คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : :: 21 Bitter Sugar (100%)
{21}
Bitter Sugar
เขาถามอะไรออกไปกันนะ หรือเขาอาจจะเมาขึ้นมาก็เป็นได้
ซีวอนดูตกใจ แต่หลังจากความตกใจนั่นก็คงเป็น .. ประมาณแบบรู้สึกดีหน่อย ๆ ล่ะมั้ง ร่างสูงยิ้มกว้างหลังจากตั้งตัวได้แล้ว ส่วนเจ้าตัวคนถามก็พยายามเก็บอาการเขินอาย ร้อนไปทั้งหน้า แต่ก็ต้องแข็งใจอยู่ต่อไป ไม่งั้นเขาอาจจะเป็นบ้าไปเลยก็ได้
“ว่าไง?”เขาทวนอีกรอบให้คนที่กำลังยิ้มเบิกบานตอบเสียที ซีวอนรีบพยักหน้า ความรู้สึกในอกกำลังกระโดดโลดแล่นด้วยความดีใจ ยิ่งเห็นแก้มแดง ๆ ของฮีชอลยิ่งอยากจับคนตรงหน้ามาหอมแก้มซักทีให้หายอยาก ร่างสูงวางผ้าขนหนูลงแล้วตั้งท่าจะดึงอีกฝ่ายมากอด แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของฮีชอล
มันดูว่างเปล่าจนบอกไม่ถูก
ดีใจหรือเสียใจดี ใจหนึ่งก็รู้สึกดีที่บอกได้ว่าพวกเขาใจตรงกัน คุณสมบัติแค่นั้นก็น่าจะทำให้พวกเขาเริ่มต้นกันใหม่ในฐานะที่แตกต่าง แต่เหมือนกับว่าเขายังคงกลัวอยู่ ไม่กล้าที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับใครใหม่
เขาไม่แน่ใจ ...
ฮีชอลไม่กล้าตัดสินใจด้วยซ้ำว่าจะรู้สึกอย่างไรดี
น้ำตาล .... รสชาติหวาน ๆ ที่ทำให้เขาหลงใหล
ถ้าหากมีมากไป ... สุดท้ายก็จะทำให้เขาเป็นอันตราย
เช่นเดียวกับการกระทำของซีวอน มันทำให้เขาหวั่นไหวก็จริง แต่ในเมื่อมันเป็นนิสัยปกติของซีวอน ... แล้วเขาจะตื่นเต้นไปทำไมว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ ?
“ถ้าเกิดว่า...”ท่ามกลางความอึดอัดนั้น ฮีชอลก็แทรกกลางขึ้นมาด้วยเสียงที่ดูไม่แน่ใจ ร่างสูงนั่งนิ่ง สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจาง ๆ ที่กำลังก่อตัวโดยไม่รู้เหตุผล”ที่ชอบฉัน ... ถ้าฉันไม่ได้หน้าตาแบบนี้ ไม่ได้เหมือนผู้หญิงแบบนี้..”เสียงของฮีชอลหยุดหายไปชั่วขณะ นัยน์ตาทอดลงต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงการมองหน้าอีกฝ่าย”ยังจะชอบอยู่มั้ย?”
“อะไรนะ?”เหมือนกับหูฝาด คำถามนั้นทำให้เขาถึงกับคิดอะไรมาตอบไม่ออก บางสิ่งบางอย่างที่หนักอึ้งตกลงผ่านเข้าไปนอนนิ่งอยู่ในตัวเขา เขาตอบข้อนี้ไม่ได้ ถ้าฮีชอลเป็นเพียงคนปกติธรรมดา บางทีเขาอาจจะมองเป็นเพื่อนปกติอย่างเช่นยุนโฮ
แต่เขาไม่ได้ชอบฮีชอลที่หน้าตา โดยเฉพาะในตอนนี้ ถ้าหากว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไป เขาก็ยังคงชอบ เพราะเขาสามารถพูดได้ว่าเพราะนิสัยของอีกฝ่ายมากกว่าที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้
แล้วสถานการณ์นี้จะให้เขาตอบว่าอะไร ใช่หรือไม่ใช่ ?
ปฏิกิริยาของคำตอบนั้นไม่อาจรู้ ซีวอนรู้ว่าถ้าหากตอบว่าไม่ใช่ก็คงเป็นการโกหก แต่ถ้าหากตอบว่าใช่ .... เขาก็ไม่แน่ใจที่จะตอบ ยิ่งเงียบยิ่งทรมาน สุดท้ายคนที่กำลังรอคำถามก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ฮีชอลไม่รู้ว่าอยากได้คำตอบแบบไหนกันแน่
ที่ทำแบบนี้ .. เหมือนกับเขาอยากจะผลักอีกฝ่ายไปให้พ้นตัว ...
