คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : :: 26 The end is near
{26}
The end is near
เลือดลมเดินสะดวกในทันใด ยุนโฮกำหมัดแน่น คิ้วขมวดมุ่น ในหัวมีเสียงวี๊ด ๆ เหมือนตอนน้ำเดือดแล้วกาต้มน้ำร้องเตือน แจจุงเองก็ทำหน้าอึ้งไปนิดหน่อยว่าทำไมชางมินถึงได้โผล่มาเร็วแบบนี้ ชวนให้คิดสงสัยว่าพ่อมดนี่ ...
แอบหลงรักเขาอยู่
จะบ้าเหรอไง ถ้าชางมินแอบชอบเขาคงไม่ขยันสรรค์สร้างปัญหาแบบนี้หรอก เล่นโผล่หัวมาทุกครั้งถ้าหากว่าสร้างความปวดหัวให้เขาได้แบบนี้ ฮีชอลตบหน้าผากตัวเองดังป้าบ หมดปัญญาเคลียร์ทางให้คู่นี้จริง ๆ คนนึงก็ซื่อบื้อ คนนึงก็ขี้งอน งอนกันไปมา ประชดกันไปมา รับรอง เคลียร์กันอย่างน้อยอีกห้าปีขึ้น
OMG ดัง ๆ หนึ่งที ทำไมน้องเขยเขาต้องซื่อบื้อนะ ?
“แจจุงเรียกผมทำไมเหรอ...”ทีแบบนี้ล่ะมันทำเสียงหวาน มือก็เกาะแขนน้องชายของเขาราวกับสนิทกันมาร้อยปีร้อยชาติ แจจุงยิ้มค้าง คือก็แบบคงไม่มั่นใจนะที่จะยิ้มเต็ม ๆ ให้เด็กเวรนี่ แต่ถ้าให้ฮีชอลมอง ...ยิ้มไปเถอะ ถ้าอยากยั่วโมโหยุนโฮน่ะนะ”มีอะไรให้ช่วยหว่า”
“ก็ .. ม่ะ ... มีมั้ง...”แจจุงดันแขนอีกฝ่ายออกไปนิ่ม ๆ ยิ้มเก้ ๆ กัง ๆ แบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ แต่แรงฮึดก็กลับมาอีกรอบพอหันไปเห็นหน้าบูดบึ้งของยุนโฮ ในใจก็รู้สึกทั้งสะใจทั้งรู้สึกผิด ร่างสูงยังยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม ดูราวกับโดนสตัฟฟ์ไว้เป็นหมีแช่แข็ง”ชางมิน... ออกไปข้างนอกด้วยกันหน่อยสิ”
เสียงหวานดูคล่องขึ้นราวกับการเห็นหน้ายุนโฮแล้วเกิดแรงบันดาลใจ แจจุงทำท่าจะเดินนำออกไป แต่แรงมือที่พุ่งมาหยุดไว้ก่อนทำเอาชะงัก มือของยุนโฮคว้าต้นแขนแจจุงไว้ ส่วนตัวประกอบรูปหล่ออย่างชางมินก็ยืนยิ้มหวานอยู่ข้างหลัง เด็กกวนตีนหันไปขยิบตาให้ฮีชอลอย่างรู้กัน
ชิมชางมินน่ะ ... ชอบเป็นพ่อสื่อ
จะสื่อให้แตกกันหรือรักกันก็ไม่รู้หรอก มันแล้วแต่สถานการณ์ล่ะนะ
ฮีชอลกลอกตาไปมา ไม่ทันได้ทำอะไร ชางมินก็เคลื่นตัวอย่างสบาย ๆ นัยน์ตาสีดำเป็นประกายสุกใสแบบที่ชอบเป็น ในเวลาที่เจ้าตัวเจอเรื่องสนุก ฮีชอลรีบทำปากออกให้ออกไป แต่เจ้าพ่อมดตัวแสบก็ยืนเฉย จนสุดท้ายพี่ชายคนดีก็เลยอดรนอดทนไม่ไหว เดินไปดึงแขนชางมินให้ออกไปอีกคน
“พอได้แล้วชางมิน มานี่เลย”
