คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : :: 22 คิดไปเอง (100%)
{22}
คิดไปเอง
เวลาผ่านไปแล้วสองวันที่ฮีชอลออกไปจากบ้าน บ้านเงียบลงนิดหน่อย ส่วนมากยุนโฮกับแจจุงจะคุยกันเองเพราะพยายามชวนซีวอนคุยแต่ไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก อย่างมากก็หันมายิ้มเนือย ๆ แล้วคุยต่อสองสามคำ กลับไปเหม่อต่อ ยุนโฮก็พูดว่าที่ทำงานไม่เป็นแบบนี้ เพราะสมองส่วนเศร้ากับงานของซีวอนคงจะอยู่คนละส่วนกัน เพราะร่างสูงยังคงเหมือนปกติทุกประการ
ความสัมพันธ์ของยุนโฮกับแจจุงก็คงจะพูดได้ว่าดีขึ้น อัตราการทะเลาะลดลงบ้างเล็กน้อย แต่ทุกครั้งมักจะจบด้วยการหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของแจจุงและยุนโฮ โดยที่มีซีวอนนั่งดู ระยะนี้เขาพยายามหาอะไรทำให้ยุ่งวุ่นวายเข้าไว้ เพราะถ้าปล่อยให้ว่าง ภาพที่เขาเห็นก็คงจะเป็นฮีชอล
ป่านนี้จะทำอะไรอยู่ จะอยู่ที่ไหน กับใคร
มีแต่คำถามประเภทแบบนี้ผุดขึ้นมาในหัวตลอดเวลาจนซีวอนรู้สึกเอือมระอากับตัวเองไปแล้ว เขายอมรับว่าชอบฮีชอลในตอนแรกเพราะหน้าตา แต่ถ้าบอกให้ตัดใจตอนนี้ก็คงจะไม่ทันในเมื่อเขาแทบจะรักไปแล้ว ถ้าเขาจะเลิกความพยายามง่าย ๆ ก็คงไม่ใช่เขา
รักสมัยนี้ดูฉาบฉวย เกิดจากความหลงรูปกันทั้งนั้น บางทีฮีชอลอาจจะไม่แน่ใจในจุดนี้ก็เป็นได้
ไม่รู้ว่าจะยืนยันยังไง....
แต่คงต้องถอยระยะห่างมาอีกนิดสินะ
“อย่างนั้นเลยแจจุง!!!”โหวกเหวกโวยวายกันมาแต่ไกลสำหรับยุนโฮและแจจุง คนไม่ยอมไปทำงานนั่งหมุนลานหนูยางเคลื่อนที่ให้แจจุงไล่ตะครุบ แมวสีขาวก็ไล่กระโดดตามอย่างสนุกสนาน ลืมไปนิดหน่อยว่าที่จริงตัวเองเป็นคน ไม่ใช่แมวที่คอยไล่จับหนูยาง ซีวอนมองตามภาพนั้นแล้วก็ถอนหายใจอย่างเศร้า ๆ ใจก็นึกไปถึงแมวสีส้มอีกตัวที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ก่อนที่จะลุกไปจากที่ตรงนั้นเพื่อหาที่อื่นที่ดีกว่า แต่เขาก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อเดินผ่านประตูหน้าบ้าน วัตถุสีส้มแปร๋นสะดุดตาเกาะอยู่บนหน้าต่าง ซีวอนขยี้ตาด้วยความตกใจ
แน่นอนว่าไอ้สีส้มที่ซีวอนเห็นก็คือฮีชอล คนขี้กลัวอยู่คนเดียวจนพอเลยกลับมาที่นี่ แต่พอกลับมาก็มาเจอกับภาพน้องชายตัวเองกำลังมีความสุขสดชื่นแจ่มใสอยู่กับยุนโฮ พอมานึกถึงเรื่องตัวเองแล้วก็กลับเศร้าขึ้นมาเสียแบบนั้น
ใครบอกกันว่าสิ่งที่หวานก่อนมันจะหวานจนจบปลาย ไม่ใช่ว่าหวานจนเลี่ยน สุดท้ายก็ต้องหาอย่างอื่นมากินแทน
ถ้าเป็นยุนโฮกับแจจุง ... ระยะเมื่อก่อนเรียกว่าเปรี้ยวจี๊ดจนแสบปาก ตอนนี้คงต้องบอกว่าเปรี้ยวอมหวานเสียมากกว่า ทั้งสองคนดูมีความสุข ถึงแม้จะยังทะเลาะกันบ้างก็ตาม แต่ไม่รู้สิ ... เขามองเห็นความจริงใจของยุนโฮ บางทีมันอาจจะแตกต่างกันก็ได้ คนส่วนใหญ่มองเรื่องของคนอื่นได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ในเรื่องที่เป็นของตัวเอง ... อาจจะกลายเป็นคนปัญญาทึบไปเลยก็มี
