ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #108 : 20 การ์ตูนที่ผมชอบแบบไม่คิดมาก (ภาค 2)

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 56



    วันนี้พึ่งประทับใจ Sora no Otoshimono Forte ตอนที่ 8 แบบว่านิมพ์น่ารักได้ใจผมเต็มๆ (ฮิคารอสก็น่ารัก) แถมตอนนี้โทโมกิก็มหาเมฟอีก โอ้ นี้แหละสุดยอดการ์ตูนที่ผมชอบ(น่าจะไปสู้กับมหาเมพเทพริโตะจาก To Love Ru)

    การ์ตูนอีก 20 จะมีหลายเรื่องที่เป็น การ์ตูนหื่น (ทั้งนิดหน่อยและมากถึงขั้น H เออ... H นั้นอันดับเดียวนะครับ) ก็ผมเป็นผู้ชายและวัยจะถึง 26 แล้วนี้น่า(5 ธันวาคม วันเกิดครบ 26 แล้วน่ะครับ) แต่ใช่ว่าจะมีประโยชน์แต่หื่นน่า เพราะต้องยอมรับเลยว่าการ์ตูน H นั้นมันวาดผู้หญิงได้น่ารักจริงๆ ผมฝึกลายเส้นลองวาดตัวละคร H หลายเรื่องเลย

     

    20. Sakigake!! Cromartie Koukou 


                    Sakigake!! Cromartie Koukou หรือ Cromartie High School หรือ คุโรมาตี้ โรงเรียนคนบวม เป็นการ์ตูนตลก(บั่นทอนปัญญา) 26 เล่มจบ ผลงานของเอย์จิ โนนากะ สำนักพิมพ์โคดันฉะ ในปี 2002 ได้รับรางวัลการ์ตูนผู้ชายดีเด่นครั้งที่ 26 ของสำนักพิมพ์โคดันฉะ ต่อมาได้ถูกสร้างเป็นอนิเมชั่น ในปี 2003 และภาพยนตร์ใน Sakigake!! Cromartie Koukou Movie Soundtrack (2005)ภาคคนแสดง ส่วนในไทยผลิตและจัดพิมพ์โดย วิบูลย์กิจ

    Sakigake!! Cromartie Koukou เป็นเรื่องราวของคามิยามะ ทาทาชิ นักเรียนธรรมดาหน้าจืดที่สอบเข้าโรงเรียนคุโรมาตี้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนนักเลงที่เด็กเลวอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นรวมตัวกัน พร้อมกับเพื่อนสมัยมัธยมต้น (แต่เพื่อนดันสอบไม่ผ่าน) เป็นคนเรียบง่าย แรกเริ่มเดิมทีก็กลัวที่จะต้องอยู่ในโรงเรียน แต่ไปๆมาๆกลับสามารถเข้ากลุ่มกับคนอื่นๆได้  แถมโรงเรียนนี้ยังมีสิ่งประหลาดมากมาย โดยเนื้อหาภายในเล่มแบ่งออกเป็นตอนสั้นๆ โดยส่วนมากในแต่ละตอนจะมีเนื้อหาไม่ต่อเนื่องกัน โดยจะจบภายในตอน

    ทำไมผมถึงชอบ Sakigake!! Cromartie Koukou  เป็นการ์ตูนเรื่องเดียวในอันดับ ที่ผมชอบไม่ใช่เพราะชอบตัวละครโมเอะหรือน่ารัก เพราะในเรื่องไม่มีความน่ารักอะไรสักอย่าง แต่สิ่งที่ทำให้ผมชอบคือเทคนิคเล่นมุกตลกที่ทำได้เหลือร้ายจริงๆ ซึ่งมุกเหล่านี้มันได้กลายเป็นตำนานในประเทศไทยที่ก่อประโยคที่ว่า "บั่นทอนปัญญา"และ "ปูทันลิซึ่ม"

    การ์ตูนเรื่องนี้แปลกอยู่อย่างคือการดำเนินเนื้อเรื่องไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนัก เช่นตอนแรกพยายามวางบทให้คามิยามะพยายามทำให้โรงเรียนเรื่องนี้เป็นสีขาว แต่ประเด็นได้หายไปเมื่อผ่านไปเล่มหลังงๆ ต่อมาก็มีการวางบทว่ามีผู้ต้องการทำลายโรงเรียนคุโรไมตี้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มก่อการร้ายมิสเตอร์ X หรือพวกเด็กเลวทั้งหลาย แต่ประเด็นนี้ก็หายไปอีกเมื่อผ่านไปช่วงหลัง จนในที่สุดการ์ตูนก็เน้นตัวละครพูดคุยเอาเรื่องที่พบเห็นในชีวิตประจำวันก่อนตบมุกตอนท้ายมาเล่นแทน(จะว่าออกทะเลอย่างจงใจก็ว่าได้ แต่การออกทะเลนี้ขำจริงๆ ฮ่า)

    การ์ตูนเรื่องนี้ไม่ได้เสนอมุมมองของคามิยามะเพียงคนเดียว แม้ช่วงแรกๆ คามิยามะจะออกมามีบทบาทที่เป็นบุคคลพบสิ่งแปลกประหลาดในโรงเรียนมากมาย  แต่ช่วงหลังๆ ก็จะเริ่มมีมุมมองตัวละครหลายตัว และมุกส่วนใหญ่จะเป็นตัวละครคุยกันทั้งเรื่อง และตัวละครบางตัวก็เล่นมุกเฉพาะตัว อย่างอินเตอร์เน็ต ประชุมที่ไร้ซึ่งประโยชน์สาระ และการ์ตูนเรื่องนี้ตัวละครเยอะมากและตัดออกอย่างจงใจ(จนต้องอุทานว่ามันจะมาหาแป๊ะทำไม) เช่น ตัวละครอย่าง ที่มาตอนแรกๆ นึกว่าตัวละครหลัก แต่ที่ไหนได้ เพราะพี่แกมาออกมาเล่มเดียวก็จบไปเลยโดยไม่ออกมาอีกเลย

                    สิ่งที่การ์ตูนเรื่องนี้ทำให้ผมชอบคือมุกตลก ที่ทำให้เราได้รู้จักศัพท์คำว่า บั่นทอนปัญญาซึ่งการ์ตูนได้นำเสนอมุกได้อย่างน่าศึกษามากมาย

     

    19. The Powerpuff Girls  The Movie


                    เดอะพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ภาคหนังโรง เป็นการ์ตูนอนิเมชั่น กำกับโดย
    Craig McCracken   ค.ศ. 2002 จำนวน 72 นาที

