ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha AF8] ☆ My Sassy Boy|รักนะ...เจ้าตัวร้าย ☆

    ลำดับตอนที่ #13 : My Sassy boy ☆ 11

    • อัปเดตล่าสุด 1 ม.ค. 55


    My Sassy Boy ☆ 11







    ทันทีที่เสียงประตูปิดลงดัง  
    “ปัง!  ร่างเล็กที่นั่งอยู่ก็เอนตัวลงนอนราบกับเตียงอีกครั้ง  หยิบผ้าห่มนวมผืนใหญ่มาคลุมม้วนตัว กลิ้งตัวไปมาราวกับดักแด้  ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่นาทีก่อนที่เจ้าของห้องจะออกไปแล้วมันยิ่งรู้สึกเขินจนต้องกรีดร้องออกมา

    ที่จูบกันก็ว่าเขินแล้ว...(เป็นจูบจริงๆ ครั้งแรกในชีวิตเลยนะ!) แต่ไอ้หลังจากนั้นที่เขาโดนกดให้นอนราบกับเตียงนั่นมันอะไร? นั่นมันอาร๊ายยยยยยยยยยยยย???


    ไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าไม่มีคนในสายที่โทรมา... ไม่มีคลื่นความถี่
    3G ดีแทค เอไอเอส ทรูมูฟ ฮัทช์ ทศท. หรืออะไรก็แล้วแต่...  ไม่มีสตีฟ จ๊อปส์และบริษัทแอปเปิ้ลที่ผลิตไอโฟนเครื่องนั้น... ไม่มี.. ไม่มีอะไรที่ว่ามาเลย  มันจะเกิดอะไรขึ้น!!!!!


    ฮืออออออออออออออ
    ไม่อยากคิดแต่ก็เผลอคิดไปอีกแล้ว
    ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


    เด็กน้อยในก้อนผ้าห่มนวมสีขาวทิ้งศีรษะตัวเองแรงๆ  ขยี้ผมเส้นบางจนยุ่ง หลับตาปี๋  หากแต่ทำได้ไม่นาน  ศีรษะที่ปวดหนึบๆ จากอาการเมาค้างก็เล่นงานเข้าอีกจนได้  คนตัวเล็กจึงต้องจำใจสลัดผ้าห่มผืนหนาแล้วเดินออกจากห้องนอนไปยังครัวเล็กๆ ตามที่พี่เต๋าว่าเอาไว้


    “ชาดื่มน้ำอุ่นเยอะๆ นะจะได้หายมึนหัว... พี่ต้องรีบไปแล้ว มีของกินอยู่ในตู้เย็น เสื้อผ้าก็เปลี่ยนใช้ตามสบาย อาบน้ำเสร็จนอนพักอีกรอบก็ได้... ไปทำงานก่อนนะครับตัวเล็ก”


    ถ้อยคำรัวเร็วหากแต่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วง  แค่พลันนึกก็ทำเอารอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นมาที่ริมฝีปากบาง

    ขอบคุณครับพี่เต๋า...
    ขอบคุณ...

     

     



     

    กว่าคนตัวเล็กจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันแล้ว...ตาเรียวเล็กหลุบลงมองเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นธรรมดาที่กำลังใส่อยู่  ถึงจะไม่เคยเห็นพี่เต๋าใส่เสื้อผ้าชุดนี้ แต่ด้วยรู้ว่าเป็นของใคร คนใส่ก็อดเขินเองเสียไม่ได้   ร่างเล็กเดินออกมาจากห้องนอน  นั่งลงกับโซฟาตัวนุ่มบริเวณส่วนเอนกประสงค์อีกครั้ง  ในมืออันบอบบางถือเป็ดน้อยสีเหลืองที่หยิบฉวยมาจากบนโต๊ะตัวเล็กข้างๆ เตียง  ฝ่ามือกดบีบให้มีไฟสีแดง บีบอีกครั้งให้ไฟหายไป ทำซ้ำๆ อยุ่อย่างนั้น   ส่วนมืออีกข้างก็ทาบทับกับแหวนวงเดิมที่แขวนอยู่บนสร้อยคอ 


    คชายิ้ม... ยิ้มราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังกลายเป็นของเขาคนเดียว
    ไม่สิ  เพราะถึงเวลานั้นคชาคงจะตัดแบ่งมันให้กับแม่... แล้วก็...
    ให้ลูกแมวน้อยๆ อีกสักตัวด้วยล่ะมั้ง
    ...

