ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #159 : Dien Bien Phu สงครามหฤโหด

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 55


     

    Dien Bien Phu ถือได้ว่าเป็นการ์ตูนสงครามเวียดนามที่ทำได้ถึงใจที่สุดเท่าที่เคยดูการ์ตูนเรื่องอื่นๆ ที่นำเสนอเรื่องสงครามเวียดนามทั้งหมด ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ตรงความสมจริง(??) ที่มีอยู่ในสงครามเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ของทหารอเมริกาในด้านลบ ความถูกต้องในการทำสงครามเวียดนามของอเมริกัน ผลประโยชน์แอบแฝง ฯลฯ ภาพวาดที่ดูเหมือนน่ารักที่ถูกบดบังไปด้วยความรุนแรง แขนขาฉีก หัวขาดกระเด็น เลือดสาดกระจาย และความหม่นหมองศิลธรรม

     

      

    Dien Bien Phu

    สงคราม, ประวัติศาสตร์

     

    Dien Bien Phu เป็นการ์ตูนเรื่องยาวของ Nishijima Daisuke นักเขียนการ์ตูนสำหรับเด็ก ตีพิมพ์ต่อเนื่องในนิตยสาร Ikki (เป็นนิตยสารแนวการ์ตูนเซเน็งสำหรับคนอายุ 18-25 หรือมีเนื้อหาหลากหลายไม่จำกัดอายุ ส่วนมากเนื้อหาค่อนรุนแรง) ปี 2006- ปัจจุบันยังไม่จบ สำหรับประเทศไทยการ์ตูนได้ลิขสิทธิ์โดยเนชั่นที่ตีพิมพ์เล่มใหญ่ราคา 85 บาท (และพิมพ์มาถึงเล่มที่ 2 ก็โดนดองเป็นที่เรียบร้อย) อีกทั้งไม่สามารถอ่านได้ตามเว็บทั่วไปเพราะดูเหมือนไม่มีใครนิยมแปลการ์ตูนเรื่องนี้(สาเหตุเพราะเป็นการ์ตูนแนวอินดี้อัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์)

    Dien Bien Phu เป็นการ์ตูนแอ็คชั่นสู้กันโดยมีฉากหลังเป็นสงครามเวียดนาม และมีการสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับเวียดนามตอนท้ายเรื่อง โดยเป็นเรื่องของช่างทหารกองทัพอเมริกันชื่อ "ฮิคารุ" ที่ได้พบสาวน้อยจากแนวร่วมปลดปล่อยเวียดนาม (ที่รบแบบกองโจร) ที่หลายคนเรียกว่าองค์หญิง และฮิคารุตกหลุมรักเธอและเธอเองก็สนใจฮิคารุ และนี่คือกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

    ลายเส้นของการ์ตูนจะเป็นการ์ตูนสไตล์เฉพาะของคนเขียนผสมผสานกับลายเส้นวาดง่ายไม่ จำเป็นต้องมีเทคนิคพิเศษช่วย ส่วนตัวละครน่ารักและไม่สมจริง ทำให้สไตล์การ์ตูนเหมือนการ์ตูนตะวันตกมากกว่าการ์ตูนญี่ปุ่น แต่เนื้อหากลับเต็มไปด้วยความรุนแรงชนิดไส้ทะลัก หัวและแขนขาดกระเด็น

    สำหรับชื่อการ์ตูนเดียนเบียนฟู นั่นมีชื่อมาจากยุทธภูมิเดียนเบียนฟู (1945) เป็นชื่อตำบลในจังหวัดไลชู (Lai Chau) ทางตะวันตกเฉียง เหนือของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม อยู่ห่างเขตแดนลาวประมาณ 10 ไมล์ เป็นสงครามการต่อสู้สำคัญที่มีผลยุติการครอบครองของฝรั่งเศสในเวียดนาม ซึ่งกองทัพเวียดมินท์สามารถเอาชนะกองทัพฝรั่งเศสได้  ซึ่งการ์ตูนได้กล่าวถึงสถานที่ดังกล่าวเอาไว้เพราะศึกดังกล่าวเป็นจุดเริ่มของเรื่อง (รวมไปถึงจุดเริ่มต้นสงครามเวียดนามด้วย)

