ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศาลเจ้า ,, ตำนานองค์พระจีน

    ลำดับตอนที่ #50 : ศีลข้อที่ 4 จากพระอรหันต์จี้กง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 406
      0
      8 พ.ย. 50

    บท4มุสาวาจามิชอบ

    วาจามิชอบเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดบาปอื่น ๆ การบรรยายธรรม ปาถาฐา ฯ จะต้องมีสาระในทางเสริมสร้าง จึงจะนับว่าเป็นนักพูดที่ได้รับความสำเร็จ
    คนค้าขายจะไม่ให้ผิดข้อมุสานั้นยาก ทางที่ดีเมื่อค้าขายได้เงินทองของเขามาแล้วแบ่งเงเนส่วนหนึ่งไปทำบุญทานอุทิศให้เขา และชดเชยความผิดของตนเสีย
    แต่ช่วยพูดจาส่งเสริมญาติธรรมจะต้องติดตามผล ให้วิเคราะห์ความทุกข์ของเขาจากความเป็นจริง อย่าพูกให้เขาหลับหูหลับตามารับธรรมะ อย่าเหมาว่ารับธรรมะแล้วจะหายจากโรคภัยนั้น ๆ หรือกินเจตลอดชีวิตแล้วตั้งตำหนักพระจะหายจากโรคมะเร็งได้
    จงส่งเสริมให้เขาเข้าใจหลักสัจธรรมด้วย มีกำลังความสามารถเท่าไรก็พูพไปเท่านั้น ไม่พูดเกินกำลังความเป็นจริง มีคำกล่าวว่า “พูดปดไปเพียงคำเดียวจะต้องหาคำโกหกมาปิดบังคำพูดนั้นอีกถึงสิบคำ” พูดปดบ่อย ๆ จะกลายเป็นความเคยชิน “วาจามิชอบเป็นอาวุธฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น” “อย่าเที่ยวได้ปากยื่นปากยาวไปบ้านเหนือบ้านใต้”

    พูดเพ้อเจ้อถือเป็นว่จามิชอบ แต่ถ้าพูดแบบอารมณ์ขันทำให้ผู้อื่นคลายทุกข์ได้ไม่ผิด เขายกย่องชมเชย ซึ่งแม้เจ้าจะดีอย่างที่เขาชื่นชมจริง แต่เจ้าก็ปฏิเสธคำชมด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนว่าไม่จริงอย่างนี้ไม่ผิด ทุกคนชอบฟังคำพูดที่ทำให้สบายใจ วาจาดีเป็นสะพานเชื่อมบุญสัมพันธ์
    ถามทุกข์สุข แนะนำปลอบโยน ชื่นชมให้กำลังใจ ชาติก่อนชอบนินทาว่าร้าย ชาตินี้จะถูกทำลายชื่อเสียงมีอุปสรรคถูกขัดขวางถูกด่าว่าพูดจาไม่มีใครรับฟังน้ำเสียงไม่ไพเราะ อ้ำอึ้งพูดกำกวมไม่ชัดเจนฯ ผู้ผิดศีลข้อมุสาใช้วาจามิชอบ จะบำพ็ญอย่างไรก็ไม่ได้สัมโพธิผล
    ศีลห้าไม่บริสุทธิ์ บกพร่องช้อใดก็ตาม จะไม่อาจบรรลุสัมโพธิมรรคทั้งสิ้น ผู้ผิดศีลข้อมุสาใช้วาจามิชอบ กลิ่นปากจะเหม็นเป็นประจำรักษาไม่หาย กลิ่นตัวแรง ยิ่งกินเนื้อสัตว์จะยิ่งกลิ่นตัวแรง กินเจจะทำให้คลายลง
    ผู้สำรวมรักษาศีล ใช้วาจาชอบ ปากจะมีกลิ่นหอมเหมือนดอกอุบลวรรณ ศพของผู้บำเพ็ญบางคนถูเผาแล้ว ฟันยังคงอยู่ไม่ถูกเผาไหม้ทั้งสามสิบสองซี่ก็มี ผู้ใช้วาจาชอบจะเป็นที่เชื่อถือยินดีแก่ตนทั้งหลายไม่ต้องมีสิ่งซ่อนเร้น จะไม่มีเสียงหยาบคายรบกวนหู รบกวนใจ

