ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นานาจิตตัง

    ลำดับตอนที่ #13 : OC Starfighters 1

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.พ. 63




    ชื่อ-นามสกุล : โฮชิโนะ โซระ[Hoshino Sora]
    ชื่อเล่น:โซระ[Sora]
    อายุ: 30ปี
    ชื่อในวงการ:เรดิกซ์[Radix]
    ประเภทฮีโร่:Firstclass
    เผ่าพันธุ์:สมมติเทพ
    วัน/เดือน/ปี เกิด:13 เมษายน xxxx
    สัญชาติ:ญี่ปุ่น
    เชื้อชาติ:ญี่ปุ่น
    สังกัด:Demi-God
    สาย:Leader(King,Support,Heal,Mule)
    ระดับ: Master
    Level:99
    ส่วนสูง:183
    น้ำหนัก:65
    เพศ:ชาย
    รหัสประจำตัว:A11139
    สถาบันการศึกษา :แอสดราซิล เวิร์ล ฮีโร่ แอนด์ การ์เดี้ยน อคาเดมี่
    สถานะ: เรียนอยู่
    อุปนิสัย:เป็นพวกหน้านิ่งๆ ดูเฉื่อยๆ เหม่อๆ แต่ทว่ากลับซ่อนความสงสัยที่ไร้ที่สิ้นสุดเอาไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยอย่างมิดชิด อีกทั้งยังสามารถจดจำทุกๆอย่างทุกๆรายละเอียดของทุกๆสิ่งรอบตัวได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง มีใบไม้ร่วงลงมากี่ใบ หยดน้ำหยดลงมากี่หยด หรือแม้แต่รอยเปื้อนเล็กๆบนถุงมือของผู้หญิงที่บังเอิญเดินสวนกันก็ยังสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำ มีความอยากรู้อยากเห็นสูงแต่ไม่ค่อยแสดงออก ชื่นชอบในการวิเคราะห์นิสัย บุคลิกภาพ พฤติกรรมและคาดเดาการกระทำล่วงหน้าของชาวบ้านชาวช่อง มักจะชอบพูดอธิบาย หรือแจกแจงรายละเอียดต่างๆที่มันฟังดูยากๆด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับมันเป็นแค่เรื่องธรรมดาๆ
    พลังและความสามารถ:Akashic Records - สิ่งที่คอยบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่เริ่มต้นจักรวาลจนถึงปัจจุบัน โดยการที่ตัวเขาเชื่อมต่อกับ Akashic Records ส่งผลให้เขาสามารถaccesเข้าไปดูข้อมูลที่ถูกบันทึกเอาไว้โดย Akashic Recordsได้ อีกทั้งมันยังมีความสามารถอื่นๆอีกด้วย
    Sea Of Calculator - หนึ่งในความสามารถย่อยของAkashic Records ผู้ที่เชื่อมต่อกับมันจะได้รับความสามารถทางการคำนวน และประมวลผลขั้นสูงสุด จนสามารถคำนวนเพื่อสร้างเส้นทางสู่อนาคตที่มากมายนับไม่ถ้วนได้
    Double History(doppelganger) - อีกหนึ่งความสามารถย่อยของAkashic Recordsในการส่งใครบางคนกลับไปยังช่วงเวลาในอดีตเพื่อทำในอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องการในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้มีคนๆเดียวกันหลายคนในช่วงเวลาเดียวกันกำลังทำสิ่งที่ต่างกันอยู่ โดยความสามารถนี้จัดเป็นdoppelgangerประเภทหนึ่ง
    Emergency Time Reversal - ความสามารถย่อยอย่างสุดท้ายของ Akashic Records ที่จะทำงานโดยอัตโนมัติ(ควบคุมไม่ได้) เมื่อเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงมากๆจนส่งผลกระทบมหาศาลกับโลกชนิดที่ไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้(เช่นสู้กันแล้วโลกถูกทำลาย หรืออาจจะชนะแต่โลกเสียหายเยอะ) จะทำการย้อนเวลากลับไปเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อรักษาโลกเอาไว้