ที่ฮีชอลกลับมาครั้งนี้ ก็เพราะอดรู้สึกผิดไม่ได้ที่จากไปโดยที่ทิ้งความคลุมเครือใจไว้ให้คนที่เหลือ โดยเฉพาะซีวอนที่คงจะไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไปถึงได้ขออะไรแปลก ๆ ไปแบบนั้น แล้วก็ .. พอจำได้ว่าเวลาที่มีกำลังหายไปช้า ๆ จนน่ากลัว เหลือเวลาอีกนิดเดียวเท่านั้น จะว่ายาวก็ยาว สั้นก็สั้น
เขาควรจะกลับมา ... พิสูจน์เสียทีว่าซีวอนคิดอย่างไรกับเขากันแน่
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นทำให้แมวน้อยหันควับไป ซีวอนเดินเข้ามาอุ้มร่างเล็ก ๆ สีส้มขนฟูขึ้นมาลูบเบา ๆ อย่างใจลอย ไม่มีคำทักทายระหว่างแมวกับเจ้านายซักพยางค์ ฮีชอลทอดตัวลงพิงอ้อมกอดอีกฝ่าย รู้สึกใจหายเหมือนกันที่ไม่มีการทักทายหวาน ๆ แบบที่เคย แต่ไม่ทันขาดความคิด ซีวอนก็ยกร่างเล็ก ๆ ขึ้นมาจนติดใบหน้าแล้วกระซิบเสียงเบา
“ขอโทษนะครับ...”คำพูดนั้นยิ่งหลอมละลายใจอีกคนให้อ่อนยวบขึ้นไปอีก ฮีชอลยกอุ้งท้าขึ้นเขี่ยเสื้ออีกฝ่ายอย่างลืมตัว”ขอโทษที่ทำให้อึดอัด ... ผมจะปรับปรุงตัวนะ”
แมวสีส้มร้องเหมียวเป็นเชิงตอบรับแล้วยกศีรษะขึ้นซุกใบหน้าซีวอนเบา ๆ ร่างสูงลูบขนนุ่ม ๆ อย่างใจลอยและปลอ่ยฮีชอลลงกับพื้น ฮีชอลเองก็รู้ดีว่าระยะห่างกำลังห่างกันไปเรื่อย ๆ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อตอนแรกเลือกที่จะเป็นแบบนี้เอง
คงต้องรอจนเป็นคนล่ะมั้ง ?
แมวตัวน้อยกระโดดเข้าบ้านไปนอนอยู่ที่เดิม แจจุงกับยุนโฮยังไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ากลับมาแล้ว ฮีชอลก็ได้แต่คาดเดาไปว่าคงกำลังจมอยู่ในโลกส่วนตัวไม่หาย ร่างเล็ก ๆ ของแมวเดินอย่างซึมเศร้าไปนอนขดตัวอยู่ในที่เดิมแล้วหลับไปในไม่ช้า
ใช่แล้ว เรื่องของคนอื่นเขารู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่ถ้าเป็นเรื่องของตัวเอง ..แม้แต่ความรู้สึกง่าย ๆ ที่ต้องแบ่งแยกให้ออกว่า ‘ชอบ’ หรือ ‘ไม่ชอบ’ ยังลำบากขนาดนี้ ....
เรื่องของหัวใจเป็นเรื่องที่ลำบากจริง ๆ
นาฬิกาชี้ไปที่เลขเจ็ด อากาศข้างนอกเริ่มเย็นลง ท้องฟ้ามืดลงเรื่อย ๆ แจจุงเทกับข้าวใส่จานกระเบื้องสีขาวแล้วเหลียวมองรอบตัว ไม่มีสัญญาณว่ามีคนกลับมาหรือยัง ยุนโฮกับซีวอนไปทำงานตั้งแต่ตอนบ่าย ส่วนฮีชอล เห็นอยู่ว่ากลับบ้านมาแล้วแต่ก็ยังหลับอยู่ อันที่จริงอยากปลุกขึ้นมาให้ทำกับข้าวด้วยกัน แต่สังเกตว่าพี่ชายมีออร่าเศร้าทะมึนรายล้อมเลยไม่กล้าทัก
“เป็นอะไรกันไปหมดน้า~”แจจุงบ่นหงุงหงิงกับตัวเอง มือก็กวนซุปในหม้อไปด้วย อดคิดเรื่อยเปื่อยไปด้วยไม่ได้”ซีวอนก็เบลอ ... ชิ เบลอออกไปหายุนอาเนี่ยนะ ...ชิ”
มันก็ใช่ เมื่อวานยุนอามาหาที่บ้าน ดีที่ทิฟฟานี่ไม่ได้มาด้วย แต่ถ้าจะให้มองในสายตาของว่าที่น้องภรรยาซีวอนอย่างเขา(?) ซีวอนมีพัฒนาการในการตัดบทขึ้นนิดหน่อย แต่ก็แค่นิดเดียว แจจุงยังคงสังหรณ์ใจว่าเรื่องของคู่นี้คงอีกนานกว่าจะจบ
“เฮ้ย! ร้อน”ซุปกระเด็นใส่มือจนแจจุงโวยวาย มันเดอือดได้ที่แล้ว แต่เพราะร่างบางมัวแต่คุยกับตัวเองถึงได้ไม่สังเกต แจจุงยกหม้อนั้นลงแล้วชะเง้อคอมองราวกับกำลังเฝ้ารอให้ใครบางคนกลับมาทานกับข้าวฝีมือเขา คนที่โผล่มากลับไม่ใช่คนที่อยากเจอเสียแบบนั้น ฮีชอลในสภาพสะลึมสะลือเดินมาหยุดที่ประตูก่อนที่จะกวาดตามองไปรอบ ๆ
“มีไรให้กินบ้างอ่ะแจจุง?”
