คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #109 : 20 การ์ตูนที่ผมชอบแบบไม่คิดมาก (ภาค 3)
หากจัดอันดับจริงๆ นี้ผมก็เลือกไม่ถูกเหมือนกันว่าการ์ตูนไหนมากชอบน้อยที่สุดมันเหมือนจำพวกรักพี่เสียดายน้อง แต่ถ้าถามว่าการ์ตูนไหนมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตมากที่สุด ผม(จำใจ) ตอบอย่างขัดๆ เขินว่า “โคนัน” และ “คินดะอิจิ” แม้ปัจจุบันผมเลิกอ่านแล้วก็ตาม แต่กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโคนันได้มีอิทธิพลต่อจิตใจเพราะเป็นสาเหตุทำให้ผมชอบเรื่องอาชญากรรม คดีฆาตกรรม และทริกต่างๆ ในช่วงติดโคนันผมสะสมนิยายของอกาธาคริตตี้เลยเล่มและนิยายนักสืบหลายเรื่อง
หลังจากเลิก “โคนัน” (แต่คินดะอิจิอ่านอยู่) การ์ตูนที่ผมชอบมากที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุดคือ “Cammy” ส่งผลทำให้ผมหันมาชอบคอมมาดี้และฮาเร็มมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน(แต่การ์ตูน Cammy ดังกล่าวไม่เกี่ยวกับฮาเร็มอะไรเลยนะครับ มันแนวสู้กันต่างหาก
ส่วนการ์ตูน หมึกสาวลุยหลุดโลกนั้นจะย้ายไปอยู่ตอนเดียวคือ “เมื่อสัตว์กลายเป็นคน” เพราะผมจะได้พูดการ์ตูนเรื่องแมลงสาปโมเอะ, ฮิเมะเดี๋ยวแมวเดี๋ยวคนและรักนี้เหมียวจัดให้ไปด้วย โดยตอนที่ว่าหลังจากจบตอนนี้
ส่วนสาเหตุที่ตอนแรกผมยังไม่จบบทความนี้คือผมยังไม่ได้พูดถึงการ์ตูนไทยเลย เขียนแนะนำการ์ตูนญี่ปุ่นมาเยอะแล้วแต่ยังไม่ได้เขียนการ์ตูนไทยเลยสักเรื่อง ไล่ตั้งแต่ สยาม, เนชั่น, วิบูลย์กิจ จนไปถึงขายหัวเราะผมไม่ได้เขียนถึงสักอย่าง ดังนั้นคงต้องเลื่อนไปอีกสักพัก
ส่วนฆาตกรโหดสะท้านโลกก็รออีกสักนิดครับ กำลังทำได้ 8 ตอนอยู่ รอสิ้นเดือนอาจจะได้เห็น
10 การ์ตูนต่อไปนี้อาจไม่ที่สุดของผมเพราะตัดเรื่อง 123 ฮิ ฟู มิ, สึบากิไนท์คลับ, ฟุโอ!? ออก และไม่ได้เพิ่มการ์ตูนโป๊ลงไปด้วย ผมจะเพิ่มไปตอนหนึ่งเลย และเพิ่มการ์ตูนที่ก่ำกึ่งชอบไม่ชอบลงไปด้วย
10. Umi no Misaki
Umi no Misaki เป็นการ์ตูนแนวฮาเร็ม โรแมนติก คอมมาดี้ ผลงานของ Kou Fumizuki ( คู่แท้แต่มาป่วน Ai Yori Aoshi 17 เล่มจบ ) มี 8 เล่มจบ ลิขสิทธิ์ในไทยโดยวิบูลย์กิจ
Umi no Misaki ได้กล่าวถึงเด็กหนุ่มเมืองกรุง(โตเกียว) นาม โกะโต นากิ ที่ได้ย้ายมาเกาะโอคิทสึ เกาะบ้านนอกที่มีตำนานความเชื่อชนิดเข้มข้น โดยครั้งแรกที่เขามายังเกาะเขาก็ได้พบเด็กสาวชาวเกาะ ชื่อนารุมิ ชิซึกุ และเธอก็ได้ช่วยเขาจากการจมน้ำ จนเป็นเหตุทำให้นากิไม่ลืมเธอและอยากจะพบเธออีกครั้ง วันต่อมาหลังจากที่นากิได้ย้ายมาอยู่โรงเรียนใหม่บนเกาะเขาก็ได้ชิซึกุในห้องเรียนเดียวกัน หากแต่เธอกลับทำเย็นชาใส่เขาผิดจากตอนแรกที่เป็นมิตรโดนสิ้นเชิง และนากิก็มารู้ที่หลังว่าชิซึกุนั้นได้รับความยำเกรงจากผู้คนบนเกาะแบบเข้มข้นในฐานะมิกะผู้รับใช้เทพเจ้ามังกรซึ่งเป็นเทพผู้พิทักษ์เกาะในอดีตกาล ดังนั้นเธอต้องวางตัวของเธอให้เหมาะสมต่อหน้าคนอื่น และเวลาต่อมานากิก็ตกใจอีกว่าเขาคือร่างอีกภพของเทพมังกรที่ร้อยปีจะมาเกิดเป็นมนุษย์สักครั้ง และเขาจำเป็นต้องเลือก(เอ็งไม่ปฏิเสธเรอะจู่ๆ มาบอกให้เลือกเนี้ย) หนึ่งในสามมิโกะบนเกาะมาเป็นคู่ครอง โดยสามมิโกะนี้มี ชิซึกุ, โซโยกิสาวแว่น(ซึนแตกบ่อยๆ), คารินสาวข้างบ้าน ซึ่งแต่ละคนมีข้อดีข้อด้อยต่างกันออกไปแล้วนากิจะเลือกใครดีละทีนี้?? (ผมเป็นเทพขอเหมาหมดได้ไหมครับ)
พล็อตเรื่องสูตรสำเร็จ ตัวละครก็สูตรสำเร็จ(สาวผมยาวเอ๋อ, สาวแว่นแกร่ง, สาวทอมบอยข้างบ้าน) แถมด้วยตัวละครลับสองคนที่ตามมาสมทบ(น้องสาวข้างบ้าน อาจารย์โลลิ) ลายเส้นตัวละครงั้นๆ แต่กลับดำเนินเรื่องทำให้หัวใจผมละลายเพราะอิจฉาพระเอกเหลือเกิน
การดำเนินเรื่องเหมือนฮาเร็มไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นตอนแรกพระเอกลังเลว่าจะเลือกใครดี ก็ก็นั่นแหละมันถือได้ว่าเป็นมาตรฐานพล็อตนี้ไปแล้วอย่าไปคิดมาก เพราะความสนุกคือความเรียบง่าย และความนักรักของเหล่านางเอกสามคนที่ตอนแรกๆ ผมรู้สึกว่าคาแร็ตเตอร์ของพวกเธอดาษมากประกิอบกับลายเส้นไม่น่ารักเลย(หลังๆ เริ่มพัฒนาน่ารักขึ้น พระเอกก็เริ่มเหมือนจะเตี้ยขึ้นด้วยนะ ฮ่า) แต่การ์ตูนกลับทำให้สามสาวนั้นน่ารักด้วยการดำเนินเรื่องหนึ่งวันต่อสาวหนึ่งคน โดยนากิจะดำเนินเรื่องโดยหนึ่งวันจะใช้ชีวิตประจำวันกับผู้หญิงต่างกัน เช่นวันหนึ่งนากิจะไปช่วยชาวบ้านกับคาริน วันต่อมานากิไปว่ายน้ำกับชิซึกุ วันต่อมานากิก็ไปเที่ยวบ้านของโซโยกิ ทำให้สามสาวมีบทเด่นในแต่ละตอนพร้อมกับมีรายละเอียดที่แสดงถึงนิสัยที่แท้จริงของสาวแต่ละคนที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงโมเอะเต็มเปี่ยม และทำให้ตัวละครแต่ละตัวสมจริงมากขึ้นเสมือนว่ามีตัวตนอยู่จริงๆ ภายใต้นักบวชมิโกะที่ชาวบ้านนับถือ หากแต่ตัวตนจริงๆ นั้นตรงกันข้าม เพราะสามสาวต่างมี ปม มีปัญหาชีวิตแตกต่างกันออกไป เสมือนหนึ่งเด็กสาวธรรมดาที่พบโดยทั่วไปในสังคมเท่านั้นเอง
สิ่งที่แตกต่างจากการ์ตูนฮาเร็มอย่างหนึ่งคือ การ์ตูนฮาเร็มส่วนใหญ่สุดท้ายพระเอกจะเลือกหญิงคนใดคนหนึ่ง แต่การ์ตูนเรื่องนี้แทนทีจะเป็นอย่างงั้นแม้ว่านากิจะชอบซิซึกุในตอนแรกแล้วก็ตาม(ปกติการ์ตูนฮาเร็มจะล็อกตัวละครหญิงไว้แล้ว) แต่กลายเป็นว่าหลังจากการดำเนินเรื่องมาหลายวันเข้า นากิกลับไม่สามารถเลือกได้ว่าเขาชอบใคร สุดท้ายไม่สามารถเดาอนาคตได้ว่าเขาจะเลือกใครกันแน่ อาจเหมือนฉากจบแบบ To love ru ที่พระเอกเอาหมด(ฮ่า) หรือแบบหักมุมแบบสตอเบอรี่ 100% ที่พระเอกเลือกนางรองมากกว่านางเอก(ส่งผลให้มีหลายคนอึ้ง....)
การดำเนินเรื่องเหมือนพล็อตเฮ็นไต แต่ไม่ใช่เลย แม้ว่าจะมีฉากจูบบ้าง แต่การ์ตูนเรื่องนี้ไม่มีความรู้สึกเหมือนการ์ตูนโป๊เลย มันเหมือนกับความสัมพันธ์ชายหญิงที่เรียนรู้ซึ่งกันและกันอย่างช้าๆ รู้ว่าทั้งสองจะเหมาะสมกันหรือไม่ ต่างคนต่างดูข้อดีข้อเสียของตนเอง เปิดใจยอมรับซึ้งกันและกัน(หากฉากที่ว่ามีจริงที่พระเอกและนางเอกเสียความบริสุทธิ์ก่อนวัยอันควร ผมจะมองการ์ตูนเรื่องนี้แง่ลบเหมือนกันซึทันที)
สิ่งที่การ์ตูนเรื่องนี้พยายามสื่อคือการเรียนรู้ของพระเอกที่ต้องปรับตัวเข้าชีวิตบนเกาะ จากเด็กเมืองกรุงที่ต้องมาอยู่บ้านนอกที่ไร้แสงสี ต้องเรียนรู้ประเพณีท้องถิ่นและทำใจยอมรับแม้จะเป็นประเพณีโบราณเก่าแก่ที่แสนจะงมงายไม่เหมาะในโลกยุคอินเตอร์เน็ตหลุดโลกก็ตาม นอกจากนี้ยังสื่อถึงการเรียนรู้ให้เข้ากับธรรมชาติ ประสบการณ์ การค้นหาตนเอง วัฒนธรรม ความรัก และมิตรภาพ การเจริญเติบโตของตัวละครชายที่ตระหนักถึงหน้าที่และบทบาทของตัวเขาที่อยู่ร่วมกับสาวสวยสามคนมันช่างน่าอิจฉาเสียจริง
สิ่งที่สื่ออีกอย่างคือประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งมีบทบาทในเรื่องนี้ ประเพณีบางอย่างอาจดูงมงายไร้สาระเป็นการยากที่จะทำลายหรือถูกลืมเลือน แต่กระนั้นประเพณีใช่ว่าจะเคร่งครัดไปเสียทุกเรื่อง บางครั้งประเพณีข้อบังคับบางอย่างก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเส้นตรงเสียทั้งหมด ควรอ่อนบ้าง ผ่อนบ้าง เพราะให้เหมาะแก่ยุคสมัยปัจจุบันที่โลกเราเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคจรวดแล้ว
นอกเหนือจากนั้นทิวทัศน์ลายเส้นของการ์ตูนเรื่องนี้วาดได้อารมณ์มาก สื่อได้ถึงเกาะธรรมชาติผื่นทะเลได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นบรรยากาศเมืองบ้านนอกชนบทก็สื่ออย่างสวยงามเรียบง่าย เสมือนกับว่าเกาะแห่งนี้มีอยู่จริงบนโลกของเราเลยประมาณนั้น
ข้อเสียการ์ตูนเรื่องนี้มีอย่างเดียวคือการ์ตูนเรื่องนี้ไม่เหมาะสมคนที่เห็นว่าการจูบเป็นวัฒนธรรมไม่เหมาะสมสำหรับวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวไทย เพราะการ์ตูนเรื่องนี้พระเอกจูบไม่เลือกหน้า(ฮ่า)
9. RATMAN
RATMAN เป็นการ์ตูนแอ็คชั่น, โชเน็น, เหนือธรรมชาติ ผลงานของ Sekihiko Inui ปัจจุบันออกมาแล้ว 7 เล่ม(ยังไม่จบ) ในไทยลิขสิทธิ์โดยสยาม ปัจจุบันออกมา 5 เล่ม(ได้ตีพิมพ์ต่างประเทศในชื่อ Ratman - The smallest hero!?)
RATMANเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในยุคสมัยที่โลกมีแต่ซุปเปอร์ฮีโร่ผู้รักษาความยุติธรรมเต็มเมือง การแปลงร่างมีเยอะยิ่งกว่าแปรงฟัน(ขำเปล่า) ทำให้มีการจัดอันดับฮีโร่ต่าง นาๆ จนเกิดชนชั้นฮีโร่ขึ้น ฮีโร่ที่ไม่ดังจะถูกจัดในชนชั้นต่ำที่แทบไม่มีใครสนใจทำได้แต่เป็นตัวนำโชคผลิตภัณฑ์เล็กๆ เท่านั้น ส่วนฮี่โร่ที่ดังจะถูกจัดเป็นชั้นเกรดเอที่ไปไหนมีแต่คนเทิดทู ชาบูชาบู ไปโฆษณาที่ไหนก็ดัง จนทำให้เกิดความหลงระเริงและวงจรเลวร้ายอย่างเงียบๆ
แต่กระนั้นแม้ฮีโร่จะเต็มเมืองมากมายก็ตาม อาชญากรชั่วร้ายก็ไม่มีวันหมดสิ้น กลับกันพวกเขายังทำเรื่องชั่วแบบฉลาดขึ้นและซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากขึ้น(แต่ไม่ลับสมอง) ทำให้มีอาชญากรหลายคนรอดพ้นจากยุคฮีโร่เต็มเมืองนี้หลายราย
RATMAN เป็นเรื่องของเด็กชายมัธยมปลายคนหนึ่งชื่อ คาซึกิ ชูโตะ ที่เขาเป็นชอบคลั่งฮีโร่ ไม่ว่าจะฮีโร่เกรดต่ำหรือเกรดเอเขาชอบหมด อีกทั้งยังรักความยุติธรรมมากจนมีความฝันอยากเป็นฮีโร่แต่น่าเสียดายเพราะเขาตัวเตี้ย(แต่พอมีเรื่องนี้ก็น่าดูชมเลยแหละ) สิ่งเดียวที่พอทำได้คือการเป็นแฟนพันธ์แท้และเลียนแบบฮีโร่เท่านั้น จนกระทั้งวันหนึ่งเพื่อนร่วมชั้นสาวเงียบมิซึชิม่า มิเรียได้ถูกกลุ่มโครงกระดูกปริศนา(ประมาณว่าลูกกระจ๊อกแถวองค์กรช็อกเกอร์)ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมาโจมตีและจับตัวเพื่อนของเขาไป และเมื่อเขาตามไปช่วยเหลือ เขาก็พบว่านี้คือยุทธวิธีที่สมาคมลับที่ชั่วร้ายวางแผนหลอกชูโตะให้เข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่ม และจากนี้ไปชูโตะจะต้องทำงานชั่วร้ายแบบไม่ได้ตั้งใจในฐานะฮีโร่ตัวร้ายนาม “RATMAN” และแล้วเขาก็ได้กลายเป็นศัตรูกับสมาคมฮีโร่แบบไม่ได้ตั้งใจ
ทำไมผมถึงชอบ นี้คือหนึ่งในผลงานเรื่องโปรดของผมครับ เพราะผลงานของนักเขียนคนนี้มันเยี่ยมจริงๆ แถมทุกเรื่องของคนเขียนคนนี้ไม่ซ้ำแบบสักเรื่อง ไล่ตั้งแต่คนทำโดจินอย่าง Comic Party หรือการ์ตูนเจ้าหญิงฆาตกรที่เสียดายจบเร็วไปหน่อยอย่าง MURDER PRINCESS(ต้นแบบเจ้าหญิงปีศาจของบงกตน่ะเออ)
สำหรับการ์ตูน RATMAN เป็นผลงานอันดับต่อมาของเจ้าหญิงฆาตกรครับ หลังจากผ่านไปถึง 3 ปี ต้องขอบคุณคนเขียน(และสำนักพิมพ์)ที่สัญญาว่าจะเป็นผลงานที่ไม่ผิดหวัง และมันก็เป็นเช่นนี้จริงๆ เพราะการ์ตูนไม่ได้นำเสนอเรื่องของซุปเปอร์ฮีโร่ที่น่าเบื่อเลยสักนิด
พูดถึงซุปเปอร์ฮีโร่ทั้งญี่ปุ่นและอเมริกานี้คุณนึกถึงอะไร ซุปเปอร์ญี่ปุ่นทั้งมาเดี่ยวแบบกลุ่ม(เซ็นไต)จะเน้นเหลือธรรมชาติเนื้อหาเหมาะสำหรับเด็กมากกว่ามีประเภทหุ่นยนต์ประกอบร่าง รักเด็ก องค์กรชั่วร้าย สัตว์ประหลาดใจมด(เพราะมันชอบแกล้งเด็กมากกว่าแทนที่จะก่อการร้ายระเบิดแบบตาลีบัน) ส่วนซุปเปอร์อเมริกาจะเน้นชีวิตสมจริงหน่อย ประเภทได้พลังยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ ศิลปะต่อสู้ โหดเลือดสาด มีครอบครัว ปมชีวิต ลากยาวหลายเวอรชั่น(เอ็กซ์เมนยาวจนจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่แล้ว
สิ่งที่การ์ตูนเรื่องนี้ต้องการนำเสนอคือภาพพจน์ของฮีโร่ที่คนเขียนเสียดสีฮีโร่ ที่อีกมุมหนึ่งของโลกฮีโร่ที่ชูโตะค้นพบว่าฮีโร่ที่เขาเคยชื่นชมมากก่อนนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเห็น เช่นซุปเปอร์ฮีโร่เกรดเอที่ชูโตะเคยชื่นชอบเพราะเท่มาดแมนมาก่อน หากแต่เขาได้ปะทะเขาตัวจริงของฮีโร่คนนั้นที่เขาไม่แตกต่างจากมนุษย์ธรรมดาอะไรเลยที่ชอบดูถูกคนอื่น สนใจภารกิจมากกว่าช่วยเหลือผู้เดือดร้อนตรงหน้า ชอบใช้ความรุนแรง ซึ่งตอนแรกริโตะแทบผิดหวังเกลียดฮีโร่คนดังกล่าวชนิดเข้าไส้ หากแต่จนกระทั้งวันหนึ่งเขากลับไปเห็นอีกมุมหนึ่งของซุปเปอร์คนนี้เขาแม้ว่าเขาจะไม่เป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนอื่น แต่กระนั้นอีกมุมหนึ่งก็มีคนที่ต้องการเขา เพราะฮีโร่คนนี้เป็นแรงบันดาลใช้ในการสู้ชีวิตและเป็นบุคคลที่นับถือ ทำให้ชูโตะได้เรียนรู้ว่าฮีโร่ก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องการชื่อเสียง ความทะเยอทะยาน อำนาจเงินการเสนอภาพลักษณ์ที่เกินจริงได้เปลี่ยนฮีโร่คนนั้นให้กลายเป็นแบบนี้ไป นอกจากนี้ชูโตะยังพบเห็นเหล่าฮีโร่ที่ทำตัวเหมือนพวกขั้นต่ำนิสัยราวกับกุ๋ย ฮีโร่ชั้นสูงที่หลงตัวเอง
แต่อีกมุมหนึ่งก็ยังมีฮีโร่ที่เป็นคนดี ที่ไม่หลงชื่อเสียง ทำงานด้วยใจรัก เป็นฮีโร่ในที่ของตนอย่างพอเพียง อุดการณ์สำคัญกว่า ในขณะที่ฮีโร่เท่เป็นผู้ร้าย แต่ในทางกลับกันฮีโร่ที่หน้าตาอัปลักษณ์กลับมีจิตใจดีงาม มีอยู่อย่างหนึ่งที่พระเอกไปงานของพวกฮีโร่ พระเอกได้ไปเห็นฮีโร่คนหนึ่งที่เป็นพนักงานบริษัทตาแก่หัวล้าน ซึ่งในสายตาคนอื่นอาจไม่ชอบเพราะหากตัดฮีโร่ออกก็แค่ตาแก่ธรรมดาแหละ แต่พระเอกชื่นชอบมาก พร้อมอธิบายเหตุผลว่าแม้เขาจะเป็นตาแก่แต่เขาคือพนักงานบริษัทที่เก่งกาจที่เริ่มจากศูนย์จนทำให้บริษัทของเขายืนหยัดมาได้เขาคือฮีโร่ของคนทำงานไม่ใช่ฮีโร่หลอกเด็กเฉดเช่นในทีวี ใช่แล้วฮีโร่ไม่จำเป็นต้องเหนือมนุษย์ เราทุกคนสามารถเป็นฮีโร่ได้สิ่งที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ภายนอก แต่อยู่ที่ความตั้งใจและจิตใจต่างหาก
ดูการ์ตูนเรื่องนี้คิดถึงอุลตร้าแมนและไอ้มดแดงครับ(หรือเจ้าตั๊กแตนคาแมนไรเดอร์) จากสมัยก่อนผมดูสนุกมาก แต่พอมาช่วงหลังๆ นี้หมดความสนุกไปเยอะ อันเนื่องจากเนื้อหาอุลตร้ามนช่วงหลังๆ(ไทก้า, ไดอาน่า) เนื้อหา งง มากเหมือนกับดำเนินเรื่องให้คนดู งง เล่นไม่รู้ว่าต้องการสื่ออะไรอีกทั้งร่างแปลงเยอะจัด ส่วนไอ้หมดแดงช่วงหลังบวกกับเนื้อหาเสมือนกับว่าตั้งใจทำขึ้นเพื่อขายของเล่นจำพวกการ์ดหรือเข็มขัดแปลงร่าง ก็เข้าใจครับเพราะว่าอนิเมชั่นสมัยนี้ทุนสูงดังนั้นจะหากินอนิเมชั่นอย่างเดียวก็ไม่ได้จะต้องขายผลิตภัณฑ์จากเรื่องไปด้วยเพื่อที่จะอยู่รอด พูดง่ายๆ คือเพราะโลกมันเปลี่ยนไปอนิเมชั่นเลยเปลี่ยนตาม
สำหรับด้านลายเส้นอาจไม่ดีที่สุดในตลาด การออกแบบฮีโร่หรือตัวละครอาจไม่โดดเด่น แต่กระนั้นมันก็เพียงพอที่จะตอบสนองแฟนการ์ตูนโชเน็นได้ไม่ยาก นอกจากนี้ก็ชอบมิเรียน่ารักดี การดำเนินเรื่องก็ลุ้นอยู่ว่ามันจะไปทิศทางใด ผมชอบแบบตอนแรกแบบจบในตอนมากกว่า ฉากแอ็คชั่นสู้กับอาชญากรเป๋งๆ ไม่จำเป็นอะไรเลย การปรากฏตัว(ฮีโร่สีขาวที่คาดว่าจะเป็นคู่ปรับพระเอกน่ะผมขอบอกว่า “ไม่ปรากฏออกมาซะจะดีกว่า” นี้แหละสิ่งที่ผมคิด แต่กระนั้นมาคิดดูอีกการ์ตูนเรื่องนี้เอาพล็อตสูตรสำเร็จฮีโร่มาใช้(ยำ)มากกว่า ลองคิดดูว่าตอนแรกเพื่อนพระเอก(น่าจะเป็นนางเอก)โดนผู้ร้ายจับตัวไปนี้ก็เห็นตามฮีโร่ญี่ปุ่นทั่วไป, ตอนที่พระเอกแพ้หมดกำลังใจจนต้องไปฝึกฝันก็พบในฮีโร่ทั่วไปอีก ไปจนถึงการปรากฏตัวคู่ปรับพระเอกก็พล็อตมากมายในแนวนี้อยู่แล้วนี้น่า