       

    Dien Bien Phu เปิดฉากด้วยฉากระเบิดในสนามบินของเวียดนามใต้ ในปี 1973 ซึ่งเป็นช่วงที่ทหารอเมริกันถอดกำลังจากเวียดนาม แรงระเบิดได้ทำให้คนสองคนตาย (ซึ่งตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าทั้งสองเป็นใคร?) และมือของทั้งสองก็กระเด็นออกมาในสภาพจับมือกัน (เหมือนสื่อถึงมิตรภาพหรือไม่ก็ความรักอะไรบางอย่าง) โดยมีหมาน้อยคาบมือของทั้งสองนั้นด้วยน้ำตานองหน้า

    จากนั้นเรื่องก็เริ่มย้อนกลับไปในปี 1965 การ์ตูนได้กล่าวถึงพระเอกฮิคารุ นิมามิช่างภาพอเมริกันมือใหม่อายุ 19 ปีเชื้อสายญี่ปุ่น ตัวเล็กๆ นิสัยบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ได้เข้ามาประจำในไซง่อนเพื่อเป็นช่างภาพกองทัพ ในประเทศเวียดนาม ซึ่งตอนนั้นสงครามเวียดนามกำลังอยู่ในช่วงตึงเครียด  เมื่อเขามาถึงกลับถูกต้อนรับจากทหารอเมริกันด้วยกันอย่างเหยียดผิวและมีเรื่องทะเลาะกับคู่หูของฮิคารุเข้า จนสิบโทแตงโม (วอเตอต์ เมลอน) ต้องออกมาห้ามไว้ไม่ให้มีเรื่องกัน เขาได้ถามฮิคารุว่าสงครามคืออะไร ฮิคารุตอบว่าไม่รู้ ซึ่งจ่าพอใจ แต่คู่หูเขาไม่พอใจ

      

    คืนวันนั้นเองคู่หูของฮิคารุดื่มเหล้าเมามายและบอกฮิคารุไปหาข่าวเด็ด และเมื่อฮิคารุไปถึงก็พบว่าสิบโทแตงโมและกลุ่มทหารอเมริกันที่ดูถูกเขาตอนกลางวันกำลังลงมือข่มขืนและฆ่าเด็กเวียดนาม (สามคน) อย่างเมามันเลือดเย็น ระหว่างนั้นทหารเหล่านี้รู้ตัวว่ามีคนแอบดูพวกเขา ส่งผลทำให้คู่หูของฮิคารุถูกฆ่าเพื่อปิดปาก  และระหว่างที่ฮิคารุกำลังถูกฆ่าอยู่นั่น เด็กหญิง (ซึ่งก็คือเจ้าหญิงนางเอกของเรื่อง) ที่เป็นหนึ่งเหยื่อที่กำลังถูกข่มขืน (ยังไม่โดน) ได้อาศัยจังหวะจัดการฆ่าสิบโทแตงโมและทหารเหล่านั้นตายอย่างรวดเร็วและหฤโหด ซึ่งเมื่อฮิคารุเห็นครั้งแรกก็รู้เลยว่าเลยว่าเด็กหญิงคนดังกล่าวมีวิทยายุทธ์ประเภทวิชาตัวเบาขั้นสูงสุด ไวปานความเร็วแสง ระหว่างที่ฮิคารุกำลังตกตะลึงนั่นเองเด็กผุ้หญิงดังกล่าวก็ปามีดใส่อกเขา แต่เขารอดตายมาได้เพราะว่ากล้องที่เขาห้อยไว้ที่หน้าอกรองรับมีดเอาไว้  (หรือไม่ก็ผู้หญิงจงใจพลาด) จากนั่นเป็นต้นมาเขาก็เริ่มตกหลุมรักเด็กผู้หญิงดังกล่าวตั้งแต่แรกเห็น

