ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #129 : Hell Girl Emma เบื้องหลังของความชั่วเหล่านั้น

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ค. 55



     

    บทความเกี่ยวกับการ์ตูนญี่ปุ่นมาใหม่ในช่วงเมษายน 2011 ครับ

    http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2109175#ixzz1IM51fbSJ

     

    Hell Girl Emma เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนเพชรในตม ที่ตอนแรกผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพราะคิดว่าเนื้อเรื่องจะธรรมดาน่าเบื่อ พล็อตโหลๆ ที่ซื้อมาเพราะชอบใจหน้าปกที่เป็นรูปนางเอกก็คือหนูเอ็มม่าที่น่ารัก โครตๆ  ถูกใจคอโลลิอย่างผมอย่างมาก และเมื่อเปิดมาตอนแรกก็คิดว่าน่าเบื่อ(ตอนแรกผมโยนหนังสือลงพื้นด้วยซ้ำ)เพราะผมเดาเนื้อหาว่าจะเกี่ยวกับการฆ่าคนชั่วเพื่อช่วยเหลือคนดี ซึ่งพล็อตแบบนี้การ์ตูนญี่ปุ่นเอามาใช้บ่อยๆ

    แต่ปรากฏว่าหลังจากผมกลั้นใจอ่านอีกที จนจบเล่มที่ 1 น้ำตาผมก็แทบไหล ไม่ใช่ไหลเพราะเสียดายเงิน หากแต่เป็นน้ำตาความซาบซึ้งของเนื้อหาการ์ตูน การ์ตูนเรื่องนี้ได้นำเสนอสิ่งที่คาดไม่ถึง จนไม่น่าเชื่อว่ามันจะสามารถทำให้คนอ่านเกิดความรู้สึกประทับใจได้ถึงเพียงนี้ และนี้คืออีกหนึ่งในการ์ตูนที่ผมชอบ และขอแนะนำ

     

      

    Hell Girl Emma

    ละครชีวิต,โศกนาฏกรรม, เหนือธรรมชาติ, โชเน็น

    อ่านออนไลน์ http://www.mangahere.com/manga/hell_girl_emma/v01/c001/

     

                    การฆ่าคนหรือการกระทำให้มนุษย์ถึงแก่ความตายถือเป็นบาปสูงสุดของมนุษย์ ทุกศาสนาของโลกล้วนได้ระบุเอาไว้(แต่อย่างไรก็ตามบางศาสนาก็ระบุเรื่องการฆ่าเป็นบุญเหมือนกัน ในกรณีที่ตีความแบบผิดๆ) หากแต่ไฉนทุกวันนี้มนุษย์ก็ยังฆ่าพวกเดียวกันเองโดยไม่รู้บาปบุญคุณชั่วดี

    ตามหลักธรรมชาติมนุษย์แล้ว การที่มนุษย์คนหนึ่งจะฆ่าคนได้นั่นจะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง  บางคนฆ่าคนเพราะเหตุจำเป็น บางคนฆ่าคนเพราะหวังอำนาจ บางคนฆ่าคนเพราะความหลงผิด บางคนฆ่าคนเพราะความกลัว บางคนก็ฆ่าคนเพราะวิกลจริต ฯลฯ นอกจากนี้ก็ยังมีเหตุการณ์ สถานการณ์ที่ต้องบีบบังคับให้มนุษย์ฆ่าเพื่อนร่วมโลกด้วยกัน เช่น ถูกบังคับจากผู้มีอำนาจมากกว่าให้ฆ่าคน สงคราม โรคภัยไข้เจ็บ  ฯลฯ  

    แน่นอนเมื่อมนุษย์(หรือฆาตกร)ฆ่าคน ผลกระทบหลายอย่างก็ตามมา ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ของคนใกล้ตัวไม่ว่าเป็นญาติของฆาตกร ญาติของเหยื่อ สังคมที่เสื่อมโทรมเพราะหวาดกลัวต่อฆาตกรฆ่าคน ดังนั้นสิ่งที่จะป้องกันเรื่องดังกล่าวคือกฎหมายที่ห้ามกระทำการฆ่าคน  นอกจากนี้ก็ยังมีบทลงโทษทางศาสนาว่าด้วยบาปกรรมหลังจากฆ่าคน ที่ว่า หากฆ่าคน เวรกรรมก็ตามมา เพื่อนำผู้ทำผิดฐานฆ่าคนชดใช้ต่อในขุมนรกอย่างสุดแสนสาหัส

