ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #119 : “Moe anthropomorphism” เหมือนมนุษย์!!

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 56



     

                    ก่อนอื่นก็เหมือนเดิมคือขอรายงานสิ่งที่ผมกำลังดูอย่างช่วงนี้นะครับ เริ่มจากเซกิ ซากปีศาจ ผมได้ดูจนจบแล้วผมนั่งเงียบไปพักใหญ่ ในหลายๆ ความหมาย เนื้อหามีทั้งโศกนาฏกรรม โรคจิต ก่อนที่จะโปรยคำถามที่ยากจะตอบว่ามนุษย์กับปีศาจอันไหนน่ากลัวกว่ากัน ดูๆ ไปการ์ตูนเรื่องนี้มีส่วนคล้ายเกาะกระหายเลือดมาก เพียงแต่การ์ตูนเรื่องทำได้ดีกว่า แต่กระนั้นก็ใช่ว่าจะดีทั้งหมด การออกแบบตัวละครบางตัวไม่เข้ากับฉากชนบทเลย(เจ้าบ้านนี้นึกถึงบอสใหญ่จากเกาะกระหายเลือดมาก) ฉากจบที่จบแบบไม่สุด ไม่มีคำโปรยว่าเรื่องราวต่อจากนั้นเป็นยังไง ตัวละครที่เหลือเป็นยังไงบ้าง สำหรับว่าผมจะเขียนเรื่องความรู้สึกที่ได้ดูเซกิไหมก็ขอตอบว่าไม่เขียนครับ

                    ช่วงนี้ผมเกือบจะสิ้นหวังการ์ตูนออกใหม่แล้วนะครับ ที่ไม่มีเรื่องไหนถูกใจผมสักเรื่อง แต่แล้วจู่ๆ ก็มีการ์ตูนเรื่องหนึ่งคือ  Fractale มาช่วยชีวิตได้ทันพอดี เพราะผมชอบการ์ตูนเรื่องนี้มากครับ แฟนตาซีที่มาพร้อมกับการตั้งคำถามว่า “ทุกวันนี้มนุษย์สะดวกสบายเกินไปไหม?” สนุกมากครับแค่ 3 ตอนก็ทำเอาผมอยากติดตามต่อแล้วละ เพราะการ์ตูนนี้เอามุกจากค่ายจิบบิมาใช้หลายเรื่อง หวังว่าหากการ์ตูนจบเมื่อไหร่ก็จะเขียนเล่าให้ฟัง(ถ้ามันไม่จบแบบกวนทีนน่ะ)

    ส่วนหนังสือการ์ตูน หลายเรื่องที่ดองไว้ก็เริ่มทยอยวางแผงแล้วนะครับ อย่างเรื่องอลวนนางฟ้าจอมยุ่งก็เริ่มมาวางแล้ว(ญี่ปุ่นมันเล่ม 10 กว่าแล้ว ไทยเราช่างนานเหลือคณานับ) และอีกไม่นานการ์ตูนที่ผมรอคอย “แก๊งสามป่วนก๊วนผิดมนุษย์(Nekuromanesuku) ” เล่ม 2 ก็จะมาแล้ว(เรื่องนี้ 3 เล่มจบ) หลังจากที่ผมรอเกือบสองปีกว่าๆ (พิมพ์ภาษาไทยครั้งแรก 2009) ที่นำเสนอพระเอกซอมบี้ที่สนุกเรื่องหนึ่ง

     

    เวลาเราดูการ์ตูนญี่ปุ่นเคยสังเกตไหมว่าญี่ปุ่นนี้ชอบทำอะไรให้น่ารักเหลือเกิน ไม่ว่าจะเปลี่ยนสิ่งที่ไม่น่ารักให้น่ารัก ไม่ว่าจะเป็น ทหาร แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า  และที่ยิ่งกว่านั้นคือการเปลี่ยนสิ่งน่าเกลียดหรือสิ่งที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวันแต่เราไม่ใส่ใจให้มันโมเอะขึ้น เช่น ปลาหมึก หัวไชเท้า โทรศัพท์มือถือ หุ่นยนต์ หรือแม้แต่แมลงสาป!!

     

     

    Anthropomorphism

     

    “บุคลาธิษฐาน”หมายถึง การกำหนดสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ให้เหมือนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ สิ่งของ หรือนามธรรม ที่มีอยู่จริงหรือไม่มีอยู่จริงก็ตาม โดยสิ่งที่กำหนดดังกล่าวจะมีปัญญา มีความรู้สึก แสดงอามรณ์ หรือเจตจำนง จนสิ่งดังกล่าวกลายเป็นมนุษย์ก็ว่าได้

    การที่มนุษย์สมมุติสิ่งที่เป็นนามธรรมว่ากลายเป็นมนุษย์นั้นมีมานาน จนเรียกได้ว่าต้นกำหนดนั้นมีมาตั้งแต่มนุษย์มีปัญญาด้วยซ้ำ คือประมาณ 40,000 ปี ที่จากหลักฐานภาพวาดบนผนัง การเกาะสลัก นอกจากนี้ยังฝังอยู่ในศาสนาและตำนาน ความเชื่อในเทพเจ้าในธรรมชาติ กำหนดเทพเจ้าให้รูปร่างเหมือนมนุษย์ “ในวรรณกรรมต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดจากนิทานชาดก นิทานพื้นบ้านที่สัตว์ต่างๆ มีสติปัญหาเหมือนมนุษย์จนสามารถพูดภาษาของคนได้นั้นก็คือ “ความเหมือนมนุษย์เหมือนกัน”

