ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #133 : Shisso Holiday นาโอะพิจารณาตัวเอง

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 54



     

    โอตสึ อิจิเป็นนักเขียนนิยายเรื่องสั้นชาวญี่ปุ่นที่ผมยอมรับเลยว่าเขาเป็นนักเขียนที่มีแต่งเรื่องได้มีเสน่ห์และสนุกที่สุดเท่าที่ผมอ่านนิยายแปลญี่ปุ่นมา(นอกเหนือจากนิยายไลท์โนเวล) นิยายของเขาหลายเรื่องเต็มไปด้วยความหักมุม และหลากหลาย เก่งในเรื่องฉากเร้าอารมณ์บีบน้ำตา ผลงานเปิดตัวก็คือ “Summer, Fireworks and My Corpse(1996)” หรือชื่อไทยคือ “ฤดูร้อน ดอกไม้ไฟ และร่างไร้วิญญาณของฉัน ที่ได้รับรางวัลนวนิยายบันเทิงคดียอดเยี่ยมครั้งที่ 6 ของสำนักพิมพ์ Shueisha ตามด้วยโกธคดีตัดข้อมือในปี 2006 ที่ได้รับรางวัลนวนิยายสืบสวนสอบสวนยอดเยี่ยมครั้งที่ 3 (มันแนวสืบสวนตรงไหน?) แม้เขาถนัดแนวสยองขวัญแต่กระนั้นนิยายหลายเรื่องของเขาก็วางมุกตลกสนุกสนานได้เหมือนกัน

                    แน่นอนว่าสำหรับคอการ์ตูนนั้นก็คงรู้ว่ามีการ์ตูนที่ดัดแปลงจากนิยายของโอตสึ นั้นคือ “โกธ คดีตัดข้อมือ” ซึ่งหลายคนก็ได้อ่านไปแล้ว(ความจริงมีเรื่องสั้นหลายเรื่องที่ทำเป็นการ์ตูน เช่นเรื่อง ZOO) แต่กระนั้นคุณรู้หรือไม่ว่าตอนนี้เรื่องสั้นของโอตสึได้ถูกนำไปดัดแปลงเป็นการ์ตูนและแปลไทยแล้ว 3 เรื่องแล้วนั้นคือ “ฉันหายไปในวันหยุด, โทรศัพท์สลับมิติ และเรื่องที่กำลังจะแปลไทยอีกเรื่องก็คือ “บาดแผล” และวันนี้ผมก็ขอแนะนำการ์ตูนเรื่อง  “ฉันหายไปในวันหยุด” การ์ตูนแนวลึกลับแกมขบขันที่เต็มไปด้วยข้อคิดดีๆ มากมายมาเล่าสู่กันฟัง

     

       

    Shisso Holiday

     

    Shisso Holidayหรือ “ฉันหายไปในวันหยุด” เป็นผลงานหนึ่งซีรี่ย์ทั้งสามที่สร้างจากนิยายของโอตสึ อิจิ วาดโดยฮิโระ คิโยฮาระ (ซึ่งเขาวาดทั้งสามเรื่องของโอตสึ) วาดลงในสำนักพิมพ์ Kadokawa Shoten  ในปี 2006 ปัจจุบันได้รับการแปลเป็นภาษาไทย ลิขสิทธิ์โดย TKO

    Shisso Holiday เป็นเรื่องราวของเด็กสาวมัธยมต้นคนหนึ่งชื่อ “นาโอะ” ที่แม่ของเธอแต่งงานกับมหาเศรษฐี ต่อมาแม่ของนาโอะก็เสียชีวิตลง ทำให้เธอทำใจว่าวันหนึ่งเธอจะไล่ออกจากบ้าน เพราะว่าเธอไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับมหาเศรษฐี(พ่อใหม่)ดังกล่าว หากแต่ปรากฏว่านาโอะไม่ได้โดนไล่ออก และทุกอย่างก็เรียบร้อย สงบสุขดี จนเวลาผ่านไปหกปี พ่อเลี้ยงได้แต่งงานใหม่ ซึ่งนาโอะเข้ากับแม่เลี้ยงไม่ได้ เธอจึงตัดสินใจออกจากบ้าน แต่ทว่าเธอไม่ได้ไปไหนไกล เธอแค่ซ่อนตัวในบ้านคนใช้ และขอให้คนใช้คนหนึ่งชื่อ “คุนิโกะ” ให้ความร่วมมือ โดยจากนั้นได้ก่อคดีหรรษาขึ้น เมื่อนาโอะได้หลอกคนในบ้านว่าตนถูกโจรลักพา ทำให้คนทั้งบ้านต้องปั่นป่วนจนเรื่องถึงมือตำรวจเข้า นาโอะจะคลี่คลายปัญหาอย่างไรเมื่อเรื่องเลยเถิดจากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ดังกล่าว

