NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HONGZAN "หงส์ซาน" (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #11 : หงส์ซาน #9 คอนโทรล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18.85K
      242
      24 พ.ค. 60


    09 
    คอนโทรล
    ...
    ...
    ...

    #ซันไรส์ 


    เสียงมือถือผมดังขึ้นเบาๆ ผมล้วงหยิบจากกระเป๋าเสื้อสูทออกมอง พ่นลมหายใจแรงเมื่อมันโชว์เบอร์ของคนที่ผมไม่อยากรับสาย ผมกดรับอย่างจำใจ ยกแนบหู

     

    “ว่างไหม ไปซื้อการ์ตูนของสัปดาห์นี้ให้หน่อย”

     

    “ไม่ว่าง” ผมตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 

     

    “เอาทุกเรื่องเลยนะ”

     

    “ผมไม่ว่าง”

     

    “ขอบใจ หิ้วไปที่บ้านไป่หลงได้เลย เดี๋ยวจะแวะไป”

     

    “ผมไม่ว่างครับคุณหมอ”

     

    “ขอบใจ”

    แล้วปลายสายก็ตัดไปแค่นั้น

     

    ผมขมวดคิ้ว ทำไมชีวิตผมต้องมาเจอแต่คนดื้อๆ แบบนี้นะ ผมมองไปยังคนที่ยังคงนั่งยิ้มใส่ปลาคาร์ป สีหน้าหงส์ซานตอนนี้ดูบริสุทธิ์ไร้พิษสง แต่อย่าให้เปิดปากพูดเชียว

     

    หมาดื้อดีๆ นี่เอง

     

    ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงมาหลงเสน่ห์ลิงหน้าจืดแบบนี้ได้ ผู้หญิงสวยๆ ทรวดทรงดีๆ ดีกรีการศึกษาสูงๆ หรือคนที่มีความพรั่งพร้อมด้านการสืบพันธุ์ให้เลือกมากมาย ท่านก็ไม่เอา


    หงส์ซานหยิบอาหารเม็ดมาโปรยให้ปลาในบ่อกินต่อ


    “กินเยอะๆ นะ จะได้อ้วนๆ”

     

    ผมกรอกตาขึ้นมา

    มีมนุษย์หน้าไหนคุยกับปลากันบ้าง = =

     

    แต่เพราะลิงปัญญาอ่อนตรงหน้าผมนี่แหละ ถึงทำให้เจ้านายมีรอยยิ้มมากขึ้นจากงานหนักๆ ที่ทำ หงส์ซานไม่มีทางรู้หรอกว่าแต่ละวันเจ้านายผมต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง

     

    และดูเหมือนตอนนี้ความสุขของท่าน คือการได้กลับบ้าน กลับมาโอบกอดหงส์ซานไว้ 

     

    ได้ยินเสียงรถวนเข้ามาจอด ผมหันไปมองตาม ยกนาฬิกาขึ้นดู

     

    ทำไมวันนี้เจ้านายกลับเร็วจัง

     

    หงส์ซานมองสิ่งเดียวกับผมอยู่เหมือนกัน แต่จ้างให้ร้อยล้านหงส์ซานก็ไม่ขยับไปรับเจ้านายผมอย่างคนเป็นเมียที่ดีควรทำหรอก

     

    ผมเดินเข้าไปหา พอรถจอดสนิทวิกเซอร์ก็วิ่งมาเปิดประตูให้แล้ว เจ้านายขยับออกมายืนอย่างสง่างามอยู่ข้างตัวรถ

     

    “หงส์ซานล่ะ”

    มันแทบจะเป็นคำถามแรกของทุกครั้งที่เจ้านายผมกลับถึงบ้าน

     

    “ให้อาหารปลาอยู่ครับ”

     

    เจ้านายผมส่ายหัว

     

    “ถ้าวันไหนหงส์ซานจับปลาขึ้นมาใส่ปลอกคอฉันจะไม่แปลกใจเลย”

     

    ผมหัวเราะในลำคอพอๆ กับวิกเซอร์

     

    ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่เชื่อว่าหงส์ซานอาจทำจริงๆ ต่างหาก

     

    “เออ เมื่อกี้ไอ้หมอเมสเสจมาบอกว่าปล่อยนายให้ไปซื้อการ์ตูนให้มันหน่อย ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปดูลิงให้อาหารปลาก่อน”

     

    ผมทำหน้าเหนื่อยใส่ ค้อมหัวให้เจ้านาย วิกเซอร์พยักหน้ามาทางผม เดินตามเจ้านายไป ผมถอนหายใจออกมาทำลายโลกอีกรอบ เดินตรงไปที่โรงรถ คว้าเอารถสีดำประจำตำแหน่ง ค่อยๆ ขับถอยออก

     