    กระดานมอบพร - อุปกรณ์ของพ่อมดชื่อดังในอดีต มีรูปร่างคล้ายๆกระดานหมากรุก โดยใช้การแทนค่าคนด้วยตัวหมากต่างๆและนำไปวางบนกระดาน เมื่อทำกระทำการใดๆเพื่อเสริมพลังใส่ตัวหมาก(เช่นร่ายเวทบัพ)ผลจะไปเกิดกับบุคคลซึ่งถูกแทนค่าในตัวหมากนั้นๆแทน เป็นความสามารถในการสนับสนุนจากสถานที่อื่นโดยสมบูรณ์ อีกทั้งหากใช้ควบคู่กับความสามารถประเภทหยั่งรู้หรือสอดแนมจะสามารถระบุตำแหน่งของบุคคลนั้นๆแบบคร่าวๆได้ด้วย
    นั่นคือรูปแบบในการใช้งานปกติ แต่หากใช้มันควบคู่ไปกับสุดยอดความสามารถในการรับรู้ข้อมูลอย่างAkashic Recordsแล้วผลก็เป็นอีกเรื่อง ตัวกระดานจะกลายเป็นหน้าจอสามมิติที่มีแต่ผู้ใช้เท่านั้นที่เห็นที่แสดงภาพจริงของสถานที่นั้นๆแบบเรียลไทม์ พร้อมทั้งสามารถเลือกเสริมพลัง ดีบัพศัตรู หรือใช้เวทมนตร์ลงบนพื้นที่นั้นๆได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องพึ่งตัวหมากอีกต่อไปพร้อมทั้งสามารถลากเส้นสั่งการแผนต่างๆไปยังพันธมิตรในพื้นที่ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังใช้ในการสอดแนมได้อย่างไร้ที่ติ เนื่องจากเป็นการดึงข้อมูลมาจากสิ่งที่บันทึกทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลไว้อย่างAkashic Records ไม่ได้ทำการแอบดูโดยตรงโอกาสที่จะถูกจับได้จึงเป็นศูนย์

    เวทมนตร์ -เวทมนตร์ธรรมดา ดาษๆบ้านๆเลย(อย่างน้อยเจ้าตัวก็คิดแบบนั้น) โดยเน้นไปที่เวทรักษา บัพ ดีบัพ และเวทที่เล็งพื้นที่เป็นหลักเพื่อใช้ควบคู่กับกระดานมอบพร


    Embodied Magic - พลังที่เป็นเสมือนรากฐานของสิ่งเหนือธรรมชาติทั้งมวลในอดีต มันตอบสนองต่อความคิดของคนจำนวนมากและแปลงสภาพสร้างมันออกมาสู่ความเป็นจริง ตามปกติพลังนี้จะทำงานด้วยตัวของมันเองภายใต้สัจธรรมของอวกาศ โดยที่ไม่มีใครรู้สึกถึงมันได้เลย มีเพียงตัวโซระเองที่รับรู้ถึงมันได้เพราะว่าพลังนี้เป็นสิ่งที่รั่วไหลออกมาจากบันทึกนภา ที่เขานั้นเชื่อมต่อกับมันอยู่ เขาใช้ประโยชน์จากมันด้วยควบคุมผ่านความคิด ไม่สามารถลบล้างหรือยกเลิกได้(ยกเว้นเจ้าตัว) เพราะมันเป็นพลังที่ทำงานด้วยกฏของโลก มันถูกเรียกอีกอย่างว่า Reality Magic

    Paradigm Shift - ความสามารถในการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของตนเองที่มีกับโลก เพื่อสร้างแนวคิดทฤษฎีและข้อเท็จจริงใหม่ๆเพื่อเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อสิ่งที่ถูกมองว่า"เป็นไปไม่ได้" ให้"เป็นไปได้" หน้าที่หลักของผู้มีความสามารถนี้ตั้งแต่อดีตนั้นมักจะมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของมนุษย์ชาติด้วยการทำให้โลกเกิดการParadigm Shiftขึ้น(เช่นการที่มนุษย์เปลี่ยนจากการร่อนเร่ออกล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร มาสร้างที่อยู่และทำการเกษตร เป็นต้น)