“ไม่ต้องไป”แจจุงยื่นมืออีกข้างมารั้ง สี่คนที่ยืนอยู่เลยกลายเป็นยุนโฮคว้าแจจุง แจจุงคว้าชางมินเอาไว้ เด็กตัวสูงยืนทำหน้าสบายใจโดยที่มีฮีชอลเกาะไว้อีกที แทบจะผิวปากออกมาตรงนั้นเลยด้วยซ้ำ ช่างต่างจากยุนโฮที่ดูความโกรธจะเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ราวกับขนกองเพลิงโยนใส่นัยน์ตาของหมีตัวใหญ่ที่แผ่กลิ่นไอแห่งความมืดออกมาเสียน่ากลัว”ชางมิน อยู่ตรงนี้เลย”
“เอาจริงเหรอครับแจจุง?”คนโดนบังคับให้อยู่ตรงนี้ทำตาใส”เดี๋ยวพี่ยุนโฮจะโกรธเอานะ”
“ให้มันโกรธไป”แจจุงตอบกลับเสียงเข้ม ยุนโฮยิ่งกำมือแน่นขึ้นจนคนโดนจับรู้สึกเจ็บ ใบหน้าหวานเบ้ลงน้อย ๆ”ปล่อยมือซะ”
“ไม่”เสียงที่ตอบกลับมาก็ขรึมไม่แพ้กัน แจจุงเร่งสะบัดแขนให้ออกจากอุ้งมืออุ่น ๆ นั่นซะ ทิฐิในใจสูงท่วมเสียจนหาทางออกไม่เจอ ฮีชอลเร่งดึงชางมินออก แต่แน่นอนว่าทำไม่ได้จนต้องยืนมองมหกรรมการยื้อยุดฉุดกระชากอยู่ตรงนั้นไปเรื่อย ๆ”ชางมิน ..ส่งหมอนี่ไปไกล ๆ ที”
พอสลัดหมีไม่หลุด แมวก็หันไปพึ่งอำนาจเวทมนตร์ของหมาตัวแสบ ฮีชอลแทบจะกระโดดฟันศอกน้องตัวเองที่หาเรื่องหนักกว่าเดิม แต่ผิดคาดที่ชางมินไม่พาแจจุงหายตัวไปให้หมีตัวโตหัวฟัดหัวเหวี่ยงเล่น เด็กแสบจอมกวนประสาทกลับแกะมือแจจุงออก แถมแกะได้ง่ายดายราวกับเขี่ยมด แจจุงมองมือตัวเองอย่างงง ๆ ว่าจับแน่นแล้วยังสู้ชางมินไม่ได้เชียวนะ
“อย่าให้เรื่องมันยืดไปมากกว่านี้เลยครับ”ชางิมนหัวเราะน้อย ๆ แล้วตบหลังแจจุงดังป้าบ ร่างบางถึงกับสำลัก”วันสุดท้ายแล้วนี่นา แปดโมงเช้าพรุ่งนี้หมดเขตนะเออ”
“ชางมิน!!”ฮีชอลส่งสายตาตกใจไปทางคนปากพล่อย ยุนโฮสะดุดใจกับท่าทางแปลกประหลาดนั่น แต่เรื่องสถานการณ์ฉุกเฉินตอนนี้สำคัญกว่า ดังนั้น ปล่อยผ่าน
“คร้าบ ....”มือที่คอยตบหลังนั้นยังไม่เบาแรงลงซักกะนิด แจจุงไออีกรอบพลางส่งสายตาเขียวขุ่นไปทางชางมิน เด็กแสบยิ้มร่า”ผมไม่ได้มาป่วนนะพี่ฮีชอล ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น ทำไมพี่ไม่ไว้ใจผมเลยล่ะ”ทำท่าจะบีบน้ำตาให้ร่วงเผาะ ๆ อย่างน้อยใจ แต่สุดท้าย ท่าทางมันจะเสียเวลาชางมินเลยไม่ทำ ร่างสูงผลักแจจุงที่ไม่ทันตั้งตัวเข้าสู่ตัวยุนโฮทันที
เสียงโวยวายดังลั่น ฮีชอลยกมือขึ้นปิดตา ชางมินตบมืออีกสองทีเพื่อแสดงความยินดีให้แก่ยุนโฮที่ทำหน้าเหวอกิน หมดมาดโหดโดยสิ้นเชิง คราวนี้สายลมแรงลอยตามมือชางมินมากระแทกหลังยุนโฮเสียจนล้มไปอีกคน
“เหวออออออ!!!”