“โห ...กลับบ้านทั้งที่ไม่มีทักน้อง หาข้าวกินก่อนเลย”น้องชายส่งเสียงแซวทันที แต่ถ้อยคำบางอย่างในนั้นกลับทำให้ฮีชอลชะงัก”แล้วนี่ไปไหนมาเนี่ย ไม่มีบอกกล่าวกันหรอก หนีไปนอนที่อื่นมาตั้งนาน”
บ้านเหรอ ...
แจจุงคิดว่าที่นี่อบอุ่นขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“กลับบ้านเราน่ะ”ฮีชอลย้ำชื่อสถานที่ซักหน่อย รอยยิ้มจืดจางไปอย่างว่องไว แจจุงชะงักราวกับจับความผิดปกตินั้นได้”คือ ไม่ต้องสงสัยนะว่ากลับได้ยังไง พี่มีคนช่วยน่า ...แล้วตอนนี้มีอะไรกินมั้ยแจจุง หิวข้าว”
“ก็ทำกิมจิจิเกไว้”แจจุงจัดแจงบอกรายการอาหาร”แล้วก็มีคิมบับหน่อยนึงน่ะ”
“กิมจิจิเก ของโปรดของยุนโฮนี่นาแจจุง”ฮีชอลนึกขึ้นมาได้พอดีว่ายุนโฮเคยเปรย ๆ ว่าอยากกิน”แน่ะ ..เดี๋ยวนี้มีการทำของโปรด ไม่เบานะแจจุง ...?”
“คิดเมนูไม่ออกต่างหาก”คนโดนแซวหน้าขึ้นสี ในใจก็รู้สึกเสียศูนย์ที่ถูกจี้จุดจนเหมือนเดินตกเหว เห็นรอยยิ้มกวน ๆ ของพี่ชายยิ่งรู้สึกเขิน”อย่ามองแบบนั้นเด้ !!!”
“มีความสุขก็ดีไป”ฮีชอลถอนหายใจ ชั่ววูบที่ร่างบางก้มหน้าให้พ้นสายตาน้องชายลงมายิ้มเศร้ากับตัวเอง เรื่องของใครหลายคนก็เป็นแบบเขา เริ่มต้นด้วยความสวยงาม ตอนจบก็ไม่ได้สวยงามเสมอไป”กินข้าวกัน”
“ไม่รอพวกนั้นเหรอ?”แจจุงหมายถึงเจ้าของบ้านตัวจริง แต่หัวข้อนี้ก็ทำให้ฮีชอลนึกขึ้นได้ ร่างบางมีสีหน้าเครียดลงไปทันทีเมื่อนึกถึงหัวข้อที่ติดค้างอยู่ในใจ
“แจจุง พี่ถามอะไรอย่างหนึ่ง”สีหน้าของคนถามดูเครียดเสียจนแจจุงอดรู้สึกตามไปด้วยไม่ได้”ถ้าเกิดว่า...เราลืมแบบหนังน้ำเน่า แล้วกลับไปเป็นคน เรื่องบ้าน เรื่องงานเราจะทำยังไง? อย่าลืมนะว่าเราตกงานกันอยู่ เพราะถ้าหากเราไม่คิดอะไรกันเลย ... ถึงเวลาจริง ๆ แล้วจะลำบากนะ”
ฮีชอลพูดรวดเดียวจนหมด ความจริงข้อนี้ทำให้แจจุงนิ่งไป ... เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าการที่เขาตกงาน กินเหล้าจนเมาแล้วดันเดินไปเตะพ่อมดหนุ่มจอมกวนประสาทนั่นเข้าจะก่อเรื่องราวน่าปวดหัวยืดยาวมาได้ถึงตอนนี้ ร่างบางขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า
“ผมไม่รู้....”