    นอกจากนี้มนุษย์ยังมีการสมมุติสิ่งของต่างๆ ว่ามีความรู้สึกเหมือนมนุษย์อีกหากมีความผูกพันกับมันมากๆ จนเราจินตนาการว่ามันก็คือเพื่อนของเราคนหนึ่ง เช่นภาพยนตร์เรื่อง Cast Away (2000) ที่พระเอกทอมแฮงค์กำหนดลูกบอลของเราเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ที่เล่นเดียวกัน คุยด้วยกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน เวลาจากกันก็เศร้าด้วยกัน

    เรื่องราวของ “บุคลาธิษฐาน” ในทางจิตวิทยานี้ค่อนข้างซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่าที่คิด เอาเป็นว่าผมจะเล่าแบบง่ายๆ ระหว่างที่แนะนำการ์ตูนจำพวก “เหมือนมนุษย์”ไปด้วยนะครับ

    ดูเหมือนญี่ปุ่นจะเก่งเรื่องจิตวิทยานี้เสียจริง เพราะว่าคนเขียนการ์ตูนหลายคนได้ใช้ “บุคลาธิษฐาน” มาใช้กับผลงานตนเพื่อให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกรักและสงสารกับตัวละครที่พวกเขาสร้างขึ้นโดยมีแรงบันดาลใจจากสิ่งที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวัน(ใครสนใจการ์ตูนต่อไปนี้สามารถเอาไปแปลที่เว็บแมวดุ้นได้เลยนะครับ ผมจะรออ่าน รอเม้น)

      

    I Am a Piano (manga) วาดโดยกลุ่มที่ชื่อ pinklotus89 การ์ตูนเรื่องสั้น 8 หน้า ที่หลายคนยกย่องว่า “เยี่ยม”  เพราะเนื้อหาแปลกใหม่ ไม่ซ้ำซาก และน่าติดตาม โดยการ์ตูนได้ปูพื้นถึงชีวิตเปียโนที่สมมุติเป็นตัวตนของเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งที่มีนิสัยที่เงียบและอ่อนแอ ที่เธอถูกส่งตัวเพื่อเป็นคู่กับนักเปียโนหนุ่มหล่อหลายคน(เปลี่ยนมือเจ้าของ) ตอนแรกเธอคิดว่านี้คือความสุขเพราะเธอได้อยู่กับคนที่เธอรัก แต่แล้วชีวิตของคู่รัก(มนุษย์ที่เป็นเจ้าของ)ของเธอนั้นแสนสั้นจริงๆ บางคนตาย บางคนได้แฟนใหม่(เปียโนใหม่)จนต้องทิ้งเธอ ทำให้เธอต้องขาดคู่ครองจนเธอต้องอยู่เดียวดายเหงาเศร้าสร้อย จนกระทั้งเวลาผ่านไปหลายยุคสมัยหลายสมัย(ยุโรป) และแล้วเธอได้พบแฟนคนใหม่ซึ่งอดีตเป็นเด็กที่เคยเล่นกับเธอ ที่ตอนนี้เด็กดังกล่าวเป็นหนุ่มหล่อและรักเธอเสียด้วยสิ!! และนี้คือการ์ตูนสั้นไม่กี่หน้าแต่ดูแล้วได้อารมณ์เงียบและประทับใจจริงๆ และเราสามารถดูการ์ตูนดังกล่าวดูได้ที่เว็บในบรรทัดถัดไป

    http://manga.animea.net/i-am-a-piano-chapter-1%20(One%20Shot)-page-2.html

    คำเดียวที่จะบอกคือ “เปียโนจังน่ารักเว้ย!!!!!I Am a Piano เป็นการ์ตูนที่สื่อถึงมนุษย์กับสิ่งของอย่างละเอียดและสวยงาม แม้ว่ามันจะมีเพียง 8 หน้า แต่มันก็สามารถบรรลุผลที่ต้องการสื่อแล้ว ด้วยรูปลักษณ์หนูเปียโนที่น่ารัก ลูกเล่นของสีเรียบง่ายแต่งดงาม การใช้เทคนิคเลขาคณิต ภาพฉากหลังที่สื่อถึงความสิ้นหวัง มันช่างดูแล้วได้อารมณ์จริงๆ จนเรามีความรู้สึกว่าเปียโนนั้นเป็นเหมือนมนุษย์ที่อารมณ์สุขเศร้าเหมือนกัน ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าคุณจะต้องร้องไห้หรือประทับใจมากกว่าหนึ่งครั้งเมื่ออ่านการ์ตูนดีๆ ที่เหมาะสมสำหรับทุกวัยแบบนี้  

    เมื่อญี่ปุ่นเอาศัพท์Anthropomorphismมาใช้กับตัวละครที่สมมุติขึ้นจากสิ่งไม่ใช่มนุษย์ให้มันน่ารักขึ้น จนได้กลายเป็นศัพท์ใหม่ครับเรียกว่า “Moe anthropomorphismซึ่งเทคนิครูปแบบดังกล่าวพึ่งมาบูมในปี 1700 โดยนอกเหนือจากสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์กลายเป็นมนุษย์มีนิสัยเหมือนกับมนุษย์แล้ว สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือความน่ารักขึ้น มีการแต่งชุดคอสเพลย์ที่สื่อถึงอารมณ์ของตัวละครดังกล่าว ส่วนมากจะเน้นเพศหญิงมากกว่าเพศชายเนื่องจากได้รับความนิยมมากกว่าและเหมาะแก่การเป็นมาสคอตสินค้าอุปโภคบริโภคอีกด้วย นอกจากนี้ยังกำหนดวัยด้วย โดยเน้น เป็นเด็กผู้หญิงมากกว่า(หญิงชราโมเอะนี้คงไม่ไหว ขายไม่ออกชัวร์) และนอกจากนี้ยังพิมพ์คำว่า “ตัน” หรือ “จัง” ต่อท้ายเพื่อสื่อให้ถึงเพื่อนหรือครอบครัว หรือสัตว์เลี้ยง สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นวัฒนธรรมที่นิยมกันมากในหมู่ของโอตากุ และนอกจากนี้ยังแตกสาขาย่อยต่างๆ มากมาย เช่น Kemonomimi

