ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY STORY IS A LIE (P.1)

    ลำดับตอนที่ #10 : MY STORY IS A LIE::CHAPTER EIGHT

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 55



      


    MY STORY IS A LIE:: CHAPTER EIGHT

     

    เรย์วางฉันลงบนโซฟาหลังจากที่อุ้มฉันขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของโรงแรมระดับห้าดาวที่เป็นห้องพักของเขา ฉันไม่รู้ว่าเขามาทำอะไรที่นี่ แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยก็ได้เจอใครสักคนที่ฉันรู้จัก

     

    ....อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองไม่มีใครเลย

     

     

     “เพราะเธอคนเดียวฉันถึงได้เปียกอย่างนี้!” เขายืนจ้องหน้าฉันอย่างคาดโทษ ในขณะที่ฉันแทบไม่มีสติอยู่เนื้อกับตัวเลยด้วยซ้ำ

     

     

    “ฉันต้องไปหาเจนัว...” ฉันไม่สนใจคำพูดของเรย์แต่กลับพึมพำกับตัวเองแล้วลุกขึ้นจากโซฟาด้วยสภาพที่เดินโซเซหมายจะเดินออกไป  ...การยืนบนรองเท้าส้นสูงในขณะที่ตัวเปียกโชกและไม่มีสติแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

     

     

     “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เธออยากหนาวตายรึไง!” เรย์พูดเสียงดังแล้วคว้าข้อมือฉันเอาไว้ แค่เขาออกแรงกระชากเพียงแค่นิดเดียวร่างของฉันก็เซจนแทบล้มทั้งยืน

     

     

     “ปล่อย... ฉันจะไปหาเจนัว... ฮึก...ฉันต้องไปหาเขา...” ฉันพูดจาซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นเหมือนคนสติเลือนลอย น้ำตามากมายไหลพรั่งพรูออกมาเพียงแค่คิดถึงคำพูดที่ยังคงดังก้องอยู่ในจิตใต้สำนึก

     

     ‘แกน่ะมันโง่ อยากฟังมั้ยล่ะว่าตอนที่เขาอยู่กับฉันเขาพูดถึงเธอยังไง? เชื่อฉันสิ เธอต้องหัวใจวายตายแน่ ถ้าได้ยินเขาบอกว่าเขาไม่ได้รักเธอแล้ว!!

     ‘หึ... เขายังบอกฉันอีกด้วยนะว่าแกน่ะมันน่ารำคาญจะตาย! แล้วยังพูดอีกด้วยนะว่าเขาน่ะรักฉันมาก

     


     “ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเจนัวบอกกับเธอ ว่าเขาไม่ได้รักฉันแล้ว... ฉันจะทำยังไงดีเรย์.... เขาบอกกับยัยนั่นอย่างนั้นจริงๆ น่ะเหรอ... ฉันอยากไปหาเจนัว ฮึก...ฮือ.... เขาอยู่ที่ไหน... ทำไม....ทำไมเขาถึงทำแบบนี้....ฮึก.....ฮือ....” เรย์ปรายตามองตามฉันที่ค่อยๆ ฟุบตัวนั่งลงกับพื้นด้วยสายตาที่ฉันเองก็อดนึกสมเพชตัวเองไม่ได้ มือของเขายังจับข้อมือของฉันไว้แน่นแม้ฉันจะนั่งอยู่กับพื้นไปแล้วก็ตาม

     

     

     “เลิกบ้าแล้วฟังฉันให้ดีนะน้ำขิง! มีเหตุอยู่สองข้อที่ฉันอยากให้เธอรู้เอาไว้ หนึ่ง ...ที่ฉันกระโดดลงไปช่วยเธอขึ้นมาก็เพราะว่าเธอเป็นน้องสาวไอ้เหม สอง เพราะเธอเป็นแฟนไอ้เจนัวเธอถึงได้มายืนอยู่ในนี้  ถ้าไม่อย่างงั้นฉันจะปล่อยให้เธอหนาวตายอยู่ข้างนอกไปแล้ว และถ้าไม่มีเหตุผลสองข้อนี้ เธอก็รู้ใช่มั้ยว่ามันจะเป็นยังไง ...เพราะฉะนั้นฉันขอเตือนว่าอย่าทำให้ฉันรำคาญเธอมากไปกว่านี้ เลิกเพ้อแล้วลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ มีเสื้อเชิ้ตของฉันแขวนอยู่ในตู้” เรย์ออกแรงดึงข้อมือให้ฉันลุกขึ้นทำตามคำสั่งของเขา