     

     



     

    - - - - - - - - - - - - - - -

     

     


     

    หลายวันแล้วที่คชานอนเกลือกกลิ้งอยู่บ้านไปมา พักผ่อนตามอัธยาศัยตามปกติเหมือนกับเป็นปิดเทอม ก็แหม... ถึงจะเรียนจบแล้วก็จริง แต่เกรดเทอมสุดท้ายยังออกไม่ครบเลย  อีกอย่าง ต่อไปนี้จะไม่มีปิดเทอมแล้ว มันก็ต้องขอสักหน่อยสิ

    แต่เหตุผลอีกข้อที่คชาดูทำตัวชิลขนาดนี้ ก็เพราะว่า...

    คชาแอบส่งเรซูเม่ไปสมัครงานมาแล้วน่ะสิ!

    คงไม่ต้องถามหรอกนะว่าที่ไหน... ตอนนี้  จะรอก็แต่เขาเรียกไปสัมภาษณ์ก็เท่านั้น อิอิ

    งานนี้ นอกจากคุณแม่แล้ว... คชายังไม่ได้บอกใครสักคนเลย
    หรืออันที่จริง... ต้องบอกว่า
    ใครบางคน ถึงจะถูกสินะ

     

     

     

     

     

     

    แล้วในที่สุด  วันที่รอคอยก็มาถึง  คชาตื่นแต่เช้ามาแต่งตัวหล่อ  เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนยาว กางเกงนักศึกษาสีดำ กับเข็มขัดและรองเท้าหนัง  ผมที่เพิ่งไปตัดสั้นให้เป็นทรงที่คุณแม่เรียกว่า เห็ด ก็ดูเรียบร้อยโอเคดี


    คชาออกจากบ้านแต่เช้าพร้อมกับคุณแม่  ไปถึงบริษัทของพี่เต๋าก็ก่อนเวลาสัมภาษณ์ตั้งครึ่งชั่วโมง  ตาคู่เรียวแอบสอดส่ายสำรวจไปทั่วบริเวณ แอบมองลอดผ่านกระจกใสๆ เข้าไปยังส่วนทำงานด้านในก็เห็นพนักงานมากมายกำลังทำงานขันแข็ง หากแต่ไม่พบกับใครคนที่อยากเจอ   ร่างเล็กเดินผ่านหลายๆ ห้องมาอยู่ที่แผนกบุคคลหรือที่เรียกกันว่าฝ่าย
    HR   นั่งรอที่เก้าอี้อะลูมิเนียมตามที่พนักงานบอก

    หัวใจเต้นรัวอย่างตื่นเต้น...
    นี่จะเป็นก้าวแรก... ก้าวแรกของเขาที่ได้ข้ามผ่านมาสู่วัยผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว


    คชาสูดลมหายใจลึก ผ่อนเข้าออกอยู่หลายครั้ง...บอกตัวเองในใจ  สู้ๆ นะชา เราต้องทำได้ เราต้องทำได้

    มือเล็กกำแฟ้มเอกสารในมือแน่น ก่อนที่สายตาจะหันไปมองใครอีกคนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ ที่ถูกชี้ให้มานั่งข้างๆ เขา

    หนุ่มผมยาวดำ ผิวคล้ำ มีหนวดเล็กๆ ดูท่าทางออกเซอร์  แถมยังมีแฟ้มหนาๆ สีดำมาอีกหนึ่งอัน... ดูท่าทางผู้ชายคนนี้จะกำลังเป็นคู่แข่งของเขาสินะ

    คชาแสร้งทำเป็นไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ข้างๆ  หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อเรียกกำลังใจ กดส่งข้อความออกไปหาใครบางคน...

    ใครบางคน... ที่อยู่ใกล้แค่นิดเดียว...