    อย่างไรก็ตามคำสอนศาสนาและกฎหมายก็ช่วยให้มนุษย์ไม่ฆ่าคนระดับหนึ่งเท่านั้น  นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การฆ่าคนก็ยังมีต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด ตราบใดที่มนุษย์ยังมีจิตใจด้านมืดกว่าด้านสว่าง อีกทั้งฆาตกรเหล่านั้นไม่กลัวกฎหมายและศาสนา  เพราะถือว่าเป็นผู้มีอำนาจในสังคม หรือไม่ก็อาศัยช่องว่างในกฎหมาย เพื่อผลประโยชน์ในการฆ่าคนอย่างลอยนวล ก่อกรรมทุกเข็นให้ผู้คนสังคมเดือดร้อนต่อไป

    และแนวคิดดังกล่าวนี้ การ์ตูนญี่ปุ่นก็ได้ใช้เนื้อหาดังกล่าวเอามาเขียนสร้างพล็อตการ์ตูนที่มีเนื้อหาให้มนุษย์เกรงกลัวต่อบาป ที่คนชั่วครองเมือง คนดีหดหาย  ชาวเมืองต่างเรียกร้องความยุติธรรม และนั้นเองทำให้มีการสร้างอะไรบางอย่างพิพากษาคนชั่วเหล่านั้นให้สาสม เช่น ยมทูตในร่างสาวน้อยโมเอะ, พระเอกหล่อศาลเตี้ย, องค์กรอะไรสักอย่าง ฯลฯ ซึ่งตั้งแต่อดีตและปัจจุบันมีการ์ตูนหลายเรื่องนำเสนอแนวคิดนั้นมากมาย เช่น Akumetsu, Death Note, Jigoku shoujo ฯลฯ

    และหนึ่งในการ์ตูนที่มีแนวความคิดนี้ก็คือ Hell Girl Emma การ์ตูนที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้แหละ

      

    Hell Girl Emma เป็นการ์ตูนแนวเหนือธรรมชาติจบในตอน เรื่องโดย Tsuchiya Kei ภาพโดย Nonoya Masaki ตีพิมพ์ใน ปี 2008 ส่วนในไทยลิขสิทธิ์โดยวิบูลย์กิจ

    Hell Girl Emma เป็นเรื่องราวของยมทูตในรูปลักษณ์สาวน้อยชื่อเอ็มม่าซึ่งเป็นข้ารับใช้ของราชาเอ็มมะผู้พิพากษาในนรก ซึ่งคุณเธอมีหน้าที่ลงทัณฑ์คนบาป คนชั่วที่ฆ่าคนโดยไม่สำนึกผิด (หรือตัวต้นเหตุที่จะทำให้มนุษย์จำนวนมากต้องตายในอนาคต) โดยเธอมักถูกส่งไปทุกยุคสมัย(ไม่ลำดับเวลาเหมือนกรณีหนุ่มน้อยทะลุมิติของเนชั่น)เพื่อฆ่าคนชั่วในตำนานของแต่ละประเทศต่างๆก่อนที่คนชั่วจะฆ่าล้างคนอื่น (ส่วนใหญ่เป็นคนชั่วสมมติขึ้นครับ) เช่น แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ของอังกฤษ กษัตริย์ไวกิ้งที่โหดร้ายในยุโรปเหนือ ราชินีอียิปต์ผู้กดขี่ หรือแม้กระทั้งเด็กชายวรรณะต่ำจากอินเดีย โดยเอ็มม่าจะให้โอกาสแก่คนชั่วเหล่านั้นโดยเธอจะเตือนว่าหากนายฆ่าคนอีกฉันจะฆ่านาย  และเมื่อเอ็มม่าพูดจบเอ็มม่าจะติดตามคนชั่วไปทุกที(อาจติดตามในฐานะคนรับใช้หรือในเงามืด)  หากคนชั่วที่เอ็มม่าได้เตือนแล้วยังไม่หยุดฆ่าคนอีกล่ะก็ เอ็มม่าจะจัดการลงโทษฆ่าคนชั่วด้วยการถอดกระดูกคนตายออกจากร่าง 

