คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #126 : Coppelion เมื่อญี่ปุ่นกลายเป็นเชอร์โนบิล
ตอนที่ผมเขียนตอนนี้ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่มีระดับถึง 8.9 ริคเตอร์(มากกว่าแผ่นดินไหวในการ์ตูน Tokyo Magnitude 8.0 เสียอีก) แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดหลังแผ่นดินไหวกลับไม่ใช่จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้เพิ่มสูงขึ้น หรือนักเขียนการ์ตูนที่เราชื่นชอบตายหรือหายสาปสูญ(แม้ใจลึกๆ จะอยากให้นักเขียนการ์ตูนบางคนหายก็เถอะ แฮ่กๆ ส่วนตัวแล้วคนเขียน To Love Ru, Shikabane Hime และ Sora no Otoshimono ยังอยู่ดีสบายดีก็ดีใจแล้วครับ) หากแต่เป็นสถานการณ์สถานีไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด(โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะ) ทำให้กัมมันตภาพรังสีรัวไหลออกสู่ชั้นบรรยากาศ จนทำให้ทั่วโลกเริ่มหวั่นใจว่ามันจะเหมือนกรณีเชอร์โนบิลหรือเปล่า และตอนที่ผมอ่านข่าวนี้ในหนังสือพิมพ์และในบอร์ดนักเขียน ความคิดของผมก็ได้แล่นมาอยู่การ์ตูนเรื่องหนึ่งครับ เพราะว่าเนื้อหาของการ์ตูนนี้ช่างคล้ายกับเหตุการณ์นี้เหลือเกิน.......
Coppelion
แอ็คชั่น ไซไฟ
http://www.mangafox.com/manga/coppelion/
Coppelion เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแอ็คชั่น ไซไฟ ผลงานของ INOUE Tomonori พิมพ์ต่อเนื่องในนิตยสาร Young Magazine (Kodansha) ในปี 2008 แอละการ์ตูนก็ได้ลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจเข้ามาในไทยในชื่อ “สามนางฟ้าผ่าโลกนิวเคลียร์”
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์สถานีนิวเคลียร์ระเบิดการ์ตูนเรื่องดังกล่าวจะโดนดองหรือเปล่า(กำลังออก 8 เล่ม ยังไม่จบ) เพราะว่าช่วงนี้การ์ตูนที่มีเนื้อหาเหมือนกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวจะโดนแบนชั่วคราว(เหมือนกรณีโปเกมอน)เพราะคนอ่านจะรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจได้(แบบว่าช่วงนี้จิตใจอ่อนแอ)
Coppelion เป็นเรื่องราวใน ปี ค.ศ.2036 กรุงโตเกียวอดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่นและเมืองที่ทันสมัยของโลกได้ถูกปิดตายลงเพราะการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี เนื่องจากอุบัติเหตุโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองนางาตะระเบิดเพราะเหตุแผ่นดินไหวในปี 2016 (คุ้นๆ เนอะ) แต่กระนั้นอย่างไรก็ตาม แม้ว่าเวลาจะผ่านไปแล้วหลายปีก็ตาม แต่หลายคนเชื่อว่าเมืองโตเกียวที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเมืองร้างที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังและกัมมันตรังสีระดับสูงนี้ยังคงมีผู้รอดชีวิตและรอความช่วยเหลืออยู่ ด้วยเหตุนี้ทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่พิเศษจากหน่วยพิเศษ Coppelion ที่จัดขึ้นโดยกองทัพบกเพื่อค้นหาและช่วยชีวิตคนในโตเกียวแห่งนั้น หากแต่สิ่งที่แปลกก็คือเจ้าหน้าที่หน่วยดังกล่าวนั้นทุกคนล้วนเป็นเด็กวัยรุ่นผู้หญิง และสิ่งที่แปลกอีกก็คือทุกคนล้วนถูกดัดแปลงพันธุกรรมจนสามารถทนต่อสารกัมตภาพรังสีในพื้นที่ดังกล่าวได้โดยไม่ต้องใช้ชุดป้องกัน โดยตอนแรกทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่พิเศษสามคนซึ่งประกอบไปด้วยสาวแกร่งอิบาระ, สาวแว่นทานาโกะ, สาวรุ่นน้องอาโออิ(ส่วนคนอื่นๆ จะตามมาในอนาคต) และทั้งสามคนนั้นจะสามารถปฏิบัติภารกิจลุล่วงหรือไม่นั่นก็ติดตามต่อไป...