    The Powerpuff Girls ได้กล่าวถึงเมืองทาวน์สวิล เมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม และปัญหาต่างๆ นาๆ และที่มุมหนึ่งของเมือง ศจ.ยูโทเนียมและโมโจโจ้ผู้ช่วยที่เป็นลิงชิมแปนซี กำลังสร้าง ต้องการเด็กหญิงสมบูรณ์แบบ โดยการผสมน้ำตาล เครื่องเทศ สารพัดของกุ๊กกิ๊ก และระหว่างผสมอยู่นั้นเองเขาได้ผสมสารเคมี X โดยไม่ได้ตั้งใจ ส่งผลทำให้เกิดระเบิดเกิดเป็นเด็กหญิง 3 คนได้แก่ บลอสซัม บัตเทอร์คัพ และ บับเบิลส์ โดยตอนแรก ศจ. คิดว่าเขาได้สร้างสาวน้อยสมบูรณ์แบบเพราะพวกเธอน่ารักน่าชัง และเขาก็รับหน้าที่เลี้ยงดูสามสาวเหมือนกับเป็นพ่อคนหนึ่ง และส่งพวกเธอเข้าโรงเรียน โดยหารู้ไม่ว่าสามสาวนั้นเกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษที่เหนือมนุษย์ เพียงแค่วันแรกที่เข้าเรียนสามสาวก็ทำให้เมืองหายนะทำให้ประชาชนในเมืองหมั่นไส้สามสาวกันทั่วหน้า  ส่งผลทำให้ศาสตราจารย์ถูกจับกุมฐานเป็นต้นเหตุและสามสาวก็เสียใจกับเรื่องนี้เป็นอันมากเลยหนีออกจากบ้าน และระหว่างทางนี้เองสามสาวได้พบโมโจโจ้ที่ได้รับสารเคมี X จนกลายเป็นบ้าแต่ฉลาดเป็นกรด(ต้นฉบับสำเนียงจะเป็นญี่ปุ่น) เขาได้หลอกสามสาว ให้รวบรวมวัตถุดิบจากทั่วโลกมาให้เขาเพื่อสร้างเครื่องมือชนิดหนึ่งที่เขาอ้างว่ามันจะทำให้พวกเธอเป็นที่รักของชาวเมือง และนี้คือปฐมบทของเดอะพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ในเวลาต่อมา

    ทำไมผมถึงชอบ? ตอนที่ผมดูการ์ตูนเรื่องนี้ผมอยู่ช่วงสอบมหาลัยด้วยน่ะเออ....แถมดูตอนเที่ยงคืนกว่าๆ อีก ตอนแรกก็ไม่ได้หวังอะไรมากเพราะก่อนหน้านี้ผมผิดหวังการ์ตูน CN ที่เป็นภาพยนตร์หลายเรื่อง อย่างเบ็นเทน(ไม่ว่าจะเป็นภาคคนแสดงหรือการ์ตูน) บิลลี่กับแมนดี้(ภาคเดอะมูฟวี่) ทำให้ผมว่าคิดว่าภาพยนตร์อนิเมชั่นนี้คงไม่ต่างอะไรจากที่เห็นใน CN เท่าไหร่ แต่ที่ไหนได้ ภายใต้ภาพที่ธรรมดาง่ายๆ เหล่านั้นกลับทำได้ออกมาตื่นตาตื่นใจมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้มุมมองได้อย่างน่าตะลึงอย่างยิ่ง การดำเนินเนื้อเรื่องน่าชวนติดตาม(แต่ก็ยังคงแบบ CN) แม้ว่าโดยรวมจะเป็นสูตรสำเร็จก็เถอะ(ประเภทมาตอนแรกทำผิดเพราะไม่รู้จักควบคุมพลังตนเองเห็นมาเยอะในการ์ตูนแนวฮีโร่)

    ส่วนสาเหตุที่ทำให้ตะลึงก็เนื่องจากงบที่สร้างมีถึง 11,000,000 ดอลลาร์ แต่อนิจจารายรับแค่ 16,426,471 ดอลลาร์เท่านั้น(ทั่วโลกเลยนะ) ทำให้ไม่มีการทำอนิเมชั่นภาคต่ออีกเลย(ตอนแรกทำและถูกยกเลิก) และได้ถูกจารึกว่า เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่รายได้ต่ำที่สุดในปี 2002 ร่วมกับ The Adventures of Pluto Nash และ Treasure Planet

    เดอะพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ดูเผินๆ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่เชื่อหรือไม่ว่าการ์ตูนเรื่องนี้เคยถูกวิจารณ์ทั่วโลก(รวมทั้งไทย) ในฐานะการ์ตูนที่มีความรุนแรง ภาพที่สามสาวต่อยผู้ร้ายปากแตก หรือเชิงสัญลักษณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครร้ายบางตัวที่สื่อถึงความไม่สมบูรณ์แบบมนุษย์(อย่างทิมเป็นเพศที่สาม, ตัวร้ายเกิดจากการแต่งงานด้วยกันเองในครอบครัว) ส่งทำให้บางประเทศติดเรตมาแล้ว ในอเมริกานี้ถูกขั้นตัดฉากออกเลยทีเดียว อย่างฟิลิปปินส์ให้คะแนน  PG13 และด้วยเหตุนี้เองภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องได้คะแนนเฉลี่ยคือ 6.2/10 สาเหตุที่ได้คือเนื้อหาไม่เหมาะสมกับครอบครัว แม้ภาพมันจะประณีตและตื่นตาก็ตาม แต่ขอโทษครับในไทยถือว่าระดับกระจอกนะครับความรุนแรงที่ว่า การ์ตูนญี่ปุ่นเยอะด้วยซ้ำ ผมว่าความรุนแรงในเดอะพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์นี้แหละที่ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้มีเสน่ห์มากขึ้น ลองคิดดูสิครับตอนเดอะพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ทำเป็นเวอรชั่นญี่ปุ่นผลตอบรับเป็นยังไง ทำการ์ตูนให้สดใส ลดความรุนแรง สามน้อยเวทมนต์ เสียงตอบรับไม่ดีเลย ประเด็นจิกกัดก็ไม่มี ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้เสียงตอบรับน้อยมาก(และกระแสพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ก็น้อยลงด้วย)

    แม้ว่าอนิเมชั่นจะโดนวิจารณ์ด้านลบ แต่ผมมันโรคจิต ยกให้อนิเมชั่นเรื่องนี้ติดอันดับในดวงใจอีกเรื่องครับท่าน

     

    18. Yomeiro Choice


                           Yomeiro Choice
    เป็นการ์ตูนแนวคอมมาดี้, หื่น (ความจริงจะเรียกการ์ตูนโป๊ก็ไม่เชิง หื่นก็ไม่เชิง เรียกว่าการ์ตูนเรต+18 ละกัน), ไซไฟ(??) เขียนโดย Tenkla เผยแพร่ใน Akita Shoten 's Champion Red(นิตยสารเดียวกับ Franken Fran, Seikon No Qwaser, Change 123ตั้งแต่ธันวาคม 2008 ถึงปัจจุบัน ตีพิมพ์ 5 เล่ม(5 เล่มเชียวนะครับลองคิดดู เรต+18 ไม่ธรรมดาแน่ๆ)  และไม่มีทางเข้าในประเทศไทยแน่นอน และตอนนี้ก็มีดราม่า CD ด้วยนะครับ แค่เสียงก็สยิวกิ๊วน่ารักซะไม่มี

    Yomeiro Choice เป็นการ์ตูนคอมมาดี้ประเภทรักสี่เศร้า(??) โดยตัวเอกคือซาคุ ซึ่งเป็นเด็กมัธยมปลายที่เนื้อหอมเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ในโรงเรียน แต่เขาไม่ค่อยชอบผู้หญิงเท่าไหร่(จริงเหรอ??) เวลาผู้หญิงมาบอกรักก็ปฏิเสธหมด แต่กระนั้นรอบๆ ตัวเขายังมีผู้หญิงสามคนแอบหลงรักเขาอยู่ หนึ่งคือคารินซึ่งเป็นเพื่อนวัยเด็กของซาคุ ที่ทั้งซึนและชอบดุด่าและต่อยซาคุประจำ สองคือคุรันลูกพี่ลูกน้องของซาคุที่ย้ายโรงเรียนมาเรียนที่เดียวกันกับซาคุแล้วยังอาศัยอยู่ที่เดียวกันที่ชอบซาคุและชอบตามใจเขาทุกเรื่อง และคนที่สามคือหัวหน้าห้องโคซุเอะ ที่เตี้ย แบน(แต่ไม่ซึน)ที่แอบชอบเขาอยู่ห่างๆ