      

    บางครั้ง “ความเหมือนมนุษย์” ก็ถ่ายทอดให้มันหักมุมแบบอมยิ้มได้ด้วยนะครับ เหมือนการ์ตูนด้านล่าง

    Lingering On The Way ผลงานโดย KUNIEDA Saika นักวาดยาโอย การ์ตูนที่ตอนแรกดูนึกว่าเป็นการ์ตูนวาย ประเภท เพื่อนกรูรักเมิ่งว่ะ ที่เป็นคู่ระหว่างหนุ่มหล่อน่ารักกับตาแก่หน้าเหมือนคุณลุง มาถึงก็กอดรักฟัดเหวี่ยงกัน คนอ่านแทบกริ๊ดว่าอะไรว่ะคู่นี้รักกันได้ไงเนี้ย ลุงแก่กับหนุ่มหล่อ เดี๊ยนรับไม่ได้ แต่เมื่อเรื่องเฉลยตอนท้ายก็ร้องเอ๋อที่แท้อย่างงี้นี้เอง(สปอยตอนท้ายนะครับอย่าอ่านละ ถ้าไม่ได้ดูก่อน)และเราสามารถดูการ์ตูนดังกล่าวดูได้ที่เว็บในบรรทัดถัดไป

    http://www.mangafox.com/manga/lingering_on_the_way/v01/c001/2.html

    สปอย ตาลุงที่ว่าเป็นแมวครับ ที่เป็นเพื่อนกับหนุ่มหล่อมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าหนุ่มหล่อคนนี้จะโตแล้วก็ตาม หนุ่มหล่อคนนี้ก็ยังรักแมวของเขา แม้ว่าแมวดังกล่าวจะแก่แล้วก็ตาม และที่น่าเศร้าก็คือแมวตาลุงดังกล่าวตายไปนานแล้วครับ แต่พี่แกยังเป็นห่วงว่าหนุ่มหล่อคนนั้นจะมีความสุขไหม พี่แกเลยลงมาจากสวรรค์เพื่อมาดูว่าหนุ่มหล่อคนนั้นตอนนี้มีเป็นยังไง ส่งผลทำให้เกิดฉากวายดังกล่าว(ฮ่า)

      

    บางครั้งนักเขียนญี่ปุ่นยังเปลี่ยนสิ่งน่าเกลียดให้มันโมเอะขึ้นด้วยนะครับ เช่นการ์ตูนด้านล่าง

    Gokiburi Gijinka เป็นเรื่องราวของแมลงสาบตัวหนึ่งชื่อ “โกคิชา”สุดน่ารักมีหัวใจอันบริสุทธิ์มองโลกในแง่ดีเสมอ ที่เธอพยายามจะเป็นเพื่อนกับมนุษย์ แต่กระนั้นเธอไม่สามารถมีเพื่อนเป็นมนุษย์ได้สักที เพราะมนุษย์เห็นเธอเป็นแมลงสาปที่น่ารังเกียจ บางคนเห็นแล้วอยากกระทืบให้ตายด้วยซ้ำ แต่กระนั้นเธอก็ไม่ท้อถ้อยเพราะเธอเชื่อว่าสักวันเธอจะมีเพื่อนที่เป็นมนุษย์ให้ได้ และเราสามารถดูการ์ตูนดังกล่าวดูได้ที่เว็บในบรรทัดถัดไป

    http://www.nekopost.net/project/manga/gokiburi_gijinka/1

    ผมเหลือเชื่อจริงๆ ว่าคนญี่ปุ่นสามารถเปลี่ยนแมลงสาปให้มันน่ารักได้ โดยคนอ่านการ์ตูนเรื่องนี้ก็เกิดความคิดไม่กล้าฆ่าแมลงสาป แต่กระนั้น ในมุมมองตัวละคร(มนุษย์)ในเรื่องมอง “โกคิชา” เป็นแมลงสาปน่าเกลียดน่ากลัว แต่พออยู่ในมุมมองของคนอ่าน “โกคิชา” กลับเห็นเป็นคน แถมยังน่ารัก น่ากอด มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนมนุษย์ พยายามจะเป็นเพื่อนกับคน

     

    Chokotto Hime(2006) เป็นการ์ตูนแนวคอมมาดี้ ชีวิตประจำวัน 4 ช่องจบ ผลงานแรกๆ ของ Ayami Kazama ที่ โดยในไทยลิขสิทธิ์โดยสยามในชื่อ ฮิเมะ แมวเหมียว เดี๋ยวคนเดี๋ยวแมวมี 7 เล่มจบ

    Chokotto Hime เป็นเรื่องราวของแมวน้อยตัวหนึ่งที่กลายเป็นแมวหนีออกจากบ้านโดยไม่ได้ตั้งใจ จนกระทั้งมีชายหนุ่มแสนธรรมดาคนหนึ่งชื่อ นาเบะเก็บมาเลี้ยง ตอนแรกๆ นาเบะไม่คิดอะไรมากเลี้ยงไว้เพื่อหาเจ้าของเท่านั้น หากแต่ไปมาๆ ก็เริ่มหลงติดใจความน่ารักของเจ้าแมวน้อยตัวนี้ เลยเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงประจำครอบครัวซะเลย โดยตั้งชื่อว่า ฮิเมะ และเขาก็ได้ค้นพบความสุขเมื่อเขาได้เลี้ยง ฮิเมะ แม้ว่าฮิเมะจะมีนิสัยชอบไม่อยู่สุขก็ตาม

    http://www.mangafox.com/manga/chokotto_hime/v01/c001/

     