    ลักษณะการแต่งกาย:แบบในรูป
    ระดับชั้น

    ชั้นมหาวิทยาลัย ปริญญาเอก
    คณะ:มนุษยศาสตร์
    สาขา:จิตวิทยา

    เพิ่มเติม:1)สมมติเทพ หรือเทพที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยมีอยู่2ประเภทหลักๆคือ เป็นเทพอยู่แล้วแต่ทำการจุติลงมาเป็นมนุษย์(เช่นการที่พระนารายณ์จุติลงมาเป็นพระรามเป็นต้น) กับเป็นมนุษย์ที่กลายเป็นเทพทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งอย่างหลังนั้นเป็นลักษณะที่ค่อนข้างหายากเนื่องจากเทพที่เคยเป็นมนุษย์นั้นส่วนใหญ่จะได้กลายเป็นเทพหลังจากที่ตายไปแล้ว(เช่นเฮอคิวลิสที่เป็นมนุษย์มาตลอดจนกระทั่งตายถึงได้กลายเป็นเทพอยู่บนโอลิมปัส) การพบคนที่กลายเป็นเทพทั้งที่ยังไม่ตายนับเป็นกรณีหายากมากๆ ซึ่งโซระเป็นประเภทหลัง

    2)ความสามารถในการต่อสู้แทบจะเป็นศูนย์ แต่เป็นSupportและStrategistที่โครตโกง

    3)Akashic Records หรือ บันทึกนภา คือประมวลองค์ภูมิทั้งหมดของมวลมนุษย์ ทั้งการกระทำ, คำพูด, ความคิด, อารมณ์ และเจตนา ซึ่งได้เคยเกิดขึ้นมาในอดีต กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือจะเกิดขึ้นในอนาคต นักเทววิทยาเชื่อว่าองค์ภูมิเหล่านี้จะถูกจารึกไว้ในร่างปราศกายเนื้อระดับอนุภาคที่เรียกว่ากายทิพย์ แม้บันทึกนภานี้จะปรากฏหลักฐานโดยเรื่องเล่าแต่ก็ไม่มีหลักฐานใดๆทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ นักเทววิทยาชาวอังกฤษ อลิซ ไบลีย์ ได้อธิบายว่าบันทึกนภานั้น เปรียบเสมือนม้วนฟิมล์ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่มีความยาวอย่างเหลือคณานับ บันทึกความประสงค์และความเป็นไปทั้งหมดบนผืนแผ่นดินโลกของดาวเคราะห์ดวงนี้ ผู้ที่ได้รับชมม้วนฟิมล์นี้จะเห็นภาพความเป็นไปทั้งหมดของมนุษย์ทุกผู้ชนตั้งแต่โลกถือกำเนิด ความเป็นไปและวิวัฒนาการของวงศ์สัตว์โลกทั้งมวล ตลอดจนกรรมทั้งหมดของทุกดวงจิตมนุษย์ตั้งแต่ถือกำเนิดเป็นดวงจิตขึ้นมา การได้รับชมม้วนฟิมล์นี้อาจสามารถอธิบายถึงการมีญาณหยั่งรู้อนาคต อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่จะสามารถจำแนกออกว่าภาพที่ตนเห็นเป็นแค่ความฝันที่เกิดขึ้นจากจิตนาการหรือเป็นภาพจากบันทึกนภา
    -----------------------------------------------------------------------------------------------------


