ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #19 : เดโระเดโระ (Dero Dero) ผีแบบนี้ก็มีด้วย

    • อัปเดตล่าสุด 1 ส.ค. 52



                    ตอบคำถามนิดๆ หน่อยๆ

                    เคยอ่านเรื่อง lier game เกมไล่ล่าคนตอแหลมั้ยคะ

                    อ่านครับ ชอบด้วย ไม่รู้คนเขียนเคยเป็นผู้ช่วยคนเขียน “ลางสังหาร”หรือเปล่า เหมือนอารมณ์คล้ายๆ

                    อยากให้วิจารณ์เรื่อง กินทามะ หน่อยครับ เรื่องนี้มุกตลกดี

                    ก็อยากเขียนถึง แต่ผมไม่ชอบคนวาดภาพประกอบเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ เหมือนกินกาแฟผสมเกลือที่ไม่เข้ากันเลย

     

     

    Dero Dero
         ผู้เขียน : เร็นซึเกะ โอชิคิริ
         แนว : Black Comedy
         สำนักพิมพ์ : บงกช พับลิชชิ่ง
         ความยาว : 3 เล่ม (ยังไม่จบ ในเว็บที่ให้มีตั้ง 268 ตอน)

    (อ่านตัวอย่างได้ที่ http://manga.animea.net/dero-dero-chapter-1.html)

     

                    การ์ตูนสยองขวัญเป็นการ์ตูนอีกแนวที่มีแฟนจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนการ์ตูนประเภทนี้ก็อยู่ในแผงหนังสือน้อยลงทุกที

                    การ์ตูนแนวนี้เนื้อหาบางเรื่องยิ่งกว่าภาพยนตร์ด้วยซ้ำ เช่น ปรสิตเดรัจฉานที่สิ่งมีชีวิตต่างดาวเข้าในอาศัยในตัวคน ยึดร่างยึดความคิด และกินคน แลฉากฆาตกรรมหมู่ในโรงเรียนก็กลายเป็นฉากคลาสสิกที่ติดตาคนอ่านหลายคนอย่างไม่มีรู้ลืม

                    วิวัฒนการณ์ผีจากอดีตถึงปัจจุบันก็เริ่มมีความคิดพิลึกพิลั่นเรื่อยๆ ประเภทผีออกมาปลิ้นตาหลอกตัวละครในเรื่อง หักคอคนเดินเท้า โชว์พุงโชว์ไส้กลายเป็นของล้าสมัยสำหรับคนอ่านไปแล้ว คนเขียนการ์ตูนแนวนี้ก็เข้าใจจุดนี้ดีจึงได้พัฒนาผีให้ทันสมัยเข้ากับยุคนี้มากขึ้น

                    อย่างที่เราเห็นในหนัง วีดีโอต้องสาป, รถผี, รถไฟสี, แม่นาค 2002 ผีเหล่านี้ถูกนำมาใช้ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันอย่างเนียบเนียน

                    เดโระเดโระ ผีแบบนี้ก็มีด้วยก็เป็นการ์ตูน(ไม่)สยองขวัญที่ไม่เหมือนใครเช่นกัน แบบว่ามุกและเนื้อหาไม่แพ้การ์ตูนเรื่อง “ชั่วโมงเรียนพิศวง” เลยสักนิด เนื้อเรื่องสั้นกระชับจบในตอน มีทั้งความ(ไม่)สยองปนตลกร้าย(กาจ)แบบ Black Comedy ชนิดที่เรียกว่า ตอนจบ.....ติ๊งต๊องได้ใจดีอ่ะ

                    ลายเส้นเหรอ ขอบอกในที่นี้เลย พวกที่ชอบลายเส้นสวยงาม หรือจะดูตัวละครสวยหล่อละก็ กลับไปอ่านการ์ตูนอื่นเถอะนะครับ เพราะการ์ตูนนี้เส้นหนักมาก หนักกว่า“ชั่วโมงเรียนพิศวง” อีก แต่เดโระฯนี้นอกจากเส้นหนักแล้วไม่สวยด้วย แต่ก็อ่านสบายครับลายเส้นหลอน ๆ  โรคจิตดี

                    ดีกว่าลายเส้นสวยแต่อ่านไม่รู้เรื่องน่า....