     Kemonomimi มีความหมายว่า หูสัตว์ครับ โดยเป็นแนวคิดการวาดภาพบิโชโจะ(เป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่า เด็กผู้หญิงสวยมักนำมาใช้แสดงถึงประเภทของการ์ตูนและเกมที่มีจุดเด่นเป็นตัวละครหญิงที่มีหน้าตาและรูปร่างสวยงาม)มานำเสนอในภาพลักษณ์ของสัตว์ โดยเติมหูเติมหางเข้าไป โดยส่วนมากสาวในรูปลักษณ์ของแมว(สาวหูแมว)กำลังเป็นที่นิยม และนอกจากนั้นยังมีสาวหูหมา สาวหูกระต่าย โดยแต่ละตัวจะสื่อถึงนิสัยภาพลักษณ์ที่ต่างกัน

                     

                    Strike Witches เป็นการ์ตูนที่ผมดูแล้วไม่ค่อยดูสักเท่าไหร่ (อย่าหวังให้ผมเขียนถึงล่ะ)  อืม...คร่าวๆ ก็เป็นการ์ตูนสาวน้อยมหัศจรรย์พลังเวทมนต์และการใช้เทคโนโลยีการทหารมาต่อสู้ในสงครามกลางเวหากับศัตรูปริศนา โดยนอกเหนือจะภาพลักษณ์ของกลุ่มตัวเอกที่เป็นสาวน้อยน่ารักกับเกราะและอาวุธปืนแล้วยังใส่หูและหางสัตว์เข้าไปด้วย เพื่อสื่อถึงความน่ารักและนิสัยของตัวละครนั้นๆ

                    Strike Witches นั้นใช้หลักการ “สาวน้อยจักรกล” มาใช้นะครับ สาวน้อยจักรกลหรือ Mecha Musume  เป็นรูปภาพที่ผสมกันระหว่างผู้หญิง กับเครื่องจักรกลโดยปกติจะอยู่ในรูปแบบการสวมเกราะ ซึ่งแสดงถึงความงดงามของหญิงสาวภายใต้ชุดเกราะและอาวุธ โดยปกติ พูดถึงหุ่นยนต์ส่วนใหญ่นึกถึงกันดั้มหรือหุ่นยนต์รูปแบบเท่ๆ ในภาพลักษณ์สื่อถึงมนุษย์ผู้ชายมากกว่า แต่กระนั้นหลังๆ ก็เริ่มให้หุ่นยนต์เป็นผู้หญิงแล้ว หรือเรียกว่ากัมดั้มหญิง(MS shojo) แต่กระนั้นรูปลักษณ์สาวน้อยจักรกลส่วนใหญ่ไม่ได้เน้นเป็นเครื่องจักรทั้งตัว แต่จะเครื่องจักรเฉพาะแขนขาเท่านั้นโดยจะเกราะใส่ตามส่วนๆ ของร่างกาย เช่น หัว, อก และหัว แต่กระนั้นอาจมีเสื้อสวมใส่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแบบทหาร มิโกะ ชุดแม่บ้าน ชุดว่ายน้ำ ฯลฯ  โดยสาวจักรกลยังมีบางส่วนยังคงมีผิวหนังเป็นมนุษย์และยังคงรูปร่างเป็นสาวน้อย นอกจากเป็นหุ่นยนต์และก็ยังมีสาวน้อยรถถัง, สาวน้อยเครื่องบิน หรือสาวน้อยเรือ ฯลฯ

     

                 

    คอมพิวเตอร์ก็นับว่าเป็นอีกสิ่งที่มีการดัดแปลงให้เป็นโมเอะบุคลาธิษฐาน ไม่ว่าจะเป็น Chobits (2001) and Toy's iMac Girl (1998) และที่โด่งดังที่สุดคือเหล่าตัวละครโอเอสตัน(OS - tans) ที่เป็นตัวละครที่สร้างขึ้นในกลุ่มศิลปินสมัครเล่น ที่ใช้ในกระดานสนทนาฟุทาบะแชลแนล โดยจุดเริ่มต้นในการสร้างเกิดขึ้นในปี 2003 ที่เริ่มมีการสมมุติตัวตนของระบบวินโดวส์เอ็มอีว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่ไม่เสถียร ชอบหยุดทำงานปล่อยๆ ทำให้ผู้กระดานสนทนามีความคิดว่าหากเปรียบระบบนี้เหมือนสาวน้อย จะต้องเป็นสาวน้อยที่อ่อนแอซุ่มซ่าม จนกลายเป็น OS – tans ที่แสนอ่อนแอดังกล่าว ต่อมาก็เริ่มมีตัวละครอื่นๆที่เป็นโอเอสตันตามมา ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมต่างๆ  เว็บเบราว์เซอร์ ฮาร์ดแวร์ เครื่องเล่นเกมส์ เช่น Mac OS X, Linux, Linspire ซึ่งเป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด แต่กระนั้นก็ยังมีตัวละครชายหลุดมาบ้างซึ่งเป็นโปรแกรมประยุกต์ใข้วานแบะฮาร์ดแวร์ เช่น Norton AntiVirus – tans โดยออกแบบภาพลักษณ์เป็นคุณหมอหื่นกามดูแล้วน่าขนลุก เอาเป็นว่าใครอยากรู้ว่าตัวละครของโอเอสตันมีอะไรบ้างก็ไปลองดูที่เว็บข้างล่าง

    http://115.178.62.8/board/showthread.php?p=1660133

      