    วันนี้ชามาสัมภาษณ์งาน เอาใจช่วยด้วยนะ


    ตาคู่เรียวมองไปยังหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือ  รออีกฝ่ายตอบกลับมา... หากแต่ไม่ทันที่จะมีข้อความใดๆ  เสียงแหลมของพี่ฝ่าย
    HR ก็ดังขึ้นเสียก่อน



    “คุณนนทนันท์ เชิญค่ะ”


    คนตัวเล็กกดปิดหน้าจอโทรศัพท์ให้ดำมืดพลางเดินตามเธอเข้าไปในห้องอันสว่างไสว... มือเล็กขึ้นมากุมแหวนที่กลางอกอีกครั้ง



    พี่เต๋าก็กำลังเอาใจช่วยชาอยู่ใช่ไหม? รู้นะ...

     

     

     



     

    ครึ่งชั่วโมงที่คชาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกับหญิงสาวอีกสามคนไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิด  คงเป็นเพราะมีพี่ที่ดูท่าทางดุๆ เพียงแค่คนเดียว  อีกคนดูนิ่งๆ กลางๆ  ส่วนคนสุดท้าย เธอแอบส่งยิ้มให้เขาอยู่เป็นระยะเสียด้วยซ้ำ

    คิดว่าคงเป็นผลพวงจากรอยยิ้มที่เขาพยายามส่งให้พี่ที่สัมภาษณ์ตลอดเวลาล่ะมั้งนะ


    สาธุ... ขอให้สัมภาษณ์ผ่าน ได้มาทำงานที่นี่ด้วยเถอะ

     

     



    คชาเดินออกมาพร้อมกับแฟ้มสีขาวอันเดิม... แอบเดินวนไปอีกทางเพื่อสำรวจออฟฟิศแห่งนี้ พร้อมกับถ่วงเวลาที่จะได้เจอพี่ชายคนสนิทไปในตัว

    จนขาเรียวก้าวไปถึงที่นั่งว่างๆ ไม่ไกลจากทางออกที่มีจุดบริการน้ำ กาแฟ  คนตัวเล็กจึงได้หยุดยืนอยู่ตรงนั้น

    มือเรียวหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมา  เปิดดูข้อความที่ได้รับตอนที่กำลังสัมภาษณ์ก็แอบอมยิ้ม



    สู้ๆ ครับตัวเล็ก  พี่เอาใจช่วยทั้งดวงเลย


    ว่าแต่บริษัทไหนนะ  บริษัทพี่ใช่ไหม?



    นิ้วเรียวรีบจิ้มส่งข้อความตอบกลับไปสั้นๆ ว่า  
    ใช่  กำลังจะรออีกคนตอบกลับมาก็ได้ยินเสียงระรื่นหูที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย

    เพราะมันเต็มไปด้วยความเสแสร้ง!



    “อ้าว... น้องคชา มาทำอะไรที่นี่จ๊ะ?”  หญิงสาวคนเดิมที่วันนี้ยังดูสวยเป๊ะด้วยเครื่องสำอางหนากับชุดสวยทันสมัยเอ่ยทักเขาอีกครั้ง


    คชาฉีกยิ้มเจื่อนให้ ตอบกลับไปเรียบๆ  “มาสัมภาษณ์งานครับ”


    “แหม... อยากมาทำงานที่นี่...”  แจนเว้นวรรค แสร้งยิ้มหวาน  “หรืออยากมาหาผู้ชายกันแน่จ๊ะ?”  เอ่ยท่อนหลังด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ  คนตัวเล็กขมวดคิ้วให้กับคำพูดนั้น ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมาอย่างนี้


    “ใครกันแน่ครับที่อยาก”  คชาตอบสวนกลับไปอย่างไม่ยี่หระ


    “ฮึ... ใช่ ฉันอยาก แล้วจะทำไม?”  แจนยิ้มร้าย เอ่ยความในใจออกมาชัดเจน  “แต่น้องคชาก็ควรจะรู้เอาไว้นะจ๊ะ ว่าผู้ชายน่ะ เกิดมาเพื่อคู่กับผู้หญิง”


    “แล้วผู้หญิงสวยๆ อย่างฉันนี่แหละที่จะทำให้เต๋าเปลี่ยนใจ...”