     

    สปอยครับ และแนะนำให้อ่านนิยายก่อนจะอ่านการ์ตูนครับจะดีมาก

     

    จริงอยู่ครับที่ผลงานนิยายแปลไทยของโอตสึมีมาวางขายมานานแล้วน่ะครับ แต่ผมพึ่งมาชอบนิยายของโอตสึไม่นานนี้เองครับ เนื่องจากติดใจนิยายเรื่องโกธคดีตัดข้อมือและอยากลองอ่านนิยายเรื่องอื่นๆ แต่จนบัดนี้ผมก็ยังไม่นิยายของโอตสึสักเล่ม(ยกเว้นเรื่องโกธ) และตอนนี้ผมก็พยายามตามเก็บอยู่ครับ(พอดีงบประมาณไม่พอ เศร้าจริงๆ)

    ผมยอมรับจริงๆ ว่าผลงานของโอตสึนี้สุดยอด(คนแปลก็สุดยอดด้วย) แม้เนื้อหาดูเหมือนจะธรรมดาแต่สามารถทำให้โดดเด่น สนุกสนาน และเกิดความประทับใจได้ ยกตัวอย่างเช่น “ฉันหายไปในวันหยุด”  ที่พออ่านพล็อตแล้วก็แค่เด็กสาวแกล้งโดนลักพาตัว แค่นี้เองไม่ได้แปลกใหม่อะไร ในโคนัน คินดะอิจิ หรือนิยายสืบสวนสอบสวนมีเพียบ แต่สิ่งที่ทำให้คดี “ฉันหายไปในวันหยุด” นั้นมีความโดดเด่นก็คือ พล็อต การเล่นประเด็นจิตใจของมนุษย์ โดยเน้นไปที่เด็กสาวที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในชีวิต  และละครชีวิตที่มีเพียงแค่เสียง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ตัวละครในเรื่องมีความสัมพันธ์ไม่แบนราบ มีน้ำหนัก น่าติดตาม เอาใจช่วยตั้งแต่ต้นจนจบ และมีการหักมุมเล็กน้อย ก่อนจบลงประทับใจ

    ผลงานของโอตสึมีจุดเหมือนอยู่อย่างครับ คือตัวละครหลักในเรื่องมักมีจุดร่วมกันอย่าง นั้นคือ ตัวละครมักมีความ “เหงา” เป็นที่ตั้ง ที่ตัวละครหลักมักโดดเดียว สร้างโลกแคบๆ ของตนขึ้นมา หากแต่สาเหตุของความเหงาของตัวละครของโอตสึนั้นมีแตกต่างกันออกไป คือ บางคนมีตั้งใจที่ทำตัวเองให้โดดเดียว บางคนก็ไม่ได้ตั้งใจหากแต่เพราะมีสาเหตุหนึ่งทำให้กลายเป็นคนโดดเดี่ยว เป็นต้น ซึ่งด้วยเหตุนี้เองทำให้ตัวละครแต่ละตัวของโอตสึนั้นไม่แบนราบ

    ตอนแรกๆ ผมก็กังวลเหมือนกันนะครับว่าการ์ตูน “ฉันหายไปในวันหยุด” เรื่องนี้จะถ่ายทอดเนื้อหาของโอตสึหรือเปล่า(ผมอ่านการ์ตูนก่อนนิยายอีกแล้วครับ) เพราะว่าการ์ตูนดังกล่าวไม่ได้เขียนโดย Kendi oiwa หากแต่เป็นผลงานของคิโยฮาระ นักเขียนที่แทบโนเนมในบ้านเรา แถมผลงานส่วนใหญ่แนวสยองขวัญอีก โดยผลงานนอกเหนือจากโอตสึก็มี Tsumitsuki(2008), Coin Laundry no Onna(2005), Another(2010) ทำให้ผมกังวลที่จะอ่านการ์ตูนที่สร้างจากนิยายเรื่องนี้พอสมควร