สามารถอ่านออนไลน์ที่ http://www.mangafox.com/manga/coppelion/ (แต่ใครที่เทพภาษาญี่ปุ่นสามารถติดตามต่อในเว็บ g.e. ศูนย์รวมโดจินและการ์ตูนออกใหม่ก็แล้วกัน)
อิบาระ สาวแกร่งแรงเกินร้อย ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ต้านทานกัมมันตภาพรังสี และเป็นหัวหน้า(รุ่นพี่)หน่วยพิเศษกองกำลังที่ 3 ของกองกำลังป้องกันตนทางบกที่ถูกส่งมายังโตเกียวพร้อมเด็ก(รุ่นน้อง)อีกสองคน โดยมีภารกิจค้นหาและช่วยเหลือชีวิตคนในโตเกียวโดยรับคำสั่งจากอาจารย์ใหญ่ทางวิทยุสื่อสารเกี่ยวกับภารกิจต่างๆ นิสัยเป็นคนจริงจังกับการทำงาน และคิดจะทำอะไรก็ทุ่มสุดตัว มีพลังวิเศษคือพลังกล้ามเนื้อที่เหนือกว่ามนุษย์โดยทั่วไป
หมายเหตุ Coppelion ในการ์ตูนเรื่องนี้มีสองความหมายคือเด็กที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมและชื่อหน่วยพิเศษกองกำลังที่ 3
อาโออิ รุ่นน้องที่ร่าเริงและขี้แย ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ต้านทานกัมมันตภาพรังสี เป็นหน่วยสนับสนุนและรุ่นน้องของอิบาระอีกทั้งยังเป็นสมาชิกของหน่วยพิเศษกองกำลังที่ 3 ของกองกำลังป้องกันตนทางบกที่ถูกส่งมายังโตเกียวพร้อมกับเด็กสาวอีกสองคน นิสัยเป็นชอบสิ่งแปลกใหม่ อยากรู้อยากเห็น และไม่ค่อยมั่นใจตนเอง มีพลังวิเศษคือพลังจิตเคลื่อนย้ายวัตถุ(ซึ่งตอนแรกเธอไม่คิดว่าตนเองมีความสามารถนั่น)
ทาเอโกะ สาวแว่น ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้ต้านทานกัมมันตภาพรังสี เป็นหน่วยพยาบาลหน่วยและรุ่นน้องของอิบาระอีกทั้งยังเป็นสมาชิกของหน่วยพิเศษกองกำลังที่ 3 ของกองกำลังป้องกันตนทางบกที่ถูกส่งมายังโตเกียวพร้อมกับเด็กสาวอีกสองคน นิสัยเป็นคนอ่อนโยน ฉลาด ขี้กลัวนิดหน่อย มีความสามารถพิเศษคือสายตาดีกว่ามนุษย์ปกติถึง 10 เท่า สามารถมองสิ่งที่อยู่ไกลหลายกิโลโดยไม่ต้องใช้กองส่องทางไกล
ตอนที่ผมเขียนบทความนี้ การ์ตูน Coppelion ฉบับลิขสิทธิ์ของวิบูลย์กิจกำลังออกถึงเล่ม 2 (ในขณะที่ของญี่ปุ่นออกไป 8 เล่ม และมีโครงการจะทำอนิเมชั่นเรียบร้อยแล้ว) ซึ่งจากเล่ม 4 เป็นต้นไปเนื้อหาจะเปลี่ยนไปในอีกทิศทางหนึ่ง ดังนั้นผมก็ขอพูดในช่วงเล่ม 1-2 คงไม่ว่ากัน
ดูหน้าปกแล้วคุณคิดว่าเป็นการ์ตูนแนวเอาตัวรอดท่ามกลางนรกสุดโหดใช่เปล่า แต่ขอโทษเดาผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะจุดขายของการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือต้องการให้ผู้อ่านดูแล้วรู้สึกอบอุ่น และมีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตท่ามกลางนรกและสถานการณ์ที่สิ้นหวังต่างหาก