    ชื่อ-นามสกุล:ฟูชิมิ อิสึมิ[Fushimi Izumi],อุคะโนะอิสึมิ โนะ มิโคโตะ[Ukanoizumi No Mikoto]
    ชื่อเล่น:อิซึมิ,อิสึมิซัง
    อายุ:XX(ไม่สามารถระบุได้แต่ไม่เกิน100ปี)
    ชื่อในวงการ:โซเกน[草原]
    ประเภทฮีโร่:Mighty
    เผ่าพันธุ์:ชินเรย์(วิญญาณเทวะ)-เทพจิ้งจอก(สืบเชื้อสายโดยตรงจากเทพอุคะ โนะ มิทามะ หรือเทพอินาริ)
    วัน/เดือน/ปี เกิด 23 ธันวาคม XXXX
    สัญชาติ:ญี่ปุ่น
    เชื้อชาติ:ญี่ปุ่น
    สังกัด:MAX(God,Animal)
    สาย:Leader(Protect,Defence,Support,Heal,Ambush)
    ระดับ:Master
    ส่วนสูง:110
    น้ำหนัก:25
    เพศ:หญิง
    รหัสประจำตัว:K92019
    สถาบันการศึกษา:แอสดราซิล เวิร์ล ฮีโร่ แอนด์ การ์เดี้ยน อคาเดมี่
    สถานะ:เรียนอยู่
    อุปนิสัย: ร่าเริง ใจดีและซื่อตรง แม้ว่าเทพเจ้าส่วนใหญ่ของโลกนั้นจะชอบเอาตัวเองเป็นที่ตั้งและเจ้าอารมณ์ก็ตาม แต่เหมือนว่าเธอจะได้รับส่วนดีๆของแม่มาเยอะเหมือนกัน แม้ว่าจะซื่อตรงต่อความรู้สึก แต่ก็ไม่แก้ปัญหาด้วยอารมณ์ มองโลกในแง่ดี ยิ้มแย้มแทบจะตลอดเวลา โกรธไม่เป็น แม้ว่าจะชอบทำตัวเหมือนเด็กที่ขี้อ้อนและบ้าๆบอๆ แต่กลับฉลาด และมีแนวคิดที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินหน้าตาไปไกล ไม่ค่อยจะปฏิเสธคำขอร้อง หากว่าคำขอนั้นไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่หวงวิชา เธอพร้อมจะแบ่งปันความรู้หรือเทคนิคให้กับคนอื่นโดยไม่กีดกัน ชอบทำอาหารอย่างมาก แถมทำเก่งมากๆขนาดที่แม้แต่คนตายที่รับรสไม่ได้ยังรู้สึกว่าอร่อย และยังชอบดื่มเหล้าสุดๆอีกด้วย

    พลัง:
    Blessing Of The God - ความสามารถของเทพเจ้าในการมอบพรให้แก่สิ่งมีชีวิต เทพแต่ละองค์นั้นมีขอบเขตของพรแตกต่างกัน แต่ของเธอกับแม่นั้นจะค่อนข้างพิเศษอยู่บ้าง เพราะขอบเขตมันกว้างจนน่าตกใจ เรียกได้ว่าครอบคลุมวิถีชีวิตทั้งหมดของมนุษย์ได้ นอกจากนี้ตัวของเทพเองก็มักจะมีความถนัดหรือชำนาญแบบเดียวกับขอบเขตพรของตัวเองด้วย ส่งผลให้หากเป็นเรื่องทั่วๆไปเธอก็แทบจะทำได้ทุกอย่าง

    God Path - เส้นทางพิเศษที่เหล่าเทพใช้ในการสัญจรโดยใช้โทริอิเป็นเหมือนกับTravel Gate โดยตามปกติแล้วผู้ที่ไม่ใช่เทพหรือไม่มีสายเลือดเทพจะไม่สามารถผ่านเข้ามาได้หากไม่มีใครพาเข้าไป แต่ถึงจะเป็นเทพเหมือนกันก็ตามหากเป็นเทพต่างแดน(ไม่ใช่เทพญี่ปุ่น)ถึงจะสามารถผ่านเข้ามาได้ด้วยตัวเองก็ควรจะจับมือเธอไว้อยู่ดี เพราะเป็นเส้นทางที่หากพลั้งเผลอขึ้นมาก็อาจจะหลุดไปอยู่ในช่วงเวลาอื่นเลยก็ได้