“พี่เองก็ไม่รู้”
ทั้งสองคนดูหนักใจ แต่ในหัวก็คิดหาทางออกไม่ออก ความเงียบโรยตัวเข้ามาสร้างบรรยายกาศน่าอึดอัด ทั้งฮีชอลและแจจุงความคิดต่างลอยล่องไปไกลถึงเรื่องในอนาคต ก่อนที่สติจะกลับคืนมาเมื่อช้อนเงินในมือแจจุงร่วงลงกระทบกับชามข้าว
“กินข้าวเถอะ”ฮีชอลรีบแทรกขึ้นมา และสองพี่น้องก็ต่างก้มหน้าก้มตากินข้าวโดยปราศจากเสียงคุยกันอย่างมีความสุขเหมือนทุกที เพราะเรื่องในภวังค์ของทั้งสองคนที่ดึงให้จิตใจถ่วงหนักไปด้วยความสับสน
รับประทานอาหารเย็น(ตอนค่ำแล้ว)กันเสร็จ แจจุงก็ล้างจาน ส่วนฮีชอลรีบเดินเก็บบ้านให้เรียบร้อย ตั้งใจจะนอนเลยเพื่อหลีกเลี่ยงบทสนทนากับซีวอนตอนเป็นคน ซึ่งก็ทันเวลาพอดีกับที่สองคนนั้นกลับมาบ้าน ร่างบางก็หลบไปนั่งดูดาวอยู่ข้างนอกระเบียงเสียแล้ว ปล่อยให้แจจุงรับหน้าไปว่าฮีชอลอยู่ไหน แต่ท้องฟ้าตอนนี้กลับไม่ปลอดโปร่งแบบที่อยากให้เป็น เมฆทึบม้วนตัวอยู่บนท้องฟ้า ดูอึมครึมเหมือนอารมณ์ของเขาในตอนนี้เป๊ะ
“ฉันจะทำยังไงดีนะ...”คางมนเกยเข้ากับเข่าที่ชันไว้ ท่ทางของเขาในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนอกหัก เพียงแต่น้ำตาไม่ได้ไหล และฝนก็ไม่ได้ตกมาซ้ำเดิม ร่างบางมองไปในท้องฟ้าสีมืดราวกับเห็นคำตอบอยู่บนนั้น.. แต่สำหรับเขา คำตอบมันก็ถูกบดบังด้วยเมฆ
ไม่รู้จะต้องรออีกเมื่อไหร่ฟ้าใส ๆ ถึงจะมาแทนที่ ...
นานเท่าไหร่กันนะที่เขาหวาดกลัวที่จะรัก นานแค่ไหนกันที่เอาอดีตมาเป็นตัวขวางกั้นว่าเขากำลังกลัว
รู้สึกแย่เหลือเกินที่เกราะเลวร้ายที่สร้างขึ้นมากันความเจ็บปวดกลับย้อนมาเล่นงานเสียเอง นี่ใช่ไหมบทลงโทษของการผิดสัญญาที่เคยบอกกับตัวเองไว้ว่าจะไม่รักใครอีก ตอนที่คิดไว้ก็มองว่ามันเหลวไหลเหมือนนิยาย ... เขาคิดถูก สุดท้ายเขาก็เผลอใจ
คิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย คงจะรักไม่ได้ ...
สุดท้าย ... ก็ได้รัก
“แต่ก็กลัว .... ทำยังไงดี ..ทำยังไง?”คำถามนั้นถูกวนอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้สึกทรมานเหลือเกินที่มองไม่เห็นทางออก ถึงแม้ว่าใจหนึ่งก็บอกให้เขาเปิดใจรับซีวอนเข้ามา แต่ก็ยังคงกลัว ... กลัวว่าสุดท้ายจะจากกันไป
“ยุ่งยากเหลือเกิน ชีวิต”พึมพำกับตัวเองซ้ำแล้วก้มหน้าลงมองความมืดตรงเข่าตัวเอง ฮีชอลหลับตาราวกับอยากพัก”ถ้ากลับไปเป็นแบบเมื่อก่อน .. ได้อยู่กับแจจุงสองคน ไม่ต้องทำอะไรก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องมาคิดมากแบบนี้...”
“ดีจริงหรือฮีชอล?”