     
            ตอนแรกที่ผมดูปกการ์ตูน ผมก็มีความคิดว่า “ฉันหายไปในวันหยุด” นั้นเป็นแนวสยองขวัญซะอีก(ผมอ่านการ์ตูนก่อนที่จะอ่านนิยาย) จะไม่ให้เข้าใจผิดได้ไงล่ะ เห็นปกดำสนิทแบบนี้(โดยมีหน้าโนเอะที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แทรกแทบมองไม่เห็น)

    และหลังจากที่ผมอ่านการ์ตูนเรื่องนี้จบสัก 2-3 รอบ ความรู้สึกของผมก็คือ ผมชอบการ์ตูนเรื่องนี้ครับ สนุกดี ไม่รู้ว่าการ์ตูนเก็บฉากในนิยายครบหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่าการ์ตูนเรื่องนี้ได้ถ่ายทอดความเป็นของโอตสึครบถ้วนเหมือนอย่างโกธคดีตัดข้อมือที่ทำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบรรยายกาศความเหงา ความมืดในจิตใจคน

    ส่วนการออกแบบตัวละคร ผมไม่รู้ว่านิยายดังกล่าวนั้นมีการบรรยายลักษณะตัวละครยังไงหรือเปล่า แต่สิ่งที่ผมสังเกตก็คือการออกแบบตัวละครการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือการใช้ลักษณะของตัวละครที่เป็นสูตรสำเร็จ อย่างนาโอะถูกออกแบบโดยสาวทวินเทนดวงตาโฉบเฉี่ยวอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความซึนและเอาแต่ใจ หรือจะเป็นคุณคุนิโกะสาวใช้ก็ออกแบบสาวแว่นผมสั้นที่ดูเลยว่านิสัยเปิ่นๆ และซุ่มซ่าม เคียวโกะมีลักษณะเหมือนนางอิจฉาหลังข่าว ซึ่งการออกแบบดังกล่าวถือว่าดีเพราะสามารถสื่อให้คนอ่านดูตัวละครนี้ปุ๊ปก็รู้บั๊ปว่าตัวละครเรื่องนี้เป็นอย่างไร ทำให้เราสามารถอ่านการ์ตูนนี้ได้อย่างมีอรรถรสโดยไม่มีสะดุดครับ

    และสิ่งที่ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้อ่านสนุกก็คือการดำเนินเรื่องในมุมมองแคบๆ ของนาโอะเอง ซึ่งเป็นปกติของนิยายของโอตสึอยู่แล้ว ด้วยมุมมองแคบๆ ทำให้ความลับและสิ่งที่นาโอะไม่รู้อย่างมีชั้นเชิง ซึ่งเป็นหลักการแต่งนิยายของโอตสึเลยก็ว่า ที่คนเขียนเลือกจะเก็บความลับสำคัญเอาไว้ในตอนต้น ก่อนที่จะเฉลยในตอนท้ายให้หักมุม ทำให้เนื้อหาการ์ตูนเรื่องนี้เสมือนหนึ่งนิยายสืบสวนเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

    การ์ตูนเปิดฉากมาด้วยสาวทวินเทนนาโอะที่หนูออกจากบ้านแล้วมาพักอาศัยอยู่บ้านของเพื่อน  จากนั้นเนื้อหาการ์ตูนก็ปูที่มาด้านมืดในจิตใจของนาโอะ ซึ่งก็คือ “ความกลัว” โดยเรื่องเริ่มขึ้นเมื่อนาโอะโชคดีได้เป็นลูกบุญธรรมกับมหาเศรษฐีคนหนึ่งที่แต่งงานกับแม่ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากของสองแม่ลูกดีขึ้นมาก  