8. Chokotto Hime
Chokotto Hime(2006) เป็นการ์ตูนแนวคอมมาดี้ ชีวิตประจำวัน 4 ช่องจบ ผลงานแรกๆ ของ Ayami Kazama ที่มีผลงานแนวรักซึ้งๆ ไม่ว่าจะเป็น Boku no Tsukuru Sekai (รักพิมพ์ในชื่อเรื่องภาพจากใจส่งให้เธอ), Nakimushi Step(2008), Hatsukiai(2009) โดยในไทยลิขสิทธิ์โดยสยามในชื่อ “ฮิเมะ แมวเหมียว เดี๋ยวคนเดี๋ยวแมว” มี 7 เล่มจบ
Chokotto Hime เป็นเรื่องราวของแมวน้อยตัวหนึ่งที่กลายเป็นแมวหนีออกจากบ้านโดยไม่ได้ตั้งใจ จนกระทั้งมีชายหนุ่มแสนธรรมดาคนหนึ่งชื่อ “นาเบะ” เก็บมาเลี้ยง ตอนแรกๆ นาเบะไม่คิดอะไรมากเลี้ยงไว้เพื่อหาเจ้าของเท่านั้น หากแต่ไปมาๆ ก็เริ่มหลงติดใจความน่ารักของเจ้าแมวน้อยตัวนี้ เลยเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงประจำครอบครัวซะเลย โดยตั้งชื่อว่า “ฮิเมะ” และเขาก็ได้ค้นพบความสุขเมื่อเขาได้เลี้ยง “ฮิเมะ” แม้ว่าฮิเมะจะมีนิสัยชอบไม่อยู่สุขก็ตาม
ทำไมผมถึงชอบ? สังเกตไหมว่าเมื่อเวลาที่เราดูการ์ตูนญี่ปุ่นหลายเล่ม ในตอนท้ายเรื่องมักจะมีนักเขียนการ์ตูนมักเอาหัวข้อ “สัตว์เลี้ยง” มาเป็นหัวข้อสนทนาเสมอ ทำไมนักเขียนถึงรักสัตว์เลี้ยงประดุจลูกไม่ปานเวลาเขียนถึงสัตว์เลี้ยงที่ไรต้องบรรยายพฤติกรรมมันชนิดเรียกว่า (เอ็งว่างนักเหรอดูแมวนั่งขี้เนี้ย) แล้วทำไมคนญี่ปุ่นเวลาจะเลี้ยงสัตว์สักตัวทำไมต้องเลี้ยงประดุจคนในครอบครัวด้วย ทั้งๆ ที่สัตว์เลี้ยงดังกล่าวซุกซนชอบสร้างปัญหามากกว่าจะสร้างความประทับใจให้แก่เจ้าของ
เหตุผลง่ายนิดเดียวครับ “เพราะมันน่ารัก” ไงล่ะ
Chokotto Hime เป็นการ์ตูนแนวความน่ารักของสัตว์เลี้ยงล้วนๆ เหมือนการ์ตูนแนวสัตว์เลี้ยงทั่วไปแหละครับ(เช่นเรื่อง กระต่ายน้อยเซนทาโร่, เหมียวไมเคิล, ร็อกกี้ ฯลฯ )โดยการ์ตูนแนวเหมือนกันหมดคือวาไรตี้จับตามติดดูชีวิตประจำวันสัตว์เลี้ยงว่าวันๆ มันไปทำอะไรบ้าง แน่นอนครับแมว หมา ก็มีชีวิตเหมือนกับการ์ตูนหลายเรื่องนำเสนอแหละครับ เพียงแต่การ์ตูนเรื่องนี้แปลกตรงที่การนำเสนอนิดหน่อยคือการสลับฉากช่องการ์ตูน ที่ช่องหนึ่งเป็นสัตว์ หากแต่ช่องหนึ่งกลายเป็นสาวหูแมว Nekomimi(หรือสาวหูหมาก็ว่าไป)ทำให้กลายเป็นว่าเพิ่มความน่ารักเข้าไปอีก(ปกติแค่สัตว์ก็น่ารักอยู่แล้ว)
นอกเหนือจากเรื่องสัตว์เลี้ยงนาเบะและฮิเมะแล้ว การ์ตูนยังสอดแทรกมุมมองของของเจ้าของคนอื่นและสัตว์เลี้ยงตัวอื่นด้วยครับ เช่น โยตะเพื่อนบ้านของนาเบะและชิโระแมวเปอร์เซีย, สองพี่น้องโทโมกิและริยุเพื่อนของนาเบะกับคุ๊กกี้สุนัขเฉิ่ม(น่ารักสุดๆ) โดยแต่ละคนมีเห่อสัตว์เลี้ยงและแสดงความรักต่างกันออกไป และการ์ตูนก็นำเสนอฉากความรักของเจ้าของต่อสัตว์เลี้ยงในตอนนั้นๆ ด้วย
เอาเป็นว่าใครที่ชอบแนวการ์ตูนสัตว์เลี้ยง อ่านแบบเพลินๆ ดูแล้วสุขใจและน่ารักก็ลองดูนะครับ
7. Maburaho
http://www.chowchil.com/viewthread.php?tid=1175
Maburaho เป็นการ์ตูนแนวคอมมาดี้, ฮาเร็ม, โรงเรียน, เวทมนต์ ที่ตอนแรกถูกทำเป็นไลท์โนเวล ผลงานโดย Trukiji Toshihiko 18 เล่ม(2001 ยังไม่จบ) ก่อนที่จะถูกดัดแปลงเป็นอนิเมชั่น 24 ตอนจบ(2003-2004 เฉพาะภาคแรก) และมังงะ(2003) - 2 เล่มจบ ในไทยได้ลิขสิทธิโดยสยามในชื่อแม่มดสาวร่ายเวทย์กิ๊ก และไม่มีลิขสิทธิ์ก็สำนักพิมพ์มด
Maburaho เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มอายุ 17 ปีเห่ยๆ คนหนึ่งชื่อ “คาซึกิ ชิคิโมริ” นักศึกษาชั้นปีที่สองของโรงเรียนเวทมนต์ที่มีชื่อเสียง ในโลกที่เวทมนต์เป็นเรื่องปกติธรรมดา ทุกคนสามารถใช้เวทมนตร์ได้แต่มีจำนวนครั้งที่ใช้ได้ต่างกันไปแต่ละคน ถ้าใช้จนหมดผู้ใช้ก็จะสลายกลายเป็นฝุ่นและกลายเป็นเพียงวิญญาณไป โดยคนที่ใช้เวทมนต์ได้หลายครั้งจะถือว่าเป็นคนชั้นสูงมีอาชีพการงานดีอนาคต และคนที่ใช้เวทมนต์น้อยครั้งจะเป็นคนชั้นต่ำ ธรรมดาสามัญชน ซึ่งคาซึกิ ชิคิโมริเป็นจอมเวทมนต์อันดับหลัง ระดับต่ำ ที่ใช้เวทมนต์ได้แค่ 8ครั้งน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับคนอื่นที่ใช้เป็นหมื่นๆครั้ง ทำให้เขาอยู่ในห้องต่ำติดดิน มีแต่คนดูถูก และไม่ค่อยเป็นที่สนใจคนอื่นมากนัก แม้เขาไม่โดดเด่นมากนักแต่กระนั้นเขาก็เป็นคนดีและชอบช่วยเหลือผู้อื่น
แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของชิคิโมริก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อมีสามสาวเข้ามาในชีวิตของเขา คนหนึ่งชื่อยูนะ มิยามะสาวคาแร็คเตอร์แบบแม่บ้านแบบการ์ตูนฮาเร็มทั่วไปที่พึ่งย้ายมาโรงเรียนในห้องของชิคิโมริและแสดงตัวเป็นภรรยาของเขาจนพระเอก งง ว่าเธอทำแบบนี้เพื่ออะไร สาวคนที่สองรุ่นพี่คุริโกะ คาเซซึบากิ สาวไฮโซที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลและเก่งกาจที่ตอนแรกเธอไม่สนใจชิคิโมริแท้ๆ หากแต่เธอกลับแสดงอาการหลงรักเขาอย่างเต็มเปา และสาวคนสุดท้ายรุ่นน้องริน คามิชิโระที่ชอบแต่งชุดกิโมโนและไปไหนมาไหนก็พกดาบซามูไร ที่ชิคิโมริไม่รู้จักเธอมาก่อนแต่เธอกลับเกลียดเขาอย่างเห็นได้ชัดและพยายามจะฆ่าเขาอย่างยิ่งยวด
ชิคิโมริ งง กับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขาโดยไม่รู้สาเหตุ จนกระทั้งเขามารู้เรื่องในตอนหลังว่าสามสาวที่เข้ามาในชีวิตของชิคิโมรินั้นไม่ได้สนใจตัวเขา หากแต่สนใจพันธุกรรมยีนในตัวเขาต่างหาก โดยชิคิโมริเป็นบุคคลเดียวในโลกที่ได้สืบเชื้อสายจากจอมเวทย์ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นจีน, ญี่ปุ่น, อิตาลี, บังกาเรีย, ฮังการี ฯลฯ และมีความเป็นไปได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าหากหญิงใดได้เขาไปเป็นคู่ครองจะได้ทายาทเป็นจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก และเมื่อเรื่องนี้เกิดแดงขึ้นมาก็เป็นต้นเหตุให้เกิดศึกแย่งชิงพันธุกรรมของชิคิโมริขึ้น ทำให้ชีวิตอันแสนน่าเบื่อของพระเอกเลยมีอันต้องจบสิ้นลง และเรื่องราววุ่นวายต่างๆก็เริ่มเกิดขึ้น ซึ่งแต่ละครั้งชิคิโมริจำเป็นต้องใช้เวทมนต์อันน้อยนิดในการช่วยเหลือ สุดท้ายชิคิโมริจะเลือกใครเป็นคู่ครอง? แล้วเขาจะรอดจากการใช้เวทย์มนต์จนร่างสลายหรือไม่?