    อาชีพผมเป็นอาชีพที่มีเกียรติ สิ่งสำคัญคือความรักและความซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย ซึ่งผมไม่ต้องใช้ความพยายามเลย มันอยู่ในกมลสันดาน มันสืบสายเลือดมาตั้งแต่รุ่นทวดของทวดของทวดของทวดแล้ว ลากเส้นไปไม่ถูกว่าใครคือคนแรกที่มารับหน้าที่บอร์ดี้การ์ดให้กับตระกูลหยางผู้ยิ่งใหญ่


    ผมเป็นบอดี้การ์ดประจำตระกูล ในขณะที่หมอกันต์เป็นหมอประจำตระกูล เรามีอาชีพต่างกัน แต่ความรับผิดชอบเหมือนกันคือรักและซื่อสัตย์ต่อทุกสายเลือดในตระกูลนี้


    ผมพารถออกนอกรั้ว วิ่งไปบนถนนที่รถเริ่มจะพากันติด ผมขับอย่างใจเย็น วิ่งตรงไปยังสยามเซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้าที่มีร้านการ์ตูนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ซ่อนตัวอยู่ ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีกว่าผมจะหาที่จอดได้


    และนี่คงเป็นสาเหตุให้หมอชอบโทรหาผมมากกว่า


    ผมกลายเป็นเป้าสายตาทันทีที่ก้าวลงจากรถ ผมไม่สนใจใคร กดล็อก กระชับเสื้อสูทให้เข้าที่เข้าทาง เดินนิ่งๆ เข้าประตูไป


    ยิ่งเดินคนยิ่งมอง พอผมมองกลับบ้าง พวกนั้นก็พากันสะดุ้งถอยกรูดกันเป็นทิวแถว


    ผมมุ่งตรงไปกระทั่งถึงที่หมาย ผมไม่สนสายตาใครก็จริง แต่ก็ไม่เคยชินสักครั้งกับการต้องมายืนอยู่ในร้านสำหรับวัยรุ่นแบบนี้ เด็กๆ มองกันใหญ่ เขยิบหนีเมื่อผมส่งสายตาเย็นชาใส่ ผมเดินไปดูแผงการ์ตูนออกใหม่สำหรับสัปดาห์นี้ ยกมือถือขึ้นมาดูเมสเสจรายชื่อการ์ตูนนอกเหนือจากหนังสือออกใหม่ที่เจ้าตัวส่งมาให้


    พนักงานดูจะยุ่งวุ่นวายยิ่งกว่าเดิมเมื่อผมก้าวเข้าไปภายใน แค่มาซื้อการ์ตูน ไม่ได้จะมาฆ่าใครแถวนี้


    ผมหยิบตะกร้า เลือกการ์ตูนใส่ลงไป เห็นหน้าปกแต่ละเรื่องก็ได้แต่ทอดถอนใจ ผมเคยสงสัยว่าคนเรียนจบสูงๆ มาอ่านหนังสือปัญญาอ่อนแบบนี้ได้ยังไงกัน


    และนี่คือสาเหตุที่ผมไม่ยอมป่วยเป็นอะไรกับเขาเลย


    กลัวครับ กลัวจะโดนหมอกันต์รักษา และผมก็เป็นคนเดียวที่ยังไม่เคยผ่านมือเขาเลย


    ผมเดินเข้าไปด้านในเมื่อหนังสือด้านนอกที่ต้องซื้อหมด วนหยิบทีละล็อกก่อนชะงัก มองคนที่ยืนถือหนังสือเล่มที่ผมกำลังต้องการอยู่พอดี


    เจ้าตัวพลิกส่องดูสภาพ ทำให้จังหวะนั้นเห็นผมเข้าพอดี เขาลดหนังสือลง ฉีกยิ้มกว้าง


    “มาแล้วเหรอ”


    ผมขมวดคิ้วมุ่น ถ้ามาเองได้ แล้วจะให้ผมมาทำไม

     

    “คิดว่าติดตรวจซะอีก”

     

    “ตรวจเสร็จแล้ว”

     

    “ทำไมไม่โทรบอก ผมจะได้ไม่ต้องออกมา”

     

    หมอไม่ตอบ ฉีกยิ้มกว้าง วางการ์ตูนเล่มนั้นใส่ตะกร้าที่ผมถืออยู่

     

    “เหลือเรื่องอะไรบ้าง”

     

    ผมถอนหายใจแรง

     

    “หมอกันต์ ผมไม่ได้ว่างเป็นเบ๊ให้คุณได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอกนะ”

     

    “เหลือเรื่องอะไรบ้าง”

     

    ผมถอนหายใจแรงอีกรอบ ร่ายรายชื่อเรื่องที่ยังขาด

     

    “ทางนู้น”

    แล้วเจ้าตัวก็เดินนำ ผมจำต้องเดินตามไปติดๆ มาคนเดียวว่าโดนมองหนักแล้ว มากับหมอยิ่งโดนมองมากกว่าเดิมอีก

     