     



    แต่ฉันในตอนนี้กลับไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรทั้งนั้น สมองมันยังวนเวียนอยู่กับคำตอบที่อยากได้ยินความจริงจากปากของเจนัว  เพราะอย่างนั้นต่อให้เรย์ออกแรงดึงเท่าไหร่ฉันก็กลับไม่รับรู้อะไรเลย...

     

     

    “เธออยากตายรึไงวะยัยนี่!!” เรย์ตวาดเสียงดังแล้วกระชากแขนฉุดให้ฉันลุกยืนจนได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะมีอ้อมแขนของเขาคอยประคองฉันไว้ต่างหาก

     


    ...ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงไม่มีเลยนะ “ฉันบอกให้รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้ตายสิ ตัวเธอร้อนแล้วจริงๆ ด้วย!” ประโยคหลังเรย์พึมพำกับตัวเอง

     



     

    “ฉันจะไปหาเจนัว...” ฉันพยายามผลักตัวออกจากอ้อมแขนของเขาที่ช่วยประคองอยู่ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงตวาดของเรย์ที่ดังขึ้นอีกครั้ง

     

     

     “ยัยนั่นตอแหล!” เรย์พูดแล้วมองฉันที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองด้วยสายตาที่กำลังโกรธ “เธออยากรู้นักไม่ใช่หรือไง!? ฉันตอบแทนไอ้เจนัวให้แล้วนี่ไง คราวนี้ก็เลิกดื้อสักที!!

     

     

     “นายจะรู้ได้ยังไง ...นายไม่ใช่เจนัว” ฉันยังคงดื้อไม่ยอมหยุด ทั้งๆ ที่เริ่มรู้สึกปวดหัวมากขึ้นจนแทบยืนไม่ไหว สายตาเริ่มพร่ามัวลงเรื่อยๆ

     

     

     “ฉันไม่ใช่ไอ้อีสที่จะได้คอยมานั่งพล่ามเหตุผลร้อยแปดให้เธอฟังแล้วเธอถึงจะเชื่อ ฉัน... น้ำขิง!!

    อยู่ๆ ฉันก็ล้มฮวบลงในอ้อมแขนของเขา เปลือกตามันหนักจนยกขึ้นแทบไม่ไหว ฉันได้ยินเสียงเรย์สบถเสียงดังกับตัวเองแล้วเรียกชื่อฉันหลายครั้งก่อนที่ทั้งหมดจะมืดไปหมด....

     

     


     

     

    “อืม... ตอนนี้แกอยู่ที่งานมอเตอร์โชว์สินะ แล้วลุงแกว่ายังไงบ้าง?”

     

     

     [มาสายเป็นชั่วโมงแกคิดว่าลุงฉันจะชมงั้นสิ?! ...เจอยัยน้ำขิงทีไหร่ซวยทุกที!]

     

     

    “อย่างน้อยความซวยของแกก็ทำให้ยัยนี่ไม่เป็นอะไรมาก ...ขอบใจว่ะ”

     

     

     [ไอ้คำสองพยางค์ของแกฉันขอเปลี่ยนมันเป็นหมัดฉกหน้าแกแทนแล้วกัน แกรอฉันอยู่นั้นนะ งานเลิกเมื่อไหร่ แกเจอฉันแน่ไอ้เจ!]

     

     

    “เออ แล้วฉันจะรอ”

     

     

    [แล้วเรื่องนั้นล่ะ ...แกได้คำตอบหรือยัง?]