     
                 หลังจากที่ฮิคารุออกจากโรงพยาบาล เขาก็ได้รับกล้องอันใหม่จากบรรณาธิการของเขา (พร้อมคำดูถูกว่าเขาเป็นตัวเกะกะ) และกล้องดังกล่าวก็ถูกขโมยทันทีโดย “บาโอ” เด็กขาพิการชาวเวียดนาม แถมยังเอากล้องดังกล่าวไปขายในตลาดมืดในฮิคารุเจ็บใจเล่นๆ   อย่างไรก็ตามเพราะเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ฮิคารุได้กลายเป็นเพื่อนกับบาโอ  และทำให้ฮิคารุได้พบกับ “เจ้าหญิง” อีกครั้ง เมื่อ “เจ้าหญิง” จ้างบาโอให้เป็นมือระเบิดพลีชีพในสำนักงานทหารอเมริกัน หากแต่ฮิคารุรู้ตัวเสียก่อนเลยมาช่วยบาโอ และเจ้าหญิงก็ได้เห็นฮิคารุอยู่วิถีระเบิดอันตราย จึงเข้ามาช่วยเหลือฮาคารุและบาโอเพื่อออกจากวิถีระเบิดอย่างปลอดภัย

    หลังจากนั้นฮิคารุก็ถูกส่งไปแนวหน้าเพื่อค้นหากลุ่มเวียดกง แต่ฮิคารุกลับถูกทหารพวกเดียวกันเหยียดยามด้วยการจับฮิคารุแก้ผ้าและเดินป่าตามหลังกลุ่ม หากแต่ความโชคดีในความโชคร้าย เพราะทหารในกลุ่มฮิคารุที่ไม่ได้เปลือยกายต่างตกเป็นเหยื่อกับดักมรณะของเจ้าหญิงในป่าทั้งหมด (กับดักของพวกเวียดกงในป่าที่พบเห็นตามภาพยนตร์ เช่น หลุมกับดัก, ลวดตัดคอ ) และเช่นเคยกับดักของเจ้าหญิงไม่ได้ทำอันตรายต่อฮิคารุเลยแม้แต่น้อย และเขาเป็นคนไม่กี่คนที่รอดพ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว

    ต่อมาทางการสงสัยฮิคารุจะเป็นสายลับ เพราะทุกทีที่เขาอยู่จะมีแต่คนตายมากมาย แต่มีเขาคนเดียวที่รอดกลับมาปลอดภัยทุกครั้ง ดังนั้นจึงส่งตัวฮิคารุไปแนวหน้าที่นาซาง เพื่อเขาร่วมกับกลุ่มทหาร “สเตรย์ด็อกส์” ซึ่งสังกัดหน่วยกรีนเบเรต์ (ใครที่ดูภาพยนตร์สงครามเวียดนามบ่อยๆ จะรู้จักหน่วยนี่ดี) โดยมีหน้าที่ตามหาเจ้าหญิงและจัดการสังหารเพราะเป็นตัวอันตรายของกองทัพอเมริกา และแล้วการผจญภัยของฮิคารุก็ได้เริ่มต้น....

      

                  เอ่อ....จะเริ่มจะอะไรก่อนดี......... ถ้าจะพูดแบบละเอียด ดูอะไรแบบซับซ้อน การ์ตูนเรื่องนี้มีอะไรมากมายกล่าวถึงไม่รู้จบ เขียนเป็นรายงานส่งเป็นร้อยหน้าก็ยังไหว แต่ถ้าจะแบ่งเนื้อหา การ์ตูนเรื่องนี้จะเน้นเกี่ยวกับการกัดจิกกัดสงครามเวียดนาม มากกว่าจะเน้นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของคนสองฝ่ายที่เหมือนโรมิโอกับจูเลียส ที่เป็นความรักของคนสองภาษา สองเชื้อชาติ สองอุดมการณ์ และประวัติชีวิตแตกต่างกันสุดขั้ว และนอกจากจะจิกกัดสงครามแล้วยังเป็นการนำเสนอมุมมองของตัวละครในเรื่องที่มีมุมมองและบทบาทในสงครามเวียดนามแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ทหารเวียดนาม, ทหารชั้นผู้น้อย, ชาวบ้าน ฯลฯ