    หากแต่ 2 ปีต่อมาเมื่อแม่ของเธอจากไป นาโอะก็เริ่มรู้ตัวว่าตนเองโดดเดี่ยวไร้ญาติขาดมิตรบนโลกใบนี้ ในเวลานี้นาโอะมีความรู้สึกว่าตนต้องอาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นโดยการเตรียมพร้อมที่ถูกขับไล่อยู่ตลอดเวลา ความกลัวของนาโอะเริ่มก่อตัวขึ้น ถึงแม้ว่าทุกคนในบ้านจะปฏิบัติกับนาโอไม่ต่างจากคนในครอบครัวเดียวกัน แต่กระนั้นช่องว่างในจิตใจของนาโอะก็ไม่ไม่ถูกเติมเต็มตลอดเวลา เนื่องด้วยความที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยทางสายเลือด นาโอะจึงหวาดระแวงในความสัมพันธ์อยู่ตลอดเวลาว่าสักวันหนึ่งสิ่งที่เธอคิดจะมาถึง ดังนั้นสิ่งที่นาโอะทำได้ในตอนนี้ก็คือพยายามเสพสุขกับการเป็นลูกมหาเศรษฐีอย่างเต็มที่ ด้วยการกินอาหารแพงๆ ให้ได้มากที่สุด ซื้อของใช้ราคาแพงๆ หรือของที่อยากได้ สวมชุดแบรนด์เนมชื่อดัง และนั้นเองทำให้นาโอะเริ่มมีนิสัยมองโลกแคบๆ และเอาแต่ใจ โดยที่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าตนมีนิสัยแบบนี้

                    หากแต่เมื่อนามวันเข้านาโอะกลับพบว่าตนไม่ได้ถูกไล่ออกจากบ้าน อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างพ่อเลี้ยง(เธอเรียกเขาว่า ป๊ะป๋า)ของเธอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เมื่อนาโอะเห็นว่าหลังจากแม่ของเธอตายจากไป พ่อเลี้ยงก็ยังอาลัยอาวรณ์ซึมเศร้าและเหม่อลอยเก็บตัวอยู่แต่บ้านอย่างเห็นได้ชัด ทำให้นาโอะต้องหางานอดิเรกให้พ่อเลี้ยงทำ(นาโอะเลือกด้วยวิธีการปาลูกดอกและจิ้มไปโดยเย็บปักถักร้อย) จึงเป็นเหตุทำให้พ่อเลี้ยงของนาโอะพบรักใหม่กับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ “เคียวโกะ”

                    เมื่อป๊ะป๋าแต่งงานกับเคียวโกะและเข้ามาเป็นสะใภ้ในบ้าน นาโอะได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเคียวโกะอย่างเห็นได้ชัด นาโอะคิดเองว่าเตียวโกะจะครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของเธอ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ป๊ะป๋า นาโอะตอบโต้ด้วยคำดูถูก หากแต่ก็ถูกเคียวโกะตอบโต้เช่นกัน ทำให้เกิดสงครามเย็นขนาดย่อมๆ ขึ้น 

     

                  ในช่วงเวลานี้เองความกลัวก็ได้เข้ามาหานาโอะอีกครั้ง ความกลัวเป็นการตอบสนองทางอารมณ์พื้นฐานที่มีอยู่ตัวมนุษย์ทุกคนต่อการถูกคุกคามหรือมีภัยอันตรายที่จะทำให้ตนไม่มีความสุข การมาของเคียวโกะทำให้นาโอะมีความคิดว่าตนไม่ใช่คนสำคัญของครอบครัวอีกต่อไป ซึ่งสิ่งที่ตามมาของความกลัวก็คืออารมณ์ความเศร้า และความโกรธของนาโอะ ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้นาโอะจึงตอบโต้เรื่องดังกล่าวด้วยการหนีออกจากบ้านในช่วงสองวันก่อนวันคริสต์มาส

    แต่สำหรับเด็กมัธยมอย่างนาโอะแล้วเธอไม่ได้ไปไหนไกล ตอนแรกเธอไปขออาศัยอยู่บ้านเพื่อน พอเวลาผ่านไปสองวัน นาโอะก็เริ่มเบื่อเธอเลยกลับบ้านอีกครั้งเพราะคิดว่าทุกคนในบ้านได้สำนึกในการที่เธอหายไป หากแต่เมื่อเธอกลับบ้านปรากฏว่าคนในบ้านไม่มีใครเอะใจเลยว่าเธอหายไป ซ้ำยังไปซ็อปปิ้งวันคริสต์มาสสบายใจเฉิบอีก จนเป็นเหตุทำให้นาโอะยิ่งเกลียดเคียวโกะหนักเข้าไปใหญ่