                    แน่นอนว่าพล็อตดังกล่าวน่าเบื่อสุดๆ แต่ว่าบังเอิญการ์ตูนเรื่องนี้ไม่น่าเบื่อที่คิด เพราะสิ่งที่การ์ตูนเรื่องนี้ต้องการนำเสนอ ไม่ใช่มีแต่ว่าเอ็มม่าปรากฏมาแล้วฆ่าคนชั่วก็จบ หากแต่จุดสำคัญของการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือละครชีวิตโศกนาฏกรรมที่เปลี่ยนคนชั่วคนบาปกลายเป็นตัวละครที่น่าสงสารสำหรับผู้อ่าน

                    ลืมบอกไป การ์ตูนเรื่องนี้ดำเนินเรื่องสามมุมมอง มุมองส่วนใหญ่คือบุคคลที่สาม(หรือตัวเอกคนธรรมดา)ที่มีความสัมพันธ์กับคนชั่วคนที่เป็นเป้าหมายที่เอ็มม่าฆ่าซึ่งมีความสัมพันธ์กับคนชั่วนั้นๆ แตกต่างกัน เช่น เป็นเพื่อนสนิท เป็นเพื่อนสมัยเด็ก เป็นคนรัก เป็นภรรยา เป็นคนรับใช้ของคนชั่วดังกล่าว(ซึ่งส่วนใหญ่การ์ตูนจบในตอนมักจะใช้มุมมองดังกล่าว)  ส่วนที่รองลงมาคือมุมมองของคนชั่วเอง และสุดท้ายคือมุมมองของเอ็มม่าซึ่งจะเป็นช่วงท้ายตอนของทุกตอนที่หลังจากเสร็จภารกิจแล้วเธอมักถามคำถามยากๆเกี่ยวกับตัวมนุษย์แก่ราชาเอ็มมะ(ซึ่งเอ็มม่าไม่ได้รับคำตอบที่ดีสักเท่าไหร่ เพราะเอ็มมะไม่รู้จะตอบอะไร)

      

    การ์ตูนตอนแรกมีชื่อตอนว่า “นายท่านกับอามาจา” โดยจับเอาเรื่องยุคสงครามกลางเมืองญี่ปุ่น เป็นฉากดำเนินเรื่อง โดยเนื้อหามีอยู่ว่าในเมืองแห่งหนึ่งมีเจ้าเมืองคนหนึ่งชื่อ “คุโรเบะ โอนิมาสะ” (ผมไปหาชื่อที่มาแห่งนี้แต่ปรากฏว่าไม่มี เดาว่าคงเป็นตัวละครสมมุติ) ที่มีนิสัยเอาแต่ใจ และโหดร้าย กระหายสงคราม ฆ่าคนอย่างกับผักปลา ฆ่าแม้กระทั้งพ่อของตนเอง เกณฑ์พวกชาวบ้านเป็นทหาร หากชาวบ้านปฏิเสธก็ถูกแขวนคอประจาน จนหลายคนสาปแช่งทั่วทุกสารทิศ

      

    แน่นอนว่าถ้าเป็นการ์ตูนเรื่องอื่นๆ เอ็มม่าจะปรากฏขึ้นมาแล้วก็ฆ่าเจ้าเมืองดังกล่าว แล้วก็จากไป จบหนึ่งตอน แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เพราะตอนแรกเอ็มม่าปรากฏในร่างสาวใช้ที่บ้านของเจ้าเมือง และพยายามพูดกับเจ้าเมืองว่าตนมาที่นี้เพื่อฆ่าเขาหากเขายังก่อกรรมทำเข็นฆ๋าคนต่อไปอีก โดยเฮ็มม่ากล่าวว่าฉันมาที่นี่ตามคำสั่งของราชาเอ็มมะหนึ่งในสิบราชาแห่งยมโลกเพื่อฆ่านาย เพราะนายทำลายชีวิตมนุษย์โดยเปล่าประโยชน์จำนวนมากมาย ทำให้ยมโลกเต็มไปด้วยผู้ตาย จนท่านราชาเอ็มมะพิพากษาไม่ทัน ฉันเลยถูกส่งมาที่โลกมนุษย์เพื่อหยุดยั้งเรื่องนี้” 

                      

                    เมื่อเจ้าเมืองได้ฟังก็หัวเราะ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องโกหก ซ้ำยังให้เอ็มม่ามาอยู่ข้างกาย แล้วดูแลเจ้าหญิงอามาจาซึ่งเป็นอดีตภรรยาของแคว้นฝ่ายศัตรูของเจ้าเมือง และตอนนี้ถูกจำคุกในห้องส่วนตัวของเจ้าเมืองเพื่อเป็นตัวประกัน และตอนนี้เจ้าเมืองก็คิดที่จะตีเมืองของเจ้าหญิง ซึ่งหากทำสำเร็จเขาจะประหารเจ้าหญิงให้ตายตกตามกัน

