ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #110 : Eden no Ori ใครกันแน่ที่เป็นสัตว์ป่า?

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 54



     

     

    บทความนี้อ้างอิงการ์ตูนและภาพยนตร์หลายเรื่อง ใครที่ไม่รู้ชื่อสามารถหาดูได้กูเกิ้ลเพื่อความเข้าใจในเนื้อหา

     

    Cage of Eden เคยมีคนขอเรื่องนี้เยอะมากมาย(อย่าลืมว่าคุณกำลังขอคนโสดเพศชายอายุ 26 ย่าง 27 อ่านการ์ตูน) หลายคนให้คำนิยามการ์ตูนเรื่องนี้ว่า ฮาเร็มเกาะล้านปี ความจริงแล้วผมไม่คิดจะอ่านการ์ตูนเรื่องนี้เลยสักนิด  จริงอยู่ผมชอบแนวเอาตัวรอดเซอร์วิส แต่ไม่ใช่ฮาเร็มแน่นอนเพราะว่ามีตัวละครผู้ชายพอๆ กับผู้หญิง องค์ประกอบไม่ใช่ฮาเร็ม อีกทั้งผมเห็นชื่อของคนเขียนผมถึงกับผงัก เพราะเขาคือคนเดียวกับคนเขียนเรื่อง วันโลกาพินาศ(EX -- Hyouryuu Shounen) ที่ตัดจบและจบไม่ดีเลยในสายตาของผมนั่นเอง

    EX -- Hyouryuu Shounen เป็นเรื่องราวของ ซาโตชิและกลุ่มเพื่อนๆ ที่นั่งเรือโดยสารในช่วงทัศนศึกษา ในระหว่างที่พวกเขากำลังมีความสุขอยู่นั่นเอง จู่ๆ ก็เกิดคลื่นซึนามิขนาดยักษ์สูง 500 เมตรถล่มเรือ จนเรือโดยสารเกือบอัปปาง และเมื่อโซตาชิลืมตาตื่นขึ้นเขาพบว่าเกิดเหตุไม่ดีในเรือ ผู้โดยสารต่างฆ่ากันเอง และเพื่อนของเขาก็โดนลูกหลงด้วย พวกผู้ใหญ่มีพฤติกรรมแปลกไปเหมือนบ้าคลั่งกระหายเลือด และเมื่อซาโตชิช่วยเพื่อนหญิง(แฟน)และรอดตายจากเรือนรกมาได้ เขาก็ได้มายังเกาะแห่งหนึ่งและได้รู้ว่าโลกได้เปลี่ยนไป โลกในตอนนี้เป็นดาวแห่งภัยพิบัติ น้ำท่วม, แผ่นดิบไหว, โคลน, ซึนามิ ครอบครัว เพื่อน บ้าน ตายหายไปหมดจากภัยพิบัตินั้น ระหว่างซาโตชิกำลังสิ้นหวังนั้นเองเขาก็ได้เจอผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งที่มาช่วยเหลือเขา และช่วยเขาและเพื่อนต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดจากผู้ใหญ่ที่บ้าคลั่ง......

    สำหรับผมแล้ววันโลกาวินาศนั้นสนุกแค่ช่วงแรก ประมาณเล่ม 2 นอกนั้นผมก็รู้สึกเฉยๆ ในความบ้าคลั่งของผู้ใหญ่ และฉากจบที่ไม่ชอบเลยในท้ายเล่ม ดังนั้นมันจึงไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไหร่สำหรับผม เมื่อผมดูเห็นการ์ตูนเรื่องนี้วางแผงอีกครั้งพร้อมกับชื่อคนเขียนนี้มาอีกครั้ง ผมรู้ทันทีเลยว่ามันจะออกมาแบบไหน จะดำเนินเรื่องไปในทิศทางใดและมันจะจบอย่างไร ผมเลยไม่คิดจะอ่าน

    แต่พอดีช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้ใช้คอมสักเท่าไหร่(เนื่องจากเอาคอมไปซ่อม)และเอวเคล็ด ทำให้ไม่ได้สั่งการ์ตูนใหม่ๆ หรือได้ดูการ์ตูนใหม่ในเน็ตเท่าไหร่(เพราะเน็ตไม่ออกและผมสั่งซื้อการ์ตูนผ่านเน็ต)

                    Cage of Eden จึงเป็นอีกหนึ่งการ์ตูนที่ผมเลือกมาเขียนในที่คอมยังช่วยไม่ได้ อย่างกลืนน้ำลาย(เพราะตอนแรกผมบอกว่าไม่มีทางเขียน)



    Cage of Eden

    แนว สยองขวัญ, แอ็คชั่น, ดราม่า, เหนือธรรมชาติ, เอาตัวรอด

                   

                    Cage of Eden เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแนว “เอาตัวรอด” หรือ เวอร์ไววัล เป็นผลงานของคนเขียน Yoshinobu Yamada ลิขสิทธิ์โดยวิบูลย์กิจ ชื่อไทย “หนีตายเกาะนรกล้านปี” ปัจจุบันยังไม่จบ และขอให้ไม่ออกทะเลแบบเกาะกระหายเลือด หรือตัดจบเหมือนวันโลกาพินาศผลงานก่อนละกัน

