คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : :: 27 The end is far
{27}
The end is far
แล้วจะทำยังไงต่อไป ?
ซีวอนกับฮีชอลเริ่มปลอบกันอย่างไร้สุ้มเสียง ส่วนแจจุงกับยุนโฮยังคงนั่งนิ่งอยู่ มีเสียงพึมพำของซีวอนลอยมาเป็นฉากประกอบ ราวกับเป็นเสียงผึ้งตอมดังหึ่ง ๆ
“ผมไม่มีทางจะปล่อยฮีชอลไปแน่นอน”ถ้อยคำนั้นช่างดูอ่อนโยนเหลือเกิน”ถึงแม้จะลืมผม ผมก็จะพยายามทำให้ฮีชอลจำผมให้ได้”
“จะจริงเหรอ..?”ฮีชอลยังคงคอนเซ็ปต์ปากร้ายใจดีได้เหมือนเดิม ดอกไม้ผลิบานอยู่รอบตัวคนทั้งสอง มีเสียงเพลงบรรเลงลอยมาไกล ๆ พอหวานแหวว ต่างจากแจจุงที่คงคอนเซ็ปต์ปากร้ายใจร้ายเหมือนเดิม ใบหน้าสวยขมวดมุ่นแล้วมองยุนโฮอย่างคาดโทษ
ไอ้หมอนี่ไม่คิดจะให้สัญญา ว่าจะจำเขาไว้ จะพยายามทำให้เขากลับมารักกันเลยเรอะ
ความโรแมนติกติดลบ... ชองยุนโฮชัด ๆ
“เฮ้ย พูดไรบ้างดิ่”แจจุงกระตุกแขนยุนโฮ ใบหน้าหวานเบ้ลงนิดหน่อยอย่างไม่สบอารมณ์ ยุนโฮเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจที่คนข้างตัวทำแบบนี้ ในหัวมีเสียงวี้ ๆ หึ่ง ๆ เหมือนผึ้งตอม สมองแทบจะย่อยข้อมูลไม่ทันว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
เหมือนในนิยายหรือละครเปี๊ยบ น้ำเน่าได้ใจอีกต่างหาก
แจจุงจะลืมเขา .. จริงเหรอ ?
“เฮ้”ใบหน้าของคนที่อยู่ในความคิดดูเครียด ๆ แจจุงกัดปาก พยายามไม่มองไปทางอีกคู่ที่โอ๋ราวกับเป็นเด็กเล็ก ๆ”นาย..สนใจกันหน่อยสิ”
“คิดออกแล้ว!!”ความคิดอันวิเศษสุดโผล่พรวดเข้าในสมอง ยุนโฮวิ่งไปหาอะไรโครมคราม ๆ ทำเอาคนเรียกร้องความสนใจนั่งเหวอ ไม่กี่วินาทีต่อมายุนโฮก็กลับมาพร้อมกับกระดาษขาวแผ่นใหญ่ พร้อมกับกับปากกาเมจิกสีชมพู ยุนโฮกางกระดาษออกแล้วเขียนตัวโต ๆ
‘ยุนโฮรักแจจุง แจจุงโคตรรักยุนโฮ’
แจจุงถึงกับเบลอ
อะไรของมันวะเนี่ย !!
จบจากนั้นยุนโฮรีบเซ็นชื่อข้างใต้ แล้วเขียนต่อท้ายไปอีกว่า ‘ข้าพเจ้า คิมแจจุง ขอยืนยันว่าข้อความข้างต้นคือความเป็นจริงทุกประการ มันเป็นความจริง จริง ๆ นะ’
เสร็จแล้วก็ยื่นกระดาษมาให้แจจุง ทำหน้าจริงจัง
“เซ็นซะ แจจุง”
“หา?”คนโดนมัดมือชกทำหน้าเบลอ ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“เซ็นรับรองมันซะแจจุง ไอ้นี่แหล่ะคือหลักฐานมัดตัวนาย”ยุนโฮยังคงดูจริงจัง ฮีชอลเริ่มขำก๊ากกับสิ่งที่ยุนโฮใช้สมองหมี ๆ รังสรรค์ขึ้นมาได้ คิดได้เนอะ ... วิธีแบบนี้”พอนายลืม นายอ่านอันนี้แล้วนายจะทราบถึงหัวใจว่านายรักฉันมากแค่ไหน”
“ฉันบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าฉันรักนาย!”แจจุงเถียงกลับ หน้าร้อนผ่าว”ฉันไม่เคยบอก!”