     

     

    “อืม ได้แล้ว”

     

     

    [ดี จะได้เลิกเล่นสงครามประสาทกันสักที]

     

     

    เจนัว... ฉันได้ยินเสียงของเจนัว เขาอยู่ที่นี่งั้นเหรอ... เปลือกตาฉันยังหนักอยู่เลย ฉันเลยทำได้แค่ปรือตาขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ฉันเห็นเขา... ฉันเห็นเขานั่งอยู่บนเตียงข้างๆ ฉัน! แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ทั้งแขนและขามันอ่อนล้าไปหมด




     

    แววตาอ่อนโยนของเขาที่กำลังมองฉันอยู่ตอนนี้ ...ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะได้เห็นมันอีกครั้ง ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ





     

    “รู้อะไรมั้ย... ฉันหงุดหงิดทุกทีที่เห็นรอยช้ำแบบนี้บนหน้าเธอ” เสียงร่างสูงถอนหายใจออกมา ก่อนที่ฉันจะรู้สึกได้ถึงฝ่ามืออุ่นที่ค่อยๆ ยื่นมาสัมผัสบริเวณรอยช้ำบนใบหน้าของฉันอย่างแผ่วเบา พร้อมๆ กับที่เขาคว้ามืออีกข้างของฉันไปจับไว้ “แล้วก็ไม่ชอบที่เธอไม่เชื่อใจฉัน ...ไม่ชอบที่เราสองคนต้องเป็นแบบนี้ด้วย”

     



     

    เหมือนกับความฝันที่ฉันได้ยินเขาพรั่งพรูคำพูดมากมายที่ตัวเองไม่คิดว่าจะได้ยินออกมา แต่มันกลับเป็นคำพูดที่ฉันมั่นใจว่ามันคือความจริงที่สุด




     

     

    เจนัวแตะริมฝีปากลงบนหลังมือของฉันที่เขาจับอยู่อย่างแผ่วเบาก่อนที่เขาจะวางมันลง ...ฉันอยากจะจับมือของเขาเอาไว้เพราะความรู้สึกบางอย่างบอกกับฉันว่าเขากำลังจะทิ้งฉันไปอีกแล้ว แต่ฉันกลับทำอะไรไม่ได้เลย


     

     

    ...หรือว่านี่ฉันกำลังฝันอยู่จริงๆ มันคงไม่ใช่เรื่องจริงสินะ...

     

     

    ฉันกระพริบตาถี่ๆ ปรับสายตาให้เห็นภาพด้านหน้าให้ชัดขึ้น หันหน้ามองไปรอบด้านและก็ต้องขมวดคิ้วงุนงงทันทีเมื่อเห็นนายปีศาจหน้าดุอย่างเรย์ยืนกอดอกมองฉันอยู่ปลายเตียง

     

     

     “ตื่นแล้วเหรอ ฉันคิดว่าเธอจะไม่ตื่นแล้วซะอีก” น้ำเสียงเรียบๆ ของเรย์ฟังดูไม่เข้ากับคำพูดจิกกัดนั่นเลยสักนิด ฉันพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง ...ยังปวดหัวอยู่เลย

     

     


     “เจนัวอยู่ไหน” ฉันถามเขาเป็นคำถามแรกทันทีที่เริ่มตั้งสติได้

     

     


     “ให้ตายสิยัยนี่... เลิกพร่ำเพ้อหามันสักที เดี๋ยวจะมีคนเอาข้าวต้มกับยาเข้ามาให้ แต่เธอจะกินหรือไม่กินก็เรื่องของเธอ ฉันโทรบอกไอ้เหมให้แล้ว เธอจะพักอยู่ที่นี่จนกว่าจะดีขึ้นก็แล้วแต่ แต่ฉันขอเตือนเอาไว้ก่อนว่าอย่าทำให้ฉันรำคาญ” น้ำเสียงเรียบๆ แต่เฉียบขาดของเรย์ขู่ฉันท้ายประโยค แววตาฉุนเฉียวของเขาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย ไม่รู้สิ ...ฉันคิดว่าฉันเห็นมันบ่อยจนชินแล้ว

     

     

     “เดี๋ยวก่อนเรย์ อย่าเพิ่งไป ...เจนัวมาที่นี่ใช่มั้ย” หัวใจของฉันเต้นแรงเมื่อคิดว่าบางทีเรื่องที่ฉันคิดว่าเป็นเพียงแค่ความฝันอาจเป็นเรื่องจริงก็ได้