    เครื่องเล่นเกมก็เป็นอีกหนึ่งที่มาการนำเสนอรูปลักษณ์เป็นสาวน้อย ไม่ว่าจะเป็น  DS – tans ที่นำเสนอเป็นสาวน้อยผมยาวสีชมพูท่าทางสดใส(ขึ้นอยู่กับรุ่น DS ด้วย)  สื่อให้เห็นว่าเครื่องเล่น DS นั้นเป็นเครื่องเล่นขนาดพกพาเหมาะสมหรับทุกเพศทุกวัย หรือจะเป็น XBoX-tan ในภาพลักษณ์สาวน้อยเครื่องจักรที่ดูทันสมัย PS3-tan จะออกมาในรูปลักษณ์สาวเครื่องจักรมั่นที่ดูลึกลับและน่าหลงไหล นอกจากนี้เว็บไซต์อินเทอร์เน็ตก็ยังเป็นโมเอะบุคลาธิษฐาน ที่เรารู้จักในชื่อ Wikipe-tan

      

    อาหารก็ยังไม่เว้นที่คนญี่ปุ่นจะทำให้มันโมเอะ โดยตัวอย่างคือเหล่าตัวละคร Habanero-tan ผลงานของศิลปินนักออกแบบตัวละคร Shigatake(ผลงานจากเกม Odin Sphere และ GrimGrimoire) ที่นำอาหารซึ่งเป็นขนมขบเคี้ยวมาทำให้เป็นคน โดยมีตัวเอกคือหนูพริกแดง  ฮาบาเนโร-ตัน(พริกเผ็ดมากของเม็กซิโก) ซึ่งตัวละครนั้นเป็นตัวนำโคอย่างไม่เป็นทางการของขนม Habanero Bokun ที่เป็นมันฝรั่งเผ็ดปานกลาง โดยตัวละครกำหนดให้เหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาซุกซนและตัวละครอื่นๆ เช่น Habanero-neesan, Milk - san ซึ่งตัวละครดังกล่าวได้รับความนิยมถึงขั้นทำเป็น OVA เกมโดจิน และการ์ตูน 4 ช่องจบ ดังที่เห็นบางส่วนจากการแปลไทยด้านล่าง(อยากดูอีกก็ลองหาดูกูเกิลมีเยอะมาก โดยพิมพ์คำว่า (Shigatake) Habanero 4koma (English Translated))

    http://digichan.exteen.com/20090816/habanero-tan-21-24

                    ไม่เพียงแต่จะใช้สิ่งมีชีวิตและสิ่งของที่จับต้องมาทำให้โมเอะเท่านั้น สิ่งที่จับต้องไม่ได้หรือนามธรรมก็ถูกนำมาให้โมเอะเช่นกัน

                     

    Hetalia Axis Powers เป็นการ์ตูน ญี่ปุ่นสี่ช่องจบล้อประวัติศาสตร์ โดยเปลี่ยนประเทศให้เป็นตัวละครชายและผู้หญิงที่มีลักษณะนิสัยแตกต่างกันออกไป ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในรูปแบบการ์ตูนออนไลน์ที่อ่านฟรีในอินเตอร์เน็ต เป็นผลงานของอิมารุยะ อิเดคาสึ (Hidekaz Himaruya) ก่อนที่จะถูกทำเป็นการ์ตูนคอมมิค(2003) ยอดขายเฉียดสามแสนเล่ม ก่อนที่จะเป็นอมิเนชั่นตามระเบียบ(ปัจจุบันหนังสืออกมาแค่ 3 เล่มอยู่)

                    Hetalia Axis Powers การ์ตูนนี้เป็นการ์ตูนตลกประมาณว่าล้อสงครามโลกครั้งที่ 2 และประวัติศาสตร์ของชาติต่างๆ โดยเอาลักษณะนิสัยที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของชาตินั้นๆ มาถ่ายทอดเป็นตัวละครแบบฮ่าๆ คือตัวละครในเรื่องจะใช้ชื่อประเทศนั้นๆ โดยจุดศูนย์กลางจะอยู่ที่ตัวเอกชื่อ อิตาลี(เหนือ) ที่มีเอกลักษณ์นิสัยขี้อ้อน อ่อนแอ ร่าเริงติดคนง่าย รักศิลปะ ชอบพาสต้ามากๆ(จากประวัติศาสตร์นี้อิตาลีชอบพาลต้าถึงขนาดเวลารบอียิปต์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 สถานการณ์ไม่ค่อยมีน้ำ ทหารอิตาลียังจะต้องต้มพาสต้าให้ได้ เลยเกือบตายเพราะขาดน้ำ ดีที่เยอรมันช่วยไว้) ชอบเยอรมัน(เพราะเป็นพันธมิตรกับคนเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2) ส่วนตัวรองก็เยอรมันคุง(เหล่าแฟนๆ เรียกว่ามันฝรั่ง) เป็นคนจริงจัง เจ้าระเบียบ ไม่ยอมแพ้ และไม่ค่อยสนิทกับใครเป็นพิเศษ แต่โดนอิตาลีเกาะอยู่บ่อยๆ ทำให้ต้องเป็นเพื่อนแบบช่วยไม่ได้  นอกจากนี้ยังมีตัวละครหลายประเทศ เช่นญี่ปุ่น เป็นคนเงียบๆ ที่ดูลึกลับ(เพราะญี่ปุ่นปิดประเทศหลายร้อยปี) ขยัน จริงจัง รักสงบ และยึดมั่น วัฒนธรรมและประเพณี, อเมริกันรักอิสระและอยากเด่นเป็นฮีโร่, คนอังกฤษทำอาหารห่วย เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติและชอบสอดรู้สอดเห็น(หน่วยข่าวกรองอังกฤษขึ้นชื่อมาก), ฝรั่งเศสชอบศิลปะแต่ขี้ขลาด เป็นต้น

              