เมื่อเปิดฉากการ์ตูน Coppelion ออกมา สิ่งที่ผมแปลกใจการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือ การ์ตูนดังกล่าวไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการบอกเล่าความเป็นมาว่าโลกในการ์ตูนเรื่องนี้เป็นยังไง ซึ่งส่วนใหญ่การบอกเล่า(หรือคำโปรย)มักเห็นในการ์ตูนญี่ปุ่นเกือบทุกเรื่อง ทำให้ตอนแรกๆ เราไม่รู้เลยว่าเป็นการ์ตูนมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร(หากคุณไม่ดูคำโปรยการ์ตูนท้ายเล่ม) หรือแม้แต่ช่วงตัวละครสามสาวออกมา เราก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของตัวละคร ประวัติความสัมพันธ์ ที่มาที่ไปของตัวละครสามสาวเหล่านั้น เนื่องจากการ์ตูนตั้งใจเอาข้อมูลนี้ปกปิดให้ลึกลับและไม่เปิดเผย เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวจะเผยที่ละเล็กทีละน้อยเมื่อเนื้อหาดำเนินไปเรื่อยๆ ซึ่งกว่าที่เราจะรู้เรื่องราวที่มาที่ไปของโลกในการ์ตูนดังกล่าว ก็ปาไปหลายหน้ากระดาษ รวมไปถึงศัพท์เฉพาะของเรื่องไปด้วย
สิ่งที่ผมชอบการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือพล็อต เพราะว่าเนื้อหาค่อนข้างแปลกดี แม้ว่าจะเห็นการ์ตูนหลายเรื่องที่เปลี่ยนโตเกียวมาเป็นเมืองอะไรหลายอย่าง(เมืองผีดิบ, เมืองแห่งต้นไม้ อะไรก็ว่ากันไป) แต่ผมกลับชอบบรรยากาศเมืองโตเกียวที่มีบรรยากาศร้างเหมือนเชอร์โนบิลมากที่สุด พูดถึงไซไฟเรานึกเรื่องยากๆ ทฤษฏีวิทยาศาสตร์ที่เราไม่เข้าใจ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของ โลกอนาคตที่จินตนาการล้ำยุค สงครามอวกาศ จักรกลที่หันมาเป็นศัตรูกับมนุษย์ โลกแตก มนุษย์ต่างดาวบุกโลก สิ่งเหล่านี้ พล็อตเหล่านี้ถูกนำมาใช้เป็นสื่อต่างๆ จนคนดูเบื่อหน่ายกันแล้ว หากแต่การ์ตูน Coppelion กลับเล่นสิ่งที่ใกล้ตัวของมนุษย์มาเล่น สร้างโลกไซไฟที่มีโอกาสเกิดขึ้น สามารถสัมผัสได้ โดยเปลี่ยนเมืองโตเกียวกลายเป็นเชอร์โนเบิล นำประเด็นการใช้พลังงานนิวเคลียร์ที่เป็นประเด็นที่ร้อนแรงเอามาใช้ โดยจับประเด็นคำถามที่ว่าญี่ปุ่นนั้นพร้อมที่สำหรับนำพลังนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ได้หรือไม่? แน่นอนว่าพลังนิวเคลียร์นั้นหลายคนไม่ยอมรับ เนื่องจากเป็นพลังงานที่ยากที่จะควบคุม แม้ว่ามันจะมีประโยชน์คณานับ หากแต่โทษของมันมากยิ่งกว่า และการ์ตูนได้นำเสนอข้อเสียพลังงานมาเต็มๆ ตอบคำถามโดยบอกว่าญี่ปุ่นนั้นไม่เหมาะกับการตั้งโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศแห่งภัยพิบัติแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้นในอนาคต โดยการ์ตูนได้สมมุติว่าถ้าเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้น โรงงานไฟฟ้าได้รับผลกีระทบกับเหตุการณ์ดังกล่าว เตาปฏิกรณ์เสียหาย เกิดการรั่วไหลพลังงานนิวเคลียร์ สารกัมมนภาพรังสีแผ่ขยายมาสู่เมืองโตเกียว จนโตเกียวกลายเป็นเมืองแห่งกัมตภาพรังสีเข้มข้นจนมนุษย์ทั่วไปอาศัยอยู่ไม่ได้ ส่งผลทำให้รัฐบาลเร่งอพยพผู้คนออกจากเมือง ทิ้งเมืองโตเกียวโดยไม่ยุ่งเกี่ยวใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยทิ้งร้างเอาไว้อย่างนั้น