     

                  หากมองจากมุมมองเดียว จะเห็นว่าเจ้าเมืองเป็นคนโหดร้ายเลือดเย็น หากแต่เมื่อเอ็มม่าพิจารณาอีกที ปรากฏว่าสิ่งที่เจ้าเมืองปฏิบัติต่อเจ้าหญิงของฝ่ายศัตรูนั้นมีความอ่อนโยนแบบลึกๆ ซ่อนอยู่ อีกทั้งกรงขังเจ้าหญิงเองก็อย฿ยังมีช่องขนาดใหญ่ตรงกลาง ซึ่งเธอสามารถหนีออกจากที่นี้ยังไงก็ได้ แต่เจ้าหญิงไม่หนี แถมเจ้าหญิงยังรักเจ้าเมืองที่นิสัยโหดร้ายอีกต่างหาก

    ระหว่างนั้นเอ็มม่าพยายามจะเตือนเจ้าเมืองหลายครั้ง ว่าหากทำสงครามเธอก็จะฆ่าเขา  หากแต่เจ้าเมืองก็ดื้อดึงจะทำสงครามให้ได้ เอ็มม่าเลยถามว่าทำไมต้องทำศึกที่ไร้ความหมายแบบนี้ และแล้วเนื้อหาการ์ตูนก็ย้อนอดีตฉากเจ้าเมืองพบเจ้าหญิงอามาจาครั้งแรก ซึ่งความจริงแล้วการแต่งงานของทั้งคู่เป็นการแต่งงานทางการเมือง ที่ถูกคลุมถุงชนของทั้งสองฝ่าย แต่กระนั้นเจ้าหญิงกลับยินดีที่แต่งงานกับเจ้าเมือง ทั้งที่เจ้าหญิงรู้ชื่อเสียงความโหดร้ายของเจ้าเมืองก็ตาม ด้วยเหตุนี้เจ้าเมืองจึงไม่พอใจที่พ่อของเจ้าหญิงที่เป็นเจ้าเมืองฝ่ายตรงข้ามที่มอบเจ้าหญิงอามาจากับคนอย่างเขาไม่โลเล แต่กระนั้นทั้งสองก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข(เพราะเจ้าเมืองเป็นโลลิคอน!!) หากแต่ไม่นานนักก็เกิดสถานการณ์การเมืองทำให้ทั้งสองไม่สามารถอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข เมื่อฝ่ายตรงข้ามใช้เรื่องเจ้าหญิงมาเป็นเหตุบุกเมืองของเจ้าเมือง ส่งผลทำให้เจ้าเมืองจำเป็นต้องประกาศสงครามดังกล่าว อีกทั้งยังมีความหวังว่าเขาจะได้กลับมาอยู่กับอามาจาอีกครั้ง(เอาโลลิตรูคืนมา)

    นี้แหละครับสิ่งที่ทำให้การ์ตูนแตกต่างจากเรื่องอื่น คือเหตุผลที่ทำให้คนนั้นชั่ว โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดความชั่วเหล่านั้นไม่ได้เกิดจากสันดานเดรัจฉานเลวชาติที่ไร้เหตุผล หากแต่ความชั่วนั้นเกิดความจำเป็น คนชั่วก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปที่มีความอ่อนแอทางจิตใจ มีความเหงา ต้องการความรัก ต้องการความยุติธรรมเหมือนกัน ขนาดคนอ่านเองก็รู้สึกเห็นใจเห็นชอบกับเจ้าเมืองคนนี้เหมือนกัน ประมาณว่าอะไรฟ่ะ ตรูชอบโลลิน่ะเว้ย อย่ามาพลากโลลิตรูได้อย่างไง อย่างงี้มันต้องสู้สิ

    อย่างไรก็ตามเพราะเหตุผลส่วนตัวนั้นเอง ได้ทำให้สังคมรอบข้างเดือดร้อนไปด้วย ดังนั้นนี้ไม่ใช้เหตุผลที่เอ็มม่ารามือไม่ฆ่าเป้าหมายดังกล่าว และเมื่อเจ้าเมืองโดดเข้าสู่สนามรบ เอ็มม่าจะปรากฏตัวในชุดนักฆ่า แถมฆ่ายังไงเอ็มม่าก็ไม่ตาย ส่งผลทำให้เจ้าเมืองถูกฆ่าโดยการถอดกระดูก