    พูดเกินความเป็นจริงบางอย่างด้วยเจตนาดีเพื่อฉุดช่วยนำพาเขาให้พ้นทุกข์ไม่ถือเป็นวาจามิชอบ “กวนใจ ทำลายสติ ให้เขาคิดมากลำบากใจ” “ทำลายสายสัมพันธ์ให้เขาแหนงหน่ายไม่ลงรอยกัน” “หยอกล้อล่วงเกินให้เขาอับอายเกิดปมด้อย” ฯลฯ เหล่านี้ล้วนผิดศีลมุสาใช้วาจามิชอบ มีเกร็ดประวัติเรื่องหนึ่ง ซึ่งท่านบรมครูขงจื้อถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจศิษย์ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นคือ เช้าวันหนึ่งศิษย์คนหนึ่งอยู่เวรทำอาหาร ข้าวต้มสุกแล้ว บังเอิญเศษอะไรชิ้นเล็กๆตกจากเพดานลงไปในข้าวต้ม ศิษย์ผู้นั้นกลัวจะเป็นอันตรายแก่ท่านบรมครู จึงตักเศษอะไรนั้นใส่ปากเพื่อพิสูจน์ว่ามันคืออะไร
    ท่านบรมครูชี้ให้ศิษย์อีกคนหนึ่งดู ศิษย์ผู้นั้นลุกขึ้นตรงเข้าไปว่ากล่าวติเตือนเพื่อนทันทีว่า “เสียมรรยาทแองกินอาหารก่อนท่านครู” ศิษย์ผู้ถูกกล่าวหาร้องปฏิเสธรีบชี้แจงความเป็นจริงด้วยความตกใจ ท่านบรมครูจึงเรียกชุมนุมศิษย์ทั้งหมดแล้วให้คติว่า “สิ่งที่ครูมองเห็นเองยังผิดต่อความเป็นจริงได้แล้วยิ่งเป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมาล่ะ จากปากที่สามต่อไปความเป็นจริงจะถูกบิดเบือนไปอีกเท่าไร...”

    ฉะนั้นก่อนจะสรุปความว่ากล่าวติเตียนใคร จึงให้ระวังคำมุสาวาจามิชอบ “ไม่อยากมีเรื่องกล่าวหาว่าร้าย ให้สงบปากสงบคำอย่าพร่ำพูด” อย่าพูดเอาแต่ได้ อย่าปักหลักพูดแต่ฝ่ายตัวเอง ให้ยืนอยู่เป็นฝ่ายเขา เห็นใจเขา ให้โอกาสเขา พูดเพื่อคนอื่นบ้าง ความบาดหมางจากวาจาจะน้อยลง
    มีคนสองระดับที่ไม่นินทาว่าร้าย คือ ผู้มีปัญญาระดับสูง และคนโง่ทึ่มที่สุด ปัญญาสูงเห็นสัจธรรมไม่หวั่นไหวในเสียงรบกวน คนโง่ทึ่มไม่เข้าใจในเสียงรบกวน คนสองระดับนี้จึงบำเพ็ญศีลข้อนี้ได้ดี
    จะพูดจานำพาคนมารับธรรมะ อย่าให้เขาเข้าใจผิดว่าเจ้ามีความพึงพอใจในตัวเขา ต้องเอาความเมตตาเป็นเจตนา อย่าเอาอารมณ์ ความรู้สึกพิสมัยเป็นเจตนา ญาติธรรมหนุ่มสาวต้องระวังเรื่องนี้ให้มาก อาชีพหมอดูทำนายทายทักดวงชะตาอาชีพดูทำเลที่ทาง(ฮวงจุ๊ย) ทนายความ อัยการ ผู้พิพากษาฯ ยิ่งต้องระวังวาจา
    พูดผิดพลาดพลั้งไปทำร้ายจิตใจ ทำลายชีวิตอนาคตเขา จะบาปมาก ผู้ไม่ผิดศีลมุสาไม่ใช้วาจามิชอบ ผู้ได้สำรวมปากคำมาสามชาติ ชาตินี้ปลายลิ้นจะแตะถึงจมูก ลิ้นมีสีแดงดังชาดทาไว้ ริมฝีปากอิ่มเกิดเป็นหญิงซี่ฟันจะกว้างหนา เป็นศรีภรรยาเป็นศรีสะใภ้

    แต่หากหญิงใดฟันห่าง ลมปากผ่านช่องฟันได้เป็นคนจับจ่ายไม่ยั้งเก็บเงินไม่อยู่ ฟันซี่เรียวเล็กเหมือนฟันหนู เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเจ้าเล่ห์เจ้ากล หญิงใดสุ้มเสียงอ่อนโยนนุ่มทุ้ม มีบุญวาสนาสูงส่ง ลักษณะภายนอกเหล่านี้เป็นเครื่องประกอบให้เจ้ารู้ไว้พิจารณาตัวเอง
    บกพร่องส่วนใดก็ให้แก้ไขด้วยการปฏิบัติบำเพ็ญในที่สุดลักษณะด้อยของเจ้าก็จะกลายเป็นลักษณะดีได้ พวกเจ้าเพ้อเจ้อ มุสา ใช้วาจามิชอบกันวันละมากมายพอๆกับกินข้าวใช่ไหม นี่แหละจะทำให้การปฏบัติบำเพ็ญของเจ้าถูกก่อกวน แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยเหมือนกับน้ำข้าวต้มใสๆ ดูเหมือนกับไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็ทำให้เจ้าบะดุดได้ สำรวมในศีลอย่างแท้จริง จึงเป็นการบำเพ็ญอย่างแท้จริง
    ผู้ได้รับวิถีธรรมแล้วไม่ถือศีลจะเป็นเพียงผู้มีบุญสัมพันธุ์ที่ผ่านเข้ามาในประตูพุทธะเท่านั้น ถือศีลได้บริสุทธิ์ หนึ่งศีลมีหนึ่งเทพยดาคุ้มครองรักษา ไม่สำรวมในศีล สิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพยดาไม่กล้าเข้าใกล้ อีกทั้งไม่อาจปกปักรักษา ถือศีลสำรวมวาจา จะเกิดปัญญามีวาทะศิลป็มีสง่าราศีลักษณะดีงาม
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×