    Dien Bien Phu เป็นผลงานฉีกแนวของนักเขียนไดสุเกะโดยสิ้นเชิง เพราะผลงานที่ผ่านมาของเขานั้นส่วนใหญ่เป็นแนวการ์ตูนความรู้สำหรับเด็กเล็กที่ไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยสักเท่าไหร่ ส่วนทางแนวคิดการเขียนนั้นก็แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร คือด้านลายเส้นนั้นเหมือนการ์ตูนโชเน็น (กลุ่มเด็กอายุ 12 ลงไป) ที่วาดง่ายๆ ดูแล้วเข้าใจง่าย ตัวละครโดดเด่นเห็นแล้วจำได้ทันทีว่าเขาเป็นใครมีบทบาทอะไรชัดเจน อีกทั้งยังสอดแทรกอารมณ์ของโชเน็นไม่ว่าจะเป็นมีมุขตลกสอดแทรก เน้นต่อสู้เร้าใจ ความอยากรู้อยากเห็นของพระเอกเห็นว่าโลกนี่น่าสนุก การผจญภัย  ความสัมพันธ์กับเพื่อน ดราม่าไม่เน้น

    แต่อย่างไรก็ตามการ์ตูน Dien Bien Phu ได้ใส่สิ่งที่โซเน็นไม่มี และไม่ควรมี นั่นคือความเป็นผู้ใหญ่เข้าไป  หยิบยกเรื่องที่หลายคนเข้าใจยากความรุนแรง การเมือง ปัญหาสังคม เรื่องเพศ ปรัชญาของการมีชีวิตอยู่ พร้อมกับตั้งคำถามว่า “เราอ่านการ์ตูนเรื่องนี้แล้วได้อะไร” ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีในโซเน็นแม้แต่น้อยเพราะเด็กส่วนใหญ่อ่านเอามัน อ่านเอามิตรภาพเป็นหลัก เรื่องหนักหัวเรื่องการเมืองไม่มี อีกทั้ง ส่งผลให้การ์ตูนลายเส้นน่ารักนี้ได้แปลเปลี่ยนกลายเป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหาหนักอารมณ์แบบผู้ใหญ่ กล่าวถึง มุกตลกกลายเป็นมุกตลกร้ายๆ อารมณ์ขันทั้งที่ภาพสยดสยอง การผจญภัยที่ตื่นเต้นกลายเป็นการเดินเข้าไปแนวหน้าสนามรบของสงครามเวียดนามที่แสนไม่น่ารื่นรมณ์หรือไม่อยากผจญภัยเลยสักนิดเพราะเต็มไปด้วยศพรายทางและเครื่องใน ส่วนฉากต่อสู้กลายเป็นฉากรุนแรง +18 สู้จริงตายจริง ตายแล้วตายเลย มีการเพิ่มดราม่ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะปมหลังของตัวละครแต่ละคนเพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกผูกพันกับตัวละครมากขึ้น อีกทั้งคนเขียนสามารถทำให้ตัวละครเหล่านั้นตายอย่างหน้าตาเฉย โดยไม่สนว่าคนอ่านจะชอบก็ตาม

                   พูดง่ายๆ นิยามของการ์ตูน Dien Bien Phu คือ ลายเส้นน่ารักแต่เนื้อหาโหด ช่างขัดกับชื่อไทยที่แสนจะจุ่มจิ่มว่า “สงคราม+รัก นายหัวเห็ดกับมิสไซง่อน” เหลือเกิน ตอนผมซื้อการ์ตูนเรื่องนี้มาดูก็ครั้งแรกมาอ่านตกใจมากพอสมควรกับประเด็นที่การ์ตูนต้องการนำเสนอ เพราะไม่เหมาะกับเด็กเลย