“ยุนโฮ!!!”แจจุงพลอยร้องไปกับเค้าด้วย ลมปริศนานั่นพัดเสียจนทั้งสองคนล้มไปกับพื้นจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ฮีชอลยกมือที่ปิดตาปิดหูออกมาดูแล้วมองหน้าชางมิน
“นี่ฉันควรจะขอบใจนายมั้ยนะ?”
“ก็ดีครับ”ชางมินยิ้มระรื่น มองสภาพห้องที่เละไม่เป็นท่าด้วยสายลมมฤตยูของตัวเอง รู้สึกภูมิใจในความฉลาดของตัวเองไม่ได้เมื่อเห็นยุนโฮแจจุงกอดกันกลมอยู่บนพื้นห้อง”งั้นเดี๋ยวผมนั่งรออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน”
“อ้าว”ฮีชอลถึงกับงงเมื่ออีกฝ่ายไม่จากไปปุบปับเหมือนตอมา แต่กลับปัดฝุ่นบนเก้าอี้แล้วนั่งลงไปหน้าตาเฉย จานใส่คุกกี้กับนมลอยขึ้นมาตั้งในอากาศว่างเปล่า รอให้ชิมชางมินหยิบไปทีละชิ้นเพื่อยัดใส่ปาก แต่แน่นอน ฮีชอลก็คือฮีชอล เจ้าตัวนั่งลงไปข้าง ๆ ชางมินแล้วหยิบคุกกี้ขึ้นมาหนึ่งชิ้น
ส่วนสองคนที่กลิ้งอยู่บนพื้นก็ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้จะไปแบบไหนต่อ แต่พอสติเริ่มฟื้นกลับมา คนสวยก็เริ่มดิ้นเสียแล้ว แจจุงออกแรงดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดหมี ๆ นึกคิดถึงร่างแมวเป็นครั้งแรก ถ้าหากเขายังเป็นแมวก็คงมุดหลบออกไปได้ ยุนโฮเองก็ปล่อยอีกฝ่ายด้วยทิฐิที่มีจนคนดิ้นแรงถึงกับหลุดพรวดออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว เอาซะสีข้างกระแทกพื้นอีกรอบจนได้
แจจุงยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล ยุนโฮเองก็เช่นกัน ทั้งสองเว้นระยะห่างหนึ่งเมตรโดยอัตโนมัติ จ้องหน้ากันแบบนั้น บรรยากาศเงียบสนิท ...ยกเว้นแต่เสียงเคี้ยวขนมกร้วม ๆ ของไอ้เด็กแสบที่ทำเหมือนเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นโรงภาพยนตร์ให้เลือกดูตามใจชอบ ยุนโฮหันไปจ้องชางมิน ส่วนแจจุงก็จ้องพี่ชายตัวเองที่มานั่งปัญญาอ่อนกับพ่อมดจอมกวนนี่ด้วย
รวมพลังกันจ้องได้ซักพักฮีชอลก็ขอลุกขึ้นก่อนเพราะทนไม่ไหวกับแรงกดดัน อนัที่จริงชางมินอาจจะนั่งต่อด้วยความที่หน้าด้านหน้าทน ราวกับทองไม่รู้ร้อน แต่สุดท้ายก็โดนฮีชอลฉุดกระชากไปด้วยกันเสียแบบนั้น ชางมินกับฮีชอลจากไปพร้อมเสียงบ่นกระปอดกระแปดของคนตัวสูงกว่า
สุดท้ายก็เหลือกันสองคนกลางห้องนั่งเล่นที่กว้างใหญ่ เงียบจริง ๆ เสียแล้ว เพราะตัวก่อกวนหายไปจนหมด แสงแดดข้างนอกลาลับไปเรียบร้อย หลอนไฟฟลูออเรสเซนต์กลางห้องทอทาบใบหน้าขาวเผือดของแจจุง ทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้น ไม่มีใครยอมพูดอะไรก่อน
เขากำลังอึดอัด ใช่ แจจุงกำลังอึดอัดว่าทำไมทุกอย่างถึงได้เป็นแบบนี้ แต่ในนั้นก็มีความดีใจซ่อนอยู่ที่ว่ายุนโฮกำลังหึงเขา นัยน์ตาของอีกฝ่ายดูสงบนิ่ง นิ่งในแบบที่เขารู้ตัวว่าสู้ไม่ได้เลยซักนิด ยุนโฮดูเคร่งขรึมและจริงจังเอามาก ๆ ...