    Afghanis-tan เขียนโดย Timaking  เป็นการ์ตูน 4 ช่องจบ(4Koma) ของสำนักพิมพ์ SansaiBooks แต่เผยแพร่ทางออนไลน์ในระหว่างตุลาคม 2004 1 กุมภาพันธ์ 2005 เป็นการ์ตูนสั้นๆ จบภายใน 1 เล่ม โดยชื่อการ์ตูนนี้มาจากชื่อนางเอกในเรื่องที่ชื่อ อัฟกานิส-ตัน โดยเนื้อหาจะเป็นการสอดแทรกประวัติศาสตร์ของอัฟกานิสถานและประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์ถึงปัจจุบัน(ศตวรรษที่ 19) โดยดำเนินเรื่องโดยใช้ตัวละครที่เป็นผู้หญิงน่ารักโมเอะเป็นตัวแทนของประเทศนั้นๆ โดยมีนางเอกเป็นอัฟกานิส-ตันที่มีบุคลิกลักษณะน่าสงสารและซุ่มซ่ามซึ่งเป็นตัวแทนของประเทศอัฟกานิสสถานมาเป็นตัวละครหลัก นอกจากนี้ยังมีตัวละครหญิงตัวแทนของประเทศเพื่อนบ้านเช่น ปากีสสถาน อุซเบกีสถาน ซึ่งอดีตเคยเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงดินแดนในยุคล่าอาณานิคมมาเล่นมุกตลกน่ารักๆ ร่วมกับอัฟกานิส-ตันด้วย โดยในการ์ตูนสี่ช่องแต่ละหน้าจะมีเนื้อหาซึ่งอธิบายเรื่องราวและประวัติศาสตร์ในความเป็นจริงประกอบอัดมาครึ่งหน้าสั้นๆ ตบท้ายที่ด้านขวา เล่าตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม ยุคสงครามเย็นระหว่างโซเวียตและสหรัฐอเมริกา ไปจนถึงยุคก่อการร้ายเบ่งบานของรัฐบาลตาลีบันและ กลุ่มก่อการร้ายอัลเคด้า ไปจนถึงเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001   และด้วยการ์ตูนล้อเลียนการเมืองและยิ่งเป็นตะวันตก และด้วยเหตุผลบางประการการ์ตูนเรื่องนี้ได้ถูกตัดจบลงเอาไว้ทั้งที่ได้รับความนิยมระดับหนึ่ง

     
                 Hi Ina
    เป็นการ์ตูนสั้น(มาก) มีทั้งหมด 4 หน้า(ไม่รวมเครดิต) ผลงานของ Kei TOUME  นักเขียนลายเส้นหยาบแต่ได้อารมณ์ที่ผมชื่นชอบจากผลงาน Hitsuji no Uta หรือ “สายเลือดมรณะ” ส่วนเนื้อหาการ์ตูนสั้นนี้ไม่ขอบอกเอาเป็นว่าอ่านแล้วคุณจะรักปลาทองมากยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถตามไปอ่านการ์ตูนนี้จากลิงค์ได้ล่าง

    http://www.mangafox.com/manga/hi_ina/c001/1.html

      

    Slice of Black Chocolate เป็นการ์ตูนสั้น(มาก) มีทั้งหมด 8 หน้า(ไม่รวมเครดิต) ผลงานของ MIHARA Mitsukazu (คนเขียนคนนี้ชอบวาดตัวละครแต่งชุดโลลิต้าแถมคนเขียนยังชอบแต่งชุดดังกล่าวด้วย) โดยเนื้อหาการ์ตูนนี้เหมือนสื่ออารมณ์เศร้าๆ ด้วยภาพมืดและวังเวง แต่กลายเป็นว่าเนื้อหาแท้จริงกลับเป็นรักชวนหัวของชายหนุ่มในชุดโลลิต้ามีปีกที่หลงรักสาวโลลิต้า และพยายามเอาใจทุกอย่าง แต่ดูเหมือนสาวเจ้าไม่เล่นด้วย  เพราะอะไรสาวเจ้าไม่เล่นด้วยนั้น คุณสามารถหาคำตอบด้วยการตามไปอ่านการ์ตูนนี้จากลิงค์ด้านล่าง

    http://www.mangafox.com/manga/slice_of_black_chocolate/c001/3.html

    ดูเหมือนว่ากลวิธีการเล่าเรื่องที่นิยมมากที่สุด ในบุคลาธิษฐานในการ์ตูนญี่ปุ่น คือกลวิธีการเล่าเรื่องโดยสองมุมมองจากหนึ่งเดียว คือมุมมองของตัวละครในเรื่องจะมองเป็นเพียงแค่สัตว์(หุ่นยนตร์, สิ่งของ)ธรรมดาไม่มีอะไรน่าสนใจ  หากแต่มุมมองของคนอ่านคนเขียนกลับทำให้สัตว์(หุ่นยนตร์, สิ่งของ)เหล่านี้กลายเป็นสาวน้อย หนุ่มหล่อน่ารักแทน กลวิธีที่ดูเหมือนจะขัดแย้งและไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่กลายเป็นว่าได้รับความนิยมมาใช้อย่างเหลือเชื่อและคนอ่านสามารถสนุกสนานและลื่นไหลได้โดยไม่มีสะดุด

       

    ญี่ปุ่นนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องความน่ารัก ไม่ว่าสิ่งของใดๆ ก็ตามสามารถทำให้มันน่ารักได้ และมีหลายตัวละครคาแร็คเตอร์ที่ส่วนใหญ่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า เช่น ฮัลโหล คริสตี้(Hello Kitty)และพรรคพวก และอีกตัวที่คุณไม่รู้ว่ามันมีด้วยก็คือเจ้า “Daikon Aokubi” ที่ออกแบบโดยบริษัทผลิตของเล่นชื่อ Takara