      

    เอ็มม่าน่ารักมากๆ (มาถอดกระดูกเฮียเถอะ)

                     

    เมื่อเจ้าเมืองตาย หลายคน(โดยเฉพาะชาวบ้านของเจ้าเมือง)ต่างลิงโลดสะใจ ดีใจที่เจ้าเมืองตาย หากแต่ท่ามกลางความดีใจดังกล่าว ยังมีใครคนหนึ่งที่ร่ำไห้เสียใจต่อการจากไปของเจ้าเมือง

    ระหว่างที่เจ้าหญิงอามาจากร้องไห้ เอ็มม่าได้ทิ้งประโยคหนึ่งก่อนที่จะจากลา “รู้จักความเมตตาของราชาเอ็มมะรึเปล่า กระดูกที่ฉันจะถอดออกมาไม่ได้แล้วที่ยังอยู่ในร่างกายนั้นคือกระดูกที่เท่ากับคนที่รักคนผู้นั้น ในกรณีกระดูกของเจ้าเมืองมีกระดูกหนึ่งชิ้นที่ถอดออกไม่ได้ แสดงว่ายังมีใครบางคนรักเจ้าเมืองอยู่นะ....เจ้าหญิง”

      

    ก่อนที่จะจบตอน ก็เป็นฉากประจำ คือเอ็มม่าตั้งคำถามแก่ราชาเอ็มมะหลังเสร็จสิ้นภารกิจว่า “เพื่อคนที่รักถึงกับต้องยอมตายเลยเหรอ?” และราชาเอ็มมะก็ไม่ให้คำตอบนี้แต่อย่างใด

      

    และฉากจบของตลกร้าย เมื่อเจ้าเมืองตาย ก็ไม่มีใครคุ้มครองเมืองดังกล่าว ส่งผลทำให้เมืองดังกล่าวถูกทำลายโดยฝ่ายตรงข้าม ผู้คนหนีหาย และได้กลายเป็นเมืองร้างในที่สุด(หรือตีความแค่ว่าอาจเป็นแค่บ้านพักของเจ้าเมืองก็ได้)

    แม้ Hell Girl Emma  จะมีพล็อตคล้าย  Hell Girl (Jigoku shoujo) ที่มีเนื้อหาลงโทษคนชั่วเหมือนกัน   และมีการสลับช่วงเวลาทะลุมิติเหมือน a Wonder Boy  แต่กระนั้นเรื่องการ์ตูนเอ็มม่านั้นค่อนข้างแตกต่างจากสองเรื่องหลังเป็นอย่างมาก เริ่มจากเนื้อหาการดำเนินเรื่องไม่สลับซับซ้อน คนอ่านทั่วไปสามารถทำความเข้าใจง่ายกว่า แม้ลายเส้นจะธรรมดาเหมือนการ์ตูนโชเน็นธรรมดาทั่วๆ ไป แต่ ดูแล้วสบายตา ตัวละครน่ารัก ดูแล้วมีอารมณ์ร่วมตาม และรู้เลยว่าตัวละครดังกล่าวมีนิสัยอย่างไรอย่างชัดเจน ทำให้เข้ากับบุคลิกได้เป็นอย่างดี

    ข้อเสียของการ์ตูนเรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องอาจมีจุดซ้ำของการ์ตูน ที่สามารถเดาเนื้อหาตอนท้ายได้ ประมาณว่าคนอ่านรู้เลยว่า “คนชั่วที่เอ็มม่าจะฆ่านั้นตายแน่นอน” ดังนั้นสิ่งที่ชดเชยทดแทนคือการทำให้คนอ่านมีความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมในเนื้อหาการ์ตูน ที่มุ่งเน้นนำเสนออีกมุมมองของคนชั่ว(ที่เป็นเป้าหมายของเอ็มม่า)ออกมาได้หลากหลายและน่าสนใจ โดยใช้หลักโศกนาฏกรรมที่ลงท้ายด้วยความเศร้าหรือไม่สมหวัง มาใช้อย่างน่าชื่นชม แม้ว่ามันจะจบในตอน แต่กระนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกอิ่มเอิบ ไม่รู้สึกค้างๆ คาๆ เพราะเนื้อหาของมันลงตัว สมบูรณ์ในตัวมันเองอยู่แล้ว  ไม่ว่ารูปแบบของการเล่าเรื่อง การปลุกเร้าความรู้สึกสงสาร ปมในอดีต ความหวาดกลัว ความสิ้นหวัง ความหวังใหม่ ก่อนจะไปถึงบทสุดท้ายของเรื่อง ดูแล้วไม่น่าเบื่ออะไรเลย จึงไม่แปลกอะไรที่ผมอ่านการ์ตูนเรื่องนี้จบถึง 10 รอบ!! ในแต่ละตอน