    เมื่อนาโอะรู้เรื่องดังกล่าว นาโอะเลยหนีออกจากบ้านอีกครั้ง คราวนี้เธอได้บังคับสาวใช้คนหนึ่งชื่อคุนิโกะให้ร่วมมือกับเธอ โดยคุนิโกะนั้นเป็นสาวใช้ประจำครอบครัวของเธอ ที่ทำงานไม่ได้เรื่องมากนัก อีกทั้งยังมีนิสัยซื่อบื้อ หัวอ่อน อีกทั้งยังเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ทำให้เธอต้องทำงานอยู่ชั้นในสุดของบ้านเธอ แต่กระนั้นสำหรับนาโอะแล้วคุนิโกะป็นสาวใช้ที่เธอคิดว่าสามารถหลอกใช้ได้ง่ายสุด นาโอะได้ใช้ห้องพักแคบๆ ของคุนิโกะที่อยู่หลังคฤหาสน์เป็นสถานที่ซ่อนตัว ให้เธอฟัง

    แผนหนีออกจากบ้านของนาโอะมีอยู่ว่าตอนแรกเธอลองหนีจากบ้านหลายวันหน่อยเพื่อดูปฏิกิริยารอบข้างของคนในครอบครัว โดยมีคุนิโกะรายงานรายงานสถานการณ์ทางโทรศัพท์เป็นระยะ และนอกจากนี้ก็ใช้อีกมือถืออีกเครื่องเป็นเครื่องดักฟังคนในบ้านพูดคุยกัน โดยซ่อนเอาไว้ในเสื้อของคุนิโกะ 

    ในช่วงคุนิโกะออกไปข้างนอกนาโอะจะอยู่ในห้องคนเดียวซุกตัวอยู่แต่บนโต๊ะนั่งพื้น โดยในห้องเต็มไปด้วยขนมที่ซื้อมาจากบัตรเครดิตของป๊ะป๋าและบางครั้งคุนิโกะก็เอาอาหารมาให้ เธออยู่ในห้องแคบๆ นั้นทั้งวันทั้งคืน จนเวลาผ่านไปหลายวันเข้า จนนาโอะเริ่มมั่นใจว่าตอนนี้คนในบ้านคงเป็นห่วงเธอถึงขีดสุดแล้ว เธอก็กลับบ้านอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าเมื่อเธออยู่หน้าบ้านกลับเห็น คนในครอบครัวจัดงานปาร์ตี้คริสต์มาสอย่างสนุกสนาน และในเวลานั้นเองนาโอะเกิดความรู้สึกว่าตนไม่ใช่คนสำคัญในครอบครัว และด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจนาโอะได้วางแผนลักพาตัวเองแบบหลอกๆ คราวนี้เพื่อให้ครอบครัวของเธอได้วุ่นวาย และเป็นการแก้แค้นเคียวโกะไปในตัวด้วย

     
               แผนลักพาตัวหลอกๆ ของนาโอะก็ได้เริ่มขึ้น จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อเรื่องทั้งหมดส่งต่อถึงมือตำรวจ ความตึงเครียดในบ้านนาโอะได้รับรู้จากการดักฟังและการรายงานของคุนิโกะ โดยบอกว่าป๊ะป๋านาโอะกำลังเครียดสุดขีด และเคียวโกะมีอาการเจ็บป่วยเมื่อรู้ว่านาโอะถูกลักพาตัว และระหว่างนี้เองนาโอะเริ่มพิจารณาตัวเอง