                    การ์ตูนแนวเอาตัวรอด(Survival) คุณเคยได้ยินไหมครับ ว่ามันเป็นการ์ตูนแนวอะไร อืม..... ความจริงการ์ตูนแนวเอาตัวรอดก็มีหลายประเภท แล้วแต่ว่าจะให้เนื้อหามันจะเป็นยังไง อย่างเช่นเอาตัวรอดจากฆาตกรต่อเนื่องสุดโหดอย่างหนังดังอย่างเจสันและสิงหาสับที่เน้นโหดเลือดสาดบ้าพลังเซอร์วิสกระจาย, แนวเอาตัวรอดหนีจาก แนวเอาตัวรอดนั้นถือ เป็นแนวหลัก ในภาพยนตร์มากมายหลายเรื่องจนกลายเป็นแนวหนังที่ขาดไม่ได้ในท้องตลาดเลยทีเดียว

                    โดยรวมแล้วแนวเอาตัวรอดนั้นมีพล็อตเรื่องไม่แตกต่างกันนัก กล่าวคือ พระเอกและพรรคพวกไปเที่ยวไม่ก็ไปสถานที่อะไรสักอย่าง(หรือกำลังกลับบ้าน) โดยสถานที่ดังกล่าวเป็นโลกที่ปิดตายไม่สามารถติดต่อจากโลกภายนอกได้ และเมื่อไปถึงพรรคพวกพระเอกต้องประสบพบเจออะไรบางอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์ ที่จู่ๆ ก็บุกมาฆ่าคนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พระเอกและพรรคพวกต่างกระจายที่ละทิศคนละทาง ต่างคนต่างประสบเหตุการณ์โหดร้ายมากมาย และเมื่อจิตใจของพรรคพวกตกต่ำลง สันดานดิบมนุษย์ก็ถึงขั้นต่ำสุด โลกที่ไร้กฎหมาย การใช้ด้านมืดเพื่ออาตัวรอด ความเครียดสะสมก่อให้เกิดความวิปริตในจิตใจมนุษย์ พวกมนุษย์ที่รอดชีวิตเริ่มฆ่าพวกเดียวกันเอง เรียกได้ว่า “สุดท้ายมนุษย์ร้ายกว่าสัตว์ใดๆ” บางคนฆ่าเพื่อนหรือคนอื่นเพื่อเอาตัวรอด บางคนก็เพื่อความสนุกสนาน บางคนฆ่าเพื่อระบาย บางคนกระทำการหยาบช้าราวสัตว์ป่า แต่ท่ามกลามเหตุการณ์ที่โหดร้ายทั้งสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์และมนุษย์บ้าคลั่งอยู่นั้น พระเอก, นางเอก และพรรคพวกเพียงหยิบมือยังสามารถครองสติไว้ได้ พวกเขาแม้จะกระทำแบบสัตว์ป่าบ้างแต่ก็ไม่ได้ทิ้งจิตใจของมนุษย์ พวกพระเอกได้อยู่รอดจนถึงฉากสุดท้าย และจบอย่างมีความสุขสมหวัง และนี้คือพล็อตหลักๆ ของแนวเอาตัวรอด (มีแนวเอาตัวรอดเรื่องเดียวที่ไม่ได้เอาแนวคิดสุดท้ายมนุษย์ร้ายกว่าสัตว์ใดๆ มาเล่นเลย ก็คือเอเลี่ยนกับฟรีเอเตอร์ ซึ่งผมขอบอกว่าผมไม่ได้เพลิดเพลินจำเริญใจเลยสักนิดในหนังเรื่องนี้สักภาค)

                   

    นอกจากนี้แนวเอาตัวรอดยังมีองค์ประกอบ(มุก)ที่สำคัญก็คือ(มีการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ขอบอกว่าหากเปลี่ยนมันจะไม่สนุกเลย) เช่น พระเอกต้องรอดจนถึงฉากสุดท้าย(ถ้าจะให้ดีก็นางเอกจะต้องรอดด้วย), ผู้ร้ายหรือตัวหัวหน้าต้องฉลาดและโหดบ้าสุดๆ,  ฉากจบต้องดี และก็มีจุดย่อยๆ อีก เช่น คนเลวที่ชั่วที่สุดหรือเป็นตัวต้นเหตุ หรือเป็นหัวหน้าที่จะต้องรอดจนถึงฉากดวลสุดท้ายกับพระเอกก่อนตายอย่างเท่(หรือแบบโหดสะใจ), หรือจุดที่เสริมจะมีหรือไม่มีก็ได้ก็เช่น นางเอกต้องเป็นฝ่ายให้พระเอกปกป้อง, เซอร์วิส, นางเอกโง่(ประมาณว่าการกระทำของนางเอกขัดใจคนดูอย่างยิ่ง), คนที่ดูรูปครอบครัวหรือพูดถึงครอบครัวจะตายร้อยเปอร์เซ็นต์ ฯลฯ