คำทักทายนั้นทำให้คนเซ็งชีวิตสะดุ้งเฮือก ไม่ใช่ซีวอนแต่เป็นยุนโฮที่เปิดประตูออกมาส่งยิ้มเผล่ให้ ร่างบางถอนหายใจแล้วยินยอมให้อีกฝ่ายมานั่งข้าง ๆ ยุนโฮมองพี่ชายว่าที่แฟนในอนาคตอย่างลำบากใจ โดนแจจุงบังคับขู่เข็ญให้มาใช้ความเป็นนักเขียนของเขาพูดจาแบบมีอุดมคติเปลี่ยนใจฮีชอลให้ที เถียงแล้วว่าเขาไม่ใช่คนเขียนนิยายรัก แล้วก็ทำไม่ได้ แต่โดนมองด้วยสายตาเขียวปั้ดเลยต้องจำยอม
เอ้อ .. เห็นแก่ซีวอนที่นั่งซึมกะทืออยู่ด้วยนะ
พระเอกขี่ม้าขาวปั้นยิ้ม ทั้ง ๆ ที่ข้างในรวนไปหมด ไม่รู้จะพูดอะไรดีให้ฮีชอลกลับมาน่ารักเหมือนเมื่อก่อนได้ แจจุงถึงกับบอกว่าถ้าทำไม่ได้จะคว้ามีดในครัวมาเสียบเขาให้ไส้ไหล เขาจึงจำเป็นต้องทำ (รู้หรอกว่าแจจุงก็แค่ขู่ ... แต่ถ้าไม่ทำให้ก็คงโดนนี่นา) ฮีชอลยิ้มให้แล้วหันกลับไปมองอากาศว่างเปล่าเบื้องหน้า
เงียบกันไปนาน จนยุนโฮรู้สึกว่าตัวเองเป็นอากาศ ก็เขาเล่นไม่ได้พูดอะไรเลยนี่หว่า ไม่รู้จะพูดปลอบใจยังไง สงสัยเขาคงจะได้กลับไปเจอแจจุงเทศน์ยาวนานอีกล่ะมั้งที่ทำไม่สำเร็จ
“ยุนโฮ”ทำเอาร่างสูงสะดุ้งเฮือกเมื่อโดนเรียกกะทันหัน ยุนโฮหันหน้ามาหาฮีชอล แสงัจทร์อ่อนบางตกกระทบใบหน้าหวานจนดูเศร้า ๆ ไงพิกล นัยน์ตาคู่นั้นส่องประกายความรู้สึกโศกออกมาอย่างชัดเจน ฮีชอลเขี่ยพื้นเล่นนิด ๆ เหมือนกับลำบากใจในการพูด”ซีวอน...เคยมีแฟนมั้ย?”
“มีสิ ตั้งเยอะแน่ ..อุ๊บ”หลุดปากออกมาแล้วก็รีบปิดทันที เห็นสีหน้าของฮีชอลแล้วไม่กล้าเล่าแฮะ แต่โดนสายตาคาดคั้นที่มองแล้วไม่ต่างจากแจจุงเลยต้องเล่าต่อ กลัวหัวจะขาดเหมือนนะเนี่ย พี่น้องไม่ได้ต่างกันเลย”ก็...เยอะอยู่ เท่าที่นับ ๆ เมื่อก่อนก็เปลี่ยนมันอาทิตย์ละคนน่ะ”
“จีบสาวเก่งเหรอ?”
“ซีวอนน่ะ ปากหวานที่หนึ่ง”คำบอกเล่านั้นทำเอาร่างเล็กนิ่งไปทันที ยุนโฮท่าทางจะรู้ตัวว่าพูดอะไรผิดหู หมีขั้วโลกก็เลยเงียบ
กูขอโทษว่ะ ซีวอน กูขอโทษจริง ๆ
ได้แต่คิดในใจไปอย่างน่าสงสาร สรุปเขามาใส่ไฟเพิ่มหรือปลอบใจฮีชอลกันแน่?
