คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : GOODIE20 ll เป็นโจรครั้งที่20 {อัพ100%} อ้ายซี
วันต่อมา...
มหาวิทยาลัย
เวลา
08.50 นาฬิกา
“พริก...”
นับตั้งแต่เหตุการณ์น่ากลัวเมื่อวาน
ฉันก็เอาแต่ขังตัวเองอยู่แต่ภายในห้อง
เฝ้ารอคอยการติดต่อของอ้ายก็อตอย่างที่ควรจะเป็น แต่การรอคอยก็ดูจะไร้ผล
เมื่อสายโทรศัพท์ที่นอนรอตลอดทั้งคืนไม่ดังให้ได้ยินเสียงเพื่อช่วยบรรเทาความรู้สึกย่ำแย่ที่มีตลอดทั้งคืนลงเลย
เขาหายไป
ไม่เป็นเหมือนอย่างที่ควร...
“น้องกะเหรี่ยงคะ!”
“เฮือก!” ร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือกตัวโยนเมื่อจู่ความคิดในหัวถูกขัดด้วยเสียงเล็กแหลมเหมือนนกหวีดดังแทรกเข้ามา
จนต้องรีบหันขวับมองไปยังต้นเสียงด้วยความตกใจ ก่อนพบว่าเจ้าของเสียงดังกล่าวไม่ใช่ใคร
แต่เธอคือผู้หญิงขี้เหวี่ยงและเจ้าอารมณ์ที่ฉันรุ้จักดี!
“หูตึงหรือไง
เรียกตั้งหลายรอบแล้วนะ!” พี่แอลที่ไม่รู้ว่าเข้ามาประชิดตัวฉันบริเวณโต๊ะม้าหินตั้งแต่เมื่อไหร่
เท้าเอวโวยวาย อีกทั้งยังทำหน้าบอกบุญไม่รับคล้ายกับกำลังฉุนอะไรอยู่
“ขะ ขอโทษค่ะ
พอดีหนูกำลังคิดอะไรเพลินๆ...” และนี่คงเป็นคำแก้ตัวที่ดีที่สุดที่สมองว่างๆพอจะคิดได้
“เมื่อวานหล่อนหายไปไหน
ทำไมไม่มาเข้ากิจกรรม!?”
“คือหนูติดธุระค่ะ
ก็เลยไม่ได้มา...” ส่วนนี่ก็คงเรียกว่าคำโกหก
“อ๋อเหรอ? เมื่อคืนก่อนเธอหายไปกับกอล์ฟทั้งคืน
เมื่อวานก็ไม่มาเข้ากิจกรรมอีก...” พี่แอลย้อนพลางทิ้งตัวลงนั่งบนม้าหินฝั่งตรงกันข้าม
จากนั้นก็ยื่นหน้ายื่นตาเข้ามาใกล้ หรี่ตาลงราวกับจะจับผิด “แถมเธอดันไม่มาเข้ากิจกรรมวันเดียวกับที่กอล์ฟหยุดด้วย
มันหมายความว่าไง?”
“หนูจะไปรู้ได้ยังไงล่ะคะ
ไม่ได้ตัวติดกับอ้ายกอล์ฟสักหน่อย...” ฉันตอบพี่แอลไปแบบไม่เต็มเสียงนัก
เพราะรู้ดีว่ามันคือถ้อยคำโกหก และเพราะไม่อยากนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
เมื่อสบโอกาสฉันจึงเป็นคนเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยตัวเอง “แล้วนี่พี่ชมพูไปไหนคะ?”
“ถามทำไม?” พอถูกย้อนฉันก็ดันไม่รู้จะตอบกลับยังไงในเมื่อฉันไม่ได้อยากรู้คำตอบสักหน่อย แต่แล้วในตอนที่กำลังคิดเพื่อที่จะเปลี่ยนเรื่องเป็นหนที่สอง จู่ๆพี่แอลก็ถอนหายใจพร้อมทั้งเริ่มพูดต่อด้วยตัวเอง “ยัยนั่นก็คงจะไปเยี่ยมเพื่อนที่ต่างจังหวะล่ะมั้ง”
“เยี่ยมเพื่อนที่ต่างจังหวัดเหรอคะ?”