    ในสายตาคนไทยหรือคนเอเชีย คนอย่างหมอคงเข้าข่ายว่าหล่อมาก ต่างกับหงส์ซานที่ถูกมองว่าน่ารัก แต่สำหรับผม ผมว่าทั้งหมอกันต์ทั้งหงส์ซานหน้าจืดไปหน่อย ผมไม่ชอบคนเอเชีย คนเอเชียหล่อๆ ในสายตาผมมีแค่เจ้านายผมเท่านั้น นอกนั้นหน้าจืดหมด

     

    คนมองหมอแล้วพากันกรี๊ดกร้าดตื่นเต้น พอผมปราดสายตามองก็พากันสะดุ้ง หลบถอยกันเป็นทิวแถว

     

    เจ้าตัวเดินไปหยิบการ์ตูนมาลงตะกร้าอีกสองสามเล่ม

     

    “อยากได้หนังสือโป๊สักเล่มไหม”

     

    ผมมองคนถาม

     

    “ไม่ ถามทำไม”

     

    “เห็นทำหน้าดุ คิดว่าเก็บกด”

     

    ผมถอนหายใจแรง นี่ถ้าหมอไม่ใช่หมอประจำตระกูลหยางและไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทเจ้านายผมจับถ่วงน้ำไปนานแล้ว

     

    “เรียบร้อยแล้วก็กลับ”

     

    “เรียบร้อย”

    แล้วเจ้าตัวก็เดินนำ ผมเดินตามไปติดๆ มีคนต่อคิวอยู่สามสี่ราย ผมเดินตามไปเข้าแถวรอด้วย เพราะพื้นที่มีจำกัดทำให้ตัวเราต้องขยับมาชิดกัน ได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ จากคนด้านหน้า หมอกันต์ตัวเล็กกว่าผม แต่ก็โตกว่าหงส์ซาน รายนั้นเหมือนลูกลิงซนๆ ตัวหนึ่งมากกว่า


    ยิ่งเย็นเด็กๆ ยิ่งเลิกเรียนมาซื้อของ คนตรงหน้าต้องขยับจนแผ่นหลังแนบติดกับอกผม หัวเขาอยู่ใกล้จมูกผมนิดๆ ที่มาของกลิ่นจางๆ คือหัวเขาสินะ


    มีเด็กคนหนึ่งวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา ทำให้คนแถวนั้นถอยกันเป็นแถบๆ ไม่ต่างกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม ผมจับเอวเขาไว้เบาๆ รับร่าง


    ขอโทษค่ะ” น้องคนนั้นรีบขอโทษขอโพย ผมมองด้วยสายตาไม่พอใจ เด็กนั่นเบะหน้าทำท่าจะร้องไห้ รีบรับของที่จ่ายเงินเสร็จพอดี วิ่งลิ่วหายไป


    “อยู่ข้างนอก ไม่ต้องทำหน้าดุก็ได้ เด็กๆ กลัวกันหมดแล้ว”


    “ก็ปกติ” 

    ผมตอบกลับราบเรียบ


    “ดุเป็นปกติน่ะสิ” 

    เจ้าตัวยกตัวขึ้นปรับสภาพเนื้อตัวดีๆ ถึงคิวพอดี ผมวางหนังสือเขาลงบนเคาน์เตอร์ พนักงานรีบลนลานคิดเงิน แจ้งราคา


    หมอยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ หยิบเงินมาจ่าย (หลายเล่มก็จริง แต่ราคาไม่แพง) พนักงานทวนยอดเงิน นำไปคีย์เข้าเครื่อง ผมรับถุงมาหิ้วเองทั้งหมด เดินลิ่วออกไปก่อน


    “เดี๋ยว ยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่ไหม” 

    หมอวิ่งตามมาติดๆ


    “จะกลับไปกินที่บ้าน”


    “เข้าร้านนั้นกันดีกว่า” 

    เขาจับแขนผมลากให้เดินตาม ผมถอนหายใจอีกรอบ เถียงไปก็ไม่ชนะ จำต้องหิ้วถุงการ์ตูนเดินตามเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นไป 




    พนักงานสาวสวยเชื้อชาติสัญชาติไทยแต่หน้าคล้ายคนญี่ปุ่นในชุดกิโมโนถูกระเบียบเดินออกมาต้อนรับ พาเราสองคนไปนั่งยังโต๊ะที่ยังว่างอยู่


    ผมไม่ชอบอาหารญี่ปุ่น ผมชอบอาหารฝรังเศสหรือรัสเซียอาหารบ้านเกิดผมเองมากกว่า (ผมเป็นลูกเสี้ยวเหมือนหมอนั่นแหละ แต่เสี้ยวทางฝั่งยุโรปเป็นส่วนใหญ่)


    พนักงานสาวสวยคนเดิมยื่นเมนูให้ หมอพลิกเปิดรัวสั่งทันที ดีหน่อยตรงที่ร้านนี้มีอาหารนานาชาติด้วย ผมสั่งเมนูโปรดไป เพราะชักจะหิวเหมือนกัน พนักงานยิ้มหวานอีกรอบ ค้อมให้สไตล์คนญี่ปุ่นก้าวเดินจากไป


