คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : หงส์ซาน #10 เป็นเมียบ้วย ต้องสตรอง
หงส์ซาน 10 เป็นเมียบ๊วยต้องสตรอง!!
.
.
คำเตือน : มีฉากตัดด้วย
#หงส์ซาน
วันนี้ผมคุยกับพี่หมอน้ำลายแทบหมดคลัง ตอนนี้ผมตื่นเต้นสุดๆ ที่จะได้ไปเที่ยว อยากดูทีวีต่อ แต่ไอ้เจ้าบ้านมันลากผมขึ้นนอนซะงั้น
เฮ้อ~
มาพรากความสุขผมจริง
อยากให้มันเคลียร์งานเร็วๆ จะได้ไป แต่ก็เข้าใจครับ ดูท่างานนี้พี่หมออาจไปด้วย ดีเลย ให้เที่ยวกับไอ้บ๊วย ผมว่าคงไม่สนุกเท่าไหร่ มีพี่หมอกันต์นี่น่าจะสนุกขึ้น ผมเข้าห้องน้ำก่อนเป็นอันดับแรก พอออกไป มันก็เข้าต่อ ผมรีบโดดขึ้นเตียง มันเล่นเปิดแอร์ซะหนาว แต่ทำให้หลับสบายดีครับ
ได้ยินเสียงเปิดประตูเบาๆ ผมไม่สนใจ พยายามหลับนำร่องไปก่อน เตียงอีกฝั่งยุบยวบ ผมไม่สนใจเหมือนเดิม มันขยับเข้ามาชิด แนบแผงอกกับหลังผมเหมือนเคย จูบหัวผมเหมือนเคย
ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมจะคิดว่ามันเป็นผู้ชายที่อบอุ่นดีนะ ถ้าผมแต่งงานกับเหมย ผมจะทำแบบนี้กับเหมยหรือเปล่าก็ไม่รู้
ปากนั้นไม่ได้หยุดอยู่ที่หัวผมอย่างเดียว แต่เลื่อนมาจูบที่ใบหู เลื่อนลงมาที่ลำคอ ผมลืมตาโพลง มันซุกปากกับซอกคอผมมากขึ้น
วี้หว่อๆ!!
สัญญาณอันตรายดังขึ้น!!
ผมรีบพลิกตัวหันไปผลักมันออก
“จะทำอะไร!”
“ทำเรื่องที่ผัวเมียเขาทำกันไง”
“ไม่ทำ”
ผมรีบกระชับผ้าห่มมากอดแน่น มันถอนหายใจทำหน้าระอา กระชากดึงผ้าห่มออกจากตัวผมจนร่างกายเย็นวูบจากแอร์ที่หล่นปะทะ
“ทำอะไรของเฮียวะ เอาผ้าห่มคืนมา”
“พูดจาให้เรียบร้อยหงส์”
“ไม่ เอาผ้าห่มคืนมา”
ผมรีบขยับไปหวังเอาผ้าห่มคืน แต่มันรวบจับเอวผมไว้ พลิกลงไปนอนกับเตียง ไม่เปิดโอกาสให้พูดให้ถาม ปิดปากลงมา ผมดิ้นขลุกขลัก สองมือสองไม้ผลักคนด้านบนออกเป็นพัลวัน
เนื้อหาส่วนนี้ถูกตัดออก (หลังไมค์ หนังสือหรือ อีบุ๊คค่ะ)