    “ส่วนเด็กอมมืออย่างแก กลับบ้านไปกินนมแม่ต่อเถอะย่ะ”


    “อย่าได้หวังเลย ว่าแกจะได้มาทำงานที่นี่.... อ๊ายยยยยยยย


    แจนกรีดร้องเสียงดังท่ามกลางความเงียบในออฟฟิศ เมื่อเธอถูกเด็กอมมือที่ว่าสาดน้ำเย็นๆ เข้าเต็มหน้า  คชายิ้มกวน มือยังถือแก้วน้ำสีใสอย่างไม่ยี่หระ  แจนอ้าปากกำลังจะด่าเสียงดัง หากแต่ก็ต้องหยุดการกระทำนั้นลง เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปหล่อเดินพุ่งตรงเข้ามา


    ดูเหมือนสถานการณ์ตอนนี้ แจนจะกำลังเป็นต่ออยู่เห็นๆ

    ชัยชนะมารออยู่รอมร่อแล้ว... หึหึ

     



    “ชา... ทำอะไรลงไปน่ะ?” 
    เสียงทุ้มจากปากชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างดุๆ  ถึงเต๋าจะไม่เห็นตอนที่ร่างเล็กกำลังสาดน้ำใส่เพื่อนร่วมงานสาวตรงหน้า หากแต่หลักฐานมันก็คาอยู่ที่มือน้อยคู่นั้น


    “ก็สาดน้ำใส่หน้าคนไง ก็เห็นอยู่นี่”  เสียงดุๆ จากพี่ชายคนสนิทกระตุ้นต่อมหงุดหงิดของคนตัวเล็กขึ้นมาเสียอย่างนั้น... ยิ่งมาดุเขาเพราะยัยคนนี้คชายิ่งไม่พอใจ  “หรือพี่เต๋าเห็นว่าไม่ใช่คน?”


    “ชาพูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ”
      เต๋าเอ่ยเสียงเรียบๆ  หากแต่คนตัวเล็กที่ยืนฟังอยู่กำลังกัดฟันอย่างไม่พอใจ


    พี่เต๋าที่เคยบอกว่าชาน่ารักอย่างนู้นอย่างนี้ กำลังบอกว่าเขาไม่น่ารักเพราะยัยนี่
    !


    “ชา... ขอโทษคุณแจนเธอเดี๋ยวนี้”  เต๋าเอ่ยต่อ  พยายามตัดบทเพื่อยุติ  หากแต่คนตัวเล็กกลับเอ่ยเสียงแข็ง


    “ไม่”  เชิ่ดหน้าพูดอย่างไม่ยอมแพ้  “ชาไม่ขอโทษ เพราะชาไม่ได้ทำผิด...”

    “คชา...”  เต๋าเอ่ยเรียกด้วยชื่อเต็ม  ส่งแววตาดุๆ ไปให้คนตัวเล็กที่ยืนยืดอกอย่างท้าทาย


    “ดีแค่ไหนแล้วที่ชาไม่สาดน้ำร้อนใส่”
      เสียงเล็กยังเอ่ยต่ออย่างไม่ยอม


    “คชา!!!” 
    ชายหนุ่มขึ้นเสียง  แจนที่มองยิ้มเยาะอยู่ข้างๆ รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นทำทีสงสาร



    “เต๋าคะ... อย่าดุน้องเลยค่ะ แจนคงผิดเองที่เข้ามาทักทายน้องเขาตอนกำลังอารมณ์ไม่ดี อย่าว่าน้องเลยค่ะ แจนขอร้อง”  เอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวานราวกับตนเองเป็นนางเอกแสนดีที่กำลังปกป้องแม้แต่คนที่เข้ามาทำร้าย

    เฮอะ... เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้!

    คชาทำหน้าแหยะอย่างนึกรังเกียจเมื่อเห็นอาการสตรอเบอร์รี่เรียกพี่จากหญิงสาวตรงหน้า  หากแต่ก็นึกน้อยใจ ที่พี่ชายคนเดิมยังตีหน้าดุใส่เขาไม่เปลี่ยน...