    หมอหยิบการ์ตูนออกมาจากถุงทั้งกอง แกะพลาสติกออก กรีดดูเร็วๆ คงจะตรวจสอบสภาพหนังสือนั่นแหละ เสียมาจะได้เปลี่ยนเลย ถ้าไปเจอที่บ้านก็จะนำมาเปลี่ยนทีหลัง ดีว่าล็อตนี้ไม่มีเสียสักเล่ม หมอเอาหนังสือทั้งหมดยัดใส่ถุงตามเดิม หยิบออกมาเพียงเล่มเดียวเพื่อเปิดอ่าน


    ผมไม่เคยชินสักทีกับคนเป็นหมอที่มาอ่านการ์ตูนปัญญาอ่อนแบบนี้


    ดวงตานั้นจ้องเป๋งอยู่บนหน้ากระดาษ ปากวาดรอยยิ้มกว้างเมื่อเรื่องราวไปชนเรื่องขบขัน คงรู้ว่าผมมองอยู่ถึงได้เหลือบตามอง


    “มองไร”


    “มองหมอปัญญาอ่อน”


    คนตรงหน้ายกยิ้ม ตรงนี้แหละที่เหมือนเจ้านายผม


    “คิดว่ามองเพราะฉันหล่อซะอีก”


    ผมส่ายหัวไปมา แต่ไม่ตอบ อาหารมาพอดี คิวเยอะ เลยรอนานนิด ผมตั้งหน้าตั้งตากินอาหารของตัวเอง คนตรงหน้าใช้ตะเกียบคีบกินอย่างไม่รีบร้อน ผมกินค่อนข้างเยอะถ้าเทียบกับอีกคน กระทั่งอิ่มก็เรียกคิดเงิน


    795 บาทค่ะ” 

    พนักงานสาวส่งยิ้มหวานจ๋อยมาให้หมอ รายนั้นวางบัตรลง พนักงานเดินจากไป หมอหันกลับมาอ่านการ์ตูนต่อ ผมพยายามมองหาเสน่ห์ของคนตรงหน้า ไปไหนมาไหนด้วยกันมีแต่ผู้หญิงชอบ


    พนักงานเดินกลับมาอีกครั้ง เขารับบัตรคืน สาวนางยิ้มประหม่า เม้มปากนิดๆ ชี้ให้ดูใบเสร็จ


    “เบอร์น้ำค่ะ”


    หมอก้มมองตาม บนนั้นมีเบอร์โทรที่เขียนด้วยปากกาสีน้ำเงินชัดเจน หมอฉีกยิ้มหวานหล่อเหลาพาเอาสาวเจ้าแทบระทวยลงกับพื้น


    “พอดีบ้านผมมีเครื่องกรองน้ำแล้วครับ ขอบคุณสำหรับอาหาร ไว้โอกาสหน้าผมจะมาทานใหม่” 

    พูดจบเจ้าตัวก็ลุก ผมลุกตาม คว้าถุงการ์ตูนมาถือ พนักงานสาวอ้าปากค้าง สีหน้าเงิบๆ งงๆ


    ผมหัวเราะหึๆ


    “หัวเราะอะไร” เขาหันมาถาม


    “เปล่า” ผมตอบรับนิ่งๆ “สวยออก ปฏิเสธทำไม”


    หมอยักไหล่


    “พอดีไม่ชอบพันธุ์น่ารักๆ พันธุ์ดุเร้าใจกว่า”


    ผมขมวดคิ้ว มองคนพูดงงๆ


    “จริงสิ อาหารของเด็กๆ ที่บ้านใกล้หมดแล้ว เราไปซื้อกันเถอะ”


    “ผมจะกลับแล้ว คุณไปซื้อคนเดียวเถอะ”


    “ป่ะ”


    ผมถอนหายใจแรงอีกรอบ ชวนไม่ชวนเปล่า เจ้าตัวยังคล้องแขนผมกันหนีอีกด้วย ผมจำต้องเดินตาม ตรงไปมาร์ทชั้นล่างสุด เขาดึงรถเข็นออก ผมวางหนังสือลงไป ทำหน้าที่เข็น เจ้าตัวพาผมเดินตรงไปยังโซนอาหารสัตว์เลี้ยง ขนซื้ออาหารเม็ดกระสอบใหญ่ สำหรับสุนัขโต ส่วนใหญ่เป็นอาหารนำเข้าที่ราคาค่อนข้างแพง ขนมสำหรับหมา แชมพู และหวีอันใหม่


    “ซื้อปลอกคออันใหม่ดีไหมน้า”


    “อันเก่าเพิ่งซื้อนี่”


    “พวกมันคงเบื่อแล้ว”


    “หมาไม่ขี้เบื่อเหมือนคนหรอก”


    “รู้ได้ไง”


    “เดาเอา”


    “เหรอ คิดว่าเป็นอยู่เลยรู้ดีซะอีก”


    นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนสนิทเจ้านาย ผมคงซัดด้วยหลังมือให้คอหักตายแน่ๆ เจ้าตัวคนพูดยิ้มหวาน หันไปหยิบปลอกคอมาเลือกลาย สามอันแรกเลือกได้อย่างง่ายๆ แต่อันสุดท้ายเลือกไม่ได้สักทีว่าจะเอาแบบไหน เห็นยืนชั่งใจอยู่นาน


    “อันไหนสวย” 

    เจ้าตัวหันมาถาม ผมมองของตรงหน้า ชี้ไปยังสีดำลายเท่ๆ ทางขวา แล้วเขาก็วางอันนั้นลง


    ผมถอนหายใจแรง ถามแล้วไม่เลือกจะถามทำไม เจ้าตัวทำท่าจะเดินออกไปจากจุดนั้น แต่เปลี่ยนใจ หยิบอันที่ผมเลือกใส่ตะกร้าอีกชิ้น


    “เอามาทำไมตั้งห้าอัน ที่บ้านมีแค่สี่”


    หมอไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น แทนที่จะกลับเลย กลับพาวนไปซื้อไวน์ ทิชชู่ ครีมอาบน้ำ น้ำยาโกนหนวด กระทั่งของเต็มรถเข็น


    “นานๆ มีคนช่วยหิ้ว”

    ผมถอนหายใจเป็นรอบที่พัน กระทั่งไม่มีที่จะวางในรถเข็นนั่นแหละ เจ้าตัวถึงยอมหยุด พาไปจ่ายเงิน


    “จอดรถไว้ชั้นไหน” ผมถาม จะได้หิ้วของไปให้ถูก


    “ไม่ได้เอารถมา”

    ผมหันไปมองงงๆ


    “แล้วมายังไง รถไปจอดไว้ที่ไหน”


    “มันขี้เกียจวิ่ง เลยจอดไว้ที่บ้าน นั่ง BTS มา”


    สภาพของเยอะแบบนี้ ผมคงต้องไปส่งอย่างเสียไม่ได้แน่ๆ ผมไม่พูดอะไร พอเขาจ่ายเงินผมก็เข็นรถตรงไปยังลานจอด มุ่งตรงไปยังรถตัวเอง เปิดฝากระโปรงรถ นำของทุกอย่างเข้าไปไว้ภายใน บางส่วนวางไว้เบาะหลัง พอเรียบร้อยก็นำรถเข็นไปแอบๆ ไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาเก็บ


    เจ้าของของทั้งหมดเปิดประตูขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่งเรียบร้อย ผมก้าวขึ้นไปนั่งประจำ สตาร์ทเครื่อง ขับเคลื่อนตัวรถออกไป เขาเอื้อมกดเปิดเพลงฟังเบาๆ ฮัมตาม


    “เห็นว่าวันนี้จะไปบ้านเจ้านาย”


    “ใช่ แต่เดี๋ยวเอาของไปเก็บที่บ้านก่อน”


    ผมพยักหน้า นั่งอยู่บนท้องถนนรถติดๆ อีกเกือบชั่วโมงก็พารถมาถึงบ้านหมอได้สำเร็จ บ้านหลังใหญ่พอประมาณ แต่ทั้งหลัง มีเขาอาศัยอยู่กับหมาเพียง ตัวเท่านั้น 


    ลูกๆ ของหมอพากันออกมายืนรอกันเป็นทิวแถว ส่งเสียงร้องงี๊ดง๊าด ส่ายหางกันเป็นพัลวัน (หมอไม่นิยมตัดหางหมา) บ้างกระโดดเกาะรั้ว บ้างยื่นปลายจมูกออกมาทักทาย บ้างก็ยื่นขาหน้าออกมารอรับ


    หมอกดลดกระจกลงส่งเสียงทักทาย พวกนั้นยิ่งดีใจอย่างบ้าคลั่งทำเหมือนไม่ได้เจอกันมาเป็นชาติ หมอกดเปิดประตูรั้วด้วยรีโมต พอมันสุด ผมก็ขับรถเข้าไปจอด พวกเด็กๆ วิ่งวนมารอฝั่งที่หมอนั่ง หมอเปิดประตูลงไปหา


    ไงเด็กๆ วันนี้พ่อมีปลอกคอใหม่มาให้ด้วยนะ


    ผมดึงเบรกมือ ดับเครื่อง เปิดประตูก้าวตามลงไปด้วย ไม่สนใจว่าหมอจะทำอะไร เดินไปเปิดฝากระโปรงรถนำของทุกอย่างออกมาถือ 


    “มาเลยเด็กๆ มาช่วยกันหิ้วของหน่อย” 

    หมอเรียก หมาที่มีไอคิวค่อนข้างสูงกว่าหมาทั่วไปเดินมาล้อมหน้าล้อมหลัง หมอเปิดประตูด้านหลังของรถออก หยิบเอาเฉพาะถุงที่หมาน่าจะหิ้วได้ใส่ปากพวกมันทีละตัว