                    เรื่องนี้เป็นผลงานของเร็นซึเกะ โอชิคิริผู้เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ถูก ชิมิซึ ทาคาชิผู้กำกับหนังดัง (จูออน, จูออน 2 , The Grudge) ดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง ไคดัน คดจิโอะมิไนเดะ(ผมไม่เคยเห็นหรอก ใครรู้ช่วยบอกที)

                   
                    เ
    ดโระเดโระเป็นเรื่องที่กล่าวถึง "ฮิโนะ มิมิโอะ" นักเรียนชั้นม. 3 เด็กเกเร(แต่ไม่สร้างความเดือดร้อนต่อสังคมนะ จิตใจคุณธรรมเลยแหละ ไม่รังแกผู้อ่อนแอกว่า ชอบช่วยเหลือคนอื่น เพียงแต่ชอบคบคนไม่ดีมากกว่า) นอกจากนี้ยังสมองทึบ ชอบใช้กำลัง รักสัตว์ ติดน้องสาว พูดตรงไปตรงมา หน้าไม่หล่อ บ้าโฆษณาขายของ และมีซึ่งมีสัมผัสวิญญาณซะด้วยเพราะว่าถูกวิญญาณทอดทิ้ง แถมวิญญาณที่เขาพบเจอนั้นมีแต่ประเภทที่ประหลาดๆ พิลึก โรคจิต สมองนิ่ม ติ๊งต๊อง(แบบร้ายๆ) มารังครวญรอบตัวเขาเสมอ แต่แทนที่ฮิโนะจะไม่กลัว เขากลับหาวิธี โต้กลับด้วยวิธีแปลกๆ(ส่วนมากก็ใช้หมัดต่อยอ่ะนะ)

                  อย่าง ภูตกฎเหล็กเรื่องสยองขวัญซึ่งเป็นผีที่ออกมาจัดการกับเหยื่อตามรูปแบบหนังสยองขวัญ มิมิโอะและเพื่อนเลวๆ ของเขาต้องงเอาตัวรอดด้วยแสดงให้ผีเห็นว่า “เด็กเลวนั้นไม่ใช้เลวร้ายอย่างที่คิด” เขาได้นำเสนอให้ผีเห็นว่า เด็กเลวก็เป็นคนน่ะ มีครอบครัว มีความฝัน อนาคต พวกเขาไม่มีสิทธิรอดได้เหรอ จนกระทั้งผีใจอ่อนแล้วหันมาเล่นงานเด็กหนุ่มแสนดีที่พยายามช่วยชีวิตแฟนสาวแทน...

                    หรือผีไอ้หนุ่มฟิวส์ขาดที่หัวจะโตขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถูกแกล้ง จนเมื่อถึงขีดสุดก็จะระเบิดแยกออกมาเป็นสองซีก โดยผู้เขียนตบท้ายเอาไว้อย่างเจ็บแสบว่า ผีชนิดนี้พบได้ทั่วไปตามโรงเรียน

                    หรือผีบางตัวก็ใช้จิตวิทยาเล่นงานมนุษย์เช่นกันอย่าง “ผีกำแพงตกเบ็ด” เป็นผีที่ใช้ทีวีในอนาคตล่อเหยื่อให้เอาหัวเข้ามาเสียบ(เหมือนหม้อข้าวหมอแก้งลิงใช้กลิ่นล่อแมลง)แล้วดูดพลังชีวิตไปที่ละนิด แต่เหยื่อไม่สนใจว่าตนเองจะตายหรอก เพราะใครๆ ก็อยากรายการทีวีในอนาคตทั้งนั้น(อย่างฟุตบอลโลกไงล่ะ)

                    หรือผีบางตัวก็นิสัยดีเช่นกัน อย่างผีหนุ่มใต้สะดือ ที่ชอบกินวีดีโอโป๊ ที่ใจกว้างให้พระเอกยืมวีดีโอโป๊ให้ไปดูซะด้วย

                    หรือผีบางตัวก็เอามาจากตำนานจริงๆ เหมือนกัน อย่างหุบเขาแมวในคิวชูที่ว่ากันว่าถ้าแมวแก่บำเพ็ญเพียรจะกลายเป็นปีศาจแต่ในเรื่องดันกลายเป็นหุบเขาสุนัขซะงั้นแถมบำเพ็ญเพียรเป็นคนซะอีก หรือจะเป็นสาวปากฉีกที่ชอบถามเด็กๆ ว่า “ฉันสวยไหม” แต่ในเรื่องดันทำให้กลายเป็นผีที่ชอบถามคำถามจนพระเอกของเราทนไม่ไหวต่อย(เม่ง)ซะเลย  แต่ที่ฮ่าที่สุดคือผีไร้หน้าซึ่งไม่รู้พี่แกจะหลอกพระเอกซ้ำไปซ้ำมาทำไม จนพระเอกเบื่อที่จะกลัวเลยต่อยคว่ำเอาดินสอมาระบายหน้าซะงั้น