                    จุดเด่นของการ์ตูนเรื่องเอ็มม่าคือ การสร้าง คนชั่วคนเลว ให้มีปมให้คนอ่านรู้สึกสงสารและตั้งคำถามว่าสิ่งที่คนชั่วทำนั้นเป็นเรื่องที่ผิดหรือไม่

                    การสร้างคนชั่วตัวร้ายให้คนเกลียดนั้น จะว่าไปไม่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะคนเรามีแนวโน้มที่เกลียดคนชั่วแล้วเป็นของธรรมดา เพราะปกติแล้วคนชั่วจะมีคุณสมบัติที่คนในสังคมรังเกียจเอาไว้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เย่อหยิ่ง จองหอง โอหัง ละโมบ โลภ เห็นแก่ตัว อิจฉา แต่ปัญหาคือเราจะทำยังไงให้คนชั่วนั้นแสดงออกให้เราอินกับตัวละครดังกล่าว ซึ่งหากเราทำไมสำเร็จคนชั่วก็กลายเป็นตัวละครที่แบนราบ น่าเบื่อ ธรรมดา เท่านั้น  

    ส่วนเหล่าคนชั่วของเอ็มม่านั้น เอ็มม่าได้ยึดหลักที่ว่าคนชั่วนั้นไม่ได้เลวมาตั้งแต่เกิด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุผลความชั่วของมัน มนุษย์เราตอนเป็นเด็กก็เหมือนผ้าขาว บริสุทธิ์ และเหตุการณ์ที่เกิดในแต่ละครั้ง ก็เหมือนสี ที่แต่งแต้มลงไปในผ้าเหล่านั้น สีที่แต่งแต้มลงไป จะติดอยู่นาน ซักเท่าไรก็ไม่ออก ก็เหมือนกับความทรงจำของเรา ที่ผ่านเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมภายนอก และภายใน ที่แต่ละเหตุการณ์ได้ฝังใจ จนมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงบุคลิกของเราต่อมา

    ตอนแรกคนชั่วของเอ็มม่าเปิดฉากออกมาให้หลายคนเกลียด เพราะทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ฆ่าคนอย่างไร้เหตุผล แสดงอำนาจบาตรใหญ่ และเมื่อเอ็มม่าปรากฏตัวออกมา เหล่าคนชั่วเริ่มเผยความในใจแก่เอ็มม่า สำหรับเอ็มม่าแล้วอาจเปลี่ยนเสมือนเด็กสาวด้วยน้อยๆ ที่ไม่สีประสาโลกภายนอก และไม่รู้เรื่องของมนุษย์ ซึ่งเมื่อคนชั่วเห็นเอ็มม่าก็ต้องนึกถึงอดีต ซึ่งอดีตของคนชั่วแต่ละคนนั้น ล้วนมีเหตุผลในการกระทำของตน ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น ความอ่อนแอต่อจิตใจ ความหลงผิด ความเชื่อผิดๆ ซึ่งแต่ละเหตุผลของคนชั่วเหล่านั้น ได้ทำให้คนอ่านเกิดความรู้สึกสงสารคนชั่วดังกล่าว จนอดคิดไม่ได้ว่า หากเราเป็นคนชั่วในเรื่อง และเจอสถานการณ์ที่ถูกบีบบังคับ หรือเจอปมปัญหาดังกล่าว เราจะทำอย่างไร?