    พวกนั้นสะบัดหางดีใจใหญ่ เดินไปรอแถวๆ ประตูเข้าบ้านอย่างรู้งาน หมอกันต์ถือเองอีกหลายถุง เดินไปไขประตู ลำเลียงกันเข้าไปทั้งคนทั้งหมา ผมหิ้วเยอะสุด นำมันไปวางไว้บนโต๊ะ (จริงๆ หมาของหมอสามารถเข้านอกออกในเองได้ตลอดเวลาเพราะมีประตูหมาไว้ให้สำหรับพวกมันโดยเฉพาะ มันใหญ่ชนิดเด็กหรือคนตัวเล็กๆ สามารถมุดเข้าไปได้สบายๆ แต่อยู่ในมุมที่คนไม่เห็นเลยไม่รู้ว่ามี) 


    ผมรื้อนำของทุกอย่างออกมาจัดให้เข้าที่ก่อนเจ้าตัวจะออกคำสั่ง รายนั้นสาละวนกับการเอาปลอกคอมาเปลี่ยนให้หมาตัวเอง ใช้เวลาไม่นานผมก็จัดของเสร็จ รวบถุงขยะทั้งหมดยัดลงถัง


    ได้ยินเสียงหัวเราะสดใสดังมาจากห้องรับแขก ผมเดินนิ่งๆ ออกไป


    “เรียบร้อยแล้ว ผมขอตัว”


    “เดี๋ยว ไปด้วยสิ”


    “เอารถตัวเองไปสิ”


    “รถเสีย”


    ผมถอนหายใจแรง ไม่พูดอะไร


    “ไปก่อนนะเด็กๆ เฝ้าบ้านดีๆ” 

    พวกนั้นพากันเห่าโฮ่งเสียงดัง หมอหันมามอง กวักมือเรียกผมเบาๆ ผมเดินนิ่งๆ เข้าไปหา เจ้าตัวหยิบปลอกคอที่ผมเลือกขึ้นมาถือ อมยิ้ม ปลดล็อกแล้วเอามาใส่คอทันที ผมรีบจับมือเขาไว้ด้วยสัญชาตญาณป้องกันภัย ทำให้มือผมกุมมือเขาไว้แน่น


    “จะทำอะไร”


    “ชอบไม่ใช่เหรอ ฉันให้”


    “ผมไม่ใช่หมา”


    “เห็นทำหน้าดุตลอดคิดว่าใช่ เอาไปสิ ฉันให้ พี่เชฟไม่ชอบ”


    “ไม่เอา” 

    ผมจ้องด้วยดวงตาดุๆ คนตรงหน้าฉีกยิ้ม ผมกระชากมือนั้นออก พอๆ กับปลอกคอ ก้าวนำออกไป คนด้านหลังบอกลาหมาตัวเองอีกรอบ วิ่งตามผมมาติดๆ ผมก้าวขึ้นรถ สตาร์ทเครื่องทันทีที่เขานั่งประจำที่ได้


    ดึกแล้ว รถจึงไม่ติดมาก พอลงรถได้ เขาก็วิ่งร่าไปหาหงส์ซานทันที รายนั้นก็ฉีกยิ้มกว้างรับ


    คนปัญญาอ่อนเข้ากันได้ดีกับคนปัญญาอ่อนจริงๆ




    “ไปไหนมาพี่”


    “หมอกันต์ให้ไปซื้อการ์ตูน”


    วิกเซอร์หัวเราะ แต่ผมหัวเราะไม่ออก


    “เจ้านายล่ะ”


    “อาบน้ำ”


    ผมพยักหน้าเข้าใจ สลับกับน้องไปทำหน้าที่คอยดูแลคนที่นั่งดูทีวีอยู่ เวลานายใหญ่ไม่อยู่หงส์ซานจะอยู่ข้างล่างนี่ประจำ แต่เวลาอยู่จะไม่สุงสิงกับใครหรอก


    หงส์ซานเป็นเหมือนนกน้อยที่พร้อมจะบินออกจากกรงได้เสมอถ้าเผลอเปิดกรงทิ้งไว้ นั่นทำให้เจ้านายผมต้องคอยจับตามองตลอด


    “น้องหงส์ ได้ข่าวว่าจะไปฮันนีมูนเหรอ”


    “แค่ไปเที่ยวพี่หมอ ไม่ได้ไปฮันนีมูน” หงส์ซานค้าน ทั้งที่ความเป็นจริงยังไงก็หนีไม่พ้น


    “ไปไหน”


    “มัลดีฟ”


    หมอกันต์ตาวาว


    แล้วสองคนนั้นก็พูดคุยกันจนเจ้านายผมเดินหล่อลงมา เขามองผมนิดหนึ่ง ไม่พูดอะไร เดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ หงส์ซาน ดึงลิงนั่นไปนั่งบนตัก

     

    “ชักอิจฉาคนมีเมียซะแล้วว้า”

     

    “อยากมีก็หาสิ หน้าตาฐานะก็ใช่จะขี้ริ้ว” เจ้านายผมตอบ

     