ไม่กล้าคิดที่จะดีใจไปกับคำว่าชอบด้วยซ้ำ
เพราะมันคือ’ชอบ’ ไม่ใช่’รัก’
เงียบกันไปอีกนาน สุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายขยับก่อนคือฮีชอล ร่างบางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโดยที่ซีวอนไม่ได้ห้ามไว้ แต่เมื่อฮีชอลกำลังจะเดินออกไป เจ้าของแมวขี้ห่วงก็รีบเอื้อมมือไปรั้งอีกฝ่ายไว้ ฮีชอลหยุดชะงัก ฟันขาวขบกับริมฝีปากเบา ๆ บ่งบอกถึงความลำบากใจ
“จะไปไหน?”เสียงนั้นดูอ่อนแรงจนคนฟังอย่างเขาใจกระตุกวูบไปด้วย ในใจเต้นโครมคราม ... ในหัวตีกันจนปั่นป่วนไปหมด บางสิ่งบอกให้เขายอมรับซีวอน แต่อีกสิ่งก็ฉุดรั้งไว้ สับสนจนไม่รู้จะทำอะไรต่อไปอีกแล้ว
“ขอเวลาได้ไหม”น้ำเสียงของคิมฮีชอลเองก็อ่อนระโหยไม่แพ้กัน มือเล็กแมทบไม่มีแรงปลดอีกฝ่ายออกจากการเกาะกุม”ห่างกันซักพัก ... นะ”
“ได้สิครับ”ซีวอนพยายามยิ้ม ยิ้มที่เคยใช้ส่งให้อีกฝ่ายทุกครั้ง แต่ครานี้ข้างในกลับรู้สึกกลวงแปลก ๆ กล้ามเนื้อบนใบหน้าแข็งเกร็งราวกับมันลืมวิธีที่จะส่งยิ้มไปหมดแล้ว ร่างบางหลับตาแล้วดึงมือตัวเองออกช้า ๆ แน่นอนว่ามันหลุดอย่างง่ายดายราวกับคนที่ยึดไว้นั้นหมดกำลังใจเสียแล้ว
อดใจหายวาบไม่ได้ ...
แต่ก็ปล่อยมือมาแล้ว
“ถึงยังไง...”ซีวอนกระซิบไล่หลังมา”ผมชอบฮีชอลจริง ๆ นะ”
“อื้อ”
ใจนั้นเต้นเพียงวูบเดียวแล้วกลับไปสงบนิ่งดังเดิม ฮีชอลไม่รู้เลยว่าประคองร่างกายตัวเองให้เดินออกมาจากตรงนั้นจนถึงหน้าบ้านได้อย่างไร กว่าจะรู้ตัว เขาก็นั่งลงช้า ๆ บนสนามหญ้า ได้กลิ่นไอดินเจือจางอยู่รอบตัว ลำแสงนวลขาวของจัทร์ยามค่ำคืนสาดลงจนเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ค่อนข้างชัด ร่างบางชันเข่าขึ้นแล้วซบหน้าลงไปบนนั้น
.... ทำไมไม่ตอบรับ
ทำไมไม่ไว้ใจ ...
ทำไมเขาไม่ทลายกำแพงที่เป็นความหวาดกลัวของเขาออกซะ ...
มันเจ็บปวดที่คิดอะไรไม่ออก เป็นเหมือนคนหลงทางที่กำลังจะขาดน้ำตายในไม่ช้า
เจ็บ
เจ็บไปหมด
ในความมืดที่กำลังปกคลุมลงอย่างช้า ๆ ร่างของคิมฮีชอลนั่งอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางลมหนาวยามค่ำคืน ไม่มีแม้แต่น้ำตา มีแต่ความสับสนในหัวใจที่ทรมานยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก เขาไม่รู้ตัวว่านั่งอยู่ตรงนั้นนานซักเท่าไหร่ รู้แค่ว่าได้เงยหน้าขึ้นมองวิวรอบตัวอีกครั้งก็เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาหาเขานั่นแหล่ะ
“คุณ...?”ฮีชอลนึกชื่อไม่ออกหรอก เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว ใครคนนั้นเดินมาหยุดตรงหน้าเขา รอยยิ้มถูกส่งมาให้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั้น”...เอ่อ ... ผมจำคุณไม่ได้แฮะ”
“คิมคิบอมครับ”ชายหนุ่มคนนั้นให้คำตอบ ฮีชอลพยักหน้าหงึก ๆ แฟนของดงแฮนี่เอง”ต้องการความช่วยเหลือมั้ย?”
“อะไรนะ?”แค่นี้ก็รู้สึกไม่ไว้ใจเสียแล้ว คนนี้เป็นเพื่อนของคยูฮยอน พ่อมดตัวแสบที่เขาแอบหวังไว้ว่าถ้าเจออีกรอบจะขอเตะซักที คิบอมเห็นสีหน้าของฮีชอลแล้วก็อดหลุดหัวเราะไม่ได้ สงสัยคยูฮยอนจะก่อเรื่องไว้เยอะ ก็อย่างว่า สิ่งที่คยูฮยอนชอบที่สุดคือเรื่องสนุก แล้วเรื่องของบ้านนี้ก็สนุกจริงเสียด้วยสิ
“คยูฮยอนไม่ได้ส่งผมมาแกล้งคุณหรอกครับ”แต่ผมอยากมาแกล้งคุณเองต่างหาก คิบอมตบท้ายในใจ
“..เอ่อ...”ฮีชอลไม่รู้จะตอบว่าอะไร สงสัยเขาจะระแวงขั้นหนัก แต่เมื่ออีกฝ่ายอยากช่วยเหลือ เขาก็พร้อมสนอง ในหัวที่คิดได้ ... คืออยากหายไปซักพัก สถานที่ที่จะไปก็มีแล้ว ... แต่แค่ไม่รู้จะไปยังไง”คุณคิบอม คุณพาผมกลับบ้านของผมได้มั้ย?”