    ความจริงรักสี่เศร้านี้ก็แค่ก่อตัวขึ้นเงียบๆ  จนกระทั้งวันหนึ่งมันก็ระเบิดขึ้น เมื่อมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวออกจากต่างมิติ โดยอ้างว่าเป็นลูกสาวในอนาคตของซาคุและคาริน ชื่อคิอิโระ ที่ได้ย้อนอดีตมาจากอนาคตเนื่องจากซาคุ(พ่อ)แบ่งปันความรักให้แก่ผู้หญิงคนอื่น ทำให้ตัวตนของเธอกำลังหายไป ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาจะต้องให้ซาคุ(พ่อ)มารัก(??)กับคาริน(แม่)ให้ได้  จากนั้นในช่วงเวลาเดียวกันก็มีเด็กผู้หญิงอีกคนปรากฏมาจากต่างมิติและอ้างว่าชื่อฮิอิโระเป็นลูกสาวของซาคุและคุรัน และเธอมีวัตถุประสงค์เดียวกับเช่นเดียวกับคิอิโระที่ต้องการให้ซาคุ(พ่อ)มาXXX กับแม่ของเธอด้วยเพื่อป้องการการมีตัวตนอยู่ของเธอ  และ ในขณะที่ซาคุกำลังสับสนเรื่องวุ่นวายนี้เองเด็กสาวจากโลกอนาคตอีกคนก็ปรากฏขึ้นมาเธอคือโรสแมรี่ที่เป็นลูกสาวของซาคุกับโคซุเอะ(พระเอกนี้เจ้าชู้จัดมาก) และลูกทั้งสามต้องการให้ซาคุรักแม่ของพวกตนอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช แล้วเรื่องวุ่นๆ แบบนี้จะจบลงอย่างไงดีล่ะทีนี้??

    ทำไมผมถึงชอบ? ใครว่าการ์ตูนหื่นนี้จะมีวัตถุประสงค์เพื่อปลดปล่อยกามอารมณ์ของผู้ชายขอบอกว่าผิดถนัดครับ ผมอยากให้ทุกคนมอง Yomeiro Choice เป็นตัวอย่าง การ์ตูนไม่ได้หื่นอย่างเดียว แม้จะมีหลายฉากที่เหล่าสาวที่แต่ละคนคาแร็คเตอร์ถูกใจฮาเร็มเหลือเกิน ไม่ว่า เพื่อนสมัยเด็ก ซึน หน้าอก โลลิ  มีฉากหื่นเซอร์วิตจนเกินงาม(แต่ไม่ถึงขั้น XXX) แต่กระนั้นการ์ตูนก็ได้สอดแทรกอะไรหลายอย่างให้คนอ่านได้ขบคิดเหมือนกัน(ไม่งั้นมันจะมีถึง 5 เล่มได้ไง)

    แน่นอนการ์ตูนประเภทนี้มีหลายคนชอบไม่ชอบ ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคนละกัน ดังนั้นหากใครที่อายุเกิน 18 (และไม่เกลียดการ์ตูนเซอร์วิสเกินงาม)การ์ตูนเรื่องนี้เหมาะมากที่จะลิ้มลองครับ

     

    17. Ichigo Mashimaro


                    Ichigo Mashimaro หรือ สตอเบอรี่มาชเมลโล่ วาดโดย Barasui ลงในนิตยสาร Dengeki Daioh ในปี 2002 ถึง 2005  มี 6 เล่มจบ ในไทย Fairy Tale ทำออกมาจนครบ5เล่ม(อีกเล่มเดียวก็จบแล้วดันไม่ตีพิมพ์อีกมานี้สิ เซ็งเป็ด) นอกจากนี้ยังมีอนิเมชั่น OVA และเกม PS2 ออกมาด้วย

    Ichigo Mashimaro เป็นเรื่องของเด็กสาวห้าคน ประกอบด้วย

    -โนบุเอะ อิโตโตเด็กสาวมัธยมปลายที่ขี้เบื่อที่นิสัยชอบกินเหล้า สูบบุหรี่(ไม่น่าจะบรรลุนิติภาวะ) และชอบของน่ารัก

    -จิกะ อิโต น้องสาวของโนบุเอะอายุสิบสองขวบ เรียนอยู่ป.หก เป็นเด็กธรรมดา ไม่มีจุดเด่น(แนวการ์ตูนกลุ่มสาวมักจะมาแบบมีตัวละครธรรมดาในกลุ่มหนึ่งคน)

    -มิอุ มัตสึโอกะ  เพื่อนข้างบ้านของจิกะ อายุเท่ากัน เรียนอยู่ห้องเดียวกัน นิสัยแปลกๆ ชอบคิดไม่เหมือนชาวบ้าน(เป็นธรรมดาของการ์ตูนกลุ่มสาวที่จะต้องมีผู้หญิงบ้าๆ บอๆ ในกลุ่มสักคน)

    มัตสึริ ซากุรากิ สาวแว่นป. ห้า ที่ขี้แยและขี้อายที่โนบุเอะโอ๋มาก แต่มิอุชอบแกล้ง(เป็นธรรมดาของการ์ตูนกลุ่มสาวที่จะต้องมีผู้หญิงแว่นในกลุ่มสักคน)

    อันนะ คอปโปล่า เด็กลูกครึ่งญี่ปุ่น ที่พูดอังกฤษไม่ได้เลย แต่มักแกล้วทำตัวเป็นฝรั่งไม่ให้ใครรู้ อยู่ห้องเดียวกับมัตสึริ ด้วยความน่ารักทำให้โนบุเอะชอบมากๆ พอกับมัตสึริ และมักมาบ้านของโนบุเอะบ่อยๆ และเป็นอีกคนที่มิอุชอบแกล้ง

    และทั้งห้าตัวละครนั่นบ้านอยู่ใกล้กัน ทำให้ไปมาหาสู่ร่วมกันบ่อยๆ

    เนื้อหาการ์ตูนดำเนินแบบประเภทคอมมาดี้กลุ่มสาวแบบต้นตำรับสมบูรณ์ กล่าวคือเหล่าตัวละครในเรื่องจะทำกิจกรรมร่วมกันไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมตามฤดูกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ, การว่ายน้ำชายทะเลในฤดูร้อน, การไหว้พระศาลเจ้าในช่วงปีใหม่, วันคริสต์มาส, เทศกาลโรงเรียน, อาบน้ำที่โรงอาบน้ำ ฯลฯ