“ฉันไม่รู้เลยล่ะยุนโฮว่าเขาคิดยังไงกับฉัน ไอ้สิ่งที่เขาพูดน่ะมันจริงมั้ยที่ว่าฉันน่ารัก แล้วก็เรียกฉันว่าที่รัก อะไรพวกนั้น”คำพูดไหลออกมายาวเหยียดตามอารมณ์ในใจ”ฉันเคยมีแฟน แล้วฉันก็รักเขาเพราะพูดว่ารักฉันมาก ๆ ฉันเชื่อเสียสนิทใจเลยล่ะว่าเขารักฉันจริง ๆ ไม่กี่เดือนต่อมาก็มารู้ว่าเขาหลอกฉัน เขาเห็นฉันเป็นแค่ของเล่นเท่านั้น ฉันก็เลยกลัว กลัวว่าซีวอนจะเป็นแบบผู้หญิงคนนั้น ฉันผิดเหรอยุนโฮ ที่ฉันไม่อยากเจ็บซ้ำซากอีก”
“เอ่อ...”ยุนโฮถึงกับไปต่อไม่เป็นกันทีเดียว เรื่องราวนั้น คนเล่าเล่าด้วยสีหน้าเฉยชา ไม่มีน้ำตาแสดงความเสียใจ แต่แบบนี้กลับน่ากลัวกว่าเล่าไปร้องไห้สะอึกสะอื้นไปเสียอีก นึกสงสารซีวอนขึ้นมาเสียเฉย ๆ เขาพอมองออกว่าคนนี้มันเอาจริง ถ้าเป็นผู้หญิงคนก่อน ๆ มีปัญหาแบบนี้มันยกเลิกนานแล้ว หยุดสนใจไปเลยถ้ายุ่งยากนัก แต่เพราะเป็นฮีชอล องค์ประกอบหลาย ๆ อย่างทำให้ความรู้สึกผูกพันนั้นฝังลึกลงไปมากขึ้น
“แล้วซีวอนชอบฉันเพราะอะไรล่ะ ความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชายมันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายแบบนั้น ไม่รู้นะ ฉันอาจจะคิดไปเอง เขาอาจจะคิดไปเอง คิดไปเองว่าต่างฝ่ายต่างรักกัน”
คำพูดนี้ดึงให้ยุนโฮต้องคิดตาม นั่นสิ แล้วที่เขาแอบคิดอย่างไม่มั่นใจว่าเขาชอบแจจุงนี่มันคือะไร ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาชอบผู้หญิงสวย ๆ มาตลอด มาสะดุดเอาตรงคิมแจจุงนี่ได้ยังไงก็ไม่รู้
รู้แค่ชอบที่จะโดนทำร้ายโดยฝ่ายนั้น ชอบให้แจจุงหัวเราะ หรือแสดงสีหน้าหงุดหงิดที่เห็นเป็นประจำนั่น แปลกมากที่แจจุงเคยคว้าแขนเขาไปตี ๆ แล้วเขาก็ยืนหัวเราะหน้าตาเฉย รู้สึกไม่ดีถ้าหากอีกฝ่ายหายไปกับศัตรูของเขา ชิมชางมิน
หรือเขาจะเป็นมาโซคิสม์จริง ๆ ?
หันไปหาฮีชอลอีกรอบ ทันเห็นหยดน้ำตาร่วงลงมาพอดี มันก็เพียงแค่หยดเดียว เหมือนกับคิมฮีชอลทนไม่ไหวแล้ว ร่างสูงอยากจะเอื้อมมือไปลูบหลังปลอบใจอะไรทำนองนี้ แต่ก็ไม่กล้า
คงจะมีแจจุงคนเดียวล่ะมั้งที่เขาจะนื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้อย่างไม่ลังเล
“ฉันว่านะ ถ้านายคิดเผื่ออนาคตไปว่าไม่มีความสุข มันก็จะไม่มีความสุขทั้งปัจจุบันและอนาคต”ยุนโฮเริ่มพยายามคิดหาอะไรน้ำเน่าที่น่าจะเอามาปรับสถานการณ์ได้”ความรักมันก็เหมือนการลงทุนนั่นแหล่ะ ยอมเสี่ยงเพื่อผลที่ดีกว่าจริงไหม?”
“ไปเอาของใครเค้ามาล่ะยุนโฮ”ฮีชอลยิ้มขึ้นมานิดนึง คำพูดพวกนี้ได้ยินบ่อยจะตายไป ยุนโฮหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ
“เจ็บเพราะรักน่ะฮีชอล ... ไม่ถึงตายหรอก”
คำพูดนั้นทำเอาถึงกับนิ่งกันไป ฮีชอลก้มหน้าลง กลับไปจมอยู่ในความคิดตัวเองอีกรอบ ส่วนยุนโฮก็ขยี้หัวตัวเอง แอบงงเล็กน้อยว่าเขาเข้าโหมดโรแมนติกแบบนี้ได้ยังไง แต่พอเจอกับปฏิกิริยาของฮีชอลที่เปลี่ยนไปบ้างแล้วก็ใจชื้นขึ้นมานิดนึง
ไม่โดนแจจุงเสียบแล้ว
ไม่ เขาพูดผิด
ไม่โดนแจจุงเอามีดเสียบแล้วต่างหาก
“ถ้าดูจากมุมของคนที่เป็นเพื่อนมันมาแล้วสิบกว่าปีนะ”มันที่ว่าก็คงไม่ใช่ใคร ฮีชอลเอียงหัวมาเล็กน้อยแสดงความสนใจ”ถ้ามันจีบเล่น ๆ เล่นตัวแบบฮีชอลน่ะ ...ทิ้งตั้งแต่วันแรกแล้วน่า”
“จริงนะ?”น้ำเสียงนั้นแผ่วเบา ยุนโฮรีบพยักหน้าอย่างแข็งขัน
“นานสุดแล้วนะฮีชอล ไว้ใจมันหน่อย ถ้ามันทิ้งก็ฝากแจจุงแก้แค้นก็ได้”คำพูดนั้นเรียกรอยยิ้มจากฮีชอลได้ ความรู้สึกอึดอัดในใจเริ่มคลายตัวออกไป อากาศรอบตัวดูสดใสขึ้น แสงไฟระยิบระยับที่เขาเห็นจากระเบียงดูสว่างไสวกว่าเดิมขึ้นมาในพริบตา ราวกับเบื้องลึกในใจของเขามันตัดสินใจแทนให้แล้วงั้นแหล่ะ”ซีวอนก็จริงจังกับนายนะ”
“ขอบใจนะยุนโฮ”ฮีชอลตอบกลับไป อดยิ้มออกมาอย่างสดชื่นไม่ได้”แต่ว่ากรณีของนาย จ็บเพราะรักของนายคงน้อยกว่าเจ็บเพราะถูกแจจุงทำร้ายมากกว่า”
“ก็คงเป็นแบบนั้น”ยุนโฮพยักหน้ายอมรับอย่างใจลอย แล้วก็ชะงักไปพอคิดได้ว่าฮีชอลแซวอะไร”ไม่ช่แบบนั้นซะหน่อย!”