Maburaho ในอนิเมชั่นแบ่งออกเป็นสองช่วงตามสูตรฮาเร็ม คือการนำเสนอว่าชิคิโมริทำไมถึงกลายเป็นที่ชายที่น่าหลงไหลของสาวๆ ทั้งที่เขารูปร่างไม่หล่อแบบพระเอกการ์ตูนผู้หญิง เรียนก็แย่กีฬาก็ไม่เด่นเหมือนซึบาสะ ไม่ได้มีจักระเทพจิ้งจอกเขาสิง หรือเก่งกาจราวแรมโบ้ เป็นเพราะเขาโชคดี หรือเขาห้อยสมเด็จขุนแผนจีบหญิงติดเหรอ คำตอบคือไม่ คำตอบก็คือชิคิโมรินิสัยดีตามแบบพระเอกมหาเมพครับ(มหาเมพที่ว่าเป็นที่รักของสาวๆ นะครับ และเขาต้องรักสาวแต่ละคนเท่ากันด้วย ไม่ใช่แบบพระเอกเรื่อง School Day เน้อ )
-เป็นคนที่อ่อนโยนมากๆ พระเอกในเรื่องคอมมาดี้จะต้องมีนิสัยอ่อนแอและอ่อนโยน(ที่จริงคอมมาดี้ก็มีแบบเกเรหรือแบบแมนๆ เหมือนกันแต่ไม่ค่อยดังหรือเหล่าสมาพันธ์โอตากุไม่ชอบ) ไม่ชอบน้ำตาผู้หญิง หากเห็นผู้หญิงร้องไห้นี้ต้องตามมาง้อตลอด ไม่ว่าฝ่ายหญิงจะผิดก็ตาม
-ไม่เอาเปรียบผู้หญิง หรือพูดอีกนัยหนึ่งเป็นลูกไล่ผู้หญิงแหละ(ฮ่า)
-เป็นคนดีช่วยเหลือคนอื่น(โดยเฉพาะสาวๆ)โดยไม่หวังผลตอบแทน เอาใจใส่คนรอบข้างเสมอ เหตุสาวๆ เดือดร้อนไม่สบายใจก็ต้องเข้าไปช่วย ช่วยก็ต้องช่วยแบบสุดตัว โดยไม่สนเรื่องของตัวเอง โดยชิคิโมริแสดงบทของมหาเมพที่เลือกที่จะใช้เวทมนต์อันมีอยู่น้อยนิดในช่วยเหลือสาวๆ ตรงนี้แหละที่ทำให้สาวสามคน
ผมว่า Maburaho ทำดีกว่าการ์ตูนคอมมาดี้หลายเรื่องนะครับ(อย่างน้อยก็ในปีนั้น) เพราะว่ามีการวางบทสาวเด่นดีกว่า สาวๆ ในเรื่อง Ichiban Ushiro no Daimaou (อนิเมชั่น) ที่สร้างความผิดหวังให้แก่ผมมาก(พระเอกไม่มหาเมพอีก)
แน่นอนครับหลายคนไม่ชอบการ์ตูนแนวฮาเร็มจำพวกพระเอกอ่อนแอเท่าไหร่ ผมเคยไปเห็นกระทู้วิจารณ์การ์ตูนแนวนี้สองครั้ง
ช่วงที่สองของอนิเมชั่นเป็นเป็นช่วงชิคิโมริกลายเป็นวิญญาณครับ เนื่องจากใช้เวทมนต์ครบ 8 ครั้ง และในเมื่อเป็นวิญญาณทำให้เขาไม่มีกายเนื้อดังนั้นเลิกพูดถึงยีนไปเลยเพราะเขาไม่มีให้ แต่แทนที่สามสาวจะตีจากเพราะชิคิโมริไม่มีอะไรเหลือแล้ว แต่สามสาวก็ยังอยู่และคอยให้กำลังใจเขาเหมือนเฉดเช่นเดิม(บางทีอาจมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ) เพราะชิคิโมริได้หวานเมล็ดมหาเมพกลางใจสาวทั้งสามเป็นที่เรียบร้อย ในเมื่อเขามีแต่ให้ ดังนั้นต่อไปนี้พวกเราจะให้เขาบ้าง และสามสาวก็เริ่มที่จะหาวิธีทุกอย่างเพื่อให้ชิคิโมริกลับร่างเดิม นอกเหนือจากนี้ในช่วงนี้ก็มีการเพิ่มปมสาวๆ ด้วยนะครับ โดยเฉพาะของคุริโกะ คาเซซึบากิและริน คามิชิโระเข้ามาด้วย
ความจริงการ์ตูนยังไม่จบเพียง 24 ตอนเท่านี้เพราะว่ายิ่งเป็นอีกหนึ่งสาวเข้ามาในชีวิตของชิคิโมริอีกคนคือ สาวโลลิคอน “มัยโอ” ที่ปรากฏมาตอนท้ายอนิมั่นหากแต่อนิเมชั่นไม่ได้ฉายต่อจากนี้และจบโดยให้ติดตามต่อในมังงะและไลท์โนเวลเอาเอง......
ทำไมผมถึงชอบ? นี้คือการ์ตูนที่ผมหันมาสนใจการ์ตูนแนวคอมมาดี้(ประเภทกิ๊ก)อย่างแท้จริง จำได้ว่าอ่านครั้งแรกของสำนักพิมพ์มด อ่านตอนแรกไม่รู้เรื่อง จนกระทั้งมารู้ว่าเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งต่อจากภาคแรก ส่วนของสยามเป็นตอนต่อจากตอนแรกๆ อาจจะงงเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่พอปรับได้ผมเกิดชอบขึ้นมาครับอาจเป็นเพราะผมมันโสดมั้งและชอบผู้หญิงในโลก 2D ครับ
ใครจะดูอนิเมชั่นเรื่องนี้ทำใจอย่างครับ คือ ภาพอาจไม่สดสวย ตัวละครผิดสัดส่วน โดยเฉพาะสาวผมชมพูอาจไม่โมเอะ(แต่มังงะของสำนักพิมพ์มดน่ารักดีนะครับ) แต่ถ้าดูแบบไม่คิดมากการ์ตูนเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นการ์ตูนคอมมาดี้สมัยเก่า ที่เนื้อหาสนุกใช้ได้เลยนะครับ ดูเรื่องนี้รู้ซึ้งมหาเมพพระเอกคอมมาดี้เลยแหละ ผมชอบตอนพระเอกเป็นผีแหละครับ ทั้งๆ ที่พระเอกไม่มีอะไร แถมถูกเพื่อนร่วมห้องปฏิบัติไม่ดีอีก แต่กระนั้นสามสาวก็ยังให้ความสนใจพระเอกอยู่ดี
มีเกร็ดอะไรนิดหน่อยตอนแรกการ์ตูนเรื่องนี้จะจบแบบดาร์กน่ะครับคือพระเอกตายจากการใช้เวทมนต์หมด หากแต่ผลปรากฏว่าการ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมสูง จนถึงขั้นฉายในอเมริกา ทำให้คนเขียนตัดสินใจเพิ่มเนื้อหาดังกล่าวคือให้พระเอกเป็นวิญญาณและเริ่มเรื่องในช่วงหลังแทน
ผมเป็นคนหนึ่งครับที่ผมชอบการ์ตูนประเภทพระเอกอ่อนแอ แต่ดูเหมือนว่าไทยเราไม่ค่อยชอบการ์ตูนเรื่องแนวนี้สักเท่าไหร่(มั้ง) เห็นได้จากกระทู้ 2 กระทู้ครับยังมีไม่เข้าใจวิถีคอมมาดี้ตั้งกระทู้หัวข้อที่ว่า
กระทู้แรกมาจากพันทิ๊ปในหัวข้อ ทำไมพระเอกการ์ตูน To Love Ru ถึงไม่เท่แบบคุโระซึ่งเป็นพระเอกก่อนหน้าผลงานของคนเขียน แน่นอนครับมีหลายคนให้ความเห็นต่างกันออกไป แต่กระนั้นตราบใดคนถามไม่เข้าใจหลักการความสนุกคอมมาดี้ร้อยล้านคนมาตอบก็ไม่เข้าใจหรอกครับ
กระทู้ที่สองเว็บเด็กดี จากเรื่อง Amagami SS ในหัวข้อ รับได้ไหมที่พระเอกอ่อนแอแต่สาวรักสุดขาดใจ เนื่องจากพระเอกการ์ตูนเรื่องนี้จืดแต่ทำไมสาวๆ ในเรื่องกลับชอบเขา แน่นอนครับมีหลายคนเข้ามาตอบ แต่ก็ใช่ว่าจะมีคำตอบที่น่าสนใจเท่าไหร่สาเหตุคือคนตอบไม่เข้าใจหลักการการ์ตูนคอมมาดี้อีกแหละ
คนแรกเม้นว่า “ไม่ชอบพระเอกหลายใจ” อันนี้ก็โลกแตกนะครับ ใช่ครับว่าคนเราไม่ชอบอะไรหลายใจ ชอบคนรักเดียวใจเดียว แต่นั่นก็เป็นในโลกแห่งความจริงครับ(แต่กระนั้นบางครอบครัวมีเมียหลายคนก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี้น่า) หากแต่ในโลกการ์ตูนฮาเร็มถือว่าเป็นส่วนผสมในฝันของโอตากุหลายคนครับ พระเอกไทยเราก็ใช่ย่อยที่ไหนล่ะ มีกิ๊กฮาเร็มเพียบ อย่างในวรรณคดีไกรทองนี้ยังได้ตะเภาแก้วและตะเภาทองมาครอบครอง พระอภัยมณีก็แล้วใหญ่มีแฟนจนนับไม่ไหว ขุนแผนก็ใช่ย่อยนอกใจวันทองจนวันทองเลือกที่จะหลงนักขุนช้างที่จริงใจต่อนางมากกว่า การ์ตูนผู้หญิงก็ใช่ย่อยพระเอกกิ๊กเพียบผู้หญิงยังชอบมีฉากเตียงหลายฉากอีก แต่หากกลับกันหากนางเอกมีกิ๊กหลายคน คนอื่นกลับไม่ชอบ มองว่าเป็น “กากี”
คนที่สองเม้นว่า “มันก็กลับกันแหละ ที่การ์ตูนผู้หญิงนางเอกจะอ่อนแอไม่มีเสน่ห์เรื่องเรียนกีฬาก็แย่แต่มีหนุ่มหล่อมาชอบ แล้วการ์ตูนผู้หญิงก็พระเอกอ่อนแอไม่มีเสน่ห์แต่สาวเพียบพร้อมทุกอย่างมาชอบ” อันนี้ก็ถูกครับ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนสองอย่างคือ ทำไมพระเอกอ่อนแอดังกล่าวสาวถึงชอบ พวกเขาแตกต่างพระเอกเท่แมนในการ์ตูนผู้หญิงหรือการ์ตูนแอ็คชั่นตรงไหน พบว่าแตกต่างโดยสิ้นเชิงเลยครับ
6. Urayasu Tekkin Kazoku
เป็นการ์ตูนตลกครอบครัว ผลงานของ Kenji Hanaoka มังงะมี 31 เล่มจบ(1993-2001 ยาวนานมากๆ) ส่วนอนิเมชั่น 33 ตอนจบ(1998) ในไทยมังงะลิขสิทธิ์โดยวิบูลย์กิจในชื่อ “โอซาว่าฮายาครัว”
เป็นเรื่องราวของครอบครัวโอซาวากิที่บ้านค่อนข้างตั้งอยู่ในตรอกที่คนไม่ค่อยเต็มสักเท่าไหร่ เออ....จะไปว่าคนอื่นก็ไม่ได้เพราะสมาชิกโอซาวากิก็ไม่เต็มพอๆ กัน โดยสมาชิกครอบครัวประกอบไปด้วย
โอซากิ ไดเทะสึ – พ่อบ้านและเสาหลักครอบครัว ที่อาชีพขับแท็กซี่ นิสัยไม่ค่อยเอาไหน ขี้เกียจ ชอบใช้ความรุนแรง หยาบคายพูดทีน้ำลายกระเด็น ติดบุหรี่ แต่กระนั้นเขาก็รักครอบครัวมาก โดยเฉพาะยูตะกับลูกสาว(ที่น่ารักทั้งคู่)ใครมาทำอะไรทั้งสองคนนี้ล่ะก็น่าดู(จนสองคนนี้อืมละอา)
จุนโกะ- ภรรยาของไดเทะสึแม่บ้านของครอบครัวและเป็นคนปกติในบ้านที่ต้องทนกับพฤติกรรมบ้าๆ ของสามี และเหล่าลูก(มีผัวผิดคิดจนวันตาย) ถ้าสติแตกละก็น่ากลัว