พูดอะไรซักอย่างสิยุนโฮ
เสียงกระซิบเล็ก ๆ ในใจดังขึ้น บอกเขาให้ทนสบตาต่อไป ท่ามกลางวินาทีที่แสนยาวนาน ในที่สุดยุนโฮก็ขยับปากพูดขึ้นมา
“ไปสิ...”
“ไปไหน?”จิตใต้สำนึกสั่งให้แจจุงมีปฏิกิริยาตอบกลับทันที บางทีเขาอาจจะอยากคืนดีแล้วก็ได้ เพราะเรื่องที่งอนกันไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย”ให้ไปไหน?”
“ไปหาชางมินไงล่ะ ไปสิ ไป”เพราะความน้อยใจทำให้โพล่งออกไปแบบนั้น”เรียกเขามาก็ไปสิ สนใจอะไรฉัน ไปสิแจจุง ไปเลย ไปไป๊ ไป๊!!”
“เอ่อ...”ถึงกับจับต้นชนปลายไม่ถูก แก้มใสขึ้นสีแดงน้อย ๆ เพราะถ้ามองลึก ๆ แล้วความหมายของประโยคนั้นกำลังทำให้เขาใจสั่น”นาย...หึงฉันเหรอ?”
“อะไรนะ?”และยุนโฮก็สติหลุดไปแล้วจริง ๆ นัยน์ตาจ้องมองแจจุงเขม็งราวกับไม่เชื่อหูว่าอีกฝ่ายแพล่มอะไรออกมา”ฉันหึงนาย?”
“เออ มันดูเป็นแบบนั้นนี่หว่า”
“หึงนาย?”
“เออสิวะ”แจจุงย้ำคำชัด ๆ”นาย หึง ฉัน”
เงียบ
เงียบสนิท ถ้าหากมีใครทำเข็มตกคงจะได้ยินเสียงดังไปเลยทีเดียว ยุนโฮทำหน้าคิดหนัก ส่วนแจจุงก็เฝ้ารอผลว่ายุนโฮจะตอบมาว่าอะไร ไม่นานนัก คนที่ทำหน้าบื้อใบ้ก็โพล่งออกมาเสียงเบา
“ฉันมันบ้าไปแล้ว”
“เออ ฉันเองก็บ้าไปแล้ว”แจจุงเห็นด้วยเหมือนกัน
“เออ ฉันบ้าไปจริง ๆ ที่ชอบนาย ที่ฉันรักนาย แจจุง”คำตอบจริงจังราวกับเจรจาอภิปรายไม่ไว้วางใจทางด้านการเมือง”ฉันบ้าที่ไปหึง ไปเดือดร้อนจะเป็นจะตายกะอีแค่แมวงอน ทนโดนข่วนหนังแทบพัง ชีวิตยุ่งเหยิงแบบนี้”
“แล้วทำไมล่ะ?”คนป่วนชีวิตคนอื่นย้อนถาม แต่หน้ากลับเริ่มแดงขึ้นมาเรื่อย ๆ”นายมันบ้าไปเอง”
“งั้นนายก็ต้องบ้าไปด้วย ...เหอ นี่....”สติสตังกลับมาร้อยเปอร์เซ็น ราวกกับโดนน้ำสาดเสียจนต้องตื่น”เฮ้ยยย !!!!!!”
“เป็นอะไรอีกเนี่ย”แจจุงชักเริ่มหงุดหงิด มันจะวิเคราะห์นานไปไหน เครื่องรวนมากนักหรือไงถึงเป็นแบบนี้ ยุนโฮส่ายหัวไปมา มือกุมหน้าผากไว้แล้วตบแรงเสียจนเกิดรอยแดง”บ้ารึไงยุนโฮ!!”