“อย่าเขิน อย่าปากแข็ง อย่าซึนเดเระน่าว่าที่น้องเขย”ฮีชอลหัวเราะแล้วตบหลังมือยุนโฮเบา ๆ น้องเขยดูชะงักไปราวกับโดนน้ำสาดใส่เต็ม ๆ ทั้งบ่อ”ทำอย่างที่บอก ใจเย็น ๆ ถ้าเถียงมากนักก็ทำอย่างในนิยายของนายน่ะ”
“ทำไง?”ยุนโฮยังเอ๋ออยู่
“จูบไง ถ้าต่อย เตะ ตบมาก็จับจูบเลย”ทีเรื่องของตัวเองล่ะซึมเซา เรื่องของคนอื่นฮีชอลถึงกับระริกระรี้กันทีเดียว รอยยิ้มหวานกลับมากระจายเต็มใบหน้าอีกครั้ง ฮีชอลเสยผมสีอมส้มที่ตรงโคนเริ่มมีสีออกดำนิด ๆ ขึ้นไปด้วยสีหน้าแจ่มใส มือบางตบไหล่อีกฝ่ายอย่างให้กำลังใจ”สู้ ๆ นะน้องเขย”
“ครับ ...เฮ้ยยยย”ยุนโฮทำเสียงหลง หน้าเริ่มแดงขึ้นมาทีละนิด สายตาเสมองวิวข้างนอกที่มีแต่ยอดไม้ไหวเอนไปตามลม”ผมไม่ได้ ...”
“อย่าซึนเดเระน่า!”ฮีชอลรีบขัด”แจจุงน่ะปากแข็ง แต่เอาใจง่ายมาก ทนหน่อยเวลาตามใจแล้วโดนบ่นกลับมา ยิ่งบ่นมากแสดงว่ายิ่งชอบมาก”
“แปลกคน”แปลกจริง ๆ จนยุนโฮต้องวิจารณ์ แต่ในใจก็เต้นตึกตัก รู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แจจุงบ่นเขา สามเวลาก่อนและหลังอาหาร ก่อนอน ขนาดเป็นแมวยังส่งบทสวดภาณยักษ์ออกมาเป็นชุด
แสดงว่าแจจุงรักเขามาก ๆ เลยสินะ
“รู้ว่าแปลกน่า เวลาโดนด่าก็นับหนึ่งถึงสิบสามเข้าไว้ ใจเย็น ๆ”ยิ่งเห็นปฏกิริยาน้องเขยยิ่งรู้สึกขำ
“ฉันอาจจะเป็นมาโซคิสม์ก็ได้มั้งฮีชอล”ยุนโฮขอสารภาพความจริงออกมา”ชอบให้แจจุงด่า แจจุงข่วน ชอบโดนโมโห”
“ก็เข้ากันดีนี่ ซาดิสม์กับมาโซคิสม์”คนเป็นพี่ชายตอบด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ”ขอให้เรื่องของนายจบลงด้วยดีก็แล้วกันนะน้องเขย”
“โอเค คุณเพื่อนสะใภ้”ยุนโฮได้จังหวะก็ขอสวนกลับบ้าง ฮีชอลยิ้มบาง สัญญาณนั้นบ่งบอกว่าอะไรบางอย่างที่ฮีชอลสูญเสียไปชั่วครู่นั้นกลับคืนมาแล้ว อย่างน้อย ถึงไม่ได้เต็มร้อย เขาก็พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับใครบางคนแล้ว”แล้วนี่จะทำยังไงต่อไป”
“ไม่รู้สิ แต่คงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ทันทีหรอก ฉันน่ะ ..อีโก้สูงจะตาย”ฮีชอลยอมรับออกมาแล้วทอดสายตามองออกไปข้างนอก”แจจุง ถ้าอยากฟังชัด ๆ ก็ไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้”
คำพูดสุดท้ายตามมาด้วยเสียงร้องอุทานตกใจของใครบางคน พร้อมกับเสียงโครม แจจุงเปิดประตูระเบียงออกมาแล้วยิ้มแหย ๆ ใส่พี่ชาย ยุนโฮทำหน้าเหมือนเห็นผี เอาซะเหวอจนหมดหล่อกันไปทีเดียว
แล้วที่เขาพูดไป แจจุงจะได้ยินมั้ยเนี่ย !?!