และเมื่อเวลาผ่านไป 20 ปี สารกัมมนภาพรังสีก็ไม่หายไป แม้เมื่อดูภายนอกด้วยตาเปล่าเหมือนโตเกียวที่ว่าไม่มีความอันตรายใดๆ หากแต่เมื่อการ์ตูนดำเนินเ สาวสาวเข้าไปใจกลางเมืองลึกไปเรื่อง เราก็เริ่มเห็นความน่ากลัวของโตเกียวร้างแห่งนี้ทีละนิดทีละน้อย ไม่ว่าจะเป็นนามธรรมหรือรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นหมอกมรณะหรือฝนตกที่เต็มกัมมันตภาพรังสีที่ถึงแม้ตัวละครสาวตัวจะถูกดัดแปลงพันธุกรรมจนต้านทานสารดังกล่าวแล้วก็ตามแต่เราก็อดไม่ได้ที่จะเรากลัวกับมัน นอกจากนี้ยังมีสัตว์ร้ายกลายพันธ์ ซากตึกที่พังทลายเพราะแผ่นดินไหว เมืองเงียบเชียบที่เหงาหงอย รวมซากศพของมนุษย์ที่ตาย ร่องรอยของความทะเยอทะยาน ความโลภ ของมนุษย์ เป็นต้น
แม้เมืองโตเกียวในตอนนี้จะน่ากลัวแต่กระนั้นสามสาวจำเป็นต้องเข้าเมือง เนื่องจากหน้าที่ภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือการตามหาผู้รอดชีวิต แต่คำถามตามมาคือในเมืองที่น่ากลัวเวลานี้ยังมีชาวเมืองอาศัยอยู่เหรอ? อีกทั้งยังอยู่มานานถึง 20 ปีโดยไม่คิดจะอพยพไปไหน คำตอบของการ์ตูนคือมี และมีเยอะด้วย คนเหล่านั้นที่จำเป็นยอมอยู่อาศัยในเมืองอันตรายแห่งนี้ก็มีเหตุผลต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะ เป็นนักโทษที่ผิดกฎหมาย, คนแก่ที่ไม่อยากออกไปเพราะกลัวจะเป็นภาระของครอบครัว, คนแก่ที่ยังยึดติดกับอดีต หรือใครบางคนที่คิดจะเปลี่ยนโตเกียวให้กลับเป็นเหมือนเดิม สำหรับพวกเขาแล้วโตเกียวก็คือ “บ้าน”
แต่ในขณะเดียวกันนอกจากบุคคลที่เป็นชาวเมืองที่ต้องการอาศัยอยู่โตเกียวอย่างสมัครใจที่เหล่าสามสาวพบแล้ว ยังมีบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาในเมืองแห่งนี้โดยจุดประสงค์ร้าย ต่อให้บ้านเมืองฉิบหาย ก็ไม่วายหวังประโยคส่วนตน คนแบบนี้มีทุกยุคทุกสมัย ไม่สูญพันธ์เสียที
จะว่ากันไปเหตุการณ์การ์ตูนดังกล่าวคล้ายคลึงกันนี้ก็เคยเกิดขึ้นเมื่อ 20 ปี ในคือกรณีของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “เชอร์โนบิล” ทางเหนือของยูเครนระเบิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน 1986 โดยสาเหตุระเบิดเกิดจากความประมาณของมนุษย์ แต่ความประมาณครั้งนี้ได้กลายเป็นอุบัติภัยทางนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก โดยมีจำนวนผู้เสียชีวิตในทันที 31 คน และต่อมาก็มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งประเภทต่างๆ สูงถึง 9.3 หมื่นคน อันเป็นผลมาจากฝุ่นกัมมันตภาพรังสีอีกนับแสนคน