“ฉันไม่ได้ชอบนายนะ!!”หมีปากแข็งโวยวาย พอคนตัวเล็กได้ยินถึงกับฉุนกึก มือก็รีบไปก่อนสมอง คว้าคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นมาราวกับอยากจะหาเรื่องต่อย ยุนโฮผวาตามแรงนั่น นัยน์ตาคมฉายความสับสนออกมาเต็มที่ หัวใจเต้นระรัว ยิ่งเห็นใบหน้าคนสวยขี้วีนในระยะใกล้...ยิ่งใจสั่น”ฉันไม่ได้เป็นเกย์!!”
“ห่านจิก ยุนโฮ!!!”สบถใส่หน้าเต็ม ๆ ดูมัน จะซึนเดเระไปไหน แจจุงนึกโทษอีกฝ่ายสุดแรงเกิดที่เป็นแบบนี้ ลืมไปก่อนเลยว่าตัวเองก็ไม่ได้บอกยุนโฮเช่นกันว่าคิดยังไง”งั้น ฉันไม่ได้ชอบนาย นายไม่ได้ชอบฉันด้วย”
“เออ!!”ยุนโฮตอบกลับไป แรงประชดเจอกันสองแรงยิ่งผลักกันออกห่าง ดวงตาของแจจุงเต็มไปด้วยความน้อยใจ เสียใจ สับสน ยุนโฮเองก็เช่นกัน ร่างบางกระแทกพลังงานใส่อีกฝ่ายเสียจนยุนโฮเซล้ม น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาจากดวงตา และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ยุนโฮได้เห็นจากใบหน้าของแจจุงก่อนที่อีกฝ่ายจะผละจากไปในที่สุด
ทำไมถึงได้พูดแบบนั้น นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นในใจทั้งสองคน โกหกใจตัวเอง โกหกอีกฝ่าย รู้ทั้งรู้ว่าควาหมั่นไหวที่ส่งผ่านระหว่างตาของคนทั้งสองคนคืออะไร รู้ว่าใจคิดยังไง เสียแต่สมองกลับพยศไม่ยอมทำตามใจสั่ง
เดินออกไป... ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเวลาเหลือน้อย
จะให้ทำอย่างไร ถึงจะหันกลับมายอมรับตัวเองกันเสียที
เวลาก็เหลือน้อยเต็มทนแล้วสินะ แจจุงรู้ รู้ดีว่าถ้าเขายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ อาจจะเกิดเรื่องแย่ ๆ ขึ้นในอนาคต ร่างบางที่กำลังเดินลงส้นด้วยความโมโหหยุดชะงักไปชั่วครู่แล้วหันกลับมา แต่แทนที่จะเจอแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่เดินจากไป กลับเจอยุนโฮที่หันหลังมาเหมือนกัน ทั้งสองฝ่ายผงะเล็กน้อยราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง
หันกลับมา .. มันแปลว่าอะไร
จะหันกลับมาด่าฉันต่อเหรอแจจุง หรือว่าคิดอย่างอื่น ?
“แจจุง.../ยุนโฮ....”สุดท้ายยุนโฮก็ส่งเสียงออกมาพร้อมกับแจจุง ส่งผลให้นิ่งกันไปอีกครั้ง ก่อนที่แจจุงจะเป็นฝ่ายพูดก่อน”มีอะไรก็ว่ามา”
“นายหรอกที่มี พูดสิ”โยนให้กันเสียเฉย ๆ แจจุงทำตาโต แต่ก็รีบข่มความอยากจะทะลวงไส้อีกฝ่ายลงแล้วรวบรวมความกล้า
“ฉันรักนายยุนโฮ”
“อะไรนะ?”เขาไมได้อยากกวนตีน สำหรับยุนโฮแล้วนะ คือแบบได้ยินไม่ชัด แล้วก็จับความไม่ถูกด้วย”อะไรอยากกินผัก?”
“ไอ้หมี!!!”แจจุงแทบจะลงไปดิ้นเร่า ๆ กับพื้น”ฉันรักนาย!!”
“หา!!!”หน้าตาไม่เชื่ออย่างรุนแรงจนคนบอกรักรู้สึกเหมือนถูกสบประมาทด้วยการยันโครมเข้าที่กลางหลัง”นายรักฉัน!?”