    ทำไมผมถึงชอบ ถ้าไม่มีการ์ตูนเรื่องนี้ผมคงไม่ชอบการ์ตูนโมเอะและแนวกลุ่มผู้หญิงหรอกครับ สมัยก่อนผมชอบการ์ตูนจำพวกโคนันหรือคินดะอิจิอะไรนี้แหละ การ์ตูนแนวที่ว่านี้สมัยก่อนไม่ค่อยมีวางขาย จนกระทั้งเซเลอร์มูนสร้างกระแส(และเชื่อเปล่าว่าผมเองก็ติดเซเลอร์มูนด้วยนะครับ!! แบบว่าการออกแบบตัวศัตรูมันแหวกดี) ตอนที่ผมเห็นการ์ตูนเรื่องนี้แรกๆ ก็ซื้อแบบไม่คิดอะไรหรอกครับ บางทีตอนนั้นชอบตัวละครผู้หญิงโมเอะ(และอยากดูกางเกงในด้วย) ตอนนั้นยังไม่เข้าใจกับการ์ตูนแนวดังกล่าว ตอนแรกแทบปาทิ้งเลยแหละ เพราะว่าเนื้อหามันไม่มีอะไรจริงๆ แบบว่าพูดคุยกันธรรมดาไม่มีปมหรืออะไรสักอย่าง(หวังเห็นกางเกงในยังไม่เห็นเลย) แต่เมื่อปรับตัวได้นี้การ์ตูนนี้สุดยอดมากเนื่องจากแอนนาจังน่ารักน่าร๊ากๆ เป็นการ์ตูนที่ไม่มีตัวผู้มากมายให้กังวลใจด้วย ดูแล้วช่างดีจริงๆ

     

    16. Asari-chan


                   Asari-chan หรืออาซาริจัง เป็นการ์ตูนตาหวานคอมมาดี้ จบในตอน วาดโดย Muroyama Mayumi (เป็นนามปากกา Muroyama Mayumi และน้องสาว Muroyama Mariko) 91 เล่มยังไม่จบ(!!) ของสำนักพิมพ์ Shogakukan การ์ตูนได้รับรางวัล Shogakukan Manga Award 1985  ในหมวดหมู่การ์ตูนเด็ก ส่วนในประเทศไทยไม่มีลิขสิทธิ์

    Asari-chan เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงเด็กคประถมชั้นปืที่ 4หนึ่งชื่ออาซาริ อามาโนะ(หรือหนูหอยลาย) ที่หน้าตาขี้เหร่ เตี้ย โง่ นิสัยเกเร ซน ปากเสีย เอาแต่ใจ โลภ และซื่อบริสุทธิ์  เรียกว่านิสัยไม่ดีอะไรสักอย่าง แถมสร้างปัญหาไปทั่ว(คนหล่อ คนสวยก็ไม่เว้น แกล้งหมด) อยู่โรงเรียนก็เป็นเด็กเกเรชอบแกล้งและสร้างปัญหาให้แก่เพื่อนและครูประจำชั้น พออยู่ในบ้านก็สร้างปัญหาเอาแต่ใจให้แก่แม่และพี่สาวอามาโนะ ทาทามิ (หน้าเหมือนกันทั้งครอบครัว)

    ทำไมผมถึงชอบ ในช่วงที่ผมดูการ์ตูนเรื่องนี้อยู่ในช่วงประถม มาอ่านโดนโตก็มีความรู้สึกไม่รู้สึกเบื่อเลย(ชอบยิ่งกว่าโดเรมอนเสียอีก) และเป็นการ์ตูนผู้หญิงไม่กี่เรื่องที่ผมติดตาม(อีกเรื่องที่ผมติดตามคือ เดวิล วิธ ฟลาวเวอร์)

    อาซารินั้นจะว่าเป็นการ์ตูนผู้หญิงยุคเก่าก็ไม่เชิง น่าจะเรียกว่าการ์ตูนครอบครัวลายเส้นสมัยก่อนมากกว่า สมัยนั้นโดเรมอนดังเป็นระเบิดพลุ ทำให้การ์ตูนส่วนใหญ่นั้นจะเป็นแนวคล้ายๆ โดเรมอน ครอบครัว หรือจำพวกช่วยเหลือตัวเอก และมีไม่กี่เรื่องที่ยังอยู่ในความทรงจำของคนอ่านจนถึงปัจจุบัน และอาซาริคือหนึ่งในนั้น

    มุกการ์ตูนเรื่องนี้ก็เน้นจอมป่วมซึ่งเป็นธรรมดาในการ์ตูนครอบครัวที่ดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยตัวละครไม่จำเป็นต้องมาใหม่ เล่นกับสังคมย่อยๆ อย่างบ้านและโรงเรียนเป็นหลักจะว่าไปแล้วอาซาริก็ชินจังดีๆ แหละครับ เพียงแต่ของอาซารินี้ลายเส้นพิมพ์นิยมจริงๆ ที่สมัยก่อนการ์ตูนผู้หญิงจะวาดเหมือนกันหมดกล่าวคือตาโตเท่าไข่ห่าน ตาส่องประกายราวกับมีเพชรอยู่ข้างใน(จนเป็นที่มาว่าการ์ตูนตาหวาน) แม้ลายเส้นจะเป็นการ์ตูนผู้หญิงจ๋า แต่เรื่องนี้ไม่มีพระเอกครับ(ที่จริงมีคนหนึ่งครับตัวละครชายที่อาซาริชอบไปรบกวนเสมอ น่ารักมากๆ ) ความสนุกอยู่ที่ตัวอาซาริแหละครับแม้ในเรื่องจะถูกกำหนดว่าหน้าตาไม่สวย แต่ไม่รู้ทำไมผมดูแล้วอาซาริน่ารักยังไงไม่รู้ มุกตลกก็ดีครับตามประสาการ์ตูนบันเทิงในครอบครัว

    แน่นอนว่าผมคงไม่มีทางอ่านครบแหละครับ การ์ตูนเก่ามาก แต่กระนั้นหากผมเจอการ์ตูนที่ชื่ออาซาริล่ะก็ผมซื้อแน่นอนหากได้เห็น(แต่มันหายากจริงๆ พับผ่า จะมีสำนักพิมพ์ไหนบ้างสนใจบ้างเนี้ย)

     

    17. Love Synchroid


                    Love Synchroid เป็นการ์ตูนแอ็คชั่นไซไฟลายเส้นการ์ตูนผู้หญิงของนักเขียนชาย ชิบาตะ มาซาฮิโร่ Masahiro Shibata(ผลงานอย่าง Akai Kiba, Blue Sonnet
    ,Sarai)  ลิขสิทธิ์โดยวิบูลย์กิจในชื่อสงครามข้ามจักรวาล มี 8 เล่มจบ(วาดเมื่อ 1995 ออกแบบปกใหม่ปี 2000)