    คนชั่วบางคนเมื่อได้เจอเอ็มม่าก็เปลี่ยนท่าทีหรือสำนึกผิดต่อการกระทำ ซึ่งเมื่อคนชั่วสำนึกผิดกลับตัวกลับใจเอ็มม่าก็พร้อมที่จะให้อภัยและยกเลิกเป้าหมาย หากแต่กระนั้นด้วยเหตุการณ์อะไรบางอย่างได้บีบบังคับให้คนชั่วเหล่านั้นจำเป็นเลือกระหว่างทางที่ถูกต้องและผิด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนชั่วมักเลือกทางที่ผิด จนทำให้เอ็มม่าจำเป็นต้องสังหารคนชั่วดังกล่าวในที่สุด เสมือนกับว่า รับผลกรรมในสิ่งที่เขาทำลงไป

     

    นอกเหนือจากนั้นการ์ตูนในเรื่องยังเสนอความสัมพันธ์ระหว่างคนชั่วกับตัวเอกหรือคนใกล้ชิดของฆาตกรอีกตัว ในระหว่างที่ชาวบ้านหรือคนในสังคมเกลียดชังคนชั่วเหล่านั้น หากแต่กระนั้นใกล้ๆ ตัวคนชั่ว ยังมีใครบางคนที่ยังรักพวกเขาอยู่ อาจเป็นคนรัก ผู้มีบุญคุณ พ่อแม่ หลังจากคนชั่วเหล่านั้นตาย คนใกล้ชิดเหล่านั้นกลับเสียใจต่อการจากไปของเขา แต่กระนั้นเมื่อความชั่วหายไปความหวังใหม่ก็เกิดขึ้นแทน ตามสูตรสำเร็จของการ์ตูนแอ็คชั่น

    ผมอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ก็เริ่มมีความคิดว่าทุกวันนี้เราสร้างมิตรหรือศัตรูมากกว่า การสร้างศัตรูเพื่อหวังประโยชน์นั้นเราได้เงินทองและความร่ำรวยก็จริง แต่สิ่งที่ได้มาคือความเกลียดชังและตกเป็นเป้าหมายของการแก้แค้นของฝ่ายศัตรู ทำให้เรากลายเป็นหวาดระแวง นอนไม่หลับ ตื่นตระหนก ในขณะที่สร้างมิตรแม้จะเป็นเรื่องยากและใช้เวลานานกว่าจะสร้างศัตรูเพราะเราต้องรัก ต้องเป็นห่วงเป็นใย แต่สิ่งตอบแทนนั้นกลับได้มากกว่าและได้ผลดีกว่า

    ถ้าเราเป็นคนชั่วในตอนนี้จะกลับตัวก็ไม่สายครับ และเอ็มม่าก็พร้อมที่จะให้อภัยไม่ฆ่าถอดกระดูกด้วย

      
             สิ่งที่ผมรู้สึกขัดใจนิดๆ มีอยู่อย่างเดียวคือเรื่องของแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ไม่ค่อยสมจริงสักเท่าไหร่ ที่การ์ตูนนำเสนอว่าเป็นตัวจริงของแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ คือคุณแม่ที่ฆ่าโสเภณีเพื่อเอาอวัยวะไปใส่ลูกสาวที่ตายไปแล้วนั่น ผมอ่านแล้วขัดๆ ชอบกล เพราะถ้าใครชอบแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คุณจะรู้ว่าเหยื่อแต่ละรายที่แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ฆ่านั้นส่วนมากจะโสเภณีขี้เหล้า อวัยวะถูกเอาไปก็จริง แต่อวัยวะภายในของเหยื่อเหล่านั้นหมดสภาพ ไม่สามารถใช้การใดได้(จะเอาไปเปลี่ยนอวัยวะไม่ได้ใหญ่) บางคนเป็นมะเร็งใกล้ตายด้วยซ้ำ ดังนั้นการที่แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ฆ่าคนเพื่อเอาอวัยวะนั้นดูเหมือนจะเป็นความคิดไม่ดีสักเท่าไหร่ (แต่การ์ตูนเสริมว่าอีฆษตกรนี้บ้า เลยทำให้มีเหตุผลฟังขึ้นหน่อย) และอีกอย่างการ์ตูนนำเสนอว่าแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ นั้นฆ่าเหยื่อ 7 ราย แต่ความจริงแล้วเหยื่อที่หลายคนเชื่อว่าเป็นฝีมือแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ที่ระบุเป็นทางการมี 5 รายส่วนนอกนั้นเป็นฝีมือพวกเลียนแบบ ทำให้เชื่อได้ว่าการ์ตูนที่เล่นเสนอข้อมูลว่าเหยื่อ 7 ศพแบบนี้ก็เพื่อระบุว่าแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ในการ์ตูนนั้นเป็นตัวปลอมมากกว่าตัวจริง ส่วนที่การ์ตูนนำเสนอว่า แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นผู้หญิงนั้น ในโลกความจริงก็มีข้อสันนิษฐานนี้เช่นกัน คือกรณีของผู้ต้องสงสัยนาง แมรี่ เพียร์ซี่ย์(
    Mary Pearcey) นักโทษประหารคดีฆ่าพวกโสเภณี ซึ่งเธอสามารถปลอมเป็นผู้ชายทุกครั้งเวลาจะก่อคดีฆาตกรรม ซึ่งนอกเหนือแจ็ค เดอะ ริปเปอร์แล้วฆาตกรเกือบทั้งหมดในเรื่องเอ็มม่าล้วนไม่มีตัวตนและถือสมมุติขึ้น (มีข้อมูลน่าสนใจอย่างหนึ่งคือในตอนที่ 3 ในเล่ม 1 เรื่องของคางูยะเจ้าหญิงดวงจันทร์ที่เนื้อหาในการ์ตูนมีส่วนผสมจากนิทานคางูยะ แต่เนื้อหาฆ่าผู้หญิงเพื่อเอาเลือดมาชำระร่างกายมาจากตำนานเจ้าหญิงเซ็นกิ(Senki) ที่ฆ่าผู้หญิงตาย 400 ศพแล้วเอาเลือดมาชำระกายให้ผิวพรรณงดงาม)