“เซ็นซะ เดี๋ยวไม่ทัน”ยุนโฮยื่นใส่ แจจุงรับมาอย่างเสียไม่ได้แล้วเซ็นรับรองลงไป ไม่ว่างเติมลงไปอีกว่า’ยุนโฮรักแจจุงมากกว่า’เป็นการเกทับเข้าไปอีก พอเสร็จเสร็จยุนโฮก็รีบวางมันอย่างดี แล้วก็มองหน้าแจจุงเป็นการตบท้าย
“ถ้านายลืมฉัน นายโดนตีแน่แจจุง”
“ชั่ว”แจจุงรีบสวนกลับ แล้วก็เอนตัวลงไปทับยุนโฮไม่พูดไม่จา ถึงปากจะพูดจาหมาไม่รับ แต่ในใจก็หวั่นไหวไปเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
“อีกสองนาที”ฮีชอลพูดทำลายความเงียบขึ้นมา นัยน์ตาสวยจับจ้องไปที่นาฬิกาที่ติดฝาผนังที่กำลังนับถอยหลังอย่างหวาดกลัว กำลังจะแปดโมง ปกติยุนโฮกับซีวอนต้องไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงานก็ไม่สนใจอีกต่อไป ราวกับวินาทีเสี่ยงตาย ที่ต้องนั่งรอลูกระเบิดถอยหลังจนถึงขีดสุดของวินาทีสุดท้าย มือที่กุมกันไว้สั่นระริก ฮีชอลกัดปาก ส่วนซีวอนก็หลับตาภาวนาถึงพระเจ้า ยุนโฮเองก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับถ่ายไม่ออก นัยน์ตาสวยของแจจุงเบิกกว้างไม่กระพริบ
เข็มนาฬิกาเคลื่อนวนไปจนเกือบจะครบเวลาที่มองไว้ แปดนาฬิกาตรง มือของยุนโฮบีบแจจุงแน่นขึ้น ความคิดในหัวของคนที่กำลังจะลืมทุกอย่างทั้งสองคนก็จินตนาการไปเรื่อยเปื่อย อยากรู้พอสมควรว่าถ้าหากทุกอย่างมันจบลงภายในอีกไม่กี่วานทีข้างหน้า ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งจะจำคนที่เคยพูดว่ารักไม่ได้เลยมันจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ..ไม่ขอเสี่ยงดีกว่า
เรื่องราวที่ผ่านมามันไม่ได้ลำบากมากมายเหมือนในละคร อุปสรรคไม่ได้ทำให้เขาล้มลุกคลุกคลายแทบตาย แต่ในเมื่อหัวใจยืนยันว่ารักไปแล้วก็ไม่อยากจะปล่อยมันไปอีก
ฮีชอลกับแจจุงหลับตาปี๋เมื่อเข็มนาฬิกาวนมาครบ หัวใจเต้นระรัวแรงราวกับจะไปวิ่งแข่ง ยุนโฮเองก็กัดปากอย่างลุ้น ๆ ไร้การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ชีวภาพ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แจจุงกับฮีชอลไม่ได้หดตัวเล็กลงไปแล้วกลับกลายเป็นแมวขนฟู ๆ แบบเก่า รอบด้านเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมาก่อน เปลือกตาของจำเลยทั้งสองปิดสนิท ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาช้า ๆ
“แจจุง/ฮีชอล”เพื่อนม้าเพื่อนหมีเรียกเบา ๆ พร้อมกัน ซีวอนละมือออกเพราะไม่รู้ว่าฮีชอลจะลำบากใจไหม ยุนโฮเห็นดังนั้นก็ปฏิบัติตามโดยเช่นกัน ทั้งสองคนแกะมือตัวเองออก หัวใจร่วงหล่นไปถึงตาตุ่มเมื่อเห็นแววตาที่เหม่อลอยของอีกสองคนที่เหลือ
“นี่....”แจจุงหันซ้ายหันขวา สีหน้างงงวยถึงขีดสุด ยุนโฮเม้มปาก รับรู้ถึงความรู้สึกราวกับถูกผลักจากที่สูงลงมาสู่น้ำทะเลลึก แบบนั้นเลยล่ะ ใจหายวาบ แต่คำพูดต่อมาก็ทำให้ยุนโฮชะงักค้าง”ทำไมฉันไม่ลืมนายอะยุนโฮ”
“หา?”รู้สึกเหวอจนพูดออกมาได้แค่นั้น ซีวอนเองก็ทำตาโต จากที่มันโตอยู่แล้วก็หนักขึ้นไปอีก”เฮ้ย!”