“ใช่
ทุกปีของเดือนนี้ ยัยนั่นชอบหนีขึ้นเหนือไปหาเพื่อนตลอด” พอถูกย้อนพี่แอลก็ตอบซ้ำร้ายยังย้อนถาม
“ภาคเหนืออ่ะบ้านเกิดเธอไม่ใช่เหรอ?”
“ค่ะ ใช่...” แต่พอให้คำตอบกลับไป พี่แอลก็ดูไม่ได้สนใจคำตอบจากฉันนัก เพราะที่เธอสนใจน่ะมันคือสมาร์ทโฟนราคาแพงในมือของตัวเองต่างหาก
ไม่นานนักหรอกพี่แอลก็ละสายตาจากหน้าจอมาเป็นหน้าฉันแทน
และเป็นอีกครั้งที่เธอถอนหายใจออกมาพร้อมกับเสียงบ่น
“กอล์ฟเป็นบ้าอะไรของเขานะ
ไม่ตอบข้อความแถมยังไม่รับสายอีก” นอกจากจะบ่นแล้ว
เธอยังยิงคำถามแปลกๆ ขึ้นมาจนฟังดูคล้ายกับว่ากำลังชวนคุยอีกด้วย “เหนื่อยเนอะ การที่จะทำให้ใครสักคนสนใจเนี่ย...”
“พี่แอลหมายถึงอ้ายกอล์ฟเหรอคะ?”
“ใช่!” เธอตอบกระแทกเสียง จากนั้นก็พูดเสริม “การอยากเป็นคนรักของคนที่เขามีคนรักอยู่แล้ว
มันยากเนอะเธอว่าหรือเปล่า?”
คำพูดแปลกๆของพี่แอลชวนให้คิดตาม
และมันก็น่าสงสัยมากพอจนพลอยให้คนได้ยินอย่างฉันเอ่ยถามกลับไปอย่างเสียมารยาท
“พี่แอลไม่ได้เป็นแฟนอ้ายกอล์ฟหรอกหรือคะ?”
วูบหนึ่งที่คนถูกถามเหลือบมองคล้ายกับคิดหรือลังเลอะไร
แต่แล้วก็ยอมส่ายหน้าพร้อมทั้งพูดบางอย่างขึ้น
“กับผู้ชายคนนั้นน่ะ..ฉันเรียกแฟนได้ไม่เต็มปากหรอก...”
“...”
“เพราะสำหรับกอล์ฟน่ะ ผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาเขาทุกคน มีค่าเป็นแค่คู่นอนเท่านั้นแหละ”
ฉันไม่ได้พูดอะไรหลังจากพี่แอลพูดประโยคดังกล่าวจบ
แต่เลือกจะเงียบเพราะไม่อยากถามหรือพูดอะไรให้คนฟังรู้สึกแย่ลงกว่าเก่า ทว่า
การที่ทำแบบนั้นก็ใช่จะทำให้คู่สนทนาเงียบตามไปด้วยเสียที่ไหน
“นี่น้องกะเหรี่ยง!”
พี่แอลยังคงทำลายความเงียบระหว่างเราด้วยเสียงแสบหูของตัวเองอยู่ดี “คืนก่อนที่เราไปผับด้วยกัน ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเธอเลยนะ!!”
“คะ คิดบัญชีเหรอคะ!?”
ฉันย้อน
“ใช่! มีอย่างที่ไหนหนีกลับไปกับกอล์ฟแบบนั้นอ่ะ!” เธอโวยวายเหมือนกับต้องการจะเปลี่ยนเรื่องคุยตามสไตล์ของคนขี้ดวยวาย พลางใช้มือตีใส่แขนฉันหนึ่งทีคล้ายกับเป็นการลงโทษส่วนปากก็เอาแต่ต่อว่า “เธอนี่มันน่าหมั่นไส้จริงๆเลยนะ แค่พาแฟนน้องชายตัวเองมาเที่ยวแค่เนี่ย กอล์ฟถึงขั้นว่าฉันเลยนะเธอรู้ป่ะ!?”