    Fox Lamp - โคมไฟวิเศษที่หากจุดไฟลงไปจะส่งผลแตกต่างกันไปตามประเภทของไฟที่จุดลงไป

    Miracle Flame - ความสามารถในการสร้างไฟรูปแบบต่างๆ ไฟที่สร้างออกมาอาจไม่ได้ใหญ่โตหวือหวานักลูกนึงใหญ่สุดได้แค่เท่าหัวคนแต่มีความหลากหลายสูงแถมไม่มีการจำกัดจำนวนในการสร้างทำให้สามารถสร้างได้ทีละเยอะมากๆ ส่วนใหญ่จะใช้มันในการจุดโคม โดยประเภทของไฟและผลของโคมจะแตกต่างกัน เช่น
    สีทอง - ไฟศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังในการชำระล้างสิ่งไม่ดี แสงที่ออกมาจากตะเกียงด้วยไฟนี้จะแผดพลาญสิ่งชั่วร้ายอย่างรุนแรง รวมถึงสามารถทำให้คนไม่ดีกลับใจได้อีกด้วย
    สีขาว - ไฟแห่งการเยียวยา ไฟนี้จะไม่เผาไหม้ หากแตะจะรู้สึกเย็น หากจุดลงในโคมในเยียวยาอาการบาดเจ็บหรือโรคภัยให้กับพันธมิตรในระยะที่แสงไปถึง
    สีฟ้าอ่อน - ไฟของจิ้งจอก หากใช้ในการตีเหล็กจะทำให้ได้อุปกรณ์ที่มีความสามารถสุดยอดแม้จะใช้แค่เศษโลหะก็ตาม จึงเป็นที่ต้องการของบรรดาช่างเหล็กอย่างมาก(ดาบของมุรามาสะก็ถูกตีขึ้นด้วยไฟจิ้งจอกนี้เช่นกัน) หากจุดลงในโคมจะทำให้อุปกรณ์โลหะในระยะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
    สีม่วงอ่อน:ไฟนำทางวิญญาณ หากจุดลงในโคมจะส่องแสงสีม่วงจางๆออกมา เหล่าดวงวิญญาณที่หลงทางอยู่ในโลกหากมองเห็นแสงนี้จะเป็นอิสระจากการหลงทาง และมุ่งหน้าสู่โลกหลังความตาย
    ฯลฯ - แล้วแต่ไรท์จะเพิ่มเลย

    Manipulation of boundaries - พลังในการควบคุมเขตแดน เป็นพลังที่สามารถสร้าง ทำลาย ควบคุมเขตแดนได้ดั่งใจ  เป็นความสามารถสารพัดประโยชน์ที่เอามาใช้ดีๆจะมีประโยชน์มาก แต่ถ้าเอาไปใช้ทางไม่ดีก็น่ากลัวมากเช่นกัน เป็นพลังที่เน้นเกี่ยวกับบาเรีย เขตแดน และการเล่นกับเส้นแบ่งต่างๆ(เช่นเส้นแบ่งระหว่างฤดูการ หรือเส้นแบ่งระหว่างกลางวันกลางคืน) แถมยังสามารถทำให้มองเห็นบาเรียและเขตแดนที่ซ่อนอยู่ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

    Exuberance Substance - ตัวตนแห่งความอุดมสมบูรณ์ ตัวของเธอเหมือนจะแผ่พลังชีวิตมหาศาลออกมาตลอดเวลา ทำให้ไม่ว่าจะไปที่ไหน ที่แห่งนั้นจะอุดมสมบูรณ์ขึ้นมา หากไปไร่ผลผลิตก็จะงอกงาม หากเข้าป่า พวกของป่าและสัตว์ป่าจะอุดมสมบูรณ์ หรือแค่ลงไปเล่นทะเลก็ทำให้น่านน้ำแถบนั้นอุดมไปด้วยสัตว์น้ำนาๆพันธุ์ อีกทั้งยังค่อนข้างมีประโยชน์ในการแก้ปัญหาสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ได้ สัตว์ในป่าลดจำนวนเสี่ยงสูญพันธุ์? ก็ให้เธอไปเข้าป่า สัตว์น้ำลดจำนวนเสี่ยงสูญพันธุ์? ก็โยนเธอลงทะเลไป(ไม่ต้องห่วงเธอว่ายน้ำเก่ง) เท่านี้ก็แก้ปัญหาได้แล้ว

    Yata no Kagami - กระจกยาตะหนึ่งในสามราชกุธภัณ ถูกสร้างมาเพื่อรับมือกับแสงของอามาเทราสึโดยเฉพาะ ตัวกระจกสามารถดูดซับการโจมตีที่เป็นแสงต่างๆได้ อีกทั้งยังปล่อยคืนกลับไปได้อีกด้วย