                    นอกจากนี้รอบๆ ตัวเขาก็มีตัวละครที่เรียกเสียงฮ่าเพียบ ไม่ว่าจะเป็นคุณไซโต้(หมา)สัตว์เลี้ยงของฮิโนะที่พวกผีชอบแกล้งเป็นประจำ แถมพี่หมาแกก็กลัวผีมากๆ ด้วยสิ

                    แต่ที่ชอบมากที่สุดก็ตัวน้องสาวของฮิโนะนี้แหละ ที่น่ารัก เงียบๆ ไม่กลัวผีอีก แต่มีข้อเสียคือชอบคบเพื่อนแปลกๆ ไม่รู้ติดนิสัยจากพี่ชายหรือเปล่า

                    และตัวละครสมทบต่างๆ แบบขาจร ขาไป ที่โรคจิตไม่น้อยกว่าผีเลย เช่นพวกตำรวจที่หน้าตาโรคจิต ติ๊งต๊อง, หัวหน้าห้องของพระเอกที่ฉลาดแต่ก็ออกอาการเวอร์ๆ ตลอด,โอตาคุที่ยอมตายขอให้โมโอะ,หรือชาวเมืองที่มีพวกเหนือมนุษย์ปนมาด้วย(เช่นนายพรานล่าสัตว์ที่ถือปืนเดินอยู่ในเมืองได้ไงเนี้ย)

                    นอกจากนี้บางส่วนของเรื่องก็แฝงไปด้วยเรื่องเวอร์ๆ ที่คนอื่นไม่สังเกตเหมือนกัน อย่างเช่นมีอยู่ตอนหนึ่งที่พระเอก ม.3 สั่งซื้อกระบองผ่านรายการทีวีช้อปปิ้ง แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนชอบอาวุธ และบางชิ้นเป็นถึงหอกลองกิมุส(หอกศักดิ์สิทธิที่แทงทะลุสีข้างของพระเยซูคริสต์ที่ตรึงการเขนบนเนินกลโกธา)ในราคา 29,800 เยน กลับถูกไปใช้เป็นราวตากผ้าซะนั้น แถมรรูปร่างเหมือนอาวุธล่าสัตว์ของชนเผ่าพื้นเมืองปาปัวนิวกินีอีก....แสดงว่าพระเอกสมองน้อยของเราโดนหลอกเต็มๆ(ฮ่า)

                    อีกส่วนที่เว่อร์พอๆ กันคือพระเอกต่อยผีได้......มันช่างเพี้ยนติ๊งต๋องได้ใจเลยจริงๆ การที่จะเอาหมัดต่อยวิญญาณที่ไม่มีกายเนื้อหรือไม่มีเลือดไม่มีน้ำตาทำให้ผีในเรื่องกลายเป็นผีที่น่าสงสารมากกว่าน่ากลัวซะงั้น

                    
                    หลังจากที่อ่านจบ ผมก็อ่านการ์ตูนผีมาเยอะแล้วนะครับ ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันนี้การ์ตูนแนวผีๆ นี้เริ่มเหลือน้อยลงแล้วเพราะพวกโอตากุไม่ชอบ(มั้ง) ส่วนมากการ์ตูนผีนี้สยองและมีตลกบ้าง ส่วนมากเป็นตลกร้าย แต่สำหรับเรื่องเดโระเดโระนี้มันขำฮ่ากลิ้งมาก แม้ว่าปัจฉิมบทจะเขียนว่าขำปนสยองแต่ผมอ่านแล้วมันไม่สยองเลยครับออกจากพิศวงประหลาดและฮ่ามากกว่า จี้มาก

                    เนื้อเรื่องนั้นเปิดออกมาตอนแรก ไม่ใช้จุดเริ่มต้นสักนิด(จุดเริ่มต้นดันอยู่ตอนท้ายของเล่มที่1)อาจทำให้คนอ่าน งง แล้วรู้สึกอะไรเนี้ย มาถึงเจอผีเลยอ่ะ แถมเป็นประเภทร้ายกาจซะด้วย ทำให้เนื้อเรื่องของการ์ตูนเรื่องนี้ผู้อ่านไม่สามารถเดาได้ว่าผีตัวไหนจะออกมาอีก