    Daikon Aokubi หรือ “Daikon” เป็นตัวละครที่ดัดแปลงจากหัวผักกาดยักษ์ของญี่ปุ่น เรียกอีกชื่อว่าหัวไชเท้าญี่ปุ่น Daikon เป็นหัวผักกาดรูปร่างเหมือนแครอทยักษ์ใหญ่ยาวประมาณ 8-14 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 นิ้ว โดยเจ้าหัวผักกาดนี้กลายเป็นสินค้ามากมายไม่ว่าจะเป็นปากกาหรือสติกเกอร์ ส่วนเว็บด้านล่างเป็นการ์ตูนสั้นๆ ของเจ้าหัวไซเท้าและเพื่อนๆ

    http://www.youtube.com/watch?v=1F-rrYF2uos

                  

    และสุดท้าย(แต่ไม่ใช่ท้ายสุด) ผมเกือบลืมการ์ตูนที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาอย่าง Shinryaku! Ika Musume หรือในชื่อไทยว่า หมึกสาว ลุยหลุดโลกอนิเมชั่นที่สร้างจากมังงะของ มาซาฮิโระ อันเบะ” (Masahiro Anbe) ที่ฮิตในโชเน็นแชมเปี้ยนรายสัปดาห์ ตั้งแต่ปี 2007 ที่พิมพ์ต่อเนื่อง 8 เล่ม(ยังไม่จบ) โดยเนื้อหาเกี่ยวกับหมึกสาวชื่อ อิกะ มุสุเมะ” หรือ “หมึกสาว” ที่ให้คำสาบานว่าจะครองโลกและเอาชนะมนุษย์ทุกคนฐานแก้แค้นที่มนุษย์ทำลายธรรมชาติจนทะเลที่เธออาศัยอยู่เกิดมลพิษ แต่บุกขึ้นบกเพื่อเตรียมรุกรานเธอกลับพบกับอุปสรรค์ชิ้นใหญ่ เพราะที่ร้านอาหารริมทะเลยังมีผู้ที่แข็งแกร่งสุดๆอยู่   นั่นคือสามพี่น้องไอซาว่า เอโกะ”, “ไอวาว่า ทาเครุและ ไอซาว่า จิซึรุที่จับเธอเป็นพนักงาน(ทาส) เพราะดันไปทำข้าวของในร้านเสียหาย และนั้นเองเป็นจุดเริ่มต้นที่เธอได้พบกับมนุษย์รอบตัวที่บ้าและโรคจิตยิ่งกว่าเธออีก!!

    เคยมีคนหนึ่งเคยถามเกี่ยวกับอนิเมชั่นเรื่องนี้ว่า “ทำไมการ์ตูนเรื่องนี้ถึงฮิตกันนัก”  (เชื่อว่าคนถามอายุยังน้อยไม่เข้าใจวิถีโอตากุอย่างแท้จริง) ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า การ์ตูนที่ขายโมเอะนั้นส่วนมากจากเป็นคอมมาดี้ตลก เนื้อหาไม่ซับซ้อน อ่านแล้วคลายเครียด  และนำเสนอตัวละครน่ารักเป็นจุดหลัก ดังนั้นการ์ตูนโมเอะเหล่านี้จึงไม่ตอบสนองต่อคนที่ต้องการวางดราม่าแน่นอน จุดเด่นอีกอย่างคือพื้นที่การดำเนินเรื่องนั้นมักเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก สังคมขนาดเล็ก มากกว่าที่จะเป็นโลกกว้างใหญ่ผจญภัยนานับอันตราย   

    และจุดอ่อนสำหรับของการ์ตูนโมเอะเหล่านี้คือการ์ตูนไม่มีแรงจูงใจที่จะอ่านต่อหรืออยากติดตามว่าเนื้อเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะส่วนใหญ่การ์ตูนประเทศนี้มักจบในตอนอยู่แล้ว ดังนั้นการ์ตูนประเภทนี้มักได้คะแนนครึ่งอย่างต่ำ มากกว่าจะได้คะแนนเต็มจากนักวิจารณ์ทั้งหลาย

    Shinryaku! Ika Musume นั้นมีหลายคนชอบมาก หลายคนจะดูการ์ตูนเรื่องนี้มากกว่าจะสนใจคะแนนทั้งหลาย อาจเป็นเพราะความน่ารักของสาวหมึก และอารมณ์โมเอะของเธอ นั้นคือ ความไม่รู้ในโลกกว้างของเธอ ไร้เดียงสา และทะเยอทะยานแต่เหมือนไม่จริงจัง  ที่คนดู ดูแล้วไม่สามารถตอบได้ว่าเธอซื่อหรือโง่กันแน่  นิสัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกนำมาใส่ตัวละครหญิงประเภทไม่ใช่คนแล้วมาโลกมนุษย์ครั้งแรกมานักต่อนัก หลายตัวละครนับไม่หวาดไม่ไหว แต่ความซ้ำซากเหล่านี้กลับทำให้หลายคนดูแล้ว กลับชอบ และแสดงน่ารักเป็นอย่างดี

    นอกจากนั้นสิ่งที่หลายคนชอบ นั้นคือความสัมพันธ์ระหว่างหมึกสาวกับตัวละครต่างๆ ในเรื่อง บางคนเป็นมิตร บางคนเป็นศัตรู รวมไปถึงมุกตลกที่ไม่ได้เน้นฮ่ากลิ้งหลุดโลกหรือบ้าติ๊งต๊องหรือปัญญาอ่อน ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมีอยู่ในการ์ตูนโมเอะทั้งสิ้น ดังนั้นหากคุณไม่ชอบเรื่องเหล่านี้ก็หนีไปเถอะ