“…” ว่าเหรอ
หรือจะเป็นตอนนั้นที่เขาเรียกพี่แอลไปคุยเป็นการส่วนตัว..
“โอ้ยยย พูดแล้วมันก็น่าหงุดหงิด!”
ทั้งที่คิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีแล้วที่เปลี่ยนเรื่องคุย
แต่พอพี่แอลพูดวกกลับเข้าเรื่องของผู้ชายคนนั้นเข้า
เสียงหวีดร้องตามประสาคนเอาแต่ใจของเธอก็เหมือนจะถูกความคิดในหัวกลบทับจนเงียบไปหมด
ในหัวมีแต่เรื่องราวที่บิดเบี้ยวไปจากความทรงที่มีมาตลอดหลายปี จนรู้สึกปวดหัวไปหมด ไม่ว่าจะการพบกันครั้งแรกตอนเกิดอุบัติเหตุหรือแม้แต่การพบหน้ากันอีกครั้งในวันที่โรงเรียนเปิดเทอม
หลังจากใช้เวลาทบทวนเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมดมาตลอดทั้งคืน ความรู้สึกบางส่วนของฉันเริ่มจะเชื่อมั่นขึ้นมาแล้วว่าสิ่งที่เคยเข้าใจมาตลอดคือเรื่องเข้าใจผิด แต่ในขณะเดียวกันความรู้สึกที่มีต่ออ้ายก็อตมันกลับคงเดิม
ฉันยังรักเขา ที่เขาเป็นเขา
ต่อให้การพบเจอที่บิดเบี้ยวในครั้งนั้นจะเป็นคนอื่นก็ตาม...
ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าฉันจะไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่ผิดพลาดที่เคยเกิดหรอกนะ มันก็เหมือนที่อ้ายกอล์ฟบอกนั่นแหละ ทั้งที่ฉันเป็นคนให้สัญญาไว้เอง ว่าหากเราได้พบกันอีก ฉันจะจำเขาได้แน่นอน แต่ก็ไม่ใช่...
สุดท้ายฉันคือคนที่ผิดสัญญา
ไม่แปลกอะไรหากว่าเขาจะโกรธหรือเกลียดฉันเหมือนอย่างที่เป็นอยู่
แต่กับอ้ายก็อตน่ะ เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยสักนิด หากว่าอ้ายกอล์ฟไม่พอใจกับการพบกันระหว่างน้องชายตัวเองกับฉันจนเกิดเป็นการคบหากันขนาดนั้น ทำไมเขาถึงไม่พูดกับอ้ายก็อตไปตรงด้วยตัวเองล่ะ
และถ้าหากเขาพูด
บางทีตอนนี้คนที่ฉันกำลังคบหาและรอเวลาที่จะได้เจอหน้าอาจเป็นเขาก็ได้ไม่ใช่หรือไง...
“เฮ้อ...” พอคิดแล้วฉันเริ่มปวดหัวกับความสัมพันธ์ที่ค้างคาของสองพี่น้องฝาแฝดที่ดันเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง
จนเผลอถอนหายใจเพื่อลดความตึงเครียดทางความคิดลงบ้าง ทว่า
“ถอนหายใจทำไม?”
ฉันดันลืมไปว่าตอนนี้ฉันมีใครอีกคนนั่งอยู่ข้างกาย
แถมเธอคนนี้ก็ดูจะอยากรู้ไปเสียทุกเรื่องด้วยสิ “คิดอะไรเรื่องของกอล์ฟออกแล้วเหรอ?”
“ปะ เปล่าค่ะ...”
ให้ตายสิ!
ตั้งแต่มาอยู่เมืองกรุงฉันพูดโกหกไปกี่ครั้งแล้วนะ?