                    ถ้าจะเปรียบเทียบภาพยนตร์ โดโระ โดโระนั้นไม่ได้จัดระดับหนังสยองเกรด B แต่เป็นเกรด Z ที่เน้นเสียงฮ่ามากกว่างานอลังการงานสร้าง

                    ประเภทมุกเหรอประมาณการ์ตูนเรื่อง”แบ็คแฮม เพนกิลเจ้าปัญหานี้แหละ” แต่รายนั้นหลุดโลกมากกว่า และมีส่วนผสมกับ “ชั่วโมงเรียนพิศวง” แต่โดโระโดโระผีที่ออกมาจะโรคจิต ติ๊งต๊องกว่าเรื่องนี้มาก นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมกับการ์ตูนเรื่อง “พระเจ้าจอร์ดมันยอดมากฯ”ด้วย

                    ผสมยังไงเหรอ

                    มันมีส่วนผสมของจิตวิทยามนุษย์ด้วยครับ

                    เล่มที่ 1 ไม่เท่าไหร่หรอกนะครับ แต่เล่มที่ 2 นี้สิ อ่านแล้วฮ่าแตกและทึ้งกับมุกด้วย เออ.....มันก็จริงเนอะ

                   เอาเล่ม 1 ก่อน อย่างตอน “โรงหนังสารพัดกฎ”ที่พระเอกกับน้องสาวดันหลงไปภาพยนตร์ผีสิงและถูกบังคับให้ดูหนังที่ห่วยแตกสุดๆ จะหนีก็หนีไม่ได้ แถมทำเรื่องที่เสียมารยาทในการดูหนังไม่ได้ เช่น นอนหลับ, คุยโทรศัพท์, ไม่ดูเครดิตตอนท้ายหนัง เรื่องจบโดยคนเขียนบอกว่าผีในโรงภาพยนต์เกิดจากวิญญาณที่ต้องการให้คนชมเคารพหนัง

                    แต่เล่ม 2 ก็เริ่มแฝงจิตวิทยาเพียบ คือเวลาคนเรามีพฤติกรรมแปลกๆ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเป็นพฤติกรรมทางจิตวิทยาที่พบเห็นตามทั่วไป แต่ในเรื่องกลับว่าใครมีพฤติกรรมเหล่านี้คือคนถูกผีสิงซะงั้น เช่นผีซาริกามิ(กุ้งแม่น้ำที่ชอบหากินตามริมชายฝั่ง)ใครที่ถูกผีนี้สิจะกลายเป็นคนที่ชอบนั่งริม(ต๊องดี), หรือผีตัวงอแงที่สิงใครจะงอแงเอาแต่ใจขึ้นมา,ตัวจอมเก็บกวาดที่เกิดจากคนริษยาที่ไม่อยากให้เพื่อนเรียนเก่งกว่าตน คนที่ถูกผีนี้สิงจะทำให้รู้สึกอยากทำความสะอาดห้องทั้งๆที่อยู่ในช่วงเตรียมสอบ(ผมก็มีนิสัยแบบนี้)

                   

                    บางเรื่องก็โดนใจคนอ่านเหมือนกัน อย่างตอนที่พระเอกไปเล่นเกมออลไลน์แล้วไปเจอพวก เกรียมในเกมเข้า ซึ่งเวลาเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็อยากให้มีพลังวิเศษหรืออะไรสักอย่างลากพวกเกรียมเหล่านี้ออกมากระทืบให้เต็มเท้าซะที ซึ่งถ้าผมเห็นพวกประเภทนี้(พวกใครอ่ะ) ผมคงอาละวาดเหมือนพระเอกแน่ๆ

                    แถมบางเรื่องก็ให้ความรู้อีก เช่นตอน คอฟฟี่ช็อบสาวใช้ ที่พระเอกและเพื่อนไปร้านสาวใช้ที่อากิฮาบาระที่เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจขึ้นชื่อของโลก แต่พระเอกดันมาผิดที่กลายเป็น คอฟฟี่ช็อปปรภพซะงั้น โดยเรื่องนี้ให้ความรู้เสริมอีกว่าสมัยเอโดะฮากิฮาบาระนั้นเคยมีพิธีบวงสนวงแต่เทพเจ้าให้หลีกพ้นจากอัคคีภัย(ฮิโนะคางุสึจิ เทพเจ้าแห่งไฟ)ทำให้ฮากิฮาบาระจึงกลายเป็นปากทางเข้าสู่แดนปรภพไปด้วย  ซึ่งจากตำนานเขียนไว้ว่าถ้าคนเป็นทานอาหารที่ปรุงในปรภพแล้ว จะต้องอยู่ที่รั้นตลอดไป ไม่สามารถกลับไปยังโลกมนุษย์ได้ แต่ในการ์ตูนเรื่องนี้พระเอกกินโมโอะโมเอะคาเฟ่ต์ไปเต็มๆ กลับสามารถกลับโลกมนุษย์ได้อีก อย่างนี้แหกกฎการ์ตูนสยองชัดๆ