           Click to see an enlarged picture

     

     

                    ยังมีศัพท์หนึ่งแตกแขนงมาจาก Anthropomorphism น่ะครับ นั่นก็คือ “Zoomorphism” ที่มีความหมายว่าการทำให้สัตว์มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ คือยืน 2 ขา และพูดภาษามนุษย์ได้ โดยเรามักเห็นจากตำนานหรือเทพเจ้าจากประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อียิปต์ อินเดีย เช่นเทพอานูบีสที่หัวเป็นสุนัขแต่ตัวนั่นเป็นคน

    สำหรับการ์ตูน Zoomorphism ต่างประเทศนิยมมากครับ(ไม่ว่าจะเป็นโป๊และไม่โป๊) คือเนื้อหาจะเป็นแบบแนวดราม่าชีวิตเพียงแต่แทนที่ตัวละครจะเป็นคนกลับทำเป็นสัตว์ยืนสองขาเหมือนมนุษย์แทน ส่วนในญี่ปุ่นแนวแบบนี้ก็เคยฮิตระยะหนึ่งเหมือนกัน หากช่วงหลังๆ ก็ไม่ค่อยจะได้เห็นกันแล้ว ส่วนมากจะเป็นแบบตัวประกอบที่ปะปนในตัวละครที่เป็นมนุษย์มากกว่า อย่างแนวแฟนตาซีนี้มีเยอะ พวกเผ่าพันธุ์สัตว์อะไรเนี้ย (อย่างดราก้อนบอลนี้ภาคแรกปรากฏออกมาเพียบ) และวงการวีดีโอเกมก็ยังเห็นเป็นระยะ(สัตว์แบบอีสปไม่นับนะครับ เพราะที่ผมต้องการจะสื่อคือสัตว์ที่ยืนสองขาและทำกิจกรรมเหมือนมนุษย์ เช่นดื่มเหล้า ทำงาน )

      

    Nemu Shoujo เป็นการ์ตูนสั้นผลงานของ Hirosuke Kizaki เก่าเหมือนกันเพราะเขียนตั้งแต่ปี 1996 เป็นการ์ตูนแนวรักซึ้งๆ เหงาๆ ที่เล่าถึงสาวน้อยคนหนึ่งที่เป็นแมวชื่อเมมุที่ขี้อายเพื่อนน้อยแต่มีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งแต่เธอเลือกที่จะปกปิดความลับนี้ไว้จนกระทั้งเธอได้พบโกโร ซึ่งเจอครั้งแรกเธอก็ตกหลุมรักเขา และนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความลับของเมรุและโกโร

    (สนใจลองดูเว็บด้านล่างนะครับ)

    http://manga.animea.net/shoujo-nemu-chapter-1-page-1.html

     ที่จริงมีการ์ตูนญี่ปุ่นอีกมากที่เป็นแนวสัตว์เดินสองขาและพูดภาษามนุษย์(เป็นตัวละครหลักเผ่าพันธุ์เดียวเลย ไม่มีมนุษย์เจือปน) แต่เท่าที่ผมจำได้นี้มีแต่การ์ตูนเก่าๆ ล้วนๆ เลยนะครับ เช่น Kyatto Ninden Teyandee(สามเหมียวยอดนินจา), มิกกี้เมาส์ ของญี่ปุ่นนี้จำยากจริงๆ เคยเห็นเยอะเหมือนกัน แต่ติดที่ริมฝีปาก แต่ของต่างประเทศตะวันตกนี้เพียบ แถมเดี๋ยวนี้มันมีแบบการ์ตูนโป๊ด้วยไม่รู้วาดให้ใครดูว่ะเนี้ย ผมดูแล้วมันวิปริตมากกว่าหื่นน่ะครับ

    คำถามที่ตามมาเป็นเพราะอะไรที่สิ่งของ(สัตว์)ที่เราเห็นประจำเมื่อมันจะเป็นอะไรเราก็ไม่รู้สึกรู้สมกับมันเลยสักนิด หากแต่เมื่อมันเป็นรูปร่างมนุษย์ขึ้นมาเรากลับมีอารมณ์ร่วมกับมัน นั่นเป็นเพราะเราหลงไหลในรูปร่างที่มันเปHนมนุษย์ อีกทั้งร่างมนุษย์นั้นเป็นการสื่อสารได้ง่ายกว่า เช่น สื่อสารว่ามันร้องไห้ มันโกรธ มันดีใจ เรารู้ทันทีว่าหาก็ป็นรูปของมนุษย์ แต่หากเป็นสัตว์สิ่งของนั้นเราดูไม่ออกว่ามันต้องการสื่ออะไรกับเราเหมือนคำพูดโทมะแห่ง Q.E.D.ที่พูดถึง ในเล่ม 30 ตอนฆาตกรรมหุ่น ไว้ว่า “ในโลกแห่งความจริงหุ่นก็คือหุ่น ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตหรือมนุษย์ แต่คนกลับถูกรูปร่างนั่นหลอก จนบางครั้งก็ถึงกลับหลงผิด”

    ก็จบเพียงเท่านี้กับการแนะนำการ์ตูนบางส่วน ที่จริงมีการ์ตูนอีกมากนะครับที่มีเนื้อหาแนว Moe anthropomorphism เอาเป็นว่าลองค้นหาเอาเองนะครับ มันไม่ยากหรอกครับ อินเตอร์เน็ตมีเยอะมาก หาได้ง่ายอยู่แล้ว ก็อิจฉาเด็กสมัยนี้จริงหาการ์ตูนง่ายโครต ตอนผมสมัยเด็กน่ะครับหาการ์ตูนอย่างกับหาเข็มในสมุทร หายากจริงๆ กว่าจะได้สักเรื่อง+ +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×