ฮารุโอะ-ลูกชายคนโตของครอบครัว อ้วนแว่นนักเรียนสอบตก ว่างงาน ขี้เกียจ นิสัยอ่อนแอและไม่สู้คนเหมือนพ่อ แถมเป็นโอตากุเกือบทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน, ภาพยนตร์, แมลง, รถไฟ แถมชอบแต่งคอสเป็นเซเลอร์มูนอีก(ช่วงหลังบทยังน้อยมากจนเทือบไม่ออกมาแล้ว)
ซากุระ ลูกสาวคนโต ม.2 ที่น่ารักและนิสัยดีและน่าจะเป็นคนปกติในบ้านที่สุด แต่คบกับแฟนที่หน้าตาห่วยแตกมาก(แถมช่วงหลังๆ แฟนยังปัญญาอ่อนอีก สงสัยโดนแกล้งโดนถีบเยอะจนสมองกระทบกระเทือน)
โคเทะสึ – ลูกชายคนรอง ป.2 ซุกซน และคึกที่สุดในละแวกนั้น ชอบแกล้งชาวบ้าน(และบางครั้งก็โดนเอาคืนอย่างเจ็บแสบเหมือนกัน) และนิสัยถอดแบบมาจากพ่อเปิ๊ยบ และเป็นตัวเอกของเรื่อง
ยูตะ- บุตรชายคนเล็กของบ้าน อายุ 0 ขวบ
คินเทะสึ – ปู่ของโคเทะสึ ไม่ต้องจำหรอกเพราะไม่ค่อยมีบท
โดยแม้การ์ตูนจะดำเนินหลายมุมมองสมาชิกโอซาวากิในแต่ละคนต่อเหตุการณ์ต่างๆ และความสัมพันธ์ต่อคนอื่นในสังคมที่แต่ละคนทำอะไรบ้าๆ บอๆ ไร้สาระไปวันๆ แต่หลักๆ คือตัวเอกคือโคเทะสึที่ชอบแสดงหรือแสดงพฤติกรรมเว่อร์ๆ จนเป็นนิสัย ซึ่งรอบตัวเขายังมีเพื่อนในปีเดียวกันที่นิสัยเป็นเอกลักษณ์สุดๆ เช่น ฟุคุโอะเจ้าอ้วนขี้ขลาด, โดอิสึ จินเด็กที่ไม่พูดอะไรแถมหน้าตาเหมือนผีอีก อาศัยกับแม่ที่ทำอะไรเว่อร์สุดๆ, โนริดะสาวน้อยเจ้าปัญหาเพื่อนบ้านติดกับโคเทะสึจนกลายเป็นคู่หูของโคเทะสึไปโดยบริยาย ชอบมาบ้านโคเทะสึจนเรียกว่าจะกลายเป็นครอบครัวโอซาวากิไปแล้ว และอากาเนะสาวรวยที่สุดในกลุ่ม โดยโคเทะสึและพวกเพื่อนชอบเล่นอะไรแผลงๆ กับชาวบ้านในละแวกนั้นจนหลายคนตั้งฉายากลุ่มเด็กนี้ว่า “กลุ่มเด็กนรก”
นอกจากนี้รอบตัวของโคเทะสึยังมีตัวละครสมทบอีกมากมาย หลายคนหน้าตาเหมือนคนดัง เช่น ตาลุงบ้าสัตว์ข้างบ้านหน้าเหมือนผู้กำกับชื่อดังของญี่ปุ่น(ผมคุ้นหน้าแต่จำชื่อไม่ได้), ท่านส.ส.เหมือนไจแอนด์จิบะแต่ชอบขี้แตก, ครูประจำชั้นที่หน้าเหมือนดาราหนังบู๊ฮ่องกงคนหนึ่งแต่นิสัยอนาถสุดๆ จนไม่รู้ว่ามาเป็นครูได้ไง ฯลฯ และทั้งหมดต่างเข้ามาในชีวิตเพื่อสร้างปัญหาครอบครัวโอซาวากิไม่เว้นแต่ละวัน(แต่คนดูฮ่าจะเกร็ง)
ทำไมผมถึงชอบ? เรื่องนี้ตอนแรกผมไม่คิดจะอ่านหรอกครับ แต่อยู่มาวันหนึ่งผมไปตัดผมที่ร้าน ระหว่างที่รออยู่นั้นเหลือบไปเห็นเล่มที่ 8 ของการ์ตูนเรื่องนี้พอดี ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรมากเพราะว่าไม่ใช่เล่มแรกทำให้กลัวว่าไม่รู้ที่มาที่ไปของตัวละครในเรื่อง แต่พอเปิดแล้วหัวเราะลั่นร้าน(กลั้นหัวเราะไม่อยู่)มุกเม่งฮ่าๆ จริง มุกส่วนใหญ่จะเน้นมุกของสกปรกเช่น อุจจาระ ขี้มูก ขยะ ผสมกับพฤติกรรมของตัวละครที่แต่ละตัวละครปัญญาอ่อน สมองน้อย งี่เง่าได้ถึงใจ (ชมนะครับ ปัญญาอ่อนแบบมีคุณภาพ) ที่เล่นมุกเออ....มันคิดได้ไงฟ่ะ อย่างเช่นมุก ส.ส. ขี้แตกที่แตกแต่ละครั้งโลกแทบจะถล่ม, เครื่องดูดฝุ่นพลังช้าง, อาจารย์ประจำชั้นขอเงินลูกศิษย์ที่สุดอนาถ ฯลฯ ไม่รู้ตัวละครในเรื่องโง่หรือบ้ากันแน่ หรือไม่ก็คนเขียนนึกอะไรก็เขียนเลยปล่อยบ้าเต็มที่
การ์ตูนเรื่องนี้ขำตรงที่เอาคนดังมาล้อครับ ทั้งอเมริกาและญี่ปุ่น(ส่วนมากเป็นของญี่ปุ่นมากกว่า) บางคนผมก็พอคุ้นๆ บ้าง อย่างไจแอนด์จิบะ(นักมวยปล้ำตำนานของญี่ปุ่น) นอกจากนี้ยังมีตัวละครหลายตัวล้อการ์ตูนเรื่องอื่นอีกมากมายเอาเป็นว่ามีใครบ้างนั้นก็ติดตามดูเอาเอง
ส่วนข้อคิดของการ์ตูนเรื่องนี้คือ “ความสุขที่พอเพียงครับ” ที่ตัวละครในเรื่องเกือบทุกคนมีฐานะยากจนมาก แต่กระนั้นทุกคนก็พยายามที่จะแสวงหาความสุขท่ามกลางความยากจนนี้โดยไม่ทุกข์ร้อนใดๆ ตัวอย่างเช่น โนริดะที่บ้านยากจนถึงขั้นไม่มีไข่จะกิน พอเธอได้กินไข่นี้ดีใจสุดๆ เห็นแล้วก็อมยิ้มไปพักใหญ่
การ์ตูนเรื่องนี้มีอนิเมชั่นด้วยนะครับ หากแต่ในอนิเมชั่นไม่ค่อยปล่อยมุกบ้าเท่าไหร่(แต่ได้ความน่ารักของตัวละครมาแทน) หากใครชอบมุกบ้าๆ ปัญญาอ่อน(แบบมีคุณภาพ) ติ๊งต๊องหลุดโลกแนะนำให้ดูในมังงะครับ นับลองไม่ผิดหวัง
5. Shina Dark
http://doujinshidow.exteen.com/20100929/down-magga-shina-dark-vol-1-8
Shina Dark หรือ ราชาแห่งความมืดแห่งไดน่าดาร์ทและสองเจ้าหญิงจันทรา เป็นการ์ตูนคอมมาดี้, ฮาเร็ม(??), แฟนตาซี, การเมือง, แอ็คชั่น, ดราม่า, ยูริ(??) ฯลฯ เรื่องโดย Bunjuro Nakayama(ผลงานอย่าง Mahoromatic) และวาดโดย Yukari Higa ของสำนักพิมพ์ ASCII Media Works (ซานะ) วาดตั้งแต่ 2006 ถึง 2009 โดยการ์ตูนจบภาคแรกเอาไว้โดยไม่สร้างภาคสองต่อแต่อย่างใด ต่อมาก็อนิเมชั่น(OVA)หากแต่ไม่ถูกนำมาปล่อยในยูธูปเหมือนเรื่องอื่นๆ ในไทยการ์ตูนเรื่องนี้ไม่มีลิขสิทธิ์ โดยภาคแรกมีสี่เล่มจบ
Shina Dark เป็นการ์ตูนที่ตอนแรกดูเหมือนจะเป็นการ์ตูนฮาเร็ม โดยเปิดเรื่องด้วยตำนานที่ว่า เมื่อเกิดจันทรคาส จอมมารเอ็กโซต้าที่มีนิสัยเลือดเย็นและมีพลังร้ายกาจจะฟื้นจากการหลับใหลสองพันปี ทุกประเทศต้องส่งหญิงสาวไปเป็นสนมของจอมมารให้ครบหนึ่งพันคนไปยังเกาะชีน่าดาร์ทที่จอมมารอยู่ ไม่เช่นนั้นจอมมารจะทำลายโลก
ความจริงแล้วตำนานที่ว่าเป็นเรื่องโกหก(และเต็มเติมเสริมจริง) เพราะจอมมารเอ็กโซต้าตัวจริงนั้น มีนิสัยใจดี ไม่ชอบต่อสู้ มีความปรารถนาที่อยากจะอยู่อย่างสันติ มีงานอดิเรกชอบไปตกปลาในวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่ต้องการสร้างฮาเร็ม แถมยังขี้เซาและขี้เกียจส่งผลทำให้ลูกน้องสองคนคือแวมไพร์วินเชนต์(หน้าหล่ออย่างกับพระเอก) กับ หุ่นยนต์สาวเมดโนเอลต้องปวดหัวประจำที่เจ้านายห่วยแตก เมื่อจอมมารตื่นขึ้น(ไม่ตรงกับตำนานว่าไว้อีกเพราะพี่แกหลับต่ออีกหนึ่งเดือน)เขาก็แปลกใจว่าทำไมเกาะของเขาผู้หญิงทำไมเยอะจัง จนกระทั้งมารู้หญิงสาวเหล่านี้ถูกส่งตัวมายังเป็นเจ้าสาวจอมมาร และนั้นทำให้เขาได้รู้จักเจ้าหญิงจากแดนไกลสองคนที่ถูกส่งมาเป็นสนมของจอมมารคือเจ้าหญิงกาเล็ตท์ที่เป็นเจ้าหญิงอัศวินนักสู้ และเจ้าหญิงคริสติน่าที่มารยาทงาม ซึ่งจอมมารได้บอกความจริงว่าตนไม่มีความปรารถนาในการทำลายโลกและอยากให้พวกเธอกลับไปยังที่ของเธอหากแต่พวกเธอตอนนี้ไม่สามารถกลับบ้านเกิดได้เนื่องจากเธอถูกเนรเทศเพราะสังคมรังเกียจว่าเป็นเครื่องสังเวยจอมมาร เมื่อจอมมารได้ยินจึงได้ตัดสินใจว่าจะประกาศให้เกาะซีน่าดาร์ทให้เป็นประเทศอิสระ(ปกครองกึ่งราชากึ่งประชาธิปไตย)และประกาศให้เป็นกาเร็ตท์และคริสติน่าเป็นผู้นำประเทศโดยให้ถูกเรียกว่าสององค์หญิงจันทรา
โดยเรื่องหลังจากนั้น(ประมาณเล่ม 2)จะเป็นเรื่องราวของสองเจ้าหญิงกาเร็ตท์และคริสติน่าที่เป็นเรื่องย้อนอดีตและชีวิตในแต่ละวัน โดยแต่ละคนมีปมและดราม่าแตกต่างกันออกไป ตอนแรกเจ้าหญิงทั้งสองไม่กินเส้นกันอันเนื่องจากทั้งสองมาจากพื้นที่ที่วัฒนธรรมความคิดแตกต่างกันออกไป หากแต่เมื่อเรื่องดำเนินใกล้จะจบทั้งสองก็ยอมรับซึ่งกันและกันในฐานะเพื่อนและคู่แข่งความรักของจอมมาร
ทำไมผมถึงชอบ? เป็นการ์ตูนที่เปลี่ยนแนวได้อย่างน่าชื่นชม จากการ์ตูนแนวฮาเร็ม กลายเป็นการ์ตูนการเมือง การตูนยูริ(หญิงกับหญิง) ไปจนถึงเลิฟคอมมาดี้ (มีสยองขวัญด้วย) แนวเจ้าหญิงปกครองประเทศผมก็ชอบครับ ผมเนื้อหาการ์ตูนแบบนี้แหละครับ คือการปกครองเริ่มจาก 0 (เหมือนเรื่อง Utawarerumono) คือมาตอนแรกไม่มีอะไรเลย แล้วมาตั้งประเทศแล้วพัฒนาจนรุ่งเรือง อืม..