                    
                  
    Dien Bien Phu เป็นการ์ตูนแนวสงคราม แต่สงครามที่ว่าไม่ใช่สงครามสมมุติ สงครามแฟนตาซี เหมือนการ์ตูนเรื่องอื่นๆ ทำกัน หากแต่ Dien Bien Phu ใช้เป็นสงครามที่เกิดขึ้นจริงบนโลกเรา นั่นคือสงครามเวียดนามมาเป็นฉากหลังของเรื่อง

    สงครามเวียดนาม  (ค.ศ. 1957-1975) ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสงครามที่หลายคนรู้จักมากที่สุดในโลกในหลายๆ ความหมาย สำหรับผมแล้วประวัติสงครามเวียดนามม พูดตรงๆ ผมรู้ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่นัก เพราะว่าค่อนข้างซับซ้อนยุ่งเหยินกลับที่มาที่ไปพอสมควร แต่ถ้าจะอธิบายง่ายๆ คือเป็นสงครามระหว่างเวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ที่สนับสนุนโดยสหรัฐอเมริกา เพื่อตัดสินรวมเวียดนามเป็นหนึ่งเดียว สงครามจบลงด้วยชัยชนะของเวียดนามเหนือ และรวมประเทศเวียดนามทั้งสองเข้าด้วยกัน ซึ่งปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศเวียดนาม สงครามเวียดนามถือได้ว่าเป็นสงครามที่โหดร้ายไม่แพ้กว่าสงครามใดๆ ของโลก ความเห็นไม่ตรงกันส่งผลทำให้เกิดสงครามที่ทำลายสูญเสียทรัพยากรและชีวิตคนของประเทศ การตัดสินใจที่ผิดพลาดนำไปสู่พลเรือนผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ผู้หญิงชาวเวียดนามถูกข่มขืนและถูกฆ่าอย่างอำเภอใจ

    สงครามเวียดนามถือว่าสงครามที่หลายคนรู้จักมากที่สุด ไม่แพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 สาเหตุที่เรารู้จักสงครามเวียดนามเพราะว่าเป็นสงครามที่เกิดขึ้นใกล้บ้านเรา คนไทยเรามีส่วนร่วมกับสงครามไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อในประวัติศาสตร์  อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อจิตใจของคนอเมริกันมากที่สุด เนื่องจากเป็นสงครามที่อเมริกันไม่สนควรแทรกแซงมีส่วนร่วมตั้งแต่แรก เพราะตอนนั้นเศรษฐกิจประเทศสหรัฐกำลังย่ำแย่ แต่ทางการกลับทุ่มเทสงครามเวียดนามมากกว่าจะพัฒนาประเทศชาติ แม้ว่าสงครามครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับสงครามเย็นก็ตาม แต่ปากท้องของประชากรต้องมาก่อน อีกทั้งทหารที่ไปรบส่วนมากมักเป็นเยาวชนที่มีอายุประจำการ 1 ปี ทำให้ระเบียบวินัยและประสบการณ์น้อย  และเมื่อถูกส่งไปทำสงครามทำให้มีอัตราตายสูง ส่งผลทำให้สงครามครั้งนี้เป็นการตัดสินผิดพลาดสหรัฐมากที่สุดในประวัติศาสตร์