    สิ่งแปลกต่อมาของการ์ตูนเอ็มม่าคือช่วงหลังๆ เป้าหมายที่เอ็มม่าฆ่าไม่ใช่คนชั่วอีกต่อไป บางคนก็ไม่ได้ชั่วช้าสามานย์เลวชาติ แต่เอ็มม่าจำเป็นต้องฆ่าเพราะว่าการมีตัวตนอยู่ของเขาทำให้คนภายนอกเดือดร้อน เช่น กรณีของมายัน(เชื่อว่าชื่ออาจมาจากมายังศิลปะหนังตะลุงพื้นบ้านของอินโดนีเซีย)ที่ปกป้องทุ่งดอกไม้(ฝิ่น)จากคนภายนอกเพราะเชื่อคำสั่งของพระเจ้า(โดนหลอก) จนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน และที่น่าเศร้าคือเมื่อเอ็มม่าฆ่าถอดกระดูกมายัน ปรากฏว่ากระดูกของมายันออกมาครบถ้วน แสดงให้เห็นว่าไม่มีใครรักเขาเลย อ่านแล้วเศร้าอ่ะคนดีๆ แบบนี้

    สิ่งที่ไม่ลืมในการ์ตูนที่ตัวเอกไม่ใช่มนุษย์ ก็คือการที่ตัวเอกอย่างเอ็มม่าเริ่มเป็นมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ซึ่งตอนแรกเธอเป็นผู้หญิงเลือดเย็นและไม่ค่อยรู้เรื่องโลกมนุษย์เหล่าไหร่ แต่หลังจากทำภารกิจเธอก็เห็นละครชีวิตของมนุษย์หากหลาย มีทั้งเรื่องดีและน่าเศร้า โศกนาฏกรรม ที่เธอไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนักว่าทำไมมนุษย์ถึงได้ยึดติดหรือกระทำสิ่งที่เหนือคาดหมายกว่าที่เธอคิดแบบนี้ และเมื่อเธอไปถามเรื่องเหล่านี้กับเจ้านายราชาเอ็มมะ ก็ไม่ได้คำตอบที่ดีเท่าใดนัก เพราะแต่ละคำถามของเอ็มม่าไม่ใช่คำถามที่สามารถตอบได้ด้วยคำพูด ซึ่งแต่ละคำถามเธอต้องเรียนรู้เองว่าอะไรคือคำตอบ และนั้นส่งผลทำให้เอ็มม่าจะเริ่มเป็นมนุษย์ยิ่งขึ้น และภารกิจของเอ็มม่าในวันข้างหน้าจะยากเป็นทวีคูณ เมื่อเธอจำเป็นต้องเลือกข้างเหมือนกับคนชั่วบ้าง

    สรุปคือใครชอบการ์ตูนจบในตอน โศกนาฏกรรม เนื้อหาเข้าใจง่าย และข้อคิดดีๆ อีกเรื่องหนึ่ง การ์ตูนเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าลอง

     + +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×