“บ้านของคุณไม่ใช่ที่นี่งั้นเหรอ?”พ่อมดแก้มป่องย้อนถาม คำถามนั้นเล่นงานให้ฮีชอลชะงักกึก
นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาอยู่ที่นี่โดยที่ไม่ได้กลับไปหาบ้านจริง ๆ ...
นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาเรียกที่นี่ว่าบ้าน ...
นานแค่ไหนแล้วที่เขาอยู่ที่นี่ ....
“ไม่ใช่ .. คิบอม”รอยยิ้มบางถูกวาดขึ้นอย่างเศร้าสร้อย”มันไม่ใช่บ้าน”
“เอาเถอะ”คิบอมยักไหล่แล้วมองขึ้นไปบนตัวบ้าน”แล้วน้องชายของคุณล่ะ?”
“เออใช่”แจจุงยังอยู่บนบ้านนี่หว่า ฮีชอลมองไปรอบ ๆ แล้วตัดสินใจลากน้องชายตัวเองกลับไปด้วย”คิบอมรอแป๊บนึงนะ”
ไม่ทันรอคำตอบรับ ร่างบางก็วิ่งขึ้นไปเสียแล้ว ทั้งบ้านเงียบสงัด ฮีชอลรีบเดินขึ้นบันไดด้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือผลักประตูห้องของยุนโฮอย่างถะนุถนอมเพราะกลัวเสียงจะดัง แต่เมื่อมองเข้าไปในห้อง ความรู้สึกประหลาดทีคล้ายกับน้ำแข็งเกาะไปทั่วร่างก็วาบเข้าหา แจจุงดูมีความสุขในอ้อมกอดของยุนโฮ สีหน้ายิ้มแย้มนั่นทำให้เขารู้สึกว่าแจจุง...กำลังรู้สึกดี
อย่างน้อย ... แจจุงก็คงมั่นใจว่าคน ๆ นี้คือคนที่ทำให้น้องชายของเขามีความสุข
ฮีชอลมองภาพนั้นด้วยแววตาซึมเซาแล้วปิดประตูกลับที่เดิม ในใจยิ่งเหงาและเปล่าเปลี่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอยากจะร้องไห้ น้ำตาหยดเล็ก ๆ เอ่อขึ้นมาจากหางตาแต่เจ้าตัวก็ปัดออกไปเหมือนไม่มีอะไร เมื่อกลับไปเจอคิบอมอีกครั้ง พ่อมดหนุ่มก็มองหาคนที่น่าจะตามออกมาด้วย แต่ก็ไม่มี
“ฉันไปคนเดียว”ฮีชอลบอกเสียงนิ่ง คิบอมหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือมาแตะแขนของฮีชอล และโดยไม่ได้บอกกล่าว ฮีขอลก็ถูกแรงมหาศาลดึงออกจากตรงนั้นมาที่ที่คุ้นเคยที่สุด บ้านหลังเล็กที่ไม่มีร่องรอยคนอยู่มาเป็นเดือน บ้านที่พ่อกับแม่เหลือไว้ให้เขาก่อนจะจากไป
เขาได้กลับบ้านแล้ว
แสงแดดส่องเป็นลำเข้ามาในห้องนอน แจจุงอ้าปากหาวแล้วกระพริบตาปริบ ๆ สู้แดดจ้าที่ทำให้เขาแสบตา พอลืมตาได้ก็รู้สึกถึงสภาพรอบ ๆ ตัว อะไรหนัก ๆ กำลังพาดข้ามไหล่เขาอยู่ แล้วก็เขากำลังนอนซุกอะไรที่อุ่นเอามาก ๆ ถ้าเกิดว่าไม่เปิดแอร์ก็คล้ายๆ นอนกอดฮีทเตอร์
...อะไรวะ ...
อุ่นชิบเป๋ง
คิดแบบนั้นก็หลับตาแล้วตั้งท่าจะนอนต่อ แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ทำไมหมอนข้างของเขาหายใจได้ ?
มันก็ต้องเป็นชองยุนโฮ ?!!
ในใจรีบสั่งให้เขาแอ๊บ ... ไม่สิ ให้โวยวายแล้วแกะตัวเองออกมา แต่ทำไมเขาถึงอยากนอนเฉย ๆ ต่อไปแบบนี้ ไม่อยากแกะหมีนี่ออกไป รู้สึกว่ามันอบอุ่นและรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก คิมแจจุงกำลังเป็นอะไร ?