เป็นไปตามคาด ผมนอนเป็นผักเหี่ยวอยู่บนที่นอน ข้าวเช้าต้องเสิร์ฟกันถึงเตียงโดยมีพี่หมอเป็นคนทำหน้าที่ พี่หมอมีใบหน้าแจ่มใส แต่ซันไรส์หน้าบูดๆ ผมไม่ได้สนใจอะไรคนทั้งคู่ พอกินข้าวอิ่มก็กินยา
“โดนไปกี่รอบ”
“ไม่รู้พี่ จำไม่ได้”
ผมตอบตามจริง พี่หมอหัวเราะร่วน อยู่ด้วยไม่ถึงครึ่งวันก็กลับ
พักเที่ยง คนยกอาหารมาให้คือซันไรส์ เสียงมือถือมันดังเบาๆ มันหยิบจากอกเสื้อขึ้นกดรับ ในขณะที่ผมเริ่มลงมือกินอาหาร สักพักซันไรส์ก็ยื่นมือถือมาให้ ผมมองงงๆ เมื่อกี้ไม่ได้ฟังว่ามันคุยกับใคร ผมรับมาแนบหู
“เป็นไงบ้าง ลุกไหวไหม”
อ๋อ ไอ้มนุษย์ที่ทำให้ผมเดี้ยงนี่เอง
“วันหน้าลองให้ซันไรส์สวนก้นดูนะ แล้วจะรู้ความรู้สึก”
ผมตอบกลับฉุนๆ เจ้าของมือถือหน้าหงิกทันที นี่ถ้ามันไม่เกรงใจว่าผมเป็นเมียเจ้านาย ป่านนี้มันคงจับหัวผมกระแทกกำแพงสมองเละไปแล้ว
ไอ้บ๊วยหัวเราะหึๆ
“อยากกินอะไรเพิ่มเติมก็บอกซันไรส์นะ ไอ้หมอก็ได้ เดี๋ยวมันซื้อมาให้”
“ไม่ได้เห็นแก่กิน”
“วันนี้เลิกดึก หลับก่อนได้เลย”
“ไม่คิดจะรออยู่แล้ว”
ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ จากปลายสาย
“พักผ่อนเถอะ เฮียแค่อยากได้ยินเสียงหงส์”
มันพูดแค่นั้นแล้วกดวางสาย
แอร์ในห้องมันเย็น แต่ตอนนี้หน้าผมกำลังร้อนผ่าวเพราะคำพูดของมันเมื่อกี้
มาอยากได้ยินสงได้ยินเสียงอะไรกันตอนนี้เล่า!!
ผมยื่นมือถือคืนเจ้าของโดยไม่มองหน้า หยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวกินเงียบๆ โดยมีคำว่า 'อยากได้ยินเสียงหงส์' ของมันลอยอยู่เต็มหัว
หลังจากนอนซมเพราะความระบมอยู่วันกว่าๆ วันรุ่งขึ้นผมก็ได้รับข่าวดีถึงกำหนดการเรื่องการไปมัลดีฟ ผมนั่งๆ นอนๆ ดูภาพที่คนเอามาแชร์อย่างมีความสุข วางโปรแกรมไว้เลยว่าจะทำอะไรบ้าง เห็นมันบอกว่ามีคนรู้จักเป็นเจ้าของรีสอร์ตที่หนึ่งในเกาะ คงไปพักที่นั่น
ช่วงหลายวันมานี้มันก็ไม่มาอะจิ๊อะจ๊ะอะไรให้ผมต้องเอวเคล็ดอีก
กระทั่งวันเดินทางมาถึง
….