“ฮีชอล!!”แทบจะกระโจนใส่ ซีวอนคว้ามืออีกฝ่ายอย่างร้อนรน”เป็นไงบ้าง”
“พ่อมดตอแหล!!”ฮีชอลสบถออกมาเสียงดัง หน้าร้อนวูบวาบด้วยความเขินอายที่ก่อนหน้าพูดอะไรไปตั้งมากมาย”คยูฮยอน!!”
“มันหลอกผม!”แจจุงขอบ้าง ทีนี้ถึงกลับไม่กล้ามองยุนโฮกันทีเดียว ยิ่งเจอสายตาคลางแคลงใจของอีกฝ่าย ประมาณว่าเขาปั้นเรื่องมาหลอกยิ่งร้อนตัว”ฉันไม่ได้ตอหลดนายนะ!!”
“ทำไมไม่ลืมวะ!!”คนสวยทำท่าจะเอาหัวโขกพื้นให้ลืมไปจริง ๆ ซีวอนรีบยื้อยุดไว้ มือใหญ่แนบหลังของร่างบางและดึงขึ้นมากอดอีกรอบ เพื่อให้สมกับความโล่งใจที่ซัดเข้ามาล้างความขุ่นข้องไปจนหมด ซีวอนจัดการแนบริมฝีปากลงกับอีกฝ่ายเพื่อความสดชื่นของตัวเอง แจจุงอ้าปากค้าง นัยน์ตาเบิกกว้าง ฮีชอลทุบไหล่อีกฝ่ายอย่างอ่อนใจแต่ก็ยินยอมไปจนได้ ยุนโฮดึงร่างบางเข้ามากอดบ้าง แต่ก็ไม่พูดอะไรมากกว่านั้น
“พอได้แล้ว..”ฮีชอลผลักร่างสูงออก ซีวอนอิดออดนิดหน่อยแต่ก็ยอม บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนจากความแห้งแล้งเป็นความสดใสในฉับพลันเมื่อรู้ว่าเรื่องเลวร้ายกำลังผ่านพ้นไป อารมณ์พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อนาทีที่แล้วพวกเขายังรู้สึกหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เลย
“จบได้รึยัง?”แจจุงดูอารมณ์ขุ่นมัวเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ชายตัวเองสวีทกับแฟน ร่างบางลุกขึ้น ตั้งใจจะอาบน้ำ แต่งตัวกลับบ้านเสียทีในโอกาสที่เขากลับคืนเป็นคนอย่างเต็มตัว แต่เมื่อแจจุงลุกขึ้น อะไรบางอย่างก็ปลิวใส่หน้าเสียจนหน้าคะมำ
“อะไรวะ !!”แจจุงหยิบกระดาษที่แปะอยู่บนหน้าตัวเองออก ฮีชอลลุกขึ้นมายืนดูด้วย กระดาษแผ่นนั้นว่างเปล่า สายตาสงสัยจ้องมองมาที่มันได้ซักพัก ฉับพลันกระดาษแผ่นนั้นกื่นหลุดไปจากมือของแจจุงโดยที่ไม่ทันได้ตั้งใจ ฮีชอลหรี่ตาลง
“อะไรเนี่ย”ยุนโฮที่โดนกระดาษปลิวไปแปะหน้าหยิบออกมาดู ก่อนที่จะทำตาโต”เฮ้ย!!!”