                    พูดถึงผีญี่ปุ่นญี่ปุ่นนี้เป็นประเทศที่มีผีมากมากหลายพันธุ์ชนิด มีคนเคยกล่าวไว้ว่าภูตผีปีศาจนั้นคือรูปลักษณ์ของเหล่าเทพเจ้าที่สูญสิ้นความศรัทธาไปจนหมดมีการจัดประเภทภูตผีญี่ปุ่น มันเริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1780นักปราชญ์และศิลปินนาม โทะริยะมะ เซคิเอ็นได้ทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ ภูตผีปีศาจ ของญี่ปุ่นและพยายามจัดประเภทของภูตผีญี่ปุ่นเอาไว้ หลักการแบ่งประเภทภูตผีญี่ปุ่นแบ่งออกเป็น3 ประเภทคือ

                    1.โอบาเกะ(Obake) มาจากคำว่า บาเกรุ ( bakeru) มีความหมายว่า จะเปลี่ยน (to change) เป็นวิญญาณในลักษณะหมอกดำที่เข้าสิงพืช สัตว์ สิ่งของ หรือแม้แต่คนถ้าครบเงื่อนไขก็จะกลายเป็นเป็นโอบาเกะได้ ตัวอย่างของโอบากะก็เช่นร่มเก่าๆ ที่มีที่มีอายุกว่า 100 ปีจะถูกกลายร่างเป็นผีร่มลอยยามค่ำคืน

                    2.โยไค( Yokai) เป็นปิศาจ อสุรกาย อมมนุษย์ มีกว่า 1000 ชนิด มีร่างกายเป็นของตัวเอง ในสมัยญี่ปุ่นโบราณ โลกมนุษย์กับนรกนั้นเชื่อมหากันผ่านประตูวิญญาณที่เป็นหลุมอุโมงค์ขนาดใหญ่ พวกมันตะกายขึ้นมาจากนรกหลายชั้นและอาศัยบนโลกมนุษย์มาช้านานมีฤทธิ์อำนาจและนิสัยแผกกันไปตามนิสัยของมัน บ้างก็ทำคุณ บ้างก็นำความเดือดร้อน บ้างก็ได้รับความนับถือ และบ้างก็เป็นตัวอันตราย ตัวอย่างของไยโคที่รู้จักกันดีก็มีกัปปะ,ผีคอยาว,เท็งงู,เปรต เป็นต้น

                    3.ยูเร (Yurei) คือวิญญาณคนตายที่ยังไม่ได้ไปแดนสุขาวดีเพราะยังมีห่วงในโลกคน บางก็ยังมีความอาฆาตพยาบาท เช่นอุบัติเหตุหรือถูกฆาตกรรม พวกมันจะปรากฏตัวในตอนกลางคืนและส่วนใหญ่ผีชนิดนี้มักเป็นผู้หญิงที่มีอาฆาตสูง ยูเรดัง ๆ ก็มีผีนับจาน  ผีซามูไรในสนามรบ

                    น่าสังเกตผีทั้ง 3 ประเภทนี้กลายเป็นกฎสากลที่ผีทั่วโลกเอาไปใช้อย่างน่าอัศจรรย์ ดั่งที่เราเห็นตามสื่อนวนิยาย, ละครโทรทัศน์ ละครวิทยุ หรือแม้แต่การ์ตูน ก็จะนำผีประเภทเหล่านี้นำไปใช้โดยไม่ฉีกหนีหรือแหวกแนวแต่อย่างใด

                    ไม่รู้ว่าผีในโดโระโดโระนั้นเป็นอดีตเทพเจ้าหรือคนเสียสติ แต่มันก็ทำให้ผมสนุกและขำไม่รู้เบื่อเสียจริงๆ