    สงครามเวียดนามในสื่อภาพยนตร์นั้นจะแตกต่างจากสงครามอื่นๆ เพราะส่วนใหญ่ภาพยนตร์สงครามมักสร้างภาพยนตร์คนอเมริกันในลักษณะฮีโร่รักชาติยกมั่นปฏิบัติหน้าที่และรักพวกพ้อง แต่สงครามเวียดนามกลับตรงกันข้ามเพราะมีหลายเรื่องนำเสนอด้านมืดของวีรบุรุษอเมริกัน(บางเรื่องก่ำกึง บางเรื่องเต็มสูบ) นอกจากนั้นยังนำเสนอความโหดร้ายของสงครามได้ดีกว่าเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การต่อต้านชาวบ้าน(พื้นเมืองเวียดนาม) ความยากลำบากในการรบในป่า การใช้ชีวิตเอาตัวรอดวันต่อวันโดยไม่สนอุดมการณ์หรือความรักชาติใดๆ ทั้งสิ้น ฯลฯ

    มีภาพยนตร์ดีๆ ที่กล่าวถึงสงครามเวียดนาม ตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์เรื่อง Platoon (1986) ที่เน้นเรื่องความยากลำบากของทหารอเมริกันมือใหม่ที่ต้องรบในป่า, Tigerland (2000) ภาพยนตร์เกี่ยวกับการเข้าค่ายฝึกซ้อมของทหารอเมริกันในค่ายสุดโหด, Apocalypse Now (1979) ภาพยนตร์ที่มีประโยคคลาสสิกคือ "ฉันชอบกลิ่นนาปาล์มตอนเช้าๆ มันกลิ่นเหมือนชัยชนะ", The Deer Hunter (1978) ฉากรัสเชียนรูเลตต์ยังติดตาจนถึงบัดนี้, Full metal Jacket สงครามเวียดนามเราได้อะไร? ฯลฯ

    ที่ยกตัวอย่างภาพยนตร์เวียดนามมา ถามว่าเกี่ยวอะไรกับการ์ตูน Dien Bien Phu คำตอบง่ายๆ เพราะการ์ตูนดังกล่าวมีอารมณ์สงครามเวียดนามครบถ้วนทุกกระบวนความ อ่านแล้วได้อารมณ์ของสงครามที่สมจริง ดูแล้วต้องร้องว่านี้แหละสงครามเวียดนาม

      

                    Dien Bien Phu เปิดตัวเหมือนภาพยนตร์สงครามเวียดนามเรื่องอื่นๆ ด้วยการนำเสนอชีวิตของตัวเอกทหารอเมริกันชั้นผู้น้อยคนหนึ่งชื่อฮิคารุ นิมามิ ที่เหมือนกับพระเอกเวียดนามทั่วๆ ไปที่เป็นทหารมือใหม่ ที่ประสบการณ์ในสงครามเหมือนเด็กไร้เดียงสาที่เพิ่งรู้ความ ที่ไม่รู้ว่าเวียดนามมันน่ากลัวยังไง ไม่รู้แม้กระทั้งโฮจิมินห์คือใคร เหตุผลเวียดนามแบ่งเป็นเหนือใต้เพราะอะไร อุดมการณ์อะไรก็ไม่มี พูดง่ายๆ ฮิคารุนั้นไม่ได้เหมือนเด็กไร้เดียงสาอย่างเดียว รูปร่างหน้าตาและนิสัยก็เป็นไปด้วย

                    เมื่อเหยียบเข้ามาเวียดนาม ฮิคารุก็ได้เจออะไรมากมายในสงครามเวียดนามมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นทหารอเมริกันกระทำโหดร้ายกับชาวเวียดนามข่มขืนและฆ่าเด็กหญิง การฆ่าชาวบ้านที่ไร้ความผิดเพื่อความบันเทิง ถูกต้อนรับจากทหารพวกเดียวกันด้วยการเหยียดสีผิว ในภาพยนตร์สงครามก็เห็นฉากเหยียดสีผิวแบบนี้บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น ทหารอเมริกันเหยียดสีผิวเวียดกง หรือแม้แต่ทหารเหยียดผิวกันเองระหว่างผิวขาวและผิวดำ พี้กัญชา กินเหล้ากินเบียร์ ดูถูกคนอื่น ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำอย่างดีว่าทหารอเมริกันที่มารบในสงครามเวียดนามมาแบบไร้อุดมการณ์ ไร้เป้าหมาย ไม่ได้อุทิศตัวเพื่อทำภารกิจสงคราม สงครามของทหารอเมริกันในเวียดนามคือการอยู่รอดไปวันๆ จนถึงวันกลับ นับเวลาเมื่อไหร่จะครบ 1 ปี