โชคมันไม่ตกเป็นของน้องคนสุดท้องอย่างผม ทริปที่ว่าจะไปมัลดีฟถูกยกเลิกกะทันหันเพราะงานเข้าไอ้บ๊วยพอดี ต้องบินลงใต้ไปเคลียร์งาน ผมนี่นั่งร้องไห้เลย แต่มันก็ยังใจดีหอบผมมาด้วยเพราะกลัวผมเหงา หนำซ้ำยังใจดีหิ้วพี่หมอติดตัวมาด้วย เอาไว้เป็นเพื่อนผม
ผมนี่นั่งหน้าบูดมาตลอดทาง ตั้งแต่ออกจากบ้าน ขึ้นเครื่อง มาอารมณ์ดีขึ้นตอนลงจากเครื่องแล้วเห็นวิวทิวทัศน์ของจังหวัดสุราษฏร์ธานีนี่แหละ
เราจะไปเขื่อนเชี่ยวหลานกันครับ
เรานั่งรถตรงไปยังท่าเรือ ผมเริ่มตื่นตาตื่นใจ กระทั่งลงเรือไปยังที่พัก เป็นบ้านพักแบบแพ ซันไรส์บอกที่พักค่อนข้างจองยาก นี่ใช้วิธีหักคอเจ้าของที่พักมานะ
โหย ใครเป็นเจ้าของห้องที่แท้จริง ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจริงๆ นะครับ ไงเดี๋ยวผมจะล้างบาปด้วยการเที่ยวให้สนุกสุดเหวี่ยงเป็นการตอบแทนละกัน
ซันไรส์กับวิกเซอร์เป็นคนหิ้วกระเป๋าเข้ามาไว้ในห้องพักให้ เราได้กันสองแพ เพราะหักคอมาได้แค่นี้ ตอนแรกไอ้บ๊วยจะให้เพื่อนตัวเองมานอนด้วยกันกับแพหลังตัวเอง แต่พี่หมอบอกว่าไม่อยากเป็นกอขอคองอจอ ทั้งที่ผมนั้นทั้งขอร้องทั้งอ้อนวอนจนแทบจะก้มลงไปกราบกรานที่ง่ามตีน แต่พี่หมอก็ไม่ใจอ่อน หิ้วกระเป๋าไปแพข้างๆ เฉย
“เล่นน้ำไปก่อนนะ ทำงานเสร็จเฮียจะรีบกลับมาหา”
ไม่ต้องรีบก็ได้ กูไม่ได้คิดถึงมึง
มันดึงผมไปจุ๊บหัวเบาๆ ผมว่าผมต้องเป็นโรคภูมิแพ้สัมผัสมันแน่ๆ เวลาที่มันแตะเนื้อต้องตัวถึงได้ร้อนผ่าวไปหมดแบบนี้
พอมันออกไป ผมก็รีบกลับมารื้อกระเป๋าออก คุ้ยหาเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสำหรับใส่เล่นน้ำมาเตรียมพร้อมทันที เดินออกไปที่ชานแพ
“พี่หมอ เล่นน้ำกัน!!”
ผมตะโกนเรียกไปทางแพข้างๆ
ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
หรือว่าพี่หมอไม่อยู่?
เพราะแพมันสร้างในลักษณะเชื่อมถึงกันได้ ผมจึงกระโดดหย่องไปยังแพนั้นเพื่อเข้าไปดู ซันไรส์หายไปไหนก็ไม่รู้ พี่หมอเองก็เงียบ ไม่รู้แอบไปเดินเล่นที่ไหนโดยไม่ได้ชวนผมหรือเปล่า
“พี่หมอ”
ได้ยินเสียงเหมือนอะไรล้มโครมภายในห้อง ผมชักร้อนใจ เรียกไม่ตอบ แต่ได้ยินเสียงจากภายใน บางทีพี่หมออาจอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วงก็ได้
“พี่หมอ!”
ผมตัดสินใจหมุนเปิดประตูเข้าไปทันที
เพื่อไปพบกับ
...
...
...
...