                    น่าแปลกทำไมทั่วโลกถึงได้เชื่อเรื่องผี(และชอบเรื่องผี) ทั้งๆ ที่ทางวิทยาศาสตร์แล้วไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผีมีจริงหรือไม่ ในขณะที่คนกลุ่มหนึ่งยอมรับว่าผีมีจริง และหวาดกลัวผี (Phasmophobia โรคกลัวผี)       

                    หากจะมีใครกล่าวว่า ความเชื่อเรื่องผีเป็นความเชื่อระดับ โลก !?!” ก็อาจจะไม่ผิด เพราะมนุษย์แทบทุกชาติ-แทบทุกภาษา หรืออาจจะเป็นทุกชาติ-ทุกภาษาด้วยซ้ำ เคยเชื่อถือเรื่องผีกันมากในยุคอดีต และต่อเนื่องมาจนถึงยุคปัจจุบัน ยุคไฮเทค ยุคที่มีมนุษย์โลกไปท่องอวกาศได้แล้ว ความเชื่อเรื่องนี้ก็ยังมีอยู่

                    ความกลัวผีนั้นมีประวัติมายาวนาน ควบคู่กับประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เริ่มจากในยุคหิน หลักฐานคือการขุดพบโครงกระดูกยุคหินที่พบว่า พิธีกรรมฝังศพในยุคนั้น มีการผูกมัดมือ และเท้าของศพ เสร็จแล้วเอาหินทับซ้ำอีกครั้ง เรียกว่ากลัวศพจะฟื้นคืนชีพแล้วทำอันตรายต่อผู้คน

                    เรื่องผีที่เก่าแก่ที่สุดอยู่ในจารึกแผ่นดินเหนียว ในมหากาพย์กิลกาเมซ ตั้งแต่สมัยบาบิโลน 2,000 ปี ก่อน ซึ่งผีในตำนานกิลกาเมซจะมาปรากฏตัวในสภาพโปร่งแสง

                    ถัดมาในสมัยอียิปต์โบราณ มีการบันทึกถึงผีที่มีหัวเป็นนก ชื่อว่า "คู" (Khu) ว่ากันว่าผีตัวนี้ จะนำโรคภัยมาแพร่ระบาดในคนและสัตว์

                    ในสมัยโรมันเรื่อผีตำนานผีก็มีเยอะอย่างไม่น้อยหน้า บางเรื่องควบคู่กับประวัติศาสตร์ กล่าวคือหลังจากที่นายพลบรูตุส สมคบกับสมุน ฆ่าจูเลียสซีซ่าร์ตาย แต่แล้วจูเลียส ซีซาร์ ก็มาปรากฏตัวในร่างผีโปร่งแสง สาปแช่งทำให้บรูตุสแพ้สงคราม เป็นผลให้เขาฆ่าตัวตายในที่สุด

                    บางประเทศถึงขั้นจนประเพณีผีจนเป็นวันสำคัญของประเทศด้วยซ้ำ เช่นที่ญี่ปุ่นมีเทศกาลปาถั่วเพื่อไล่ยักษ์ อเมริกาหรือประเทศตะวันตกก็มีวันฮาโลวีนซึ่งตรงกับวันที่ 31 ต.ค.ของทุกปี(ญี่ปุ่นทำงานนี้เป็นงานแต่งคอมเพลย์ซะงั้น)

                    ในทางจิตวิทยานั้น มีการอธิบายว่า การที่มนุษย์ กลัวผีเกิดจากการที่กลัวบรรพบุรุษและที่น่าส่าสังเกตคือประเทศอเมริกาและญี่ปุ่นแม้จะเป็นประเทศที่เจริญแล้วแต่ความเชื่อเรื่องผีไม่ได้จางหายแต่อย่างใด ทั้งนี้อาจเป็นเพราะวิทยาศาสตร์ไม่สามารถตอบคำถามเรื่องผีได้อย่างกระจ่างแจ้ง ทำให้ไ คนบางกลุ่มเลย จำเป็นต้องอาศัยจินตนาการ เพื่อมาเป็นคำตอบในช่องว่างเหล่านั้น

                    ด้วยเหตุนี้พวกผี แวมไพร์ หมาป่า จึงเป็นตำนานที่ยังคงอมตะจนปัจจุบัน สื่อต่างๆ ไม่ว่า หนัง,เกมส์,การ์ตูนต่างนำสารพัดผีมาใช้เป็นไอเดียอย่างไม่รู้เบื่อ

                    สรุปคือ ฮ่าโลกแตกครับท่าน+ +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×