    Rejuvenation -
    "โลกแห่งคนเป็นเอ๋ย จงกลับสู่สภาพเดิมที่เจ้าควรเป็น"
    ใช้กระจกยาตะฉายแสงลงมาจากท้องฟ้า ซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสภาพแวดล้อมอันเป็นผลมาจากพลังพิเศษได้เพื่อลดความเสียหายจากการต่อสู้ที่มีกับสถานที่ มีข้อเสียคือใช้ได้กับความเสียหายที่เกิดจากพลังพิเศษเท่านั้น

    Psychic - พลังจิตเคลื่อนย้ายสิ่งของ สามารถยก-ย้ายสิ่งของที่ขนาดใหญ่กว่าตัวเธอได้ไม่เกิน2เท่า ไม่ได้มีพลังทำลายอะไรมากมายแต่เน้นเอาสะดวกเข้าว่า เช่นใช้ในการยกตัวเองให้ลอยไปลอยมา หรือใช้หยิบจับสิ่งของที่อยู่ไกล จัดว่ามีประโยชน์ในชีวิตประจำวันโคตรๆ

    Delicacy Pyrokinesis - พลังในการควบคุมไฟ เวอชั่นละเอียดอ่อน เธอเปลี่ยนรูปร่างของไฟได้ในความละเอียดที่สูง เช่นทำจิ้งจอกด้วยไฟ ซึ่งสามารถทำให้มันขยับได้ราวกับของจริง รวมถึงทำต้นซากุระจากไฟ สามารถจะลองการร่วงโรยของดอกซากุระไฟได้อย่างสมบูรณ์ แถมยังสามารถควบคุมความเสียหายได้อย่างสมบูรณ์แบบทำให้สามารถนำมาใช้ในการแสดงได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะไปไหม้อะไรเข้า
     
    ลักษณะการแต่งกาย:สวมเสื้อสีขาวแขนเสื้อกว้าง ฮากามะสีแดง และทาบิสีขาว ในบางครั้งจะใส่ผ้าทรงสี่เหลี่ยมสีขาวคลุมหัวไว้ลวกๆด้วย

    ชุดปฏิบัติการณ์:ชุดเดียวกับข้างบน เป็นชุดปฏิบัติการณ์ในตัว

    ตัวอย่างบทพูด:

    "อาหารน่ะ มันไม่ใช่แค่เรื่องของการทำตามสูตรหรอกนะ ก็จริงที่ถ้าหากทำตามสูตรมันก็คงจะออกมาอร่อยนั่นล่ะ แต่ก็แค่พื้นฐานนะ "

    "จุดสำคัญจริงๆก็คือมีใครที่อยากให้ลองกินอยู่หรือเปล่าต่างหากก่อนที่จะทันได้รู้สึกตัว ก็จะเผลอปรุงรสตามที่คนๆนั้นชอบไปแล้ว"

    "อาหารที่ทำเพื่อใครซักคนจะแสดงรสชาติที่เฉพาะตัวออกมา นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าการใส่ความรักในอาหารค่ะเอ.. แต่ก็มีบางพวกที่ข้ามขั้นไปใช้ความรักเพียวๆเลยจนทำยาพิษออกมาเหมือนกันนะ"

    "การขยันทำงานน่ะมันก็ดี แต่ทำไมไม่ลองหยุดพัดดูบ้างละ?"

    "กาลเวลาน่ะไม่เคยหยุดรอใครหรอกนะ มีสิ่งดีๆมากมายที่เข้ามา และจากออกไป การก้มหน้าก้มตาทำงานโดยไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้นไม่คิดว่าน่าเสียดายบ้างเหรอ?"

    "ช่วงเวลาในตอนนี้น่ะ จะคงอยู่แค่เพียงในตอนนี้เท่านั้นและไม่อาขหวนคืนมาได้อีก ทำไมไม่ลองเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆในช่วงเวลาอันมีค่านี้กันละ?"