    “ชายืนยันคำเดิมว่าชาไม่ผิด... ชาไม่ทำร้ายใครถ้าเขาไม่ได้มาทำร้ายชาก่อน”
      คนตัวเล็กกล่าวเสียงแข็ง 
    “พี่เต๋าไม่เชื่อคชาก็ตามใจ... ไม่ได้ขอให้เชื่อ!  ว่าแล้วร่างเล็กก็เดินฮึดฮัดออกไปไกล หากแต่ใจยังหวังแค่ว่าจะมีคนบางคนที่วิ่งตามออกมา....

    แต่ก็ไม่เลย

     

    “เต๋าคะ... อย่าไปเลยค่ะ  เด็กก็เป็นแบบนี้แหละ  ปล่อยให้น้องเขาได้ไปทบทวนดูเองดีกว่าค่ะ ให้น้องเขาสำนึกได้เอง” 

    “แต่...”  เต๋าทำท่าจะวิ่งออกไป แต่แจนรั้งมือเอาไว้ทัน

    “เชื่อแจนเถอะค่ะ อีกอย่าง เต๋าเองก็มีงานต้องทำ จะทิ้งงานออกไปแบบนี้หรอคะ?”

    เพราะสุดท้าย... เหตุผลของแจนก็กล่อมเต๋าจนสำเร็จอีกครั้ง

     

     

     

     

     


    คชากำลังเจ็บ... เจ็บมาก...  ไม่ใช่เจ็บเพราะรีบเดินออกมาจากตรงนั้นจนไปชนคนอื่นเข้า  แต่มันเจ็บที่ข้างใน  เจ็บที่ถูกพี่เต๋าดุ เจ็บที่พี่เต๋าไม่เชื่อ เจ็บเพราะพี่เต๋าไม่ตามออกมา เจ็บที่ต้องพ่ายแพ้ เจ็บทุกอย่าง เจ็บไปหมด...


    “คุณครับ... จะสั่งอะไรไหมครับ?”  เสียงทุ้มของใครอีกคนสะกิดให้เขาตื่นจากภวังค์ความคิดนั้น   คนตัวเล็กสะดุ้งตัวมองผู้ชายคนตรงหน้า... นี่มันไอ้หนุ่มผมยาวคู่แข่งของเขานี่นา


    ว่าแต่... แล้วเขามานั่งอยู่ตรงนี้ กับผู้ชายคนนี้ได้ยังไง?


    “คุณเดินชนผม... แล้วผมก็ชวนคุณออกมาทานกาแฟที่นี่ไง นี่คุณล้มจนความจำเสื่อมไปแล้วหรอครับ?”  หนุ่มผมยาวตรงหน้าเอ่ยขึ้นราวกับรู้ความสงสัยของอีกฝ่าย  ซ้ำยังพูดติดตลกเสียด้วย


    คชานั่งนิ่ง นึกทบทวน... นี่เขาเดินออกมากับคนแปลกหน้าเพียงเพราะอาการเจ็บข้างในจนขี้เกียจจะคิดอะไรสินะ


    “คุณ... จำผมได้ไหม?”  เป็นหนุ่มผมยาวที่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

    “ได้สิ”  คชาเอ่ยสวนทันควัน  “ผมไม่ได้สมองเสื่อมอย่างที่คุณบอกซะหน่อย... ก็คุณที่มาสัมภาษณ์งานเหมือนกันไง”

    หากแต่หนุ่มผมยาวที่ยิ้มในทีแรกกลับหุบยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ

    “ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น... ผมหมายถึง ก่อนหน้านั้น” ชายหนุ่มพูดเน้นช้าๆ ให้อีกคนได้นึกตาม

    “ก่อนหน้านั้น?”  เสียงเล็กทวนคำ

    “ใช่... คุณจำผมไม่ได้เลยหรอ?”  หนุ่มผมยาวถามอย่างมีความหวัง

    “เราเคยรู้จักกัน?” 


    แต่เมื่อคำตอบจากปากคนเดิมทำเอาคนถามผิดหวังอีกครั้ง... เสียงทุ้มจึงเอ่ยขึ้นต่อ


    “โอเค... เราไม่เคยรู้จักกัน แต่กำลังจะรู้จัก... ผมชื่อ อ้น จบคณะสถาปัตย์มหาลัยเดียวกับคุณ ที่จริงผมแก่กว่าคุณปีนึง แต่เอาเถอะ... ผมไม่ถือ เราเป็นเพื่อนกันก็ได้”
     

    “เพื่อน?”