“อะไรมึง!!”ซีวอนตะกายขึ้นมาดูด้วยเช่นกัน ฮีชอลทำท่าจะขยับปากห้ามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว สิ่งที่ทำให้ยุนโฮตกใจคือตัวหนังสือสีดำที่โผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีที่มาที่ไป แจจุงตบหน้าผากตัวเองดังป๊าบ มั่นใจว่ามาจากพ่อมดตัวร้ายนั่นแน่ ๆ
“แน่นอนว่าผมคงไม่อธิบายด้วยตัวเองเพราะคงจะโดนพวกคุณกระทืบ...อะไรน่ะฮีชอล?”ซีวอนอ่านออกเสียงแล้วขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงงงวย”ผมขอรับรองแบบไม่โกหกว่าคุณฮีชอลกับคุณแจจุงหายจากคำสาปนั่นอย่างถาวร จริง ๆ นะ จริง ๆ พล่ามอะไรของมันวะ..”วรรคสุดท้ายอดบ่นไม่ได้ ยุนโฮเริ่มอ่านที่ค้างไว้ต่อ
“หวังว่าสิ่งที่ผมได้บอกไว้ว่าความจำเสื่อมนั้นจะทำให้คุณแจจุงเลิกซึนเดเระ คุณยุนโฮเลิกซื่อบื้อ อ้าว ไอ้เชี่ย”พอโดนด่าก็ทำหน้าเหวอทันที รู้ว่าตัวเองซื้อบื้อแต่เจอแบบนี้ก็ปวดใจว่ะ ซีวอนกระตุกยิ้ม”คุณฮีชอลเลิกขี้ใจน้อย ส่วนคุณซีวอนก็เลิกเจ้าชู้มั่วไม่เลือกได้แล้ว”
อยากจะด่าเป็นภาษาสเปนจริง ๆ เว้ย - -
“โชคดีนะครับทุกคน แล้วก็คำเตือนสุดท้าย ...”ยุนโฮหยุดอ่านไปซะเฉย ๆ เพราะข้อความหยุดอยู่แค่นั้น เงียบกันไปอีกวินาที แล้วตัวอักษรสุดท้ายก็ปรากฎขึ้นมา”มันจะไม่จบแค่นี้หรอกครับ พูดบ้าอะไรของมันวะ”
ยุนโฮบ่นงึมงำ แต่สองพี่น้องคนสวยเริ่มมองหน้ากันอย่างหวั่นวิตก รู้สึกกลัวคำเตือนนั้นจับใจ ไม่ทันไรวัตถุบางอย่างก็ตกลงมาในมือของคนสวยทั้งสองคน แจจุงสะดุ้งโหยงเหมือนโดนน้ำร้อนลวก เผลอโยนไอ้สิ่งนั้นใส่หน้ายุนโฮเสียเต็มแรง
“สมน้ำหน้า”ซีวอนค่อนขอดเข้าให้ แล้วหยิบมันขึ้นมาดู พลิกซ้ายพลิกขวาอย่างงง ๆ ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอ่อนเหมือนกาแฟใส่นม กับตุ๊กตาสิงโตตัวขนาดประมาณสองฝ่ามือต่อกัน ไม่เห็นจะน่าตกใจตรงไหน”ทำไม..ฮีชอลทำหน้าเหมือนเห็นผี”
“ตุ๊กตา?”คนตกใจเริ่มคลายสีหน้า สงสัยพ่อมดนั่นอาจจะส่งของที่ระลึก(ทึก)มาไว้ให้ แจจุงคลายลงตามไปด้วยเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในอีกวินาทีหนึ่ง แสงสีขาวก็วาบขึ้นอีกครั้ง มาพร้อมความรู้สึกช็อคราวกับหัวใจจะหยุดเต้น ร่างบางหลับตาสนิทแน่น ไม่กล้าคิดต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก
เงียบไปนาน
และเมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง...ก็ได้ตกใจซ้ำสอง
“อะไรวะเนี่ย !!!”มีหมีหนึ่งตัวโวยวายลงมาจากพื้น ยุนโฮยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
“เจ็บว่ะ..”ซีวอนก็บ่นสมทบไปด้วย พยายามลุกขึ้นยืนแต่รู้สึกยากลำบากอย่างไรชอบกล เขาต้องยืดคอมอง...ถึงจะเห็นใบหน้าเหวอสุด ๆ ของฮีชอล .. อ๊ะ เดี๋ยวนะ ?