                    สิ่งสำคัญที่สุดในแนวคิดของแนวเอาตัวรอดก็คือ ฉากจบ หากฉากจบแย่ ฉากจบไม่ดีที่ส่งกระทบกับคนดูแล้วล่ะก็มีเรื่องแน่ มีภาพยนตร์และการ์ตูนหลายเรื่องที่พยายามทำฉากจบให้แปลกใหม่ไปจากเดิมหวังที่จะเป็นตำนานแต่กลายเป็นว่าจากที่กลายเป็นตำนานกลับเป็นเสียงวิจารณ์ด่าทอจนตกต่ำ ถึงขั้นดับไปเลยก็มี(ตัวอย่าง เช่น เจสัน ภาคหลังๆ) โดยฉากจบที่เอาตัวรอดที่จำได้ส่วนมาก ก็เช่น พระเอกและนางเอกรอดมาได้ในตอนจบ, นางเอกรอดแต่พระเอกตาย(น้อยมากที่ฝ่ายนางเอกจะตาย), มันยังอยู่(สิ่งมีชีวิตลึกลับยังคงมีชีวิตอยู่และรอดไปเพื่อสร้างหายนะครั้งใหม่), เป็นแค่ความฝัน(หมายความว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝันที่ตัวเอกของเรื่องฝันอยู่เท่านั้น ขอบอกว่าฉากจบแบบนี้ห่วยแตกยิ่งกว่าปาหมอนอีก) และน้อยมากที่จะจบอย่างหักมุม หลอนจิต เฉดเช่น ภาพยนตร์เรื่องหมอกกินคนหรือการ์ตูนที่ผมชอบอย่างเกาะแห่งโทงเทง

                    และแต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ที่สุดในแนวเอาตัวรอดก็คือ สิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ไล่ล่าพวกพระเอกหลักในแนวเอาตัวรอด ในยุคสมัยภาพยนตร์ขาวดำนั้น เท่าที่ผมดูอินเตอร์เน็ต สิ่งมีชีวิตที่ไล่ไล่แนวเอาตัวรอดนั้นจะเน้นมนุษย์ต่างดาว ไม่ก็สัตว์ยักษ์กลายพันธุ์จากนิวเคลียร์ซึ่งตอนนั้นเป็นยุคสมัยสงครามเย็นที่โลกหวาดกลัวผลกระทบจากนิวเคลียร์ ที่หลายฝ่ายเชื่อว่านิวเคลียร์จะทำให้สัตว์กลายพันธุ์ เป็นต้นว่า หนูยักษ์ กระต่ายยักษ์ ตั๊กแตนยักษ์ นกยักษ์(หลังๆ นี้ออกแนวถล่มบ้านเมืองมากกว่า) หรือจำพวก ฝูงสัตว์ เช่น งูยักษ์, จระเข้ยักษ์, ฉลามยักษ์, ฝูงหนู, ฝูงเขียด, ฝูงอีกา  แล้วต่อมาก็มีซอมบี้(โรมาโร)และพวกผีป่าซาตาน(ฆ่าคนอย่างโหด) จำพวกคืนนรกแตกหลุดมาฆ่าคนเลือดสาดไม่กลัวเรต ต่อมาก็เริ่มมีผี(หรือฆาตกรอมตะ)นิยามใหม่ที่กลายเป็นบทบัญญัติในสารุกรมภูตผี อย่าง เจสัน, เฟรดดี้, เอเลี่ยน จนมาถึงปัจจุบันก็มีหลายแนวให้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มยักษ์ ฟอร์มใหญ่ ฟอร์มเล็ก เกรดเอ เกรดบี อสูรกายกลายพันธุ์ก็ทำให้มันแปลกๆ มากขึ้น เช่น ตุ๊กตาวูดู, มนุษย์ถ้ำกินคน, ตุ๊กตาหิมะฆ่าคน, คนหน้าหมู, เมียงู, ผัวงู ฯลฯ ทำให้หลายเรื่องเริ่มมีพล็อต “น่าเบื่อ” เนื้อหาไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่แค่เปลี่ยนตัวไล่ล่าตัวเอกเฉยๆ(และพระเอกรอดทุกงาน) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่คนดูละกันว่าคุณชอบแบบไหน

                   

                    ส่วนแนวเอาตัวรอดในการ์ตูนญี่ปุ่น สมัยก่อนนั้นแนวเอาตัวรอดที่เด่นจนกลายเป็นผลงานระดับตำนาน คือ เรื่อง “มิติสยอง” ที่เป็นเรื่องคนทั้งโรงเรียนหลุดไปยังมิติสยองที่ทั้งครูและนักเรียนต่างฆ่ากันเพื่อเอาตัวรอด ต่อมาก็เน้นสยองขวัญผีลายเส้นโบราณมากมาย ครั้งหนึ่งถ้าจำไม่ผิดในสมัยหนังแนวไดโนเสาร์กำลังฮิต การ์ตูนญี่ปุ่นก็เริ่มจับกระแสหนังดัง ทำการ์ตูนแนวเอาตัวรอดในยุคไดโนเสาร์เป็นแถว มีแบบถอดจากหนังบ้าง หลงไปยุคอื่นบ้าง หลังจากแนวเอาตัวรอดจากไดโนเสาร์อิ่มตัว คนอ่านเริ่มเบื่อแล้วในการตามรอดจากไดโนเสาร์(หรือเปล่า? และเดี๋ยวนี้การ์ตูนแนวคนกับไดโนเสาร์ต่อสู้เริ่มเยอะแล้วขึ้น)ทำให้การ์ตูนญี่ปุ่นจำเป็นต้องหาอะไรใหม่ๆ แทนไดโนเสาร์ เป็นต้นว่า พวกตัวเอกหนีผี(ผีญี่ปุ่นบ้าพลังโครตๆ), หนีสัตว์กลายพันธุ์, หนีหมีพวกสัตว์ร้าย ฯลฯ  โดยแนวเอาตัวรอดการ์ตูนญี่ปุ่นส่วนมากมักเน้นแอ็คชั่นเซอร์วิสเพิ่มเข้าไปด้วย