    มีอยู่ฉากหนึ่งที่ทิม ลองเลนซ์หนุ่มหน้าสวยจากหน่วยพิเศษกรีนแบเรต์เคยพูดกับฮิคารุ แบบดูถูกทหารอเมริกันว่า พวกทหารอเมริกันมีแต่พวกคนดำที่ไม่มีอนาคต กับพวกเศษเดนคนขาวซึ่งทหารเหล่านี้มาจากชั้นล่างของสังคมอเมริกัน ก่อนที่ทิมตบท้ายว่า สงครามของพวกชั้นกรรมกรเหรอ? ดูถูกสงครามมาไปแล้ว นี่คือสาเหตุสำคัญที่ทหารอเมริกันไร้ระเบียบวินัย (ปล.ทิมเป็นนายทหารจากอังกฤษครับ)

    จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่หลายคนหมั่นไส้ทหารอเมริกันในเรื่องไม่มากก็ไม่น้อย

    ส่วนในการ์ตูนเองก็ตอบโต้ทหารอเมริกันเหล่านี้ด้วยการสร้างตัวละครอย่าง เจ้าหญิงขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนตอบโต้อเมริกันในเรื่อง ที่เจ้าหญิงในเรื่องต่อสู้ทหารอเมริกันเหล่านั้นด้วยความสามารถที่เก่งเกินมนุษย์ และฆ่าทหารอย่างสะใจ ไม่ว่าจะเป็น ตัดหัว ผ่าร่าง ไส้เละ ฯลฯ สะใจพระเดชพระคุณ

    แน่นอนว่าการ์ตูนสอดแทรกเรื่องมุมมองของพวกเวียดกงนอกเหนือจากทหารอเมริกัน  แม้ตอนนี้เล่ม 1-2 ยังคงไม่ค่อยกล่าวถึงมากนัก(เล่มหลังๆ อาจเริ่มกล่าวถึง) แต่ก็เริ่มแสดงให้เห็นว่าทหารเวียดนามเหนือและพวกเวียดกงรบเพื่ออุดมการณ์ รบเพื่อประเทศชาติ จิตวิญญาณผิดกับทหารอเมริกันลิบลับ จึงไม่แปลกที่อเมริกาจะเพลี่ยงพล้ำในหลายสมภูมิในสงครามเวียดนาม

    แม้ตัวละครในเรื่องจะมีมากมายหลายตัว ตามประสาการ์ตูนสงคราม มีทั้ง พวกเวียดกง ชาวบ้าน ทหารอเมริกัน ทั้งยศสูงและยศต่ำ ชนิดเรียกว่าทุกตอนจะปรากฏตัวละครตัวตัวใหม่หนึ่งตัวขึ้นไป แต่ตัวละครแต่ละตัวจำง่าย และมีเอกลักษณ์ค่อนข้างสูง อีกทั้งคนเขียนการ์ตูนก็มีการปูพื้นหลังตัวละครหลายตัวเพื่อให้เกิดความรู้สึกผูกพันเข้าไปด้วย แม้บางตัวเป็นแค่ตัวประกอบออกมาไม่กี่ตอนตายแต่กระนั้นดูแล้วก็มีอารมณ์ความรู้สึกร่วมไม่มากก็ไม่น้อย