    Love Synchroid เป็นเรื่องราวของนักเรียนมัธยมปลายชาย อายุ 16 ปี คนหนึ่งชื่อ ยานาฮาระ ชุนที่ทั้งเตี้ยและสมองไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เก่งอย่างเดียวคือฟุตบอลและใช้ชีวิตแบบไร้แฟน เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะเป็นแฟนกับเขา แต่กระนั้นเขาหารู้ไม่ว่า ณ ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่ไกลจากโลกกว่า 8 หมื่นปีแสงดวงหนึ่งชื่อโอพาที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองกว่ามากอีกทั้งดาวดวงนี้มีแต่มนุษย์ผู้หญิง ที่นั่นมีผู้หญิงคนหนึ่งแอบหลงรักชุนและจับตามองเขาอยู่ เธอคือมิวลาและเธอไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเพราะเธอเป็นถึงเด็กอัจฉริยะ เธอหลงรักชุนมากถึงขั้นสร้าง ชินครอยด์ที่หน้าเหมือนชุน(รวมถึงพฤติกรรม) แต่หารู้ไม่ว่าการทดลองของเธอทำให้วิญญาณของชุนตัวจริงที่อยู่ในโลกเกิดโอนย้ายจิตเข้ามาอยู่ชินครอยด์ ทำให้ชุนอยู่ในดาวของมิวลาที่เต็มไปด้วยผู้หญิง แต่ใช่ว่ามันจะเป็นแดนสวรรค์ฮาเร็มอย่างที่เขาคิด เพราะที่นี้มีกฎว่าห้ามมีผู้ชาย ดังนั้นเขากับมิวลาจึงต้องถูกตามล่า และระหว่างที่ถูกตามล่า เขาก็ได้พบกบฏ, สัตว์ประหลาด, หุ่นยนต์, การสังหารหมู่ สงคราม จากอารยธรรมรุ่งเรื่องได้กลายเป็นอารยธรรมป่าเถื่อนในทันใด และเขาจะสามารถกลับมายังโลกได้หรือเปล่าเนี้ย!?

    Love Synchroid เป็นการ์ตูนคลาสสิก(แต่จัดทำใหม่)ที่ผมดูซ้ำมาก เนื่องจากสาเหตุหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นชอบตัวละครอย่างรู้มา(นางเอกหมายเลข 2 กตรงทางขวา) การดำเนินเรื่องโหดเลวดีที่สามารถฆ่าตัวละครหลักอย่างไม่ไว้หน้า และเนื้อหาเข้าใจยากที่ต้องอ่านหลายครั้งถึงจะเข้าใจ ตอนผมอ่านครั้งแรกก็แทบปาหนังสือทิ้งเลยนะครับเพราะว่าลายเส้นเม่งเก่ามากๆ ผิดจากหน้าปกเหลือเกิน แต่พอปรับตัวได้นี้ เรื่องนี้สนุกขึ้นเป็นกอง เพราะการ์ตูนใส่มุกบ้าๆ อะไรใส่โหดมาเพียบ ใครว่าโลกที่มีแต่ผู้หญิงความโหดร้ายนี้ไม่มีนี้ขอบอกว่าไม่เลย ผู้หญิงก็คนแหละครับ ผู้หญิงก็มีอารมณ์ ความโหดร้ายไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน ทุกคนต่างมีความโลภ เห็นแก่ตัว ที่พร้อมจะฆ่าฟันด้วยเหตุผลเล็กน้อย แอ็คชั่นที่ตื่นตาตื่นใจ ความโหดเต็มพิกัด การปฏิวัติ ความรุนแรง และการตั้งคำถามว่า "โลกที่ไม่มีผู้ชายนี้มันดีแล้วเหรอ" ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของคนเขียนนี้ก็ว่าได้ และสุดท้ายคือตัวพระเอกชุนครับตั้งแต่มาดาวนี้กิ๊กเพียบแต่ไปๆ มาๆ เหลือแค่สองคน(ฮ่า)

     

    15. Onikirisama no Hakoirimusume 


                    Onikirisama no Hakoirimusume เป็นการ์ตูนคอมมาดี้, โรแมนติก และเหนือธรรมชาติ ผลงานของ Akinobu URAKU  (2010) มี 3 เล่มยังไม่จบ ในไทยลิขสิทธิ์โดยวิบูลย์กิจ ในชื่อไทยว่า สาวปีศาจทายาทจอมเวท

    Onikirisama no Hakoirimusume เป็นเรื่องของเด็กชายประถมคนหนึ่งชื่อ ยามาฟุมิ ที่ครอบครัวของเขาเป็นนักบวชในวัดแห่งหนึ่ง วันหนึ่งเขาได้ไปค้นข้าวของในห้องเก็บของวัดจู่ๆ เขาก็ได้พบกล่องใบใหญ่กล่องหนึ่งที่เขาคิดว่ามันจะเป็นสมบัติ แต่พอเปิดแล้วข้างในกลับเป็นเด็กสาวคนหนึ่งซะงั้น(มุกนี้พบเห็นได้ในการ์ตูนญี่ปุ่นทั่วไป)ความจริงแล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นบรรพบุรุษจากโลกอดีตของเขาที่เกิดจากพ่อที่เป็นมนุษย์และแม่ที่เป็นปีศาจ(ลูกครึ่ง)ชื่อจิซายะ แค่ทั้งสองพบกันครั้งแรกจิซายะก็พยายามจะฆ่ายามาฟุมิทันทีด้วยสาเหตุคือเขาละม้ายคล้ายพ่อของเธอที่เป็นคนฆ่าแม่ของตน และระหว่างที่ยามาฟุมิกำลังถูกจิซายะฆ่าอยู่นั่นเองบังเอิญเขาพบดาบของบรรพบุรุษเข้า(อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น)ทำให้เขาได้กลายเป็นร่างทรงของบรรพบุรุษ(พ่อของจิซายะ)ไปชั่วขณะจนมีฝีมือเก่งกาจ จนสามารถรอดพ้นการจู่โจมของจิซายะมาได้ และเขาก็ได้ปรับความเข้าใจกับจิซายะเสียใหม่ว่าโลกนี้พ่อของเธอนะตายมาแล้ว และเธออยู่ในโลกยุคปัจจุบันที่ตอนนี้มนุษย์กับปีศาจสามารถอยู่ร่วมกันได้ และแล้วการเรียนรู้ของจิซายะในโลกมนุษย์ปัจจุบันก็ได้เริ่มต้นขึ้น

    จากอันดับต่อไปจะเป็นแนวคนอยู่ร่วมกับภูตผีปีศาจครับ ปกติผมชอบพวกสัตว์ประหลาดภูตผีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว(ใครดูไอดีผมก็จะรู้ว่าผมชอบวาดรูปสัตว์ประหลาด)  ดังนั้นแนวจำพวกนี้เลยชอบเป็นพิเศษ แต่ขอบอกว่าแอ็คชั่นคนปราบผีนี้ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นักเพราะแอ็คชั่นส่วนมากมันมีอะไรที่ซ้ำๆ ไม่แตกต่างแหวกไปจากเดิมเท่าไหร่ จำพวก สี่เทพ พระเอกฝึกวิชา คู่ปรับพระเอก(ชนะพระเอกได้แต่ไม่ฆ่า รอให้พระเอกเก่งก่อนค่อยมาสู้ใหม่) องค์กรครองโลก หรือฉากต่อสู้มิตรภาพนี้ ผมว่าน่าเบื่อน่าและทำให้จบเร็วไม่ได้ข้อคิดอะไรเท่าไหร่ผมชอบแนวคนอยู่ร่วมกันภูตผีมากกว่า  อยู่ร่วมกันเถอะครับ ดีกว่าใช้กำลังรบราฆ่าฟันกัน