    เมื่อมนุษย์เรานั้นเกิดความเครียดหรือพบเจอปัญหาที่แก้ไม่ตกนั้น เราก็มีวิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจปรึกษากับคนใกล้ชิดหรือคนใกล้ตัวมาช่วยแบ่งเบาภาระปัญหาของตน แต่ในกรณีของนาโอะนั้นไม่มีคนใกล้ชิดปรึกษาได้ ดังนั้นเธอเลยตอบโต้การแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการหนีและซ่อนตัวคนเดียว  แต่หารู้ไหมสิ่งเหล่านี้ก็คือหลักการแก้ปัญหาได้เช่นกัน การอยู่คนเดียวของนาโอะก็เหมือนกับการคลายเครียดอย่างหนึ่ง คือหนีปัญหาชั่วขณะ ไปพักผ่อนให้สงบสติ สงบอารมณ์หน่อย หลีกหนีจากเรื่องวุ่นวาย ตัวคนเดียวอยู่เงียบๆ สักพัก เมื่อนาโอะตั้งหลักได้ ก็เกิดสมาธิ มีสติ จนจิตใจสงบ และด้วยความเงียบนี้เอง นาโอะเริ่มคิดอะไรต่างๆ มากมาย ก่อนที่เริ่มพิจารณาตัวเองว่า  เรื่องวุ่นวายเหล่านี้ ทั้งหมดนี้ใครเป็นต้นเหตุ? จนนาโอะเข้าใจว่าเรื่องหมดทั้งที่เกิดขึ้นตนเองนี้แหละคือตัวต้นเหตุ สิ่งที่เธอคิดทั้งหมดตั้งแต่แรกนั้นมาจากความคิดเองเออเองของเธอทั้งสิ้นและนิสัยเอาแต่ใจของเธอทั้งสิ้น นาโอะได้เห็นความจริงจากใจของคนในครอบครัวจากปลายสายเครื่องดักฟัง ซึ่งผลปรากฏว่า ทุกคนนั้นล้วนเป็นห่วงนาโอะ ป๊ะป๋าของนาโอะนั้นรักนาโอะเหมือนลูกในไส้แม้จะเป็นลูกเลี้ยงไม่เกี่ยวกับหน้าที่อะไรทั้งสิ้น ส่วนเคียวโกะที่เป็นศัตรูกับนาโอะนั้นแม้เธอก็ยอมรับว่าพูดจาอะไรไม่ดีกับนาโอะไปบ้างแต่ใจลึกๆ ก็รักนาโอะเหมือนกันและเสียใจที่นาโอะถูกลักพาตัวไป

     

    การพัฒนาจิตใจของนาโอะเริ่มถึงจุดเห็นใจคนอื่น นาโอะเริ่มนับถือในตัวคุนิโกะ ซึ่งตอนแรกเธอดูถูกคุนิโกะด้วยซ้ำ หากแต่เมื่อเธออยู่ในห้องนี้คนเดียวกับคุนิโกะนานวันเข้า เธอก็ได้เห็นด้านดีของคุนิโกะ ว่าเธอไม่ใช้คนไร้ประโยชน์หรือบื้ออย่างที่คิด คุนิโกะนั้นเป็นผู้หญิงที่ใจเย็นและน่าคบ บวกกับเหตุการณ์ที่คุนิโกะช่วยเธอจากการเกือบโดนรถบรรทุกพุ่งชน ส่งผลทำให้คุนิโกะได้รับความเดือดร้อนแทนเธอ นาโอะจึงพยายามแก้ปัญหาดังกล่าวเพื่อให้คุนิโกะไม่ให้ถูกไล่ออก เธอเลยวางแผนให้การลักพาตัวหลอกๆ นี้จบลงพร้อมกับทำให้หลายคนเห็นว่าคุนิโกะไม่ได้ไร้ประโญชน์อย่างที่คิด

    แผนของนาโอะมีอยู่ว่าประดิดประดอยจดหมายข่มขู่เรียกค่าไถ่ในจำนวนที่เธอระบุขึ้น โดยให้คุนิโกะก็เป็นคนนำไปส่ง และเธอก็ออกจากบ้านไปซ่อนตัวในตึกร้างหลังหนึ่ง และรอเวลาที่คุนิโกะจะเอาเงินค่าไถ่มาส่ง เธอจึงสามารถกลับไปหาครอบครัวโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น แน่นอนแผนของนาโอะเป็นเช่นนี้ แต่ปรากฏว่าเงินค่าไถ่ในกระเป๋าที่คุนิโกะเป็นคนถือไปส่งมอบให้คนร้ายกลับถูกคนร้ายอีกคนหนึ่งแย่งชิงไปกลางทาง เมื่อนาโอะไล่ตาม เธอกลับไปชนคนร้ายระหว่างวิ่งไปดักทางเข้า ทำให้เธอหมดสติไป แต่โชคดีที่ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพบตัวนาโอะนอนหมดสติอยู่ริมถนน และเมื่อนาโอะตื่นขึ้นมาเธอก็พบคนในครอบครัวต่างดีใจจนร้องไห้ต่อการกลับมาของเธอ แต่กระนั้นนาโอะก็ต้องตกใจเมื่อเธอรู้ข่าวว่าคุนิโกะได้ขอลาออกจากบ้านซึกะวะระ และหายตัวไป