ยืดคอ ?
“ซีวอน?....”เสียงของฮีชอลสูงขึ้นผิดปกติ นัยน์ตาเบิกกว้าง สะท้อนความประหลาดใจออกมาเต็มที่
“ยุนโฮ...?”แจจุงเองก็เช่น ใบหน้าพิมพ์เดียวกันเป๊ะ คนที่ถูกเรียกชื่อเริ่มสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเลยหันไปมองคนที่ดูเหมือนจะเจ็บไปด้วยกัน แต่ภาพที่สะท้อนเข้ามาในสายตาคือตุ๊กตาหนึ่งตัว
ยุนโฮเห็นสิงโต ซีวอนเห็นหมี
“พระเจ้า...”หนุ่มเคร่งศาสนาอุทานเสียงเบา อุ้งตีนสิงโตยกขึ้นแปะหัว”นี่มัน....”
“โอ้ ...ลอร์ด”ยุนโฮเสียงเบาลงทันที ฮีชอลกับแจจุงมองหน้ากันอย่างเงียบอึ้ง
มันจะไม่จบแค่นี้หรอกครับ
คำเตือนนั้นวาบขึ้นมาในหัว และตามด้วยเสียงฟู่เหมือนรถจักรไอน้ำ ตัวหนังสือสีดำเริ่มวาดขึ้นมาอีกครั้งกลางอากาศ แจจุงคว้าตุ๊กตาหมีที่เหมือนจะเป็นลมไปแล้วขึ้นมาหิ้วเล่น
“ถ้าพวกคุณพูดว่าตุ๊กตาจะเป็นแบบที่เห็น ..แล้วก็ฉันรักนาย แว้กกกก!!!!”ร้องเสียงหลงในทันทีเพราะตุ๊กตาที่อุ้มเล่นดันกลับคือร่างคนเสียแบบนั้น ยุนโฮล้มทับแจจุงทันที ส่วนซีวอนก็นั่งอยู่บนพื้น เจ้าตัวรีบลุกขึ้นกอดฮีชอลราวกับเด็กขี้กลัว ทำเอาคนสวยร้องโวยวาย ตัวอักษรกลางอากาศบรรทัดสุดท้ายจับใจความได้ว่า ถ้าสองคนนี้บอกรักซีวอนกับยุนโฮ จะกลับคืนร่างคนทันที แต่ถ้าพูดคำว่าตุ๊กตา ..ก็จะเป็นแบบที่เห็น
“ยุนโฮ หยุดลามปามนะ!!! ตุ๊กตา!!”แจจุงร้องสั่งเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายเริ่มนัวเนียเขา ยุนโฮกลับคืนเป็นตุ๊กตาในทันที ซีวอนเองก็เช่นกัน หมีกับสิงโตยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วมองหน้ากันอย่างเซ็ง ๆ
“ฮีชอลครับ...”ซีวอนเริ่มทำหน้าอ้อนแล้วเข้ามาแตะขาของร่างบางไว้”บอกรักผมนะ ผมคิดถึงฮีชอลจะแย่อยู่แล้ว”
“พี่ฮีชอล ไม่ต้องเลย”แจจุงทำหน้ายุ่ง ยุนโฮถึงกับกระโดดเหยง ๆ ในร่างหมี ฮีชอลกัดปาก แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนจนได้”ไปบอกรักกันที่อื่นเลยไป๊ ส่วนยุนโฮ มานี่!”มือเล็กคว้าแขนหมีปลิวติดตัวไปทันที ยุนโฮเงียบแล้วทำหน้าม่อยลงเสียแบบนั้น
“ทำหน้าแบบนั้นทำไม! รู้ไหม...”แจจุงนึกโทษตัวเองอีกแล้วที่เป็นแบบนี้ ฮีชอลพยักหน้ามาให้ก่อนที่ทั้งสองคนจะพูดพร้อมกัน น้ำเสียงของฮีชอลดูเขินอาย ส่วนแจจุงดูหงุดหงิด แต่แก้มเนียนใสก็ขึ้นสีระเรื่อที่ต้องพูดประโยคนี้ให้ตุ๊กตาหมีฟัง ถึงแม้มันจะเป็นความจริงก็เถอะ
“ฉันรักนาย!!”