Shina Dark ไม่ใช่การ์ตูนฮาเร็มน่ะครับ และไม่ใช้โรแมนติกด้วย มันเป็นการ์ตูนที่มีส่วนผสมอะไรหลายๆ อย่างรวมกัน ไม่ว่าจะเป็น ยูริ(จอมมารไม่มีบทบาทเลยในช่วงหลัง สองสาวได้บทเด่นแทน) คอมมาดี้ แฟนตาซี แอ็คชั่น การปกครอง ดราม่า ย้อนอดีต แม้ว่าส่วนผสมจะมาก แต่ส่วนผสมนี้อร่อยดีครับ
-เนื้อหาดีมาก
-โลลิน่ารัก
-สัดส่วนเจ้าหญิงน่ารักดี
-จอมมารหน้าตาได้ใจ
สิ่งที่การ์ตูนต้องการนำเสนอคือการปกครองและความเข้าใจซึ่งกันและกันครับ ที่ตอนแรกเกาะซีน่าดาร์ทนั้นเต็มไปด้วยปัญหา เพราะความไม่เข้าใจกันในแต่ละวัฒนธรรมระหว่างคนตะวันออกกับคนตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น ศาสนา, ความเชื่อ,อคติ อีกทั้งเจ้าหญิงทั้งสองที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีต่างคนต่างไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน ก่อนที่จะปัญหานี้จบลงในตอนท้าย เมื่อคนสองวัฒนธรรมนี้ร่วมมือกันแก้ปัญหา และเจ้าหญิงทั้งสองก็พัฒนาด้านจิตใจจนยอมรับอีกฝ่าย ดูแล้วย้อนกลับมาดูโลกแห่งความจริงโลกเราทุกวันนี้มีปัญหาเกิดขึ้นเพราะความไม่เข้าใจซึ่งกันและกันและวัฒนธรรมความเชื่อที่แตกกันหากคนเหล่านี้แก้ปัญหาเหล่านี้เข้าใจซึ่งกันและกันล่ะก็โลกของเราจะสงบสุขขึ้นเยอะ
สิ่งที่สอดแทรกในการ์ตูนเรื่องนี้ก็มีมากมาย เช่นการศิลปะการปกครองที่สองเจ้าหญิงมีปัญหาด้านการปกครองเช่นกาเร็ตท์ชอบทำงานแบบเหมาทำเองส่งผลทำให้ร่างกายรับสภาพไม่ไหว คริสติน่าไม่มีความมั่นใจในการตัดสินใจทั้งทีตนมีความสามารถ ฯลฯ นอกจากนี้ก็มีสัญลักษณ์แห่งตัวแทน ไม่ว่าจะเป็นจอมมาร(ซาตาน)ที่หลายคนคิดว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายน่ากลัวหากแต่เมื่อมาพบกับว่าจอมมารที่ว่านั้นสุภาพอ่อนโยนมีมารยาท มันก็เหมือนสังคมโลกตะวันตกมองสังคมตะวันออก(อาหรับ)แหละครับว่าเป็นแดนน่ากลัวอันตราย หากแต่เอาเข้าจริงไปสัมผัสจริงก็พบว่าคนเหล่านี้เป็นมิตร นอกจากนี้ก็ยังมีการสอดแทรกเรื่องประเทศบ้านเกิดของเจ้าหญิงที่ดูแล้วละม้ายกับประเทศใดประเทศหนึ่งในโลก เช่น ประเทศกาเร็ตท์เป็นประเทศตะวันตกที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศเล็กแต่ได้พัฒนาจนแข็งแกร่งเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยมีบุคลากรที่มีคุณภาพหากแต่ก็เริ่มเสื่อมโทรมลงเนื่องจากเป็นประเทศชอบทำสงครามและแสวงหาอำนาจไม่มีที่สิ้นสุดผมอ่านแล้วพล่านนึกถึงอเมริกา ส่วนประเทศบ้านเกิดของคริสติน่าเป็นประเทศตะวันออกมีประวัติเก่าแก่และครั้งหนึ่งเคยอุดมสมบูรณ์หากแต่ผู้นำหวังแต่ประโยชน์ส่วนตนไม่สนต่อความเป็นอยู่ของชาวบ้านมุ่งหวังแต่ความร่ำรวยจนประเทศแร้งแค้นจนเกิดกบฏปล่อยครั้ง(พม่า?) ส่วนซีน่าดาร์ทนี้พล่านให้ผมนึกถึงประเทศไทยไปได้เพราะว่าปกครองแบบเศรษฐกิจพอเพียง รักสงบ(แต่รบไม่ขาด) และมีหลายเผ่าหลายวัฒนธรรมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข(หรือเปล่า??)
เสียดายครับที่ว่าภาคสองการ์ตูนเรื่องนี้ยังไม่ออก เพราะปริศนาในเรื่องยังไม่ไขกระจ่าง จุดจบของประเทศองค์หญิงทั้งสองก็ยังไม่ได้บทสรุป เอาเป็นว่าใครชอบการ์ตูนแนวยำหลายแนวรวมกันก็ลองไปดูสักนิดละกัน
4. Rosario + Vampire (เฉพาะอนิเมชั่น)
โรซาริโอ้ + แวมไพร์ เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นคอมมาดี้,แฟนตาซี,ฮาเร็ม ผลงานของ ทาคายูกิ อินางาคิ ลงในนิตยสาร โชเน็นจัมป์รายเดือน(มิน่าถึงเน้นแอ็คชั่นในมังงะเหลือเกิน) ระหว่าง สิงหาคม 2547 ถึง มิถุนายน 2550 และตอนพิเศษในนิตยสาร โชเน็นจัมป์รายสัปดาห์(10 เล่มจบ) ปัจจุบันมีภาคสองแล้วใช้ชื่อว่า โรซาริโอ้ + แวมไพร์ II ลงในนิตยสารจัมป์สแควร์( 8 เล่มยังไม่จบ) และถูกสร้างเป็นอนิเมชั่น ภาคแรก 13 ตอนจบ และภาค 2 มี 13 ตอนจบ
เป็นเรื่องราวของเด็กคนหนึ่งชื่ออาโอโนะ ซึคุเนะเป็นนักเรียนปกติ หากแต่เขาเรียนไม่ค่อยเก่ง ไม่เก่งถึงขั้นไม่สามารถสอบเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมที่ไหนได้ ในขณะที่เขากลุ้มใจอยู่นั่นเอง โชคก็มาหาเขาเมื่อพ่อของเขาได้รับแพ็คเก็ตโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ที่มันทำให้เขาเข้าไปเรียนโรงเรียนแห่งนี้ได้ แน่นอนพระเอกจำต้องไปเรียนโรงเรียนแห่งนี้แบบช่วยไม่ได้ และเมื่อเขาเข้าไปโรงเรียนเขาก็พบสิ่งผิดปกติต่างๆ ที่ดูแล้วไม่น่าไว้ใจ จนกระทั้งเขามารู้ความจริงว่าโรงเรียนที่เขาเข้าไปนั้นไม่ใช่โรงเรียนธรรมดา มันเป็นโรงเรียนของเหล่าสัตว์ประหลาดและปีศาจที่เข้าเรียนโดยต้องปลอมเป็นมนุษย์และที่นี้ไม่ต้องการมนุษย์ธรรมดา แน่นอนตอนแรกซึคุเนะแทบสติแตกและอยากจะหนีออกจากโรงเรียนแห่งนี้ให้ได้ หากแต่เขาระหว่างนั้นเองเขาได้รู้จักผู้หญิงมัธยมปลายห้องเดียวกับเขาชื่อ อาคาซิยะ โมกะ ซึ่งเธอเป็นคนมี 2 บุคลิกในคนเดียว โดยบุคลิกแล้วคือโมกะผมสีชมพูที่อ่อนหวาน เก่ง สวย และเธอชอบพระเอกมากๆ แต่อ่อนแอและพลังไม่แตกต่างจากคนปกติสักเท่าไหร่ และอดีตของเธอนั้นเธอเป็นคนไม่มีเพื่อน ซึ่งเมื่อซึคุเนะได้รู้เรื่องราวของโมกะแล้วเขาก็ยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับเธอ และในขณะนั้นเองก็มีอันตรายเข้ามาหาเขาทั้งสองซึ่งพระเอกพยายามปกป้องเธอแต่ก็ไม่ไหว และในขณะที่พระเอกกำลังย่ำแย่นั้นเอง เขาก็ล้มลงแล้วมือดันไปปลดเครื่องประดับที่โมกะซึ่งห้อยไว้(ไม้กางเขน) แล้วดึงออกมาเธอจะเปลี่ยนเป็นอีกบุคลิกหนึ่งคือโมกะผมสีขาวซึ่งมีพลังของแวมไพร์ร้ายกาจ และทำให้พระเอกรอดพ้นอันตรายมาได้ และด้วยเหตุนี้เองทำให้โอโนะจำเป็นต้องเรียนในโรงเรียนแห่งนี้พร้อม ปิดบังฐานะของตนเองเอาไว้และใช้ชีวิตอยู่กับเหล่าปีศาจ หากแต่ก็มีปัญหาตามมาอีก อันเนื่องด้วยพระเอกเป็นมนุษย์ทำให้มีกลิ่นหอมหวานยวนใจต่อเหล่าปีศาจที่อยู่โรงเรียนที่หวังต้องการดูดพลังชีวิตของเขา ซึ่งทำให้เขาต้องพึ่งโมกะ(ผมขาว)ปกป้องเขาบ่อยๆ
หลังจากที่ใช้ชีวิตมาหลายเดือนซึคุเนะก็ได้เพื่อนที่เป็นสาวๆ ปีศาจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คุโระโนะ คุรุมุสาวสายอกดินระเบิดห้องเดียวกับพระเอกที่ตัวจริงเป็นซันคิวบัส ตอนแรกเธอแสดงเป็นศัตรูกับโมโกะและอยากดูดพลังชีวิตซึคุเนะหากแต่หลังจากโดนโมกะ(ผมขาว)สั่งสอนพระเอกเลยขอร้องให้ยกโทษให้เธอทำให้คุรุมุหลงซึคุเนะและทำทุกอย่างเพื่อใกล้ชิดซึคุเนะ, เซนโดว ยูคาริ สาวน้อยอัจฉริยะวัย 11 ปีเรียนอยู่ระดับเดียวกับซึคุเนะ ที่ตอนแรกเธอรังเกียจพระเอกหากแต่ภายหลังเมื่อเธอเปิดใจได้เธอก็เป็นเพื่อนกับกลุ่มซึคุเนะในที่สุด ชิรายูคิ มิโซเระ สาวน้อยภูติหิมะห้องเดียวกับซึคุเนะที่เธอค่อนข้างเป็นเด็กมีปัญหาและไม่ค่อยเข้าคนอื่น หากแต่ซึคุเนะได้พูดว่าว่าจะเชื่อใจเธอแม้คนรอบข้างจะมองเธออย่างไรก็ตาม ส่งผลทำให้ชิรายูคิชอบซึคุเนะหากแต่วิธีแสดงความรักของเธอค่อนข้างแปลกกว่าคนอื่นสักหน่อยตรงที่เธอชอบเป็นสโต๊กเกอร์ตามติดตามซึคุเนะไปทุกที่