    “กำลังจะจับใส่ปลอกคอ ช่วงนี้กำลังดุได้ที่”

     

    “คนหรือหมา”

    หมอกันต์ไม่ตอบ หัวเราะหึๆ เหลือบมองมาทางผม ผมขมวดคิ้วมอง ทำหน้านิ่งๆ ไม่ได้สนใจอะไรอีก

     

    เวลาที่เจ้านายเข้านอน คือเวลาพักผ่อนผมเช่นกัน (ผมทำงาน 24 ชั่วโมง แต่สามารถแวบไปทำธุระส่วนตัวของตัวเองได้เมื่อเจอช่วงเวลาเหมาะๆ และเห็นว่าเจ้านายมีคนช่วยดูและมีความปลอดภัยพอควร) พอรายการทางทีวีที่หงส์ซานดูอยู่จบ เจ้านายผมก็กดปิดทีวี ไล่ให้เพื่อนกลับบ้าน 

     

    ดูจากท่าทางเจ้านายวันนี้ ผมว่าพรุ่งนี้หมอกันต์ต้องวิ่งโร่มารักษาหงส์ซานอีกแน่ๆ

     

    หมอกันต์อ้าปากหาว

     

    “คืนนี้ขอนอนนี่ละกัน ขี้เกียจกลับ พรุ่งนี้ไม่มีงาน”

     

    “ตามใจ ก็ดี เผื่ออาจต้องใช้บริการหมออีก”

    เป็นไปตามที่ผมคิดไหมล่ะ

     

    หมอหัวเราะหึๆ อย่างรู้กัน ยกเว้นเหยื่อที่ดูจะไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร

     

    พอเจ้านายไป ผมก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองบ้าง ผมใช้เวลาชำระล้างร่างกายไม่นานก็เรียบร้อย ทิ้งตัวลงนอน หัวไม่ทันจะถึงหมอนก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ผมลุกจากเตียง เดินตรงไปเปิดประตู เห็นหมอกันต์มายืนยิ้มแฉ่งตรงหน้า

     

    “กลัวผี ขอนอนด้วยคนสิ”

     

    ผมขมวดคิ้ว เจ้าตัวไม่รอให้ผมอนุญาต สอดตัวเข้ามาภายใน เดินดุ่มๆ ขึ้นไปบนเตียง รื้อผ้าห่มคลุมตัว

     

    จะไล่ก็คงไม่ไป ผมเลิกสนใจ ปิดไฟอีกรอบ ทิ้งตัวลงนอนนิ่งๆ แล้วผมก็หลับไปแค่นั้น

     

    หลับไปได้สักพัก ผมต้องลืมตาพรึบด้วยสัญชาตญาณที่ถูกฝึกมาอย่างดี ผมก้มมอง มือของคนที่นอนข้างๆ พาดมากอดบนเอว ผมหันไปมอง เจ้าตัวยังนอนนิ่ง

     

    สงสัยจะละเมอ ผมค่อยๆ จับมือนั้นออก พักหนึ่งมันก็ตวัดกลับมาพาดอีก ผมขมวดคิ้ว

     

    จับออกอีก

     

    นี่ละเมอ หรือว่าหมอยังไม่หลับ

     

    “หมอ” ผมเรียก

     

    คนด้านข้างเงียบ

     

    “หลับหรือตื่นอยู่”

    ปกติผมจะเก่งเรื่องจับความรู้สึกคน แต่หมอกับเจ้านาย คือสองบุคคลที่ผมยากจะจับความรู้สึกได้ ยกเว้นบางเวลาจริงๆ แต่หมอนี่เดาไม่ออก เพราะเอาจริงกับเล่นแทบแยกกันไม่ออก

     

    ตอนนี้ก็เหมือนกัน สภาพทางกายภาพ หมอหลับแน่ๆ แต่มือที่กอดผมอยู่นี่ทำให้ผมไม่แน่ใจ

     

    “หมอ”

    ผมเรียกอีกรอบ

     

    เขายังเงียบอยู่ ผมจับมือเขายกออกอีกรอบ คราวนี้มันกลับมากอดใหม่

     

    ผมว่าหมอตื่นแล้วแน่ๆ

     

    “หมอ อย่าล้อเล่น ดึกแล้ว”

    ผมบอกเสียงเย็น ถ้าเป็นคนอื่น คงกลัวจนขนลุก ยกเว้นอยู่สามคนนี่แหละ ที่ไม่ค่อยเกรงกลัวกับออร่าสังหารที่ผมส่งไป เจ้านายน่ะยกเว้นไว้เถอะ สองคนที่เหลือก็หมอกับลิงปัญญาอ่อนอย่างหงส์ซานนั่นแหละ ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ผมปล่อยให้เขากอดไว้อย่างนั้น ไม่รู้จะเล่นพิเรนทร์อะไรอีก

     

    ผมสะดุ้งเฮือก เมื่อมือนั้นเลื่อนต่ำลงไปที่หน้าท้อง ผมขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจ แล้วมือนั้นก็ต่ำลงไปอีก และก่อนที่มันจะแตะลงบนส่วนสงวนผม ผมรีบตะครุบจับมือนั้นไว้ทันที

     

    “หมอ!! 