แต่หิวแฮะ
นอนนิ่ง ๆ ไปซักพักก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานไม่ได้กินข้าวเย็น แต่นอนกินบ้านกินเมืองเลยมานานจนเช้าไปแล้ว พอคิดมาถึงตรงนี้ ท้องเขาก็ร้องพอดี เสียงดังเสียจนน่ากลัวว่าจะปลุกยุนโฮตื่นเลยหรือเปล่า ร่างเล็กรีบไถตัวอย่างเนียนออกมาจากอ้อมกอดนั้น ตัดสินใจว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อน ถ้ายุนโฮถามว่าทำไมเราถึงนอนกอดกันค่อยว่ากันอีกที
แกะตัวเองออกมาสำเร็จปุ๊บก็ลุกออกมาจากห้อง นาฬิกาเรือนเล็กที่ติดอยู่บนฝาผนังบอกเวลาว่าตอนนี้หกโมงครึ่ง เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการเป็นคน ร่างบางเดินลงบันไดมาเรื่อย ๆ ตั้งใจจะทำกับข้าวรออีกสามคนนั้นตื่น แต่พอลงมาก็พบกับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะนั่งอยู่ข้างล่างในตอนเช้าขนาดนี้
ซีวอนดูอิดโรย ราวกับนอนไม่พอ ใบหน้าหล่อเหลานั่นปรากฎความหมองคล้ำที่แจจุงมองดูแล้วรู้สึกสงสัย ร่างสูงดูเหม่อลยอ แม้เขาจะหยุดเดินแล้วจ้องใมนระยะใกล้ยังไม่รู้ตัว
“ซีวอน”แจจุงลองเรียกดูเสียงค่อย ๆ”ซีวอน เป็นอะไรน่ะ”
ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา จนเมื่อแจจุงเพิ่งระดับเป็นตะเบ็งเสียงนั่นแหล่ะซีวอนถึงได้สะดุ้ง
“นายเป็นอะไรน่ะซีวอน!!”แจจุงถามเสียงดัง กลลัวว่าใช้ระดับเดินคนถูกถามจะกลบไปเหม่ออีก”แล้วพี่ฮีชอลหายไปไหน?”
ถามไปเพราะสองคนนี้อยู่ด้วยกันเสมอ แต่ยิ่งถามก็ยิ่งทำให้อีกคนดูแย่ลง ซีวอนหน้าอมทุกข์ลงทันทีแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า
“ไปแล้ว”
“ไปไหน?”แจจุงรู้สึกว่าเขาไม่เข้าใจซีวอน แต่ทว่าความเงียบคือคำตอบ ดูเหมือนซีวอนจะพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ยิ่งสังเกตแจจุงยิ่งรู้สึกหวาดกลัว”เขาหนีออกจากบ้านเหรอ?”
“ฮีชอลบอกว่าขอเวลาซักพัก”เสียงต่ำ ๆ ของซีวอนดูพยายามควบคุมอารมณ์ไว้อย่างยิ่งยวด”ไม่ต้องตามหาเขา”
“จะบ้าเหรอ!?!”รู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที แจจุงโวยวายออกมาตามนิสัย แต่เมื่อมองใบหน้าที่เศร้าหมองของอีกฝ่ายก็อ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้ว่าอีกฝ่ายทรมานใจมากแค่ไหนที่ต้องปล่อยฮีชอลออกไปทั้ง ๆ ที่มีทางรั้งไว้ ทั้ง ๆ ที่อยู่ตรงหน้า”อยาก...เอ่อ ...อยากตามหามั้ย ฉันว่าพี่ฮีชอลคงหลบไปอยู่ที่บ้านเก่าของฉันแหล่ะ”
ซีวอนส่ายหน้า ดูเหม่อลอย
“ฉันไม่อยากให้ฮีชอลลำบากใจ”คำตอบนั้นอดทำให้แจจุงยิ้มไม่ได้ สงสัยสองคนนี้คงได้ใจตรงกันจริง ๆ แล้วล่ะมั้ง แจจุงขอเดาไว้ว่าคงมีปัญหากันเรื่องความขี้กลัวของฮีชอลแหง ๆ
“ซีวอนชอบพี่ฉันจริงมั้ยล่ะ?”คำถามนั้นได้รับการตอบอย่างรวดเร็ว ซีวอนพยักหน้า แต่ก็ได้แต่จมกับความเศร้าต่อไป แจจุงตัดสินใจเลิกถามแล้วเดินออกมาทำกับข้าวเตรียมไว้แทน ในหัวก็ครุ่นคิดอย่างหนักเกี่ยวกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
เดี๋ยวฮีชอลก็คงจะกลับมา ...
แล้วเรื่องก็จะจบด้วย ทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปชั่วนิรันดร์
แจจุงยิ้มหวานกับภาพอนาคตของคู่อันดับหนึ่งในดวงใจของเขาด้วยสีหน้ามีความสุข เริ่มเพ้อไปเรื่อยเปื่อย แต่เมื่อเจอเสียงดัง ๆ ของยุนโฮที่ตะโกนมาจากข้างบนก็ทำให้ตะหลิวหล่นลงพื้นเสียงดัง
“แจจุง!!!!”