พี่หมอในสภาพลงไปนอนหงายแอ้งแม้งที่พื้น สาบเสื้อเปิดแยกนิดๆ ส่วนซันไรส์ยืนห่างออกไปอีกด้าน สีหน้าดูบูด
“เป็นไรครับพี่หมอ ล้มเหรอ”
ผมรีบเดินเข้าไปหา พยุงเขาลุก พี่หมอหัวเราะ
“ไม่มีอะไร จะเล่นน้ำเลยเหรอ”
“น้องน้ำกวักมือเรียกไหวๆ จะอดใจรอไงไหว”
พี่หมอหัวเราะร่วน
“งั้นรอพี่หมอเปลี่ยนชุดสักห้านาที นั่งเล่นรอก่อน”
ผมพยักหน้า หันไปทางซันไรส์ว่าจะชวนไปเล่นด้วยกัน
“อ้าว ซันไรส์หายไปไหนแล้ว”
พี่หมอหัวเราะหึๆ
“คงกลัวโดนปล้ำ”
“หะ เมื่อกี้พี่หมอว่าอะไรนะครับ”
“เปล่า ทาครีมกันแดดรึยัง”
“ต้องทาด้วยเหรอ”
“พี่หมอไม่ได้กลัวน้องหงส์จะดำหรอกนะครับ แต่พี่หมอเป็นห่วง รังสียูวีมันแรง ทาไว้ก่อน”
แล้วพี่หมอก็คุ้ยได้ครีมกันแดดหลอดสีส้มกับน้ำเงินมาโยนให้ อันหนึ่ง SP 30 อีกกัน 50 ผมหยิบเอาอันห้าสิบมา บีบแล้วทาไปทั่วทั้งแขนขา
“ทาหน้าด้วย”
ผมทำตาม บีบเทใส่มือทาหน้า พี่หมอแต่งตัวเรียบร้อย ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบผม
อื้อหือ เพิ่งเคยเห็นพี่หมอในชุดแบบสบายๆ
หุ่นโคตรดี หล่อก็หล่อ
“พี่หมอหล่อจัง”
พี่หมอหันมามอง
“ไม่หล่อเท่าสามีน้องหงส์หรอกครับ”
ผมเบ้หน้า
“หล่อตรงไหน พี่หมอหล่อกว่าอีก”
พี่หมอหัวเราะอีกรอบ
“เรียบร้อย”
ผมลูบหน้าอันมันเยิ้มของตัวเองหลังโบ๊ะครีมกันแดดเสร็จ พี่หมอหัวเราะ หยิบหลอดครีมกันแดดเก็บ
“อ้าว พี่หมอไม่ทาเหรอ”
“พี่ทาแล้ว”
ผมพยักหน้าหงึกๆ ก้าวนำออกไปนอกแพ
“พี่หมอว่ายน้ำเป็นไหม”
“เป็นสิ”
“งั้นเรามาแข่งว่ายน้ำกัน”
“เอาสิ”
แล้วพี่หมอก็ยกมือพนม ไหว้น้ำตรงหน้าอย่างสง่างาม ผมอ้าปากค้าง
พี่หมอหัวเราะเสียงดัง
“นั่นมุกหรือเปลือกหอยพี่”
“พี่หมอล้อเล่นครับ แล้วแข่งว่ายไปถึงไหน”
“ไปถึงทุ่นเลย แล้วว่ายกลับ ใครแตะขอบแพได้ก่อน ชนะ คนแพ้ต้องเลี้ยงมื้อเที่ยง”
“โห ได้เลย”
ผมหัวเราะหึๆ
“มะเตรียมตัว”
ผมกับพี่หมอตั้งท่าในท่าเดียวกัน เรามองตากันนิดหนึ่ง ถ้าดูจากช่วงแขนขา ผมคงจ้วงไม่สู้พี่หมอแน่ๆ แต่พี่หมอคงไม่รู้ว่าถึงตัวผมจะเตี้ยแต่เรียนว่ายน้ำมา เรื่องว่ายแข่ง ผมไม่แพ้แน่ๆ
“ไป!”