                    Cage of Eden จึงเกิดมาจากแนวคิดประมาณนี้แหละ

    โคลงเรื่องเนื้อหา Cage of Eden โดยรวมไปได้แตกต่างจากวันโลกาวินาศมากนักพระเอกเด็กมัธยมปลายหน้ามนนาม เซ็นโงคู อากิระ(ที่หน้าตาถอดด้ามมาจากตัวเอกจากวันโลกาวินาศอย่างกับแกะ)ที่พึ่งขึ้นเครื่องบินพร้อมกับเพื่อนๆ ในชั้นเรียนปีเดียวกัน(ม.3)และผู้โดยสารคนอื่นอีก 300 คน จากเกาะกวมมาที่ญี่ปุ่น(ไม่รู้ทำไมตัวละครการ์ตูนญี่ปุ่นชอบไปเที่ยวเกาะกวมนักทำไมไม่มาเที่ยวเมืองไทยบ้างเลย)

    ระหว่างที่เครื่องบินที่อากิระบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิคนั้น อากิระก็รู้สึกต่ำเนื้อต่ำใจเมื่อคนรอบข้างเขานั้นมีแต่คนเก่ง ไม่ว่าจะเป็น อาคางามิ ริอง เพื่อนสมัยเด็กที่เป็นไอดอลอันดับหนึ่งของโรงเรียนที่ทั้งสวยทั้งเก่งที่เอาใจใส่อากิระ(นางเอกแนวเอาตัวรอดญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักมาแนวนี้แหละ) และ โค เพื่อนชายที่สูงยาวเขาดีที่เป็นที่นิยมของสาวๆ ในขณะที่เขาเป็นคนไม่ได้เรื่อง ทั้งเตี้ย โง่ งี่เง่า หื่น เป็นตัวตลกของเพื่อน กีฬาก็ไม่โดดเด่น และด้วยเหตุนี้อากิระจึงเอ่ยประโยคเด่นที่ว่า

    “ตราบใดที่โลกนี้ยังไม่มีเปลี่ยนแปลง”

    ในขณะเดียวที่อากิระบ่นอยู่นั้น ข้างๆ เขาก็มีอีกคนที่มีความคิดแบบเดียวกับอากิระ คือเจ้าเด็กมีปัญหาที่ออกจะเถื่อนที่ชื่อ ยะไร โคอิจิ ที่พึ่งก่อเหตุยำทหารอเมริกาที่เกาะกวมมา(โครตเวอร์ เด็กมัธยมปลายชนะทหารได้เกิดมาพึ่งเคยเจอพล็อตนี้แหละ แสดงให้เห็นว่าคนเขียนพยายามปูเนื้อหาโคอิจิให้มันเก่งเกินคน) ที่ในหัวคิดแต่อยากเจอเรื่องสนุกๆ ที่ไม่น่าเบื่อ(งั้นนายไปอยู่โซมาเลียเลยดีกว่ามั้ง)จนเขาเกิดความคิดที่ว่า

    “โลกที่น่าเบื่อ ไร้แก่นสาร”

    ทันทีที่อากิระและโคอิจิคิดสองประโยคนั้นเอง ทันใดนั้น เครื่องบินก็เกิดสั่นสะเทือนเหมือนตกอยู่ในหลุมอากาศ ตอนแรกพวกอากิระคิดว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อย หากแต่ในไม่ช้าว่านี้คืออุบัติเหตุที่เปลี่ยนชีวิตผู้โดยสาร 300 คนโดยสิ้นเชิง และแล้วเครื่องบินก็เกิดแรงสั่นสะเทือนยิ่งใหญ่ ผู้โดยสารหลายคนต่างกระเด็นกระดอนไม่เป็นท่าในเครื่องบิน ในขณะอากิระระหว่างที่ร้องเรียกพรรคพวกอยู่นั่น ทันใดนั้นเขาก็ได้เห็นอากาศมิติที่บิดเบี้ยวที่เกิดในเครื่องบิน(มุกประจำแนวประเภทนี้) และนั้นทำให้อากิระวูบสลบลง……