                    สำหรับการ์ตูน Onikirisama no Hakoirimusume   เรื่องนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากโชเน็นทั่วไปหรอกครับ แต่ตัวละครน่ารักและเนื้อเรื่องน่ารักดี ความจริงผมก็ชอบอะไรที่ซ้ำซากๆ เหมือนกันน่ะครับ แต่ผมไม่ชอบประเภทแอ็คชั่นเฉยๆ(คงสาเหตุมาจากเอียนดราก้อนบอลกับหมัดเทพเจ้าดาวเหนือ) ผมชอบจำพวกซ้ำซากประเภทฝ่ายมนุษย์อยู่ร่วมกับสิ่งไม่ใช่คน(คงมีอิทธิพลจากโดเรมอน)โดยดำเนินเรื่องวันต่อวัน อ่านแล้วรู้สึกคลายเครียด สบายๆ ดีครับ แถมเซอร์วิสให้น้ำลายไหลอะไรด้วย ตามคนอ่านประสาคนโสดที่ชอบเสพอะไรง่ายๆ ไม่ซับซ้อน โดยรวมแล้วมันยอดเยี่ยม ผมอ่านแล้วมีความสุขครับดูไปจิบน้ำชาขนมไป กินนอนก็ไปอ่าน เหมาะสำหรับคนรักหนูปีศาจเอาแต่ใจที่มาจากโลกอดีตอันแสนไกลและพระเอกลูกไล่ที่ช่างน่าสงสาร(คิดจะจับปลาสามมือ ฮ่า)

    สิ่งที่ผมกลัวการ์ตูนเรื่องนี้มีอย่างเดียวว่าคนเขียนจะพาเรื่องนี้ออกจากจุดเดิมของตนหรือไม่ ผมกลัวเหลือที่จากแนวคอมมาดี้ตลกอยู่ดีๆ มาเป็นแอ็คชั่นดาษๆ(เปลี่ยนแนวยังน่ากลัวกว่าออกทะเลด้วยซ้ำ) ซึ่งในอดีตมีนักเขียนการ์ตูนหลายคนผิดพลาดมาเยอะแล้วที่พาการ์ตูนฉีกแนวไปจากเดิม  สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การ์ตูนเปลี่ยนแนวหรืออกทะเลก็คือการ์ตูนเรื่องนั่นเกิดดังขึ้นมา คนเขียนจำเป็นต้องยืดเรื่องต่อ ซึ่งการเปลี่ยนแนวนั้นก็ส่งผลหลายแบบ เช่น

    -เปลี่ยนแนวและได้ดีแต่คนอ่านกลุ่มหนึ่งไม่ชอบ(อย่างน้อยก็ผมแหละ)ถึงขั้นเลิกอ่านไปเลย เช่น รีบอร์น(จากคอมมาดี้อยู่ดีๆ กลายเป็นมาเฟียซุปเปอร์ไซย่า) หรือยกตัวอย่างเช่น ซานซิโร่แวมไพร์(มังงะ) หนึ่งในการ์ตูนที่ติดอันดับ น่าผิดหวังของผม ที่จากคอมมาดี้อยู่ดีๆ มากลายเป็นนักเรียนตีหัวกันซะแล้ว ผมอ่านแล้วอย่างสุดเซ็ง(ใครจะอวยก็อวยไปเถอะ แต่ผมไม่ แต่ผมโครตชอบอนิเมชั่นนะครับ ที่คนทำตั้งหลักได้ส่งผลทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมยิ่งกว่ามังงะเสียอีก)

    -เปลี่ยนแนวและไม่ได้ดีและล่มจม อืม......อันนี้ผมคิดไม่ค่อยออก(ที่จริงมีแหละแต่ถ้าผมบอกไปคนอื่นจะโกรธเปล่าๆ) เท่าที่คิดได้ก็เรื่อง ตำนานเทพประยุกต์จากตลกอยู่ดีๆ มาดำเนินเรื่องแบบ ไปซะแล้วแม้การ์ตูนเรื่องนี้มีหลายเล่มก็จริง แต่ผลงานต่อมาๆ ของคนเขียนต่อไปนี้ก็ไม่ประสบสำเร็จอีกเลย....(แต่ผมชอบเรื่องล่าสุดที่จบใน 4 เล่มนะครับ เสียดายบทนางเอกน้อยไปหน่อย) ส่วนอีกเรื่องผมยกให้หนึ่งในการ์ตูนที่ผมชอบ “Shina Dark” ครับ จากการ์ตูนแฟนตาซีฮาเร็ม กลายเป็นการเมือง สงคราม และยูริ แถมตอนใกล้จบยังสยองขวัญ พระเอกเป็นพระรอง ทำได้สุดยอดมาก(แต่ผมก็ชอบอยู่ดี) ส่งผลทำให้เกิดปัญหาอะไรหลายอย่างคือภาคสองจนบัดนี้ไม่ออก  แถมอนิเมชั่นก็ถูกยกเลิกไปด้วย เทพจริงๆ

    -เปลี่ยนแนวและได้ดีและกลายเป็นตำนาน ผมยกให้ To Love Ru ครับ คุณรู้เปล่าครับว่าตอนแรกการ์ตูนเรื่องนี้เกือบจะกลายเป็นแอ็คชั่น เพราะคนเขียนได้วางพล็อตแล้วว่าพระเอกจะต้องสู้กับผู้สมัครเป็นเขยของนางเอก(อย่าลืมว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็นของจัมป์)และเพิ่มตัวละครตัวผู้เข้าไป(อย่างเรนคู่แข่งพระเอก) แต่ช่วงหลังคนเขียนมากลับใจได้ และทำเป็นคอมมาดี้หื่น ฮาเร็มไปเสียเลยแทนที่จะเป็นแอ็คชั่น กลายเป็นว่าการตัดสินใจครั้งนี้ถูกต้อง การ์ตูนนี้ได้ดีฮิตติดลม(ติดอันดับสองของผมไปเลย) พร้อมกับศัพท์ในตำนาน มหาเทพริโตะได้รับความนิยมมากกว่าผลงาน 2 เรื่องแรกที่เป็นแอ็คชั่นก่อนของคนเขียนคนนี้เสียอีก(มีการ์ตูนแนวเดียวกันนี้ที่เป็นแนวจากคอมมาดี้มาเป็นแอ็คชั่นตัวผู้เยอะผลคือจบในหกเล่ม!!)

     

    14. Genshitan Janome


                   Genshitan Janome เป็นการ์ตูนแนวชีวิต, โรแมนติก, แอ็คชั่น, เหนือธรรมชาติ ผลงานเรียกน้ำของ UMEDA มี 7 เล่มจบ(2008) ในไทยลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ ในชื่อไทย เนตรอสูรจาโนเมะ

    Genshitan Janome เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงมัธยมปลายคนหนึ่งชื่อ อาซาฮี และมีนิสัยค่อนข้างขี้สงสารและจิตใจดีงาม เธออาศัยอยู่กับพ่อกันสองคน จนกระทั้งวันหนึ่งเธอและพ่อย้ายบ้านไปอยู่เมือง คามิโนะ เมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์นิทานพื้นบ้านมากมายที่เกี่ยวกับมนุษย์อยู่ร่วมกับภูติ ซึ่งอาซาฮีได้ย้ายมาที่แห่งนี้เพื่ออยู่ร่วมกับครอบครัวใหม่ของเธอโดยพ่อของเธอได้แต่งกับแม่ใหม่ โดยแม่ใหม่คนนี้มีลูกติดเป็นน้องชายที่อายุไล่เลี่ยงกับ อาซาฮีชื่อ ยู โดยยูนั่นเป็นเด็กที่มีปัญหาในโรงเรียนและไม่ยอมรับการแต่งงานใหม่ของแม่ ทำให้อาซาฮีค่อนข้างกังวลใจที่จะทำความรู้จักกับยูพอสมควร