     

     

    ...เพราะความรู้สึกตอนที่ถูกฝ่ามืออุ่นและริมฝีปากของเขาสัมผัสน่ะ ฉันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน

     


     

    “ถ้าฉันไม่บอกเธอจะไม่ยอมหุบปากใช่มั้ยน้ำขิง?” เรย์ที่กำลังจะเดินออกไปนอกห้องหยุดชะงัก เขาตวัดสายตาคมหันกลับมามองฉันอีกรอบ



     

     

     “ก็นายไม่ตอบฉัน...”

     

     

    “ไม่เคยมีใครบอกเธอหรือไงว่าถ้าคนที่เธอถามเขาไม่ตอบก็แสดงว่าเขาไม่อยากตอบ” เรย์พูดขัดขึ้นมาทันควัน น้ำเสียงและแววตาของเขาเริ่มดุดันขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ใบหน้ายังดูนิ่งไม่เปลี่ยนไปเลยด้วยซ้ำ

     

     

    ฉันเม้มปากเป็นเส้นตรงข่มอารมณ์น้อยใจเอาไว้ สัญชาติญาณบอกกับฉันอยู่เสมอว่าอย่าแสดงความอ่อนแอให้คนๆ นี้เห็นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะสำหรับเขามันไม่มีความหมายอะไรเลยนอกซะจากเห็นว่ามันเป็นเรื่องน่ารำคาญ   



     

     

    ”แล้วนายมีเหตุผลอะไรที่ไม่อยากตอบ”

     

     

    “ฉันเคยบอกเธอไปแล้วว่าฉันไม่ใช่ไอ้อีสเตอร์ที่จะได้คอยมานั่งพล่ามเหตุผลร้อยแปดให้เธอฟัง  ถ้าฉันไม่อยากตอบเหตุผลมันก็ตรงตัวยู่แล้วนี่”

     



    เรย์ไม่เหมือนกับอีสเตอร์นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้ดี แต่จะให้ฉันทำยังไงในเมื่อตอนนี้มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่จะตอบฉันได้

     

     

    ส่วนเรื่องคำพูดของลิลิน ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าความกังวลใจตรงส่วนนั้นมันหายไปไหน หรืออาจจะเป็นเพราะคำพูดของเรย์ตอนนั้นล่ะมั้ง ทั้งๆ ที่ฉันคิดว่าเขาแค่พูดออกไปอย่างนั้นเพราะรำคาญที่ฉันโวยวาย แต่ในส่วนลึกในใจกลับเชื่อคำพูดของเขาอย่างไม่มีข้อกังขา

     

     

    “...เข้าใจแล้วล่ะ นายจะไหนก็ไปเถอะ” ฉันยอมเงียบไปโดยที่ไม่ถามต่อความอะไรอีก วูบหนึ่งที่แววตาฉุนเฉียวของเรย์เผยให้เห็นว่าปีศาจตัวร้ายแปลกใจกับท่าทีที่ดูสงบลงของฉัน แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ฉันมองตามแผ่นหลังของร่างสูงที่เดินออกไปอย่างเงียบๆ  ก่อนจะล้มตัวลงนอนกับหมอนสีขาวที่ไม่คุ้นและพลิกตัวหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่อย่างเหม่อลอย 

     

     

    ฉันขยับมือทั้งสองข้างมาอยู่ที่หน้าอก ก่อนจะค่อยๆ ประทับริมฝีปากเบาๆ ลงบนที่เดียวกับเขา น้ำตาที่เอ่อคลออยู่ค่อยๆ ไหลออกมา ฉันอยากเห็นหน้าเขา ...อยากกอด อยากบอกว่าคิดถึงแค่ไหน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่กระทั้งจะรั้งมือเขาไว้ตอนนั้นฉันก็ทำไม่ได้...

     


    ตอนนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป และได้ยินทุกคำพูดของนาย ฉันจะเชื่อในสิ่งที่นายพูด เจนัว  ฉันจะเชื่อ...

     

     

     

      












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×