     เมื่ออากิระลืมตาตื่นขึ้น เขาก็พบว่าเขาอยู่คนเดียว ในป่าดงดิบแทนที่จะเป็นเครื่องบิน โดยป่าดงดิบดังกล่าวเป็นที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ประหลาด และสัตว์ป่าประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขารู้ทันทีว่านี้คือเกาะร้างไร้ผู้คน ระหว่างที่เขาเดินไปเรื่อยอยู่นั้นเองเขาก็ได้พบผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแอร์สาวเอ๋อ โอโมริ คานาโกะ(เดี๋ยวนี้เทรนสาวผู้ใหญ่ อกโต เอ่อ กำลังฮิตในแนวเอาตัวรอด) และ เด็กแว่นอัจฉริยะที่ไม่น่าคบ มาริยะ ชิโร่ ที่ทั้งสองกำลังถูกสิ่งมีชีวิตประหลาดขนาดยักษ์ทำร้ายอยู่ เมื่ออากิระเห็นคนเดือดร้อน ด้วยนิสัยรักเพื่อนมนุษย์(ที่มีอยู่ในพระเอกทุกคนในแนวเอาตัวรอด) เขาเลยช่วยเหลือทั้งสองคนมาได้ และนี้คือการพบกันของคนทั้งสามที่ต่างคนต่างสไตล์ที่แทบไม่มีโอกาสที่จะพูดคุยกัน(คนธรรมดา, เด็กอัจฉริยะ, สาวรุ่นอกโต)โดยทั้งสามไม่รู้ว่าในเวลาต่อมาพวกเขาจะเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายกัน

    จากนั้นอากิระและผู้รอดชีวิตสองคนเดินทางเพื่อตามหาพรรคพวกอยู่นั้น อากิระก็ได้เริ่มรู้ว่าสถานที่ที่ตนและพรรคพวกอยู่นั้นไม่ใช่ป่าดงดิบธรรมดา มันเป็นป่าดงดิบในเกาะที่ไม่มีแผนที่และมันเป็นสถานที่สัตว์ร้ายในยุคหมื่นปีอาศัยอยู่ โดยสัตว์หมื่นปีเหล่านี้มีหลายชนิดที่มีนิสัยโหดร้าย กระหายเลือด พร้อมขย่ำมนุษย์อย่างเราได้ในพริบตา โดยระหว่างทางนั้นอากิระและพรรคพวกก็ได้เจอเสื้อเขี้ยวดาบ เจอสัตว์ป่ามากมายหลายชนิดที่สูญพันธุ์ไปแล้วในโลก จนพวกของอากิระบางคนถึงกับถอดหายใจสิ้นหวัง แต่ด้วยความเป็นพระเอกอากิระได้พยายามสานสัมพันธ์จนสามารถรวมใจกลุ่มได้อีกครั้ง และแล้วผู้รอดชีวิตทั้งสามก็ได้เดินทางมาพบเครื่องบินที่สามารถตกอยู่ระหว่างทาง หากแต่เมื่ออากิระสำรวจก็พบว่าเครื่องบินนั้นกลับไม่มีคน มีแต่ข้าวของกระจัดกระจายและศพหนึ่งศพก็คือคนขับเครื่องบินที่ถูกแทงโดยฝีมือของคน

    ในเวลาต่อมาพวกอากิระก็ได้พบ ริอง ซึ่งได้หลบซ่อนอยู่คนเดียวในเครื่องบิน และรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเครื่องบินในช่วงที่อากิระหายไป สภาวะสิ้นหวัง ความเครียด ความไร้กฎเกณฑ์ ความตาย ได้กดดันให้ผู้โดยสารเกือบทั้งหมดบ้าคลั่ง ส่งผลทำให้ผู้โดยสารกว่า 300 คนต้องกระจัดกระจายไปทั่วเกาะแห่งความตายแห่งนั้น

    “บนเกาะแห่งนี้ ไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่ต้องไปโรงเรียน ไม่จำเป็นต้องตื่น อยากทำอะไรก็ทำ นั่นแหละคือพวกเราในตอนนี้”

    “มันช่างเหมือนสัตว์ป่าที่ออกมาจากกรงไม่มีผิด!”

    และนี้คือเนื้อหาโดยรวมก่อนจบเล่ม 1 และเล่มต่อๆ มาจะเริ่มทวีความบ้าและสื่อให้เห็นจิตใจดำมืดของมนุษย์มากยิ่งขึ้น

     