“อะไร!!!”ตะโกนกลับไปซะ ไม่รู้ว่ายุนโฮตะโกนทำไมแต่เขาขอตะโกนข่มไว้ก่อน
“อยู่ไหน!!!”
“ไม่บอก!!!!”
แจจุงก็ไม่ได้รู้เลยว่าเสียงตัวเองบอกตำแหน่งสุด ๆ ส่วนยุนโฮก็ไม่ได้คิดจะเดินตามทิศทางเสียงแม้ซักนิด
“บอกมา!!”
“ไม่บอก!!”
ทะเลาะกันแต่เช้า แต่เมื่อแจจุงมองนาฬิกาก็สะดุ้ง รีบทำข้าวผัดให้เสร็จ ๆ ไปไม่งั้นเขาอาจจะได้กินในร่างแมวแทน และในตอนที่แจจุงกำลังจะตักคำแรกของอาหารเช้าใส่ปาก มือของใครบางคนก็ดึงมันออกไปเสียแบบนั้น ร่างบางเงยหน้าขึ้น เพียงเพื่อจะพบว่ายุนโฮยัดข้าวผัดคำนั้นใส่ปากตัวเอง
“อร่อย”แล้วก็ชมหน้าตาเฉย
“ยุนโฮ”
“อีกคำดิ”ยุนโฮตักอีกคำใส่ปาก แล้วก็ยื่นจ่อใส่หน้าแจจุง”อ่ะ กินดิ”
“ยุน --”แจจุงอ้าปากเถียง แต่เมื่อสบตากับอีกฝ่ายก็เกิดอาการเขินขึ้นมาเสียดื้อ ๆ”อ่า ...”
อ้าปากแบบนั้นก็โดนสิ ยุนโฮยันซ้อนจนมันกระแทกฟันแจจุงเสียงดัง ร่างบางจ้องตาถลน แต่ปากก็เคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ เพราะตัวเองก็หิวเหมือนกัน ยุนโฮวางช้อนแล้วไปหยิบจานมาตักข้าวมากินบ้าง ทั้งสองคนนั่งกินข้าวเงียบ ๆ อยู่แบบนั้นซักพัก จนกระทั่งยุนโฮเริ่มพูดก่อน
“พี่ฮีชอลไปไหนอ่ะ ?”
“ไม่รู้สิ”แจจุงเองไม่ได้ตั้งใจจะกวนตีนนะ แต่ไม่รู้จริง ๆ”เห็นซีวอนบอกว่าเห็นเค้าอยากใช้เวลาทบทวนหัวใจอีกซักนิด”วรรคนี้ซีวอนก็ไม่ได้พูด แต่ขอเติมเอง ยุนโฮพยักหน้าหงึก ๆ อย่างเข้าใจ หน้าตาดูเป็นจริงเป็นจังกับความทุกข์โศกของเพื่อน
“สองคนนี้คงได้ลงเอยล่ะนะ”
“นายเตรียมตัดชุดเพื่อนเจ้าบ่าวได้เลย”แจจุงแนะนำ”เดี๋ยวฉันไปหาสาว ๆ ซักคนเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้พี่ฮีชอล”
“นายนั่นแหล่ะเป็นเพื่อนเจ้าสาว”ยุนโฮกวาดตามองขึ้น ๆ ลง ๆ ถ้าเกิดเอาทิชชู่ให้แจจุงซักสองม้วน แล้วก็เอาเสื้อตัวใหญ่บังไหล่ที่กว้างตามสัดส่วนผู้ชายของแจจุงก็หลอกตาคนทั่วไปได้อยู่”เออ ถ้าเพื่อนฉันกับพี่ชายนายแต่งงานกัน อยู่กินกันเรียบร้อย นายก็จะมีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ซีวอนน่ะสิ”
“เออเนอะ”แจจุงเห็นด้วย”อ้าว ฉันก็เจอนายบ่อยอ่ะดิ่”
“อือ แน่นอน”ยุนโฮเองก็เห็นด้วย แจจุงวางจานใส่ลงในอ่างแล้วยกน้ำมาดื่ม ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก แต่ใจก็ลอยไปถึงเรื่องของคำว่าแต่งงานกันทั้งคู่
ถ้าเขาแต่งงานกับ ...ยุนโฮ
แจจุงมองไปที่ยุนโฮแล้วก็วางจานลงกับอ่างล้างจานแรง ๆ
ไม่มีทาง ชิ
ในบ้านรกขึ้น ฝุ่นจับหนาเป็นนิ้วตามเฟอร์นิเจอร์ ฮีชอลตบเบาะโซฟาเบา ๆ ฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้นมา หันไปมองนาฬิกาก็ถอนหายใจเบาๆ เมื่อพบว่ามันตายไปแล้ว เขาไม่ได้เปลี่ยนถ่านมาตั้งนาน ร่างบางย่นจมูกเมื่อออกแรงสะบัดฝุ่นที่โซฟาให้หายไปให้หมดเพื่อเตรียมนอน ฮีชอลเดินไปกดเปิดแอร์ แต่น่าเศร้าที่เขารับรู้ว่ามันไม่มีไฟฟ้าให้เขาใช้ ก็เล่นค้างจ่ายมาหนึ่งเดือน