    สังเกตว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะเน้นเรื่องของเยาวชนและเด็กค่อนข้างเยอะ เหมือนพยายามสอดแทรกประเด็นว่าเมื่อเด็กอยู่ในพื้นที่ที่เกิดภาวะสงคราม ความยากจนข้นแค้นและการเอารับเอาเปรียบของทหารอเมริกัน บางคนถูกข่มขืน บางคนถูกฆ่าโดยถูกกล่าวหาว่าเป็นเวียดกง ทำให้พวกเขาต้องเลือกเส้นทางใดทางหนึ่งเพื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอด บางคนเป็นชาวบ้านที่ต้องดิ้นรนในการหาเลี้ยงชีพ บางคนเป็นเวียดกงทั้งที่อายุยังน้อย บางคนเห็นความตายจนรู้สึกชาชิน มองเห็นเรื่องเหล่านี้เป้นความสนุก มีอยู่ฉากหนึ่งที่อเมริกาทิ้งระเบิดจนพื้นดินเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดใหญ่เหล่าเด็กก็ออกมาเล่นหลุมเหล่านี้อย่างสนุกสนาน และจินตนาการว่าตนเองไปดวงจันทร์ ดูๆ ไปนี้ก็ถือว่าสงสารเด็กเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนผู้ใหญ่ก็เอาเปรียบเด็กอยู่วันยังค่ำ

    ส่วนประเด็นเรื่องการพัฒนาจิตใจของฮิคารุนั้นตอนนี้เขายังเป็นเด็กน้อยที่ยังไม่รู้เดียงสาอยู่ ต่างจากทหารอเมริกาในภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่ฆ่าคนครั้งแรกได้ก็ด้านมืดและบ้าเลือดไปแล้ว ที่จริงจากตำแหน่งของฮิคารุไม่ได้จำปืนหากแต่เป็นเพียงตากล้องสงคราม แต่ถูกกระโจมเข้าสู่สงคราม แต่กระนั้นอีกไม่ช้าเล่มหลังๆ ฮิคารุก็คงจะต้องผจญภัยไปทั่งเวียดนาม หลังจากเล่มแรกๆ ดูแต่ สนามรบ ป่าดงดิบ เจอแต่พวกทหารอเมริกัน และเมื่อเล่มหลังฮิคารุอาจจะเจอเวียดกง เรียนรู้ชีวิตชาวบ้านเวียดนามบ้าง และใจลึกๆ ก็อยากให้มีคนไทยปรากฏในการ์ตูนเรื่องนี้เหมือนกัน

    และสิ่งที่ไม่ลืมในสงครามก็คือ การแสดงให้เห็นความโหดร้ายของสงคราม สงครามเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้น ไม่มีใครชนะหรือแพ้ในสงคราม สงครามมีแต่ทำให้เกิดสูญเสีย แต่ปัจจุบันเราก็ยังทำสงครามต่อไปจากสงครามเวียดนาม มาบัดนี้ก็เป็นสงครามอิรัก อเมริกายังคงทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่ทำสงครามที่แบแฝงประโยชน์ทางการเมืองและผลประโยชน์ของนักการเมืองบางคนแบบนี้

    นอกจากนี้ในตอนท้ายเล่มของการ์ตูนยังสอดแทรกความรู้เชิงอรรถเกี่ยวกับเวียดนามน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสงครามเวียดนาม หรือเรื่องทั่วๆ ไปในประเทศเวียดนาม ชนิดเรียกว่าไม่รู้มาก่อนว่าเวียดนามมีแบบนี้ด้วย

    สรุปคือการ์ตูน เป็นการ์ตูนที่ผมอ่านสนุก น่าติดตาม ได้อารมณ์ของสงครามเวียดนาม คำคมก็โดนใจหลายประโยค ตัวละครบางตัวอาจหลุดโลกหลายตัวแต่ก็ชอบ  ลายเส้นแม้จะเหมือนการ์ตูนเด็ก แต่เนื้อหาไม่เด็กเลย ดังนั้นคนอ่านจะต้องเป็นคนที่ค่อนข้างอายุมากพอสมควร เพราะการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ใช้การ์ตูนตลาด และมีความเป็นอินดี้ค่อนข้างสูง

    + +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×