    ผมเคยพูดแล้วว่าการดำเนินเรื่องโดยรวมไม่ได้แตกต่างจาก EX -- Hyouryuu Shounen  ผลงานเก่าของคนเขียนเรื่องนี้เลย เปิดฉากพระเอกกลับบ้าน ประสบอุบัติเหตุ ฉากจลาจลวุ่นวาย ไปจนถึงตัวละครหลายตัวที่ถอดด้ามจากเรื่อง EX -- Hyouryuu Shounen (ในเรื่อง ตัวละครตัวร้ายบทเด่นคือเจ้าเด็กคลั่ง ดีไม่ดี เรื่องนี้อาจจะมาแนวเดียวกัน) ฉากบางฉากก็มีส่วนคล้ายเช่นเดียวกัน ไม่ว่าพระเอกผายปอดนางเอก คุณลุงคนขับเครื่องบินผู้แสนใจดีที่ปกป้องนางเอกจนลมหายใจสุดท้าย(ในเรื่อง EX -- Hyouryuu Shounen มีคุณลุงคนหนึ่งปกป้องนางเอกที่ฆาตกรคลั่งบนเรือสำราญ) ดีไม่ดีตอนจบจะเหมือนเรื่องที่ว่าอีก คือตอนจบพวกพระเอกได้รวมกลุ่มผู้รอดชีวิตสร้างวัฒนธรรมในพื้นที่สงบสุข(ท่ามกลางความบ้าคลั่งของผู้ใหญ่)จนกระทั้งถึงยุคอนาคตยุคจรวดมีการพบศิลาจารึกโบราณ OOPARTS โอพาร์ทส หรือย่อมาจาก (Out Of Place Artifacts นี้แปลตรงตัวแล้วหมายถึง วัตถุเหนือยุค หมายถึงวัตถุซึ่งไม่น่าจะมีปรากฏอยู่ในยุคนั้นๆ) จากยุคล้านปี เขียนว่า “ขอให้มีความสุข” ซึ่งผมหวังว่าการ์ตูนหนีตายเกาะนรกล้านปีเรื่องนี้ไม่ควรจบแบบผลงานก่อนดังกล่าว เพราะมันไม่พัฒนา พวกพระเอกน่าจะควรกลับไปหาครอบครัวซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันในแนวเอาตัวรอด(แต่ถ้าเป็นหนังฝรั่งจะเป็นพระเอกกับนางเอกรอดมาคู่เดียว) แต่ชื่อ Eden นี้ผมก็เห็นลางๆ แล้วว่าพวกพระเอกนี้คงไม่น่าจะกลับไปบ้านชัวร์ปาด(ถ้าฉากจบพระเอกได้กลับบ้านน่ะผมจะรักคนเขียนเรื่องนี้เลย

                    แต่ถ้าผมอ่านแล้วสนุกไหม ก็ตอบว่าสนุก น่าติดตามดี สื่อถึงความคลั่งและโหดร้าย ปมจิตใจของมนุษย์เป็นอย่างดี นอกจากหนี้จากพวกสัตว์ป่าดุร้ายและโรคภัยประหลาดแล้ว ยังต้องเผชิญกับอันตรายจากมนุษย์ด้วยกันเองอีก

                    ถ้าถามว่าเนื้อหาโดยรวมมีอะไรแปลกใหม่ไหม? ถ้าไม่นับเรื่องการหนีเอาตัวรอดจากแดนสัตว์ดึกดำบรรพ์แทนที่จะเป็นเหมือนหนีไดโนเสาร์เหมือนการ์ตูนหลายเรื่องละก็ นอกนั้นไม่แปลกใหม่ ใครดูการ์ตูนแนวเอาตัวรอด(ไม่นับเกาะกระหายเลือด) เช่น เรือสำราญโหดบ้าพลัง,พันธุ์เขมือบโลก(BM) หรือแนวแอ็คชั่นเอาตัวรอดสุดมันอย่างไวรัสพันธุ์สยองโลก แล้วคุณจะรู้ว่ามันไม่ได้แตกต่างอะไรจากตัวอย่างที่ผมยกมาเลย ที่หักมุมไม่ค่อยมาก(ประมาณว่ารู้เลยว่าไอ้หมอนี้ตายแน่ๆ หรือไม่ก็เน้นความบ้าของจิตใจมนุษย์เลือดสาด)

    ใครที่ดู แล้วบ่นๆ ว่ามีแต่ฉากเซอร์วิสกระจาย มาดูการ์ตูนเรื่องนี้ อืม...เซอร์วิส ก็มีบ้าง ได้ไม่ได้เวอร์แบบนมสู้ซอมบี้ หรอกครับ นี้ถือว่าเป็นมาตรฐานธรรมดาแล้วสำหรับการ์ตูนของนักเขียนคนนี้ บางคนอาจหงุดหงิดด้วยซ้ำ(อย่างน้อยก็ผมแหละ)เพราะฉบับแปลไทยอักษรศีลธรรมบังตา

    สิ่งที่ผมชอบการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่เนื้อเรื่องหรือฉากโหดอะไรเลย หากแต่เป็นตัวพระเอก “อากิระ” ที่ผมว่าเป็นมาตรฐานพระเอกในแนวตัวรอดอย่างครบถ้วน คือคนดีและรักพรรคพวก ที่อากิระไม่ใช่คนเก่งกาจอะไรเลย เขาไม่ได้เป็นนักพูดฝีปากว่า ไม่ได้ต่อยเทพเหมือนซามี่ ปาเกียว, ไม่ได้มีพลังวิชาคลื่นเต่า  หากแต่เขามี กล้า, อดทน, เข้มแข็ง และเมตตา หากเห็นคนอื่นเดือดร้อนเขาจะช่วยเหลือแบบไม่คิดชีวิตไม่สนอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นกาวสานสัมพันธ์คนในกลุ่ม