    To be Con..

    โบราณว่าไว้ อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจหมอ ....

    (เจอกันเมื่อเม้นท์ชน 1120)

    (จองหนังสือหงส์ซาน จิ้มที่นี่ 


    เวอร์ชั่นอีบุ๊คค่ะ(e-book) 

    (ราคา 339.- จากราคาปก 480.- เนื้อหานิยายมี 27 ตอนจบค่ะ มีตอนพิเศษอีก 3 ตอน (อีบุ๊คจบแล้ว) ดาวโหลดได้ที่ Meb เลยน้า [>>ดาวน์โหลด หงส์ซานอีบุ๊ค<<])

    **ปกนี้เป็นปกชั่วคราวนะคะ**

    แฮทแท็กเรื่องนี้ #หงส์ซาน 


    {ADD FAB}

    เป็นแฟนคลับเรื่องนี้ จิ้มนมพี่หมอเบาๆ >////< ย้ำ!! เบาๆ นะคะ 

    (บอกคนอื่น แต่อิไรท์กระแทกเม้าส์ใส่นมหมอไม่ยั้ง -,.-)






    มีข่าวมาประชาสัมพันธ์

    สำหรับคนอ่านเรื่อง Feel คนเจ้าอารมณ์ ไรท์แยกเอาเฉพาะตอนพิเศษคู่นาคินทร์อนุชาที่เขียนขึ้นมาใหม่มารวมกันไว้ในเล่มเดียวแล้วนะคะ (เป็นอีบุ๊คค่ะ) ราคา 99.- บาท ส่วนฉบับหนังสือนี่ขอดูยอดคนจองก่อนว่ายอดถึงให้ตีพิมพ์เป็นรูปเล่มได้ไหม ใครอยากได้เป็นเล่ม หลังไมค์นะคะ 

     4 ตอนที่เขียนขึ้นมาใหม่ค่ะ

    1. เคียงข้าง (นาคินทร์เล่า NC) 

    2. นาคินทร์แปลงร่าง (อนุชา NC) 

    3. มีกันและกัน (อนุชา) 

    4. ลอยกระทง (นาคินทร์ NC) 



    ดาวน์โหลดได้ที่นี่ค่ะ https://goo.gl/U8z4gl

    อันนี้ฉบับสมบูรณ์ (นาคินทร์อนุชา ฉบับสมบูรณ์) https://goo.gl/qnjxxj

    อันนี้เรื่องเต็มๆ ค่ะ Feel คนเจ้าอารมณ์รวมทุกคู่ 1-4 (แต่ไม่มีตอนพิเศษที่เขียนขึ้นมาใหม่) 

    https://goo.gl/5TJsnd



    ถ้าใครยังไม่เคยอ่านไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ 

    https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1438026





    Follow and Contact writer Memew here 

    เพจ : facebook.com/memew28

    ทวิต : @Memew28

    เมล : Memew28(แอท)gmail.com

    instagram : Memew28


    Line : Memew28 


    ช่วงตอบคอมเม้นท์ประทับใจ 





    พออ่านคอมเม้นท์นี้จบปุ๊บ จิ้มไอดีแรงจนเม้นส์แทบพังเพื่อเข้าไปดูว่าเป็นนักเขียนหรือเปล่า ถ้าใช่จะได้รีบวิ่งเข้าไปหา จับมือแล้วขอลายเซ็นมาไว้แนบอก 
    ADD
    แป่ว...
    ต้องขอเป็นเพื่อนก่อน แต่ไม่เป็นไร ขอไปแล้ว ชอบมาก โดยเฉพาะประโยค "รอวันที่ซันไรส์ยอมมองอีกเลนที่ขนาบข้างมาเหมือนกัน" กับ "อุทิศชีวิตโคจรรอบดาวเคราะห์แด่นายน้อยของข้า" สำนวนสวยมาก ถ้าเป็นนักเขียนภาษาต้องสวยสุดๆ เปรียบเปรยได้เห็นภาพ ถ้าเป็นนักอ่าน ท่านก็เป็นนักอ่านและนักคอมเม้นท์ที่ประเสริฐที่สุด คอมเม้นท์ได้สวยมากก นี่อ่านวนไปสี่ห้ารอบ ไหลเลย ตัวละลาย ชอบบบ >///<

    ส่งจูบรัวๆ ขอบคุณที่มาทำให้เช้าเวลาประมาณ เอ่อ...(เหลือบมองนาฬิกา) 05.04 พอดีมีความสุข พอละ พอใจมาก มีความสุขมาก ไปอาบน้ำ สวดมนต์ ทำวัตรเช้า (รู้สึกนิพพานก่อนได้นั่งสมาธิ) 
    โอ้บุดดา~~
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×