และยังไง เรื่องราวเหล่านี้ก็ยังไม่จบง่าย ๆ หรอก
ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ไม่เกิดจะไม่มีในโลกจริง ๆ
ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ แต่แค่มันจะมีเงื่อนไขซึ่งแปรผันไปตามความน่าจะเป็น
ความรักก็เช่นกัน
บางทีมันอาจจะมากับสิ่งแปลก ๆ ที่โผล่เข้ามาในชีวิตของคุณก็ได้นะ :)
-------------------------------------------------------------------------------------------------
งดพูดถึงเรื่อง 12+ เมื่อวานนะคะ เมื่อวานไม่ได้ใกล้เลย ไปแค่แถลงข่าว เกาะรั้วไม่ได้แตะตัวแล้วกลับบ้าน แต่พอกลับมาก็เจอเรื่องน่าเสียใจอีกเยอะมากเลย :’(
เฮคงง่วงนอน + เหนื่อย แต่วอนก็ดูโอเคดีค่ะ(ถึงแม้ทั้งสองคนจะม่อพี่แพนเค้กก็ตาม 555) พูดถึงตาช้อยแล้วจะร้องไห้ TT
เห็นมีนมั้ย ชุดนักเรียน มาแต่เช้า ป้ายเล็ก ๆ เขียนชื่อซีวอนภาษาอิ้ง กับผ้าเชียร์ ออกกล้องคู่ข้าง ๆ ป้ายบอมฮันคัง(ที่คนกรี๊ดน้อยกว่าป้ายวาย TT)
อ่านทอล์คด้วยนะคะ อย่าเพิ่งปิดหนีนะ TT
TALK ~
ในที่สุดเรื่องนี้ก็เดินทางมาถึงตอนจบซะที แอร๊ยยยยย *จุดพลุ*
ไม่รู้จะเขียนอะไร ค่อนข้างปลื้มกับเรื่องนี้ฟีดแบคกลับมาดีพอใช้ จำนวนคอมเม้นทำเอาตกใจพอลง ทำให้รู้ว่า ..การเขียนให้ตรงตามที่ตลาดต้องการก็เกิดผลดีเหมือนกัน (พร่ำอะไร?)
ตอนที่จะเอาลงก็คิดว่าคงจะเม้นไม่มากมายอะไรนัก ไม่คิดว่าจะเกินพันในเวลาอันรวดเร็วด้วยซ้ำ ขอบคุณนะคะ T^T
เขียนเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนก.พ. จนถึงตอนนี้ก็เดือนก.ค. 5 เดือนที่ใช้เวลากับงานเขียนชิ้นนี้ แรงบันดาลใจมาจากสมัยที่สยามโซนฮิตดิสแมว ซองมินเพิ่งซื้อฮยาคุมาเลี้ยง ฮีเพิ่งจะไปหาเบงชินมาเลยเกิดอาการชอบแมว ลงมือแต่ง (บวกกับการโทรหาพี่เมย์แล้วได้พล็อตไร้สาระออกมา)
ยังไงก็ ตอนสุดท้ายแล้ว ออกมาเม้นกันหน่อยนะตัวเองงงงงง
ตอนสุดท้ายแล้วนะ ! TOT ซักนิดก็ยังดีว่าชอบฟิคนี้มั้ย ให้อะไรได้บ้าง บลา ๆ ยิ่งยาว ๆ ยิ่งดี เก็บไว้ดูก่อนจะจมหายไปในการโคพเรียน TT
เวิ่นต่อก่อน
มองว่าฟิคเรื่องนี้เป็นกึ่งงานเขียน กึ่งฟิคชั่น ตัวมีนเองพยายามหาจุดแตกต่างของฟิคทั่ว ๆ ไปมาใส่ แล้วก็พยายามให้มีมิติมากขึ้น (แต่ก็ .. นะ ทำไม่ได้ TT) พยายามแต่งฉากวาบหวิวให้จำกัดจำเขี่ยแค่เรต PG (อะไรแรง ๆ ในเล่ม 55) คือพูดง่าย ๆ พยายามแต่งให้น่ารักนั่นแหล่ะ ไม่อยากให้คนเข้ามาอ่านแล้วชมว่าเอ็นซีเจ๋ง อ่านเพราะเอ็นซี มันแปลก ๆ บอกไม่ถูก ...