“ไอ้ ... @$#&^#$@!#$(*#”แจจุงเริ่มพูดไม่เป็นภาษา นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ยยยยย
“เออ ฉันเองก็รักนาย”ยุนโฮเองก็ตอบกลับมาอย่างหน้าตาชวนมึนงงเป็นที่สุด คำบอกรักหวานแหววแทบไม่มีเยื่อใยต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ แจจุงเดินเข้ามาหายุนโฮ แขนทั้งสองข้างยกขึ้น ... แล้วก็
ต่อยยุนโฮเต็มแรง
“ไอ้หมีโง่!!!”ด่าอีกที ยกเท้าอยากกระทืบซ้ำเสียด้วย”บ้า บ้า บ้า!!”
“แสดงว่านายรักฉันมากนะแจจุง”ยุนโฮบ่นอุบอิบแลวกุมแก้มที่โดนต่อยไว้ แจจุงยืนเท้าเอว ทำหน้าตาฉุนจัดที่ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องบ้าอะไรไม่รู้ ไร้ความโรแมนติกสิ้นดี”ต่อยซะแรงเชียว”
“เออ ฉันรักนาย!!”ใบหน้าหวานไร้สีแดงแต้มเสียแล้ว สงสัยจะเลิกอายกับบุคคลคนนี้ไปตั้งแต่ตะโกนบอกรักกันอย่างเหี้ยมโหดกลางบ้านเสียแล้ว แจจุงจับคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วกระชากลงมาอย่างแรง ที่ทำไปก็เพราะความบ้าดีเดือดล้วน ๆ ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกัน และแจจุงเริ่มต้นรุกจูบยุนโฮเสียแบบนั้น
คู่นี้ เริ่มก็ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
“ตอบมาอีกครั้งเลยยุนโฮ บอกมาซะ”เมื่อละใบหน้าออกแล้ว แจจุงก็เริ่มต้นถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงขึงขัง ยุนโฮขยับยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นแก้มขาวที่เริ่มมีสีแดงขึ้นจาง ๆ บ่งบอกว่าเริ่มอายบ้างแล้ว นัยน์ตาสวยแฝงแววดีใจระริกที่ปิดไม่มิด ยุนโฮยกมือขึ้นเกลี่ยผมของแจจุงเบา ๆ แล้วกระซิบเสียงนุ่ม
“รักแมวขี้งอน เอาแต่ใจตัวนี้ที่สุดเลย
”
“แค่นั่นก็จบ!!!”
“พูดมั่งสิ”ยุนโฮเริ่มอ้อนเสียแล้ว แต่ท่าทางยังคงระแวดระวังอยู่ คนสวยขี้โมโหยกมือขึ้นกอดอก ยังคงทำหน้าบึ้งอยู่ ริมฝีปากแดงดูอิ่มขึ้นนิดหน่อยจากการขู่บังคับยุนโฮเมื่อครู่ ร่างสูงทำหน้ามีความหวัง แต่โดนสายตาที่พยายามเก๊กให้เย็นชามองกลับมาเสียแบบนั้น
“ไม่โกรธฉันแล้วหรือไง ทีตะกี้จะเป็นจะตายให้ได้”
“ยังโกรธอยู่ ยังโกรธมากด้วย”ยุนโฮบอกตามตรง”แต่ว่าฉันรู้ว่านายประชดฉัน หึงฉันกับคุณมิยองใช่มั้ยล่ะ”
“ใครกันที่หึง”แมวขี้หึงลอยหน้าลอยตาตอบ
“ไม่ต้องพูดแล้วน่าแจจุง”สุดท้ายการสนทนาแบบซึนเดเระก็ถูกตัดบท ยุนโฮคว้าอีกฝ่ายมากอดสนองความอยากให้เต็มที่ เป็นครั้งแรกที่ได้ทั้งหอมแก้ม ทั้งจูบแจจุงแบบไม่มีการใช้กำลังมาขวางกั้น ในที่สุดคู่รักซึนเดเระก็ได้สมหวังเสียที
มันเกือบจะแฮปปี้เอนดิ้งแล้วล่ะ เกือบจริง ๆ