นอกจากนี้เนื้อหาการดำเนินเรื่องนั้นมีความแตกต่างกัน โดยในมังงะจะเน้นดำเนินเนื้อเรื่องเป็นจริงเป็นจังกว่าและมีตัวละครมากกว่า หากในอนิเมชั่นเน้นเซอร์วิสฮาเร็ม
ทำไมผมถึงชอบ ใครจะว่าผมโง่หรือบ้าอะไรก็เถอะ ผมขอบอกว่าอนิเมชั่นอย่างสนุก แต่มังงะโครตผิดหวัง(อาจเป็นความคิดของผมคนเดียว)
หลังจากที่ผมดูอนิเมชั่นภาคแรกไปแล้ว ผมนี้ชาบู ชาบูเลยนะครับ จบอย่างประทับใจ อาเร็มเยี่ยม(แต่เรื่องนี้พระเอกล็อกคนที่ชอบไว้แล้ว) มุขฮ่าแบบเซอร์วิตเต็มพิกัต ใครไม่ได้อยู่สมาพันธโอตากุไม่เข้าใจหรอก หลังจากที่เต็มอิ่มกับอนิเมชั่นผมก็สั่งซื้อมังงะเลยนะครับ ของสำนักพิมพ์มด ไปหาในเว็บเลย แล้วก็โอนเงินทันที 10 เล่มจบ ซื้อมาหวังว่าจะได้ดูเซอร์วิตกระจาย อืม...มาตอนแรกตรงกับอนิเมชั่นดี(แต่ลายเส้นยังไม่ดี) แต่ความเฮฮาก็ยังอยู่
หากแต่…….
หลังจากที่พระเอกได้เลือดแวมไพร์ใส่ร่างเท่านี้แหละครับ เนื้อเรื่องเสียหมด และนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เปลี่ยนแนวแล้วไม่ได้สร้างความประทับใจผมเลย คนเขียนทำผิดอย่างใหญ่หลวงชนิดเรียกว่าทำลายความคาดหวังของผมเป็นที่สุด
ผมว่าการ์ตูนเรื่องนี้ควรจะเป็นแนวฮาเร็มรักฮ่าไปเรื่อยไม่เน้นสู้กันมากนัก(สู้บ้างแต่ไม่ใช่มาแบบเป็นเรื่องเป็นราว) แต่ไม่รู้คนเขียนไปคิดอะไรดันไปเปลี่ยนแนวเฉยเลย จากฮาเร็มอยู่ดีๆ เนื้อเรื่องมันลามไปถึงองค์กรลับในโรงเรียน ประธานนักเรียนตัวโกง มีจตุเทพ(เอาเข้าไป) ปีศาจเม่งเปลี่ยนร่างราวกับเอเลี่ยนพันธุ์นรกแตก พระเอกเก่งแมน(มันต้องอ่อนแอให้ผู้หญิงปกป้องสิถึงจะดี บู่ๆ) ตัวละครสาวๆ หายไป สิ่งที่ผมให้ผมเบื่อสุดคือการฉากต่อยตีมากเกินไปจนกลบฉากเซอร์วิสไปเสียสิ้น เล่นเอาผมหมดแรงและเสียใจไปพักใหญ่ และก็เหลือเชื่อว่ามังงะจะมีภาค 2 ด้วย(ไม่น่าเชื่อ) มังงะการ์ตูนนี้มันฮิตขนาดนี้เลยเหรอนี้(ฮิตจริงครับที่ญี่ปุ่น) หรือจะเป็นผมคนเดียวที่บอกว่าการ์ตูนเรื่องนี้ไม่สนุก แต่ผมเชื่อเลยว่าขนาดภาคแรกยังขนาดนี้ ภาคที่สองจะขนาดไหนเล่นเอาผมเสียศูนย์ไปพักใหญ่(แต่ดูเหมือนภาค 2 จะปรับปรุงไปเยอะแล้วนะครับ เนื้อหาเล่มเข้าสู่คอมมาดี้แล้ว ไปดูสปอยมา เออ....)
แต่ขอโทษครับอนิเมชั่นโครตชอบเลยแหละ
-ดูอนิเมชั่นเรื่องนี้เรารับประกันว่าคุณจะได้เห็นกางเกงในเต็มอิ่ม
-อนิเมชั่นเรื่องนี้มีกางเกงในหลากหลายให้ได้ลิ้มลอง แต่แนะนำกางเกงลายทางเพราะอร่อยมาก
-สูตรอนิเมชั่นคือ สู้เป็นฉากๆ และจบในไม่กี่นาที
-นางเอกแตะทีเห็นกางเกงใน โมเอะ
-กางเกงในจงเจริญ
-ใครที่ไม่ชอบกางเกงในไปดูอนิเมชั่นเรื่องอื่นซะ!!
ผมไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังหรอกนะครับ ว่าผู้สร้างไปคุยอะไรกับคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะว่าอนิเมชั่นแตกต่างจากมังงะโดยสิ้นเชิง แม้ว่าบางตอนจะมีเนื้อหาจากมังงะ แต่ก็เท่านั้นแหละเมื่อรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันมาก เน้นสูตรคือเซอรวิตเน้นสาวๆ จากนั้นก็ต่อสู้จบในหนึ่งฉาก และบางตอนจะเน้นบทสาวๆ ของแต่ละคน เน้นความน่ารักเข้าไว้ ส่วนพระเอกต้องอ่อนแอ อย่าเก่งอย่าแมน(น่ะเว้ย) และไม่จำเป็นต้องมีเนื้อเรื่องให้มันใหญ่โตเป็นเรื่องเป็นราว โอ้นี้แหละการ์ตูนสเป๊กของผมพอดี แม้ว่ามุกตลอกจะสะดุดเป็นบางครั้ง แต่ผมชอบอ่ะ(จะทำไม) อีกทั้งชอบตรงไม่ค่อยมีตัวละครตัวผู้(มังงะโครตเยอะ) แม้ว่าอนิเมชั่นจะได้รับคำวิจารณ์ไม่ดีเท่าที่ควร แต่จขอโทษครับโอตากุเขาไม่สนหรอก ส่งผลทำให้อนิเมชั่นนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก(ดีไม่ดีมากกว่ามังงะอีก) ส่งผลทำให้ภาค 2 ตามมาอีกครับ(เพิ่มกางเกงในสตอเบอรี่)และเนื้อหายังอยู่ในบทสาวๆ เช่นเคยและผมก็ชอบมากๆ (ดูเม่งเป็น 10 รอบ)
เรื่องนี้พระเอกไม่ได้มหาเทพเท่าโทโมกิ(Sora no Otoshimono)หรือริโตะ(To Love Ru)หรอกครับ แต่สิ่งที่พระเอกสามารถกุมหัวใจสาวในเรื่องได้คือพระเอกยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับพวกเธอ แม้เหล่าพวกเธอจะมีข้อเสียมากกว่าข้อดีก็ตาม โอ้ อยากได้สกิตมหาเมพแบบนี้จัง
3. Ibara no Ou
Ibara no Ou หรือ King of Thorn ผลงานของ IWAHARA Yuji มี 6 เล่มจบ ได้ตีพิมพ์ในไทยโดยบูรพัฒน์ในชื่อ “ไวรัสพันธุ์สยองโลก” ปัจจุบันการ์ตูนนี้กำลังถูกสร้างเป็นอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์แล้ว
เป็นเรื่องของสาวแว่นคนหนึ่งชื่อ คาซุมิ ที่ป่วยเป็นโรคร้ายประหลาดชื่อ “ไวรัสเมดูซ่า” คือร่างกายจะกลายเป็นหินอย่างช้าจนกระทั้งเป็นทั้งตัวและตายอย่างทรมาน โดยโรคนี้ไม่มีทางรักษา และนอกจากคาซุมิจะเป็นโรคนี้แล้ว น้องสาวฝาแฝดของเธอและคนทั่วโลกหลายล้านคนก็เป็นโรคนี้เช่นกัน และนั้นทำให้มีองค์กรหนึ่งคิดโครงการแช่แข็งร่างผู้ป่วยจำนวน 160 คน เพื่อเก็บร่างกายเพื่อรอวันตื่นขึ้นเมื่อพบวิธีรักษาในอนาคต และหนึ่งในผู้เลือกทั้ง 160 คนนั้น คือ คาซุมิ หากแต่ปรากฏว่าน้องสาวไม่ได้รับเลือก ส่งผลทำให้คาซุมิต้องปวดหัวใจทุกครั้งเมื่อคิดถึงอดีต และเมื่อคาซุมิทำการแช่แข็งร่วมกับผุ้ป่วย 159 คน สติของเธอก็ดับวูบลง...
และเมื่อเธอได้ตื่นขึ้น เธอก็พบว่ารอบตัวของเธอนั้นเปลี่ยนไป มันเป็นโลกอนาคตที่ไม่คุ้นเคย เพราะเต็มไปด้วยเถาวัลย์ขนาดยักษ์ที่น่ากลัว และมอนเตอร์ลึกลับที่มันจ้องจะฆ่ามนุษย์ทุกคน แต่ความน่ากลัวนั้นไม่สามารถเทียบได้จากปริศนาเรื่องลึกลับที่คาซุมิกำลังพบ เมื่อเธอกับผู้รอดชีวิตที่ต่างวัย ที่ประกอบไปด้วย นักการเมืองเอาแต่ใจ, ชายแว่นที่เหมือนมีความลับ, หญิงสาวสวย, ชายผิวดำมาดทหาร, เด็กชายผู้อ่อนแอ และชายร่างบึกรอยสัก(พระเอก)ที่ดูเหมือนเขาไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายดังกล่าวเลยและดูเหมือนเขาจะมีความลับอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์เช่นนี้ คาซุมิจะสามารถไว้ใจผู้รอดชีวิตเหล่านี้ได้หรือไม่ ปลายทางข้างหน้านั้นจะเป็นอย่างไร...