                    ไม่รู้ว่าคนที่อ่านการ์ตูนเรื่องนี้มีความคิดเหมือนผมหรือเปล่า ผมมีความคิดที่ว่า จุดด้อยของการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือตัวละครบางตัวผมไม่ชอบเสียเลย ผมไม่ชอบตัวละครที่ชื่อ ยะไร โคอิจิ เลย ขอบอกว่าแนวเอาตัวรอดคาแร็คเตอร์แบบเขาไม่ควรนำมาใส่ ผมก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม อาจเป็นเพราะพฤติกรรมของเขาอาจขัดใจผมบ้าง ส่วนอีกตัวของ อาเดส ชายลึกลับที่ใส่หน้ากากที่เหมือนจะเป็นตัวโกงและมันก็อยู่คนเดียวโด่เด่ที่ชอบใช้จิตวิทยาให้คนสู่ด้านมืดซึ่งคาแร็คเตอร์มันช่างน่าเบื่อเหลือเกิน(เชื่อผมเถอะน่าเบื่อจริงๆ ช่วงหลังหายไปด้วย สงสัยโดนสัตว์ป่าเขมือบแล้วมั้ง)

                   

                    สิ่งที่ผมคาดหวังสุดในการ์ตูน(โอกาสน้อยเหลือเกิน) คือ “ฉากจบ” ในการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะวันโลกาพินาศ(EX -- Hyouryuu Shounen) ตัดจบตรงที่พระเอกและเหล่าเพื่อนๆ สร้างประเทศ และดูเหมือนคนเขียนคนนี้จะฝังใจเรื่องการตัดจบนี้น่าดู ทำให้เรื่อง Eden no Ori ได้ดำเนินเรื่องเหมือนวันโลกาพินาศ ภาค 2 เป็นอย่างมาก เพราะหลังจากที่พวกอากิระพระเอกและเหล่าเพื่อนๆ เพียงหยิบมือได้ผจญภัยฝ่าฟันอันตรายนับไม่ถ้วนแล้ว จนกระทั้งกลุ่มพระเอกได้เข้ากลุ่มผู้รอดชีวิตกว่า 30 คน ตั้งประเทศขึ้นมา สำหรับผมแล้วผมชอบอย่างแรกมากกว่าคือพระเอกกับพรรคพวกเพียงหยิบมือ ไม่ค่อยชอบแบบรอดชีวิตเป็นกลุ่มใหญ่สักเท่าไหร่ แต่กระนั้นพอๆ ดูหลายตอนสมาชิกในกลุ่มตายทีละคนสองคน เราก็เริ่มทำใจจช่วยและเริ่มจดจำสมาชิกในกลุ่มว่ามีใครบ้างและเริ่มมีความผูกพันธ์มากขึ้น ถือว่าคนเขียนไม่ได้ใช้ตัวละครกากอย่างที่คิดเอาไว้

                    ฉากที่ผมประทับใจที่สุดก็คือฉากพระเอกอากิระที่กลายเป็นผู้นำของกลุ่มในการตั้งประเทศครับ มันเหมือนกับว่าพระเอกมีออร่าเป็นผู้นำยังไงบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่กลุ่มของพระเอกนั้นมีแต่คนเก่งมากมาย บางคนเป็นประธานนักเรียน บางคนเป็นนักสู้ บางคนเป็นผู้ใหญ่ บางคนเป็นฉลาดไอคิวสูง แต่หลายคนกลับเลือกอากิระเป็นผู้นำ ผู้นำไม่จำเป็นต้องฉลาดหรือมีวรยุทธ์สูง เพราะโลกที่อากิระอยู่นั้นไม่มีการสอบ ไม่มีคะแนนให้ แต่สิ่งจำเป็นก็คือทักษะในการเอาตัวรอด พวกเขาต้องการผู้นำที่ “พูดจริง ทำจริง ไม่ทอดทิ้งผู้อื่น “ และดูเหมือนเรื่องนี้พยายามสื่อว่าตัวละครผู้ใหญ่นั้นเป็นพวกไม่ดีค่อนมาก

    EX -- Hyouryuu Shounen ตัดจบตอนกลุ่มพระเอกสร้างประเทศ หากแต่ Eden no Ori ยังไม่จบ เพราะพวกพระเอกยังต้องผจญกับอันตรายมากมายอีกนานานัปการไม่ว่าสัตว์ร้ายยุคก่อนประวัติศาสตร์ ธรรมชาติที่โหดร้าย และคนคลั่ง เหตุการณ์จะเป็นเช่นไรนั้นก็หาอ่านเอาเองครับ