    หลังจากที่ไปถึงบ้านใหม่ จู่ๆ ฮาซาฮีเกิดอาการกำเริบ โดยโรคประหลาดไม่ทราบสาเหตุ แต่เธอไม่อยากให้พ่อเป็นห่วง เธอเลยไปหาที่ลับคนเพื่อปล่อยอาหารกำเริบตามรำพัง และระหว่างนั่นเองเธอก็ได้พบกับยูกร้อมกับสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่เรียกว่า ภูติ

    ทำไมผมถึงชอบ การ์ตูนเรื่องนี้ก็แนวคนอาศัยอยู่ร่วมกับภูตผี แต่เนื้อหาแตกต่างจากเล่มข้างบนโดยสิ้นเชิง เพราะเรื่องนี้ไม่ได้อ่านแล้วสุขใจสบายใจ หากแต่อ่านแล้วบีบน้ำตาเป็นอย่างมาก เพราะเรื่องจบด้วยน้ำตา(ทั้งซาบซึ้งและโศกเศร้า)เกือบทุกตอน ใครที่เป้าน้ำตาแตกง่ายก็โปรดระวังด้วยอย่าอ่านท่ามกลางฝูงชน ไม่งั้นคนอื่นจะมองเราแปลกๆ แล้วนึกว่า ไอ้นี้บ้านี้หว่า

    ภาพการ์ตูนค่อนข้างได้บรรยากาศเมืองลึกลับและชนบทดีครับ และตัวละครในเรื่องน่ารักน่าชัง ส่วนเนื้อหาก็แปลกใหม่แหวกแนวดีครับ เพราะว่ามีทั้งหักมุม และจุดเรียกน้ำตาเยอะมาก ตามถนัดคนเขียนเรื่องนี้ เพราะเป็นคนเขียนคนเดียวจากเรื่อง Full Set!(เต็มเหนี่ยว) ที่เล่นทำให้ผมน้ำตาตกเพราะสงสารพระเอกจริงๆ(การ์ตูนเต็มเหนียวนี้พระเอกสุดๆ ทั้งเตี้ย ทั้งอ่อนแอ แถมศรีทันได้) พอมาผลงาน Genshitan Janome  นี้คนเขียนทำน้ำตาประทับใจอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้เล่นที่ปมพระเอกอย่างเดียว เพราะเล่นกับตัวละครในแต่ละตอนไปด้วย โดยเล่มที่ 2 ครับ ขอบอกว่าสุดๆ เช่น เรื่องปีศาจกินคนดี(ติดอันดับ ฉากการ์ตูนที่ประทับใจในใจผมเรียบร้อย เดี๋ยวจะเล่าให้หลังจบอันดับ 30) และประวัติกระต่ายแดง โหยสุดยอดจริงๆ สิ่งที่ระวังการ์ตูนเรื่องนี้คือมีบางฉากคนอ่านเสียวๆ นิดหน่อย โดยเฉพาะฉากหนูยู.......ตาของอาซาฮี ดูแล้วสยิวกิ๊วครับ

     


    13.Neko Musume Michikusa Nikk

      

    Neko Musume Michikusa Nikk เป็นการ์ตูนประเภทภูตผี แนวคอมมาดี้, โชเน็น, ชีวิตวันต่อวัน, เหนือธรรมชาติ ผลงานของ Ike มี 5 เล่มยังไม่จบ(2008) ในไทยไม่มีลิขสิทธิ์และไม่มีใครแปล(แต่ผมแปลน่ะตอนที่ 1 เกือบเสร็จเหลือไม่กี่หน้า)

    Neko Musume Michikusa Nikk เป็นเรื่องราวชีวิตประจำวันของปีศาจแมว คุเรนะที่อดีตครั้งยังเด็กนั้นเคยถูกมนุษย์ทิ้ง หากแต่มีคุณยายร้านโชว์ห่วยใจดีเก็บมาเลี้ยงไว้ เธอเลยไม่ได้โกรธแค้นมนุษย์ ซ้ำยังช่วยเหลือมนุษย์และปีศาจที่กำลังเดือดร้อน โดยปีศาจนั้นอยู่ใกล้ตัวมนุษย์อย่างที่คิด บางทีพวกเขาอาจช่วยเหลือคุณโดยไม่รู้ตัว

    ทำไมผมถึงชอบ เป็นการ์ตูนอบอุ่นครับ ปีศาจแมวน่ารัก นิสัยดี นอกจากนี้ยังมีแอบเซอร์วิส น่าเสียดายไม่มีแปลไทย หรือมีลิขสิทธิ์ เพราะสนุกมากๆ

     

    12. Pretty Face


                    Pretty Face เป็นการ์ตูนแนวคอมมาดี้, โรแมนติก, ชีวิตในโรงเรียน ของ ยาซูฮิโร่ คาโน่(Yasuhiro Kano )  นักเขียนที่เขียนหลายแนวมากทั้งสยองขวัญ แอ็คชั่น แฟนตาซี(ผลงานเรื่องหลังออกแนวสยองขวัญ)  ในไทยได้ลิขสิทธิ์เนชั่นในชื่อไทยเก๋าโจ๋ โก๋พันธุ์สวยมี 6 เล่มจบ(2002)

    Pretty Face เป็นเรื่องราวของเด็กมัธยมปลายชื่อ รันโด มาซาชิ ที่ทั้งรูปร่างเตี้ยและบอบบางแต่แกร่ง เป็นถึงแชมป์คาราเต้ ทำให้ภายนอกเหมือนเด็กเกเรอำนาจบาตรใหญ่ชอบหาเรื่องชกต่อย แต่ความจริงแล้วในจิตใจลึกๆ เขาค่อนข้างเป็นคนอ่อนโยน, ขี้อาย และแอบหลงรัก คุริมิ รีนะที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่เขาไม่กล้าสารภาพรักเสียที จนกระทั้งวันหนึ่งรันโดเกิดประสบอุบัติเหตุรถเมล์ตกเขาในระหว่างกลับจากการแข่งขันคาราเต้ ทำให้สติของรันโดหายไป 1 ปี.....

             1 ปีผ่านไป รันโดฟื้นคืนสติขึ้นมาและพบว่าใบหน้าของตนเองกลับกลายเป็นหน้าของ คุริมิ รีนะ เด็กสาวที่เขาหลงรัก โดยฝีมือของหมอ(หรือด็อกเตอร์)ติ๊งต๊อง มานาเบะ จุน ซ้ำนั่นยังไม่พอเขาพบว่าตนเองนั้นได้กลายเป็นคนตายตามกฎหมาย ซ้ำครอบครัวของเขายังหนีหายไปอีก ในระหว่างที่รันโดกำลังสับสนไม่รู้จะทำยังไงต่อ ระหว่างนั่นเองเขาก็พบกับรีนะตัวจริงระหว่างทาง  แต่รีนะจังแทนที่จะตกใจ กลับดีใจ(เข้าใจผิด)ว่าเป็นยูนะพี่สาวฝาแฝดของรีนะเข้าไปอีก ทำให้รันโดต้องอาศัยอยู่บ้านของรีนะในคราบของพี่สาว โดยมีวัตถุประสงค์คือการตามหายูนะเพื่อให้อยู่ร่วมกับรีนะให้จงได้ เพื่อที่เขาจะได้กลับเป็นรันโดอีกครั้ง แต่เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย เพราะว่ารันโดในคราบยูนะนั้นจะต้องดำเนินชีวิตในร่างผู้หญิงโดยต้องคอยปกปิดเรื่องที่ร่างกายเป็นผู้ชาย ถ้าเขาพลาดขึ้นมานรกทั้งเป็นต้องรออยู่เขาอยู่แน่!!