คราวนี้หลังสิ้นเสียงตอบ
ดูเหมือนว่าพี่แอลจะไม่ยักจะรบเร้าหรือซักไซ้เหมือนอย่างปกติ พอฉันเงียบเธอก็เงียบ
แต่ก็เงียบได้ไม่นานนักหรอก เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายนึกอะไรขึ้นมาได้
“เออนี่น้องกะเหรี่ยง!” ถึงได้โพล่งเสียงออกมาแบบนั้น พลางรีบคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองมาเปิดออก ทำเหมือนกับกำลังหาอะไรบางอย่าง
สิ่งที่พี่แอลแสดงให้เห็นทำฉันรู้สึกแปลกใจและมองสิ่งที่เธอกำลังทำแบบไม่ละสายตา
จนกระทั่งเธอพบเข้ากับอะไรบางอย่างภายในกระเป่า ถึงได้หยิบออกมา
ของสิ่งนั้นดูเหมือนจะเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งเขียนเบอร์โทรของใครสักคนเอาไว้
ยิ่งเห็นของไร้สาระแบบนั้นฉันยิ่งต้องขมวดคิ้วไม่เข้าใจสิ่งที่ข้างกายตั้งใจจะสื่อมากเข้าไปใหญ่
“อะไรหรือคะ?”
และอดถามไม่ได้
“คืนก่อนเธอตั้งใจจะไปหาคนชื่อซีในผับใช่ไหมล่ะ?”
ด้วยคำถามและท่าทางกับสีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องหมายของฉัน
เลยทำให้ผู้หญิงนิสัยจู้จี้จุกจิกยอมอธิบายออกมาในที่สุด “หลังจากเธอกลับไปแล้ว
ฉันเลยเพ่งเป้าไปที่คนชื่อซีอะไรนั่น ตอนแรกก็กะจะหลอกถามเรื่องกอล์ฟนั่นแหละ
แต่ว่า...”
“...”
“ฉันดันโดนเขาตลบหลัง หลอกถามว่ามาทำอะไรกับเธอที่นี่
ฉันก็เลยบอกไป...”
“นี่พี่หลุดบอกอ้ายซีไปเหรอคะ
ว่าเราไปทำอะไรกันที่นั่น!?” ฉันย้อนอย่างตกอกตกใจซึ่งคนถูกย้อนก็ตอบด้วยเสียงแหลมสูงใส่อารมณ์ไม่ต่างกัน
“เออหลุดปาก! ทำไงได้ล่ะ ก็ตอนนั้นฉันเมานี่!” พอได้ยินแบบนั้น
มันอดคิดตามไม่ได้ว่าเพราะเหตุผลนี้หรือเปล่า
เลยทำให้อ้ายกอล์ฟคอยจับผิดฉันอยู่เสมอเรื่องความต้องการที่จะเจอหน้าอ้ายก็อต
บางทีอ้ายซีอาจจะเอาเรื่องที่พี่แอลหลุดปากไปบอกอ้ายกอล์ฟก็ได้
ก็ในเมื่อเขาทั้งคู่สนิทกันนี่...
“แต่พอฉันบอกเขาว่าเธอมาที่นี่เพื่อที่จะคุยกับเขาเรื่องกอล์ฟกับน้องชาย เขาก็ไม่ยอมพูดอะไร แต่ดันยื่นไอ้นี่มาให้…”
อีกครั้งที่พี่แอลกล่าวขึ้นพลางยื่นกระดาษจดหมายเลขโทรศัพท์ส่งมาให้
“เขาบอกว่าถ้าเธอมีอะไรอยากคุยกับเขาให้โทรไปตามเบอร์นี้”
To Be Continued...
เราหายไปแพ็กหนังสือสำหรับจัดส่งมางับ แฮ่ๆ
ชอบก็เม้นไว้ ถูกใจเรื่องนี้อย่าลืมโหวตเต็ม100%
1เม้น1กำลังใจเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเม้นและโหวตดีๆในหน้านิยาย
ติดแท็กในทวิต #ผู้ชายสายโจร
ความคิดเห็น