    สิ่งที่ Eden no Ori มีความแตกต่างจากการ์ตูนแนวเอาตัวรอดอื่นๆ ก็คือค่อนข้างมีความสมจริง ในด้านข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรือศัพท์จิตวิทยาต่างๆ เช่น โรคต่างๆ อาการทางจิต โดยเฉพาะเรื่องของสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่พบในเรื่อง ที่ข้อมูลสัตว์บางชนิดมีความสมจริงตามหลักสันนิษฐานปัจจุบันอ่านแล้วอยากอ่านเพิ่มเติม(สาเหตุคือสัตว์บางตัวปรากฏออกมานั้นโครตยิ่งใหญ่อลังการมาก ดูแล้วอยากดูข้อมูลว่ามันคือตัวอะไร) แต่ขอติตรงที่ชื่อวิชาการหรือศัพท์บางเฉพาะ การ์ตูนดันใช้เป็นตัวอักษรอังกฤษซึ่งผมไม่ค่อยชอบเลยเพราะมันอ่านแล้วสะดุด(เพราะผมอ่านไม่ออก) อยากให้ศัพท์เฉพาะเหล่านั้นเป็นภาษาไทยมากกว่า สิ่งที่น่าสังเกิดสัตว์ที่พวกพระเอกเห็นในยุคโบราณนั้นพบว่ามีสัตว์หลายชนิดหลายตัวนั้นความจริงแต่ละตัวมีถิ่นที่อยู่คนละที่ บางตัวห่างกันเป็นโยกไม่มีทางจะได้พบเจอกันแน่นอน แต่ในการ์ตูนพวกพระเอกกลับพบว่าสัตวร้ายแต่ละตัวที่มีถิ่นที่อยู่ต่างที่ดันอาศัยอยู่รวมกันซะงั้น เห็น เช่นนกยักษ์ Diatryma(ปรากฏตัวในตอนที่ 1) จากการพบฟอสซิสนั้นพบว่ามันอยู่ในอเมริกาใต้ แล้วมันปรากฏในเกาะที่อยู่ระหว่างทางไปญี่ปุ่นได้อย่างไร หากที่พระเอกอยู่นั้นเป็นสมัยยุคโบราณอีก ก็ยังสงสัยอีกว่าระหว่างที่พวกอากิระหนีพวกนกยักษ์พวกเขาก็ได้พบ   Andrewsarchus (ปรากฏตัวในตอนที่ 1)ซึ่งปัจจุบันมีการพบฟอสฟิสของมันในทะเลทรายมองโกเลียและอินเดีย นอกจากนี้ช่วงเวลาที่มีชีวิตที่มันอยู่ก็ต่างกัน ดังนั้นจากสองตัวที่อากิระเจอนั้นไม่มีทางจะได้พบกันในทีเดียวในโลกแห่งความจริงแน่ สิ่งที่คิดได้เลยก็คือพวกอากิระไม่น่าจะย้อนอดีตมาแน่นอนและไม่ได้ติดเกาะอะไรทั้งสิ้นด้วย  และนี่คือจุดที่น่าติดตามต่อไปว่าพวกอากิระจะสามารถไขได้หรือเปล่าว่าพวกเขากำลังอยู่ที่ไหนกันแน่?

      สุดท้ายผมอยากแนะนำให้ผู้อ่าน EX -- Hyouryuu Shounen ก่อนที่จะลิ้มลอง Eden no Ori เนื่องด้วยสาเหตุหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะได้เห็นพัฒนาการของคนเขียนและแนวทางการดำเนินเรื่องว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป สิ่งที่ถนัดของคนเขียนคนนี้คือการกำหนดตัวละครให้คนอ่านรู้สึกรังเกียจได้ ผมมีความเชื่อว่าศัตรูที่ร้ายกาจที่พวกอากิระกำลังเผชิญไม่ใช่ธรรมชาติ ไม่ใช่สัตว์ร้าย หากแต่เป็นมนุษย์ และมนุษย์ที่ว่าอาจไม่ใช่ผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ไม่ใช้อาเดสที่ปรากฎตัวในตอนแรก บางทีอาจน่ากลัวกว่านั้น

    -เกาะฮาเร็ม

    -ชอบมาริยะ ชิโร่อ่ะน่ารัก มีหมอนี้อยู่ในกลุ่ม โครตไร้เทียมทาน

    -นางเอกไม่ต้องหึ่งน่า พระเอกรักทุกคนน้า!!

    -ผู้หญิงคนไหนไม่ชอบพระเอกมีสิทธิตาย

    -ผู้ชายคนไหนคิดมีฮาเร็ม ทั้งๆ ที่ไม่ใช่พระเอกตาย

    -ชอบฉากพระเอกพูดปลอบใจมาริยะกับคาโนโกะตอนนอนด้วยกัน ในเล่มแรก ดูแล้วอบอุ่นน่ารักมาก

    -สาธุอย่าออกทะเลเหมือนเกาะกระหายเลือด

    สรุปเลยละกัน Eden no Ori เป็นการ์ตูนที่ดี เหมาะแก่ผู้ที่ชื่นชอบในการอ่านแนวเอาตัวรอด สิ่งที่ระวังคืออย่าอ่านสปอยและอย่าอีโกอะไรมากนักกับฉากเซอร์วิสในเรื่อง  หรือนางเอกชอบหึงหรือเป็นตัวถ่วง เพราะมันเป็นของธรรมดาที่จำเป็นสำหรับแนวนี้อยู่แล้ว ส่วนตัวสำหรับผมการ์ตูนเรื่องนี้มีความชอบไม่ชอบคละกันไป ที่ชอบคือดำเนินเรื่องน่าติดตาม และที่ไม่ชอบคือตัวละครในเรื่องนี้

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×