“ตอนนี้ยังทันน่า”เสียงคิบอมลอยตามมา ฮีชอลหันไปช้า ๆ แอบตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าคิบอมเดินเข้ามาด้วย”เพิ่งเที่ยงคืนกว่า ๆ เอง ไปจ่ายเงินแถวร้านสะดวกซื้อก็ได้”
“อื้อ”ฮีชอลก็ว่าจะทำแบบนั้น ร่างบางเดินขึ้นห้องนอนชั้นสอง ในห้องยังคงเป้นเหมือนเดิม ของทุกยอ่างของเขายังเหมือนเดิม ร่างบางคว้ากระเป๋าสตางค์ที่วางไว้ข้างเตียงมานับเงิน ในหัวหวนกลับไปหาความทรงจำก่อนที่เขาจะไปอยู่ที่นั่น ตอนนั้นเขายังตกงานอยู่สินะ ปัยหาพวกนี้ถูกลืมเลือนจากสมองไปแล้ว และตอนนี้มันก็กลับมาอีกครั้ง
ร่างบางเดินลงมาข้างล่าง รู้สึกดีขึ้นมากที่ฝุ่นหายไปหมดด้วยฝีมือของคิบอม ร่างสูงนั่งเปิดทีวีดูสบายใจเฉิบทั้ง ๆ ที่ไฟถูกตัด เมื่อฮีชอลมองแหล่งกำเนิดไฟฟ้าอันเดียวในบ้านด้วยความสงสัย คิบอมก็รีบหันมาชี้แจง
“จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ โทรศัพท์ให้แล้วน่า”
“อ้าว”ฮีชอลถึงกับงง เป็นพ่อมดนี่ก็ง่ายดีเหมือนกันนะ”เท่าไหร่น่ะคิบอม เอาไปก่อน นี่ สามหมื่นวอน”
“ไม่เอาน่า”ร่างสูงโบกมือ แบงค์ในมือฮีชอลก็วิ่งเข้าไปในกระเป๋าตังค์ แถมปิดตัวเองเรียบร้อยเสียอีก ร่างบางเลิกคิ้วน้อย ๆ”เดี๋ยวให้ดงแฮมาอยู่เป็นเพื่อน”
“นี่นายช่วยฉันเพื่ออะไรเนี่ย?”เพราะมันมากเกินไปถึงได้ไม่ไว้ใจ ฮีชอลจ้องหน้าคิบอมอย่างหาเรื่อง ร่างสูงยักไหล่
“ก็แค่อยากช่วยเฉย ๆ”
“คยูฮยอนให้นายมาทำอะไรเนี่ย?”คิบอมขำพรืด สงสัยคยูฮยอนจะหาเรื่องสนุกมากไปหน่อยจนโดนคนสวยไม่ไว้ใจขนาดนี้”บอกมาซะนะคิบอม”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ก็แค่อยากช่วยเฉย ๆ”คิบอมยักไหล่ เขาทำแบบนั้นจริง ๆ”ดงแฮขอร้องมาด้วยก็เลยมาทำให้”
“ดงแฮรู้ได้ไงว่าฉันมีปัญหา”
“เขาบอกว่าให้ฉํนคอยดูนายไว้ ถ้าโดนคยูฮยอนแกล้งมากไปก็ช่วยซะบ้าง”พ่อมดผู้รักภรรยาตอบตามจริง ดงแฮห่วงเหยื่อทุกรายของคยูฮยอนนั่นแหล่ะ”นายไปนอนซะเถอะ”
“ดงแฮล่ะ?”ฮีชอลเองก็อยากจะเจอกับคนใจดีคนนั้นเหมือนกัน คิบอมเลิกคิ้ว ร่างสูงคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วจัดการต่อสายไปถึงดงแฮ ฮีชอลยืนมองอยู่แบบนั้นด้ซักพัก คิบอมก็วางสาย
“เดี๋ยวดงแฮจะมาอีกซักสองชั่วโมง”ร่างสูงชี้แจง”ก็รอหน่อยแล้วกัน ตอนนี้นายไปนอนซะเถอะ”
“อื้อ”ฮีชอลพยักหน้า”ขอบใจนะคิบอม”
“ไม่เป็นไร”ร่างสูงโบกมือก่อนที่จะลุกขึ้นยืน”แล้วก็ ... อย่าปล่อยให้ปัญหามันทิ้งตัวนานเกินไปนะฮีชอล”
“อื้อ”ตอบรับด้วยคำเดิม แต่ใบหน้าสวยก็หม่นหมองลงทันทีราวกับปิดสวิทช์ วินาทีต่อมาคิบอมก็เลือนหายไปจากการมองเห็น ร่างบางเดินช้า ๆ ขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง ในระหว่างที่เปิดแอร์ การที่ได้กลับมาอยู่นิ่ง ๆ ตัวคนเดียวก็ทำให้สิ่งที่เขาหยุดคิดไปได้ซักพักกลับมาอีกครั้ง
เพดานสีขาวดูว่างเปล่าและเยือกเย็น บ้านของเขาก็ยังเป็นบ้านของเขา แต่ความอบอุ่นที่เคยมีมันกลับเลือนหายไปเสียแล้ว หลับตาลงเพื่อให้ตัวเองหลับไปซะ แต่ความง่วงที่คิดว่ามีก็กลายเป็นสิ่งที่อันตรธานไป มีแต่ความหนักอึ้งวนเวียนอยู่ในสมอง
เจ็บสินะ ...
