่เธอเชื่อว่าหล่อนกล้าพอจะจับคู่แข่งกดน้ำเพื่อกำจัดไปให้พ้นทางคนเดียวได้ยังไง!
“ฉันไม่เหงาหรอก”
ให้ราเคลต้องข่มอกข่มใจไม่ตะโกนสวนไปด้วยความหมั่นไส้ว่า “เพราะพาสาวๆ มาคั่วไม่ซ้ำหน้าทุกครั้งเลยสิท่า!” เมื่อมันจะไม่ได้กระทบกระเทือนแค่จิตใจของยัยอลิกิ (ที่เธออยากทำชะมัดยาด!) แต่โดยเฉพาะมิราที่ก็ตกหลุมรักไทเซย์หัวปักหัวปำ ทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าตัวไม่ยักกะเคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนแท้ๆ
ก็เพราะอย่างนั้นราเคลจะไปเป็นหนึ่งในผู้หญิงคนไหนของเขาให้ได้อะไรขึ้นมา
“แต่คราวนี้นายคงไม่เหงาแล้วแหละ พวกเรายกพลกันมาถล่มตั้งขนาดนี้” พอชุนสุเกะเย้ามา มิราเลยได้ทีรีบเปิดปากก่อนยัยอลิกิอย่างเร็วรี่ว่า “น่าเสียดายที่พี่ยูโตะไม่ได้มาด้วยกัน เนอะ ลีล่า” เอ่ยโยงไปถึงพี่ชายเจ้าของชื่อที่จะเพียงหันมายิ้มน้อยๆ เป็นการตอบรับ “ตอนแรกราเคลก็เกือบบินกลับบ้านไปด้วยอีกคนแล้วเหมือนกัน ค่อยยังชั่วหน่อยที่สุดท้ายเธอก็เลือกมากับเรา”
“ฉันจะพลาดโอกาสมาเที่ยวบ้านเกิดของเพื่อนพร้อมหน้าพร้อมตากับทุกคนแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ!” ราเคลตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มเริงร่าที่ปั้นแต่งอย่างเต็มที่ ไม่ลืมเน้นย้ำสถานะกับเจ้าบ้านที่เธอไม่อยากมองหน้าด้วยซ้ำให้ชัดเจน แล้วจึงหันกลับมาให้ความสนใจกับกระเป๋าเดินทางที่อยู่ท้ายรถโดยไม่สนใจต่อเสียงสนทนาที่ดังแว่วมาอีก กระนั้นก็ไม่ทันมือใหญ่ของใครคนหนึ่งที่จะตัดหน้ายกกระเป๋าเดินทางทั้งของเธอกับมิราลงมาให้
อาจเป็นครั้งแรกในรอบวันที่ราเคลยิ้มกว้างหลังจากเอ่ยคำขอบคุณออกมาได้โดยไม่มีการปั้นแต่ง เพราะอิวาซากิ ไทโชคือคนที่ทำให้ราเคลรู้สึกแบบนี้ได้เสมอ เขาอาจไม่ใช่คนช่างพูดช่างสังสรรค์เหมือนอย่างคนอื่นๆ ในกลุ่ม อันที่จริงเขาเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้ได้แค่เพราะเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กของสองพี่น้องบ้านทากาฮาชิที่ลีล่าชักพามา แต่เขาก็เป็นเพื่อนผู้ชายในกลุ่มที่ราเคลชอบมากที่สุด ทั้งความใจดีมีน้ำใจผิดกับใบหน้าซึ่งมักจะนิ่งเฉย รอยยิ้มที่นานครั้งจะปรากฏหากก็ทำให้ใจของเธอสั่น แม้ว่ารูปร่างหน้าตาเขาอาจเป็นรองทั้งไทเซย์ ชุนสุเกะ และยูโตะ แต่ถึงอย่างนั้นราเคลก็ยังชอบไทโชมากที่สุด
และเธอไม่ได้หมายถึงแค่ในฐานะเพื่อนเพียงเท่านั้น
มิราตกหลุมรักเพื่อนผู้ชายในกลุ่มที่เธอก็รู้ดีมาตลอดว่าเขาตกหลุมรักเพื่อนสนิทของเธอเอง