ค่านิยมของฟิคชั่นสมัยนี้มันต้องโคตรเซ็กซ์อย่างเดียวจริงเหรอ มันก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายที่มองหนังสือเล่มหนึ่งแล้วเลือกเพราะมันเป็นหนังสือโป๊ มีคำโปรย ภาพประกอบวาบหวิว ต้องยั่วถึงจะขายออก? พิสูจน์ว่ามันเป็นความจริง ... เพราะว่าเขียนเรื่อง So I ที่เล่นกับความรู้สึกสูญเสีย แล้วก็ไวท์เลิฟ แต่ก็โอเค ยังแต่งต่อ และค้นพบว่าพอกลับมาแต่งแนวที่ตลาดต้องการ ...อืม = =b
(ห่าน ได้ข่าวทอล์กหลังเรื่องไม่ใช่ให้มาเทศน์)
อ่านจบอย่าเพิ่งมองว่ามีนเป็นแม่พระหรือดีมาจากไหนนะ มันเป็นแค่ความคิดของคนที่หลงอยู่ในวงการนี้มาแค่สามปี จะไม่ชอบก็ได้ แต่อยากให้คิดว่าทุกวันนี้อ่านฟิคเพราะเอ็นซี หรืออ่านเพราะตัวเนื้อหา
สังเกตมั้ยว่ามีนไม่เคยเรียกร้องให้โหวต,เม้น(ยกเว้นตอนสุดท้าย 55) ไม่เคยเรียกร้องว่าอย่าเป็นนักอ่านเงา (โถ แค่คุณมาอ่านก็สุขใจแล้ว) ไม่เคยบอกให้คะแนนฟิคต้อง 100% เท่านั้น ! อยากให้ติ ... อยากรู้ว่าต้องแก้อะไรมั้ย พร้อมจะรับมันไปแก้ ไม่ซีเรียสว่าคะแนนจะมากจะน้อย เดี๋ยวนี้แต่งฟิคเพราะอยากจะทำให้เรื่อง ๆ หนึ่งมันจบเฉย ๆ เท่านั้นเอง
รู้สึกเหมือนตัวเองโตขึ้น ... รึเปล่า (16 แล้วนี่ - -)
จบเรื่องนี้ไปก็กำลังเขียนเรื่อง Delusion เป็นฟิคกึ่งเรียลลิตี้ ที่พูดถึงเมื่อเอสเจจบลงจริง ๆ จะเกิดอะไรขึ้น ดราม่า ตึงเครียด แต่กว่าจะมาลงก็...นะ อีกนาน (เพิ่งเสร็จไปตอนเดียว!) เพราะตอนนี้โคพเป็นทึก ยุ่งมาก เดินเรื่องหางานขึ้นเป็นว่าเล่น 55
ขอบคุณใครหลายคนที่อยู่มาด้วยกันตั้งแต่ต้นยันจบเรื่อง ใครหลายคนที่อยู่มาตั้งแต่สมัยไวท์เลิฟ (จำได้นะเออว่ามีใครบ้าง) ขอบคุณที่ทนอ่านเรื่องเน่า ๆ ของนักเขียนขี้บ่นคนนี้ หวังว่าเรื่องหน้าจะมาอ่านอีก ขอบคุณ ^^
ป.ล.เขียนถึงฟิคนี้ในตอนสุดท้ายก็ดีนะเออ จุ๊บ ๆ
ความคิดเห็น