คิดอะไรไม่ออก ใบหน้าที่เศร้าสร้อยของซีวอนวนเวียนอยู่ในความทรงจำเบื้องหน้า ตราตรึงอยู่แบบนั้น หาหนทางกำจัดไม่ได้ ร่างบางเม้มปาก เรื่องราวในสมองไหลเวียนไปเรื่อยเปื่อย ... ก่อนที่จะดิ่งลงสู่ห้วงนิทรา
“นายน่ารักจังเลย ฮีชอล”เสียงชมจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าดังขึ้น ฮีชอลลูบผมอย่างเก้ ๆ กัง ๆ รู้สึกเขินอายที่มีคนมาชมเขาแบบนี้ แชยอนยิ้มกว้างแล้วกระโดดเข้ามาเกาะแขนเขาไว้”ออกไปเที่ยวได้แล้ว นายหล่อแล้วน่า”
ทั้งสองคนเดินไปด้วยกันตามถนนหนทาง พูดคุยกันและหัวเราะ ราวกับโลกนี้เป็นสีสันที่สดใส ความรู้สึกในตอนนั้นเขายังจำได้ ฮีชอลมองตรงไปที่ใบหน้าสวยของผู้หญิงที่เขารัก ในหัวก็มีเสียงก้องขึ้นมา
“ฉันชอบนายจริง ๆ นะฮีชอล”
“ฉันก็ชอบเธอ แชยอน”คำพูดนั้นทั้งสองคนโต้ตอบกันจนชิน มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับพวกเขา คำพูดหวาน ๆ พวกนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในแต่ละวัน ทั้งสองคนหัวเราะให้กันอย่างร่าเริง ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
“นายน่ะมันโง่ โง่ที่สุดเลย”แชยอนหัวเราะเสียงใส มือก็ควงแขนชายหนุ่มอีกคนไว้แน่น บนใบหน้าที่พูดได้ว่าหล่อกว่าเขาหลายเท่านั้นก็มีรอยยิ้มเยาะประดับอยู่ มองครั้งใดก็เหมือนถูกมีดกรีดจนเจ็บแปลบ ฮีชอลก้มหน้านิ่ง ความรู้สึกเดินช้าลงเรื่อย ๆ รับรู้แต่เพียงว่าเขากำลังเจ็บปวด”ฮีชอล เราเลิกกันเลยก็ได้นะ ตอนนี้ตัวจริงของฉันเขากลับมาแล้ว ดังนั้นเราก็จบกันแค่นี้”
ฮีชอลพึมพำตอบรับ แต่ไม่ทันที่จะได้หลบไปชำระบาดแผลลึกในใจ คางมนก็ถูกนิ้วมือเรียวเล็กเชยขึ้นมา แชยอนมองใบหน้าของอดีตคนรักอย่างพินิจพิเคราะห์ ใบหน้าที่บางครั้งก็สวยกว่าเธอเสียอีก
“หน้าตาก็ดีนะ ไม่ได้แย่เหมือนอุดมการณ์ภาพฝันอะไรนั่น”แชยอนกำลงหมายถึงอุดมคติของเขา ที่อยากจะมีคนรักดี ๆ ซักคน อยู่อย่างพอเพียง อะไรก็ว่าไปนั่น”เอาล่ะ ... ฮีชอล ลาก่อนนะ”
รอยยิ้มหวาน ๆ ถูกส่งมาเป้นครั้งสุดท้าย และแล้วคนรักของฮีชอลคนแรกในชีวิตก็เดินจากไปกับใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก หัวเราะให้กันได้อย่างร่าเริงกับความโง่เง่าของเขา ฮีชอลขมวดคิ้ว ร่องรอยน้ำตาร้อน ๆ ที่ไหลลงมาบนใบหน้าทำให้เขาต้องยกมือขึ้นปาดออกช้า ๆ
เข็ดแล้ว ... ไม่เอาอีกแล้วกับคำว่ารัก
รู้สึกเหมือนตกเหว วูบไปทั้งตัวจนต้องสะดุ้งตื่น ฮีชอลลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาบนหน้าผาก ฝันร้ายครั้งเก่าของเขาหวนกลับเข้ามาในความทรงจำ ร่างบางยกมือขึ้นปิดหน้า รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเต็มกำลัง
“ซีวอน...”ฮีชอลพึมพำด้วยน้ำเสียงสั่นครือ”ฉันไม่รู้ .. ไม่รู้จะทำยังไงดี บอกฉันที”
เจ็บ ... เจ็บไปหมดแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มาอย่างอืดตายตอนเปิดเทอม ช็อคจนแต่งไม่ออกไปนิดนึงตอนช่วงข่าวพี่ชิน บ๊ะ เพิ่งเคยรู้สึกถึงการร้องไห้ไปหัวเราะไปก็ตอนนี้แหล่ะ
พี่นาริ ดูแลดี ๆ นะเออ อย่าทำให้พี่ชินเสียใจหล่ะ !!