ทำไมผมถึงชอบ เป็นการ์ตูนแนวเอาตัวรอดที่สุดยอดมาก ที่คนเขียนโปรยคำนำไว้แล้วว่าต้องการให้การ์ตูนนี้มีบรรยากาศเหมือนหนังฟอร์มยักษ์ต่างประเทศสักเรื่องหนึ่ง ผมปรากฏว่าเป็นเช่นนี้จริงๆ ด้วยเนื้อเรื่องตื่นเต้น ภาพสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว และฉากแอ็คชั่นไซไฟมันๆ การดำเนินเรื่องที่สลับไปมาจากอดีตและปัจจุบัน ก่อนที่จะหลุดไปถึงบทสรุปของมันจนลงตัว มันเหมือนหลุดในหนังเอาตัวรอดจำพวกหนีฉลามหรือหนีพวกสัตว์ประหลาดฐานทัพใต้ดินดีๆ เรื่องหนึ่งที่ผสมกับความเป็นอเมริกันลงตัวเลยทีเดียว นอกจากนี้ผมยังชอบคนเขียนตั้งแต่ผลงานก่อนๆ ที่วาดตัวละครได้น่ารักสุดๆ มาก ผมชอบเรื่อง Chikyuu Misaki ที่บรรยากาศช่างหนาวเหน็บน่ากลัวจริงๆ แต่ขอโทษผลงานเรื่อง Gakuen Sousei Nekoten! แย่สุดๆ ผมว่าเสียเครดิตไปมากพอสมควรเลยเพราะเนื้อหาโดยรวมไม่แปลกใหม่อะไรเลย
สิ่งที่ผมชอบต่อมาคือบรรยากาศในเรื่องที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่และความลึกลับ ที่เหมือนเป็นศิลปะ ซึ่งน้อยมากที่จะเห็นการ์ตูนแนวเอาตัวรอดแบบนี้ ที่ต้องหนีสัตว์ประหลาด หนีโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษา และหนีซะตากรรมไปด้วย และฉากที่ผมชอบคือฉากท้ายเรื่องเล่มที่ 1 ที่ผู้รอดชีวิตทั้งหมดได้มาถึงสถานที่ปลอดภัยที่มีน้ำและอาหารหากแต่พี่บึกของเรา(พระเอก)กลับลากผู้รอดชีวิตไปหาความลับในชั้นใต้ดินที่ดูยังก็รู้ว่า “มันมีอันตรายแน่” ซะงั้น เป็นผม ผมไม่ไปหรอกขออยู่ตายมันที่นี้ดีกว่า และฉากตายของตัวละครบางตัวยังเต็มไปด้วยความเหนือคาดหมาย ผมยังเสียดายเลยว่านักการเมืองไม่น่าตายเร็วเลย
2.Let s Lagoon
http://www.nekopost.net/content/let_s_lagoon
Let s Lagoon เป็นการ์ตูนแนว ดราม่า, เหนือธรรมชาติ, แรมแมนติก, โชเน็น ผลงานของ OKAZAKI Takeshi
Let s Lagoon เป็นเรื่องราวของพระเอกมัธยมปลายที่แสนจะธรรมดา(ทำใจเพราะผมชอบพระเอกแนวนี้) ชื่อ “ยามาดะ” ที่จู่ๆ เขาก็ดันไปติดเกาะร้าง หลังจากเกิดเหตุเรืออับปาง โดยเกาะแห่งนี้ไม่มีเรือหรือเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆทั้งสิ้น อีกทั้งจนแล้วจนรอดก็ไม่มีเรือกู้ชีพผ่านมาสักลำ ทำให้ยามาดะต้องดำรงชีวิตบนเกาะนี้ยากลำบากไปพร้อมกับกำลังใจเริ่มหมดไป ต่อมาเขาก็ได้พบนักเรียนผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ห้องเรียนเดียว “จิกะ” ที่ติดเกาะเหมือนกับเขาเหมือนกัน(ติดมานานพร้อมกับพระเอก) ซึ่งตอนแรกยามาดะไม่คิดอะไรกับจิกะเพราะทั้งคู่ไม่ค่อยพูดคุยกันมาก่อนแม้จะอยู่ห้องเดียวกันก็เถอะ หากแต่เมื่อทั้งสองอาศัยอยู่บนเกาะนานๆ เข้า ความสัมพันธ์ของยามาดะที่มีต่อจิกะเริ่มแน่นแฟ้น จนกระทั้งเขาก็รู้สึกตัวว่าเขาตกหลุมรักจิกะเสียแล้ว และแล้วความรักของยามาดะจะสมหวังหรือไม่ และทั้งคู่จะสามารถกลับมาจากเกาะร้างนี้ได้หรือเปล่า และเกาะนี้มีความลับอะไรอยู่กันแน่ สามารถติดตามได้ในการ์ตูนเรื่องนี้ได้เลย
ทำไมผมถึงชอบ การ์ตูนเรื่องนี้แปลกอยู่อย่างคือ จากเปอร์เซ็นต์โหวตพบว่ามีคนชอบการ์ตูนนี้(ให้คะแนนเต็ม 10) อยู่ 50 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นคะแนนที่เหลือก็ 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่แปลกคือเม้นติเยอะกว่าชม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหลายคนไม่ค่อยชอบการ์ตูนเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่เนื้อหาการ์ตูนสนุกมาก มันเป็นการ์ตูนเรียบง่าย สบายๆ โรแมนติก ใครที่เคยเห็นเกม Lost in Blues ds ล่ะก็อารมณ์แบบนี้เลย และการเล่นจิตใจของคน ที่ต่างคนต่างมีปมปัญหา สิ่งที่ผมชอบคือพฤติกรรมพระเอกที่ไม่ได้หื่นแถมสุภาพบุรุษอีกที่เว้นระยะหญิงสาวเมื่อหญิงสาวประกาศว่ามีแฟนแล้ว ข้อเสียการ์ตูนเรื่องนี้มีอย่างเดียวครับ คือกว่าจะออกแต่ละตอนโครตนานมาก ใครที่จะติดตามการ์ตูนเรื่องนี้โปรดทำใจ
1. Hana to Akuma (manga)
http://www.mangafox.com/manga/hana_to_akuma/
ผมคิดอยู่นานว่าผมจะแนะนำการ์ตูนอะไรดี(ความจริงทั้งสองอันดับคือการ์ตูน to heart2 และ to love ru แต่ผมว่าตั้งเป็นตอนยาวดีกว่า) พอดีผมเหลือบไปดูการ์ตูนเรื่องหนึ่งในห้องนอนเรื่องหนึ่งขึ้นมา ก็เลยอยากจะมาแนะนำ
Hana to Akuma เป็นการ์ตูนคอมมาดี้, ดราม่า, แฟนตาซี, โรแมนติก, โลลิคอน, Shoujo(หมายถึงการ์ตูนเหมาะสำหรับผู้หญิงอายุประมาณ 7-18 ปี) ผลงานของ OTO Hisamu มี 9 เล่มยังไม่จบ ลิขสิทธิ์ในไทยโดยบงกต และน่าจะมีกำหนดสร้างอนิเมชั่น(หลังจากมีดราม่าซีดีแล้ว)
Hana to Akuma เป็นเรื่องของปีศาจที่มีพลังอำนาจมาก(หล่อด้วย)ตนหนึ่งชื่อ “วีวี่” ที่นิสัยขี้เบื่อ เอาแต่ใจ เบื่อแม้กระทั้งไม่อยากจะอยู่โลกปีศาจ เลยตัดสินใจมาอยู่โลกมนุษย์ แต่อยู่ไม่กี่ปีก็เกิดรู้สึกเบื่ออีกเลยจะกลับโลกปีศาจ และระหว่างทางกลับที่พักอยู่นั้นเอง เขาเกิดเหลือบไปเห็นเด็กทารกเพศหญิงที่ถูกทอดทิ้งริมทางขึ้นมา เลยตัดสินใจเก็บมาเลี้ยง และได้ตั้งชื่อว่า “ฮานะ” ตอนแรกวีวี่ตั้งใจเลี้ยงเด็กเพื่อหวังว่าเธอจะเป็นของเล่นแก้เบื่อของเขา หากแต่เมื่อฮานะเติบโตขึ้นจนเป็นสาวเป็นสาวน้อยอายุ 14 วีวี่กลับรู้สึกมีความสุขเมื่อฮานะอยู่ใกล้และอยากอยู่กับฮานะ
ทำไมผมถึงชอบ เชื่อหรือไม่ว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนผู้หญิงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมติดติดตาม ไม่ใช่เป็นเพราะเป็นการ์ตูนผู้หญิงยอดนิยมในญี่ปุ่น หรือเป็นการ์ตูนเรื่องนี้ติดอันดับ 1 ใน 10 การ์ตูนที่มีคุณค่าแก่การจดจำ (Top 10 Best Rated) หากแต่เป็นการ์ตูนแนวความรักที่แปลกใหม่ที่แนวคิดไม่เหมือนกับการ์ตูนผู้หญิงเรื่องอื่นๆ
-ตอนจบเศร้ามาก
-ฮานะน่ารัก
-รักน่ะเด็กโง่
การ์ตูนผู้หญิงส่วนใหญ่มักเน้นชีวิตในโรงเรียนพ่อแก่แม่งอน พระเอกนางเอกอายุพอๆ กัน หากแต่การ์ตูนผู้หญิงเรื่องนี้กลับใช้สิ่งเรียกว่า “ความรักที่เป็นไปไม่ได้” เข้ามาเล่น ระหว่างพระเอกอายุกว่าร้อยปี(ก็ปีศาจนี้อ่ะนะ) กับนางเอกอายุ 14 ขวบ(ที่ค่อนข้างอ่อนโลกเพราะว่าถูกเลี้ยงมาอย่างดี) ดูยังไงก็เฒ่าหัวงูหรือโลลิคอนชัดๆ แม้ว่าเรื่องมนุษย์หลงรักปีศาจการ์ตูนผู้หญิง หรือพระเอกเก่งเลิศ นางเอกธรรมดาจะนำมาใส่จนเปื่อยปุบะแล้วก็ตาม แต่กระนั้นเรื่องนี้กลับทำให้มันน่าอ่าน อาจเป็นเพราะไม่มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ความน่ารักของพระเอกนางเอกที่ดูแล้วเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกมากกว่า(ก็วีวี่เป็นคนเลี้ยงฮานะนี้น่า)ทำให้คนอ่าน อ่านแล้วรู้สึกดี โรแมนติกหวาน เสียอย่างเดียวตอนจบการ์ตูนเรื่องนี้โครตเศร้ามาก(ผมร้องไห้เลยนะจะบอกให้) จะจบดีๆ ให้แฟนๆ ฝันค้างไม่ได้หรือฟ่ะ (และเพราะฉากจบนี้เองทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ติดอันดับ 1)
เอาเป็นว่าใครชอบการ์ตูนแนวโลลิคอนก็น่าจะลองดูสักเรื่องนะครับ(ปล. ไม่น่าดูตอนจบเลย จนหมดกำลังใจดูเล่มต่อไทยเลย)
+ +
ความคิดเห็น