พอพี่หมอพูด ผมก็วิ่งตุบๆ ไปกระโดดลงน้ำทันที ผมไม่ได้ดูว่าใครเทคตัวก่อน เพราะพอลงน้ำได้ ผมก็จ้วงมืออย่างรวดเร็ว น้ำเย็นแต่ชื่นใจสุดๆ
ผมว่ายอย่างรวดเร็ว พลิกหันไปมองคนข้างๆ พี่หมอจ้วงตามมาอย่างรวดเร็ว ผมเร่งสปีดขึ้นอีก ระยะทางแค่นี้จิ๊บๆ พอปลายนิ้วแตะทุ่นปุ๊บ ผมรีบกลับตัว ว่ายต่อด้วยสปีดที่เร็วกว่าเดิม
ในที่สุด ผมก็แตะขอบแพได้สำเร็จ พลิกหันไปมองคนที่แตะตามมาติดๆ ผมยักคิ้วใส่คนตัวสูงกว่า
“จะกินให้บ้านพี่หมอจนเลย”
พี่หมอหัวเราะ พี่แกทิ้งตัวนอนหงาย ปล่อยให้สายน้ำเป็นเบาะธรรมชาติ พระอาทิตย์อยู่เหนือหัวเราไปอีกด้าน จึงไม่ได้สะท้อนดวงตา ผมทำตาม ดีดตัวให้ร่างนอนหงายบนผืนน้ำ
ผมชอบนะ มันสบายดี ปล่อยตัวสบายๆ
สักพักก็ได้ยินเสียงพลิกตัว ผมหันไปมอง เห็นพี่หมอเปลี่ยนเป็นว่ายน้ำ ผมจึงเปลี่ยนท่าตามบ้าง
“น่าจะมีห่วงยางนะ ห่วงเป็ดก็ยังดี”
ผมหัวเราะ ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของแพริมสุด ผมหันไปมอง เด็กๆ วัยรุ่นน่าจะพอๆ กับผมนี่แหละ กำลังกระโดดลงแพกันด้วยท่าต่างๆ ผมนึกสนุก ปีนขึ้นแพ ยืนหันหลัง แล้วดีดตัวลงน้ำอย่างเขาบ้าง
พี่หมอปรบมือ ผมว่ายวนไปรอบๆ ปีนขึ้นแพไปโดดใหม่ กระทั่งเหนื่อยถึงได้ลงไปลอยตัวเกาะแพอยู่ในน้ำเฉยๆ
เห็นซันไรส์เดินออกมานอกห้อง ในมือถือเครื่องดื่มกับหนังสือเล่มหนึ่ง
“ซันไรส์ มาเล่นน้ำกัน”
ซันไรส์เงยหน้ามอง สีหน้านิ่งเรียบตามเดิม
“ตามสบายครับ ผมไม่ชอบเล่นน้ำ”
#ซันไรส์
“ตามสบายครับ ผมไม่ชอบเล่นน้ำ”
ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติ ยกขาขึ้นไขว้ ยกกาแฟจิบ ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ
แหมะ...
เสียงน้ำจากร่างกายของใครสักคนหยดลงบนพื้น
ผมค่อยๆ ไล่สายตามอง จากฝ่าเท้าเปลือยเปล่าเปียกชื้น ขึ้นมาถึงช่วงขา กางเกงขาสั้น เสื้อยืด กระทั่งใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มแฉ่ง เสื้อยืดสีขาวนั้นเปียกลู่จนแนบเนื้อ เห็นไปถึงไหนต่อไหน กางเกงเล่นสายสีเข้ม มันจึงไม่ได้โชว์บางสัดส่วนที่ผมเองก็ไม่ได้อยากเห็นเลยแม้แต่น้อย
“ไปเล่นน้ำกัน”
“ผมไม่ชอบเล่นน้ำหรือทำให้ตัวเปียก”
คนตรงหน้ากอดอก เอียงคอ ใบหน้านั้นฉาบรอยยิ้มเอาไว้เป็นเอกลักษณ์ที่ผมเห็นเป็นประจำ
ผมเมินหลบเสีย ก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ
นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ผมอยากจับคนตรงหน้าทุ่มลงน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า
...
…
...