    แน่นอนคดีจบลงเมื่อจู่ๆ ก็มีคนร้ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับแผนการของนาโอะ ขโมยเงินค่าไถ่แล้วหนีไป ตำรวจเลิกติดตาม หลังจากพบว่านาโอะปลอดภัย และครอบครัวของนาโอะไม่ติดใจเอาเรื่องคนร้าย ยกเว้นนาโอะที่เธออดจะสงสัยไม่ได้เมื่อแผนของเธอนั้นมีจุดขัดแย้งแปลกๆ หลายอย่างที่เธอยังหาคำตอบไม่ได้

    -เริ่มจากทำไมค่าไถ่ที่เธอเรียกไปมันถึงได้กลายเป็น 30 ล้านเยน ทั้งที่เธอเขียนไปแค่ 10ล้านเยนเท่านั้นเอง

    -ตำรวจที่เข้ามาซุ่มสืบอยู่ภายในบ้านก็มีแค่เพียงห้าคนเท่านั้น แทนที่จะเป็นหกคน และเธอก็ไม่พบนายตำรวจที่มีเสียงตรงกับเรื่องดักฟังที่คุยกับคุนิโกะคนหนึ่ง แล้วตำรวจคนดังกล่าวอยู่อยู่ที่ไหนกันแน่?

    -และเงิน 30 ล้านเยนตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน??

    แน่นอนว่าปริศนาดังกล่าว มีคำตอบในตัวของมันเองอยู่แล้ว หากแต่กระนั้นนาโอะได้เก็บคำตอบนี้เอาไว้  หลังจากนั้นนาโอะก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง จนกระทั้งหลายวันต่อมามีไปรษณียบัตรที่ผู้ส่งคือคุนิโกะมาถึงเธอ พร้อมแนบที่อยู่มาด้วย และเมื่อนาโอะไปตามที่อยู่ที่แนบในนั้น นาโอะก็พบความจริงที่น่าตกใจ........

     
               
      ส่วนคำตอบและบทสรุปของเรื่องนั้นหาได้อ่านตามนิยายหรือการ์ตูนครับว่าเป็นอย่างไร แต่สรุปคราวๆ คือนาโอะถูกหลอกคุนิโกะซ้อนแผนและโดนปั่นหัวแทน ถ้านาโอะเมื่อก่อนอาจโกรธคุนิโกะไปแล้ว หากแต่สุดท้ายนาโอะก็ไม่ได้โกรธเคียงคุนิโกะ สำหรับคุนิโกะแล้วนาโอะเห็นเธอเป็นคนสำคัญที่เคยอยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นช่วงระยะสั้นๆ แต่กระนั้นช่วงเวลาดังกล่าวนาโอะได้เรียนรู้สิ่งล้ำค่า ประสบการณ์ชีวิต อะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความสุขที่แท้จริง  ความเสียสละความเห็นแก่ตัว การเห็นใจผู้อื่น เปิดใจรับสิ่งอะไรใหม่ ความมืดในจิตใจนาโอะที่เธอกังวลตลอดชีวิตได้หายไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอเป็นคนสำคัญขนาดไหนของครอบครัว และสุดท้ายประสบการณ์เหล่านี้ได้ทำให้นาโอะกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเพียงแค่ชั่วข้ามคืน และแล้วการ์ตูน “หายไปในวันหยุด” ก็จบอย่างประทับใจ แอปปี้ทั้งสองฝ่าย

    นอกเหนือจากมังงะแล้ว “ฉันหายไปในวันหยุด” ยังทำเป็นซีรีย์ละครโทรทัศน์ด้วยนะครับ โดยฉายเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2007 โดยช่อง Terebi Asahi

    + +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×