จากโศกนาฏกรรมครั้งนี้น่าจะเป็นอุทาหรณ์สอนว่าบนโลกว่า ประเทศใดสมควรมีโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์และพร้อมที่จะรักษาความปลอดภัยตลอดรอดฝังได้หรือเปล่า แต่อย่างไรก็ตามตราบใดที่มนุษย์ยังมีความต้องการไม่มีท่าสิ้นสุด ใช้พลังงานไม่บันยะบันยังแล้ว พลังไฟฟ้านิวเคลียร์จึงกลายเป็นตัวเลือกที่จำเป็นต้องนำมาใช้ตั้งแต่แรก ทั้งที่ตามหลักการแล้วพลังนิวเคลียร์ควรเป็นตัวเลือกอันดับสุดท้ายมากกว่า ผลที่ตามมาก็คือหายนะที่ประมาณค่าไม่ได้
การ์ตูนเรื่องนี้นอกเหนือกับแอ็คชั่นและความน่ากลัวของกัมมันตภาพรังสีแล้ว สิ่งที่การ์ตูนพยายามนำเสนอยังมีอีกเรื่อง ซึ่งเป็นหลักการที่พบเห็นโดยทั่วไปในนิยายวิทยาศาสตร์ไซไฟ นั้นคือความเหนือมนุษย์ ที่ในอนาคตวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีของมนุษย์ก้าวไกลจนสามารถทำลายกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ ด้วยการสร้างและดัดแปลงมนุษย์ขึ้นมา โดยมนุษย์ดังกล่าวมีความสามารถเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป ถูกเลี้ยงดูแบบพิเศษ มีหน้าที่ได้รับมอบหมายอย่างเดียว ซึ่งเหมือนในกรณีสามสาวในการ์ตูนเรื่องนี้เบื้องหลังรูปร่างอันบอบบางนั้นมีอดีตที่โหดร้ายซ่อนอยู่ พวกเธอถูกดัดแปลงร่างกาย ถูกทดลองอย่างโหดร้าย โดยไม่คำนึงถึงสิทธิมนุษย์ชน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือหากเป็นการ์ตูนเรื่องอื่นตัวละครเหนือมนุษย์ดังกล่าวจะสูญเสียจิตใจของมนุษย์และสนใจแต่ภารกิจเท่านั้น หากแต่การ์ตูนเรื่องนี้กลับตรงกันข้าม เมื่อสามสาวตัวหลักดังกล่าวยังมีความเป็นมนุษย์ครบถ้วนหรือมากกว่าด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะยิ้ม สุข เศร้า เสียใจ ร้องไห้ โกรธ รักเพื่อน เสียสละ เมตตา ขี้สงสาร มีตอนหนึ่งที่อิบาระได้โต้กับเรื่องหายนะและการใช้วิทยาศาสตร์ในทางไม่ดีทำนองว่า วิทยาศาสตร์นั้นไม่ผิด หากแต่เป็นคนใช้ต่างหากที่ไม่ดี จนมนุษย์แท้ๆ ถึงกับละอายเสียด้วยซ้ำที่เหล่าสามสาวมีความเป็นมนุษย์ จิตใจบริสุทธิ์ มากกว่าพวกตน หรือแม้แต่หัวหน้าหน่วย(เหล่าสามสาวเรียกว่าอาจารย์ใหญ่)ของพวกเธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจพวกเธอเลย กลับแสดงออกเหมือนพ่อ และมองพวกเธอเป็นมนุษย์ทั่วไป
หลังจากที่ผมอ่านไป 2 เล่ม ด้วยความทนไม่ไหวในการล่อฉบับลิขสิทธิ์ไทยผมเลยไปดูเล่มต่อในเว็บอื่นดู ปรากฏว่าลายเส้นนั้นมีการพัฒนาระดับหนึ่ง ตัวละครน่ารักขึ้น อีกทั้งเนื้อหาเริ่มเปลี่ยนไปอีกทิศทางหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามเนื้อหายังไม่ออกทะเล ยังคงจับประเด็นร้อน ความโลภของมนุษย์ ใช้สิ่งที่มนุษย์ไม่อยากให้เกิดมาพล็อตดำเนินเรื่อง ผสมกับความความเหนือมนุษย์และการแสดงออกของสามสาวที่มีความเป็นมนุษย์มากกว่าคนธรรมดาเสียอีก แค่นี้ก็น่าอ่านแล้ว จึงไม่แปลกอะไรที่จะมีโครงการที่จะทำอนิเมชั่นการ์ตูนเรื่องนี้(แต่จะเสร็จเมื่อไหร่นั่นก็เป็นอีกเรื่อง)
เอาเป็นว่าขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณที่ตามอ่านครับ+ +
ความคิดเห็น