ผมยึดจับมือที่กำลังจะแตะถูกบางสิ่งของผมเข้า
“จะทำอะไรของคุณ”
“เล่นปูไต่ไง”
“เลิกล้อเล่นเถอะครับ”
ผมวางมือเขาข้างลำตัวตามเดิม พอชักมือกลับ มือนั้นก็กลับมาตะปบลงบนกลางลำตัวของผมใหม่ เขาขยุ้มมันไว้แน่น
ยอมรับว่าผมเป็นบอร์ดี้การ์ดที่ถูกฝึกมาให้ว่องไวต่อทุกอันตราย แต่การกระทำของหมอมันเรียกว่าอันตรายไหม ผมยึดจับข้อมือเขาไว้ เขาบีบแน่นจนผมเผลอคำรามในลำคอเบาๆ
“อย่าล้อผมเล่น คุณหมอ”
“ใครว่าฉันล้อเล่น ฉันเอาจริง”
(ขออภัย เนื้อหาส่วนนี้ถูกตัดออก หลังไมค์ หนังสือ หรือ อีบุ๊ค)
“ราตรีสวัสดิ์”
เขาพูดแค่นั้น ขยับไปทิ้งตัวลงนอน
ผมนั่งงงๆ
อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาทำให้ผมเนี่ยนะ เพื่ออะไร
ผมไม่ได้สนใจ ดึงกางเกงขึ้นมาปิดดีๆ ล้มตัวลงนอนอีกรอบ ใจอยากถามว่าเขาคิดอะไร แต่ผมไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด แล้วผมก็หลับสนิทไปหลังจากนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น คนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมก็หายไปแล้ว ผมไม่ได้สนใจอะไร ลุกขึ้นแต่งตัวไปทำงานเหมือนเดิม ข้าวเช้าถูกเตรียมไว้จากแม่บ้าน วันนี้คุณท่านกับนายหญิงอยู่ทานด้วย ผมลงไปทำหน้าที่ เหลือบมองใครบางคนที่ขอมาหลบนอนกับผมเมื่อคืน เขามองหน้าผม ขยิบตาให้นิดหนึ่ง ผมเมินหลบเสีย
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวนเวียนอยู่ในความคิด หมอคือพวกอยากรู้อยากลอง เขาเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านาย คงแปลกใจที่เสือผู้หญิงอย่างเจ้านายมาหลงเสน่ห์ผู้ชายด้วยกันเองอย่างหงส์ซาน จึงอยากลองดูบ้าง
แต่ผมแปลกใจตรงที่เป้าหมายของหมอดันเป็นผมแทนที่จะเป็นคนน่ารักๆ อย่างหงส์ซาน
ผมชะงัก
นึกย้อนไปถึงสาวๆ ที่หมอชอบควง ส่วนมากจะเป็นแม่สาวพันธุ์ดุทั้งนั้น
ผมเป็นเป้าหมายของหมองั้นเหรอ
อาจใช่ หรืออาจไม่ใช่ก็ได้ ผมเดาใจเขาไม่ออกเลยจริงๆ
ตลอดอาหารมื้อนั้น ผมเห็นสายตาหมอที่มองมาสบบ่อยๆ และทุกครั้ง ถ้าเขาไม่ขยิบตาให้ ก็จะยิ้มให้ ผมหลบเสียอย่างไม่คิดจะใส่ใจ กระทั่งหมอกินอิ่ม
“ไปส่งหน่อยสิ”
“ผมต้องทำงาน และหน้าที่ผมคือดูแลคุณหงส์ซาน”
“ไปกลับไม่ถึงชั่วโมงหรอก ฉันขอไป่หลงให้แล้ว”
“ไม่ครับ”
“หลง เด็กแกไม่ว่างว่ะ”
เขาหันไปตะโกนบอกเพื่อน เจ้านายผมหันมามอง
“ไปส่งไอ้หมอหน่อยซันไรส์ สองชั่วโมงนี้ฉันไม่ได้ออกไปไหน”
ผมหันกลับมามองคนตรงหน้า เขายักคิ้วอย่างผู้มีชัย ผมมองตามนิ่งๆ
“ครับ งั้นเชิญ”