    "มันเคยมีคำถามนึงถามว่า มนุษย์อยู่ได้เพราะเทพคุ้มครอง หรือเทพอยู่ได้เพราะมนุษย์บูชา กันแน่ ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นอย่างหลังค่ะ"

    "ให้ฉันเป็นคนพูดเองมันก็ยังไงอยู่ แต่ว่าตัวตนที่ไร้ค่าที่สุดในโลกก็คงจะไม่พ้นเทพเจ้านี่ล่ะ"

    "เทพเจ้าอย่างพวกเราจะมีตัวตนอยู่ได้เพราะมีคนเชื่อ และมีพลังอำนาจเพราะมีคนศรัทธา หรือจะบอกว่าพลังของเทพเป็นของที่ยืมมนุษย์มาก็คงไม่ผิดนัก"

    "หากว่าไร้ซึ่งคนศรัทธา พลังที่มีก็จะลดถอยลง ถ้าหากไม่มีคนเชื่อ ก็จะไม่สามารถคงตัวตนไว้ได้และหายไปในที่สุด"

    "น่าจะเคยได้ยินบ่อยๆใช่ไหม เรื่องที่เหล่าเทพเจ้าของตำนานต่างๆทำให้น้ำท่วมเพื่อฆ่ามนุษย์ให้หมด แต่ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นแต่ทำไมถึงเปลี่ยนใจช่วยมนุษย์จำนวนหนึ่งในตอนท้ายกัน รู้รึเปล่าละ?"

    "ที่ว่าคนพวกนั้นเป็นคนดีน่ะมันก็แค่ข้ออ้าง เพราะไม่ว่าจะที่ไหนมันก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีทั้งนั้น คิดว่าในจำนวนมนุษย์ที่ตายไปมีคนที่เป็นคนดีแบบเดียวกันอยู่ตั้งเท่าไหร่กัน?"

    "เหตุผลจริงๆก็คือ หลังจากที่ฆ่ามนุษย์ไปจนเกือบหมดก็ค้นพบว่าพลังของตัวเองกำลังหายไป ถึงได้เข้าไปช่วยมนุษย์ที่ตัวเองตั้งใจจะฆ่าเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องตาย มันก็เท่านั้นล่ะ"

    "ดังนั้นแล้ว... เหล่าทวยเทพที่หลงระเริงไปกับอำนาจที่ยืมมา แล้วใช้มันทำตัวตามอำเภอใจโดยไม่สนใจความทุกข์ทรมาณของมนุษย์ จะต้องพบกับความพินาศในท้ายที่สุดอย่างแน่นอนค่ะ"


    ระดับชั้น
    *ชั้น ปริญญาตรี ปี1
    คณะ:มนุษย์ศาสตร์
    สาขา:วัฒนธรรมศึกษา



    เพิ่มเติม:1)อุคะโนะมิทามะ หรือเทพอินาริ เป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์และการเก็บเกี่ยว ธัญญาหารข้าวและน้ำสุรา ทั้งยังเป็นเทพผู้พิทักษ์ช่างตีดาบและพ่อค้าอีกด้วย แต่เอาเข้าจริงสามารถขอพรกับเทพองค์นี้ได้แทบจะทุกเรื่องเป็นเทพที่สามารถมอบพรได้แทบจะครอบจักรวาลส่งผลให้เป็นเทพที่ได้รับความนิยมสูงมากในญี่ปุ่น โดยมีศาลเจ้าสาขากว่า32,000แห่งทั่วประเทศและหิ้งบูชาส่วนตัวตามบ้านอีกจำนวนนับไม่ถ้วน

    2)บ้านของเธอนั้นถือครองพื้นที่จำนวนมาก แค่ส่วนที่เป็นศาสเจ้าก็เรียกได้ว่าเป็นเจ้าของภูเขาอินาริทั้งลูก อีกทั้งยังมีศาลเจ้าสาขา32,000ในญี่ปุ่น นั่นหมายความว่ามีถือครองที่ดินถึงสามหมื่นสองพันที่ อีกทั้งยังเป็นเจ้าของพื้นที่ในระหว่างโลกอีกด้วย เช่นเป็นเจ้าของเกาะ ทะเล และชายหาดที่ตั้งอยู่ระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณ รวมถึงเมืองบนเขาที่อยู่ระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์ และอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน

    3)"มนุษย์อยู่ได้เพราะเทพคุ้มครอง หรือเทพอยู่ได้เพราะมนุษย์บูชา" เป็นประโยคจากเพอซีอุสในหนังเรื่องclash of the titans
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×