“ชัดดีมั้ย”ฮีชอลท่าทางน่าจะชินแล้วกับน้องชายตัวเอง ร่างบางลูบผมแล้วอมยิ้มแก้เก้อ แจจุงมีท่าทางอาย ๆ จนยุนโฮรู้สึกหนาวยะเยือก ในใจก็เริ่มคิดไปต่าง ๆ นานาแล้วถึงข้อผิดพลาดในอดีตที่ผ่านมาไม่นานนี้
”ชอบให้แจจุงด่า แจจุงข่วน ชอบโดนโมโห”
แล้วมีอะไรอีกนะที่เขาพูดออกไป !?
ไม่นะ !!
“ไม่หรอก ได้ยินบางคำ เห็นออกมานานแล้ว”แจจุงนั่งลงข้าง ๆ พี่ชาย ข้างที่จะไม่ได้เห็นหน้ายุนโฮอย่างแน่นอน ฮีชอลอมยิ้ม อยากจะขำสองคนนี้ดัง ๆ แต่ติดที่ว่าเกรงใจ เล่นนั่งตัวแข็งกันทั้งสองฝ่ายเลยนี่หว่า”เลยมาตามน่ะ...”
“กลัวไม่มีคนกล่อมหรือไง?”
“หุบปากไปเลย”แจจุงทำหน้างอ แต่ก็ไม่กล้าวีนเหวี่ยง ฮีชอลกลอกตา รู้สึกเหมือนมีบรรยากาศหวานแหววลอยอยู่จาง ๆ รอบตัวจนรู้สึกเอียน สุดท้ายตัวกลางก็ตัดสินใจลุกขึ้น ไม่อยากเป็นก.ข.ค.กิตติมศักดิ์อีกต่อไป
“ไปไหนอ่ะ”แจจุงคว้ามือพี่ชายเอาไว้ ยังไม่กล้ามองไปที่หมีตัวโตที่นั่งอยู่อีกฝั่ง”อยู่ด้วยกันก่อนดิ่”
“เรื่องอะไรล่ะแจจุง”ฮีชอลหัวเราะแล้วบิดข้อมือให้ออกจากการเกาะกุมของน้องชาย”โชคดีนะ .. คิ”
ทิ้งเสียงหัวเราะประหลาด ๆ ไว้แล้วจากไป ให้ยุนโฮกับแจจุงอยู่กันตามลำพัง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
งานมาจากไหนมากมาย .. (วะ)
ทำเอา...เอิ่ม จะร้องไห้ !!! ถึงจะไม่กี่งานก็เถอะ แต่ยากมากกกก
ชีวะต้องปลูกถั่วงอก เพื่อรอให้ Cothyledon ทำ seedcoat หลุด และ radical จะได้ยาว ....
(บ้าไปแล้ว)
กลับมาต่อแล้ว อึมครึมแบบนี้แสดงว่าใกล้จะจบแล้ว คิคิ
อยากรวมเล่มไหมตัว ?
ปกสีฟ้า ๆ ที่เคยโพสไว้ แต่อาจจะแก้ให้สวยขึ้น TwT
ถ้ารวมจริง ๆ จะกันราคาไม่ให้เกิน 300 แน่นอนนนนนน
อนึ่ง เรื่องใหม่ชื่อ Delusion แค่แต่งบทนำ คนเขียนก็นั่งร้องไห้ไปแล้วยกนึง - -;
อสอง เรื่องใหม่จะตอบคอมเม้นแหล่ะตัว แอร๊ยยยยยยยย
กลับมาไวเล็กน้อย
เปิดจองแล้วนะต่ะเอง ใครกดจะซื้อแล้วไม่ซื้อบุกถึงบ้านนะเออ 5555555
ยังไม่ได้บั้มสี่ แอร๊ยยย TOT
งานเยอะมาก ๆ ตอนนี้ ฮืออออออ
คิดถึงทุกคนนะเออ อยากตอบคอมเม้น .. แต่ มันสายไปแล้ววว 55
เรื่องหน้าคนเม้นน้อย ๆ จะตอบอย่างเต็มเหนี่ยวเลยเอ้า
(แนวรันทดคนไม่ค่อยชอบอ่าน ไม่รู้ทำไม ออกจะน่ารักกกกกกก)
ความคิดเห็น