ว่ากันว่ายิ่งมีความสุข เวลายิ่งถูกเร่งให้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งฮีชอลและแจจุงปิดปากเงียบว่าวันรุ่งขึ้น เวลาแปดโมงเช้าจะเกิดอะไร ได้แต่หัวเราะและยิ้มไปกับช่วงเวลาที่เหลือไม่กี่ชั่วโมง ราวกับจะรอให้ถึงินาทีสุดท้ายแล้วจะพูดออกมาเสียแบบนั้น
อันที่จริงบอกไว้ก็ดี แต่พวกเขากลับสังหรณ์ไว้ว่าบอกตอนนั้นก็น่าจะให้ผลใกล้เคียงกัน เพราะคนที่บอกคือคยูฮยอน
อะไรก็เกิดขึ้น โดยเฉพาะ’อะไร’ที่พิสดารพันลึก
เสียงนาฬิกายามเช้าเดินเสียเสียงดังจนแจจุงโงหัวขึ้นมาจากเตียง แกะมือยุนโฮที่พาดไว้ตรงเอวออกอย่างอยากลำบาก มือยกขึ้นขยี้ตาอย่างง่วงงุน แสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่างเสียจนคนสวยต้องดึงผ้าปิดไว้อย่างเซ็ง ๆ ร่างบางหยิบนาฬิกาขึ้นมาดู ก่อนที่จะวางหน้าปัดลงกับโต๊ะเพื่อปกปิดตัวเลขที่ชัดเจนเสียจนน่าหงุดหงิด
หนึ่งชั่วโมงที่เหลืออยู่ จะให้เขาทำยังไงดี
เปิดประตูออกมานอกห้องก็เจอกับฮีชอลพอดี สีหน้าแรกของทั้งสองตรงกันเป๊ะ คือสับสน และวุ่นวายใจ คำถามแรกที่ส่งผ่านออกมาทางสายตาคือจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตตอนนี้กันแน่
เสียงนาฬิกาเดินถี่กระชั้นราวกับมีใครไปเร่งมันให้เร็วขึ้น แจจุงกับฮีชอลเบือนหน้าหนีออกจากกันแล้วต่างเดินไปทำกิจกรรมในขีวิตประจำวันด้วยหัวใจที่โหวงเหวง เป็นแบบนั้นได้ซักพัก ฮีชอลที่กำลังล้างหน้าอยู่ก็ถึงกับทำแปรงสีฟันหล่นออกจากปากเพราะน้องชายตัวเอง
“พี่ฮีชอล!!”ร่างบางโผล่เข้ามาพร้อมกับสภาพตัวที่เปียกหัวจรดเท้า น้ำยังหยดติ๋ง ๆ จากปลายคาง ฮีชอลถ่มฟองแปรงฟันออกจากปากอย่างตกใจ แจจุงมันอาบน้ำเย็นตั้งแต่เช้าเลยรึไงวะ”ผมตัดสินใจได้แล้ว!!!”
“อะไร!?!?!”อดทำเสียงตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ ฮีชอลยกแก้วใส่น้ำขึ้นมากลั้วล้างปาก แต่คำพูดต่อมาของแจจุงทำให้เขาต้องพ่นน้ำออกมาจากปากเสียจนเต็มหน้าแจจุง
“ผมจะบอกยุนโฮ!! ..เอ่อ ..แหวะ”น้ำผสมฟองยาสีฟันเต็มหน้าแจจุง ร่างบางเช็ดออกด้วยท่าทางขยะแขยง แจจุงเดินมาเปิดก๊อกน้ำแล้วล้างหน้าลวก ๆ ก่อนจนสะอาด ฮีชอลยังคงสำลักอยู่ แต่เมื่อพอควบคุมได้แล้วก็ทำตาโตอย่างสงสัย
อาจจะสงสัยว่าทำไมเรื่องแค่นี้ บอกกันแค่นี้เยิ่นเย้อกันจัง
ไม่รู้สิ กว่าจะรวบรวมกำลังได้ก็เหมือนกับการขึ้นแข่งขันอะไรซักอย่างนั่นแหล่ะ ทั้งหวั่นใจในผลที่จะออกมา ทั้งกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้น และก็จะมีหนึ่งช่วงเวลาที่คนเราจะบ้าดีเดือดขึ้นมาได้เหมือนกัน เหมือนกับที่แจจุงกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ มันก็เป็นแค่ความรู้สึกที่บอกว่าเขาควรจะบอกทุกอย่างแก่ยุนโฮเสียที
ถึงแม้ทั้งหมดอาจจะเป็นเรื่องล้อเล่นของคยูฮยอนก็ช่างแม่ง ยอมอายดีกว่าโดนยุนโฮฆ่าตายเพราะความจำเสื่อมเยอะ !!