    “ใช่ เพื่อน... เพราะต่อไปนี้เราคงต้องเป็นเพื่อนร่วมงานกัน...”

    “เขาจะรับพนักงานใหม่ทีเดียวสองคนเนี่ยนะ?” 
    ร่างเล็กถาม คิ้วบางขมวดขึ้นอย่างไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่


    “ก็ใช่สิ... ผมสมัครตำแหน่งอาร์ตไดเรคเตอร์ ส่วนคุณสมัครฝ่ายแพลนเนอร์ไม่ใช่หรอ?”


    คชาพยักหน้าหงึกๆ  ถึงจะประหลาดใจอยู่หน่อยๆ ว่าอีกคนรู้ได้ยังไงก็ตาม


    “งั้นตกลงเรามาเป็นเพื่อนกันนะ ไม่มีคุณ ไม่มีผมอีกต่อไปแล้ว”


    ถึงจะยังไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่ หากแต่ศีรษะเล็กก็พยักหน้าลงอีกครั้ง

    คงไม่ได้เป็นคนมีพิษมีภัยอะไรหรอกมั้ง...

    “ปะ... งั้นไปร้านตัดผมกัน ไม่มีผมแล้ว... เสียดายเนอะอุตส่าห์ไว้มาตั้งยาว”

    “ฮะ?”

    “ล้อเล่นน่ะ... มุกผมไม่ขำเลยรึไง?” 


    อ้นเอ่ยยิ้มๆ และยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นอีกคนส่ายใบหน้านิ่งเบาๆ อย่างน่ารัก



    ไม่ตลกวันนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะเราจะได้เจอกันอีกนาน...
    และถึงวันนั้นฉันจะทำให้นายยิ้มเอง... คชา

     






    TBC

    ขอเสียงกรี๊ดให้พี่อ้นอีกครั้งค่าาาาาาาาา  คิดว่าพี่อ้นจะไม่โผล่มาแล้วเสะ อิอิ
    ฉากวันนี้มันละครช่องเจ็ดไปรึเปล่านะ เอาเถอะ น้ำเน่าหน่อยๆ จะได้สนุก (คนอ่านตอบ-ไม่สนุก)
    คือบทตอนนี้มันเป็นพล็อตที่วางไว้ตั้งแต่แต่งตอนแรกๆ เลยค่ะ ฮ่าๆๆ ในที่สุดก็ได้แต่งฉากนี้จนได้


    ทำไมวันนี้ฉันเวิ่นเยอะอย่างนี้ ฮ่าๆๆ ตอนนี้อัพดึกค่ะ ดึกแล้วเพี้ยนอะ ฮ่าๆๆ
    ใครอยากเวิ่นกะเราเมนชั่นมาได้ @rainbobow จ้ะ อิอิ

    อ้อ... มีคนพูดถึงว่าเราเป็นเด็กนิเทศใช่ไหม... ถูกแล้วค่ะ นิเทศเอกโฆษณาด้วย เอาเรื่องใกล้ตัวมาเขียนจะได้เขียนได้เยอะ (ที่สำคัญคือปีสามแล้ว ปิดเทอมใหญ่เมษานี้ก็จะได้ฝึกงานแว้วววว พูดง่ายๆ คือปิดเทอมใหญ่เราไม่มีเวลาว่างมาแต่งฟิคแน่ๆ  แต่มันจะไม่กระทบอะไรอยู่แล้วใช่ไหม เพราะฟิคเรื่องนี้มันจะต้องจบก่อน... ต้องจบก่อนสิ จบก่อนเราเปิดเทอมได้ยิ่งดี)

    ป.ล. รักทุกคน (บอกรักทุกตอนเลย เพราะคนแต่งน้ำเน่า ฟิคเลยน้ำเน่าตาม อิอิ)
    อย่าฆ่าคนแต่งนะค้า ไปฆ่ายัยแจนแทนค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×