ไม่ใช่สิ...สำหรับไทเซย์แล้วมันไม่ควรเป็นคำที่ลึกซึ้งขนาดนั้น ในเมื่อมิราไม่เคยเห็นเขาจริงจังกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน นับตั้งแต่ราเคลเป็นตัวตั้งตัวตีเข้าไปทำความรู้จักกับเขาหลังประกาศคะแนนสอบย่อยที่ออกมาดีมากเผื่อว่าจะได้ให้มาเป็นครูช่วยติว ส่วนมิรากลับสนใจรูปร่างหน้าตาที่ดีมากและคิดว่าอยากให้เขามาเป็นอย่างอื่นมากกว่า แต่การที่ไทเซย์เอาแต่คบควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าตลอดเวลาเหล่านั้นก็จะทำให้มิราได้แต่น้ำตาตกใน กระนั้นก็ยังไม่มีอะไรน่าเจ็บปวดใจเท่ากับข้อความจริงที่ว่าเขา ‘สนใจ’ เพื่อนสนิทของเธอ ซึ่งจะตีตัวออกหากอย่างจงใจไปเข้ากลุ่มกับพวกลีล่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เจอหน้า ไม่ใช่แค่เพียงเพราะว่าราเคลชอบผู้ชายหน้าตาธรรมดาซ้ำนิสัยยังน่าเบื่อหน่ายสำหรับมิราอย่างไทโช แต่เป็นเพราะหล่อนไม่อยากเข้าใกล้ไทเซย์ที่เธอรักทุกเวลาที่เจอหน้าด้วยต่างหาก
ราเคลเกลียดนิสัยมั่วไม่เลือกของไทเซย์มากเสียจนพาลไปถึงเรื่องอื่นๆ ถึงขนาดเอามานินทากับเธอว่าบุคลิกลักษณะของเขาดูไม่เหมือนคนปกติเลยด้วยซ้ำ “เคยได้ยินข่าวผู้หญิงหายตัวไปที่ปรีมอร์เยบ้างไหมล่ะ? ไม่แน่ว่าบางทีเขาอาจเป็นคนลักพาตัวพวกเธอไปฆ่าก็ได้ ใครจะไปรู้” ให้มิราได้ฟาดแขนเพื่อนไปหนึ่งเผียะโทษฐานปากไม่ดี เพราะอย่างนั้นถึงมิรายอมรับว่าอดแปลกใจไม่ได้ที่ราเคลกลับยอมรับง่ายๆ เมื่อเธอก้มหน้าบอกเสียงอ่อนอ่อยว่า “ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังอยากเป็นคนรักของไทเซย์อยู่ดี”
แต่ก็ดีที่มิราไม่ต้องมาระแวงว่าวันหนึ่งเพื่อนรักจะมาแย่งคนที่เธอรัก แม้ว่าการได้เห็นสายตาของเขายามที่มองดูราเคลจะทำให้หัวใจของเธอปวดแปลบยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหน ไม่แม้แต่ยัยอลิกิที่ไทเซย์แทบไม่ได้ให้ความสนใจเลยด้วยซ้ำไป
ตรงกันข้ามกับหล่อนที่พยายามเรียกร้องความสนใจสุดชีวิต
นอกจากห้องนอนหลักบนชั้นสองที่มีแค่กล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างๆ ตั้งอยู่อย่างโดดๆ แล้ว ก็ยังมีห้องนอนแขกอยู่ด้านล่างอีกสองห้อง ทั้งที่พวกผู้ชายควรได้พักรวมกันหมดในห้องนอนใหญ่ของเจ้าบ้าน แต่คนนอกอย่างยัยอลิกิก็หน้าด้านเหลือใจด้วยการพุ่งตัวเข้าไปควงแขนขอนอนห้องหลักกับลีล่า แถเหตุผลข้างๆ คูๆ ที่ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลยว่า “เพราะเราสองคนเป็นผู้หญิง” อย่างกับว่าเธอกับราเคลที่ยืนหัวโด่อยู่นี่ไม่ใช่ผู้หญิง! ถึงแม้ว่ามิราอยากด่าสวนไปใจจะขาด แต่สีหน้าเนือยหน่ายของราเคลก็แปลว่าหล่อนอยากพักผ่อนเต็มแก่แล้วจนคร้านจะเปิดปากเถียง เพราะอย่างนั้นลูกคู่อย่างเธอเลยทำได้แค่ถลึงตาใส่และเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันต่อรอยยิ้มเยาะของนางแม่มดน่าเกลียด — ที่หล่อนจะหัวเราะได้แค่ตอนนี้แหละ — อยู่ในใจ
เพราะจำไว้เถอะว่าหัวเราะทีหลังย่อมดังกว่า
_______________
ความคิดเห็น