ทุบประตูอย่างรุนแรง แจจุงลงมือแบบนั้น ปรากฏร่างของยุนโฮตะกายมาเปิดประตูให้ด้วยสภาพหมีแพนด้าครึ่งตัว หน้าเบลอแบบคนนอนไม่พอ แจจุงยืนเท้าเอวด้วยสีหน้าถมึงทึง หัวเหอก็เปียกน้ำ ฮีชอลยืนกุมขมับอยู่ข้างหลัง
“อะไรกา..นน”ซีวอนเองก็หมีแพนด้าออกมาเหมือนกัน แจจุงหันรีหันขวางแล้วผลักฮีชอลไปหาซีวอน จนคนเพิ่งตื่นรับแทบไม่ทัน ฮีชอลทำหน้าเหวอที่โดนน้องชายผลัก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรที่ซีวอนรับไว้ทัน”เกิดจลาจลแต่เช้าเลยเหรอฮีชอล”
“ป่...”
“บอกไปเซ่!!”ความบ้าของแจจุงยังไม่หายไป ยุนโฮรีบรั้งคนรักหมาด ๆ ไม่ถึงวันไว้ในอ้อมกอด”ยุนโฮ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!”
“อะไร?”คำพูดที่ดูเหมือนในหนังไซไฟทำให้ทุกคนตื่นตัว แจจุงทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ยุนโฮนั่งตาม ฮีชอลกับซีวอนนั่งต่อกันเป็นทอด ๆ เหมือนพร้อมจะเล่นไพ่ ฮีชอลเองก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้างเมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่บอกว่า .. เหลือเวลาทั้งหมด
สิบห้านาที ?
“แจจุง ๆ”เอานิ้วจิ้มจึก ๆ ไปที่น้องชาย”ดูเวลาสิ”
“เรือหาย!”ขออุทานอีกคำ แจจุงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และตั้งท่า ซีวอนกับยุนโฮเองก็ตั้งใจฟังตามไปด้วย”คือ...ฟังดี ๆ นะสองคนนี้ คือแบบ..ที่ ..เอ่อ... คือว่าที่พวกฉันเป็นแมวเพราะโดนสาป...”
“แล้วไง?”ยุนโฮถามกลับอย่างงง ๆ แจจุงเม้มปากอย่างขลาด ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“มันเป็นคำสาป อีกสิบห้านาทีจะหมดเวลา พวกฉันจะไม่กลายเป็นแมวอีก แต่จะลืมพวกนายและเรื่องที่เกิดขึ้นไปทั้งหมด”ฮีชอลเสริมให้ ใบหน้าดูเครียดจัดจริง ๆ ยุนโฮอ้าปากค้าง ซีวอนเองก็นิ่งไปเช่นกัน
สี่คนนิ่งไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ฮีชอลกระตุกแขนเสื้อซีวอนแล้วกอดอีกฝ่ายไว้ แจจุงเองก็ยินยอมให้ยุนโฮจับมือ ในหัวนิ่ง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตที่มีอุปสรรคใหญ่มากหล่นทับ
แต่สิ่งที่หนึ่งคิดได้ตรงกัน
คืออยากจะเหยียบคยูฮยอนสุด ๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนจบจะตามมาในเร็ววัน ฮ่า ~
กลับมาจากงาน 12+ ที่สยามดิส สี่ใบส่งไปไม่ช่วยไรเลย =________=
ใครเห็นมีนบ้าง 555 ชุดขาวถือสูท =[]= !!!
ตอนนี้อยากเหยียบน้องกี้กันล่ะสิ เหยียบไม่ลงหรอก No other แอ๊บแบ๊วซะขนาดนั้น อร๊ายยยยย
เอ็มวีนี้ โมเอะ โมเอะ !! ♥
ปาร์ตี้สาวน้อยที่มีหนุ่มหล่ออยู่สองสามคน .... *0*
คิดถึงทุกคน ~ *
ความคิดเห็น