เปิดเทอม ทำความสะอาดห้องของพี่ม.หกที่ออกไปแล้ว .. และ HOLYSHIT แมลงสาบทั้งหมดแปดตัวตายสุมกันในห้อง อยากจะเจอพี่เค้าแล้วถามจริง ๆ ตอนพี่เรียนพี่อยู่กันแบบคนจริงเหรอ
ตอนนี้คาดเดาว่าอึมครึม บอกแล้วว่าอะไรก็เปลี่ยนไปได้ คู่ที่หวานโคตรอาจจะโศกสนิทก็ได้ 5555
อย่าจะบอกว่า เรื่องนี้จะจบตอนประมาณเกือบ ๆ สามสิบนะ ซึ่งก็ใกล้แล้ว แอบบงงว่าทำไมไวจัง 555 (แต่เรื่องรวมเล่มไม่รู้เน้อ ถ้าสามสิบตอนก็คาดเดาว่าเรื่องนี้ราคา 300 กว่าบาท (ซึ่งในเล่มคงไม่ได้มีแค่เรื่อง อาจจะมีโดจิน(ฝีมือคนแต่ง?)ใส่ลงไปด้วย คิคิ))
เวิ่นโบนามาน่ากันต่อ หกห่อสาว ๆ (?) ทำเอาเลือดพล่าน แน่นอนว่าเพลงนี้เราจะเต้นอีกแล้ว ค้นพบว่าท่อนโซโล่ได้แค่สี่วิ ... และยอมแพ้ทันที
ถ้ารักเอสเจก็ช่วยกันหน่อย TT
ทุกคนพอใจกะคะแนนมิวสิกแบงค์รึเปล่า เมื่อวานมีนนั่งดู เอสเจชนะได้แค่ยอดขายนะ
ยอดทดลองฟัง ยอดผู้ชม น้อยกว่าฝั่งตรงข้ามมาก ๆ (ยอดผู้ชม = 0 ตกใจเลย - -)
อยากให้เอลฟ์ช่วยกัน ตอนนี้ก็นั่งฟังอยู่ในเว็บเมล่อน
มันจะมีป๊อบอัพเด้งขึ้นมา รอมัน Install ซักพัก ติดตั้งเสร็จกดปิดแล้วเปิดใหม่ ฟังเพลงจนจบหนึ่งนาที ย้ำ จบหนึ่งนาที ปิดป๊อบอัพ ฟังใหม่
มีนทำแบบนี้มานานแล้ว จนมึนเมามีอินอา
ถ้าอยากเห็นเอสเจดีใจก็ช่วยกันทำนะคะ เพราะอาทิตย์หน้าคู่แข่งน่ากลัวมาก (WG)
ทำวันละครั้งก็ยังดี :)
อย่าให้คนที่พูดว่า 'ไหนล่ะแฟนคลับหกแสนห้าหมื่นคน อัลบั้มนี้มันแป้กอยู่แล้ว' ได้ใจ
ร่วมกันทำให้เอสเจภูมิใจที่มีแฟนคลับที่พยายามเพื่อพวกเขาอย่างเราด้วยนะคะ
รันทด หดหู่ ซึมซึน ทะมึน โอ๊เยเย๊ !!
พักนี้มาต่อช้าเพราะมัวแต่ไปวางพล็อตเรื่องใหม่แหล่ะ
ใครเคยรีเควสนะว่าอยากอ่าน White love story ภาคสอง ได้แบบนั้น .. แต่ไม่ใช่แบบนั้น - -;
คือมีนตั้งใจจะแต่งเหตุการณ์ช่วงรราว ๆ ปี 2012 (ไม่ใช่โลกแตก) เป็นตอนที่เอสเจโดนเอสเอ็มจับแยก พูดง่าย ๆ คือเอสเจวงแตก (เจ็บ T_T) จะแต่งออกมาเป็นแนวเรียลลิสติกผสมฟิคชั่นนิด ๆ ดีมั้ย ?
จะเน้นธีมของเรื่องเป็นความจริง ค่อนข้างกดดันและหดหู่
ลองกดโหวตดู นักอ่านเงาก็ฝากกดด้วยเน้อ
| ||||
| ||||
Name : บี คิม< My.iD > |
ความคิดเห็น