            ทำไมผมถึงชอบ นี้เป็นการ์ตูนแนว สาวดุ้นที่ผมชอบเป็นเรื่องแรก แต่เสียดายผมดันทำหายยกชุด(หวังว่าผมจะได้เจอแบบรวมเล่มอีกครั้ง) เลยจำไม่ค่อยได้แล้วล่ะ ผมว่าการ์ตูนเรื่องนี้ดีที่สุดของนักเขียนคนนี้เลยนะครับ(ที่จริงก็มีเรื่อง Mx0 ด้วย แต่ผมชอบเรื่องแรกนี้มากกว่า) แต่น่าเสียดายการ์ตูนนั้นจบตั้งแต่ 6 เล่มแบบค้างๆ คาๆ สาเหตุก็คือมันถูกตัดจบเพราะว่าเรตติ้งต่ำซึ่งเป็นที่น่าเสียดายมาก และนั้นอาจเป็นสาเหตุทำให้คนเขียนคนนี้ไม่หวนกลับมาเขียนการ์ตูนแนวคอมมาดี้ประเภทนี้อีกเลย(ยกเว้นเรื่อง Mx0) แต่สำหรับผมน่ะการ์ตูนตัดจบดีนะครับ อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำให้หลายคนผิดหวังน่า......

            และด้วยการตัดจบนี้อีกทำให้การ์ตูนเรื่องนี้จึงไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร พวกสาวกสาวดุ้นไม่ค่อยรู้จักเรื่องนี้เลย ทั้งๆ ที่ตอนแรกออกจากฮิตแบบเงียบๆ แท้ๆ สิ่งที่ผมชอบคือมุกตลกของรันโดที่ตอนเป็นผู้ชายนี้ออกจากป่าเถื่อน แต่เมื่อเป็นหญิงนี้ดันทำตัวไม่สมหญิงเสียเลย(ส่วนใหญ่พวกสาวดุ้นมักทำตัวสมหญิงกว่าหญิงจริงเสียอีก) ทำให้กลายเป็นสาวทอมบอยไปแต่สำหรับผมแล้วน่ารักดีน่ะผมขำในฉากที่ รันโด(ร่างผู้หญิง)ต่อยผู้ชายนับสิบคน(โขกหัวล้วนๆ)จนร่างโชกเลือดพอกลับมาบ้าน แม่(ของรีนะ)ตอใจร่างที่โชกเลือดของรันโด จึงถามว่าเป็นอะไร รันโดตอบว่า เอ่อ....ประจำเดือนมาค่ะมันช่างเป็นมุกที่น่าขำเสียจริง พล็อตเรื่องก็ดีแปลกใหม่ ฉากเซอร์วิสก็ทำแต่ดี เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ ไม่น่าเบื่อ มาแบบถูกที่ถูกเวลา การวางบททำได้ติดตาม ความรักของรันโดที่ทำเพื่อรีนะทำเอาหลายคนติดใจว่าโลกนี้ยังมีชายที่อุทิศเพื่อสาวที่ตนแอบหลงรักมากขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งๆ ที่ทั้งสองแทบไม่เคยคุยกัน แค่อยู่ห่างๆ แต่รันโดก็พยายามทำทุกอย่างให้รีนะมีความสุข โดยไม่สนความลำบากของตนเองเลย

            การ์ตูนแนวสาวดุ้นมีชื่ออังกฤษว่า “Gender Bender” หมายถึงสลับเพศ แปลงร่างเป็นหญิงแหละครับ เหมือนกรณี ฮารุฮิภาคสลับเพศ

     

            13.Junkie Fiction


              Junkie Fiction เป็นการ์ตูนแอ็คชั่น ผจญภัย เหนือธรรมชาติ วาดโดย Teika Meiji เนื้อเรื่องโดย Tohru Tamegai ในประเทศไทยลิขสิทธิ์โดยสยามในชื่อ จังกี้ ฟิคชั่น มหัศจรรย์ยาสารพัดรักษา มี 3 เล่มจบ (2005) สยามดองเล่ม 2

            Junkie Fiction เป็นเรื่องสั้นจบในตอน(แต่น่าจะยาวอีกนิดเสียดายจัง)ที่เป็นเรื่องของตำนานเมืองเรื่องหนึ่งที่เรียกว่า คนขายยาโดยใครก็ตามที่ส่งคำขอให้กับคนขายยาแล้วได้รับการตอบรับ เขาจะมียาที่ที่มนุษย์ไม่สามารถผลิตได้มาช่วยให้คำขอให้เป็นจริง กลับกันหากใครที่เป็นศัตรูกับคนขายยาคนนั้นจะต้องพบการหายนะอย่างน่าสยดสยอง(ว่าไปนั้น การ์ตูนเรื่องนี้ไม่ใช่การ์ตูนสยองขวัญนะครับ)

            ซึ่งตัวจริงของคนขายยานั้นเป็นเด็กน้อยนาม ทาคุ โดยเขามักมากับแมวดำที่สามารถแปลงร่างเป็นคนได้(ตอนหลังมีสาวนกเพิ่มเข้ามา) โดยตัวทาคุนั้นแท้จริงแล้วอายุมากกว่าที่เห็นมาก(น่าจะประมาณ 26) อันเนื่องจากตอนเด็กเขาป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย แม่เลยต้องทำสัญญาปีศาจ ทำให้รักษาร่างเขาในร่างเด็กโดยไม่มีวันเจริญเติบโต(ประมาณโคนัน) และแม่ของเขาก็หายตัวไป ทิ้งไว้แต่เพียงปีศาจตนหนึ่งที่ผลิตยาให้กับเขา(แต่ทาคุไม่ไว้ใจ) และเขาจะต้องตามหาแม่เพื่อให้รู้ว่าแม่กำลังทำอะไรอยู่ จนกลายเป็นตำนานเมืองขึ้นมา

            ทำไมผมถึงชอบ Junkie Fiction เป็นการ์ตูนที่ทำให้ผมรู้สึกดีๆ ที่จบในตอนและจบได้ดีอีกเรื่องหนึ่ง แม้ว่ามันจะจบเพียง 3 เล่ม แต่กระนั้นการ์ตูนได้เสนอ แนวคิด ต่อให้มียาดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถรักษาจิตใจมนุษย์ได้ได้อย่างเต็มเปี่ยม ในตอนแรกของการ์ตูนที่ทาคุไปช่วยบุตรชายจากการถูกเรียกค่าไถ่ ก็แสดงให้โจรลักพาตัวได้เห็นถึงความน่าอัศจรรย์และความน่ากลัวของเด็กชายตัวเล็กๆ ที่ดูไร้พิษสงเข้าให้ แม้ว่าทาคุจะมียาน่าอัศจรรย์แค่ไหน มียาที่วิเศษสามารถเปลี่ยนโลกได้แค่ไหน แต่สิ่งที่เขารักษาไม่ได้คือจิตใจของมนุษย์

     + +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×