ผมผายมือเชิญ ให้เขาก้าวนำไปก่อน พอไปถึงรถ ผมก็เปิดประตูให้ เขาขึ้นไปนั่ง ผมปิดประตูลง เดินด้วยสีหน้านิ่งๆ ไปนั่งประจำที่
“ให้ไปส่งที่ไหนครับ”
“บ้านคุณเหลียง”
ผมพยักหน้า สตาร์ทเครื่อง เคลื่อนตัวรถออกไป กระทั่งรถเข้ามาจอดสนิท ณ บ้านคุณเหลียง
“ซันไรส์”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้เปิดประตูเพื่อก้าวลงจากรถ คนข้างๆ ก็เรียกขึ้น ผมหันไปมอง เขายิ้ม ขยุ้มจับคอเสื้อผม กระชากเข้าไปใกล้ แนบปากลงมา
ผมนั่งนิ่งด้วยความตกใจ แต่แค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น ก่อนดันอีกคนออก
“เล่นอะไรคุณหมอ”
“ตั้งใจทำงานนะ แล้วเจอกัน”
เขาบอกพร้อมรอยยิ้ม เปิดประตูก้าวลงจากรถไปเอง ผมมองตามงงๆ
รู้สึกเหมือนโดนปั่นหัวยังไงพิกล
ระยะนี้ดูหงส์ซานจะมีความสุขมากเป็นพิเศษเพราะเจ้านายผมจะพาไปฮันนีมูนที่มัลดีฟ
ตรงข้ามกับผม…
“ไง”
ถ้าเป็นคนอื่น คงมีสะดุ้งเมื่ออีกคนโผล่เข้ามาแบบไร้เสียงแบบนี้ ผมว่าบางทีหมอเหมาะกับการเป็นบอดี้การ์ดมากกว่าหมอนะ เก่งทั้งการต่อสู้ ลำข้อดี เงียบกริบ เสียแต่สติไม่ค่อยสมประกอบนี่แหละ
ผมจ้องหน้าอีกคนนิ่งๆ
“ถ้าไม่อยากคอหักโดยไม่รู้ตัวกรุณาอย่าโผล่มาข้างหลังผมเงียบๆ แบบนี้อีก”
“ถ้าฉันเป็นศัตรู ป่านนี้นายตายไปนานแล้วเหมือนกัน ฝีมือตกรึไง”
ผมไม่เถียงอะไร เพราะเถียงไปก็เถียงไม่ชนะอยู่ดี เลือกที่จะเงียบเสีย
“ฉันสั่งให้แม่บ้านทำบัวลอยน้ำขิงมาฝาก มีของวิกเซอร์ ป๊าม๊า และของทุกคน แต่ของนายพิเศษหน่อย”
ผมมองตาแทนคำถามจากปากว่ามันพิเศษยังไง เขามองกลับ ยกยิ้มนิดๆ
“ฉันใส่ใจลงไปด้วย”
ผมอึ้งฟัง เขายกยิ้ม ผมขมวดคิ้ว พยายามมองหาสิ่งที่แฝงเร้นอยู่ภายใต้สีหน้าที่ประดับรอยยิ้มเอาไว้ตลอดเวลานั้น
“พอดีผมไม่ชอบกินหัวใจ ตับอร่อยกว่า”
เขาหัวเราะหึๆ ขยับเข้ามาชิด ผมเผลอก้าวถอยไปด้านหลัง เพราะกลัวจะโดนจู่โจมแบบคาดไม่ถึงอย่างคราวก่อนอีก
เจ้าตัวยกยิ้มนิดหนึ่ง ขยับเข้ามาชิดอีก พอรู้ตัวว่าเผลอแสดงความหวั่นวิตกออกมา ผมก็เปลี่ยนสีหน้าใหม่ แปลงความรู้สึกเป็นนิ่งเรียบแทน
การถูกผู้ชายด้วยกันจู่โจม มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นซันไรส์
“วันไหนพร้อมๆ ฉันจะยอมให้นายกินตับ”
คำพูดมาพร้อมตาที่ขยิบให้อย่างหยอกเย้า ผมนิ่งไป
“ขอโทษ พอดีผมไม่ชอบกินตับผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายที่เป็นหมอ แถมยังสติไม่เต็มเต็งอีกต่างหาก”
“ปากจัดหน้านิ่งเสมอเลยนะ ฮ่าๆ เอาเป็นว่าทำมาให้กินแล้ว ชิมหน่อยอย่าให้เสียน้ำใจ วันนี้อยู่นานไม่ได้ แวะมาบอกแค่นี้แหละ”
เขายกมือให้นิดหนึ่ง หันหลังเดินไปทางรถที่จอดอยู่ วิกเซอร์เดินเข้ามาหา
“ซันไรส์ ไปกินบัวลอยน้ำขิงกัน อร่อยดี”
ผมอ้าปากว่าจะปฏิเสธ แต่เปลี่ยนใจก้าวตามน้องชายไปติดๆ ทุกคนกำลังนั่งกินกันอยู่ วิกเซอร์เลื่อนมาให้ เวลาที่นายใหญ่ไม่อยู่ เจ้านายมักให้ลูกน้องคนสนิทอย่างผมกับวิกเซอร์นั่งกินด้วยเสมอ
“อร่อย”
หงส์ซานชมเปาะ เจ้านายผมตักแบ่งส่วนหนึ่งของตัวเองให้
“ไม่ต้องแบ่ง นี่ก็เยอะแล้ว”
“กินไป มันดีต่อสุขภาพ”
“สุขภาพอั๊วดีอยู่แล้ว”
“เหรอ เอาให้ดีกว่าเดิม ครั้งหน้าจะได้ไม่นอนซมอีก”
คนพูดพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่คนฟังแก้มแดงจนเห็นได้ชัด
ผมถอนหายใจแรง ผมเคยภาวนาให้หงส์ซานไม่ตกหลุมเสน่ห์เจ้านายผมนะ แต่ดูท่าคำภาวนาผมจะไม่เป็นจริง ลิงนั่นหวั่นไหวกับเจ้านายผมแล้ว ไม่มากก็น้อย
“คุณหมอบอกว่าของนายพิเศษหน่อย มันพิเศษตรงไหน”
วิกเซอร์หันมาถามอย่างอยากรู้ ผมก้มมองของตัวเอง ตักกินแต่น้ำขิงยังไม่ได้สำรวจอย่างอื่นเลย
รสชาติก็เป็นน้ำขิงปกติ
“ก็ปกติ”
ผมบอกน้องไปงั้น น้องผมไม่เซ้าซี้ ผมใช้ปลายช้อนเขี่ยวน แล้วตักบัวลอยขึ้นมา ผมชะงัก เพราะมีบัวลอยน้ำขิงลูกหนึ่ง แทนที่จะเป็นรูปกลมๆ แบบลูกอื่นๆ มันกลับมีรูปร่างคล้ายคลึงกับ…
หัวใจ
To be Con...
จะมีใครหาญกล้ามาสู้พี่หมอได้บ้างงงง อยากรู้ว์ว์ว์ว์
(เจอกันเมื่อเม้นท์ชน 1,300)
(จองหนังสือหงส์ซาน จิ้มที่นี่)
อีบุ๊ค(e-book) น้องหงส์มีพร้อมให้โหลดแล้วค่ะ ราคา 339.- จากราคาปก 480.- เนื้อหานิยายมี 27 ตอนจบค่ะ มีตอนพิเศษอีก 3 ตอน (อีบุ๊คจบแล้ว) ดาวน์โหลดได้ที่เมพเลยน้าา
ปกนี้เป็นปกชั่วคราวนะคะ
ADD FAB เป็นแฟนคลับเรื่องนี้จิ้มน้องหงส์ได้เลยค่า
แฮทแท็กเรื่องนี้ #หงส์ซาน
1. เคียงข้าง (นาคินทร์เล่า NC)
2. นาคินทร์แปลงร่าง (อนุชา NC)
3. มีกันและกัน (อนุชา)
4. ลอยกระทง (นาคินทร์ NC)
ดาวน์โหลดได้ที่นี่ค่ะ https://goo.gl/U8z4gl
อันนี้ฉบับสมบูรณ์ (นาคินทร์อนุชา ฉบับสมบูรณ์) https://goo.gl/qnjxxj
อันนี้เรื่องเต็มๆ ค่ะ Feel คนเจ้าอารมณ์รวมทุกคู่ 1-4 (แต่ไม่มีตอนพิเศษที่เขียนขึ้นมาใหม่)
เวอร์ชั่นหนังสือ : https://goo.gl/VEcdSD
ถ้าใครยังไม่เคยอ่านไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1438026
Follow and Contact writer Memew here
เพจ : facebook.com/memew28
ทวิต : @Memew28
เมล : Memew28(แอท)gmail.com
instagram : Memew28
Line : Memew28
ความคิดเห็น